Friday, 11 July 2025
TheStatesTimes

11 กรกฎาคม พ.ศ. 2231 ‘สมเด็จพระนารายณ์มหาราช’ เสด็จสวรรคต สิ้นสุดราชวงศ์ปราสาททองแห่งกรุงศรีอยุธยา

เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2231 หรือวันนี้เมื่อ 337 ปีก่อน สมเด็จพระนารายณ์มหาราช กษัตริย์องค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์ปราสาททอง กรุงศรีอยุธยา พระมหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่พระองค์หนึ่งในประวัติศาสตร์ไทย เสด็จสวรรคต ณ พระที่นั่งสุทธาสวรรย์ พระราชวังนารายณ์ราชนิเวศ เมืองลพบุรี หลังจากประชวรหนักในช่วงที่ ‘พระเพทราชา’ กระทำการชิงราชสมบัติ

สมเด็จพระนารายณ์มหาราชทรงเป็นกษัตริย์รัชกาลที่ 4 ของราชวงศ์ปราสาททอง ทรงเป็นพระโอรสของพระเจ้าปราสาททองและพระนางเจ้าสิริกัลยานี พระราชสมภพในปีพ.ศ. 2175 เสด็จขึ้นครองราชสมบัติเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2199 มีพระนามจารึกในพระสุพรรณบัฏว่า สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 3 เป็นพระมหากษัตริย์ลำดับที่ 27 แห่งกรุงศรีอยุธยา ขณะทรงมีพระชนมายุ 25 พรรษา

หลังจากประทับที่กรุงศรีอยุธยาได้ 10 ปี พระองค์ทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างเมืองลพบุรีขึ้นเป็นราชธานีแห่งที่ 2 ในปีพ.ศ. 2209 และเสด็จไปประทับทุก ๆ ปี ครั้งละเป็นเวลานานหลายเดือน กระทั่งเสด็จสวรรคตในปีพ.ศ. 2231 ขณะพระชนมายุได้ 56 พรรษา รวมเวลาที่ทรงครองราชสมบัติ 32 ปี

พระองค์ได้ทรงสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้แก่กรุงศรีอยุธยาเป็นอย่างมาก ด้วยพระปรีชาสามารถหลายด้านของพระองค์ ทั้งด้านการปกครอง การทหาร ทรงชำนาญด้านการศึก ทรงปราบปรามหัวเมืองต่าง ๆ ให้มาสวามิภักดิ์ต่อกรุงศรีอยุธยาเป็นจำนวนมาก

สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ครั้งเสด็จออกรับคณะทูต ฝีมือวาดช่างฝรั่งเศส จากหนังสือนวนิยายเรื่อง รุกสยาม ในนามของพระเจ้า โดย มอร์กาน สปอร์แตช

ด้านการทูต ทรงสร้างความสัมพันธ์กับต่างประเทศอย่างกว้างขวาง ทั้ง อังกฤษ ฝรั่งเศส ฮอลันดา จีน ญี่ปุ่น อิหร่าน เช่น พระองค์ทรงโปรดเกล้าฯ ให้ส่งคณะราชทูตไปเชื่อมสัมพันธไมตรีกับฝรั่งเศส การค้ากับต่างประเทศจึงเจริญมาก มีชาวต่างชาติเข้ามารับติดต่อค้าขาย และบางส่วนเข้ารับราชการในพระราชอาณาจักรด้วย

อีกทั้งยังทรงรับวิทยาการสมัยใหม่ เช่น กล้องดูดาว และยุทโธปกรณ์บางประการ การวางระบบท่อประปาภายในพระราชวังอีกด้วย

นอกจากนี้ในรัชสมัยของพระองค์เป็นยุคที่วรรณคดีและศิลปะเจริญถึงขีดสุด มีงานวรรณคดีชิ้นสำคัญเกิดขึ้นหลายชิ้น อาทิ สมุทรโฆษคำฉันท์, คำฉันท์กล่อมช้าง, อนิรุทธคำฉันท์ และ จินดามณี ของพระโหราธิบดี ซึ่งจัดเป็นตำราเรียนเล่มแรกของไทย

ปูตินดัน ‘ตลาดซื้อขายสินค้าเกษตร BRICS’ เลิกพึ่งตลาดโลก ซื้อขายด้วยเงินท้องถิ่น ตัดวงจรเก็งกำไร

(11 ก.ค. 68) ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ประกาศผ่านการประชุมวิดีโอในเวที BRICS Summit 2025 ที่นครรีโอ เดอ จาเนโร เมื่อ 6 ก.ค. ที่ผ่านมาว่า กำลังผลักดันให้จัดตั้ง “ตลาดซื้อขายสินค้าเกษตรของ BRICS” หรือเรียกว่า Grain Exchange ซึ่งเน้นซื้อขายธัญพืช เช่น ข้าว ข้าวโพด และถั่วเหลือง โดยไม่มีพ่อค้าคนกลางหรือนายหน้า เพื่อหลีกเลี่ยงการเก็งกำไรจากตลาดโลกที่ราคาผันผวนสูง

