Friday, 17 May 2024
ECONBIZ NEWS

‘ฟรุ้ทบอร์ด’ แจ้ง ‘รถไฟจีน-ลาว’ ขนลำไยไทย 20 ตู้ ผ่านด่านรถไฟโมฮ่านสำเร็จเป็นขบวนปฐมฤกษ์

ข่าวดีประเทศไทย!! ‘ฟรุ้ทบอร์ด’ แจ้งรถไฟจีน-ลาวขนลำไยไทยล็อตแรก 20 ตู้ผ่านด่านรถไฟโมฮ่านสำเร็จเป็นขบวนปฐมฤกษ์

(2 ธ.ค. 65) นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในฐานะคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ (ฟรุ้ทบอร์ด-Fruit Board) เปิดเผยเกี่ยวกับความคืบหน้าการเปิดบริการด่านรถไฟโมฮ่าน เพื่อขนส่งผลไม้ไทยด้วยขบวนรถไฟจีน-ลาว ว่า วันนี้รถไฟจีน-ลาวขนลำไยไทยล็อตแรก 20 ตู้ผ่านด่านรถไฟโมฮ่านสำเร็จเป็นปฐมฤกษ์วันนี้

'เจ้าสัวซีพี' การันตี ปีหน้าโอกาสดีเศรษฐกิจไทย อยู่ที่รัฐบาลจะคว้าไว้ได้มากน้อยแค่ไหน

‘เจ้าสัวธนินท์’ ลั่น เศรษฐกิจไทยปีหน้า ดีกว่าปีนี้แน่ แต่มากหรือน้อยขึ้นอยู่กับนโยบายของรัฐบาล พร้อมเผยสเปกผู้นำที่จะพาชาติไปข้างหน้าได้ ต้องเป็นคนกล้า กล้าทำ กล้าตัดสินใจ

ธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโสเครือเจริญโภคภัณฑ์ ได้กล่าวเมื่อวันที่ 1 ธ.ค. ว่า เศรษฐกิจไทยปีหน้า ดีกว่าปีนี้แน่นอน โควิดได้กลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว แต่จะดีแค่ไหน มากหรือน้อยขึ้นอยู่กับนโยบายของรัฐบาล ที่จะหาโอกาสในการดึงดูดทั่วโลกเข้ามาลงทุนในประเทศไทย

หลังจากนี้ทุกอย่างจะฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว เพราะอย่างน้อยสถานีรถไฟ สนามบิน ท่าเรือต่าง ๆ ไม่ได้ถูกทำลายเหมือนสงครามโลกครั้งที่สอง แม้ทั่วโลกประสบกับปัญหา ไม่ว่าจะเป็นการเมือง น้ำท่วม อากาศ แต่กลายเป็นว่า เป็นประโยชน์กับประเทศไทย เพราะทั่วโลกหันกลับมามองอาเซียน และไทย ที่เป็นศูนย์กลาง

“โอกาสมาแล้ว แต่ก็อยู่ที่รัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นชุดเดิมหรือชุดใหม่ว่าจะช่วยทำอย่างไร ให้คว้าโอกาสตรงนี้ไว้ได้ ออกเงื่อนไขต่าง ๆ ดึงดูดต่างชาติเข้ามาลงทุน” ธนินท์ กล่าว

ก่อนหน้านี้ที่รัฐบาลได้มีการออกเงื่อนไขดึงดูดต่างชาติให้เข้ามาลงทุน โดยอนุญาตให้ซื้อที่ดินในประเทศไทยได้นั้น ประธานอาวุโส CP มองว่า เป็นการสร้างประโยชน์เพราะต่างชาติเอาเงินมาลงทุน ซึ่งดีกว่าการท่องเที่ยวที่มาแล้วกลับ ซึ่งเป็นการเดินทางระยะสั้น แต่นี่เป็นการมาลงทุน มาสร้างงาน สร้างเงิน เพราะอย่างไรก็ตามเขาซื้อแล้วก็นำกลับบ้านเขาไปไม่ได้ เพราะซื้อที่ดินซื้อบ้านปักหลักอาศัย

นอกจากนี้ยังควรที่จะดึงดูดกลุ่มสตาร์ตอัปจากทั่วโลกให้เข้ามาอยู่ที่ประเทศไทยด้วย โดยมองว่ารัฐบาลควรที่จะปลดล็อก ผ่อนคลายกฎระเบียบต่าง ๆ ให้เข้ามาง่ายขึ้น เพราะจะทำให้ประเทศไทยมีคนเก่งจากทั่วโลกมาอาศัยอยู่ มาใช้ชีวิตในเมืองไทย พร้อมทั้งสร้างงาน สร้างผลกำไรให้กับประเทศไทย ซึ่งการเข้ามานั้นไม่ได้เป็นการแย่งงานคนไทย เพราะงานต่าง ๆ เหล่านี้ประเทศไทยยังขาดคนที่เข้ามาช่วยทำด้วย อีกทั้งยังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอีก แต่ทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับรัฐบาล

ปตท. มอบรางวัล การประกวดการพัฒนา - รณรงค์ใช้ ‘หญ้าแฝก’ เพื่อเป็นแบบอย่างการอนุรักษ์ดิน-น้ำอย่างยั่งยืน

ปตท. จัดพิธีมอบรางวัลการประกวดการพัฒนาและรณรงค์การใช้หญ้าแฝกอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ครั้งที่ 12 ประจำปี 2563 - 2565

เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2565 ที่ผ่านมา ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา เป็นประธานในพิธีมอบรางวัลการประกวดการพัฒนาและรณรงค์การใช้หญ้าแฝกอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ครั้งที่ 12 (ประจำปี 2563 - 2565) ภายใต้แนวคิด ‘รักษ์น้ำ ป่า ดิน ด้วยแฝกองค์ภูมินทร์ ฟื้นถิ่น ยั่งยืน’ ภายใต้ความร่วมมือขององค์กรร่วมจัด ได้แก่ มูลนิธิชัยพัฒนา สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (สำนักงาน กปร.) กรมพัฒนาที่ดิน และบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เพื่อส่งเสริมการขยายผลการปลูกหญ้าแฝกให้เป็นแบบอย่างในการอนุรักษ์ดินและน้ำอย่างยั่งยืน

การจัดการประกวดครั้งนี้ ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระราชทานโล่รางวัลแก่ผู้ชนะเลิศการประกวด ส่วนผู้ที่ได้รับรางวัลรองชนะเลิศและรางวัลชมเชยได้รับโล่พร้อมรับเกียรติบัตรจากองค์กรร่วมจัด โดยมีผู้ส่งผลงานเข้าร่วมประกวดทั้งสิ้น 58 ผลงาน ซึ่งแบ่งการประกวดออกเป็น 2 ประเภทผลงาน คือ

ทูตอังกฤษ เชิญ ‘กรณ์’ ถก Gov Tech ชี้!! แนวคิดชาติพัฒนากล้ามาถูกทาง

(2 ธ.ค. 65) นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวว่า วานนี้ (1 ธันวาคม 2565) ตนและทีมพรรคชาติพัฒนากล้า ประกอบด้วยนายวรนัยน์ วาณิชกะ ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค, นายเทมส์ ไกรทัศน์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ภูเก็ต, นายธาม สมุทรานนท์ ว่าที่ผู้สมัครกรุงเทพฯ และนางสาวณัฏฐิมา วิชญภิญโญ กรรมการนโยบายพรรค ได้รับเชิญให้ร่วมรับประทานอาหารเที่ยงกับ H.E.Mr.Mark Gooding เอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย และคณะ 

“เราได้คุยกันหลายเรื่อง โดยเรื่องที่เราแลกเปลี่ยนกันเป็นหลักก็ไม่พ้นเรื่อง เศรษฐกิจ, สิ่งแวดล้อม และ เทคโนโลยี ซึ่งทั้ง 3 เรื่องนี้คล้ายจะคนละประเด็น แต่แท้จริงแล้วเกี่ยวพันกันอย่างมาก ขาดเรื่องใดเรื่องหนึ่งไม่ได้ ไม่สมดุลก็ไม่ได้ ดังนั้นนโยบายเศรษฐกิจสำหรับวันนี้ต้องคิดให้ครบมิติ”

นายกรณ์ กล่าวอีกว่า “เราได้พูดถึงประเด็นการสร้างความเปลี่ยนแปลงของประเทศ ที่ปัจจัยสำคัญในวันนี้คือเรื่อง ‘เทคโนโลยี’ โดยเฉพาะ Gov Tech หรือ Digital Government ที่อังกฤษทำมาหลายปีจนสำเร็จ มีการทรานสฟอร์ม ให้บริการประชาชนบนดิจิทัลแพลตฟอร์มสูงเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก โดยเริ่มจากการรวบทุกเว็บไซต์ของทุกหน่วยงานรัฐมาไว้ที่เว็บเดียวคือ gov.uk

'อลงกรณ์' ชงฟรุ้ทบอร์ดเห็นชอบโครงการจัดตั้ง มหานครผลไม้ (Fruit Metropolis) และ กองทุนผลไม้แห่งชาติ เพื่อยกระดับจันทบุรีและภาคตะวันออกเป็นฮับผลไม้โลก

