Wednesday, 4 December 2024
ECONBIZ NEWS

Forbes เปิดโผ แบงก์ ICBC ครองเบอร์ 1 บริษัทมหาชนใหญ่สุด 9 ปีติด

นิตยสาร Forbes ประกาศการจัดอันดับบริษัทมหาชน 2,000 แห่ง ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ประจำปี 2564 หรือ (2021 GLOBAL 2000 : THE WORLD’S LARGEST PUBLIC COMPANIES) ปรากฏว่าอันดับ 1 ยังคงเป็นธนาคารอุตสาหกรรมและการพาณิชย์ของจีน (ICBC) ที่ครองแชมป์โลกมาอย่างยาวนานเป็นปีที่ 9 ติดต่อกัน

ขณะที่ ปตท. ยังคงครองอันดับหนึ่งของบริษัทมหาชนสัญชาติไทย โดยใน 1,000 อันดับแรก มีบริษัทจากไทยติดโผ 6 บริษัท


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

อินเตอร์ลิงค์ ลุยเจาะตลาดภาคใต้ จัดสัมมนาออนไลน์ อัปเดตโซลูชั่น สายสัญญาณและอุปกรณ์เชื่อมต่อ

คุณสมบัติ อนันตรัมพร ประธาน กลุ่ม อินเตอร์ลิ้งค์ฯ จัดสัมมนา Total Cabling & Networking Solution ให้กับกลุ่มลูกค้าจากภาคใต้กว่า 140 คน พร้อมนำทีมวิทยากรชั้นนำมา Update Solution สายสัญญาณและอุปกรณ์การเชื่อมต่อ ที่จะเข้ามาช่วยต่อยอดธุรกิจแก่กลุ่มลูกค้าภาคใต้โดยเฉพาะ Live จากสนง.ใหญ่ อินเตอร์ลิ้งค์ กรุงเทพฯ

‘อลงกรณ์’ ร่วมปกป้องเพชรบุรี ระดมพลคนเพชรฯ ผนึก 3 กระทรวง ‘เกษตร-สาธารณสุข-พาณิชย์’ สนับสนุนทีมจังหวัดเดินหน้ายุทธศาสตร์ ‘1ปิด1เปิด’ เร่งขจัดโควิด ‘สาธิต’ ยืนยันเตรียมส่งวัคซีนระดมฉีดโดยเร็ว ‘กลุ่มเพื่อนเฉลิมชัย’ พร้อมมอบเงินสนับสนุนโรงพยาบาลพระจอมเกล้า

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในฐานะอดีตส.ส.เพชรบุรี เปิดเผยวันนี้ว่า (21 พ.ค.) จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 จากคลัสเตอร์โรงงานแคลคอมพ์ ในอำเภอเขาย้อย จังหวัดเพชรบุรีที่รุนแรงมากขึ้น ตนจึงได้ประสานกับ 3 กระทรวง ได้แก่ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงพาณิชย์ พร้อมกับระดมพลคนเพชรบุรีและภาคเอกชนร่วมมือกันเดินหน้ายุทธศาสตร์ ‘1ปิด1เปิด’ สนับสนุนจังหวัดเพชรบุรีในการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในทันทีตั้งแต่วันพรุ่งนี้ เป็นต้นไป

จากการประสานงานกับทีมจังหวัดเพชรบุรีและดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในวันที่ 22 พ.ค. 64 (กรมปศุสัตว์โดยด่านเพชรบุรีจะส่งทีมฉีดพ่นฆ่าเชื้อปฏิบัติการในเขตอำเภอเขาย้อยตามพื้นที่ที่ทางศูนย์ปฏิบัติการส่วนหน้าอำเภอเขาย้อยที่มีรองผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้อำนวยการและนายอำเภอเขาย้อยกำหนด ทั้งนี้อธิบดีกรมปศุสัตว์พร้อมสนับสนุนทีมและน้ำยาฆ่าเชื้อมาเสริมเพิ่มเติมเพื่อสนับสนุนการฉีดพ่นฆ่าเชื้อในพื้นที่เสี่ยงในเขตอำเภอเขาย้อยและพื้นที่เฝ้าระวังในอำเภออื่น ๆ

นอกจากนี้ได้ประสานกับดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ยืนยันว่าทางกระทรวงสาธารณสุขจะเร่งส่งฉีดวัคซีนมาให้โดยเร็วที่สุด เช่นเดียวกับกรณีการระบาดของคลัสเตอร์ตลาดกุ้งและโรงงานในจังหวัดสมุทรสาคร

