Monday, 20 May 2024
POLITICS TEAM

"อนุทิน ชาญวีรกูล" เผยไม่มีปัญหาหาที่นั่งคณะกรรมการสมานฉันท์ เพราะ "เป็นเรื่องของแต่ละพรรค" ยัน "พรรคภูมิใจไทย" ยังยึดหลัก "สามัคคี - ปรองดอง - ปกป้องสถาบัน"

อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการจัดตั้งคณะกรรมการสมานฉันท์ ในส่วนของรัฐบาล โดยได้กล่าวว่า

"พรรคภูมิใจไทยไม่มีปัญหา เป็นเรื่องของแต่ละพรรคการเมือง สำหรับพรรคภูมิใจไทยเสนอชื่อ สรอรรถ กลิ่นประทุม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และประธานที่ปรึกษาพรรคภูมิใจไทย เป็นตัวแทนไปเข้าร่วม สำหรับตัวแทนของรัฐบาลนั้นยังไม่ได้มีการหารือ ส่วนจะเป็นใครนั้นเราไม่มีปัญหา เป็นสิทธิ์ของแต่ละพรรค ขณะที่รายละเอียดเป็นเรื่องของรัฐสภา ซึ่งพรรคภูมิใจไทยมีคนทำงานในส่วนของสภาอยู่แล้ว

ทั้งนี้ รายชื่อที่ออกมา ส่วนใหญ่ตนเห็นด้วย เพราะเป็นคนกันเองทั้งนั้น กรณีที่มีข่าวว่า ชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ไม่พอใจกับกระแสข่าวที่มีชื่อของ สุภรณ์ อัตถาวงศ์ กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี เป็นตัวแทนรัฐบาลนั้น เรื่องนี้ยังไม่ได้มีการพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีเลย จึงยังไม่ทราบ"

เมื่อถามว่าเรื่องนี้จะทำให้การทำงานของคณะกรรมการสมานฉันท์สะดุดจนไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า "ในส่วนของผมไม่มีปัญหาแน่นอน เพราะผมต้องการสมานฉันท์อยู่แล้ว พรรคภูมิใจไทยเน้นการสมานฉันท์ เน้นความสามัคคีปรองดอง ปกป้องสถาบัน นี่คือแนวทางของพวกผม"

วัคซีนโควิด-19 ยังคงเป็นความหวังของมนุษยชาติที่จะใช้ต่อกรกับไวรัสโคโคน่าสายพันธุ์ใหม่ ขณะที่ประเทศจีนประกาศคำมั่นสัญญาจะช่วยประเทศกำลังพัฒนาเข้าถึงวัคซีนอย่างปลอดภัยและเท่าเทียม

วัคซีนโควิด-19 ยังคงเป็นความหวังของมนุษยชาติที่จะใช้ต่อกรกับไวรัสโคโคน่าสายพันธุ์ใหม่ ขณะที่ประเทศจีนประกาศคำมั่นสัญญาจะช่วยประเทศกำลังพัฒนาเข้าถึงวัคซีนอย่างปลอดภัยและเท่าเทียม

วังเหวินปิน โฆษกกระทรวงต่างประเทศของจีน แถลงว่า ปัจจุบันจีนกำลังดำเนินงานอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อปฏิบัติตามพันธสัญญาในการทำให้ประเทศกำลังพัฒนา สามารถเข้าถึงและจัดซื้อวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโคน่าสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19)

ทั้งนี้ กลุ่มบริษัทวัคซีนจีน ทุ่มเทความพยายามสุดกำลังในการยกระดับการวิจัยและพัฒนาวัคซีน โดยวัคซีนหลายตัวเข้าสู่การทดลองทางคลินิกระยะที่ 3 แล้ว ซึ่งจีนให้ความสำคัญอย่างยิ่งยวดต่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพของวัคซีน

รัฐบาลจีนสนับสนุนความร่วมมือระหว่างบริษัทจีนและนานาประเทศ ในการวิจัยและพัฒนาวัคซีนอย่างแข็งขัน โดยจีนได้ปรึกษาหารือและร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับองค์การอนามัยโลก (WHO) และองค์กรพันธมิตรเพื่อวัคซีน (GAVI)

โฆษกกระทรวงต่างประเทศของจีน ระว่า รัฐบาลจีนจะดำเนินงานร่วมกับประชาคมระหว่างประเทศต่อไป เพื่อรับประกันว่าทุกประเทศสามารถเข้าถึงวัคซีนที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพอย่างเท่าเทียม อีกทั้งสนับสนุนประเทศด้อยพัฒนาหรือประเทศกำลังพัฒนาบางประเทศในการเข้าถึง และจัดซื้อวัคซีนผ่านมาตรการที่หลากหลาย

"บริษัทวัคซีนจีนทำการวิจัยและพัฒนาโดยสอดคล้องกับหลักวิทยาศาสตร์และระเบียบข้อบังคับต่าง ๆ อย่างเคร่งครัด อีกทั้งร่วมมือกับนานาชาติในการปฏิบัติตามมาตรฐานสากล ตลอดจนกฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง" พร้อมระบุว่า บางประเทศได้อนุมัติการใช้งานวัคซีนฝีมือจีนแล้ว ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันถึงความปลอดภัยและประสิทธิภาพของวัคซีนจีนได้เป็นอย่างดี