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานคณะทำงานศึกษาโครงการมหานครผลไม้ และการขนส่งผลไม้ผ่านสนามบินจันทบุรี เปิดเผยวันนี้ภายหลังเป็นประธานการประชุม คณะทำงานศึกษาโครงการมหานครผลไม้ และการขนส่งผลไม้ผ่านสนามบินจันทบุรี ว่า คณะทำงานฯ.จะเสนอฟรุ้ทบอร์ด (Fruit Board) พิจารณาเห็นชอบพิมพ์เขียวแนวทางการพัฒนาโครงการจัดตั้งมหานครผลไม้ (Fruit Metropolis Blueprint) และหลักการแห่งร่างกฎหมายกองทุนผลไม้แห่งชาติ (National Fruit Fund)รวมทั้งแนวทางการพัฒนาสนามบินจันทบุรีในการประชุมฟรุ้ทบอร์ดครั้งต่อไปคาดว่าเป็นปลายเดือนหน้าหรือต้นเดือนมกราคมเพื่อยกระดับจันทบุรี ภาคตะวันออกเป็นฮับผลไม้โลกในฐานะที่ประเทศไทยเป็นประเทศผู้นำการผลิตและส่งออกผลไม้และผลิตภัณฑ์ผลไม้ของโลกโดยปีที่ผ่านมาสามารถส่งออกสร้างรายได้เข้าประเทศกว่า 2 แสนล้านบาท 

โครงการมหานครผลไม้มุ่งต่อยอดการพัฒนาจากฐานศักยภาพปัจจุบันของจังหวัดจันทบุรี ระยอง ตราดและจังหวัดอื่นๆในภาคตะวันออกเชื่อมโยงกับศักยภาพของระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก(Eastern Economic Corridor)โดยจะจัดตั้งบนพื้นที่ของรัฐในอำเภอนายายอามและอำเภอท่าใหม่ของจังหวัดจันทบุรีพร้อมกับการพัฒนาสนามบินจันทบุรีเป็นสนามบินพาณิชย์
โดยโครงการมหานครผลไม้ประกอบไปด้วยการแบ่งโซนพื้นที่และองค์ประกอบสำคัญเช่น
1.ศูนย์บริหารจัดการผลไม้ครบวงจร 
2.ศูนย์ธุรกิจ แสดงสินค้าและการประชุม
3. ศูนย์การค้าอีคอมเมิร์ซและการประมูลออนไลน์
4.ศูนย์แปรรูปผลไม้
5.ศูนย์โลจิสติกส์ การขนส่งและคลังสินค้า
6.ศูนย์รวบรวมคัดแยกและบรรจุผลไม้สด
7. ศูนย์ห้องเย็น(Cold Chain Center)
8.ศูนย์ปฎิบัติการแล็ปกลาง
9.ศูนย์ตรวจรับรองคุณภาพผลไม้
10.ศูนย์วิจัยและพัฒนาโดยสถาบันผลไม้(Fruit Academy)จัดตั้งภายใต้ระบบAIC(ศูนย์เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรม-Agritech and Innovation Center)

นายอลงกรณ์กล่าวต่อไปว่า การบริหารจัดการจะใช้รูปแบบPPPและการลงทุนของภาคเอกชนเป็นหลักเน้นการแปรรูปสร้างมูลค่าเพิ่มสู่เกษตรมูลค่าสูงโดย ต่อยอดและเชื่อมโยงเสริมศักยภาพปัจจุบันของตลาดผลไม้และระบบการค้าการส่งออกที่มีอยู่เดิมเพิ่มในส่วนที่ขาดมุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางผลไม้ของโลก รวมทั้งการสร้างแพลตฟอร์มเครือข่ายความร่วมมือกับภาครัฐภาคเอกชนภาควิชาการและภาคเกษตรกรชาวสวนผลไม้ภายในประเทศและต่างประเทศที่เป็นตลาดสำคัญเช่น จีน ญี่ปุ่น อินเดีย ฮ่องกง อาเซียน อังกฤษ สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย ดูไบ ซาอุดีอาระเบีย เนเธอร์แลนด์และอียู ฯลฯ ในรูปแบบคล้ายคลึง FKIIของญี่ปุ่นและโมเดลFood Valleyของเนเธอร์แลนด์ ทั้งนี้ในฐานะประธานกรกอ.จะนำโครงการมหานครผลไม้เข้าสู่การพิจารณาของการประชุมคณะกรรมการความร่วมมือระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(กรกอ.)ครั้งหน้าเพื่อเชิญชวนผู้ประกอบการโรงงานกลุ่มคลัสเตอร์แปรรูปผลไม้และเวชสำอางค์ที่สนใจมาลงทุน

นอกจากนี้ ที่ประชุมได้รับทราบความก้าวหน้าในการพัฒนาและปรับปรุงสนามบินท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี และเห็นว่ามีศักยภาพที่จะพัฒนาเป็นสนามบินพาณิชย์เพื่อการขนส่ง การค้าและการท่องเที่ยวของกลุ่มจังหวัดนอกเขตอีอีซี.โดยช่วงแรกจะใช้สนามบินอู่ตะเภา สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิและสนามบินจังหวัดตราดไปพลางก่อนโดยจะมีหนังสือขอการสนับสนุนจากกระทรวงคมนาคมรวมทั้งการขยายระบบรางมายังโครงการมหานครผลไม้ด้วย

ปตท. จัดงาน ‘Gas Grows Zerotopia 2022’ ส่งเสริมอุตฯ ไทย ปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์

