Saturday, 4 May 2024
นายหัวไทร

‘สายัณห์ ยุติธรรม’ คลายสงสัยข่าวลือตีจากพปชร. ลั่น อยู่หรือไป มีเงื่อนไขเดียว ‘นายกตู่อยู่ไหนผมอยู่นั่น’

เยี่ยมบ้านริมน้ำ 'ส.ส.สายัณห์ ยุติธรรม' ในวันสบาย ๆ

เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา มีเวลาอยู่สั้น ๆ แวะไปเยี่ยม 'สายัณห์ ยุติธรรม” ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคพลังประชารัฐ ที่เป็นบ้านหลังเล็ก ๆ อยู่ริมน้ำที่ อ.ท่าศาลา ซึ่งข้างบ้านก็ทำเป็นธุรกิจร้านอาหารไม่ใหญ่โตมากนัก แต่อาหารอร่อย

“นายกตู่อยู่ไหนผมอยู่นั่น” เป็นคำตอบของสายัณห์ หลังมีข่าวลือว่าจะย้ายพรรค และสายัณห์เคยดอดไปสังเกตการณ์ประชุมของพรรครวมไทยสร้างชาติ ทำให้เกิดข่าวลือว่า สายัณห์จะย้ายพรรค 

คำว่า นายกฯตู่อยู่ไหนผมอยู่นั่น ถ้านายกฯตู่เลือกพรรครวมไทยสร้างชาติ สายัณห์ก็ย้ายพรรคตามข่าวลือ แต่ถ้าลุงตู่เลือกพรรคพลังประชารัฐ สายัณห์ก็ยังอยู่ที่เดิม และเวลานี้ยังไม่ชัดว่า ลุงตู่เลือกพรรคไหน

สายัณห์ สร้างบ้านหลังเล็ก ๆ อยู่ริมคลองกับที่ดินหลายไร่ แต่ดูแล้วสายัณห์มีความสุขอยู่กับบ้านหลังเล็ก ๆ ริมน้ำ ที่อุดมสมบูรณ์ กับภรรยาคู่ชีวิต ส่วนลูก ๆ เรียนจบ ทำงานกันหมดแล้ว

สายัณห์พาเดินดูบ้านหลังเล็ก ๆ ที่มีห้องนอนห้องเดียว ห้องน้ำในตัว ในห้องนอนก็เป็นห้องแต่งตัวด้วย เสาร์-อาทิตย์ ไม่มีประชุมสภา สายัณห์ก็จะกลับบ้านริมน้ำที่ท่าศาลา สายัณห์ดูเหมือนจะภูมิใจกับต้นไม้ข้างบ้านที่ลงมือปลูกด้วยตัวเอง เช่น ต้นขนุน ต้นมะพร้าว ไม้ดอกไม้ประดับแซมอยู่ด้วย

ตื่นเช้ามาของวันหยุด สายัณห์ก็จะตระเวนกินกาแฟสองสามร้าน ก่อนจะกลับมาที่บ้านซึ่งเปิดเป็นร้านอาหารด้วย นัดเพื่อนสนิทมานั่งพูดคุยแลกเปลี่ยน รับฟังปัญหา พร้อมประสานการแก้ไข ถ้ามีงานก่อนเที่ยง เช่น ทอดกฐิน ก็จะออกไปร่วมงานบุญกับชาวบ้าน หรืออาจจะเป็นงานบุญอย่างอื่น ช่วงเย็นก็จะไปงานศพบ้าง งานแต่งบ้าง

“สะพานจันทร์โอชา” คือเรื่องที่สายัณห์ภูมิใจมากที่สุดกับการทำหน้าที่ ส.ส.4 ปี

สะพานจันทร์โอชา เป็นข้อเสนอของสายัณห์ให้สร้างสะพานเชื่อมระหว่าง อ.ขนอม ของจังหวัดนครศรีธรรมราชกับเกาะสมุย ของจังหวัดสุราษฎร์ธานี

สายัณห์ทัวร์ลงกับข้อเสนอสร้างสะพานจันทร์โอชา ซึ่งเริ่มจะเป็นจริง กระทรวงคมนาคมทำเอ็มโอยูกับสามหน่วยงาน เดินหน้าออกแบบสะพานจันทร์โอชาแล้ว คือกรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท และการทางพิเศษแห่งประเทศไทย โดยกรมทางหลวงจะรับผิดชอบสร้างถนนเชื่อมกับสะพานฝั่ง อ.ขนอม กรมทางหลวงชนบทจะสร้างถนนเชื่อมกับสะพานฝั่งเกาะสมัย และการทางพิเศษจะสร้างในส่วนของตัวสะพาน ซึ่งน่าจะใช้งบประมาณปี 2577

ทำความเข้าใจ 'ต่างด้าวซื้อที่ดิน' ขายชาติจริงหรือ…?

