Tuesday, 1 July 2025
ECONBIZ NEWS

รมว.สุชาติ ห่วงเหตุไฟไหม้โรงงานผลิตรองเท้า ย่านกิ่งแก้ว หวั่นตกงานกว่า 200 ชีวิต เร่งสั่งการอธิบดีกรมการจัดหางานเตรียมตำแหน่งงานรองรับ

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งกำกับดูแลกระทรวงแรงงาน ห่วงใยลูกจ้าง พนักงานโรงงานผลิตรองเท้า บริษัท วัฒนา ฟูตแวร์ จำกัด ในซอยกิ่งแก้ว 9 ต.ราชาเทวะ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ที่เกิดเหตุไฟไหม้โรงงานจนตัวอาคาร เครื่องจักรและทรัพย์สินเสียหายเกือบทั้งหมด และยังไม่แน่ชัดว่าจะมีการเลิกจ้างพนักงานลูกจ้างหรือไม่ จึงได้มอบหมายให้กระทรวงแรงงานติดตามดูแลให้ความช่วยเหลืออย่างใกล้ชิด ซึ่งตนได้สั่งการให้กรมการจัดหางาน  และกรมสวัสดิการคุ้มครองแรงงานลงพื้นที่พูดคุยกับตัวแทนโรงงานและพนักงาน ลูกจ้างที่ประสบเหตุ เพื่อหาทางออกและแนวทางช่วยเหลือให้ได้รับค่าชดเชยหรือหากถูกเลิกจ้าง ก็ให้กรมการจัดหางานเตรียมตำแหน่งงานในพื้นที่ใกล้เคียงรองรับ

นายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางงาน กล่าวว่า ได้มอบหมายนายธนภูมิ ชัยฤกษ์ จัดหางานจังหวัดสมุทรปราการ ลงพื้นที่ดูแลแรงงานที่ได้รับความเดือดร้อน เบื้องต้นทราบว่าบริษัท วัฒนาฟุตแวร์ จำกัด มีพนักงาน จำนวน 261 คน ซึ่งขณะนี้มีการหารือร่วมกันระหว่างกรมสวัสดิการคุ้มครองแรงงาน ตัวแทนโรงงาน และตัวแทนพนักงานซึ่งยังไม่ได้ข้อยุติ
 

การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ร่วมวงเสวนา ASEAN Sustainable Energy Week 2021 ชู 4 ปัจจัยหลักสอดคล้อง Smart Eco สู่การพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืน

นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยถึงการเข้าร่วมการประชุมและนิทรรศการนานาชาติด้านเทคโนโลยีพลังงานและสิ่งแวดล้อมนานาชาติ หรือ ASEAN Sustainable Energy Week 2021 ที่ผ่านมา ซึ่งมีการเสวนาในหัวข้อ “นวัตกรรมรากฐานพัฒนายั่งยืนสู่ไทยก้าวไกลระดับโลก” ภายใต้หัวข้อ “Smart Eco Industrial อุตสาหกรรมยั่งยืน” โดยระบุตอนหนึ่งว่า แนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมไทยที่ กนอ.มุ่งส่งเสริมเพื่อสนับสนุนให้เกิดความยั่งยืนและเป็นรากฐานในการจัดทำแผนแม่บทในอนาคต ที่ กนอ.ดำเนินงานอย่างเข้มงวด ขณะนี้มี 4 แนวทาง คือ...

1.) กนอ.จะนำแนวคิด BCG Economy ของรัฐบาลมาเป็นแกนหลักในการพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ ตลอดจนปรับใช้ในการดำเนินงานด้านต่างๆ ที่สอดคล้อง ประกอบด้วย เศรษฐกิจชีวภาพ (Bio Economy) เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) และเศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) ซึ่งการประสานงานเข้าด้วยกันจะก่อให้เกิดความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจ ความมั่นคงทางสังคม และความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อม 

2.) การดำเนินการลดก๊าซเรือนกระจก ภายใต้โครงการ Eco Efficiency ของ กนอ. โดยในปี 2563 สามารถลดก๊าซเรือนกระจกได้ 1.2 ล้านกิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (kgCO2e) สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 5 แสนกิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (kgCO2e) อาทิ การติดตั้งอุปกรณ์ประหยัดพลังงาน การติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ในสำนักงาน การจัดทำโครงการลดของเสียในหน่วยงาน เป็นต้น ขณะเดียวกันก็ดำเนินการต่อเนื่องมาถึงปี 2564 และคาดว่าจะลดก๊าซเรือนกระจกได้อย่างน้อย 7 แสนกิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (kgCO2e)

