Saturday, 4 May 2024
นายหัวไทร

เพื่อไทย ปาดเหงื่อ!! สนามใหญ่เลือกตั้งถิ่นปทุมธานีหนหน้า เมื่อ เกียรติศักดิ์ ตีจาก 'บิ๊กแจ๊ส' หนีไปซบอก 'ลุงป้อม'

แค่เห็นบริบทแรกของการเมืองแห่งเมืองปทุมธานี ก็ดูท่าจะสนุกแล้ว หลังจากเดิมสนามแห่งนี้พรรคเพื่อไทยเป็นเจ้าอยู่ แต่อาจจะมีพรรคโน้นพรรคนี้แซมเข้ามาบ้าง พรรคละคนอะไรประมาณนี้!!

หลังจาก “บิ๊กแจ๊ส” พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้มีวันนี้เพราะพี่ให้ ได้รับเลือกเป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี 'การใหญ่ก็แว่บขึ้นมา'  เพราะลูกชายก็ได้รับเลือกเป็นนายกเทศมนตรีนครรังสิตด้วยอีกคน 

การใหญ่ที่ว่าคือสนามเลือกตั้ง ส.ส.ครั้งหน้า พรรคเพื่อไทยต้องยึดทั้งจังหวัด

บิ๊กแจ๊สขอจัดทีมเอง และเลือกคนของตนเองลงสมัครเป็นส่วนใหญ่ นั่นจึงทำให้ ส.ส.เก่าบางคนก็ไม่ได้รับการพิจารณาส่งลงสมัครรับเลือกตั้ง ทัพจึงเริ่มแตก โดยมี “เกียรติศักดิ์ ส่องแสง” อดีต ส.ส.ปทุมธานี พรรคประชาธิปัตย์ เป็นคนแรกๆ ที่เดินออกมาจากทีมบิ๊กแจ๊ส

“ผมตัดสินใจแล้วครับ 
ยอมตายในดาบหน้า 
แพ้เท่ากับศูนย์ เสมอได้กำไร 
ชนะคือกำไรมหาศาล
ไม่มีอะไรจะต้องเสียไปมากกว่านี้แล้วครับ”

“ผมขอเดินทางไปกับพรรคที่ให้เกียรติผม ทั้ง ๆ ที่ผมไม่ได้คิดถึงเขาเลย ผมขอขอบคุณ พรรคที่ให้เกียรติผม (พปชร.) แต่บางคนในพรรคที่ผมอยากไปอาศัยชายคาด้วย ไม่ให้ราคากันบ้างเลย

“ผมขอพิสูจน์ครับ ผมขอน้อมรับครับ ผมขอเกาะไปกับขบวนตู้ท้ายนี้แล้วครับ ถึงจะเปลี่ยนผู้โดยสารคนสุดท้ายให้ใหม่ ผมมิอาจรอได้จริงๆ”

กล่าวถึงเกียรติศักดิ์ ส่องแสง สมัยอยู่ประชาธิปัตย์ ถือว่าเป็น ส.ส.ที่ขยันลงพื้นที่ต่อเนื่อง แม้จะเป็นคนต่างถิ่น แต่ก็แจ้งเกิดในสนามยากได้ แต่เมื่อสถานการณ์เปลี่ยน การเมืองเปลี่ยน เกียรติศักดิ์หันหัวเรือไปยังพรรคเพื่อไทยกับกระแสแลนด์สไลด์ แต่เมื่อเข้าไปแล้วเจอตอ ก็ต้องถอยออกมาดีกว่าให้เรืออับปาง หรือเดินออกมหาสมุทรแล้วเจอหินโสโครก ที่ไม่อาจรู้อนาคตได้ พายุใหญ่ก่อตัวอยู่กลางมหาสมุทรใหญ่ด้วย

พลันที่ เกียรติศักดิ์ เดินออกจากเพื่อไทย ฟาก “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รักษาการแทนนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐก็อ้าแขนรับเข้าสู่อ้อมอกอันอบอุ่น ในสนามเลือกตั้ง “แพ้-ชนะ” ว่ากันในอีก 7 เดือนข้างหน้า