"เราพร้อมทำงานร่วมกับนานาประเทศ เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนาวัคซีน รวมถึงมีส่วนสนับสนุนการเข้าถึงและการจัดซื้อวัคซีนโลก โดยเฉพาะประเทศกำลังพัฒนา เพื่อให้โลกของเราสามารถยับยั้งการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ในเร็ววัน" โฆษกกระทรวงต่างประเทศของจีน กล่าวทิ้งท้าย


ที่มา : https://www.xinhuathai.com/china/161009_20201216

‘เพนกวิน พริษฐ์’ ออกมาโพสต์ปฏิเสธ ‘ผมเป็นสมาชิกของแนวร่วมธรรมศาสตร์ฯ ไม่ได้เป็นสมาชิกของกลุ่มเยาวชนปลดแอก’ ย้ำยังสู้เพื่อประชาธิปไตย ไร้เงาเผด็จการ-ศักดินาแทรกแทรง

หลังกลุ่มเยาวชนปลดแอก ได้ออกมาเสนอแนวคิดระบอบคอมมิวนิสต์ ดูจะทำให้แนวร่วมหลายฝ่ายเริ่มถอย รวมถึงนักเคลื่อนไหวทางการเมืองอย่าง ‘เพนกวิน’

โดย พริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ ‘เพนกวิน’ ได้โพสต์ข้อความผ่านทางเพจเฟซบุ๊ก ระบุว่า ตนไม่ได้เป็นสมาชิกของกลุ่มเยาวชนปลดแอก ข้อความดังนี้

พี่น้องผู้รักประชาธิปไตยทุกท่าน

ผมขอชี้แจงกับทุกท่านว่าผมเป็นสมาชิกของแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ไม่ได้เป็นสมาชิกของกลุ่มเยาวชนปลดแอก (Free Youth) และจุดยืนที่ปรากฏในเพจเยาวชนปลดแอกนั้น เป็นแนวทางของกลุ่มเยาวชนปลดแอกเอง ไม่ใช่แนวทางของผม ไม่ใช่ของแนวร่วมธรรมศาสตร์ฯ และที่สำคัญ ไม่ใช่มติของราษฎร ผมยังคงยึดมั่นในการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยที่ไม่มีเผด็จการหรือศักดินาแทรกแซงครอบงำ เพื่อประชาธิปไตยที่ทุกคนมีสิทธิ เสรีภาพ และความเท่าเทียม และเพื่อประชาธิปไตยที่มีรัฐสวัสดิการโอบอุ้มชีวิตของทุกคน

การเสนออุดมการณ์ไม่ว่าจะแนวคิดใดมิใช่เรื่องผิดบาป ถือเป็นเสรีภาพของผู้เสนอ แต่ในเชิงการเคลื่อนไหวต่อสู้นั้น จะต้องประเมินให้ดีว่าแนวคิดที่จะเสนอนั้นสอดคล้องกับเจตจำนงของมวลชนหรือไม่ ในขณะที่เราตัดสินใจจะพังเพดานในเวทีธรรมศาสตร์ในวันที่ 10 สิงหาคมนั้น เราได้วิเคราะห์และประเมินสถานการณ์อย่างถี่ถ้วนแล้วว่าปัญหาของสถาบันฯ คือสิ่งที่อยู่ในใจของพี่น้องที่ร่วมต่อสู้ ดังจะเห็นว่านับแต่การชุมนุมครั้งแรก เราเห็นป้ายกล่าวถึงปัญหาของสถาบันฯ ปรากฎอยู่ทุกแห่งหนในการชุมนุม เราจึงลุกขึ้นพูดเพื่อประกาศเจตจำนงของมวลชน เพราะถึงที่สุด การต่อสู้จะสำเร็จได้มิใช่ด้วยเจตจำนงของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่จะสำเร็จด้วยเจตจำนงร่วมของพี่น้องทุกท่าน

ในประเด็นเรื่องสามข้อหรือข้อเดียวนั้น เรายังยึดมั่นในข้อเสนอสามข้อซึ่งจะนำไปสู่การปฏิรูป แต่ตามธรรมชาติแล้ว การปฏิรูปจะเกิดขึ้นก็เมื่อชนชั้นนำยอมปรับเปลี่ยนตัวเองให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชน หากชนชั้นนำไม่ยอมปรับตัวก็จะไม่เกิดการปฏิรูป และเมื่อไม่เกิดการปฏิรูปก็จะเกิดการปฏิวัติ เป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ทั่วโลก ดังนั้น ขณะนี้ ถ้าเปรียบประเทศไทยเป็นรถยนต์ก็เหมือนอยู่ที่สามแยก ทางหนึ่งเลี้ยวไปหาการปฏิรูป ทางหนึ่งเลี้ยวไปหาการปฏิวัติ ประชาราษฎรได้ขับรถมาถึงหน้าสามแยกแล้ว แต่จะเลี้ยวไปทางไหนนั้น สถาบันฯ และองคาพยพจะเป็นผู้ตัดสินใจ ถ้าเลือกปรับปรุงตัวรถก็เลี้ยวเข้าถนนปฏิรูปสามข้อ แต่ถ้ายังดื้อด้าน รถก็เลี้ยวเข้าทางปฏิวัติข้อเดียวก็เท่านั้น