เป็นเรื่องที่ต้องทำความเข้าใจกรณีที่รัฐบาลกำลังดำเนินการแก้ไขกฎกระทรวงที่อนุญาตให้คนต่างด้าวซื้อที่ดินเป็นกรรมสิทธิ์ได้ ภายใต้เงื่อนไขและข้อจำกัดมากมาย แต่มีคนบางกลุ่มออกมาต่อว่า วิจารณ์รัฐบาลว่าเป็นการขายชาติ

เรื่องนี้มีบัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายที่ดินซึ่งประกาศใช้มาตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๔๙๗ โดยบัญญัติไว้ในมาตรา ๘๖ ว่า คนต่างด้าวจะได้มาซึ่งที่ดินก็โดย อาศัยบทสนธิสัญญาซึ่งบัญญัติให้มีกรรมสิทธิ์ใน อสังหาริมทรัพย์ได้และอยู่ในบังคับบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายนี้ด้วย

ตามบทบัญญัติดังกล่าวการให้คนต่างด้าวมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินให้เป็นตามสนธิสัญญา คือพลเมืองของประเทศที่มีสนธิสัญญาต่อกันให้พลเมืองถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินในประเทศที่มีสนธิสัญญาต่อกันได้

ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๕๔๒ ได้มีการแก้ไขประมวลกฎหมายที่ดินเรื่องให้คนต่างด้วยถือกรรมสิทธิ์ในที่ดิน โดยมีการบัญญัติเพิ่มไว้ในมาตรา ๙๖ ทวิ โดยมาตรา ๙๖ ทวิ บัญญัติว่า บทบัญญัติว่าด้วยคนต่างด้าว จะได้มาซึ่งที่ดินโดยอาศัยบทสนธิสัญญาตามมาตรา ๘๖ วรรคหนึ่ง มิให้ใช้บังคับกับคนต่างด้าวซึ่งได้นําเงินมาลงทุนตามจํานวนที่กําหนดในกฎกระทรวงซึ่งต้องไม่ตํ่ากว่าสี่สิบล้านบาท โดยให้ได้มาซึ่งที่ดินเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยได้ไม่เกินหนึ่งไร่และต้องได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรี

การได้มาซึ่งที่ดินของคนต่างด้าวตามวรรคหนึ่งให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กําหนดในกฎกระทรวง โดยในกฎกระทรวงอย่างน้อย ต้องมีสาระสําคัญ ดังต่อไปนี้...

.....(๑) ประเภทของธุรกิจที่คนต่างด้าวลงทุน ซึ่งต้องเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจ และสังคมของประเทศ หรือเป็นกิจการที่คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนได้ประกาศให้เป็นกิจการที่สามารถขอรับการส่งเสริมการลงทุนตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุนได้
.....(๒) ระยะเวลาการดํารงการลงทุนต้องไม่น้อยกว่าสามปี
.....(๓) บริเวณที่ดินที่อนุญาตให้คนต่างด้าวได้มา ต้องอยู่ภายในเขตกรุงเทพมหานคร เขตเมืองพัทยา เขตเทศบาล หรืออยู่ภายในบริเวณที่กําหนดเป็นเขตที่อยู่อาศัยตามกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง

.....ในปี พ.ศ. ๒๕๔๕ รัฐบาลที่มีนายทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ได้ออกกฎกระทรวง เรื่องหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข การได้มาของคนต่างด้าวตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๙๖ ทวิ และยังคงใช้บังคับอยู่ในปัจจุบันซึ่งคนต่างด้าวก็สามารถถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินได้อยู่แล้ว

.....ตามกฎหมายมาตรา ๙๖ ทวิ และกฎกระทรวงที่ออกในปี ๒๕๔๕ มีหลักเกณฑ์สำคัญคือคนต่างด้าวต้องนำเงินมาลงทุนไม่น้อยกว่า ๔๐ ล้านบาท ก็อนุญาตให้ซื้อที่ดินเพื่ออยู่อาศัยได้ไม่เกิน ๑ ไร่ และมีเงื่อนไขอื่น ๆ อีก

.....สรุปว่าการให้คนต่างด้าวถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินได้มีมาตั้งแต่ปี ๒๔๙๗ ต่อมามีการแก้ไขประมวลกฎหมายที่ดินในปี ๒๕๔๒ และได้ออกกฎกระทรวงเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขต่าง ๆ ในปี ๒๕๔๕ ปัจจุบันคนต่างด้าวจึงถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินหรือซื้อที่ดินเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยไม่เกิน ๑ ไร่ ได้อยู่แล้วโดยรัฐบาลปัจจุบันไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรเลย

รัฐบาลปัจจุบันเพียงต้องการแก้ไขปรับปรุงกฎกระทรวงปี ๒๕๔๕ เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการที่จะให้คนต่างด้าวมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินหรือซื้อที่ดินเพื่ออยู่อาศัยให้เหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบันเพื่อประเทศชาติจะได้ประโยชน์ให้มากที่สุดเท่านั้น แต่ก็ต้องให้เป็นไปตามที่มาตรา ๙๖ ทวิ กำหนดไว้จะผิดไปจากนี้ไม่ได้ และยังอยู่ในระหว่างดำเนินการแก้ไข โดยร่างกฎกระทรวงได้ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีแล้ว ส่งให้คณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณา ยังมีการปรับปรุงแก้ไขได้ ยังไม่ได้ประกาศใช้เลย