ปูตินระบุว่า แนวคิดนี้จะช่วยให้ประเทศสมาชิกสามารถตกลงปริมาณและราคาซื้อขายกันโดยตรง เช่น อียิปต์ไม่ต้องพึ่งตลาดซื้อขายโลกที่เต็มไปด้วยความผันผวนอีกต่อไป แต่จะสามารถแลกเปลี่ยนกับประเทศที่มีสินค้าส่วนเกินในเครือข่าย BRICS ได้โดยตรง ส่งผลให้ได้ราคาที่ยุติธรรมและมั่นคงกว่า

ในภาพรวม ปูตินย้ำว่า BRICS ควรสร้างระบบเศรษฐกิจที่เป็นธรรมและพึ่งพาตนเอง โดยเฉพาะการใช้สกุลเงินท้องถิ่นในการค้าระหว่างกัน พร้อมเผยว่า BRICS ครอบคลุมพื้นที่โลกกว่า 1 ใน 3 และประชากรเกือบครึ่งโลก อีกทั้งมีขนาดเศรษฐกิจถึง 40% ของโลกในเชิงกำลังซื้อ

แม้ไม่มีผู้นำจีนและรัสเซียเข้าร่วมการประชุมด้วยตัวเอง แต่เวทีนี้ยังสะท้อนว่า BRICS กำลังเดินหน้าเชิงโครงสร้างทั้งในมิติการลงทุน เทคโนโลยี โลจิสติกส์ และการเงิน โดยปูตินระบุว่า การเพิ่มการลงทุนข้ามพรมแดนภายในกลุ่มเป็นภารกิจเร่งด่วน และ 'Grain Exchange' คือหนึ่งในก้าวสำคัญที่จะสร้างเศรษฐกิจหลายขั้วที่ยุติธรรม

‘หมอธานี’ ยกย่องพระอัจฉริยภาพ ‘กรมพระศรีสวางควัฒนฯ’ ทรงงานด้วยพระองค์เองพัฒนายารักษามะเร็งมุ่งเป้าจนสำเร็จ

เมื่อวันที่ (21 พ.ย.66) นพ.ธานี ธานียวรรณ อาจารย์แพทย์ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา กล่าวถึงพระอัจฉริยภาพและพระปรีชาสามารถ ใน ศาสตราจารย์ ดร. สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ที่ทรงงานด้านเภสัชกรรมด้วยพระวิริยะอุตสาหะ และพระปณิธานอันแน่วแน่ตลอดหลายปี จนเกิดเป็นคุณูปการสำคัญต่อวงการสาธารณสุข คือ ยาเม็ดรักษาโรคมะเร็งชนิดมุ่งเป้าตำรับแรกที่ผลิตขึ้นในประเทศไทย 'อิมครานิบ 100 / IMCRANIB 100'

โดยนพ.ธานี ระบุว่า เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่มากๆ เพราะการที่มีสถาบันพระมหากษัตริย์ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญทางวิทยาศาสตร์อย่างมาก ถึงขนาดที่ลงมาทรงงานและนำทีมนักวิจัยด้วยพระองค์เอง ทั้งนี้ ยังไม่เห็นมีประเทศใดในโลกที่เป็นเช่นนี้ มีเพียงประเทศไทยเท่านั้น

และที่สำคัญทุกขั้นตอนของการผลิตยาประเภทนี้ ในทุกขั้นตอนเป็นเรื่องที่ยากมาก ทั้งการต้องใช้เงินทุนวิจัยและพัฒนาจำนวนมาก และยังต้องประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ อีกทั้ง ยังในแต่ละขั้นตอนยังผิดพลาดไม่ได้ เพราะหากเกิดความผิดพลาดหมายถึงชีวิตมนุษย์ เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างมากสำหรับประเทศไทย

ตำรวจผู้ดีล่าตัวคนร้ายสวมโม่ง แทงดับพ่อลูกอ่อน หวังปล้น!! Rolex ราคากว่า 5 แสน แต่ไม่สำเร็จ

(11 ก.ค. 68) เกิดเหตุชายหนุ่มชื่อ นายบลู สตีเวนส์ (Blue Stevens) วัย 26 ปี ถูกแทงเสียชีวิตกลางกรุงลอนดอน บริเวณด้านหน้าคาสิโนหรูใกล้โรงแรมพาร์ค ทาวเวอร์ โฮเทล และห้างสรรพสินค้าฮาร์วีย์ นิโคลส์ ในย่านไนท์บริดจ์ โดยเหตุเกิดเมื่อวันที่ 9 ก.ค. ที่ผ่านมา เวลา 21.30 น. ขณะที่ สตีเวนส์ กำลังเดินกลับไปที่รถยนต์กับแฟนสาวหลังรับประทานอาหารค่ำ ตำรวจเชื่ออาจเป็นการพยายามชิงนาฬิกา Rolex Datejust 36mm Oystersteel and Gold มูลค่ากว่า 12,000 ปอนด์ (ราว 552,000 บาท)

สำหรับ สตีเวนส์ เป็นพ่อลูกสอง และเป็นหลานชายของนักมวยชื่อดัง เลส สตีเวนส์ (Les Stevens) เจ้าของเหรียญทองแดง ในการแข่งขันกีฬาเครือจักรภพ (Commonwealth Games) ปี 1970 ซึ่งผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า คนร้ายซึ่งสวมโม่งปกปิดใบหน้าและขี่สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า เข้าจู่โจมหมายปล้นนาฬิกาขณะเขากำลังจะขึ้นรถ BMW โดยเจ้าตัวพยายามต่อสู้ ก่อนถูกแทงเข้าที่หน้าอก เสียชีวิตในที่เกิดเหตุทันที

พยานผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า “เขาพยายามต่อสู้กลับ แต่คนร้ายแทงเขาเข้าตรงหน้าอก เลือดไหลเยอะมาก เขาหมดสติทันที” แม้เจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยแพทย์ฉุกเฉินจะมาถึงจุดเกิดเหตุภายในเวลาไม่ถึง 4 นาที แต่ไม่สามารถช่วยชีวิตเขาไว้ได้ แฟนสาวของเขา เทย์ลา มารี พยายามปั๊มหัวใจช่วยชีวิตด้วยตัวเอง แต่ไม่สำเร็จ เธอกลับมาที่จุดเกิดเหตุในวันถัดมา พร้อมวางดอกไม้และเขียนข้อความอาลัยว่า “คุณเอาหัวใจฉันไปด้วย” 

ด้านเจ้าหน้าที่ระบุ พบว่านายสตีเวนส์ยังสวมนาฬิกา Rolex อยู่ในขณะเกิดเหตุ ขณะที่ครอบครัวและเพื่อนสนิทจำนวนมากเดินทางมาร่วมไว้อาลัยที่หน้าโรงแรม โดยระบุว่าสตีเวนส์เป็นคนอารมณ์ดี รักลูกมาก และเพิ่งพาแฟนไปทานมื้อค่ำสุดหรูก่อนจะถูกทำร้ายจนเสียชีวิต

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ตำรวจยังจับตัวคนร้ายไม่ได้ เจ้าหน้าที่กำลังเร่งตรวจสอบกล้องวงจรปิดและสอบปากคำพยาน โดยมี 2 ประเด็นหลักที่ต้องสืบสวนคือ คนร้ายอาจพยายามปล้นนาฬิกา Rolex หรืออาจตั้งใจมาลงมือสังหารโดยเฉพาะ

ทั้งนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังนายกเทศมนตรีลอนดอน ซาดิก ข่าน (Sadiq Khan) ให้คำมั่นว่าจะกวาดล้างอาชญากรรมในเมือง โดยเฉพาะคดีแทงและจี้ปล้น ขณะที่ผู้คนในพื้นที่แสดงความหวาดกลัว และนักท่องเที่ยวต่างชาติให้ข้อมูลว่าเริ่มมีคำเตือนไม่ให้นำเครื่องประดับมีค่าติดตัวขณะเดินในลอนดอนยามค่ำคืน

‘มังกรทะเลสีน้ำเงิน’ โผล่หาดกะรน จ.ภูเก็ต อีกครั้ง เตือนภัยนักท่องเที่ยวห้ามจับเด็ดขาดมีพิษร้ายถึงชีวิต

เมื่อวานนี้ (10 ก.ค.68) เพจ 'ฉุกเฉินการแพทย์' ได้โพสต์เตือนภัย 'มังกรทะเลสีน้ำเงิน' โผล่ทะเลบริเวณหาดกะรน ต.กะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ต ซึ่งมีพิษร้ายแรง หากสัมผัสโดนอันตรายถึงชีวิต

โดยทางเพจระบุข้อความว่า “ด่วนรับแจ้งจากประชาชนหาดกะรน จ.ภูเก็ต พบ Blue Dragon บริเวณหาดกะรน จากการตรวจสอบข้อมูลทางวิชาการที่มีการเผยแพร่กัน พบว่า Blue Dragon เป็นชื่อของสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ใต้น้ำทะเลชนิดหนึ่ง โดยเป็นทากทะเลประเภทหนึ่ง มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Glaucus Atlanticus หรือรู้จักในอีกชื่อหนึ่งว่า Blue Ocean Slug โดย Blue Dragon ถูกจัดอยู่ในประเภทสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง พบได้ตามมหาสมุทรและชายฝั่งน้ำอุ่นแถบประเทศออสเตรเลีย แอฟริกาใต้ และยุโรป มีรูปร่างคล้ายมังกรหกปีกพร้อมลายสีน้ำเงินสดสะดุดตา โดยลำตัวจะโตยาวสุดแค่ 1-1.5 นิ้วเท่านั้น

มีนิสัยดุร้ายพร้อมโจมตีเหยื่อและผู้บุกรุกด้วยพิษสุดร้ายแรงที่จะเข้าไปทำลายระบบประสาทการทำงานของหัวใจและเซลล์ผิวหนัง

- บลูดรากอน (Blue Dragon) หรือมังกรทะเลสีน้ำเงิน มีพิษและเป็นอันตราย ห้ามจับเด็ดขาด ถึงแม้จะมีขนาดเล็กและสีสันสวยงาม แต่พิษของมันสามารถทำให้เกิดอาการระคายเคืองอย่างรุนแรงหากสัมผัสกับผิวหนัง พิษของมันมีฤทธิ์คล้ายกับแมงกะพรุนไฟหมวกโปรตุเกส

- พิษร้ายแรง:
บลูดรากอนไม่ได้ผลิตพิษเอง แต่เก็บสะสมพิษจากสัตว์ที่มันกิน เช่น แมงกะพรุนพิษ

- อาการเมื่อโดนพิษ:
หากโดนพิษของบลูดรากอน อาจมีอาการปวดแสบปวดร้อน คลื่นไส้ อาเจียน หรือปวดศีรษะอย่างหนัก