จึงเรียนมาเพื่อแถลงไขเพนกวิน

หลังจากสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน หรือ PM2.5 กำลังปะทุหนัก โดยบางพื้นที่ค่าฝุ่นทะลุ 200 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และ กทม. มีค่าฝุ่นอยู่ที่อันดับ 6 ของโลก ทำให้ ‘พรรคเพื่อไทย’ ออกมาโจมตีถึงความไม่จริงใจในการแก้ปัญหาของรัฐ

อรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า “รัฐบาลไม่มีความจริงใจในการแก้ปัญหา ทั้งที่มีแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง ที่รัฐบาลได้อนุมัติให้แผนดังกล่าวนี้ผ่านมติ ครม.ตั้งแต่เดือนตุลาคม พ.ศ.2562 ออกมาตรการแก้ปัญหาสวยหรู

แต่ไม่ตอบโจทย์แม้แต่น้อย ใช้งบประมาณของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติในการจัดการปัญหานี้ มีการออกแผนเฉพาะกิจสวยหรู ทั้งการใช้ภาพถ่ายดาวเทียมรายงานฝุ่นละออง หรือการใช้แอพพลิเคชั่นบัญชาการการดับไฟป่า ที่ควรจะเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ.2563 ที่ผ่านมา

“แต่ตอนนี้เห็นเพียงผู้นำประเทศอย่างพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ออกมาบอกให้ประชาชนดูแลตัวเองทั้งที่เป็นหน้าที่ในการดูแลชีวิตและความปลอดภัยของพลเมืองในประเทศ จึงขอตั้งคำถามไปถึงรัฐบาลว่า คนไทยจะมีผู้นำประเทศไว้ทำไม ยิ่งพล.อ.ประยุทธ์อยู่ ยิ่งถ่างความเหลื่อมล้ำในการมีชีวิตอยู่รอดของประชาชนให้กว้างขึ้น ประชาชนต้องดิ้นรนกันเอง

บางครอบครัวต้องยอมเป็นหนี้สินเพื่อซื้อเครื่องฟอกอากาศที่มีราคาสูง ซื้อหน้ากากอนามัยราคาแพงมาใช้ ในขณะที่หลายครอบครัว ต้องทนรับสภาพชะตากรรมชีวิต ไม่มีสิ่งป้องกันใด ๆ นอกจากหน้ากากอนามัยเก่า หรือบางคนไม่มีเงินแม้แต่จะซื้อหน้ากากไว้ใช้ป้องกันตัวเอง”

อรุณี กล่าวอีกว่า "หมดแล้วเวลาที่รัฐบาลจะโยนบาปให้ประชาชน เพราะรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์อยู่ในตำแหน่งมาอย่างยาวนานกว่า 6 ปี และผู้ว่าฯ กทม.ที่ คสช.แต่งตั้งมายังอยู่ในหน้าที่ แต่ไม่เคยแก้ปัญหาอย่างจริงจัง ถนัดแต่ทำแบบผักชีโรยหน้า เอาละอองน้ำไปฉีดใกล้เครื่องวัดค่าฝุ่นละออง

แม้จะพยายามแก้ปัญหาก็ทำแบบวัวหายล้อมคอก อย่างมาตรการควบคุมจำกัดรถวิ่ง หรือตรวจจับควันดำที่ทำไม่จริงจัง หรือมาตรการควบคุมการก่อสร้าง อาคารและโครงการขนาดใหญ่ ที่ยังปล่อยปละละเลย ไม่มีการป้องกันที่เพียงพอ จนอดสงสัยไม่ได้ว่างบประมาณที่รัฐบาลถืออยู่มีประชาชนอยู่ในนั้นหรือไม่

หรือรัฐบาลนี้ถนัดแต่ดำเนินคดีการเมืองอย่างเดียวจนไม่สนใจปัญหาคุณภาพชีวิตประชาชน ตอนนี้ประชาชนมีทางเลือกไม่กี่ทางว่าจะมีชีวิตรอดได้อย่างไร จะตายเพราะเศรษฐกิจแย่ ตายเพราะโควิด-19 ตายเพราะฝุ่น หรือตายเพราะมีผู้นำอย่างพล.อ.ประยุทธ์กันแน่ พรรคเพื่อไทยจะขอทำหน้าที่อย่างสุดความสามารถ เราจะทวงถามทั้งในสภาและถึงคณะกรรมาธิการต่าง ๆ จะไม่ยอมปล่อยผ่านเรื่องนี้แน่นอน"

สถานการณ์ COVID-19 ประเทศไทยและอาเซียน (16 ธันวาคม พ.ศ.2563)

ศูนย์ข้อมูล COVID-19 รายงานสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ประจำวัน โดยประเทศไทยพบจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 15 ราย ทำให้ยอดผู้ป่วยยืนยันสะสมอยู่ที่ 4,261 ราย ไม่พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม รวมยอดผู้เสียชีวิต 60 ราย รักษาหายเพิ่ม 28 ราย รวมผู้ป่วยที่รักษาหายแล้ว 3,977 ราย ยังคงรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 224 ราย

