Saturday, 5 July 2025
ECONBIZ NEWS

พาณิชย์ ยังขอเอกชนช่วยตรึงราคาสินค้า 18 หมวด

นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงราคาสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไปว่า กระทรวงพาณิชย์ยังขอความร่วมมือผู้ผลิตให้ตรึงราคาขายสินค้าทั้ง 18 หมวดไปก่อน เช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป น้ำอัดลม เครื่องใช้ไฟฟ้า เนื้อสัตว์ ปุ๋ยเคมี ยาจำกัด และปราบศัตรูพืช และอื่น ๆ โดยได้รับความร่วมมือจากผู้ประกอบการมาอย่างต่อเนื่อง

ขณะที่การประชุมวอร์รูมติดตามผลกระทบจากสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครน ได้พิจารณาผลกระทบที่มีต่อสินค้าสำคัญ 2 รายการ คือ ปุ๋ยเคมี และวัตถุดิบอาหารสัตว์ ซึ่งปุ๋ยยูเรีย เป็นผลพลอยได้จากก๊าซธรรมชาติ ที่ไทยต้องนำเข้า ไม่สามารถผลิตเองได้ โดยรัสเซียเป็นผู้ผลิตและส่งออกรายใหญ่ของโลก ส่วนข้าวสาลี ยูเครนเป็นผู้ผลิตและส่งออกรายใหญ่ เมื่อ 2 ประเทศทำสงครามกันทำให้แหล่งผลิตเกิดปัญหาได้จนทำให้ราคาสินค้าโดยรวมปรับตัวขึ้นมามากกระทบต่อประเทศที่นำเข้าวัตถุดิบเหล่านี้สูงขึ้นตาม

ทั้งนี้ยอมรับว่า แม้ต้นทุนวัตถุดิบทั้ง 2 รายการดังกล่าวจะสูงขึ้นด้วยเหตุผลทั้ง 2 ประเทศทำสงครามโดยกระทรวงพาณิชย์ ต้องดูแลตลอดห่วงโซ่การผลิตให้เกิดความเป็นธรรม ตั้งแต่ต้นทาง คือ ผู้ผลิต ไปจนถึงปลายทาง คือ ผู้บริโภค หากต้นทุนการผลิตปรับขึ้นด้วยเหตุผลเช่นนี้ จะต้องดูแลให้ผู้ประกอบการอยู่ได้ ไม่เกิดภาวะสินค้าขาดแคลนและผู้บริโภคต้องไม่เดือดร้อนจากราคาที่แพงเกินไป หากมีการเปลี่ยนแปลงราคาขึ้น

'รมว. แรงงาน' แนะนายจ้างที่จ้างแรงงานต่างด้าว ตามมติ 28 ก.ย. 64 ชำระค่าธรรมเนียมภายในวันที่ 15 มี.ค. 65

วันที่ 10 มีนาคม 2564 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า มีความห่วงใยนายจ้าง/สถานประกอบการที่ใช้แรงงานต่างด้าว ตามมติ 28 ก.ย. 64 หลังตรวจสอบพบนายจ้างยังไม่มาดำเนินการชำระค่าธรรมเนียมค่ายื่นคำขอ และค่าธรรมเนียมใบอนุญาตทำงาน จำนวน 19,489 ราย ครม.จึงมีมติเมื่อวันที่ 15 ก.พ. 65 เห็นชอบตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ เพื่อแก้ไขข้อขัดข้องให้นายจ้างสามารถดำเนินการได้ทันตามกำหนด ซึ่งหากยังไม่ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 15 มี.ค. 65 จะส่งผลให้แรงงานต่างด้าวกลุ่มดังกล่าว ไม่สามารถดำเนินการตามขั้นตอนต่อไปได้ และกลายเป็นแรงงานผิดกฎหมาย โดยนายจ้าง/สถานประกอบการ ต้องชำระค่าธรรมเนียมค่ายื่นคำขอฉบับละ 100 บาท และค่าธรรมเนียมใบอนุญาตทำงานฉบับละ 1,350 บาท ไม่เกินวันที่ 15 มีนาคม 2565 ณ สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1 -10 หรือสำนักงานจัดหางานจังหวัด อันเป็นที่ตั้งของสถานที่ทำงานของคนต่างด้าว

“การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าวโดยคำนึงถึงการรักษากำลังแรงงาน ซึ่งเป็นภาคส่วนสำคัญของนายจ้าง สถานประกอบการ และเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างความเข้มแข็งให้กับระบบเศรษฐกิจเพื่อประโยชน์ในการฟื้นฟูประเทศ ช่วยให้ระบบเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศขับเคลื่อนได้ต่อไป ทั้งในสถานการณ์ที่เป็นอยู่และภายหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 คลี่คลาย เป็นสิ่งที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งกำกับดูแลกระทรวงแรงงาน เน้นย้ำมาโดยตลอด ซึ่งผมในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ขอฝากถึงนายจ้างให้ดำเนินการตามขั้นตอนภายในระยะเวลาที่กำหนด เห็นความสำคัญของการจ้างแรงงานถูกกฎหมาย คนต่างด้าวได้รับความคุ้มครองและมีสิทธิประโยชน์ สวัสดิการ การคุ้มครองตามสิทธิที่พึงได้รับ”รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าว

ภาคอุตสาหกรรมจับตาสินค้าต้นทุนราคาพุ่งต่อเนื่อง

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า สถานการณ์วิกฤตยูเครน-รัสเซีย ได้ส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตของภาคอุตสาหกรรม ทำให้ราคาสินค้าจะมีการทยอยปรับราคาเพิ่มสูงขึ้น แม้ที่ผ่านมาทุกกลุ่มอุตสาหกรรมพยายามตรึงราคา แต่เนื่องจากผู้ประกอบการแต่ละมีสต๊อกไม่เท่ากัน จึงอาจจะต้องมีการทยอยปรับขึ้นราคา 

ทั้งนี้จะเห็นได้ว่า เมื่อราคาน้ำมันเพิ่มขึ้น 1 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ ก็ทำให้ราคาค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.25 บาท ดังนั้นถ้าน้ำมันเพิ่ม 10 เหรียญ ก็ทำให้ราคาค้าปลีกเพิ่มขึ้น 2.5 บาท ล่าสุดผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ซึ่งเป็นตัวดัชนีของผู้บริโภค ก็มีการขอปรับขึ้นราคา เนื่องจากข้าวสาลี ที่เป็นวัตถุดิบผลิตที่สำคัญ ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครน 

‘ศิริกัญญา’ ห่วงสงคราม กระทบค่าครองชีพคนไทย ชี้ รบ.ต้องกล้ายอมรับความจริง หยุดตรึงราคาดีเซล 30 บาท

‘ศิริกัญญา’ ห่วงสงครามรัสเซีย-ยูเครน กระทบค่าครองชีพคนไทย ชี้ รัฐบาลต้องกล้ายอมรับความจริง ตรึงราคาดีเซล 30 บาทไม่ได้อีกต่อไป ฉะ ต้องแก้ปัญหาพลังงานให้ถูกจุด ไม่ใช่บอกให้ประชาชนประหยัด วอนออกมาตรการช่วยเกษตรกร-ท่องเที่ยว

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 9 มี.ค. ที่อาคารอนาคตใหม่ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล แถลงกรณีวิกฤตสงครามรัสเซีย-ยูเครนกระทบค่าครองชีพคนไทย ว่า สงครามรัสเซีย-ยูเครนกำลังจะส่งผลกระทบต่อรายได้และค่าครองชีพของประชาชนอย่างมหาศาล ตอนนี้ราคาพลังงานพุ่งสูงที่สุดในรอบ 13 ปีเรียบร้อยแล้ว เนื่องจากรัสเซียส่งออกน้ำมันมายังตลาดโลกเป็นอันดับ 2 รองจากซาอุดีอาระเบีย และยังส่งออกแก๊สธรรมชาติรายใหญ่ที่สุดของทวีปยุโรป แต่เมื่อคืนที่ผ่านมา โจ ไบเดน ประธานาธิบดีของสหรัฐฯ เพิ่งประกาศแบนการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย ขณะที่ประเทศในยุโรปก็กำลังจะมีมาตรการลดการนำเข้าแก๊สธรรมชาติลง 2 ใน 3 ตลอดปี 2565 ทำให้ส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันอย่างมหาศาล จึงมีการคาดการณ์ว่าราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกอาจขึ้นไปแตะที่ 185-200 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล 