- อันตรายถึงชีวิต:
สำหรับผู้ที่แพ้พิษ อาจมีอาการรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้

- ข้อควรระวัง:
หากพบเห็นบลูดรากอนบนชายหาดหรือในทะเล ห้ามเข้าใกล้หรือสัมผัสเด็ดขาด

- การปฐมพยาบาลเบื้องต้น:
หากถูกพิษ สามารถใช้น้ำส้มสายชูล้างบริเวณที่ถูกพิษ เพื่อบรรเทาอาการ“

ทางเพจเผยเพิ่มเติมว่า “หายไปเกือบ 2 ปีเต็ม วันนี้มีคนพบอีกครั้งที่หาดกะรน จ.ภูเก็ต มังกรสีนํ้าเงิน (Blue Dragon) Glaucilla marginata กับสีสันที่สวยงามและมาพร้อมพิษที่ร้ายแรง เจอห้ามสัมผัสจะกินแมงกะพรุนที่มีพิษร้ายแรงเป็นอาหาร (แมงกะพรุนไฟหมวกโปรตุเกส) ทำให้มีการสะสมพิษไว้ในตัว”

ย้อนประวัติ ‘อิคคิว’ ตัวอย่างพระหัวรั้น ดื่มเหล้า เคล้าสีกา แต่สุดท้ายได้กลับวัดเหตุเพราะไม่เหลือพระในระบบ

ใครที่โตมากับการ์ตูนญี่ปุ่นอาจจะจำ 'อิคคิวซัง' ได้ว่าเป็นเณรน้อยฉลาดเฉียบ ไขปริศนาได้ทุกอย่าง แต่ถ้าเล่าย้อนประวัติจริง ๆ แล้ว 'อิคคิว' ตัวจริง เป็นพระที่ดื้อ หัวรั้น แสบ และตรงไปตรงมาแบบสุดโต่ง เขาคือพระที่ใช้ชีวิตนอกกฎวัด ดื่มเหล้า จีบสาว และเขียนกลอนทะลึ่ง — แต่กลับกลายเป็นพระเซนที่คนญี่ปุ่นพูดถึงมากที่สุดคนหนึ่ง

กำเนิดจากรอยร้าวในราชสำนัก

อิคคิวเกิดในปี พ.ศ. 1937 (ค.ศ. 1394) ช่วงที่ญี่ปุ่นปั่นป่วนจากการแย่งชิงอำนาจระหว่างจักรพรรดิฝ่ายเหนือกับฝ่ายใต้

ประวัติศาสตร์หลายสายระบุว่า อิคคิวเป็นบุตรนอกสมรสของจักรพรรดิ 'โกะโกมัตสึ' กับหญิงคนหนึ่งที่ไม่ได้มีศักดิ์ฐานะสูงอะไรนักในวัง บางตำนานว่าหญิงผู้นี้เป็นนางในระดับล่าง บางตำนานก็ว่าเป็นเพียงสาวใช้ของขุนนาง แต่ไม่ว่าอย่างไร เธอก็ ไม่ได้รับการยอมรับ และถูก 'ผลักออกจากราชสำนัก' หลังตั้งครรภ์

แม่ที่อาจไม่ได้รักอะไรนอกจากตัวเอง

ข้อมูลหลายสายบอกว่า แม่ของอิคคิว 'อาศัยครรภ์' เพื่อไต่เต้า — บ้างก็ว่าเธอหวังจะจับพระจักรพรรดิ บ้างก็ว่าเธอถูกใครบางคนบงการให้ตั้งครรภ์เพื่อจุดประสงค์ทางการเมือง

แต่เมื่อเกิดเรื่อง เธอไม่สามารถรักษาตำแหน่งตัวเองไว้ได้ และสุดท้ายก็ทิ้งลูกไว้ให้วัดเลี้ยงตั้งแต่อายุ 5 ขวบ โดยเขียนจดหมายเสียใจภายหลัง ท่ามกลางเสียงวิจารณ์ว่าที่จริงแล้วเธอก็แค่ “หาความรอดตัวเอง”

พระหัวดื้อในวัดหลวง

อิคคิวเติบโตในวัดชื่ออันโคคุจิ (Ankoku-ji) และศึกษาธรรมะสายเซนอย่างลึกซึ้ง แต่แทนที่จะปฏิบัติตามระเบียบวัดแบบหุ่นยนต์ เขาเริ่มตั้งคำถามกับระบบสงฆ์ และไม่ยอมจำนนต่อศีลธรรมจารีต

เขาเลือกออกเดินทาง ใช้ชีวิตแบบ 'พระนอกกรอบ' — ดื่มเหล้า เข้าซ่อง คบหญิงโสเภณี และแต่งกลอนอีโรติกแบบไม่อายฟ้าอายดิน เพราะเขาเชื่อว่า 'ความใคร่และความตาย' คือสิ่งที่สอนธรรมะได้ดีที่สุด

กลับสู่วัด ไม่ใช่เพราะศรัทธา แต่เพราะไม่มีใครเหลือ

สุดท้ายในบั้นปลายชีวิต หลังสงคราม เศษซากของวัดถูกเผา พระในระบบหายไปหมด ผู้คนเชิญอิคคิวกลับมา...ไม่ใช่เพราะรัก แต่เพราะไม่มีใครแล้ว