เลือกตั้งครั้งหน้าปทุมธานี จึงเป็นอีกสนามเลือกตั้งที่น่าจะฟาดฟันกันดุเดือด ไม่ว่าจะเป็น ทีมก้อย พรพิมล ธรรมสาร ที่ถีบตัวออกจากเพื่อไทยอีกคน และมีคนพร้อมจะลุยสู้ศึก เปิดหน้าลุยกันอยู่แล้ว ย่านลาดสวาย ลำลูกกา ก็มี “โอม-จิรชาติ” เจ้าของแนวคิดลาดสวายโมเดล ช่วงน้ำท่วมใหญ่ปี 54 ก็พร้อมขึ้นเวทีตะบันหน้ากับทุกพรรค แม้คราวที่แล้วโอมจะลงสมัครในนามพรรคพลังประชารัฐและก้าวไม่ถึงฝัน แต่ประสบการณ์และความขยันลงพื้นที่คลุกคลีชุมชน ก็น่าจะเรียกคะแนนได้เพิ่มขึ้นกว่าเดิมในนามพรรคสร้างอนาคตไทย เรียกว่าเป็นอีกเขตพื้นที่สุดท้าทายเพื่อไทยไม่น้อยกับฝันยึดจังหวัดของบิ๊กแจ๊ส

ยังไม่พูดถึงเขตอื่นที่พรรคภูมิใจไทยก็จ่อจ้องเข้ามาเบียดแทรกอยู่เหมือนกัน อย่าลืมว่าสนามเล็กอย่างคลองหลวง เด็กบิ๊กแจ๊สก็แพ้ให้กับ “เอกพจน์ ปานแย้ม” นักร้องลูกทุ่งดังในอดีตมาแล้วกับตำแหน่งนายกเทศมนตรีคลองหลวง เพราะดีกรีอดีต ส.ส.ของเอกพจน์ก็ยังมีอยู่

ก่อนหน้านี้ เมื่อเกียรติศักดิ์ เข้ามาอยู่พรรคเพื่อไทยใหม่ ๆ ก็เจอแรงต้านจากเจ้าของพื้นที่เดิมตั้งแต่ก้าวแรกแล้ว

ด้าน นายชัยยันต์ ผลสุวรรณ์ ส.ส.ปทุมธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า กรณีที่พรรคเพื่อไทยเปิดตัวนายเกียรติศักดิ์ ส่องแสง อดีตส.ส.ปทุมธานี พรรคประชาธิปัตย์ ขนทีมงานร่วม 80 ชีวิต มาสมัครเข้าสังกัดพรรคเพื่อไทย ซึ่งถูกมองว่าอาจจะเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับการเลือกตั้งสมัยหน้า เรื่องนี้ทำให้พี่น้องประชาชนจังหวัดปทุมธานี สับสน เดิมทีนายเกียรติศักดิ์ เคยเป็นส.ส.ปทุมธานี พรรคประชาธิปัตย์ เคยเคลื่อนไหวสมัยการชุมนุมกลุ่มกปปส. เคยขึ้นเวทีด่า นายทักษิณ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อย่างเสียหาย ทำให้ต่อมาเกิดการรัฐประหารจากพล.อ.ประยุทธ์ และชาวบ้านเองก็ไม่ยอมรับ คนที่สนับสนุนให้เกิดการรัฐประหาร ไม่รู้ว่าทาง ผู้ใหญ่ในพรรคได้ทราบประเด็นตรงนี้หรือไม่ ในเวลาต่อมานายเกียรติศักดิ์ ลงสมัครรับเลือกตั้ง ก็ไม่ได้รับการยอมรับจากชาวบ้าน ทราบมาว่า การเดินทางมาสมัครของนายเกียรติศักดิ์ ได้รับการทาบทามจาก พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายอบจ.ปทุมธานี

นายชัยยันต์ กล่าวว่า กรณีนี้เหมือนเป็นการบีบตน พยายามทำให้เห็นว่า มีความขัดแย้งกับพรรค เป็นพวกงูเห่า สุดท้ายทนไม่ได้จึงต้องหนีไป ทั้งที่ยังไม่มีความคิดจะย้ายพรรค ยังรักอุดมการณ์พรรคเพื่อไทย ยังยืนอยู่ฝั่งประชาธิปไตย ไม่เอาลุงตู่ อยากให้ทางพรรคเข้ามาจัดการ แก้ปัญหา เพราะชาวบ้านเองคงไม่ยอมรับแน่ ในการนำคนที่เคยสนับสนุนรัฐประหาร ขึ้นเวทีโจมตีนายทักษิณ น.ส.ยิ่งลักษณ์ มาอยู่กับพรรค รวมทั้งอาจเป็นช่องทางให้พรรคการเมืองอื่นเข้ามาแทรกแซงได้อีกด้วย