ส่วนการเปิดเศรษฐกิจนั้น ในวันอาทิตย์ 23 พ.ค.64 จะจัดทีมอีคอมเมิร์ซของกระทรวงเกษตรและกระทรวงพาณิชย์ บริษัทไปรษณีย์ไทย หอการค้า สภาอุตสาหกรรม AIC และทีมจังหวัดเพชรบุรีลงพื้นที่ตลาดกลางสินค้าเกษตรที่อำเภอท่ายางและอำเภอบ้านลาดเพื่อส่งเสริมการค้าการขายด้วยระบบอีคอมเมิร์ซตลาดกลางสินค้าเกษตร ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ ‘1ปิด1เปิด’ คือการเร่งปิดเกมโควิด-19 พร้อมกับเปิดเศรษฐกิจไปพร้อม ๆ กัน

ถ้าล็อคดาวน์อย่างเดียวคงไม่ได้ ต้องดูแลปัญหาเศรษฐกิจไปพร้อม ๆ กัน เพราะชาวบ้านต้องกินต้องใช้ ธุรกิจการค้าต้องประกอบการและเกษตรกรต้องขายผลผลิตทุกวัน อย่าง 2 วันที่ผ่านมาได้เร่งแก้ปัญหาโรคระบาดลัมปีสกินในวัวที่จังหวัดเพชรบุรีก็ใช้ยุทธศาสตร์ ‘ปิด1เปิด’ เช่นกันคือ ขจัดการแพร่ระบาดพร้อมกับผ่อนปรนให้ส่งโคจำหน่ายขายข้ามเขตไปโรงชำแหละได้สำเร็จเป็นครั้งแรกภายใต้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของกรมปศุสัตว์ด้วยความร่วมมือระหว่างกลุ่มเกษตรกร ฟาร์มวัว กรมปศุสัตว์และทีมจังหวัดเพชรบุรี

นายอลงกรณ์ กล่าวต่อไปว่า ตอนนี้มีโรงพยาบาลสนามโดยโรงพยาบาลพระจอมเกล้าเป็นผู้ดูแลได้เปิดรองรับผู้ติดเชื้อในจังหวัดเพชรบุรีหลายแห่งยังต้องการการสนับสนุนปัจจัยต่าง ๆ ซึ่งดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรฯ แจ้งว่ากลุ่มเพื่อนเฉลิมชัยพร้อมบริจาคเงินจำนวน 2 แสนบาทเพื่อสนับสนุนโรงพยาบาลพระจอมเกล้าโดยมอบนายอภิชาติ สุภาแพ่ง นายอรรถพร พลบุตรและ ดร.กัมพล สุภาแพ่ง เป็นตัวแทนมอบในวันจันทร์ที่ 24 พ.ค.นี้


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

ส.อ.ท. เผยโควิดระลอก 3 ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้ออย่างหนัก ล่าสุด พบคนจองรถในงานมอเตอร์โชว์ เลื่อนรับรถและยกเลิกการจองเพียบ หลังลูกค้าไม่มั่นใจเรื่องการเงิน อีกทั้งธนาคารปฏิเสธให้สินเชื่อรถยนต์มากขึ้น

นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้การระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ส่งผลกระทบให้ยอดการจองรถยนต์ในงานมอเตอร์โชว์ครั้งล่าสุด ที่มีจำนวนยอดจองกว่า 27,800 คัน มีผู้จองรถยนต์ในงานกว่า 30% ที่ขอชะลอการรับรถยนต์ออกไป รวมทั้งยกเลิกการจอง จากปกติที่ยอดชะลอการรับรถยนต์มีเพียง 5-6% เท่านั้น เนื่องจากลูกค้าไม่มั่นใจเรื่องการเงินในอนาคต รวมทั้งธนาคารปฏิเสธการให้สินเชื่อรถยนต์มากขึ้น ประมาณ 20-30% จากปกติที่จะปล่อยสินเชื่อให้เกือบหมด

อย่างไรก็ตามจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ยังมองว่า หากสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งกำลังระบาดอย่างหนักในช่วงนี้เริ่มค่อย ๆ คลี่คลายลง เชื่อว่า สถาบันการเงินต่าง ๆ จะกล้าปล่อยสินเชื่อได้ตามปกติ และตั้งแต่เดือนเม.ย.เป็นต้นมา มีลูกค้าเข้ามาในโชว์รูมรถยนต์ลดลงกว่า 50% เพราะหลีกเลี่ยงการออกนอกบ้าน ซึ่งทำให้บรรยากาศโดยรวมของตลาดรถยนต์ในประเทศตอนนี้เงียบเหงา