ทั้งนี้ ผู้ป่วยรายใหม่ 15 ราย เป็นคนไทย 11 ราย สัญชาติเ อังกฤษ 1 ราย ฝรั่งเศส 1 ราย อินเดีย 1 ราย บราซิล 1 ราย

ขณะเดียวกันสถานการณ์ COVID-19 ของประเทศในกลุ่มอาเซียนมีการอัพเดทดังนี้

ประเทศบรูไน ดารุสซาลาม ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 152 ราย รักษาหายแล้ว 147 ราย เสียชีวิต 3 ราย

ประเทศกัมพูชา ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 362 ราย รักษาหายแล้ว 319 ราย ไม่มียอดผู้เสียชีวิต

ประเทศอินโดนีเซีย ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 6.29 แสน ราย รักษาหายแล้ว 5.17 แสน เสียชีวิต 19,111 ราย

ประเทศลาว ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 41 ราย รักษาหายแล้ว 34 ราย ไม่มียอดผู้เสียชีวิต

ประเทศมาเลเซีย ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 86,618 ราย รักษาหายแล้ว 71,681 ราย เสียชีวิต 422 ราย

ประเทศพม่า ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 1.11 แสน ราย รักษาหายแล้ว 89,418 ราย เสียชีวิต 2,319 ราย

ประเทศฟิลิปปินส์ ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 4.52 แสน ราย รักษาหายแล้ว 4.19 แสน ราย เสียชีวิต 8,812 ราย

ประเทศสิงคโปร์ ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 58,341 ราย รักษาหายแล้ว 58,233 ราย เสียชีวิต 29 ราย

ประเทศเวียดนาม ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 1,405 ราย รักษาหายแล้ว1,252 ราย เสียชีวิต 35 ราย

‘เต้-มงคลกิตติ์’ โพสต์แขวะ ‘เอนก’ หาเงินเข้าประเทศให้พอรายจ่าย ก่อนคิดจะไปดวงจันทร์ ย้ำ ‘อย่าบอกนะว่าจะกู้อีก’

จากกรณี เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่ากระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ได้กล่าวเปิดโครงการ ‘วัคซีนเพื่อคนไทย’ และได้มีการเปิดเผยว่า “เร็วๆ นี้ไทยจะเป็นชาติที่ 5 ของเอเชีย ที่จะสามารถผลิตยานอวกาศและส่งไปโคจรรอบดวงจันทร์ได้ โดยคาดว่าจะใช้ระยะเวลาดำเนินการไม่เกิน 7 ปี และอาจมีการขอความร่วมมือและสนับสนุนจากประชาชนในการระดมทุน เชื่อว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเหล่านี้จะเปลี่ยนวิธีคิดของคนไทย ว่าไทยไม่ใช่ประเทศที่ด้อยพัฒนาอีกแล้ว เราเป็นประเทศที่มีอนาคต มีโอกาส และมีความหวัง”

กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างมากเลยทีเดียวว่า ไทยสามารถสร้างยานอวกาศในเวลาเพียง 7 ปีได้จริงอย่างที่ เอนก กล่าวไว้จริงหรือ

ทันทีที่ข้อความดังกล่าวจาก เอนก ออกสื่อไปนั้น มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยศรีวิไลย์ ก็ได้ออกมาโพสต์ ผ่านเฟซบุ๊คส่วนตัวถึงกรณีนี้เช่นกัน โดยระบุว่า...

“ก่อนจะผลิตยานอวกาศไปโคจรรอบดวงจันทร์ หารายรับเข้าประเทศให้พอรายจ่ายก่อน หรือ ทำให้คนจนมีชีวิตขั้นพื้นฐานให้ปกติก่อน...อย่าบอกนะว่าจะกู้อีก”

สหแรงงานฯขสมก. อาศัยช่วงวิกฤตฝุ่นพิษ PM2.5 กระทุ้งรัฐบาล เร่งคลอดแผนฟื้นฟูกิจการ อ้างหากทำตามแผน และได้รถเมล์ใหม่ จะช่วย แก้ปัญหา PM2.5 ในพื้นที่กรุงเทพได้ 100%

สหแรงงานฯขสมก. ระบุถูกยกเลิกใบอนุญาตแล้วราว 30 เส้นทาง เหตุรถเมล์เก่าโดนปลดระวาง พร้อมย้ำหากไม่ได้รับการตอบรับ เตรียมนำทัพ 3,000 คน ทวงถามอีกทีต้นปีหน้า

นายบุญมา ป๋งมา ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (สร.ขสมก.) พร้อมด้วยสมาชิกจำนวน300 คน ยื่นหนังสือ ถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เรื่องขอให้เร่งรัดดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน พ.ศ.2562 ดำเนินการแผนฟื้นฟูกิจการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) โดยมีนายสมพาศ นิลพันธ์ ที่ปรึกษาสำนักงานปลัด สำนักนายกรัฐมนตรีเป็นผู้รับเรื่อง