ศึกชิงเก้าอี้นายกฯนครสงขลา ‘สมศักดิ์-วันชัย’ วัดดวง ‘นิพนธ์’ จะเชียร์ใคร

เรื่อง : นายหัวไทร

เมื่อตำแหน่งนายกเทศมนตรีนครสงขลาว่างลงจากการที่นายศรัญ บิลพัฒน์ นายกเทศมนตรีนครสงขลา ถูกศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษาตัดสิทธิ์ทางการเมือง 10 ปี พร้อมค่าจัดการเลือกตั้งอีก 2 ล้านกว่าบาท ทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก็ต้องจัดการเลือกตั้งใหม่

สัญญาณแรกที่ผมได้ยินจากต้นสายโทรศัพท์คือ ‘วันชัย ปริญญาศิริ’ สส.เขต 1 สงขลา พรรคพลังประชารัฐ จะลาออกจาก ส.ส.มาลงสมัครชิงนายกเทศมนตรีนครสงขลาด้วยคนหนึ่ง

เป็นช่วงจังหวะปะเหมาะพอดี ถ้าลาออกจาก ส.ส.หลังวันที่ 24 กันยายนนี้ กกต.ไม่ต้องจัดเลือกตั้งใหม่ เพราะกฎหมายกำหนดไว้ว่า ถ้าอายุของสภาเหลือไม่ถึง 180 วัน ไม่ต้องจัดเลือกตั้งใหม่ ‘วันชัย’ จึงมีช่องทางโล่ง ไม่ถูกวิจารณ์เรื่องลาออก และต้องเลือกตั้งใหม่ให้สิ้นเปลืองงบประมาณ

ไม่ต้องมีสัญญาณอะไร เชื่อว่า ‘สมศักดิ์ ตันติเศรณี’ อดีตนายกเทศมนตรีนครสงขลา จะต้องลงชิงแชมป์คืนแน่นอน เพราะคราวที่แล้ว ‘สมศักดิ์’ แพ้ให้กับ ‘ศรัญ’ แค่ 42 คะแนนเท่านั้นเอง ออกแรง เพิ่มพลังอีกหน่อยก็น่าจะได้คะแนนเพิ่มขึ้น เพียงแต่ว่าคะแนนที่เพิ่มขึ้นจะเอาชนะ ‘วันชัย’ ได้หรือไม่

สนามเลือกตั้งท้องถิ่นเกี่ยวโยงกับสนามเลือกตั้งระดับชาติด้วย คราวเลือกตั้งปี 2562 วันชัย เอาชนะ สรรเพชญ บุญญามณี ลูกชายของนิพนธ์ บุญญามณี แต่การทำหน้าที่ ส.ส.ของวันชัย สามปีครึ่งที่ผ่านมาไม่โดดเด่นมากนัก จึงหันหัวเรือมาลงท้องถิ่น ด้วยอาจจะเห็นว่า นิพนธ์ ลาออกจาก ส.ส.มาลงชิงนายกฯอบจ.ก็สำเร็จ ไพร พัฒโน ลาออกจาก ส.ส.มาลงชิงนายกฯนครหาดใหญ่ก็สำเร็จ