ทั้งนี้ กลุ่มยานยนต์ ส.อ.ท. ได้ตั้งเป้าหมายการผลิตรถยนต์ปี 64 ไว้ที่ 1.5 ล้านคัน แบ่งเป็นการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศและผลิตเพื่อส่งออกอย่างละ 750,000 คัน ซึ่งการผลิต จำหน่ายและส่งออกเม.ย.ปีนี้และรวม 4 เดือน (ม.ค.-เม.ย.) ปีนี้มีแนวโน้มว่าจะมีโอกาสเกินเป้าหมายดังกล่าวได้แต่ด้วยจากการแพร่ระบาดโควิด-19 รอบใหม่ที่มีผู้ติดเชื้อจำนวนมากที่จะกระทบต่อกำลังซื้อในประเทศ ประกอบกับการขาดแคลนเซมิคอนดัคเตอร์ (ชิป) ทั่วโลกที่มีการประเมินว่าจะลากยาวไปถึงปี 65 ทำให้กลุ่มฯ จึงต้องขอเวลา 2 เดือนติดตามสถานการณ์เหล่านี้ให้ชัดเจนก่อนที่จะมีการปรับเป้าหมายเพิ่มหรือไม่


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

ก.แรงงาน ประกาศพร้อมจัดฝึกทักษะฟรี! ทั่วประเทศ สร้างอาชีพให้ประชาชน ลดปัญหาว่างงานจากโควิด-19

นายธวัช เบญจาทิกุล อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (กพร.) กระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้เกิดปัญหาการว่างงาน และการถูกเลิกจ้างของพนักงานในสถานประกอบกิจการเป็นจำนวนมาก และมีความมั่นใจว่าสถานการณ์ของโรคโควิด-19 จะดีขึ้นตามลำดับหลังจากการฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนอย่างทั่วถึง และเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ในทุกพื้นที่ของประเทศ กระทรวงแรงงานโดยนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และศาสตราจารย์นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการประทรวงแรงงาน มีนโยบายเน้นย้ำว่าแรงงานยังคงต้องได้รับการพัฒนายกระดับทักษะฝีมือแรงงานเป็นแรงงานคุณภาพเพิ่มโอกาสในการมีงานทำหรือเป็นผู้ประกอบการอิสระได้ทันทีเมื่อสถานการณ์ดีขึ้นและเศรษฐกิจฟื้นตัว มีทักษะที่สอดคล้องกับเทคโนโลยีและตลาดแรงงานที่เปลี่ยนแปลงเพื่อสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขันและด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ของประเทศ กพร. กระทรวงแรงงาน ในฐานะหน่วยงานที่รับผิดชอบ ได้มอบหมายให้สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน (สพร.) และสำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงาน (สนพ.) ที่มีอยู่ทุกจังหวัดจัดฝึกอบรมหลักสูตรเตรียมเข้าทำงานเพื่อตอบสนองนโยบายดังกล่าว

นายธวัช กล่าวต่อไปว่า หลักสูตรเตรียมเข้าทำงานใช้ระยะเวลาการฝึกอบรมระหว่าง 3-8 เดือน แบ่งเป็นฝึกอบรมในสพร. สนพ. และฝากฝึกในสถานประกอบกิจการเพื่อเรียนรู้สร้างประสบการณ์ในการทำงาน ในแต่ละจังหวัดจะมีหลักสูตรการฝึกอบรมที่แตกต่างกันตามความต้องการของตลาดแรงงานในพื้นที่ เช่น ช่างซ่อมรถจักรยานยนต์ ช่างควบคุมเครื่องกัดและเครื่องกลึง CNC ช่างเขียนแบบเครื่องกลด้วยคอมพิวเตอร์ ช่างเชื่อมอาร์กโลหะด้วยมือ ช่างเดินสายไฟฟ้าภายในอาคาร สาขาเทคโนโลยีการควบคุมระบบอัตโนมัติในงานอุตสาหกรรม ช่างแต่งผมสตรี ผู้ประกอบอาหารไทย เป็นต้น ทุกหลักสูตรฟรี มีบริการหอพักให้สำหรับผู้ที่ไม่สะดวกเดินทางไป-กลับ ซึ่งแต่ละหลักสูตรรับจำนวนจำกัดเพื่อให้มีการเว้นระยะห่างทางสังคม โดยมุ่งเน้นกลุ่มเป้าหมายที่เป็นแรงงานใหม่ที่ไม่ได้อยู่ในระบบการศึกษา ผู้ถูกเลิกจ้างหรือว่างงาน และประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ที่ต้องการพัฒนาตนเองและพร้อมกลับสู่การทำงานเริ่มต้นอาชีพใหม่ คุณสมบัติของผู้เข้ารับการฝึกอบรมต้องมีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป เป็นผู้ประกอบอาชีพเกี่ยวกับสาขาที่สมัครหรืองานอื่นที่เกี่ยวข้อง