นายบุญมา กล่าวว่า ขณะนี้เวลาล่วงเลยมานานมากในการผลักดันแผนฟื้นฟูกิจการฯ ที่ไม่ผ่าน ครม. จึงอยากให้พล.อ.ประยุทธ์ เร่งผลักดันโดยด่วน เนื่องจากประชาชนได้รับความเดือดร้อนไม่ได้ใช้รถใหม่ และยังทนต่อการใช้รถเก่าเสื่อมโทรมลงทุกวัน หากยังไม่ดำเนินการแผนฟื้นฟูกิจการฯ จะทำให้มีการปลดระวางรถเก่าจำนวนมาก และ กรมขนส่งทางบก (ขบ.) ได้ยกเลิกใบอนุญาตประกอบการประจำทางของ ขสมก. ประมาณ 30 เส้นทาง และบางเส้นทาง ขบ.ได้อนุญาตให้เอกชนเข้ามาเดินรถแทนขสมก. ส่งผลให้เส้นทางเดินรถของขสมก.ลดลง และประชาชนได้รับความเดือดร้อน

"หากครม.ผ่านแผนฟื้นฟูกิจการฯประชาชนจะได้ใช้รถเมล์ใหม่ และช่วยแก้ปัญหา PM 2.5 ได้เกือบ 100 % ที่บัดนี้ส่งผลกระทบต่อพี่น้องประชาชน และอันตรายต่อสุขภาพ อย่างไรก็ตามหลังจากยื่นเรื่องไปแล้วจะรอฟังผล ซึ่งหากยังไม่ได้รับการตอบรับ จะมีการพาสมาชิกกว่า 3,000 คนเพื่อทวงถามอีกครั้งในต้นปีหน้า"

นายบุญมา กล่าวว่า สำหรับ มติ ครม. เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน พ.ศ.2562 เห็นชอบในหลักการของแผนฟื้นฟูกิจการ ขสมก.สำหรับดำเนินการตามกลยุทธ์ และแนวทางต่าง ๆ ภายใต้แผนฟื้นฟูกิจการฯ ดังกล่าวให้กระทรวงคมนาคม และ ขสมก. เร่งจัดทำรายละเอียดและดำเนินการให้ถูกต้อง

ซึ่งแผนฟื้นฟูกิจการฯ กำหนดให้ ขสมก. จัดหารถโดยสารใหม่ (รถเมล์) รวม 3,000 คัน ดังนี้ ซื้อรถโดยสารใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (เอ็นจีวี) 489 คัน ซื้อรถเมล์ไฟฟ้า (อีวี) 35 คัน ซื้อรถโดยสารปรับอากาศระบบดีเซลและไฟฟ้า (ไฮบริด) 1,453 คัน เช่ารถไฮบริด 400 คัน เช่ารถเอ็นจีวี 300 คัน และปรับปรุงรถเก่า 323 คัน ซึ่งต่อมาองค์การได้จัดซื้อรถใหม่เอ็นจีวี 489 คัน คงเหลือ 2,188 คัน และซ่อมบำรุงรถเก่า 323 คัน ขสมก. ได้ขอปรับปรุงแผนฟื้นฟู ซึ่งมีสาระสำคัญแตกต่างจากแผนเดิม ประกอบด้วย

1.)ขอเช่ารถเมล์ไฟฟ้า จากเอกชน 2,511 คัน

2.)ขอจ้างเอกชนมาเดินรถจำนวน 1,500 คัน

และ 3.) จะจัดเก็บค่าโดยสาร 30 บาท/คน/วัน

ด้านนายสมพาศ กล่าวว่า "สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ เคยยื่นเรื่องมาแล้ว2 ครั้ง และ ที่ผ่านมา นายกฯก็ให้กระทรวงคมนาคมเร่งรัดเข้าครม.โดยเร็ว ดังนั้นจึงต้องไปตรวจสอบว่าเกิดความล่าช้าจุดไหน อย่างไรก็ตาม วันนี้ สหภาพฯก็มายื่นเรื่องอีกครั้ง ซึ่งก็จะรายงานให้นายกฯรับทราบเพื่อดำเนินการต่อไป"

หลังจากประเทศไทยได้รับการจัดระดับให้อยู่ ระดับ Tier 2 ในรายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์ กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา

ล่าสุด “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรียกประชุมคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องย้ำชัดต้องป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ มุ่งความยั่งยืน และต้องร่วมหยุดการล่วงละเมิดทางเพศกับเด็ก พร้อมตั้งเป้าปี 64 ยกระดับ สู่ Tier 1 ให้ได้

พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม ในฐานะ ประจำ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี. ได้เรียกประชุม คณะกรรมการที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ 2 คณะ เข้าประชุมต่อเนื่องกัน ทั้งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ และคณะกรรมการประสานและกำกับการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนและติดตามการแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ ณ ห้องประชุมทำเนียบรัฐบาล

ที่ประชุมรับทราบ การแลกเปลี่ยนความร่วมมือการต่อต้านการค้ามนุษย์ ไทย - สหรัฐฯ โดยไทยเสนอความร่วมมือในการพัฒนาบุคลากรและเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน

พร้อมทั้งรายงานความคืบหน้าของคดีการค้ามนุษย์และคดีการบังคับใช้แรงงานที่สำคัญให้สหรัฐฯทราบ และรับทราบแนวทางความร่วมมือกับองค์การเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐฯ (USAID) โดยมีคณะทำงานร่วมกันในด้านคุ้มครอง ด้านการเพิ่มศักยภาพทีมสหวิชาชีพ และด้านการป้องกัน

และแต่งตั้งคณะทำงานขับเคลื่อนมาตรการป้องกันและปราบปรามเพื่อลดอุปสงค์การล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็ก การบังคับใช้แรงงานหรือบริการและการค้ามนุษย์ทุกรูปแบบ รวมทั้งรับทราบการขับเคลื่อนโครงการอาเซียน - ออสเตรเลีย เพื่อต่อต้านการค้ามนุษย์ ที่มุ่งเน้นความเชื่อมโยงของแผนระดับประเทศและภูมิภาค

พร้อมกันนี้ ได้เห็นชอบการปรับปรุง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551 เพิ่มเติมในกรณีการยึด/อายัดทรัพย์คดีค้ามนุษย์ เพื่อช่วยเหลือเยียวยาผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ รวมทั้งเห็นชอบกรอบการดำเนินงานขับเคลื่อนโครงการอาเซียน - ออสเตรเลีย เพื่อต่อต้านการค้ามนุษย์ และรับทราบความก้าวหน้า การจัดตั้งหน่วยงานถาวร ภายใต้สังกัด ตร.ในด้านการปราบปรามการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กทางอินเทอร์เน็ต (TICAC)

รวมทั้งเห็นชอบการจัดทำระบบสารสนเทศเพื่อบูรณาการข้อมูลด้านการป้องกันปัญหาการค้ามนุษย์ของประเทศไทย เพื่อเป็นระบบฐานข้อมูลร่วมกันแก้ปัญหาของทุกส่วนราชการ

ต่อจากนั้น ได้ร่วมกันพิจารณาการจัดทำรายงานผลการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ของประเทศไทยประจำปี 63 เสนอต่อสหรัฐฯ โดยสรุป ได้ชี้แจงถึงสถานการณ์และผลการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ของประเทศไทยรอบปีที่ผ่านมา ซึ่งแสดงถึงความมุ่งมั่นการดำเนินนโยบายต่อต้านการค้ามนุษย์ของรัฐบาล เน้นเสนอความก้าวหน้าและผลการดำเนินงานที่สำคัญใน 3 ด้าน คือ

1.) ด้านการดำเนินคดีและบังคับใช้กฎหมาย

2.) ด้านการคุ้มครองช่วยเหลือ

และ 3.) ด้านการป้องกัน

พล.อ.ประวิตร ได้ย้ำถึงความมุ่งมั่นและจุดยืนของรัฐบาล ต้องการแก้ปัญหาการค้ามนุษย์อย่างจริงจังโดยมุ่งความยั่งยืน การขับเคลื่อนกลไกปฏิบัติการในทุกระดับทั้งในประเทศและต่างประเทศจึงมีความสำคัญยิ่ง ขอให้ทุกคณะทำงานต้องกำหนดตัวชี้วัดความคืบหน้าให้ชัดเจนในทุกมิติ และดำเนินการตามคำแนะนำของสหรัฐฯ

โดยเฉพาะต้องร่วมกันหยุดความรุนแรงและการล่วงละเมิดทางเพศกับเด็ก ซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงให้ได้ และให้เพ่งเล็งการแก้ปัญหาแรงงานกลุ่มประมงมากขึ้น โดยมุ่งแก้ปัญหายึดผู้เสียหายเป็นศูนย์กลาง และร่วมกันผลักดันกฎหมาย กรณีการยึด/อายัดทรัพย์คดีค้ามนุษย์ เพื่อช่วยเหลือเยียวยาผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ให้เป็นผล

พร้อมทั้งกำชับเข้มกับทุกส่วนราชการว่า ต้องกำกับไม่ให้มีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ามนุษย์โดยเด็ดขาด หากมีจะดำเนินการทางกฎหมายให้ถึงที่สุดโดยไม่มีละเว้น ทั้งนี้เพื่อขจัดการค้ามนุษย์ให้หมดสิ้นไปจากประเทศไทย และร่วมกันยกระดับประเทศไทยสู่ Tier 1 ให้ได้ในปี 64

ในยุคที่ระบบโลจิสติกส์มีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศ การพัฒนาฝีมือแรงงานให้มีสกิลด้านนี้ จึงเป็นหนึ่งในนโยบายของกระทรวงแรงงาน โดยกรมพัฒนาฝีมือแรงงานที่ต้องเร่งดำเนินการ

ล่าสุดกรมพัฒนาฝีมือแรงงานเปิดโครงการฝึกอบรมต่อยอดในสายงาน Logistics Service Provider หลักสูตร การขนส่งทางทะเลและทางอากาศ ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย

นายธวัช เบญจาทิกุล อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (กพร.) กระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ปัจจุบันการเปิดการค้าเสรี และการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว ทำให้การค้าและการทำธุรกิจเป็นแบบไร้พรมแดน มีการแข่งขันสูง ซึ่งระบบโลจิสติกส์เข้ามามีบทบาทสำคัญอย่างมาก โดยเฉพาะด้านการขนส่งทั้งทางบก ทางอากาศและทางทะเล

