ไม่ใช่เฉพาะบ้านเราที่มีข่าวการติดสินบนทั้งในหมู่นักการเมืองและหน่วยราชการต่าง ๆ ในประเทศที่ได้ชื่อว่าเป็น ‘อารยประเทศ’ ก็เคยมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นเช่นกัน การติดสินบนอื้อฉาวดังกล่าวทำให้เกิดความขัดแย้งทางการเมืองอย่างมากใน เยอรมนีตะวันตก อิตาลี เนเธอร์แลนด์ และญี่ปุ่น ส่วนในสหรัฐอเมริกาเรื่องอื้อฉาวเกือบจะนำไปสู่ความหายนะของบริษัท Lockheed เนื่องจากต้องดิ้นรนให้พ้นจากความล้มเหลวทางการค้าในการผลิตเครื่องบินโดยสารแบบ Lockheed L-1011 TriStar
กรณีสินบนจากผลงานที่ทำโดยพนักงานของ บริษัท Lockheed ตั้งแต่ปลายทศวรรษ 1950 จนถึงกลางทศวรรษ 1970 ในขั้นตอนของการเจรจาต่อรองในการเสนอขายเครื่องบินแบบต่างๆ ของบริษัท Lockheed
Clarence ‘Kelly’ Johnson หัวหน้าคนแรกของทีมออกแบบ Skunk Works ของบริษัท Lockheed
ผู้บริหารของบริษัท Lockheed ยอมรับว่า มีการจ่ายเงินสินบนหลายล้านดอลลาร์เป็นเวลากว่าทศวรรษให้กับผู้มีอำนาจใน เยอรมนีตะวันตก อิตาลี เนเธอร์แลนด์ และญี่ปุ่น รวมทั้งซาอุดีอาระเบียเพื่อให้พวกเขาซื้อเครื่องบินของเรา
‘Kelly’ หมายถึง Clarence ‘Kelly’ Johnson หัวหน้าคนแรกของทีมออกแบบ Skunk Works ของบริษัท Lockheed เองก็ยังรู้สึกเบื่อหน่ายกับการเปิดเผยเรื่องทุจริตเหล่านี้จนเกือบจะลาออก และมีผู้บริหารระดับสูงของบริษัท Lockheed ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องอื้อฉาวจะลาออกด้วยความอับอายขายหน้ากันหลายคน
เมื่อมีการผ่านรัฐบัญญัติการค้ำประกันเงินกู้ในกรณีฉุกเฉิน ปี ค.ศ. 1971 ซึ่งโครงการค้ำประกันนี้จะทำให้รัฐบาลสหรัฐรับภาระหนี้ของบริษัท Lockheed หากผิดนัดชำระหนี้ ในปี ค.ศ. 1975 ในเดือนสิงหาคมปี ค.ศ. 1975 คณะกรรมาธิการของรัฐสภาสหรัฐฯ ได้ตรวจสอบว่า บริษัท Lockheed อาจละเมิดภาระหน้าที่หรือไม่ โดยไม่แจ้งให้คณะกรรมาธิการฯ ทราบเกี่ยวกับการชำระเงินในต่างประเทศของบริษัท Lockheed เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม ค.ศ. 1977 บริษัท Lockheed และธนาคารผู้ให้กู้ยืม ๒๔ แห่งได้ทำข้อตกลงด้านสินเชื่อโดยให้วงเงินสินเชื่อหมุนเวียน US$100,000,000 เพื่อทดแทนข้อผูกพันในการค้ำประกันของรัฐบาล สิ่งนี้ถูกใช้เพื่อปลดหนี้ของบริษัท Lockheed มูลค่า US$60,000,000 คณะกรรมาธิการการค้ำประกันเงินกู้ฉุกเฉินได้อนุมัติข้อตกลงสินเชื่อฉบับใหม่เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม ค.ศ. 1977 ผ่านข้อตกลงการยกเลิกโดยคณะกรรมาธิการค้ำประกันเงินกู้ฉุกเฉินของรัฐบาลฯ หลังจากออกรายงานฉบับสุดท้ายในวันที่ 30 กันยายน ค.ศ. 1977 ค่าธรรมเนียมที่บริษัท Lockheed และธนาคารจ่ายให้แก่คณะกรรมาธิการการฯ สำหรับการบริหารเงินกู้โปรแกรมสุทธิประมาณ US$30,000,000 ซึ่งถูกส่งไปยังกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ โดยตรง และไม่เคยมีการมอบเงินภาษีของพลเมืองอเมริกันแก่บริษัท Lockheed เลย