“ซึ่งขณะนี้สพร.และสนพ. เปิดรับสมัครหลักสูตรเตรียมการเข้าทำงานแล้ว และมีความพร้อมจัดการฝึก
ตามมาตรการป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 จึงเชิญชวนผู้สนใจเข้าฝึกอบรม ติดตามรายละเอียดการฝึกอบรมได้ที่ www.dsd.go.th Facebook : กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน หรือโทรสอบถามสายด่วนกระทรวงแรงงาน 1506 กด 4 หรือกองสื่อสารองค์กร กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน 02-245-4035” อธิบดีกพร. กล่าว

จุรินทร์ นำ "พาณิชย์" จับมือ หอการค้านานาชาติ ผลักดันการส่งออก "ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย"

วันศุกร์ ที่ 21 พฤษภาคม 2564 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึง การต้อนรับคณะกรรมการหอการค้านานาชาติหรือที่รู้จักในนาม ICC (International Chamber of Commerce) ซึ่งมีคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ นำโดย ดร.พจน์ อร่ามวัฒนานนท์ เป็นประธาน เข้าแนะนำคณะกรรมการชุดใหม่ พร้อมกับแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับกระทรวงพาณิชย์ 15.30 น.วานนี้ (20 พ.ค. 2564)

หลังการหารือ นายจุรินทร์ กล่าวว่า เป็นอีกครั้งหนึ่งที่กระทรวงพาณิชย์ได้มีโอกาสต้อนรับคณะกรรมการหอการค้านานาชาติหรือ ICC ที่มีคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ นำโดย ดร.พจน์ อร่ามวัฒนานนท์ เป็นประธาน เข้าแนะนำคณะกรรมการชุดใหม่พร้อมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับกระทรวงพาณิชย์ โดยหอการค้านานาชาติมีสมาชิกอยู่ทั่วโลก 130 ประเทศ มีบริษัทที่อยู่ภายใต้หอการค้านานาชาติทั้งหมด 45 ล้านบริษัท และประเทศไทยถือว่ามีหอการค้านานาชาติประจำประเทศไทยมากกว่า 20 ปีแล้ว โดยกระทรวงพาณิชย์ทำหน้าที่เป็นผู้สนับสนุนและประสานงานทำหน้าที่ร่วมกันมาโดยตลอด ภารกิจสำคัญของหอการค้านานาชาติคือทำหน้าที่เป็นตัวแทนภาคเอกชนของโลกซึ่งมีที่นั่งอยู่ใน UN ด้วย ในฐานะตัวแทนภาคเอกชน และทำหน้าที่ร่วมพิจารณากฎระเบียบด้านการค้า การลงทุนต่าง ๆ ที่จะออกมาบังคับใช้ในเวทีการค้าระหว่างประเทศ จะมีส่วนสำคัญในการส่งสัญญาณล่วงหน้าให้ภาคเอกชนไทยที่เป็นสมาชิกได้รับทราบเพื่อเตรียมการรองรับเมื่อกฎกติกาเหล่านี้ได้รับการบังคับใช้ ว่าจะเตรียมการล่วงหน้าอย่างไรในฐานะสมาชิก และกฎระเบียบต่าง ๆ ที่จะออกมาในอนาคตต้องมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงให้สอดคล้องกับสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนแปลง เช่น การให้ความสำคัญกับการค้าแบบอีคอมเมิร์ซมากขึ้น หรือให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมเป็นต้น เป็นทิศทางที่หอการค้านานาชาติจะได้ดำเนินการต่อไปภายใต้ความร่วมมือของหอการค้านานาชาติไทยด้วย

ด้าน ดร.พจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานคณะกรรมการบริหารหอการค้านานาชาติแห่งไทย กล่าวว่า สาเหตุที่มาวันนี้เหตุการณ์ของโควิดส่งผลกระทบที่รุนแรงกับเศรษฐกิจทั่วโลกและประเทศไทย วันนี้การส่งออกเป็นเครื่องจักรสำคัญมากที่สุดของเศรษฐกิจไทยที่เห็นความชัดเจนในการเติบโต การส่งออกทั่วโลกให้ความสำคัญและอุปสรรคในการส่งออกนำเข้า ICC มีเครือข่ายสามารถเข้ามาช่วยร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ขับเคลื่อนการเจริญเติบโตการส่งออกการค้าการลงทุนและแก้ไขอุปสรรคสามารถใช้เครือข่ายของ ICC ที่มี 130 ประเทศทั่วโลกผลักดันให้เพิ่มขึ้น