ถ้ารัฐบาลปัจจุบันเพียงแต่ต้องการจะแก้ไขกฎกระทรวงที่มีอยู่แล้วและต้องเป็นไปตามที่มาตรา ๙๖ ทวิ กำหนดไว้ ถูกประนามว่าเป็นการขายชาติ 

รัฐบาลที่ประกาศใช้ประมวลกฎหมายที่ดินในปี ๒๔๙๗ รัฐบาลที่แก้ไขประมวลกฎหมายที่ดินโดยการเพิ่มมาตรา ๙๖ ทวิ ในปี ๒๕๔๒ และรัฐบาลที่ออกกฎกระทรวงในปี ๒๕๔๕ ไม่ต้องถูกประนามว่าเป็นการขายชาติยิ่งกว่ารัฐบาลปัจจุบันหรือ ?

กลุ่มคนที่ออกมาด่ารัฐบาลว่า การให้คนต่างด้าวซื้อที่ดินเป็นการขายชาติ ควรต้องศึกษาหาความรู้บ้างว่าเรื่องนี้มีความเป็นมาอย่างไร จะได้ไม่สื่อสารออกไปในทางที่ผิด บิดเบือน ใส่ร้ายคนอื่นให้ได้รับความเสียหาย

‘ทักษิณ’ อาจโดนคดีฆาตกรรมจากเหตุกรือเซะ หลัง ‘แหย่รังแตน’ ปรี่ฟ้อง ‘นายชวน หลีกภัย’

ก่อนหมดอายุความเพียง 3 วัน 'ชวน หลีกภัย' ประธานรัฐสภา ได้เรียกทนายความมาคุยเพื่อหารือกับอัยการถึงการเข้ามอบตัวสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรม หลังถูก 'ทักษิณ ชินวัตร' ฟ้อง กรณีชวนบรรยายเกี่ยวกับเหตุการณ์ความรุนแรงในภาคใต้ ทั้งเหตุการณ์ที่มัสยิดกรือเซะ และเหตุการณ์ที่โรงพักตากใบ อันเป็นช่วงที่ทักษิณมีอำนาจอยู่ และนำมาสู่ความรุนแรงมาจนถึงปัจจุบัน 

ชวนประสงค์ให้ศาลวินิจฉัยความถูกผิด และนำข้อมูลข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นไปเปิดเผยในชั้นศาล และบันทึกไว้เป็นประวัติศาสตร์กับวาทะกรรม 'โจรกระจอก' จนทักษิณต้องออกมาขอโทษชาวใต้ แต่ไม่วายแกว่งปากโยนความผิดไปให้ทหาร พุ่งตรงไปยังทหารฝ่ายตรงข้ามที่จ้องทำลาย โดยเอ่ยชื่อถึงผู้บัญชาการทหารบกในสมัยนั้น คือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี โดยอ้างว่า ทหารมีอำนาจเต็มในการแก้ไขสถานการณ์ คนเป็นนายกรัฐมนตรีคงไม่อาจทราบรายละเอียดทั้งหมด และคงไม่สั่งการในรายละเอียดของการปฏิบัติ

น่าสนใจยิ่งว่า เมื่อคดีของชวนกับทักษิณจบลงในชั้นศาลแล้ว อะไรจะเกิดขึ้นต่อไป แต่อย่างน้อยที่สุดข้อมูลของฝ่ายชวน และเป็นข้อมูลจำนวนมากจะถูกตีแผ่ในชั้นศาลอย่างหมดเปลือก นี้คือปรากฏการณ์ ‘แหย่รังแตน’ ของทักษิณ สุดท้ายก็จะโดนแตนต่อยตาบวมแน่นอน หรืออาจจะพูดได้ว่า ‘แกว่งเท้าหาเสี้ยน’ ก็จะโดนเสี้ยนตำเท้าเป็นแน่แท้

‘สรรเพชญ บุญญามณี’ ยืนเด่นเขต 1 สงขลา การหลีกทางให้หลานได้แจ้งเกิดทางการเมือง

เขต 1 สงขลา เป็นเขตคาดหวังของพรรคประชาธิปัตย์ โดยส่ง ‘สรรเพชญ บุญญามณี’ ลูกชายของ ‘นิพนธ์ บุญญามณี’ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย

การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ปี 2562 สรรเพรช พ่ายให้กับ ‘วันชัย ปริญญาศิริ’ จากพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งวันชัยก็ไม่ใช่คนอื่นไกล เป็นเพื่อนรุ่นน้องของนิพนธ์นั้นเอง เป็นรุ่นน้องจากมหาวชิราวุธ สงขลา โดยนิพนธ์เป็นรุ่นพี่ของวันชัย 1 ปี

มาถึงวันนี้ ‘วันชัย’ เปิดทางให้สรรเพชญ โดยลาออกจาก ส.ส.ไปลงชิงเก้าอี้นายกเทศมนตรีนครสงขลา เท่ากับเป็นการหลีกทางให้หลานได้แจ้งเกิดทางการเมือง