‘สมคิด จิรานันตรัตน์’ แนะธนาคาร ลูกค้า หน่วยงานกำกับ ปรับแก้ระบบชำระเงิน กันเงินรั่วไหล ยัน Mobile Banking ยังเป็นตัวเลือกที่ปลอดภัย เพราะโทรศัพท์เป็นทรัพย์สินส่วนตัว 

นายสมคิด จิรานันตรัตน์ ที่ปรึกษานโยบายด้านเทคเพื่อเศรษฐกิจดิจิทัล พรรคกล้า อดีตที่ปรึกษากรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย กล่าวถึงกรณีเงินรั่วไหลจากบัญชีของธนาคารที่เป็นกระแสข่าวอยู่ตอนนี้ว่า จุดรั่วใหญ่สุดน่าจะอยู่ที่ร้านค้าหรือแอปพลิเคชันที่ปล่อยให้มีการชำระผ่านบัตรเครดิต หรือเดบิต ที่หละหลวมเกินไป ทำให้เกิดกรณีการใช้โปรแกรมเดาเลขที่บัตรได้ 

ฉะนั้นวิธีแก้ไขที่ควรเร่งปฏิบัตินั้น สมคิด ได้แนะแนวทางต่อผู้เกี่ยวข้อง 3 ด้านดังนี้...

>> ด้านธนาคาร 
1.) ควรมีระบบ Fraud Detection (ระบบตรวจจับการทุจริต) ที่ป้องกันการเกิดเหตุการณ์ผิดปกติเช่นนี้
2.) ควรมีระบบเตือนให้ลูกค้าทราบทุกๆ รายการทาง Mobile Banking หรือ SMS
3.) ไม่ควรรับการชำระเงินจากร้านค้า หรือแอปพลิเคชันที่หละหลวมเช่นนี้ 

จีดีพีเกษตรไตรมาส 3 บวก 6.5% คาดทั้งปีทุกสาขาฟื้นตัว

นายฉันทานนท์ วรรณเขจร เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร และโฆษกกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงผลวิเคราะห์และประมาณการภาวะเศรษฐกิจการเกษตรในไตรมาส 3 ของปี 2564 (ก.ค. – ก.ย. 2564) ว่า เศรษฐกิจการเกษตรขยายตัว 6.5% ปรับตัวดีขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ที่หดตัว 1.1% เนื่องจากในปี 2563 หลายพื้นที่ของประเทศประสบภาวะภัยแล้งและฝนทิ้งช่วง ทำให้ปริมาณน้ำไม่เพียงพอต่อการผลิตทางการเกษตร ขณะที่ในปี 2564 สถานการณ์ดังกล่าวได้คลี่คลายลง ส่งผลให้ภาวะเศรษฐกิจการเกษตรตั้งแต่ไตรมาสแรกของปีนี้กลับมาขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง

สำหรับปริมาณน้ำฝนที่เพิ่มขึ้นตั้งแต่ปลายปี 2563 ถึงต้นปี 2564 ทำให้มีปริมาณน้ำสะสมในอ่างเก็บน้ำที่สำคัญและในแหล่งน้ำตามธรรมชาติเพิ่มขึ้น รวมถึงสภาพอากาศที่เอื้ออำนวยมากขึ้น และการเริ่มต้นฤดูฝนที่เร็วกว่าปี 2563 ทำให้เกษตรกรทำการเพาะปลูกได้มากขึ้น ประกอบกับราคาสินค้าเกษตรหลายชนิดปรับตัวดีขึ้น จูงใจให้เกษตรกรขยายการผลิต 

ทั้งนี้ แนวโน้มภาวะเศรษฐกิจการเกษตรปี 2564 คาดว่าจะขยายตัวอยู่ในช่วง 1.7 – 2.7% โดยสาขาการผลิตสำคัญ ได้แก่ สาขาพืช สาขาปศุสัตว์ สาขาบริการทางการเกษตร และสาขาป่าไม้ มีแนวโน้มขยายตัว เนื่องจากปริมาณฝนที่มีมากขึ้นในช่วงครึ่งปีแรก ส่งผลให้ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำและแหล่งน้ำธรรมชาติมีมากขึ้น เพียงพอสำหรับการเพาะปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์ และฤดูฝนที่มาเร็วกว่าปีที่ผ่านมา เกษตรกรเริ่มการเพาะปลูกได้เร็วและขยายพื้นที่เพาะปลูกมากขึ้น ประกอบกับการดำเนินนโยบายของภาครัฐในการส่งเสริมให้เกษตรกรมีการบริหารจัดการการผลิตและการตลาดที่มีประสิทธิภาพ มีการใช้เทคโนโลยีในการผลิต และยกระดับคุณภาพสินค้าให้ได้มาตรฐาน 