เครื่องบินขับไล่แบบ Lockheed F-104 Starfighter ของกองทัพอากาศเยอรมันตะวันตก
ในช่วงปลายปี ค.ศ. 1975 และต้นปี ค.ศ. 1976 คณะอนุกรรมาธิการของวุฒิสภาสหรัฐ ซึ่งนำโดยวุฒิสมาชิก Frank Church สรุปว่า สมาชิกของคณะกรรมการบริหารของบริษัท Lockheed ได้จ่ายเงินให้สมาชิกของรัฐบาลที่เป็นมิตรเพื่อรับประกันสัญญาสำหรับเครื่องบินรบ ในปี ค.ศ. 1976 มีการเปิดเผยต่อสาธารณะว่า บริษัท Lockheed ได้จ่ายสินบนให้กับเจ้าหน้าที่ต่างชาติจำนวน US$22,000,000 ในกระบวนการเจรจาการขายเครื่องบินซึ่งรวมถึงเครื่องบินขับไล่แบบ F-104 Starfighter ซึ่งถูกเรียกว่า ‘ข้อตกลงแห่งศตวรรษ’ (Deal of the Century)
>> เยอรมนีตะวันตก
Ernest Hauser อดีต Lobbyist ของบริษัท Lockheed บอกกับคณะอนุกรรมาธิการของวุฒิสภาสหรัฐ ว่า Franz Josef Strauss รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเยอรมันตะวันตกและพรรค Christian Social Union ของเขาได้รับเงินอย่างน้อย US$10,000,000 สำหรับการซื้อเครื่องบินขับไล่แบบ F-104G จำนวน ๙๐๐ เครื่องในปี ค.ศ. 1961 แต่พรรค Christian Social Union และผู้นำพรรคปฏิเสธข้อกล่าวหา และ Strauss ยื่นฟ้อง Hauser ว่าใส่ความ เนื่องจากคำฟ้องดังกล่าวไม่ได้รับการยืนยันปัญหาจึงหลุดไป
Manfred Wörner สมาชิกของ Bundestag และสมาชิกสภากลาโหม เยอรมันตะวันตก
ในเดือนกันยายน ค.ศ. 1976 ช่วงสุดท้ายของการเลือกตั้งสหพันธรัฐเยอรมันตะวันตก กรณีดังกล่าวได้ถูกหยิบยกขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อมีการถามคำถามเกี่ยวกับ ‘เอกสารของ Lockheed’ กระทรวงกลาโหมของรัฐบาลเยอรมันตะวันตกเก็บไว้ ทั้งยังมีแหล่งข่าวนิรนามได้แจกจ่ายเอกสารหลายฉบับให้สื่อมวลชนรับทราบ
ตามเอกสารเหล่านี้ Manfred Wörner สมาชิกของ Bundestag และสมาชิกสภากลาโหม เยอรมันตะวันตก ได้ตอบรับคำเชิญจากบริษัท Lockheed ให้ไปเยี่ยมชมโรงงานผลิตเครื่องบินของพวกเขาในสหรัฐอเมริกาโดยที่บริษัท Lockheed เป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายให้ตลอดการเดินทาง และในระหว่างการสืบสวนยังพบว่า เอกสารส่วนใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับการซื้อเครื่องบินขับไล่แบบ Lockheed F-104 Starfighter ถูกทำลายในปี ค.