กล่าวถึงสนามเลือกตั้งเขต 1 สงขลา เมื่อวันชัยลาออกไปลงเล่นการเมืองท้องถิ่น ในส่วนของพรรคพลังประชารัฐยังไม่เห็นขยับว่าจะส่งใครลงแทน เดิมมีผู้การฯ ชาติ พ.อ.สุชาติ จันทรโชติกุล อดีต ส.ส.สงขลา เป็นคนคุมทีมพลังประชารัฐอยู่ แต่เมื่อผู้การฯ ชาติก้าวออกไปจากพลังประชารัฐ ไปร่วมหัวจมท้ายกับพรรคสร้างอนาคตไทย ของอุตตม สาวนายน และ สนธิรัตน์ สนธิจิรวงค์ ทำให้พรรคพลังประชารัฐไม่มีหัวเรือใหญ่ 

พรรคพลังประชารัฐสงขลาจึงเหลือ ส.ส.อยู่สองคน คือ ร.ต.อ.อรุณ สวัสดี เขต 4 ศาสตรา ศรีปาน เขต 2 และพยม พรหมเพชร ซึ่งศักยภาพในการคุมทีมยังไม่เพียงพอ หรือการจะควานหาคนมาแทนวันชัยก็ยังไม่มีบารมีพอ ทำให้สนามเลือกตั้งเขต 1 สงขลา ของพลังประชารัฐยังว่างอยู่

กล่าวเฉพาะที่เห็นเวลานี้ก็จะมี ‘สรรเพชญ บุญญามณี’ เป็นตัวยืนในนามประชาธิปัตย์ และมีประสงค์ บุรีรักษ์ นายกฯ แบน อดีตนายกเทศมนตรีเมืองเขารูปช้าง ที่การเลือกตั้งครั้งที่แล้วหลุดจากเก้าอี้ มาเปิดตัวลงชิง ส.ส.เขต 1 ในนามพรรคภูมิใจไทย ฟัดกับเด็ก ๆ น่าจะมีพลังมากกว่า และยังมีพ่อเป็นลมใต้ปีกอยู่อีกด้วย ‘นิพนธ์’ พยายามไม่เข้าไปยุ่งมากกับการหาเสียง ปล่อยให้น้องเพรชจัดการไป ไม่งั้นเขาจะไม่โตสักที

แต่เขต 1 สงขลา นอกจากนายกฯแบน และน้องเพชญ แล้ว ให้จับตาว่า ‘เจือ ราชสีห์’ ส.ส.บัญชีรายชื่อใหม่ ๆ สด ๆ ของพรรคประชาธิปัตย์ จะตัดสินใจอย่างไร แน่นอนว่าจะลงเขตในนามประชาธิปัตย์ไม่ได้แล้ว เพราะพรรคประชาธิปัตย์ได้เปิดตัวน้องเพรชไปแล้ว ถ้าเจือยังยืนยันอยู่ประชาธิปัตย์ก็ต้องขึ้นไปอยู่ระบบบัญชีรายชื่อ และลำดับต้องดีกว่าเดิม ถ้ายังประชาสงค์จะลงเขต 1 ก็ต้องย้ายพรรค หาพรรคใหม่สังกัด โอกาสจึงน่าจะเป็นพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่มีพีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค คนเก่าจากประชาธิปัตย์ เป็นหัวหน้าพรรคอยู่ และมีเครือข่ายประชาธิปัตย์อยู่ไม่น้อย หรือไม่ก็พรรคพลังประชารัฐที่พื้นที่ว่างอยู่ แต่เวลานี้เจือคงยังพูดอะไรมากไม่ได้ เพราะยังเป็น ส.ส.ประชาธิปัตย์อยู่

ปชป. จ่อเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส. เมืองคอนทั้ง 9 เขต ‘ชินวรณ์’ ยกปชป.เป็นยางพารา พรรคอื่นแค่บอนสี

‘จุรินทร์-เฉลิมชัย’ จ่อ...เปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.เมืองคอนทั้ง 9 เขต ‘ชินวรณ์’ ส่งลูกสาวลงชิงเขต 6 ลั่นกวาดยกจังหวัดเปรียบ ‘ปชป.’ เหมือนยางพารา มีขึ้นมีลง พรรคอื่นเป็นแค่บอนสี

นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงการเตรียมผู้สมัคร ส.ส.ในจังหวัดนครศรีธรรมธรรมราช ทั้ง 9 เขต ว่า ขณะนี้ได้ผู้สมัครครบทั้ง 9 เขต แล้ว โดยจะมีการเปิดตัวผู้สมัครอย่างเป็นทางการในวันที่ 12 พ.ย. 65 มีนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรค ปชป. พร้อมด้วยนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรค เป็นผู้ไปเปิดตัวผู้สมัครทั้ง 9 เขต