ศึกชิงนายกเทศมนตรีนครสงขลา ปัจจัยชัยชนะไม่ได้อยู่แค่ตัวบุคคลที่ลงสมัครเพียงด้านเดียว ต้องจับตาว่า นิพนธ์ บุญญามณี จะสนับสนุนใครระหว่าง ‘สมศักดิ์ กับ วันชัย’ มีคนตั้งข้อสังเกตว่า สมศักดิ์เข้าออกบ้านนิพนธ์ย่านเขารูปช้างทุกเสาร์-อาทิตย์ ซึ่งสมศักดิ์อาจจะได้รับการสนับสนุนจากนิพนธ์ แต่มีข้อแลกเปลี่ยนว่า สมศักดิ์ต้องช่วยสรรเพชญ ในเดือนพฤษภาคมนี้ เพื่อให้มีคะแนนชนะ ‘นายกฯแบน’ ประสงค์ บุรีรักษ์ อดีตนายกเทศมนตรีเมืองเขารูปช้าง ที่จะลงสมัครรับเลือกตั้ง เขต 1 สงขลา ในนามพรรคภูมิใจไทย ซึ่งหมายถึงแข่งกับสรรเพชญนั้นเอง

แต่ประเด็นที่ต้องพิจารณา คือการที่วันชัย ปริญญาศิริ ลาออกจาก ส.ส.ไปลงชิงนายกเทศมนตรีนครสงขลา เป็นการเปิดทางให้ ‘สรรเพชญ’ กับข้อแลกเปลี่ยน ‘น้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า’ หรือเปล่า นิพนธ์ช่วยวันชัย วัยชัยก็หลีกทางให้สรรเพชญ และช่วยสรรเพชญให้ถึงฝั่งฝันของพ่อด้วย

กล่าวสำหรับ ‘วันชัย-สมศักดิ์’ จะเป็นคู่แข่งที่คู่คี่สูสีกันมาก สมศักดิ์ได้ในแง่การอยู่กับท้องถิ่นสงขลามายาวนาน เคยเป็นรองนายกเทศมนตรี จนมาเป็นนายกเทศมนตรีต่อจาก ‘พีระ ตันติเศรณี’ ที่ถูกลอบสังหารกลางเมืองสงขลาในแง่ปัจจัยสมศักดิ์ก็พร้อม มีธุรกิจอู่ต่อเรือทั้งฝั่งเมือง และฝั่งสิงหนคร ส่วนวันชัยก็คลุกคลีกับการเมืองมายาวนาน ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.หลายครั้ง เพิ่งมาสำเร็จในการเลือกตั้งครั้งปี 2562 ธุรกิจในสงขลาก็มี ชื่อเสียงคนรู้จัก

ป้ายสี!! ยกสอง 'ประชาธิปัตย์' ปะทะ 'ภูมิใจไทย' ศึกภาคใต้!! ใต้ประชาธิปไตย 'เงินสด'

หลังจากนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ออกมาพูดว่า ในฐานะ ส.ส.ภาคใต้ ภาคใต้ไม่มีการซื้อเสียง แม้แต่สลึงเดียวก็ไม่เคยใช้ในทางการเมือง แต่ก็ต้องเหนื่อยและต้องรับใช้ประชาชนตลอดชีวิต เห็นทุกพรรคบอกจะแลนด์สไลด์ ไว้รอดูตอนเลือกตั้ง

แน่นอนครับว่า เมื่อพูดถึงความว่า ภาคใต้ไม่มีการซื้อเสียงในเวลานี้ ทุกคนก็นั่งยิ้มมุมปาก เพราะเป็นที่รับรู้กันโดยทั่วไปว่า มีการใช้เงินซื้อเสียงกันมโหฬาร เพียงแต่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และผู้ตรวจการเลือกตั้ง ไม่มีศักยภาพพอในการตรวจจับการทุจริตการเลือกตั้ง จึงรับรองผลว่า 'การเลือกตั้งเป็นไปโดยสุจริต เที่ยงธรรม'

นายชวนคนเดียวอาจจะเป็นข้อยกเว้นไม่มีการซื้อเสียง ไม่เลี้ยงน้ำชา-กาแฟใคร แต่ในสังคมนักเลือกตั้ง ตั้งแต่กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อบต. เทศบาล อบจ. ส.ส. มีการใช้เงินเพื่อการเลือกตั้งทั้งนั้น และการใช้เงิน (Money Politic) ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น และวงเงินมากขึ้น (ประชาธิปไตยเงินสด) เป็นยอดเงินที่เพิ่มขึ้นอย่างน่าหวาดหวั่นกับการเข้าไปใช้ตำแหน่งหน้าที่ทุจริตฉ้อโกงในอนาคต และนี้คือวงจรอุบาทว์ของการเมืองไทย