ศ. 1962 เบาะแสของเอกสารได้ถูกนำขึ้นมาหารืออีกครั้งในการประชุมคณะกรรมาธิการสอบสวนของ Bundestag ระหว่างเดือนมกราคม ค.ศ. 1978 ถึงเดือนพฤษภาคม ปี ค.ศ. 1979 และการสืบสวนของทางการสหรัฐฯ เปิดเผยว่าการเดินทางไปสหรัฐฯ Wörner รับทุนจาก Bundestag และเกี่ยวข้องกับการทดสอบการบินกับเครื่องปราบเครื่องดำน้ำแบบ S-3 Viking และเที่ยวบินของ Wörner ที่เดินทางกลับจากสหรัฐอเมริกากลับไปยังเยอรมนีได้รับการชำระโดยบริษัท Lockheed ซึ่ง Wörner เดินทางพร้อมกับเลขานุการของเขา และบริษัท Lockheed ก็ออกค่าใช้จ่ายในการเดินทางส่วนหนึ่งให้เธอ ยิ่งไปกว่านั้น Wörner ยัง ‘เสีย’ ตั๋วเดินทางที่รัฐบาลเยอรมันตะวันตกขากลับไปเยอรมนี และบริษัท Lockheed ‘รับรอง’ เขาด้วยการให้ตั๋วเดินทางกลับอีกใบแก่เขา
เครื่องบินขนส่งแบบ Lockheed C-130 Hercules ของกองทัพอากาศอิตาลี
>> อิตาลี
เรื่องอื้อฉาวของบริษัท Lockheed ในอิตาลีเกี่ยวข้องกับการติดสินบนนักการเมืองสังกัดพรรค Christian Democrat และพรรคสังคมนิยมเพื่อให้สนับสนุนการจัดซื้อเครื่องบินขนส่งแบบ Lockheed C-130 Hercules ของกองทัพอากาศอิตาลี
ข้อกล่าวหาเรื่องการติดสินบนได้รับการสนับสนุนจาก L'Espresso นิตยสารทางการเมือง และมีเป้าหมายที่อดีตรัฐมนตรี ๒ คน คือ Luigi Gui และ Mario Tanassi (อดีตรัฐมนตรีอิตาลีคนแรกที่รับโทษจำคุก และเป็นนักการเมืองคนแรกที่ถูกตัดสินว่ามีความผิด ก่อนเกิดเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับการทุจริตทั่วประเทศในทศวรรษ 1990) อดีตนายกรัฐมนตรี Mariano Rumor และจากนั้น ประธานาธิบดี Giovanni Leone ได้กดดันให้เขาลาออกจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน ค.ศ. 1978
โทรเลขรายงานข้อมูลที่เกี่ยวกับการติดสินบนของบริษัท Lockheed จากเอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำเนเธอร์แลนด์มายังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ (Henry Kissinger)
เจ้าชาย Bernhard พระสวามีในสมเด็จพระราชินีจูเลียนา ถูกกล่าวหาว่า ได้รับสินบน US$1,100,000 จากบริษัท Lockheed เพื่อให้แน่ใจว่า เครื่องบินขับไล่แบบ Lockheed F-104 Starfighter จะชนะเครื่องบินขับไล่แบบ Dassault Mirage 5 ในการสั่งซื้อโดยกองทัพอากาศเนเธอร์แลนด์ พระองค์เคยทรงดำรงตำแหน่งในคณะกรรมการบริษัท หรือคณะกรรมาธิการต่าง ๆ มากกว่า 300 แห่งทั่วโลก และได้รับการยกย่องอย่างมากในเนเธอร์แลนด์สำหรับความพยายามในการส่งเสริมความเป็นอยู่ทางเศรษฐกิจที่ดีของประเทศเนเธอร์แลนด์
เจ้าชาย Bernhard พระสวามีในสมเด็จพระราชินีจูเลียนา