รายการข่าว สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า ภารกิจและบทบาทสำคัญของหอการค้านานาชาติก็คือ ทำหน้าที่เป็นตัวแทนภาคเอกชนของโลก ซึ่งมีที่นั่งอยู่ใน UN ด้วย ในฐานะเป็นตัวแทนภาคเอกชน และทำหน้าที่ในการร่วมพิจารณากฎระเบียบ ทางด้านการค้า การลงทุนต่าง ๆ ที่จะออกมาบังคับใช้ในเวทีการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งจะมีส่วนสำคัญถือเสมือนการส่งสัญญาณล่วงหน้าให้ภาคเอกชนไทยที่เป็นสมาชิกได้รับทราบด้วย เพื่อเตรียมการรองรับกรณีที่กฎกติกาเหล่านี้ได้รับการบังคับใช้ นอกจากนั้นกฎระเบียบต่างๆ จะต้องมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลง สอดคล้องกับสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนแปลงไป อย่างเช่น การให้ความสำคัญกับการค้าแบบอีคอมเมิร์ชมากขึ้น หรือการให้ความสำคัญกับเรื่องสิ่งแวดล้อม เป็นต้น ก็เป็นทิศทางที่หอการค้านานาชาติจะได้ดำเนินการต่อไปภายใต้ของหอการค้านานาชาติแห่งประเทศไทยด้วย 

กระทรวงพาณิชย์ มีกลไกสำคัญในการทำงานร่วมกับภาคเอกชน ได้แก่ สภาหอการค้า สภาอุตสาหกรรม สมาคมธนาคารไทย สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือ ในรูปแบบ กรอ. พาณิชย์ ตลอดรวมถึงหอการค้านานาชาติ ที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก ที่จะร่วมกันผลักดันการค้าการส่งออก นำรายได้เข้าสู่ประเทศ ซึ่งที่ผ่านมาได้ทำงานร่วมมือกันเป็นอย่างดี และแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในยุคโควิด เพื่อให้สามารถผ่านพ้นสถานการณ์นี้ สามารถเดินหน้าด้านการส่งออก ขณะนี้ประเทศไทยได้ผ่านพ้นจุดต่ำสุดของการส่งออกที่ตัวเลขติดลบมาแล้ว เมื่อเดือนมิถุนายน 2563 โดยการส่งออกเริ่มกลับมาเป็นบวกตั้งแต่เดือนธันวาคม 2563 เป็นต้นมา และคาดว่าตัวเลขจะกลับมาเป็นบวกอย่างต่อเนื่องในปี 2564 ซึ่งสะท้อนให้เห็นความร่วมมืออย่างแข็งขันระหว่างกระทรวงพาณิชย์และเอกชนที่ทำให้การส่งออกยังเป็นพระเอกดัน GDP ของประเทศให้เป็นบวกในปี 2564 นี้ต่อไป
 

จับตาค่าเงินบาท-ทองคำ เริ่มปรับตัวดีขึ้น

นายกอบสิทธิ์ ศิลปชัย ผู้บริหารงานวิจัยเศรษฐกิจและตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยแนวโน้มเงินบาทว่า ในช่วงนี้ค่าเงินบาทจะอ่อนค่ากว่าปกติ เนื่องจากตั้งแต่เดือนเม.ย.-พ.ค.นี้ ถือเป็นฤดูกาลของการจ่ายเงินปันผล ทำให้มีเงินบางส่วนไหลออกนอกประเทศไปบ้าง ซึ่งเรื่องนี้เป็นเพียงปัจจัยระยะสั้น โดยได้มีการประเมินว่า ในช่วงกลางปี เงินบาทจะอยู่ที่ประมาณ 31.10 บาทต่อดอลลาร์ ก่อนจะทยอยแข็งค่าขึ้นอย่างช้า ๆ จนถึงสิ้นปีค่าเงินบาทจะอยู่ที่ 29.75 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งเป็นไปตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจากสถานการณ์ของการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19

ด้านตลอดทองคำนั้น น.ส.ฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (วายแอลจี) กล่าวว่า ในระยะนี้ราคาทองคำมีโอกาสปรับขึ้นของราคาที่ 1,900 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หรือประมาณบาทละ 28,200 บาท หากสามารถผ่านระดับสูงสุดสัปดาห์นี้ที่ 1,889 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ 

ทั้งนี้อยากให้นักลงทุนระมัดระวังแรงขายทำกำไรในระยะสั้น เพราะราคาได้ปรับขึ้นมามากพอสมควรแล้ว หากต้องการเข้าซื้อแนะนำรอจังหวะย่อลงมาที่แนวรับ 1,850 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ แนวรับถัดไป 1,830 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หรือประมาณ 27,450-27,150 บาท ต่อบาททองคำ

กรมประมง เผย INFOFISH ร่วมกับไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมและจัดแสดงสินค้า ‘ทูน่าโลก ครั้งที่ 16’ ระหว่างวันที่ 19-21 พ.ค. นี้ ผ่านระบบออนไลน์ เป็นครั้งแรก คาดมีผู้เข้าร่วมมากกว่า 600 ราย เปิดโอกาสการเจรจาทางธุรกิจ พร้อมร่วมใจกันฝ่าฟันวิกฤตโควิด-19

เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2564 ณ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมกล่าวเปิดการประชุมและจัดแสดงสินค้า ‘ทูน่าโลก ครั้งที่ 16’ (The Sixteenth INFOFISH World Tuna Trade Conference and Exhibition-Virtual) หรือ ‘INFOFISH TUNA 2021’ ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 19-21 พฤษภาคม 2564 ผ่านระบบออนไลน์เป็นครั้งแรก ทาง www.tuna2021.vfairs.com

ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ผลิตภัณฑ์จากอุตสาหกรรมปลาทูน่า เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก และเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีห่วงโซ่คุณค่าทางการค้าสูง อีกทั้งตลาดสำหรับผลิตภัณฑ์ปลาทูน่าได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคทั่วโลก ในปี 2020 มีรายงานว่าการส่งออกผลิตภัณฑ์ปลาทูน่าของโลก อยู่ที่ประมาณ 3,042,000 ตัน ปริมาณเพิ่มขึ้น 14.20 % จากปี 2015 และการประมงปลาทูน่าเชิงพาณิชย์เป็นส่วนสำคัญของการพัฒนาด้านเศรษฐกิจและสังคม ที่ไม่ส่งผลเสียต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (Blue economy) ซึ่งปลาทูน่ากระป๋องหรือปลาทูน่าดิบ (ซาชิมิ) ไม่ได้เป็นเพียงสินค้าที่มีความต้องการสูงเท่านั้น แต่ยังเป็นแหล่งโปรตีนที่สําคัญของโลก และทูน่ายังมีความสำคัญในห่วงโซ่อาหารในน่านน้ำเขตร้อนและเขตอบอุ่น ที่เกื้อกูลวิถีชีวิตความเป็นอยู่ชาวประมงพื้นบ้าน

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันอุตสาหกรรมปลาทูน่ากําลังเผชิญกับความท้าทายหลายประการ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคว่าสามารถตรวจสอบแหล่งที่มาของปลาทูน่า และวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตผลิตภัณฑ์ปลาทูน่าว่าไม่ได้มาจากการประมง IUU และสอดคล้องกับมาตรฐานสากล รวมทั้งเป็นไปเพื่อสนับสนุนความยั่งยืนของทรัพยากรปลาทูน่าของโลก

สำหรับประเทศไทยในฐานะผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ทูน่าที่มีคุณภาพให้กับตลาดโลก ได้ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนของทรัพยากรปลาทูน่า ซึ่งถือว่าเป็นต้นทางที่ส่งผลต่อความยั่งยืนของอุตสาหกรรมปลาทูน่า โดยการสร้างระบบการควบคุม และระบบการตรวจสอบย้อนกลับที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้ทราบแหล่งที่มาของปลาทูน่าว่ามาจากการทำประมงที่ถูกต้องและได้มาตรฐานสากล และขอสนับสนุนให้ทุกประเทศและทุกภาคส่วนได้ร่วมกันขับเคลื่อนดำเนินการ เพื่อให้อุตสาหกรรมปลาทูน่าเป็นอุตสาหกรรมที่สร้างความมั่นคงทางอาหาร (Food Security) และสนับสนุนการทำประมงที่ยั่งยืนภายใต้เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน เพื่ออนุรักษ์และใช้ประโยชน์จากมหาสมุทรและทรัพยากรทางทะเล เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDG 14)

ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน กล่าวเพิ่มเติมว่า การประชุมครั้งนี้ถือเป็นโอกาสที่ดีสําหรับผู้มีส่วนได้ ส่วนเสียที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมปลาทูน่า ได้แบ่งปันความรู้และประสบการณ์ในระหว่างการประชุมฯ ซึ่งนําไปสู่การสร้างความเข้าใจร่วมกันของอุตสาหกรรมปลาทูน่าทั่วโลก ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของ โรคโควิด-19 เพื่อร่วมกันก้าวผ่านช่วงเวลาที่ยากลําบากไปด้วยกัน และเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนของอุตสาหกรรมปลาทูน่าของโลก เชื่อว่าการประชุมนี้จะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่สร้างสรรค์ และบรรลุเป้าหมายด้วยการมีส่วนร่วมอย่างแข็งขัน จากผู้เข้าร่วมการประชุมฯ จากทั่วโลก