น.ส.ศิริกัญญา กล่าวต่อว่า ตนคิดว่าอาจจะถึงจุดที่รัฐบาลต้องกล้าออกมายอมรับความจริงกับประชาชนแล้วว่า สัญญาที่ได้ให้ไว้ว่าจะตรึงราคาน้ำมันดีเซลไว้ที่ 30 บาท อาจจะทำไม่ได้จริง ปัจจุบันในแต่ละเดือนต้องใช้เงินในการพยุงราคาน้ำมันดีเซลและแอลพีจีจำนวน 1.3 หมื่นล้านบาท ถ้ายังจะคงน้ำมันดีเซลไว้ที่ 30 บาทต่อลิตร ต้องใช้เงินอุดหนุนประมาณ 10 บาทต่อลิตร รวมประมาณ 1.7 หมื่นล้านบาทต่อเดือน ถ้าราคาน้ำมันยังคงยืนระยะที่ 110 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลตลอดทั้งปี และเรายังพยายามตรึงราคาน้ำมันดีเซล 30 บาทต่อลิตร ก็อาจจะต้องใช้เงินกว่า 2 แสนล้านบาท ทางเลือกของเรื่องนี้อาจจะเป็นการลดภาษีสรรพสามิตต่อไป ซึ่งจะกระทบต่อการปิดหีบงบประมาณปี 2565 อย่างแน่นอน ทางออกอีกทางคือการแก้ไขกฎหมายกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง อย่างไรก็ตาม เมื่อวานนี้ (8 มี.ค.) มีข่าวจากรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องว่า แผนการที่วางไว้สำหรับน้ำมันดีเซลอาจจะอยู่ได้แค่ 2 เดือนเท่านั้น 

น.ส.ศิริกัญญา กล่าวต่อว่า ตนจึงมีข้อเสนอเพื่อแก้ไขปัญหาพลังงานอย่างถูกจุด ปัญหาคือถ้ารัฐบาลรอจนเงินหมดหน้าตัก แล้วปล่อยให้น้ำมันดีเซลลอยตัวทันที จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจหนักมาก รัฐบาลควรจะต้องมีแผนการในช่วงเปลี่ยนผ่านอย่างชัดเจนว่าจะทยอยขึ้นอย่างไร เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจและประชาชน จากนั้นจะต้องมีการอุดหนุนค่าครองชีพไปที่ครัวเรือนโดยตรง แทนที่จะอุดหนุนไปที่ราคาพลังงาน เพราะความจริงแล้วกลุ่มคนที่มีรายน้อยหรือคนจนจะใช้น้ำมันเบนซินมากกว่า แต่ความช่วยเหลือยังอยู่ที่ดีเซลอย่างเดียว การเปลี่ยนมาอุดหนุนเป็นค่าครองชีพให้ประชาชนโดยตรงก็จะได้ประโยชน์กับผู้ใช้ทั้งเบนซินและดีเซล หากกังวลเรื่องผลกระทบต่อราคาสินค้าที่จะเพิ่มขึ้นจากค่าขนส่งก็ให้อุดหนุนตรงไปที่ภาคขนส่ง โดยเฉพาะขนส่งสาธารณะอย่างรถเมล์หรือรถบรรทุก ทำให้รัฐบาลน่าจะสามารถกำหนดวงเงินช่วยเหลือได้ชัดเจนแม่นยำมากยิ่งขึ้น