ถ้าเป็นเมื่อยี่สิบสามสิบปีก่อน ก็พอจะพูดได้ว่า ส.ส.ภาคใต้ไม่มีการซื้อเสียงการเลือกตั้ง แต่ปัจจุบันนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปหมดแล้ว 'เงิน' เป็นปัจจัยหนึ่งในการชี้วัดผลการเลือกตั้ง

เมื่อนายชวนออกมาพูดว่าภาคใต้ไม่มีการซื้อเสียง จึงเกิดปฏิกิริยาโต้กลับจากคู่ต่อสู่ทางการเมืองทันที

นายณัฏฐ์ชนน ศรีก่อเกื้อ ส.ส.สงขลา เขต 7 พรรคภูมิใจไทย ได้ออกมาโพสต์เฟซบุ๊ก ส่วนตัว ระบุใจความว่า "ในอดีตอาจจะไม่มีจริง แต่ปัจจุบันมีการเตรียมการในพื้นที่เขต 7 บ้านผม อำเภอนาทวี และ อำเภอสะบ้าย้อย คนที่เคยเป็นอดีต ส.ส. ประกาศตัวเคยทำงานใกล้ชิดท่าน ทำงานการเมืองสุจริตแบบท่าน สั่งให้ทีมเดินเก็บบัตรประชาชน เลขบัญชีธนาคาร และ สัญญาว่าจะให้เงิน 500 บาท บอกกับคนทั่วไปอย่างไม่ละอาย ว่ารอบนี้เลือกตั้ง จะใช้เงิน 100 ล้านบาท เพื่อซื้อให้ชนะ ขอให้ท่านตรวจสอบมีจริงหรือไม่"

ด้าน นายศิริโชค โสภา อดีต ส.ส.สงขลา ที่แพ้ให้กับ นายณัฏฐ์ชนน ในการเลือกตั้งปี 2562 และ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.สงขลา เขต 7 พรรคประชาธิปัตย์ ออกมาโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวตอบโต้ด้วยความดุเดือด โดยมีการแคปโพสต์ที่ นายณัฏฐ์ชนน ระบุไว้ ก่อนตอบกลับดังนี้...

"ผมเห็นท่านโพสต์เรื่อง 'เด็กขี้ร้อง' มาหลายหนหลายครั้ง ก็ยังสงสัยว่า 'เด็กขี้ร้อง' นั้นคือใคร บัดนี้กระจ่างแล้วครับว่าเป็นตัวท่าน ขนาดยังไม่มีการเลือกตั้งก็ร้องแล้ว อย่าไปร้องผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งหมายถึงผู้นำท้องที่และผู้นำท้องถิ่น เพราะเขาเหล่านั้นย่อมมีสิทธิ์ที่จะเอือมระอากับนักการเมืองประเภท 'คางคกขึ้นวอ' มาร้องผมนี่สิครับ"

นายศิริโชค ระบุอีกว่า "ท่านเห็นด้วยกับผมมั้ยครับ ว่านักการเมืองสมัยนี้บางคนหน้าด้านมาก ได้มาเพราะการซื้อเสียงแต่ตอนนี้เกลียดการซื้อเสียงมาก (เวลาออกสื่อ) คงจะลืมว่าในอดีตเคยหอบเงิน 60 กว่าล้านบาทมาหล่นเรี่ยราดไว้แถวนี้ ผมแนะนำครับให้กินน้ำมันตับปลาให้มากๆ จะได้ไม่หลงลืมว่าตัวเองเคยทำอะไรไว้ในอดีต"

"ท่านไม่ต้องกลัวจนขี้ขึ้นสมอง เฝ้าท่องคาถาเสียงดี เสียงดี และส่งคลิป เสียงดี ไปตามกลุ่มต่าง ๆ เท่านั้นก็พอครับ แต่สำหรับผมขอเลือกที่จะลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชน ช่วยเหลือพี่น้องประชาชนแล้วเจอกันวันเลือกตั้ง ขอให้โชคดีครับ"

แลกกันคนละหมัด 'ประชาธิปัตย์' vs 'ภูมิใจไทย' เลือกตั้งครั้งใหม่ ความเกรงใจคงไม่ต้องมีให้กัน