เมื่อวันที่ 25 - 26 พฤศจิกายน 2565 ที่ผ่านมา หน่วยธุรกิจก๊าซธรรมชาติ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เป็นเจ้าภาพจัดงานเสวนาวิชาการและนิทรรศการ Gas Grows Zerotopia 2022 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค โดยมี ม.ล. ปีกทอง ทองใหญ่ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจก๊าซธรรมชาติ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และ นางสุณี อารีกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ระบบท่อจัดจำหน่ายก๊าซธรรมชาติ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ร่วมงาน เพื่อส่งเสริมความรู้ความเข้าใจ พร้อมให้การสนับสนุนเกี่ยวกับการจัดการพลังงาน รวมถึงปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้เครื่องจักรให้กับผู้ประกอบการโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นการลดภาระต้นทุนในช่วงสถานการณ์ราคาพลังงานที่ผันผวน โดย ม.ล. ปีกทอง ได้ร่วมเสวนาในหัวข้อ ‘สถานการณ์พลังงานและแนวทางการนำไปสู่เป้าหมาย Net Zero’ 

‘ภูเก็ต’ ย้ำ พร้อมเป็นเจ้าภาพ Specialised Expo 2028 เร่งเดินหน้าโครงสร้างพื้นฐานรองรับการเดินทาง

ภูเก็ต เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ ขอเป็นเจ้าภาพ Specialised Expo 2028 ใน Concept 'Future Life' พร้อมยกระดับทุกด้าน แข่งกับอีก 4 เมืองทั่วโลก

เพจโครงสร้างพื้นฐาน ประเทศไทย Thailand Infrastructure ได้โพสต์ถึงภูเก็ตได้เสนอตัวเป็นเจ้าภาพ Specialised Expo 2028 ว่า รายละเอียดของ Phuket Expo 2028 ซึ่งได้เข้านำเสนอ และแสดงวิสัยทัศน์กับทาง BIE เพื่อแสดงความพร้อมที่จะขอเสนอเป็นเจ้าภาพ Specialised Expo 2028 ซึ่งต้องแข่งกับอีก 4 เมืองจากทั่วโลก ได้แก่

* Argentina (San Carlos de Bariloche)
* Serbia (Belgrade)
* Spain (Malaga)
* United States (Minnesota)

ซึ่งภูเก็ตก็เป็นหนึ่งในตัวเต็งของงานนี้เลยทีเดียว 

โดยจากการ present ครั้งที่ 2 กับทาง BIE ทีม Expo ภูเก็ต ทำได้ดีและพร้อมมากๆ โดยเฉพาะการให้น้องกานพลู ซึ่งเป็นเยาวชนทูตภูเก็ต เริ่มต้นพูดด้าน Concept การสร้างสรรค์ EXPO สำหรับคนรุ่นต่อไป ใครยังไม่ได้ดู ดูได้จากลิ้งค์นี้ ตั้งแต่ช่วง 6:42:00 ครับ
https://youtu.be/ZHRdzXg_3Ms

มาดูกันที่รายละเอียดของ ภูเก็ต EXPO 2028 กันบ้าง

หัวข้อ 'Future of Life: Living in Harmony, Sharing Prosperity' ชีวิตในอนาคต การสร้างสมดุลระหว่างชีวิตและธรรมชาติ 

หัวข้อรอง คือ 
(1) Life and Well-Being 
(2) Human-Nature 
(3) Mutual Prosperity

ช่วงเวลาการจัดงานจะอยู่ระหว่างวันที่ 20 มีนาคม ถึง 17 มิถุนายน 2571 ระยะเวลารวมกว่า 3 เดือน

การจัดงานนี้ ถือว่าเป็นงาน Specialised Expo แรกของอาเซียนเลย!!!!

โดยจะใช้พื้นที่ของ โครงการยกระดับการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพจังหวัดภูเก็ต สู่เมืองท่องเที่ยวเชิงสุขภาพระดับโลก บริเวณตำบลไม้ขาว อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต ใช้พื้นที่กว่า 140 ไร่ ซึ่งเป็นพื้นที่ป่าเสื่อมโทรม ยกระดับให้เป็น Green Expo โดยการรักษา และพัฒนาพื้นที่เดิมให้คงสภาพพื้นที่สีเขียว เพื่อให้เป็น 'Expo in forest'

ตำแหน่งสถานที่จัดงาน
https://goo.gl/maps/XvWvj5XvF2wzZmbC6

โดยมี 4 Concepts หลักของงาน
1. Expo ในป่าริมทะเลอันดามัน
2. Expo ด้านชีวภาพ 
3. Expo เพื่อสิ่งแวดล้อม
4. การปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ (รวมถึงส่วนชดเชย) เป็น 0