"ดังนั้น ทางออกเรื่องราคาพลังงานคงไม่ใช่การออกมาบอกให้ประชาชนประหยัดพลังงานด้วยตนเอง ถ้าจะออกมาบอกแค่ว่าต้องประหยัดพลังงาน ต้องประหยัดการใช้ไฟ ล้างแอร์ เราก็ไม่รู้ว่าจะมีรัฐบาลไว้ทำไม เราต้องการการมองการณ์ไกล วิสัยทัศน์ในการแก้ปัญหาที่จะไม่ทำให้ประเทศถังแตก และสามารถที่จะช่วยเหลือประชาชนได้อย่างตรงจุดตรงเป้ามากยิ่งขึ้น ยอมรับความจริง พูดความจริงกับประชาชนว่าจะไม่สามารถรักษาสัญญาไว้ได้แล้ว และดำเนินการให้ประชาชนสามารถประคับประคองการใช้ชีวิตได้ และแก้ไขปัญหาค่าครองชีพของประชาชน" น.ส.ศิริกัญญา กล่าว

พิษเศรษฐกิจพา คนละครึ่ง เฟส 4 ใช้จ่ายสะพัด 5.2 หมื่นล้าน

นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยความคืบหน้าโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 4 ว่า ข้อมูลสะสม ณ วันที่ 8 มี.ค.2565 ณ เวลา 23.00 น. พบว่า มีผู้ใช้สิทธิที่เป็นประชาชนกลุ่มเดิมฯ จำนวน 25.46 ล้านราย ซึ่งมียอดใช้จ่าย 51,153.1 ล้านบาท และมีผู้ใช้สิทธิที่เป็นประชาชนทั่วไปกลุ่มใหม่ จำนวน 7.82 แสนราย ซึ่งมียอดใช้จ่าย 1,223.3 ล้านบาท รวมมีผู้ใช้สิทธิทั้งหมดจำนวน 26.24 ล้านราย และยอดการใช้จ่ายรวม 52,376.4 ล้านบาท 

ทั้งนี้แบ่งเป็นเงินที่ประชาชนจ่าย 26,620.3 ล้านบาท และรัฐร่วมจ่าย 25,756.1 ล้านบาท และมียอดใช้จ่ายสะสมแบ่งตามประเภทตามร้านค้า ได้แก่ ร้านอาหารและเครื่องดื่ม 21,774.6 ล้านบาท ร้านธงฟ้า 9,004.4 ล้านบาท ร้าน OTOP 2,342.0 ล้านบาท ร้านค้าทั่วไป 18,236.4 ล้านบาท ร้านบริการ 923.4 ล้านบาท และกิจการขนส่งสาธารณะ 95.6 ล้านบาท 

โดยมีประชาชนที่ได้รับสิทธิทั้งหมด 26.38 ล้านราย ซึ่งเป็นประชาชนกลุ่มเดิมฯ ที่กดยืนยันสิทธิและมีการใช้สิทธิโครงการฯ ระยะที่ 4 แล้ว จำนวน 25.46 ล้านราย จากจำนวนผู้ใช้จ่ายโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 จำนวน 26.35 ล้านราย สำหรับผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการฯ ระยะที่ 4 มีผู้ประกอบการเข้าร่วมแล้วจำนวน 1.35 ล้านราย โดยเป็นผู้ประกอบการรายใหม่ 2.66 หมื่นราย

รัฐบาลยันเดินหน้าลงทุนอีอีซีต่อเนื่อง

นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) เปิดเผยภายหลังการประชุม กพอ. ที่มีนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ว่า ที่ประชุมได้เน้นย้ำการลงทุนโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานหลักในอีอีซี ยังคงเดินหน้าต่อตามแผน เช่น โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบินต้องทำให้เกิดขึ้นให้ได้ตามเป้าหมาย โดยดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมาย ไม่เอื้อประโยชน์ต่อบุคคลใด คำนึงถึงประโยชน์ที่ประชาชนและประเทศชาติจะได้รับเป็นสำคัญ 