นายชินวรณ์ เปิดเผยว่า มีบุตรสาวของตนลงสมัครในเขต 6 ด้วย คือ น.ส.ปุณณ์สิริ บุณยเกียรติ ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถประสานกับคนรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ในพรรคได้ มั่นใจว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าประชาชนจังหวัดนครศรีธรรมราชจะขานรับพรรค ปชป. จึงเชื่อว่าเราสามารถทำได้ทั้ง 9 เขต เนื่องจากเราได้คนรุ่นใหม่ และคนรุ่นเก่าประสานเป็นเนื้อเดียวกัน พรรค ปชป.มีกระแสที่ดีขึ้นในภาคใต้ และการเลือกตั้งในระบบบัตร 2 ใบ จะทำให้ประชาชนตัดสินใจ ‘เลือกคนที่เรารัก เลือกพรรคที่เราชอบ’ เหมือนที่ประชาชน เคยตัดสินในมาแล้ว

“วันนี้ พรรค ปชป. ที่ประชาชนพูด เขาบอกว่า พรรคปชป.ก็เหมือนกับยางพารา มีขึ้นมีลง แต่เป็นพืชเศรษฐกิจ แต่พรรคอื่นเป็นบอนสี ดังชั่วคราวเท่านั้นเอง” นายชินวรณ์ กล่าว


เรื่อง : นายหัวไทร

‘นริศ’ เต็งจ๋า คั่ว รมช.มหาดไทย ปรับครม.รอบใหม่ โควตาภาคใต้ ปชป.

ประชาธิปัตย์นัดถกวันนี้ปรับคณะรัฐมนตรีในส่วนของพรรค แทน ‘นิพนธ์ บุญญามณี’ ในตำแหน่งรัฐมนตรีช่วย กระทรวงมหาดไทย แม้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะไม่อยากให้มีการปรับคณะรัฐมนตรีก็ตาม เพราะเกรงว่าจะมีแรงกระเพื่อมภายในพรรคร่วมรัฐบาล และลามถึงพรรคพลังประชารัฐด้วย

แต่ถึงตอนนี้ พลเอกประยุทธ์ ยื้อ ต่อไปไม่ได้อีกแล้วเนื่องจากพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ยอมที่จะเสียเวลา เสียที่นั่งปล่อยให้โควตาเก้าอี้รัฐมนตรีของพรรคว่างลงไปเปล่าๆ นานๆ หลังที่นิพนธ์ บูญญามณี ลาออกจากรมช.มหาดไทย (มท. 2) ตั้งแต่เมื่อ 5 กันยายน ที่ผ่านมา ทำให้จุรินทร์ ลักษณวิศิษฐ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ต้องการให้มีการปรับครม.เร็วที่สุด และหยิบยกขึ้นหารือกับนายกรัฐมนตรีเมื่อวานนี้ ซึ่งนายกรัฐมนตรีก็ไม่ขัดข้อง

แค่จะปรับตำแหน่งเดียว ในพรรคประชาธิปัตย์ก็มีกระแสเคลื่อนไหว มีส.ส.ในพรรคบางส่วนที่ลุ้นอยากขึ้นรถไฟเที่ยวสุดท้ายได้เป็นรัฐมนตรีกับเขาบ้าง มีการเคลื่อนไหวกันภายใน เพื่อสร้างกระแสว่าไหนๆ ก็ปรับครม.รอบสุดท้าย ควรปรับตำแหน่งอื่นด้วย ไม่ใช่อยู่กันยาวครบสี่ปี ไม่ให้คนอื่นเป็นบ้าง

มีกระแสข่าวว่า มี ส.ส.-แกนนำประชาธิปัตย์บางส่วน อยากให้พรรค มีการปรับอย่างน้อยอีก 2 ตำแหน่งคือ รัฐมนตรีพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ของจุติ ไกรฤกษ์ และเก้าอี้ รมช.ศึกษาธิการ ของคุณหญิงกัลยา โสภณพานิช ด้วย

แต่กลุ่มของจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค ที่กุมอำนาจในประชาธิปัตย์อยู่ยืนกรานว่า ให้ปรับแค่ตำแหน่งเดียว คือเสนอชื่อคนไปเป็นรมช.มหาดไทย และต้องให้จบภายในวันนี้ เพื่อปิดเกมเร็ว สกัดความขัดแย้งภายในพรรค

โควตารัฐมนตรีช่วยมหาดไทย เป็นโควตาของภาคใต้ ภาคอื่นไม่เกี่ยวด้วย

โดยสิบโมงเช้า มีการประชุมส.ส.ภาคใต้ทั้งหมดของประชาธิปัตย์ เพื่อหารือและตกลงกันว่า จะเสนอชื่อใครบ้าง และคนที่มีชื่อ พร้อมจะเข้าชิง หรือไม่ ซึ่งก็จะมีชื่อ ‘นริศ ขำนุรักษ์’ ส.ส.5 สมัย จังหวัดพัทลุง กันตวรรณ ตันเถียร ส.ส.5 สมัย จังหวัดพังงา และชินวรณ์ บุณยเกียรติ์ ส.ส.หลายสมัยของนครศรีธรรมราช อยู่ในข่ายพิจารณา

ประธานส.ส.ภาค 8 พปชร.เชียร์ ตั้ง 'สายัณห์' เป็นรัฐมนตรี แต่เชื่อมั่น!! ส.ส.ใต้ทุกคนเป็นรัฐมนตรีได้หมด