เขายอมกลับมาฟื้นฟูวัด ไม่ใช่เพื่อศรัทธา แต่เพราะ “ไม่อยากให้คนรุ่นหลังถูกหลอกอีก”

ชีวิตที่ฝากไว้ให้คิด ไม่ให้ยึด

ชื่อเล่นของอิคคิวคือ 'เมฆบ้า' (Crazy Cloud) เพราะเขาใช้ชีวิตเหมือนเมฆ — ลอยไปตามธรรมชาติ ไม่ติดอยู่กับกฎเกณฑ์ ไม่ยึดกับวัด ไม่ติดกับหญิง ไม่กลัวตาย

บทกวีของเขาเต็มไปด้วยกลิ่นอายโลกีย์ ความตาย ความโดดเดี่ยว และความเข้าใจธรรมชาติแบบเปลือยเปล่า ไม่มีศีลธรรมจอมปลอมมาปิดหน้า

จีนรับรอง ‘ทุเรียนกัมพูชา’ เข้าไลน์นำเข้า คาดดันมูลค่าส่งออกเกษตรพุ่ง หลังตลาดจีนต้องการสูง

(11 ก.ค. 68) รัฐบาลจีนประกาศรับรองการส่งออก 'ทุเรียน' จากกัมพูชาอย่างเป็นทางการ ทำให้ทุเรียนกลายเป็นผลไม้สดชนิดที่ 5 ที่กัมพูชาสามารถส่งออกไปยังจีนได้ ต่อจากกล้วย มะม่วง ลำไย และมะพร้าว ซึ่งถือเป็นโอกาสสำคัญที่ช่วยเพิ่มรายได้ให้เกษตรกรและขยายตลาดผลไม้ของกัมพูชา

เอกอัครราชทูตจีนประจำกัมพูชา หวัง เหวินปิน (Wang Wenbin) เปิดเผยผ่านโซเชียลมีเดียว่า สำนักศุลกากรแห่งชาติจีน (GACC) ได้อัปเดตรายชื่อสวนผลไม้และโรงงานบรรจุภัณฑ์จากกัมพูชา ซึ่งผ่านการขึ้นทะเบียนตามข้อกำหนดด้านสุขอนามัยและความปลอดภัยของจีน โดยระบุชื่อทุเรียนไว้ในรายการล่าสุด

หมายความว่าทุเรียนกัมพูชาได้ผ่านการตรวจสอบและปฏิบัติตามข้อกำหนดทุกขั้นตอนแล้ว และสามารถเริ่มส่งออกไปยังจีนได้ทันทีในปี 2025 ส่งผลให้เป็นผลิตภัณฑ์เกษตรคุณภาพสูงรายการแรกของปีที่ได้รับการอนุมัติจากทางการจีน

จีนระบุว่าความคืบหน้าครั้งนี้เป็นอีกหนึ่งผลสำเร็จระหว่างจีนและกัมพูชา ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ผลักดันให้ผลไม้กัมพูชาหลายชนิดเข้าสู่ตลาดจีนได้สำเร็จ สอดคล้องกับนโยบายส่งเสริมการค้าเกษตรของทั้งสองประเทศ

ทั้งนี้ ทางการกัมพูชาคาดว่าการส่งออกทุเรียนจะช่วยเพิ่มรายได้เข้าสู่ประเทศ โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาจากความนิยมของทุเรียนในตลาดจีน ซึ่งมีความต้องการสูง และมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องตลอดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

📣 สำนักงานเกษตรจังหวัดเพชรบุรี ขอเชิญทุกท่านร่วมงาน 'เพชรบุรี Fresh เกษตรกลางเมือง'

📣 สำนักงานเกษตรจังหวัดเพชรบุรี
ขอเชิญทุกท่านร่วมงาน
🎉 'เพชรบุรี Fresh เกษตรกลางเมือง' ✨ 🍍🍋‍🟩🍌
ครั้งแรก! กับความสดใหม่ของสินค้าเกษตรเมือง 'สามรส'
🍍 ยกทัพของดีจากเพชรบุรีบุกกรุงเทพฯ
🌟สดจริง! แปรรูปจริง! ครบรส เปรี้ยว หวาน เค็ม
🗓️ วันที่ 16–21 กรกฎาคม 2568
📍 ลานโปรโมชั่น ศูนย์การค้า JJ Mall จตุจักร กรุงเทพฯ
🛍️ งานมหกรรมตลาดสินค้าเกษตรเชื่อมโยงสู่ตลาดภาคนอกจังหวัด
📍รวมสินค้าคุณภาพจากเกษตรกรเพชรบุรีกว่า 30 ร้านค้า ทั้งผลสด แปรรูป วิสาหกิจชุมชน และ SMEs

✨ ไฮไลต์เด็ดห้ามพลาด✨
🍍🍋‍🟩🍌นิทรรศการ 'เมืองสามรส' ถ่ายทอดองค์ความรู้จากต้นน้ำถึงปลายน้ำ ผ่านสินค้าท้องถิ่น
♻️ กิจกรรม 'หิ้วถุงผ้า แลกสินค้าเด่นเพชรบุรี'
พกถุงผ้ามา รับฟรี! ของที่ระลึกหรือสินค้าเกษตรคุณภาพ
🔥 นาทีทอง ลดจัดหนัก! ของดีราคาพิเศษ มีเฉพาะในงาน
🍽️ กิจกรรม 'กินให้สุด สนุกกับของเด่นเพชรบุรี'
แข่งขันกินผลิตภัณฑ์ขึ้นชื่อของจังหวัด (19 กรกฎาคม 2568)
🎤 มินิคอนเสิร์ต 'ก้านตอง ทุ่งเงิน' (18 กรกฎาคม 2568 ) เจ้าของเพลงฮิต กุหลาบ 🌹

💚 ช้อป ชิม ชม เพลินทุกวันกับสินค้าและกิจกรรมคุณภาพ ที่คนรักเกษตรไม่ควรพลาด!