พร้อมกันนี้ยังพิจารณาให้ สกพอ. ร่วมกับกองทัพเรือ และสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ สสปน. จัดงานแสดงสินค้านานาชาติด้านอุตสาหกรรมการบินในประเทศไทย (Thailand International Air Show) ในพื้นที่สนามบินอู่ตะเภา คาดว่าจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในปี 2568 สอดคล้องกับระยะเวลาเปิดบริการสนามบินนานาชาติอู่ตะเภา คาดว่าจะมีผู้ร่วมงานรวมประมาณ 5,425 คน และการจัดงานอย่างเต็มรูปแบบในปี 2570 จะมีผู้เข้าร่วมงานประมาณ 36,300 คน มีผู้เข้าแสดงงานประมาณ 1,240 ราย 

นอกจากนี้ยังรับทราบโครงการส่งเสริมและพัฒนาวิสาหกิจชุมชนและผู้ค้ารายย่อยในอีอีซี นำเทคโนโลยีมาส่งเสริมสินค้าโอทอป (OTOP) เพิ่มศักยภาพการขยายช่องทางจำหน่ายให้ตรงตามความต้องการของตลาด อีกทั้งช่วยหาแหล่งเงินทุนให้ผู้ค้ารายย่อย ชุมชน พร้อมตั้งกลุ่มเป้าหมายและสินค้าที่นิยมในพื้นที่นำร่องอย่างน้อย 10 ชุมชน ได้แก่จังหวัดระยอง เช่น ทุเรียนทอดกรอบ เครื่องเงิน จังหวัดชลบุรี เช่น พุดดิ้งมะพร้าวอ่อน ข้าวกล้อง สบู่เปลือกมังคุด จังหวัดฉะเชิงเทรา เช่น มะม่วงน้ำดอกไม้ หมูแท่งอบกรอบ เป็นต้น 

ภาวะสงคราม ทำราคาน้ำมันดิบพุ่ง คาดเบนซิน-ดีเซล ส่อทะลุลิตรละ 50 บาท

เมื่อวันที่ 8 มี.ค. 65 นายเกรียงไกร เธียรนุกุล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวเพิ่มเติมว่าราคาน้ำมันดิบที่ปรับขึ้นทุก 1 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ส่งผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศเพิ่มขึ้น 0.25 สตางค์/ลิตร ดังนั้น หากราคาน้ำมันดิบปรับสูงขึ้นจาก 100 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เป็น 150 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล อย่างรวดเร็ว ราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินของไทยก็มีโอกาสอยู่ที่ 50 บาท/ลิตร ในเร็วๆ นี้แน่นอนเช่นกัน

ด้านนายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงกรณีที่มีนักวิเคราะห์การออกมาคาดการณ์ว่าราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกจะปรับสูงขึ้นถึง 200 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ว่า เหตุการณ์ดังกล่าวจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อเกิดภาวะสงคราม โดยราคาน้ำมันดิบที่ปรับเพิ่มขึ้นทุก 1 เหรียญสหรัฐ จะส่งผลกระทบทำให้ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงปรับเพิ่มขึ้นลิตรละ 25 สตางค์

‘สมศักดิ์’ เผย ลาวมีพัฒนาการก้าวกระโดด หลังมีรถไฟความเร็วสูงทำรายได้ 3.66 ล้าน / วัน

‘สมศักดิ์’ เผยลาวมีพัฒนาการก้าวกระโดด ความเป็นอยู่ดีขึ้น หลังสร้างรถไฟความเร็วสูงทำรายได้ 3.66 ล้านต่อวัน ชี้คนไทยบางกลุ่มยังไม่เข้าใจประโยชน์ ต้องอธิบาย-รับฟังความเห็นให้มากขึ้น