ด้าน นายมีศักดิ์ ภักดีคง อธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า การประชุมและจัดแสดงสินค้า INFOFISH World Tuna Trade Conference and Exhibition-Virtual ครั้งที่ 16 นี้ เป็นความร่วมมือระหว่าง INFOFISH ร่วมกับกรมประมง (DOF) สมาคมอุตสาหกรรมทูน่าไทย (TTIA) คณะกรรมาธิการปลาทูน่าแห่งมหาสมุทรอินเดีย (IOTC) คณะกรรมาธิการปลาทูน่าเขตร้อนทวีปอเมริกา (IATTC) และคณะกรรมาธิการประมงแห่งมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตกและตอนกลาง (WCPFC) กำหนดจัดขึ้นเป็นประจำทุก ๆ 2 ปี และประเทศไทยได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพร่วมจัดการประชุมมาแล้ว 8 ครั้ง ตั้งแต่ปี 2547 ซึ่งมุ่งหวังที่จะให้งานดังกล่าวเป็นการประชุมทางด้านวิชาการและการค้าปลาทูน่าของโลกที่ใหญ่ที่สุด โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารในอุตสาหกรรมปลาทูน่าอย่างรอบด้าน อาทิ ความรู้ทางวิชาการ สภาวะทรัพยากรปลาทูน่าทั่วโลก การบริหารจัดการทรัพยากรปลาทูน่า การพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม การกำหนดมาตรการทางกฎหมายต่าง ๆ การค้าและการตลาด ตลอดจนปัญหาและอุปสรรคในเชิงธุรกิจ รวมถึงการอำนวยความสะดวกในการเจรจาทางธุรกิจระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายภายในงาน อันจะยังประโยชน์ให้เกิดความยั่งยืนของปลาทูน่า

อธิบดีกรมประมง กล่าวในตอนท้ายว่า ประเทศไทยมุ่งหวังให้ผู้เข้าร่วมการประชุมทั้งหลาย ในภาคอุตสาหกรรมปลาทูน่าจากทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน นักวิชาการ และองค์กรอิสระจากทั่วโลก ได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนประสบการณ์ซึ่งกันและกัน เพื่อจะนำไปสู่การพัฒนาอุตสาหกรรมปลาทูน่าตลอดห่วงโซ่สินค้าปลาทูน่า ภายใต้การจัดการทรัพยากรปลาทูน่าอย่างยั่งยืนต่อไป


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

เจ้าของ TikTok วางมือ ทิ้งเก้าอี้ซีอีโอ ชี้!! ยังขาดทักษะบริหารองค์กรใหญ่

จางอี้หมิง ผู้ก่อตั้งบริษัท ByteDance เจ้าของแอพพลิเคชั่น TikTok ประกาศในบันทึกภายในของบริษัทว่า จะลาออกจากตำแหน่งซีอีโอของบริษัท เนื่องจากมองว่าตัวเองยังขาดทักษะด้านการบริหาร และชอบอ่านหนังสือและปล่อยความคิดไปตามอารมณ์มากกว่าการบริหารบริษัทเทคขนาดใหญ่

“ผมรู้สึกว่าผมไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่คาดหวังไว้ในด้านของโอกาสเชิงกลยุทธ์ใหม่ ๆ การบริหารองค์กร และความรับผิดชอบต่อสังคม” จางระบุในบันทึกภายใน

“หลังจากคิดเรื่องนี้มาหลายเดือน ผมได้ข้อสรุปว่าการเปลี่ยนผ่านบทบาทหน้าที่ของซีอีโอ รวมทั้งความรับผิดชอบประจำวันที่เกี่ยวข้องทั้งหมด จะทำให้ผมโฟกัสกับโครงการต่าง ๆ ในระยะยาวได้มากกว่า”

เหลียงรู่โป ผู้ร่วมก่อตั้ง ByteDance และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายทรัพยากรมนุษย์ รวมทั้งเป็นเพื่อนร่วมห้องเรียนของจาง จะรับตำแหน่งซีอีโอคนต่อไปในช่วงสิ้นปีนี้ โดยจางจะยังดำรงตำแหน่งประธานบริษัท และทั้งคู่จะทำงานร่วมกันตลอด 6 เดือนข้างหน้าเพื่อให้การเปลี่ยนผ่านราบรื่น

ข่าวการวางมือของจางเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ทางการจีนกำลังเข้ามาควบคุมบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่รวมทั้ง ByteDance อย่างเข้มงวด และยังเป็นช่วงที่ ByteDance เตรียมจะเปิดขายหุ้นครั้งแรกแก่บุคคลทั่วไป (IPO) ในตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ หรือฮ่องกงด้วย

 