โดยแบ่งพื้นที่ตามการใช้งานเป็น 4 ส่วนคือ

1. ส่วนแกนกลางของ Expo จาก ทางเข้าหลัก ผ่าน พื้นที่โชว์การแสดงกลางป่า (Forest Amphitheater) และมุ่งหน้าสู่อาคารรูปเต่าทะเล ซึ่งเป็นอาคารจัดประชุมหลักของโครงการ 

2. พื้นที่แสดงนวัตกรรม และแสดงสินค้านานาชาติ 

3. พื้นที่แสดงผลงานและนวัตกรรมตาม Concept Expo และ อาคารแสดงของประเทศไทย ซึ่งอยู่ตรงแกนกลางของถนนหลัก

4. พื้นที่ป่าอนุรักษ์ริมทะเล พร้อมกับการทำสะพานเดินเท้าข้ามป่า (canopy walk) เพื่อมุ่งหน้าไปชายหาด และไปเดินเยี่ยมชมที่อาคารไข่มุกลอยน้ำ

*** ซึ่งภายหลังงาน อาคาร Expo นี้จะถูกเปลี่ยนจุดประสงค์การใช้งานเป็นอาคารเป็น ศูนย์แสดงสินค้า พื้นที่สำนักงาน และโครงการยกระดับการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพจังหวัดภูเก็ต สู่เมืองท่องเที่ยวเชิงสุขภาพระดับโลกของโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต หลังจากงานเสร็จ 

กระทรวงดิจิทัลฯ - ดีป้า ประกาศผลรางวัล Smart City Solutions Awards 2022 ชูไอเดียรัฐ - เอกชนประยุกต์ใช้ดิจิทัลพัฒนาเมืองอัจฉริยะประเทศไทย

1 ธันวาคม 2565, กรุงเทพมหานคร - กระทรวงดิจิทัลฯ และ ดีป้า จัดพิธีมอบรางวัล Smart City Solutions Awards 2022 แก่ผลงานการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลตามแนวทางการพัฒนาเมืองอัจฉริยะจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่นำไปสู่การเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการเมือง และยกระดับ การให้บริการประชาชนใน 7 ด้าน รวม 20 รางวัล

นายเนวินธุ์ ช่อชัยทิพฐ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เป็นประธานในพิธีมอบรางวัล Smart City Solutions Awards 2022 แก่ผู้บริหารและผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน เจ้าของผลงานการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ การบริหารจัดการเมือง และให้บริการประชาชนในพื้นที่ได้อย่างตรงจุดตามลักษณะของเมืองอัจฉริยะทั้ง 7 ด้าน ประกอบด้วย เศรษฐกิจอัจฉริยะ (Smart Economy) พลังงานอัจฉริยะ (Smart Energy) สิ่งแวดล้อมอัจฉริยะ (Smart Environment) การบริหารภาครัฐอัจฉริยะ (Smart Governance) การดำรงชีวิตอัจฉริยะ (Smart Living) การขนส่งอัจฉริยะ (Smart Mobility) และพลเมืองอัจฉริยะ (Smart People) รวม 20 รางวัล

นายเนวินธุ์ กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการส่งเสริมและสนับสนุนให้หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนคิดค้นและนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ ควบคู่ไปกับการบูรณาการการทำงานกับภาคส่วนต่าง ๆ เพื่อประโยชน์สูงสุดแก่ประเทศและประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม โดยปีนี้ กระทรวงดิจิทัลฯ และ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า จัดให้มีกิจกรรมประกวดเพื่อชิงรางวัลในโครงการ Smart City Solutions Awards 2022 เพื่อเฟ้นหาผลงานที่มีความโดดเด่นในการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการเมือง และให้บริการประชาชนในพื้นที่ได้อย่างตรงจุด ตามลักษณะของเมืองอัจฉริยะทั้ง 7 ด้านด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลจากทั้งหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน โดยผลงานต่าง ๆ ที่ได้รับรางวัลเป็นระบบบริการที่ดำเนินการมาแล้วไม่น้อยกว่า 6 เดือน ซึ่งจะเป็นต้นแบบองค์ความรู้ และสร้างแรงบันดาลใจให้กับหน่วยงานอื่น ๆ ในการสร้างสรรค์โซลูชันเพื่อมุ่งสู่การเป็นเมืองอัจฉริยะต่อไป

ด้าน ผศ.ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ ดีป้า กล่าวว่า โครงการ Smart City Solutions Awards 2022 ที่จัดขึ้นเป็นครั้งแรกในปีนี้มีหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งจากภาครัฐและภาคเอกชน ร่วมส่งผลงานเข้าประกวดรวม 57 ผลงาน และมีผลงานที่ผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ และได้รับรางวัลในแต่ละด้านรวม 20 ผลงาน ซึ่งผลงานที่ได้รับรางวัลล้วนเป็นโซลูชันที่มุ่งแก้ไขปัญหาเฉพาะพื้นที่อย่างตรงจุดด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัล อีกทั้งมีแนวทางการประเมินผล รวมถึงการนำไปใช้อย่างชัดเจน ตลอดจนสร้างความมีส่วนร่วมจากประชาชนในพื้นที่
ได้อย่างเป็นรูปธรรม