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า สัปดาห์ที่ผ่านมาตนได้มีโอกาสเดินทางไปปฏิบัติราชการด้านยาเสพติดที่ สปป.ลาว เสร็จเรียบร้อยทางการของสปป.ลาว ได้เชิญคณะไปนั่งรถไฟความเร็วสูง ซึ่งมีระยะทางวิ่ง 420 กิโลเมตร มีสถานีจอด 10 สถานี แต่ในขณะนี้ยังเปิดใช้แค่ 4 สถานี โดยจะวิ่งให้บริการตั้งแต่สถานีต้นทางเมืองเวียงจันทน์ไปจนถึงสถานีปลายทางเมืองบ่อเต็น คิดค่าโดยสาร 1,500 บาท เฉลี่ยกิโลเมตรละ 3.50 บาท รถไฟความเร็วสูงสามารถบรรทุกสินค้าได้บางประเภท บรรทุกผู้โดยสารได้ 700 คนเศษ จะมีการวิ่งทั้งระยะสั้นและยาว โดยแบบสั้นไปกลับ เริ่มตั้งแต่สถานีเวียงจันทน์จนถึงสถานีหลวงพระบาง ค่าโดยสาร 1,000 บาท เมื่อคำนวณไปกลับต่อ 1 เที่ยวจะได้เงิน 1.5 ล้านบาท ส่วนแบบยาวระยะทางไปกลับ จะได้เงิน 2.16 ล้านบาท รวมเป็น 3.66 ล้านบาทต่อวัน นอกจากนี้ยังทราบว่าอีก 6 เดือน จะมีรถไฟความเร็วสูงเพิ่มขึ้นอีก 1 ขบวน ซึ่งคนลาวให้ความสนใจหันมาใช้บริการเป็นจำนวนมาก

'กอบศักดิ์' เผยสงครามค่าเงินกับรัสเซีย คืนเดียว 'รูเบิล' ร่วง 42.7%

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า...

ยิ่งกว่ารถไฟเหาะ สำหรับสงครามค่าเงินกับรัสเซีย รอบนี้

เมื่อคืน จากปิดตลาดปลายสัปดาห์ที่แล้วที่ 124 รูเบิล/ดอลลาร์

สุดท้ายอ่อนลงไปถึง 177.26 รูเบิล/ดอลลาร์ !!!!

คืนเดียว +42.7% !!!!

‘บิ๊กป้อม’ สั่งเร่งจัดหาที่ดินทำกินให้ชุมชนทั่วประเทศ โชว์ผลงาน 6 ปี จัดสรรไปแล้วกว่า 5.7 ล้านไร่

พล.อ.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า ตั้งแต่ปี 2558 - 2564 รัฐสามารถดำเนินการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาลแล้ว 1,442 พื้นที่ใน 70 จังหวัด รวมเนื้อที่ 5,757,682 ไร่ ประชาชนได้รับการจัดที่ดินทำกินแล้ว 69,368 ราย เป็นพื้นที่ภาคเหนือ 17 จังหวัด รวม 2,159,544 ไร่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 20 จังหวัด รวม 1,481,839 ไร่ ภาคกลาง 19 จังหวัด รวม 1,551,217 ไร่ และภาคใต้ 14 จังหวัด รวม 565,080 ไร่ โดยเข้าไปช่วยส่งเสริมพัฒนาอาชีพและการตลาดควบคู่กันไปแล้วใน 62 จังหวัดจำนวน 46,820 ราย 

ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้กำชับ ขอให้ยังให้ความสำคัญกับ การสงวนหวงห้ามที่ดินของรัฐ เพื่ออนุรักษ์และรักษาสมดุลของธรรมชาติ โดยขอให้เร่งขยายผลความสำเร็จต้นแบบของการจัดที่ดินทำกินชุมชนในแต่ละภาค ให้ครอบคลุมทั่วถึงทั้งประเทศอย่างเป็นธรรมโดยเร็ว โดยเน้นการบริหารจัดการที่มุ่งความยั่งยืน พึ่งพาตัวเองได้ และเป็นไปตามความต้องการของแต่ละชุมชนในพื้นที่ โดยเฉพาะการมีที่ดินทำกินอย่างถูกกฎหมายและเป็นไปตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง  


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top