ถือว่าเป็นต้นทุนที่เป็นตัวแปรสำคัญต่อความอยู่รอดและความก้าวหน้าของธุรกิจในปัจจุบัน หากมีการจัดการระบบโลจิสติกส์ที่ดี ผนวกเข้ากับแรงงานที่มีฝีมือมีการพัฒนาตนเองเพื่อยกระดับฝีมือให้สอดคล้องกับเทคโนโลยีและความเปลี่ยนแปลงของโลกจะสามารถลดต้นทุนและเพิ่มโอกาสในการแข่งขันได้อย่างแน่นอน

รัฐบาลภายใต้การนำของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และกระทรวงแรงงาน โดยนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และศาสตราจารย์ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน มีนโยบายยกระดับฝีมือแรงงานให้มีคุณภาพ

ซึ่ง กพร. ดำเนินงานภายใต้การบูรณาการร่วมกับภาคีเครือข่ายตามแนวทางประชารัฐซึ่งเป็นการขับเคลื่อนแรงงาน ด้านการสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน พัฒนาศักยภาพแรงงานทุกระดับ ทั้งด้านคมนาคมและระบบโลจิสติกส์ ให้มีผลิตภาพแรงงานสูง สอดคล้องกับความต้องการตลาดแรงงานทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก และก้าวทันเทคโนโลยี 4.0

นายธวัช กล่าวต่อไปว่า กพร.ได้บูรณาการร่วมกับสมาคมผู้รับจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ (TIFFA) โดยโรงเรียนธุรกิจการขนส่งและการค้าระหว่างประเทศ (ITBS) จัดฝึกอบรมโครงการพัฒนาบุคลากรด้านโลจิสติกส์รองรับธุรกิจขนส่งและการค้าระหว่างประเทศ หลักสูตร การขนส่งทางทะเลและทางอากาศ (Seafreight & Airfreight) จำนวน 3 รุ่น ๆ ละ 50 คน ระยะเวลาการฝึก 60 ชั่วโมง รุ่นที่ 1/2564 ฝึกอบรมระหว่างวันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ.2563 – 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2564 (อบรมเฉพาะวันอังคาร และวันพฤหัสบดี)

เป้าหมายเป็นบุคคลทั่วไปที่มีประสบการณ์การทำงานในสายงานโลจิสติกส์ ไม่ต่ำกว่า 2 ปี วุฒิการศึกษาระดับปริญญาตรีขึ้นไป ผู้เข้าอบรมจะได้เรียนรู้ทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติเกี่ยวกับ ธุรกิจผู้รับจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ เงื่อนไขและเอกสารที่ต้องใช้ในธุรกิจการขนส่ง การประกันภัยเกี่ยวกับการขนส่ง พิธีการศุลกากร การขนส่งทางทะเล และทางอากาศ การบรรจุและขนถ่ายสินค้า การขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ โลจิสติกส์และซัพพลายเชน ณ โรงเรียนธุรกิจการขนส่งและการค้าระหว่างประเทศ (ITBS) ผู้ผ่านการฝึกอบรมสามารถเข้ามาทำงานในสายงานโลจิสติกส์ การขนส่งสินค้าทั้งทางเรือและทางอากาศ และด่านศุลกากร

สำหรับผู้สนใจสามารถกรอกใบสมัครได้ที่เว็บไซต์ของโรงเรียนธุรกิจการขนส่งและการค้าระหว่างประเทศ (ITBS) http://www.itbslogistics.com/course/Training.html หรือโทรศัพท์ 0-2018-2800 ต่อ 8901-8902, 095-759-8058, 095-174-2589 หรือสายด่วนกระทรวงแรงงาน 1506 กด 4

เด็กถิ่นย่าโม!! โชว์​ ‘ป๋าเต็ด’ ฮีโร่เศรษฐกิจ ดันเม็ดเงินเพียบป้อนปากช่อง ปวดใจปมปิด​ Big Mountain​ สะเทือนศก.วงกว้าง แต่ยันคน​ '​โคราช-ปากช่อง' ยังต้อนรับป๋าเสมอ

จากกรณี ผู้ว่าฯ นครราชสีมา สั่งปิดการแสดงคอนเสิร์ตบิ๊กเมาน์เท่น ในวันสุดท้ายของการแสดง เนื่องจากถูกร้องเรียนเรื่องมาตราการป้องกันโควิด-19 และ ยุทธนา บุญอ้อม หรือ ‘ป๋า เต็ด’ ได้ทำหนังสืออุทธรณ์ แต่ไม่เป็นผล

ล่าสุด มารุต ชุ่มขุนทด ผู้ก่อตั้งร้านกาแฟ Class Cafe (คลาส คาเฟ่) ในจังหวัดนครราชสีมา ได้มีการแสดงความเห็นต่อเรื่องนี้ผ่านทางเฟซบุ๊กว่า