“โครงการ Thailand Smart City Solutions Awards 2022 ถือเป็นการสร้างความตระหนักและกระตุ้นการรับรู้เกี่ยวกับการพัฒนาเมืองสู่การเป็นเมืองอัจฉริยะด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัล อีกทั้งก่อให้เกิดการรับรู้ในวงกว้างไปยังหน่วยงานที่เป็นผู้ให้บริการระบบบริการเมืองอัจฉริยะ รวมถึงประชาชนหรือผู้รับบริการที่จะได้รับรู้และเข้าใจในระบบบริการเมืองอัจฉริยะ และแนวทางการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อบริหารจัดการเมือง ซึ่งถือเป็นกลไกสำคัญในการยกระดับคุณภาพชีวิตคนไทยให้ดีขึ้น” ผู้อำนวยการใหญ่ ดีป้า กล่าว

สำหรับผลงานที่ได้รับรางวัล Smart City Solutions Awards 2022 ใน 7 ด้าน ประกอบด้วย
1. ด้านเศรษฐกิจอัจฉริยะ (Smart Economy) รางวัลชนะเลิศ
- โครงการ หลาดยะลา (Yala Market) “ระบบบริการด้านตลาดออนไลน์กระตุ้นเศรษฐกิจระดับท้องถิ่น” โดย เทศบาลนครยะลา จังหวัดยะลา
รางวัลชมเชย
- โครงการ ส่งเสริมตลาดเกษตรออนไลน์ 'สดจากฟาร์ม เสิร์ฟจากเว็บ' 
โดย สำนักงานเกษตรจังหวัดนครพนม จังหวัดนครพนม

2. ด้านพลังงานอัจฉริยะ (Smart Energy) รางวัลชนะเลิศ
- โครงการ Smart Grid in Samyan Smart City 'ระบบจัดการพลังงานในพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ' 
โดย สำนักงานจัดการทรัพย์สินจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กรุงเทพมหานคร
รางวัลชมเชย
- โครงการ Smart IoT Street Lighting (โคมไฟถนนอัจฉริยะ) โดย บริษัท จัมโบ้ อิเล็กทรอนิกส์ จำกัด ดำเนินการในพื้นที่จังหวัดอำนาจเจริญและจังหวัดระยอง

3. ด้านสิ่งแวดล้อมอัจฉริยะ (Smart Environment)
รางวัลชนะเลิศ
- โครงการ Chula Zero Waste 'ความยั่งยืนในการจัดการขยะอย่างครบวงจร' 
โดย สำนักงานจัดการทรัพย์สินจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กรุงเทพมหานคร
รางวัลชมเชย
- โครงการระบบแสดงข้อมูลการตรวจสอบอาหารทะเลปลอดฟอร์มาลิน 
โดย เทศบาลเมืองแสนสุข จังหวัดชลบุรี

4. ด้านการบริหารภาครัฐอัจฉริยะ (Smart Governance)
รางวัลชนะเลิศ (2 ผลงาน)
- โครงการระบบรับและบริหารจัดการเรื่องร้องทุกข์ออนไลน์ 'เพื่อการบริการภาครัฐที่ทันสมัยและคล่องตัว' โดย เทศบาลนครนครศรีธรรมราช จังหวัดนครศรีธรรมราช
- โครงการบ้านกลาง One Stop Service 'ระบบที่ส่งต่อบริการอย่างครบถ้วนและรวดเร็ว'
โดย เทศบาลตำบลบ้านกลาง จังหวัดลำพูน
รางวัลชมเชย (2 ผลงาน)
- โครงการโครงข่ายนครสวรรค์เมืองอัจฉริยะ (Super Node) โดย เทศบาลนครนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์
- โครงการ บวกค้าง อี เซอร์วิส  (Buakkhang E-Service) ภายใต้โครงการไตยอง Smart City โดย เทศบาลตำบลบวกค้าง จังหวัดเชียงใหม่

‘บิ๊กตู่’ คิกออฟ งานอุตสาหกรรมแฟร์ อิมแพ็ค 1-4 ธ.ค.นี้ ชวน ‘ซื้อของไทย-ใช้ของดี-สร้างอาชีพ-เสริมธุรกิจที่ดีพร้อม’

‘บิ๊กตู่’ ยกทัพอุตสาหกรรมแฟร์ ดันผลงานพลิกเศรษฐกิจฐานรากยั่งยืน คาดบูมเศรษฐกิจมากกว่า 500 ล้านบาท