นายนัทธี ถิ่นสาคู ส.ส.ภูเก็ต พรรคพลังประชารัฐ ประธาน ส.ส.ภาค 8 กล่าวถึงสถานการณ์ของพรรคพลังประชารัฐในภาคใต้ว่า สถานการณ์โดยทั่วไปยังไม่มีอะไรมาก แต่มีปัจจัยอยู่อย่างหนึ่ง คือการประกาศเขตเลือกตั้งที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ยังไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากกฎหมายเลือกตั้งอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญว่า ขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญหรือไม่ ถ้า กกต.ประกาศเขตเลือกตั้งออกมา และไม่เป็นไปตามที่เราคาดคิดกันไว้ ตัวผู้สมัครบางคนอาจจะโยกย้ายเขตตามฐานคะแนนของตัวเอง

“ต้องยอมรับว่าในภาคใต้กระแสลุงตู่ยังโอเคอยู่ ยังไปได้ ส่วนตัวผู้สมัครส่วนใหญ่ก็ลงตัวเกือบหมดแล้ว อีกไม่นานคงจะเปิดตัวจริงออกมา วันนี้ที่เราคิดคือใครจะมาเป็นหัวหอกดูแลภาคใต้ ซึ่งก็มีความสำคัญ”

เมื่อถามถึงแนวโน้มการปรับ ครม.นายนัทธี กล่าวยืนยันว่า 80% มีการปรับ ครม.แน่นอน แต่ถามว่าปรับครม.โดยยึดพื้นฐานอะไร

“ถ้าปรับ ครม.บนพื้นฐานว่า ลุงตู่อยู่ต่อก็ปรับแบบหนึ่ง แต่ถ้าลุงตู่ไม่อยู่ต่อก็ปรับอีกแบบหนึ่ง เพื่อให้สอดรับกับภาวะทางการเมือง”

นายนัทธี กล่าวอีกว่า ในส่วนของ ส.ส.ภาคใต้ 14 คน เป็นรัฐมนตรีได้ทุกคน อยู่ที่ว่าจะให้อยู่กระทรวงไหน ต้องเอาบุคคลที่เหมาะสมเข้าไปทำงาน

'ประชาธิปัตย์-ภูมิใจไทย' สู้กันทุกเม็ดบนสนามกระบี่ จุดเริ่มเกมปั้นสถานะ 'พรรคใหญ่' ต้องได้เลือก ไม่ใช่ถูกเลือก

สนามเลือกตั้งฝั่งอันดามัน ดูจะกลายเป็นสนามเดือดในการช่วงชิง 14 ที่นั่งในสภา จาก 6 จังหวัด อันประกอบด้วย ระนอง 1 ภูเก็ต 2 พังงา 2 กระบี่ 3 ตรัง 4 และสตูล 2 ซึ่งจะเป็นการเชือดเฉือนกันของสองพรรคการเมืองหลัก คือ 'ประชาธิปัตย์' และ 'ภูมิใจไทย'

ทั้งสองพรรคประกาศยึดฝั่งอันดามัน จากเดิมที่มีประชาธิปัตย์, ภูมิใจไทย และพลังประชารัฐ แบ่งกันอยู่แล้ว อย่าวกระบี่ ในการเลือกตั้งครั้งปี 2562 พรรคภูมิใจไทยมีอยู่แล้ว 1 คือ สฤษดิ์พงษ์ เกี่ยวข้อง ประชาธิปัตย์มีอยู่แล้ว 1 เช่นกัน คือสาคร เกี่ยวข้อง คราวที่แล้ว 'ตระกูลเกี่ยวข้อง' ตกลงกันได้แบ่งกันพรรคละเขต เลือกตั้งครั้งใหม่กระบี่จำนวนประชากรเพิ่มขึ้น จำนวน ส.ส.จึงเพิ่มเป็น 3 คน

แน่นอนว่าทั้งประชาธิปัตย์ และภูมิใจไทย ต่างหมายมั่นปั้นมือรักษาของเก่า และเพิ่มของใหม่ โดยทั้งสองพรรคตั้งเป้ายึด 3 ที่นั่งของกระบี่ ซึ่งต่างเปิดตัวผู้สมัครกันไปหมดแล้ว เพื่อยืนยันความพร้อม

ย้อนไปเมื่อวันเสาร์ที่ (13 ส.ค. 2565) อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และโกเกี๊ยะ-พิพัฒน์ รัชกิจประการ แม่ทัพใต้ ได้ยกทีมไปเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.กระบี่ ทั้ง 3 เขต ที่ลานพระอาทิตย์ อบจ.กระบี่

พรรคภูมิใจไทย ได้วางตัวผู้สมัคร ส.ส.ไว้เรียบร้อยแล้วเขต 1 โกหนึ่ง-กิตติ กิตติธรกุล เลขานุการนายก อบจ.กระบี่ ถือเป็นตระกูลการเมืองใหญ่ของกระบี่ เขต 2 สจ.ม้อ-ถิรเดช ตั้งมั่นก่อกิจ อดีต ส.อบจ.กระบี่ เขต อ.อ่าวลึก และเขต 3 โกสุทธิ์-สฤษดิ์พงษ์ เกี่ยวข้อง ส.ส.กระบี่ 