“เรื่อง Big Mountain ดูจะเลยเถิด สิ่งที่พวกเราอาจจะลืมว่า​ สิ่งที่มหกรรม ดนตรีอันยิ่งใหญ่นี้เป็นเครื่องจักรเศรษฐกิจ ตัวสำคัญ ตัวนึงของเมืองโคราช เมื่อคืนวันที่ 13 ธ.ค. คนที่หนักใจที่สุดคงไม่พ้นป๋าเต็ด ยุทธนา ผู้จัดงาน ที่ตลอดสิบปีที่ผ่านมา ปีนี้ Big Mountain เป็นปีที่​ 11 ผมเป็นคนนึงที่เคยเป็นผู้สนับสนุนหลักเมื่อครั้งที่จัดครั้งแรกสนับสนุนโดย Nokia presented Big Mountain ภาพ ป๋าเต็ดโดนรุมสกัมเมื่อวาน ฝั่งพ่อค้าดูแล้วช่างเจ็บปวด เหมือนเชือดไก่ให้ลิงดู ถ้าเล่นเทศกาลที่ใหญ่อันดับ 1 ของเมืองไทยได้ ตรงไหนก็สั่งปิดได้

“ภาพช่างน่าเจ็บปวด เพราะเราลืมไปว่า ภาคการท่องเที่ยว เราพังพินาศ มาตั้งแต่เริ่มโควิด แต่วันนี้ปากช่อง โคราช โรงแรมคนแน่นไปหมด ร้านอาหารที่หงอยเหงากลับมาเต็มแน่น โรงแรมไม่ต้องโปรทิ้งขาดทุนย่อยยับ ร้านรวงข้างทาง ปั๊มน้ำมัน ซุปเปอร์ คนแน่นเอียด …. ฮีโร่ทางเศรษฐกิจ คนนี้กำลังโดน ทำร้าย อย่างน่าเศร้าโดนผลักไปเป็นจำเลย อย่างเจ็บปวด

“ลองคิดดูสิ ว่าเค้าสร้างเม็ดเงินกี่พันล้านให้กับเมืองปากช่องมาเท่าไหร่ ตลอดสิบปี … งานเมื่อวาน ลองนึกดูว่าคนหลายหมื่นเดินทางมาจากทั่วประเทศ จ่ายค่ารถ ค่าเดินทาง มาหมดแล้ว ค่านักแสดง นักดนตรี จ่ายหมดแล้ว ยังไม่นับ เหล้าเบียร์ อีกมหาศาล … ระหว่างที่ผมนึกถึงเรื่องนี้ ผมเห็น วินมอเตอร์ไซค์ ที่คอยโบกให้คนจอดรถอย่างคึกคักฟันค่าวิ่งกันมหาศาล…. ถ้าหยุด การประท้วงครั้งใหญ่คงระเบิดขึ้นแน่ๆ เพราะทั้งอารมณ์ร่วม ของวัยรุ่น มารวมกันและให้หยุดกลางทาง ต้องบอกว่า หยุดไม่ได้ ….

“เชื่อเหอะ การปิดกลางอากาศ แบบที่คำสั่งออกมาช่างดูง่าย แต่เอาจริงๆ ความเสียหายมันเยอะเหลือเกิน … เหมือนป๋ากำลังขับเรือไททานิคแล้วสั่งให้เบรค … ยังไงก็พัง แต่ทำไงให้กระทบน้อยที่สุด ผมว่าออกมาแบบเมื่อวานผมว่าสวยมากๆ จบแบบ “ป๋ายอมเจ็บ แกรมมี่ยอมพัง” เป็นจุดที่ทำได้ดีอย่างเหลือเชื่อ… และเชื่อว่า ปีหน้า คนยังจะจดจำป๋าในฐานะ ฮีโร่คนเดิม ที่อยากให้จัดงานดีๆ ที่นี่อีกครั้ง

“แน่นอนคนที่เป็นจำเลยอีกคนนึงก็ไม่พ้นผู้ว่า ที่ถืออำนาจสูงสุดของเมือง… แต่เราอย่าลืมนะครับ ที่ตัดสินใจอะไรก็โดนด่า ไม่ให้จัดก็โดน จัดมาก็โดน มีคนติดก็โดน ก่อนหน้านั้นมี รมต.คนนึงที่ออกข่าว ว่า “โควิดนั้นกระจอก คอนเสิร์ต จัดได้” พ่อค้า แม่ค้า คนจัดงาน นักดนตรี ต่างตาลุก เมื่อคิดว่าครั้งนี้จะกลับมาคึกคักได้ซะที

“… แต่ดูหมือน งานนี้คนส่งสัญญาณ ไฟเขียวคนนั้นจะลอยตัวไปแล้ว ปล่อยผู้ว่าฯ​ กลายเป็นจำเลยไปอีกคนนึง...ประชาชนคนโคราชไม่ห่วงเพราะทีมหมอรพ.มหาราชโคราชก็พร้อมมากและแข็งแรงมาก เราน่าจะเอาอยู่ แต่สภาพเศรษฐกิจ แบบที่ทั้งเมืองยังไม่มีขอทานข้างถนนมาหากินเลย แสดงว่ามันแย่มากๆ แล้ว ต้องการการขับเคลื่อน ทางเศรษฐกิจ ครับ

“โคราช ปากช่อง ยังต้อนรับป๋าเสมอ…. เอาใจช่วยทีมงานทุกคนครับ อดทนไว้ครับ"


เครดิตภาพ : BRAND BUFFET


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top