(1 ธ.ค. 65) กระทรวงอุตสาหกรรม จัดงานใหญ่แห่งปี อุตสาหกรรมแฟร์ ภายใต้แนวคิด ‘ซื้อของไทย ใช้ของดี สร้างอาชีพ เสริมธุรกิจที่ดีพร้อม’ เพื่อต่อยอดผลสำเร็จของโครงการพัฒนาอาชีพเสริม เพิ่มรายได้ให้ชุมชนดีพร้อม ด้านการเสริมทักษะในการประกอบธุรกิจ ให้สามารถพึ่งพาตัวเองและมีอาชีพใหม่ พร้อมทั้งระดมสุดยอดผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมกว่า 1,200 ราย นำสินค้าดี มีคุณภาพ ราคาถูก เพื่อช่วยลดค่าครองชีพของประชาชน ตลอดจนการเปิดตลาดไอเดียสำหรับประชาชนเพื่อหาแรงบันดาลใจในการสร้างธุรกิจที่มั่นคง ระหว่างวันที่ 1-4 ธันวาคม 2565 ณ อาคารเอ็กซิบิชั่น ฮอลล์ 9-12 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี ซึ่งคาดว่าจะกระตุ้นเศรษฐกิจได้ไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท โดยได้รับเกียรติจาก นายกรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้เกียรติเป็นประธานเปิดงานในครั้งนี้ 

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในช่วงระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยต้องเผชิญกับปัญหาทางเศรษฐกิจและสังคมที่เกิดจากหลายปัจจัยทั้งภายในและภายนอกประเทศ โดยเฉพาะวิกฤติ การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในวงกว้าง ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลได้ให้ความสำคัญในการช่วยเหลือเยียวยาและการฟื้นฟูกิจกรรมทางเศรษฐกิจและสังคมในทุกด้านอย่างเป็นระบบ เพื่อบรรเทาผลกระทบและเสริมสร้างความเป็นอยู่ที่ดีให้กับพี่น้องประชาชนมาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงให้เศรษฐกิจสามารถกลับเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็ว โดยเฉพาะการสร้างความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจฐานรากที่จะเป็นส่วนสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจไทย ด้วยการมุ่งเน้นให้ความสำคัญกับการพัฒนา ‘คน’ ที่เป็นประชาชนในระดับท้องถิ่นและชุมชน ซึ่งเป็นรากฐานและกลไกสำคัญของการพัฒนาประเทศ ด้วยการเสริมทักษะและฝึกอาชีพแก่ประชาชนให้สามารถพึ่งพาตัวเองและมีรายได้ มีอาชีพใหม่ อันจะก่อให้เกิดความเข้มแข็ง มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนต่อไป

สำหรับการจัดงานอุตสาหกรรมแฟร์ ‘ซื้อของไทย ใช้ของดี สร้างอาชีพ เสริมธุรกิจที่ดีพร้อม’ ในวันนี้ ถือเป็นการจัดงานครั้งใหญ่ในรอบหลายปี ซึ่งเป็นการต่อยอดและขยายผลโครงการต่าง ๆ ของภาครัฐ ขณะเดียวกัน ยังถือเป็นการสะท้อนภาพความสำเร็จของการนำนโยบายสำคัญของรัฐบาลมาสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมที่ทำให้ประชาชนมีความรู้และทักษะใหม่ในการประกอบอาชีพที่สอดคล้องกับลักษณะพื้นที่และภูมิปัญญาของคนในชุมชนที่สามารถนำไปต่อยอดได้จริง ซึ่งจะเป็นการช่วยให้ชุมชนเกิดความเข้มแข็งได้จากภายใน สามารถสร้างรายได้อย่างยั่งยืนและเกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจในพื้นที่ รวมถึงช่วยผลักดันให้ภาคเศรษฐกิจสามารถฟื้นตัวกลับมาสู่สภาวะปกติต่อไปได้

ด้าน นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า กระทรวงอุตสาหกรรม ได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนา ‘ชุมชนดีพร้อม’ และการพัฒนา ‘คน’ ที่เป็นประชาชนในระดับท้องถิ่นและชุมชน ผ่าน ‘กลไก 7 วิธี ปั้นชุมชนดีพร้อม’ ได้แก่ แผนชุมชนดีพร้อม, คนชุมชนดีพร้อม, แบรนด์ชุมชนดีพร้อม, ผลิตภัณฑ์ชุมชนดีพร้อม, เครื่องจักรชุมชนดีพร้อม, ตลาดชุมชนดีพร้อม และเงินทุนหมุนเวียนดีพร้อม ซึ่งหนึ่งในกลไกข้างต้น กระทรวงอุตสาหกรรมเห็นว่า ‘คน’ เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในก้าวแรกที่จะพัฒนาชุมชนให้เข้มแข็ง ด้วยการเสริมทักษะและฝึกอาชีพแก่ประชาชนในรูปแบบการฝึกอบรมระยะสั้น เพื่อให้สามารถพึ่งพาตนเองและมีรายได้ มีอาชีพใหม่ผ่านโครงการ ‘พัฒนาอาชีพเสริม เพิ่มรายได้ให้ชุมชนดีพร้อม’ โดยที่ผ่านมาสามารถพัฒนาทักษะอาชีพให้กับกลุ่มเป้าหมายไปแล้วกว่า 600,000 คน ในกว่า 2,100 พื้นที่ และกำลังดำเนินการเพิ่มเติมให้ครอบคลุมทั่วประเทศ 