นายกรัฐมนตรี Joop den Uyl สั่งให้มีการสอบสวนเรื่องนี้ ในขณะที่เจ้าชาย Bernhard ทรงปฏิเสธที่จะตอบคำถามของผู้สื่อข่าวโดยระบุว่า ‘ข้าพเจ้าอยู่เหนือเรื่องนั้น’ ผลของการไต่สวนนำไปสู่วิกฤตรัฐธรรมนูญซึ่งสมเด็จพระราชินีจูเลียนาทรงขู่ว่า จะทรงสละราชสมบัติหากเจ้าชาย Bernhard ทรงถูกดำเนินคดี เจ้าชาย Bernhard ทรงได้รับยกเว้นการดำเนินคดี แต่ทรงต้องลงจากตำแหน่งสาธารณะหลายตำแหน่ง และถูกห้ามไม่ให้ทรงเครื่องแบบทหารอีก
เจ้าชาย Bernhard ทรงปฏิเสธข้อกล่าวหามาโดยตลอด แต่หลังจากการสิ้นพระชนม์ชีวิตในวันที่ 1 ธันวาคม ค.ศ. 2004 มีการเผยแพร่บทสัมภาษณ์ที่แสดงให้เห็นว่า พระองค์ทรงยอมรับว่า ทรงรับเงิน พระองค์ตรัสว่า "ข้าพเจ้ายอมรับว่าคำว่า Lockheed จะถูกสลักไว้บนหลุมฝังศพของข้าพเจ้า"
Adnan Khashoggi ตัวแทนจำหน่ายของบริษัท Lockheed ในซาอุดีอาระเบีย
>> ซาอุดิอาระเบีย
ระหว่างปี ค.ศ. 1970 และค.ศ. 1975 บริษัท Lockheed จ่ายค่า Commissions ราว US$106,000,000 ให้กับ Adnan Khashoggi ตัวแทนจำหน่ายในซาอุดีอาระเบีย เริ่มต้นที่ 2.5% + และในที่สุดก็เพิ่มขึ้นเป็น 15%
เครื่องบินขับไล่แบบ Lockheed F-104 Starfighter กองกำลังป้องกันตนเองทางอากาศของญี่ปุ่น
>> ญี่ปุ่น
เรื่องอื้อฉาวที่เกี่ยวข้องกับ Marubeni Corporation และอีกสมาชิกระดับสูงทางการเมือง ธุรกิจ และวงการมาเฟียของญี่ปุ่น รวมทั้ง Eisaku Satō รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และ Minoru Genda ประธานคณะเสนาธิการ กองกำลังป้องกันตนเองญี่ปุ่น (JASDF) ในปี ค.ศ. 1957 กองกำลังป้องกันตนเองทางอากาศของญี่ปุ่นต้องการซื้อเครื่องบินขับไล่แบบ Grumman F11F-1F Super Tiger เพื่อแทนที่เครื่องบินขับไล่แบบ F-86 Saber ที่ประจำการอยู่ในขณะนั้น แต่การล็อบบี้อย่างหนักโดยบริษัท Lockheed โดยแกนนำคนสำคัญของพรรค Liberal Democratic Party ทำให้มีการซื้อเครื่องบินขับไล่แบบ Lockheed F-104 Starfighter แทน
Yoshio Kodama
ต่อมาบริษัท Lockheed ได้ทำการว่าจ้าง Yoshio Kodama ซึ่งเป็นผู้มีบทบาทและอิทธิพลต่อหลายสายการบินของญี่ปุ่น เป็นที่ปรึกษา ซึ่งทำให้ All Nippon Airways (ANA) สั่งซื้อเครื่องบินโดยสารแบบ Lockheed L-1011 TriStar แทนเครื่องบินโดยสารแบบ McDonnell Douglas DC-10 โดยวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1976 รองประธานของบริษัท Lockheed กล่าวกับคณะอนุกรรมาธิการของวุฒิสภาว่า บริษัท Lockheed ได้จ่ายสินบนประมาณ US$3,000,000 ให้กับสำนักงานของ Kakuei Tanaka นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น เพื่อขอความช่วยเหลือในเรื่องนี้