“บิ๊กตู่” สั่งตรึง "ดีเซล" 30 บาท ต่อลิตร  ชี้เห็นใจผู้ประกอบการ- ปชช. แต่ราคาน้ำมันพุ่งตามกลไกตลาดโลก  สั่ง ก.พลังงาน แจง 

ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถึง ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนจากราคาน้ำมันพุ่งสูงว่า รัฐบาลเข้าใจถึงความเดือดร้อน ของสมาคมขนส่งหรือสมาคมรถบรรทุก ซึ่งรัฐบาลได้พยายามดูแลอย่างเต็มที่ แต่สถานการณ์น้ำมันโลกเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และยังไม่รู้ว่าจะขึ้นอีกเท่าไหร่ 

ในช่วงที่ผ่านมาทุกรัฐบาลได้มีการบริหารจัดการในเรื่องนี้มาตลอด โดยการเอากองทุนน้ำมันออกไปช่วย ซึ่งเราก็ช่วยมาตลอด ทั้งที่ความจริงแล้วราคาน้ำมันสูงมากกว่านี้ เราจะพยายามตรึงราคาให้ได้ลิตรละ 30 บาท ซึ่งในราคานี้ต้องใช้เงินกองทุนน้ำมันเดือนละประมาณ 6,000 กว่าล้านบาท และสถานการณ์ปัจจุบันนี้ติดลบแล้วเราก็ต้องมาพิจารณาว่าอีกสองเดือนข้างหน้าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป 

“เห็นใจผู้ประกอบการขนส่งทุกคน แต่ที่สำคัญต้องเข้าใจสถานการณ์ราคาน้ำมันโลก ยังมีความขัดแย้งในหลายส่วน หลายกลุ่มด้วยกัน สถานการณ์น้ำมันยังคงเป็นอย่างนี้อีกระยะ รัฐบาลพยามตรึงให้ได้ลิตรละ 30 บาท ปัจจุบันเรามีน้ำมันอยู่หลายประเภท เช่น บี7 บี 10 บี 20 ราคา ซึ่งราคาต่างกัน เพราะมีส่วนผสมที่แตกต่าง โดยหากเราใช้เงินไปอุดหนุนราคาน้ำมันประเภทใดประเภทหนึ่งมากไป ก็จะทำให้น้ำมันอีกส่วนสูงขึ้น จะต้องดูตรงนี้ด้วย แต่เราก็จะคุมราคาน้ำมันดีเซลให้ได้ 30 บาทต่อลิตรก่อน” พล.อ.ประยุทธ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้จะทำอย่างไรให้กองทุนน้ำมันเกิดความคล่องตัว ต้องมาดูว่าหาเงินมาจากไหน  เงินกู้จะกู้ได้หรือไม่ ถ้าได้จะได้เท่าไร สิ่งเหล่านี้นายกฯ ได้พิจราณามาตลอด และเตรียมพร้อมในเรื่องนี้

ส่วนการเรียกร้องให้ราคาน้ำมันลิตรละ 25 บาท นั้นก็ต้องดูต้นทุนเป็นอย่างไร เรื่องน้ำมันมีปัญหาเยอะมาก เพราะเราใช้น้ำมันภายในประเทศมาก ต้องยอมรับว่า บ้านเราเจริญเติบโต ถนนหนทางพอดี จึงมีการใช้น้ำมันเยอะ  

"บิ๊กตู่" สั่งเตรียมพร้อมพื้นที่บลูโซน ปลดล็อกกิจกรรมรับต่างชาติ

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานพูดคุยและทำความเข้าใจกับสถานประกอบการต่าง ๆ ให้เข้าใจถึงสถานการณ์ และความจำเป็นในการดำเนินมาตรการของรัฐบาลกรณีการเตรียมพร้อมเปิดพื้นที่บลูโซน และแนวทางเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทย โดยไม่ต้องกักตัว สำหรับผู้ที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.เป็นต้นไป และขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วนปฏิบัติตามมาตรการ เพื่อให้สามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจควบคู่ไปกับการดูแลด้านสาธารณสุขของประชาชนไทย รวมถึงผู้ที่เดินทางเข้ามาในประเทศด้วย 