น่าสนใจยิ่งกับการช่วงชิงฐานทางการเมืองในพื้นที่ภาคใต้ โดยเฉพาะระหว่างพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคภูมิใจไทย ถึงขั้น 'อนุทิน ชาญวีรกูล' หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ลั่นวาจาออกมาแล้วว่า “เลือกตั้งครั้งหน้าจะได้ไม่ต้องเกรงใจกัน”

ที่กล่าวมาต้องการสื่อให้เห็นว่า เกมแย่งชิงพื้นที่ภาคใต้ถูกลากเข้ามาเล่นกันในสภาแล้ว 'ประชาธิปัตย์ จับมือกับ 'เพื่อไทย' ให้ถอน พ.ร.บ.กัญชา - กัญชง ออกไปปรับปรุงก่อน เพื่อให้ครอบคลุมการควบคุมดูแลเด็กและเยาวชนในการเข้าถึงกัญชา กัญชง รวมถึงต้องการให้กัญชา กัญชง เป็นยาเพื่อการแพทย์อย่างแท้จริง โดยมี สาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ นำทีม 

แน่นอนว่า โดยธรรมชาติของกฎหมายจากฟากรัฐบาลนั้น ยังไงทางฝ่ายค้าน โดยเฉพาะอย่างพรรคเพื่อไทย เขาก็ต้องออกมาคัดค้านอยู่แล้ว แต่การที่พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นพรรคร่วมรัฐบาลมาร่วมค้านด้วย ย่อมเป็นประเด็นที่ทำให้พรรคภูมิใจไทยไม่พอใจ

“คนที่พูดในสภา ผมฟังแล้วไม่รู้จะเถียงอย่างไร ในเมื่อไม่ใช่ความจริง เอาการเมืองนำผลประโยชน์ของประชาชน ก็จะเห็นว่าสภาพปัจจุบันเป็นอย่างไร ผู้สื่อข่าวยังคิดได้เลย ใกล้ช่วงเลือกตั้งเลยเอาเรื่องการเมืองมาโยงเพื่อหาคะแนน” อนุทินกล่าวและว่า

“ดีเสียอีกที่เป็นแบบนี้ พรรคร่วมรัฐบาลไม่สนับสนุนกันเอง ใกล้เลือกตั้งที่จะถึง ก็จะได้ไม่ต้องเกรงใจ” 

ด้าน สาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ย้ำจุดยืนพรรคประชาธิปัตย์ ว่า ไม่ได้คัดค้านร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กัญชา กัญชง (ฉบับที่...) พ.ศ. ... โดยเฉพาะการใช้กัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ หรือใช้เป็นพืชเศรษฐกิจ แต่มีเจตนาที่ต้องการเห็นเนื้อหาในการกำกับควบคุมการใช้กัญชา ให้อยู่ในกรอบที่คำนึงถึงผลกระทบต่อเด็ก และเยาวชน เนื่องจากร่างกฎหมายที่รับหลักการ และผ่านการพิจารณาของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.กัญชาฯ มีการแก้ไขโดยเพิ่มเนื้อหาจำนวนมาก จากเดิมมี 45 มาตรา แต่คณะ กมธ. ปรับแก้เพิ่มเป็น 95 มาตรา คือ มีการเพิ่มใหม่ 69 มาตรา และมีการตัดบางมาตราทิ้ง โดยเฉพาะมีบางส่วนที่เห็นว่าอาจจะกำกับดูแลควบคุมไม่ดีพอ เช่น การให้ประชาชนทั่วไปขอจดแจ้งปลูกกัญชาครัวเรือนบ้านละ 15 ต้น ใช้เพื่อประโยชน์ในครัวเรือน แต่มีการบัญญัติไว้ว่าเพื่อการบริโภคภายในครัวเรือน เพื่อประโยชน์ในการรักษาสุขภาพ แต่ไม่มีการกำหนดมาตรการควบคุมที่ส่งผลกระทบต่อเด็ก และเยาวชน

“หากไม่ถอนร่างกฎหมายดังกล่าวออกไป อาจทำให้ร่างกฎหมายค้างอยู่ในการพิจารณาของสภา ซึ่งจะทำให้ไม่สามารถนำไปแก้ไขปรับปรุงให้เกิดความรอบคอบรอบด้านได้ แต่หากถอนออกไป จะทำให้แก้ไขปรับปรุงร่างกฎหมายได้” สาทิตย์ กล่าว