พรรคประชาธิปัตย์ ก็ไม่ปล่อยให้ภูมิใจไทยเหยียบจมูกในฐานะเจ้าถิ่นเก่า โดยจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กรีฑาทัพหลวง ทั้งบัญญัติ บรรทัดฐาน, เฉลิมชัย ศรีอ่อน, นิพนธ์ บุญญามณี ไปจัดสัมมนาที่กระบี่ พร้อมเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.กระบี่ ทั้ง 3 เขต ประกาศความพร้อมสู้ศึกเลือกตั้ง 'จุรินทร์' มั่นใจว่า จะกลับมายึดกระบี่คืนได้ทั้ง 3 เขต

3 คนของพรรคประชาธิปัตย์ที่จะลงสู้ศึกครั้งหน้าชื่อเสียงเรียงนามไม่ธรรมดาเหมือนกัน เขต 1 โกเคี่ยง ธนวัช ภูเก้าล้วน ลูกชายกีรติศักดิ์ ภูเก้าล้วน อดีตนายกเทศมนตรีเมืองกระบี่ มีฐานะจัดอยู่ในระดับเศรษฐีเขต 2 สาคร เกี่ยวข้อง ส.ส.กระบี่ และเขต 3 พิมพ์รพี พันธุ์วิชาติกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลูกสาวพิเชษฐ์ พันธุ์วิชาติกุล นั่นเอง

แม่ทัพตัวจริงของภูมิใจไทย เมืองกระบี่คือ โกหงวน- สมศักดิ์ กิตติธรกุล นายก อบจ.กระบี่ 7 สมัย สหายร่วมรบของ 'เนวิน ชิดชอบ' แห่งเมืองบุรีรัมย์

โค้งสุดท้ายของรัฐนาวา เปิด 4 ภารกิจยากที่ 'ประยุทธ์' ต้องตัดสินใจ จะเดินหน้า หรือพอแค่นี้ในวัยย่าง 68 ปี

หลังศาลรัฐธรรมนูญตัดสินคดี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังอยู่ในตำแหน่งไม่ครบ 8 ปี โดยเริ่มนับตั้งแต่วันที่ 6 เมษายน วันประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันพล.อ.ประยุทธ์ได้ไปต่อถึงปี 68 เดินทางกลับเข้าทำเนียบทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีต่อไปได้

ภารกิจเริ่มต้นในวันจันทร์ที่ 3 ตุลาคม 2565 เข้าทำเนียบให้บรรดาเอกอัครราชทูต, ทูตที่เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ใหม่เข้าพบ วันอังคารก็จะทำหน้าที่ประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีตามปกติ และวันพฤหัสบดีที่ 6 ตุลาคม ก็จะเดินทางไปตรวจสถานการณ์น้ำท่วมจากฤทธิ์ของพายุโนรู ที่จังหวัดอุบลราชธานี

แต่หลังจากนี้ยังมีภารกิจที่ต้องตัดสินใจทันทีอีก 4 เรื่องที่รออยู่...

>> ภารกิจแรก คือ การตัดสินใจว่าจะปรับคณะรัฐมนตรีแทนตำแหน่งที่ว่างอยู่หรือไม่ 4 ตำแหน่ง คือ 

1.) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย แทนนิพนธ์ บุญญามณี จากพรรคประชาธิปัตย์ ที่ลาออกไปสู้คดีในชั้นศาลกับ ป.ป.ช.ที่ถูก ป.ป.ช.กล่าวหาละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ไม่เบิกจ่ายงบให้บริษัทเอกชนผู้ชนะการประมูลรถอเนกประสงค์ซ่อมบำรุงทางของ อบจ.สงขลา สมัยเป็นนายกฯอบจ.สงขลา ด้วยเหตุผลว่า พบมีการฮั้วประมูล

2.) แทนตำแหน่งของกนกวรรณ วิลาวัลย์ พรรคภูมิใจไทย ที่ศาลสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษา หลังศาลประทับรับฟ้องคดีบุกรุกป่าเขาใหญ่ ถือเป็นการละเมิดจริยธรรมร้ายแรงด้วย มีคดีตัวอย่างที่ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐโดนมาแล้ว ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองตลอดชีวิต

3.) ปรับแทนตำแหน่ง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พรรคพลังประชารัฐ ที่ถูกปลดออกจากตำแหน่ง จากปฏิบัติการล้มประยุทธ์กลางสภา แต่แผนรั่วเสียก่อน จึงถูกเตะออกจากตำแหน่งรัฐมนตรี

4.) ปรับแทน ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ จากพรรคพลังประชารัฐ ที่ถูกปลดพ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน พร้อม ร.อ.ธรรมนัส จากปฏิบัติการล้มประยุทธ์เช่นกัน