ทั้งนี้ การเปิดพื้นที่บลูโซนนั้นเป็นมาตรการเพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่น แรงจูงใจให้แก่นักท่องเที่ยวและผู้ประกอบการในพื้นที่ โดยสามารถกำหนดหรือปรับมาตรการป้องกันและควบคุมโรคให้เป็นไปตามระดับการจัดการตามพื้นที่เฝ้าระวังได้เอง และสามารถเปิดกิจกรรมได้ทุกประเภท ยกเว้นสถานบริการ สถานบันเทิง และสถานบริการอื่นในลักษณะคล้ายกันที่ยังไม่อนุญาตให้เปิด รวมถึงห้ามจัดกิจกรรมรวมกลุ่มคนมากกว่า 500 คน โดยการเปิดพื้นที่บลูโซนจะแบ่งออกเป็น 4 ระยะ ขึ้นอยู่กับความพร้อมของแต่ละพื้นที่ โดยเน้นการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนในพื้นได้เกิน 70% รวมถึงความพร้อมด้านสาธารณสุข อัตราการครองเตียงเหลืองแดงต้องไม่เกิน 80% สัดส่วนผู้ติดเชื้อรายใหม่จะต้องไม่เกิน 5-10 คน ต่อจำนวนประชากร 1 แสนคนต่อวัน 

กนอ.เซ็นสัญญาตั้งนิคมฯ ‘เอเพ็กซ์กรีน’ ในพื้นที่อีอีซี ดันฐานอุตฯ ใหม่ เชื่อ!! ดึงเงินการลงทุนได้ 64,000 ลบ.

การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ร่วมกับ บริษัท เอเพ็กซ์ ปาร์ค จำกัด จัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมเอเพ็กซ์กรีน อินดัสเตรียล เอสเตท พื้นที่กว่า 2,000 ไร่ เม็ดเงินพัฒนาโครงการ 1,767.73 ล้านบาท รองรับอุตสาหกรรมเป้าหมายที่มีศักยภาพสูง และสร้างฐานอุตสาหกรรมใหม่ คาดหวังโครงการก่อสร้างแล้วเสร็จจะก่อให้เกิดการลงทุนในนิคมฯ 64,000 ล้านบาท เกิดอัตราการจ้างงานเพิ่มประมาณ 16,000 คน

นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) กล่าวว่า เพื่อเป็นการส่งเสริมและเตรียมพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมรองรับการลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ตามนโยบายรัฐบาลในการพัฒนาพื้นที่โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor Development : EEC) โดยในวันนี้ (19 ต.ค. 64) ได้มอบหมายให้ นายอัฐพล จิรวัฒน์จรรยา รองผู้ว่าการ กนอ.ลงนามในสัญญาร่วมดำเนินงาน กับ บริษัท เอเพ็กซ์ ปาร์ค จำกัด จัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมเอเพ็กซ์กรีน อินดัสเตรียล เอสเตท เพื่อรองรับการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมสมัยใหม่ S-Curve และ New S-Curve 

โดยนิคมอุตสาหกรรมเอเพ็กซ์กรีน อินดัสเตรียล เอสเตท ตั้งอยู่ในพื้นที่ตำบลหัวสำโรง และตำบลแปลงยาว อำเภอแปลงยาว จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นการดำเนินงานในรูปแบบนิคมอุตสาหกรรมร่วมดำเนินงานที่เอกชนเป็นผู้ลงทุนพัฒนา และให้บริการระบบสาธารณูปโภค จัดเป็นนิคมอุตสาหกรรมลำดับที่ 66 โดยใช้ระยะเวลาพัฒนาโครงการประมาณ 2 ปี ซึ่งหลังจากประกาศเขตนิคมอุตสาหกรรมแล้ว คาดว่าจะสามารถเปิดดำเนินการได้ในปี 2566 

“โครงการนิคมอุตสาหกรรมเอเพ็กซ์กรีน อินดัสเตรียล เอสเตท เน้นกลุ่มนักลงทุนเป้าหมายที่ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงในกระบวนการผลิตเป็นหลัก เช่น กลุ่มผลิตภัณฑ์โลหะ เครื่องจักรและอุปกรณ์ขนส่ง ชิ้นส่วนยานพาหนะ อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ กลุ่มอุตสาหกรรมเบา กลุ่มกิจการบริการและสาธารณูปโภค กลุ่มเกษตรกรรมและผลผลิตจากการเกษตรที่มีความต้องการใช้น้ำต่ำ และกลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้รับการส่งเสริมตามโครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) โดยโครงการฯ ได้รับความเห็นชอบรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA : Environmental Impact Assessment) จากสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) แล้ว 