พันเอกหน่วยข่าวกรองยูเครน ถูกยิงดับกลางกรุงเคียฟ คาดเป็นการลอบสังหาร หลังส่งโดรนถล่มฐานรัสเซีย

เช้าวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (10 ก.ค. 68) เจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองยูเครน (SBU) ถูกจ่อยิงเสียชีวิต เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ระบุว่าเป็นการลอบสังหาร โดยขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างสอบสวน ซึ่งชื่อของผู้เสียชีวิตมีการเปิดเผยออกมาคือ พันเอก อีวาน โวโรนีช (Ivan Voronych)

กล้องวงจรปิดในพื้นที่ ซึ่งถูกเผยแพร่ในช่อง Telegram ท้องถิ่น เผยให้เห็นชายคนหนึ่งเดินออกจากอาคารพร้อมถือถุงสองใบ ก่อนถูกชายสวมหน้ากากปกปิดใบหน้าเข้ามาใกล้และจ่อยิงล้มลงกลางถนน กล้องยังจับภาพมือปืนยิงซ้ำอีกหลายนัด ก่อนหลบหนีไป

ด้านตำรวจเคียฟเร่งล่ามือสังหาร และทำงานร่วมกับหน่วยงานด้านความมั่นคงเพื่อสืบหาตัวผู้ก่อเหตุ โดยสำนักข่าวรอยเตอร์สามารถยืนยันตำแหน่งของวิดีโอที่เกิดเหตุฆาตกรรมได้ โดยระบุว่าเป็นย่านหนึ่งในกรุงเคียฟ 

การลอบสังหารครั้งนี้เกิดขึ้นหลัง SBU เพิ่งประสบความสำเร็จในการปฏิบัติการ “Operation Spiderweb” ซึ่งใช้โดรนโจมตีฐานทัพอากาศในรัสเซียเมื่อเดือนก่อน ส่งผลให้เครื่องบินรบหลายลำ รวมถึงเครื่องบินทิ้งระเบิดและเครื่องบินสอดแนมของรัสเซียถูกทำลายหรือเสียหายหนัก จึงมีความเป็นไปได้ว่าการลอบยิงครั้งนี้อาจเป็นการตอบโต้จากฝั่งตรงข้าม

คำขวัญหาเสียงสุดคลาสสิคของนักการเมืองสหรัฐฯ แต่สะท้อนสัญลักษณ์การแบ่งแยก- กีดกัน แบบ 'โลกขั้วเดียว'

'Make America Great Again' (ทำให้อเมริกากลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง) เป็นคำขวัญที่ใช้ในการรณรงค์หาเสียงทางการเมืองของสหรัฐอเมริกาโดยนักการเมืองฟากฝั่ง Republican มีบทบาทเป็นอย่างมากในช่วงการรณรงค์หาเสียงของ Donald Trumps คำขวัญนี้เกิดขึ้นมาในปี 1979 ขณะที่สหรัฐอเมริกากำลังประสบปัญหาทางเศรษฐกิจที่เลวร้ายจากภาวะการชะงักงันทางเศรษฐกิจ เริ่มถูกใช้โดย Ronald Reagan ในช่วงการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 1980 (Let's Make America Great Again) ซึ่งในห้วงเวลานั้นเองสหรัฐอเมริกาต้องเสียหน้าจากการที่ขบวนการนักศึกษาอิหร่านบุกยึดสถานทูตสหรัฐฯ ในกรุงเตหะราน จับเจ้าหน้าที่การทูตสหรัฐฯ เป็นตัวประกันนาน 444 วัน และปฏิบัติการ Eagle Claw เพื่อช่วยเหลือตัวประกันชาวอเมริกันดังกล่าวประสบกับความล้มเหลว

ในปี 2012 Donald Trumps ได้นำคำขวัญนี้มาเป็นคำขวัญอันเป็นสัญลักษณ์ประจำตัว และใช้ในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งในปี 2016 โดยเฉพาะการสวมหมวกที่ปักคำว่า 'Make America Great Again' แต่ Donald Trumps ไม่ได้จดทะเบียนสิทธิบัตรวลีดังกล่าวในเชิงพาณิชย์ ดังนั้น 5 สิงหาคม 2015 จึงถูก Bobby Estell หรือ Bobby Bones ผู้จัดรายการวิทยุชื่อดังยื่นขอจดทะเบียนสิทธิบัตรเพื่อใช้วลีนี้ในเชิงพาณิชย์ได้สำเร็จ และสองวันต่อมา Bones ได้ทวีตข้อความถึง Trumps โดยเสนอให้ใช้คำขวัญนี้อีกครั้งโดยแลกกับการบริจาคเงิน 100,000 ดอลลาร์ให้กับโรงพยาบาลเด็ก St Jude ต่อมา 29 ตุลาคม Estell ได้ทวีตข้อความดังกล่าวต่อด้วยภาพเช็คจากสำนักงานของ Trump ซึ่งจำนวนเงินบนเช็คไม่ได้รับการเปิดเผย และ Estell กล่าวว่า Trump สามารถ "รับคำขวัญนี้กลับมาใช้ได้แล้ว"