โดยในกรณี ร.อ.ธรรมนัส และ ดร.นฤมล ถือเป็นเด็กในคาถาของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และหลังจากถูกปลดก็ยังไม่มีการแต่งตั้งใครมาแทน แต่ในสถานการณ์ใกล้เลือกตั้ง เพื่อประโยชน์ในการเลือกตั้ง จึงน่าจะมีการปรับคณะรัฐมนตรี ในเร็ววัน เพราะคณะรัฐมนตรีชุดนี้ก็จะหมดวาระลงพร้อมวาระของสภาในวันที่ 23 มีนาคม 2566 

>> ภารกิจที่สอง คือ การเตรียมความพร้อมในการจัดประชุมเอเปกในเดือนพฤศจิกายนนี้ ที่สำคัญคือจะแก้หน้าอย่างไรกับการที่ผู้นำโลกอย่าง 'โจ ไบเดน' ไม่มาร่วมประชุมด้วย แค่ขออยู่ร่วมงานแต่งงานของหลาน ที่สำคัญคือในฐานะเจ้าภาพต้องจัดงานให้เป็นที่ประทับใจ เกิดประโยชน์กับชาติประเทศ และประเทศไทยให้มากที่สุดด้วย

ศึกเลือกตั้ง ‘เมืองคอน’ ส่อแววระอุ ‘วิทยา’ ดันลูกชายลงชิงเก้าอี้ เขต 1 แข่ง พปชร.

การเมืองนครศรีฯสนุกแล้วครับ

ปรากฏโฉมขึ้นมาอีกรายเพื่อท้าชิงเก้าอี้ ส.ส.เขต 1 นครศรีธรรมราช คือ ‘พูน แก้วภารดัย’ ลูกชายของพี่น้อย ‘วิทยา แก้วภารดัย’ที่สไลด์ตัวเองออกจากพรรคประชาธิปัตย์ ไปอยู่ร่วมหัวจมท้ายกับพรรครวมไทยสร้างชาติ

พี่น้อยโพสต์ด้วยตัวเองว่า พูน-ลูกชายจะลงสมัคร ส.ส.เขต 1 นครศรีธรรมราช ในนามพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่มีพีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค เป็นหัวหน้าพรรค มีแนวทางชัดเจนสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

แต่เอกนัฐ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรคยืนยันว่า พรรคจะเสนอชื่อหัวหน้าพรรคเป็น ‘แคนดิเดต’ นายกรัฐมนตรี

กล่าวถึงพูน เคยลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคลุงกำนัน รวมพลังประชาธิปไตย ที่เวลานี้เปลี่ยนมาเป็นพรรครวมพลัง

ปัจจุบันพูนอยู่ในทีมที่ปรึกษาของ ดร.โจ นายกเทศมนตรีนครนครศรีธรรมราช แต่น่าแปลกใจว่า ทำไมพี่น้อยให้ลูกชายลงเขต 1 ทำไมไม่ไปลงเขตปากพนัง หัวไทร ซึ่งพี่น้อยมีฐานคะแนนอยู่ เป็น ส.ส.อยู่หลายสมัย จนอาจจะพูดได้ว่า ‘ผูกขาด’ เพิ่งมาพลาดให้กับ ดร.สัญหพจน์ สุขศรีเมือง จากพรรคพลังประชารัฐ ในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมานี้เอง และพี่น้อยมีดีกรีเป็นถึงอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข

เข้าใจว่า พี่น้อย และพูนเองหวังการสนับสนุน ช่วยเหลือจาก ดร.โจ ที่ชนะการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีด้วยคะแนนล้นหลาม เอาชนะอภิชาติ ศักดิเศรษฐ์ ไปได้อย่างเกินความคาดหมาย

แต่การเปิดตัวช้าของพูนมันจะช้าไปหรือเปล่า เพราะก่อนหน้านี้ ดร.โจ เดินพาน้องติ๊ก-จรัญ ขุนอินทร์ นายธนาคารจาก ธกส. ศิษย์เก่าเบญจมราชูทิศ และปัจจุบันเป็นนายกสมาคมศิษย์เก่าเบญจมะอยู่ด้วย ออกแนะนำตัวมานานพอสมควรแล้ว ‘ฝากด้วย น้องผม’ ซึ่งน้องติ๊กจะลงสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรคภูมิใจไทย

ก็ต้องติดตามกันต่อไปว่า ดร.โจจะช่วยเหลือใคร การเมืองเปลี่ยน ใจคนเปลี่ยนได้ ดร.โจจะช่วยที่ปรึกษา หรือจะช่วยเหลือทีมร่วมสถาบัน

แต่เท่าที่รู้ สมนึก เกตุชาติ อดีตนายกเทศมนตรีเทศบาลนครนครศรีธรรมราชหลายสมัย และเป็นพ่อของ ดร.โจ ช่วยเหลือ ‘ราชิต สุดพุ่ม’ จากพรรคประชาธิปัตย์ ที่ลงสมัครเขต 1 เหมือนกัน เพราะลุงนึกกับราชิตเป็นญาติกัน เป็นคนถิ่นหัวไทรด้วยกันและน่าสังเกตว่า รูปพูนที่พี่น้อยนำมาลง เป็นรูปที่พูนใส่เสื้อสีเหลือง และปักที่หน้าอกว่า ‘ทีม ดร.โจ’


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top