ครม. เคาะมาตรการกระตุ้นลงทุน ดึงต่างชาติซื้ออสังหาฯ แลกวีซ่าระยะยาว

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวซึ่งได้รับบัตรสมาชิกพิเศษ (Thailand Privilege Card) อยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ เพื่อการทำงาน และร่างหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการอนุญาตให้คนต่างด้าวซึ่งได้รับบัตรสมาชิกพิเศษ อยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษเพื่อทำงาน รวม 2 ฉบับ ซึ่งมีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการอนุญาตให้คนต่างด้าวซึ่งได้รับบัตรสมาชิกพิเศษ อยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ เพื่อการทำงาน รวมทั้งการกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการลงทุน เพื่อเข้าร่วมโครงการ Flexible Plus Program

สำหรับรูปแบบโครงการ Flexible Plus Program ผู้เข้าร่วมโครงการจะต้องลงทุนในประเทศไทยตามประเภทของการลงทุนที่กำหนด ในมูลค่าการลงทุนไม่ต่ำกว่า 1 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ ภายในกำหนดระยะเวลา 1 ปี นับจากเข้าร่วมโครงการและให้ผู้เข้าร่วมโครงการสามารถขอรับใบอนุญาตทำงาน (Work Permit) ในราชอาณาจักรได้ เพื่อให้สามารถรองรับกลุ่มนักลงทุนชาวต่างชาติที่มีคุณภาพและกำลังซื้อสูง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ กลุ่มธุรกิจ และภาคอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่อง

“บิ๊กตู่” สั่งจัดงานปีใหม่ให้ดึงศิลปินพื้นบ้านไทยร่วมด้วย 

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาถึงการจัดกิจกรรมในช่วงเทศกาลปีใหม่ ในรูปแบบร่วมกันระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน รวมถึงการพิจารณาถึงความเป็นไปได้ในการจัดคอนเสิร์ตโดยศิลปินไทย ศิลปินพื้นบ้านในพื้นที่ต่าง ๆ และกรุงเทพฯ เพื่อช่วยเหลือกลุ่มศิลปินที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และการกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศในช่วงสิ้นปี โดยย้ำให้ใช้จ่ายงบประมาณต้องเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุด และนายกฯ ยังบอกถึงการจัดประชุม ครม.สัญจร ในช่วงเดือนพ.ย.นี้ ในจังหวัดนำร่องพื้นที่ท่องเที่ยวด้วย

ทั้งนี้นายกฯ ยังขอทุกฝ่ายร่วมมือเตรียมความพร้อมเปิดประเทศตามเป้าหมาย ในวันที่ 1 พ.ย. นี้ โดยต้องกำหนดเงื่อนไขอย่างรอบคอบชัดเจนในการเปิดรับนักท่องเที่ยวจากกลุ่มประเทศต่าง ๆ เป็นไปตามเงื่อนไข ข้อตกลงระหว่างประเทศต้นทางและประเทศไทย ควบคู่กับการดำเนินมาตรการด้านสาธารณสุข สำหรับผู้เดินทางมาท่องเที่ยวและประชาชนในพื้นที่เกิดความมั่นใจในการดูแลด้านความปลอดภัยสาธารณสุข 

 

แบงก์ชาติเผยผลตรวจสอบ ดูดเงินจากบัญชี พบ 90% เป็นธุรกรรมบัตรเดบิต ใช้ซื้อสินค้าจากร้านค้าในต่างประเทศ มูลค่าความเสียหายกว่า 130 ล้านบาท

จากกรณีที่มีการแชร์ในสื่อสังคมออนไลน์ มีผู้เสียหายถูกดูดเงินจากบัญชี หรือ บัตรเดบิต จำนวนหลายครั้ง โดยไม่ทราบสาเหตุ ผู้เสียหายหลายรายถูกมิจฉาชีพเข้าถึงข้อมูลส่วนตัว แฮกบัญชีธนาคาร บัตรเดบิต และดูดเงินออกจากบัตรเดบิตผ่านเครื่อง EDC หรือเครื่องรูดบัตร แต่ไม่มี SMS แจ้งเตือน แต่ละครั้งจะถอนเงินจำนวนไม่มาก

ล่าสุด ธนาคารแห่งประเทศไทย โดย นางสาวสิริธิดา พนมวัน ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายระบบการชำระเงินและเทคโนโลยีทางการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และนายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย ในฐานะประธานสมาคม ธนาคารไทย แถลงข่าวร่วมกัน เพื่อแจงความคืบหน้า การตรวจสอบกรณีการตัดเงินที่ผิดปกติผ่านบัตรเครดิตและบัตรเดบิต ดังกล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top