ในความเป็นจริงแล้ว “Make America Great Again” ไม่ใช่เพียงแค่คำขวัญของ Donald Trumps เท่านั้น แต่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงด้วยปฏิบัติการอย่างต่อเนื่องของสหรัฐอเมริกาเอง ไม่ว่า ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาจะมาจากพรรค Republican หรือ Democrat ก็ตาม หลังจากสิ้นสุดสงครามเย็นเพราะสหภาพโซเวียตล่มสลายในเมื่อ 26 ธันวาคม 1991 ทำให้ภัยคุกคามจากลัทธิคอมมิวนิสต์หมดไปด้วย สหรัฐอเมริกาดูเหมือนจะกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้งหนึ่ง แต่ในความเป็นจริงแล้วเกือบ 200 ประเทศบนโลกใบนี้ไม่ได้เห็นด้วยกับสหรัฐฯ เสมอไป สหรัฐฯ จึงต้องเผชิญกับการท้าทายจากชาติและกลุ่มที่ไม่ชอบและไม่เห็นด้วยกับสหรัฐฯ อยู่ตลอดเวลา

หลังจากสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สองในปี 1945 สหรัฐอเมริกากลายเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ วัฒนธรรม และการทหารชั้นนำของโลก และเริ่มทำหน้าที่หลักในการจัดระเบียบโลก แม้ว่าระเบียบโลกในระดับนานาชาติจะขึ้นอยู่กับความยินยอมและความร่วมมือ แต่สหรัฐฯ ได้นำเอาแนวคิด Pax Americana (สันติภาพแห่งอเมริกา) มาสู่การปฏิบัติในความพยามที่จะสร้างโลกขั้วเดียวขึ้น ด้วยการจัดระเบียบโลกโดยมีศูนย์กลางอำนาจเพียงผู้เดียวคือ สหรัฐอเมริกา ด้วยหลังจากสงครามโลกครั้งที่สองแล้ว โลกไม่มีความขัดแย้งด้วยอาวุธเกิดขึ้นระหว่างประเทศตะวันตกที่สำคัญ และไม่มีการใช้อาวุธนิวเคลียร์ในสงครามที่เปิดเผย มีองค์การสหประชาชาติเกิดขึ้นเพื่อช่วยรักษาความสัมพันธ์อันสงบสุขระหว่างประเทศต่าง ๆ และสถาปนาอำนาจยับยั้งสำหรับสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ซึ่งรวมถึงสหรัฐอเมริกาด้วย

ในช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่ 20 สหภาพโซเวียตและมหาอำนาจของสหรัฐอเมริกาเข้าร่วมในสงครามเย็น ซึ่งสามารถมองได้ว่าเป็นการต่อสู้ระหว่างอำนาจสูงสุดเพื่อครอบครองโลก โดยหลังจากปี 1945 สหรัฐอเมริกามีสถานะที่ได้เปรียบเมื่อเทียบกับประเทศอุตสาหกรรมอื่น ๆ ในช่วงการขยายตัวทางเศรษฐกิจหลังสงครามโลกครั้งที่สอง สหรัฐฯ รับผิดชอบผลผลิตภาคอุตสาหกรรมครึ่งหนึ่งของโลก มีทองคำสำรองร้อยละ 80 ของโลก และมีอาวุธนิวเคลียร์เพียงชาติเดียวในโลก (ในขณะนั้น) หายนะจากสงครามโลกครั้งที่สองทำให้การทำลายชีวิต โครงสร้างพื้นฐาน และทุน จนลัทธิจักรวรรดินิยมของโลกเก่าทั้งผู้ชนะและผู้แพ้จบสิ้นลง สหรัฐอเมริกาซึ่งมีเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลกในขณะนั้นสามารถฟื้นตัวจากสงคราม โดยแทบไม่มีโครงสร้างพื้นฐานภายในประเทศที่เสียหายเลย และกองกำลังทหารมีความแข็งแกร่งอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

'โลกขั้วเดียว' (Unipolar World) เป็นแนวคิดทางภูมิรัฐศาสตร์และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่อธิบายสถานการณ์ที่มีประเทศมหาอำนาจเพียงประเทศเดียวที่มีอำนาจสูงสุดทั้งในด้านการทหาร เศรษฐกิจ และการเมืองเหนือประเทศอื่น ๆ ในโลก อันหมายถึงระบบระเบียบของโลกที่มีเพียงขั้วอำนาจเดียวเป็นศูนย์กลาง โดยประเทศนั้นสามารถมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจระดับโลกได้อย่างกว้างขวางและมักไม่มีประเทศใดสามารถท้าทายได้อย่างแท้จริงในระยะเวลานั้น ช่วงหลังสงครามเย็น (1991 เป็นต้นมา) หลังจากการล่มสลายของสหภาพโซเวียต สหรัฐอเมริกากลายเป็นชาติที่มีอำนาจสูงสุดเพียงชาติเดียวในโลกที่ มีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุด มีเทคโนโลยีล้ำหน้า กองทัพแกร่งและแทรกแซงในหลายภูมิภาค มีอิทธิพลต่อองค์กรระหว่างประเทศ เช่น UN, IMF, World Bank ฯลฯ