นอกจากนั้น อีกหนึ่งกลไกที่มีความสำคัญ คือ การพัฒนาตลาดชุมชนดีพร้อมให้มีความเข้มแข็ง ซึ่งในการพัฒนา ‘ตลาดชุมชนดีพร้อม’ กระทรวงอุตสาหกรรมจึงเลือกที่จะใช้งานอุตสาหกรรมแฟร์ ‘ซื้อของไทย ใช้ของดี สร้างอาชีพ เสริมธุรกิจที่ดีพร้อม’ เป็นเครื่องมือทางการตลาดให้กับชุมชน ระหว่างวันที่ 1-4 ธันวาคม 2565 ณ เอ็กซิบิชั่น ฮอลล์ 9-12 อิมแพ็ค เมืองทองธานี 

เปิดตัว Digital Post ID รหัสไปรษณีย์แบบดิจิทัล ส่งของไม่ต้องจ่าหน้า แปะ QR บอกพิกัดแทน

(1 ธ.ค. 65) นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และบริษัทไปรษณีย์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ปณท ร่วมกันเปิด โครงการ Digital Post ID (ดิจิทัลโพสต์ไอดี) ที่จะบอกข้อมูลที่อยู่ได้แบบพิกัด GPS โดยผู้ส่งไม่ต้องเขียนจ่าหน้า แต่ใช้เป็นฉลาก QR Code แปะ ผลักดันไปรษณีย์ไทยสู่ยุคไทยแลนด์ 4.0พร้อมตั้งเป้าเปิดใช้งานจริงไตรมาส 2 ปี 2566 

Digital Post ID เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ‘ระบบที่อยู่ดิจิทัล’ (Location based Digital ID) เป็นการปรับเปลี่ยนการระบุข้อมูลตำแหน่งที่อยู่เดิมให้เป็นที่อยู่ดิจิทัล หรือจะพูดง่ายๆ ก็คือ เชื่อมโยงข้อมูลผู้รับและผู้ส่งเข้ากับพิกัดที่อยู่ โดยต่อยอดมาจากการใช้รหัสไปรษณีย์ 5 หลัก ที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานการส่งไปรษณีย์ที่ไทยใช้มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2525 มาแปลงเป็นพิกัดที่ตั้งบนพื้นผิวโลกในประเทศไทย โดยมีหลักการทำงานเดียวกันกับระบบ GPS ซึ่งจะทำให้ระบุที่อยู่ได้แม่นยำกว่าเดิม 

“เดิมเลขไปรษณีย์ 5 หลักจะบอกได้ถึงเขตพื้นที่เท่านั้น แต่ Digital Post ID ระบุได้ถึงพิกัดตำแหน่งด้วยการปักหมุด บอกพิกัดแนวดิ่งได้ ทำให้ระบุที่อยู่สำหรับคนที่อยู่ในอาคารสูงได้แม่นยำ และที่น่าสนใจคือ เมื่อไม่ต้องจ่าหน้าเป็นตัวหนังสือ ก็จะทำให้ช่วยปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลได้ ป้องกันการโจรกรรมข้อมูลส่วนบุคคล ทำให้การขนส่งมีประสิทธิภาพและแม่นยำมากขึ้นอีกด้วย”

สำหรับวิธีการใช้งาน คือ ผู้รับจะต้องสมัครและกรอกข้อมูลรายละเอียดการจัดส่ง คือ ชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทร พิกัด ของตัวเองลงในแอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์ของไปรษณีย์ไทย (กำลังพัฒนาระบบ) จากนั้นก็ส่ง QR Code ให้ผู้ส่งนำไปพิมพ์ที่ที่ทำการไปรษณีย์ หลังจากนั้นไปรษณีย์จะพิมพ์ข้อมูลดิจิทัลโพสต์ไอดีออกมาเป็นฉลาก QR Code แล้วแปะบนกล่องพัสดุ หรือซองจดหมาย (โดยในอนาคตจะมีเครื่องพิมพ์ QR Code ในที่ทำการไปรษณีย์เพื่อรองรับระบบดิจิทัลโพสต์ไอดี) โดยผู้รับและผู้ส่งมั่นใจได้ว่าข้อมูลส่วนบุคคลจะไม่หลุด เนื่องจากบนจ่าหน้ากล่อง/ซอง จะไม่ปรากฏข้อมูลส่วนบุคคล และต้องใช้แอปพลิเคชันบนอุปกรณ์อ่าน QR Code เท่านั้น ถึงจะโชว์ข้อมูลผู้รับ-ผู้ส่ง

ไม่เพียงเท่านั้น QR Code จะเป็นแบบใช้งานได้ครั้งเดียวเท่านั้น อีกทั้งยังมีการจำกัดสิทธิ์การเข้าถึงข้อมูลต่างๆ ตามหลักการของพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top