ไม่ใช่แค่ พ.ร.บ.กัญชา กัญชง แต่ในสภายังลามมาถึงการแก้ไข พ.ร.บ.เงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ที่มีบางพรรคการเมืองเสนอให้ลดดอกเบี้ยลง เหลือ 2% บ้าง 1% บ้าง 0.50% บ้าง แต่ด้าน พรรคภูมิใจไทย ก็ได้เสนอให้ดอกเบี้ยเป็น 0% คือ ไม่คิดดอกเบี้ย พ่วงท้าย ไม่มีคิดเพิ่มสำหรับคนผิดนัด ไม่ต้องมีคนค้ำประกัน และให้มีผลย้อนหลังด้วย

จะเรียกว่า พรรคภูมิใจไทย หาเสียงกับ กยศ.เต็มสูบ เพื่อยกมาเป็นผลงานของพรรคเลยก็ไม่ผิด ทั้งๆ ที่แต่ข้อเท็จจริงแล้ว เรื่องเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา เป็นนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ที่ริเริ่มขึ้นมาสมัย 'นายหัวชวน' ครั้นเป็นนายกรัฐมนตรี

และนั่นก็ทำให้ก่อนหน้า ได้มีข้อท้วงติงมากมายกับการแก้กฎใหม่ของเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา โดยเฉพาะในประเด็นของการไม่คิดดอกเบี้ย ไม่เอาเรื่องเอาราวกับคนผิดนัด ซึ่งมันจะทำให้นักศึกษาที่กู้ยืมเงินไปบางคนขาดระเบียบ ขาดวินัยทางการเงิน คือมีงานทำแล้วก็ไม่จ่าย ไม่หนีไปไหน เพราะดอกเบี้ยก็ไม่มี ไม่มีคนตามทวงเงินกู้ นายประกันก็ไม่ต้อง อนาคตของเงินกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษาจะเป็นอย่างไร จะขาดสภาพคล่องไหม? เมื่อเงินเก่าไม่ไหลคืน รัฐบาลต้องตั้งงบใหม่เข้ากองทุนงั้นเหรอ? ยังมีงบบริหารจัดการอีกปีละ 2,000 กว่าล้าน จะเอามาจากไหน? โอ๊ย!! สารพัด!!

แล้วคนที่มีวินัยทางการเงิน จ่ายครบ ไม่บิดไม่เบี้ยว มันจะเป็นธรรมกับคนเหล่านี้ไหม? เข้าใจได้ว่ากฎหมายล้าสมัยก็ต้องมีการปรับปรุง แต่การปรับปรุงแบบ 'สุดซอย' เช่นนี้ มันจะส่งผลกระทบต่ออนาคตเพียงใด? ใครจะรับผิดชอบ? ต้องเจียดเงินจากภาษีประชาชนไปโปะทุกปีจากการออกนโยบายหาเสียงแบบสุดโต่งงั้นเหรอ?

อันที่จริงแล้ว หากย้อนกลับไปถึงปฐมเหตุของเรื่องความขัดแย้งในพรรคร่วมรัฐบาลระหว่าง 'ประชาธิปัตย์' กับ 'ภูมิใจไทย' นั้น มีมานานพอควร แต่ขยายผลมากขึ้นเมื่อพรรคภูมิใจไทยประกาศจะยึดพื้นที่ 6 จังหวัดฝั่งอันดามัน 15 ที่นั่ง ตั้งแต่ ระนอง, ภูเก็ต, พังงา, กระบี่, ตรัง และสตูล ซึ่งพื้นที่เหล่านี้เดิมเป็นของประชาธิปัตย์ทั้งหมด และนั่นก็ทำให้ประชาธิปัตย์ กร้าว!! ประกาศเป็นยุทธศาสตร์เลยว่า ต่อจากนี้จะต้องยึดคืนพื้นที่หลังจากครั้งเลือกตั้งปี 2562 ได้สูญเสียที่นั่งหลายพื้นที่ให้กับพรรคภูมิใจไทย และพรรคพลังประชารัฐ


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top