เพื่อรักษาสถานะ 'โลกขั้วเดียว' ให้คงอยู่ตลอดไปรัฐบาลอเมริกันไม่ว่าพรรคไหนเข้ามาเป็นฝ่ายบริหารจึงมีการดำเนินนโยบาย 'Make America Great Again' ตลอดมา ซึ่งสามารถพิจารณาจากสถานการณ์โลกที่เกิดขึ้นจริงในปัจจุบัน ได้แก่ 1. สถานการณ์ในตะวันออกกลางดังแต่ อิรัก ลิเบีย ซีเรีย และล่าสุด อิสราเอล-อิหร่าน ในสามประเทศแรกฝ่ายที่สหรัฐฯ ให้การสนับสนุนสามารถยึดกุมอำนาจการปกครองประเทศไว้เป็นส่วนใหญ่ได้แล้ว โดยเฉพาะ ซีเรีย ซึ่งรัสเซียออกตัวให้การสนับสนุนรัฐบาลเก่า แต่ก็ทำไม่ได้เต็มที่เพราะยังติดสงครามกับยูเครน 2. สงครามยูเครน-รัสเซีย ซึ่งชัดเจนว่า ยูเครนเป็นตัวแทน NATO และสหรัฐฯ ในการทำสงครามกับรัสเซีย 3. จีน-ไต้หวัน ทั้ง ๆ ที่สหรัฐฯ รับรองจีนเดียวมากว่า 50 ปีแล้ว แต่ก็ยังสนับสนุนไต้หวัน รวมทั้งการขายอาวุธยุทโธปกรณ์จำนวนมากให้ไต้หวันด้วย ซึ่งรวมทั้งความพยายามในการปิดล้อมจีนทางยุทธศาสตร์

ปัจจุบันสหรัฐฯ มีฐานทัพอยู่นอกประเทศในหลายจุดทั่วโลกราว 750 แห่ง โดยมีจุดประสงค์หลากหลาย เช่น การสนับสนุนพันธมิตร การป้องกันผลประโยชน์ของสหรัฐฯ และการตอบสนองต่อภัยคุกคามระหว่างประเทศ ฐานทัพเหล่านี้มักตั้งอยู่ในประเทศพันธมิตรหรือประเทศที่มีข้อตกลงทางทหารกับสหรัฐฯ โดยสามารถแบ่งออกตามภูมิภาคหลักๆ ได้ดังนี้: 1. ภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก 1.1 ญี่ปุ่น เป็นฐานทัพนอกประเทศที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ 1.2 เกาหลีใต้ 1.3 กวม (Guam) ดินแดนในอาณัติของสหรัฐฯ เอง 1.4 ฟิลิปปินส์ สหรัฐฯ กลับมาใช้ฐานบางแห่งหลังปี 2014 ภายใต้ข้อตกลง EDCA 2. ยุโรป 2.1 เยอรมนี มีฐานทัพสหรัฐฯ มากที่สุดตั้งแต่ยุคสงครามเย็น 2.2 อิตาลี 2.3 สหราชอาณาจักร 3. ตะวันออกกลาง 3.1 กาตาร์ 3.2 คูเวต 3.3 บาห์เรน ฐานทัพเรือของกองเรือที่ 5 ของสหรัฐฯ 3.4 สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) 4. แอฟริกา 4.1 จิบูตี Camp Lemonnier ซึ่งเป็นฐานทัพแห่งเดียวของสหรัฐฯ ในทวีปแอฟริกา 5. อเมริกาใต้ และอื่น ๆ ซึ่งมีฐานทัพหรือสิ่งอำนวยความสะดวกขนาดเล็กในบางประเทศ เช่น โคลอมเบีย, เปรู และในทะเลแคริบเบียน (ฐานทัพ ณ อ่าวกวนตานาโมในคิวบา)

ดังนั้น 'Make America Great Again' ไม่ว่าจะเป็นยุคใดสมัยไหนของฝ่ายบริหารโดยพรรคการเมืองใดก็ตาม เพื่อรักษาสถานะ 'โลกขั้วเดียว' ให้คงอยู่ต่อไป นโยบายที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้จึงยังต้องมีอยู่และดำเนินต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง จนกว่ามหาชนชาวอเมริกันจะมองเห็นและเข้าใจว่า 'Make America Great Again' และสถานะ 'โลกขั้วเดียว' นั้นไม่ได้สร้างประโยชน์โภคผลอันใดแก่อเมริกันชนเลย นอกจากการถมด้วยเม็ดเงินมหาศาลและมากขึ้นเรื่อย ๆ เช่นนี้ปีแล้วปีเล่า อันเป็นแหล่งก่อหนี้สาธารณะจำนวนมหาศาล ซึ่งไม่รู้ว่า จะสามารถใช้ได้หมดเมื่อไร

 เรื่อง: ดร.ปุณกฤษ ลลิตธนมงคล 

👉ติดตามผลงาน อาจารย์ปุณกฤษ ลลิตธนมงคล เพิ่มเติมได้ที่ : https://thestatestimes.com/author/ดร.ปุณกฤษ%20ลลิตธนมงคล 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top