ที่มา: https://www.posttoday.com/world/653398


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

ไต้หวัน ประกาศชะลอให้แรงงานเดินทางไปทำงาน

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เผย ได้รับการประสานจากสำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเป ประจำประเทศไทยว่า เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2564 รัฐบาลไต้หวันโดยศูนย์บัญชาการควบคุมโรคไต้หวัน ได้ประกาศการชะลอการเดินทางเข้าไต้หวันชั่วคราวสำหรับแรงงานต่างชาติทุกชาติ ชาวต่างชาติที่ไม่มีบัตรสำหรับการพำนักอยู่ในไต้หวัน (Alien Resident Card : ARC) และชาวต่างชาติที่ต่อเครื่องบินที่ไต้หวัน ยกเว้นในกรณีที่เกี่ยวกับหลักมนุษยธรรม เพื่อป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) ตั้งแต่วันที่ 19 พฤษภาคม 2564 ถึงวันที่ 18 มิถุนายน 2564 เป็นเวลา 1 เดือน ทำให้กระทรวงแรงงานต้องชะลอการจัดส่งแรงงานไทยไปทำงาน จนกว่าทางการไต้หวันจะประกาศให้แรงงานต่างชาติเดินทางเข้าไปทำงานได้ โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคมที่ผ่านมา ไต้หวันได้ยกระดับมาตรการป้องกันไวรัสโควิด-19 ทั่วเกาะเป็นระดับ 3 เพื่อให้การป้องกันโรคเป็นมาตรฐานเดียวกันแล้ว 

“รายงานผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในไต้หวันล่าสุด (วันที่ 20 พฤษภาคม 2564) พบว่ามีผู้ติดเชื้อสะสม 2,828 ราย ผู้รักษาหาย 1,133 ราย และผู้เสียชีวิต 15 ราย ซึ่งได้รับการยืนยันจากสำนักงานแรงงานไทย ในไต้หวันแล้วว่า ไม่มีแรงงานไทยและบุคลากรเสียชีวิตหรืออยู่ในรายชื่อผู้ติดเชื้อ อย่างไรก็ดีนายกรัฐมนตรี พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในฐานะที่กำกับดูแลกระทรวงแรงงาน ยังคงห่วงใยและกำชับกระทรวงแรงงานให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อพร้อมให้การดูแลแรงงานไทย โดยที่ผ่านมาสำนักงานแรงงานไทยฯ มีการประชาสัมพันธ์ข่าวสารภาครัฐ และวิธีป้องกันตัวจากโรคโควิด-19 ให้แรงงานไทยทราบผ่านแอปพลิเคชันไลน์ Facebook และเว็บไซต์ รวมทั้งขอความร่วมมือจากแรงงานไทยให้ดูแลสุขภาพของตัวเอง หลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังสถานที่ที่มีคนจำนวนมาก สวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา หมั่นล้างมือ และให้ความร่วมมือกับนายจ้าง ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคที่นายจ้างและหน่วยงานรัฐกำหนดอย่างเคร่งครัด หากต้องการความช่วยเหลือสามารถติดต่อที่ศูนย์บริการสายด่วนคุ้มครองแรงงาน 1955 หรือใช้บริการกลุ่มไลน์ 1955 E-Line (TH) ของกระทรวงแรงงานไต้หวัน ซึ่งเผยแพร่ข้อมูลและมาตรการต่างๆ ในภาษาไทย” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าว

ด้านนายไพโรจน์ โชติกเสถียร รองปลัดกระทรวงแรงงาน รักษาราชการแทนอธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า ในสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิด-19 การจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานต่างประเทศจะดำเนินการภายใต้นโยบายของรัฐบาลโดยคำนึงถึงความปลอดภัยของแรงงานเป็นอันดับแรก ทั้งนี้แรงงานไทยที่ประสงค์เดินทางไปทำงานต่างประเทศ จะต้องขออนุญาตเดินทางและไปทำงานอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อได้รับการคุ้มครอง และการดูแลตามสิทธิที่พึงมี ในกรณีที่แรงงานเป็นสมาชิกกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานในต่างประเทศ หากประสบอันตราย หรือประสบปัญหาในต่างประเทศ จะได้รับการเยียวยาและสิทธิประโยชน์จากกองทุนฯ ด้วย

“ปัจจุบันคนไทยเดินทางไปทำงานในไต้หวันสูงสุด เป็นอันดับแรก รองลงมาเป็นประเทศอิสราเอล ญี่ปุ่น ลาว และสาธารณรัฐเกาหลี ตามลำดับ โดยปีงบประมาณ พ.ศ.2564 กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน จัดส่งแรงงานไทยเดินทางไปทำงานในไต้หวัน จำนวน 9,107 คน และ Re-entry จำนวน 3 คน รวม 9,110 คน และสำหรับผู้ที่สนใจจะไปทำงานต่างประเทศ สามารถติดตามข่าวสารการประกาศรับสมัครได้ที่เว็บไซต์กองบริหารแรงงานไทยไปต่างประเทศ www.doe.go.th/overseas หรือติดต่อสำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-10 หรือสอบถามสายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร.1506 กด 2 กรมการจัดหางาน หรือสายด่วนกรมการจัดหางาน โทร.1694” นายไพโรจน์ฯ กล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top