Saturday, 21 June 2025
TheStatesTimes

เด็กสาวบ้านนาจีน ใช้ไม้คานหาบกระเป๋ากลับบ้าน หลังสอบเกาเข่า สะท้อนความมุ่งมั่นเข้ามหาวิทยาลัย

(21 มิ.ย. 68) คลิปไวรัลจากเมืองกุ้ยหลิน มณฑลกวางสี ประเทศจีน เผยภาพ 'หลิว' นักเรียนมัธยมที่เพิ่งสอบเกาเข่าเสร็จ กำลังเดินกลับบ้านลำพังในเสื้อผ้าธรรมดา โดยใช้ไม้คานหาบกระเป๋าสัมภาระเดินกลับบ้านอย่างไม่อายใคร ขณะที่เพื่อนนักเรียนส่วนใหญ่มีผู้ปกครองขับรถมารับถึงที่ กลายเป็นภาพเรียบง่ายแต่กินใจผู้ชมทั่วจีน

หลิวเล่าว่าถุงใบโตบรรจุผ้าห่มหนา ถึงสามผืนเพราะเธอขี้หนาว ส่วนที่ดูเหมือนเธอเดินคนเดียวจริง ๆ นั้น มีแม่ขี่รถจักรยานยนต์ตามหลังพร้อมกระเป๋าลาก โดยการสอบเกาเข่าครั้งนี้เธอบอกว่าถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิตนักเรียนจีนทุกคน

ขณะที่ครูประจำชั้นเผยว่า หลิวมาจากชนบท ขยัน และสู้ไม่ถอย ข่าวดังทำให้ชาวเน็ตร่วมเอาใจช่วย เจ้าของร้านชาในเฉิงตูเสนองานพิเศษช่วงปิดเทอม ส่วนทางด้านอดีตศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยอู่ฮั่น ประกาศพร้อมสนับสนุนค่าเล่าเรียน

อย่างไรก็ตาม หลิวขอบคุณน้ำใจทุกฝ่ายแต่ปฏิเสธเงินช่วยเหลือ เพราะอยากอยู่ใกล้แม่ที่บ้าน เนื่องจากพ่อและพี่ชายออกไปทำงานต่างถิ่น เหลือเพียงสองแม่ลูกดูแลกัน เธอบอกว่าครอบครัวให้ความรักเท่าเทียม “แม้ครอบครัวจะไม่ได้มีสิ่งสวยหรูเหมือนคนอื่น แต่การได้อยู่ด้วยกันอย่างอบอุ่นก็เหมือนมีช่อดอกไม้ที่สวยที่สุดอยู่แล้ว”

ช่วงปิดเทอมหลิวตั้งใจตั้งแผงขาย 'เหลียงเฟิ่น' วุ้นถั่วเย็นริมทางเพื่อเก็บเงิน และหวังเข้าคณะศึกษาศาสตร์เป็นครูในอนาคต ชาวเน็ตพากันอวยพร  “คานไม้ไผ่ของเธออาจหนัก แต่ก้าวเดินมั่นคงยิ่งกว่าคำพูดใด ขอให้หนทางข้างหน้าบานสะพรั่ง”

ไทยค้นพบซากสัตว์ดึกดำบรรพ์ 130 ล้านปี ที่สระแก้ว ตั้งชื่อ ‘การูแดปเทอรัส บุฟโตติ’ เทอโรซอร์ตัวแรกของไทย

(21 มิ.ย. 68) ประเทศไทยค้นพบ 'เทอโรซอร์' หรือสัตว์เลื้อยคลานบินได้เป็นครั้งแรกในประเทศ จากซากฟอสซิลขากรรไกรบนของสิ่งมีชีวิตชนิดใหม่ที่ชื่อ การูแดปเทอรัส บุฟโตติ อายุประมาณ 130 ล้านปี ในชั้นหินหมวดเสาขัว บริเวณอ่างเก็บน้ำพระปรง จังหวัดสระแก้ว นับเป็นสัตว์ครองฟ้าร่วมยุคไดโนเสาร์ที่เคยมีชีวิตอยู่ในภูมิภาคนี้

เทอโรซอร์ชนิดนี้ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มเทอโรแดคทิลลอยด์ วงศ์นาโธซอรีน มีลักษณะเด่นคือปากกว้างคล้ายนกปากช้อน ฟันแหลมเรียวเหมาะกับการจับปลา และมีช่วงปีกกว้างประมาณ 2.5 เมตร การตั้งชื่อ การูแดปเทอรัส มาจากคำว่า 'ปีกครุฑ' ส่วน บุฟโตติ ตั้งเพื่อเป็นเกียรติแก่ ดร.เอริก บุฟโต นักบรรพชีวินวิทยาชาวฝรั่งเศส ผู้มีบทบาทในไทยมายาวนาน

ดร.ศิตะ มานิตกุล นักวิจัยผู้นำทีมค้นพบเผยว่า การพบขากรรไกรบนที่ค่อนข้างสมบูรณ์ รวมถึงฟันอีก 5 ซี่ เป็นข้อมูลสำคัญต่อการศึกษาสายวิวัฒนาการของเทอโรซอร์ เพราะก่อนหน้านี้ไทยเคยพบแค่ฟันหรือกระดูกชิ้นเล็ก การค้นพบครั้งนี้จึงช่วยยืนยันถึงความหลากหลายของสิ่งมีชีวิตในยุคครีเทเชียสของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

จุดค้นพบอยู่ที่แหล่งซากดึกดำบรรพ์พระปรง อำเภอวัฒนานคร ซึ่งเป็นพื้นที่สำคัญที่เคยพบไดโนเสาร์กินพืช เต่า จระเข้ และสัตว์น้ำจืดอื่น ๆ ตั้งแต่ปี 2545 การค้นพบเทอโรซอร์ล่าสุดช่วยตอกย้ำศักยภาพทางบรรพชีวินวิทยาของภาคตะวันออกที่สามารถเทียบชั้นภาคตะวันออกเฉียงเหนือได้

ทั้งนี้ กรมทรัพยากรธรณีประกาศให้แหล่งพระปรงเป็นพื้นที่ศึกษาวิจัยและอนุรักษ์ โดยจัดแถลงข่าวร่วมกับมหาวิทยาลัยมหาสารคามเมื่อวันที่ 18 มิถุนายนที่ผ่านมา การค้นพบครั้งนี้ไม่เพียงเติมเต็มภาพวิวัฒนาการของสัตว์โบราณ แต่ยังสะท้อนถึงความสำคัญของการอนุรักษ์ซากดึกดำบรรพ์ซึ่งถือเป็นสมบัติของแผ่นดินไทย

‘ลูกหมี’ นำมวลชนชุมพรนับหมื่น จี้นายกฯ ลาออก ปมคลิปเสียงหลุด ลั่น!!.. ‘นายกฯ ไม่ออก เราออก’

เมื่อวานนี้ (20 มิ.ย. 68)นายชุมพล จุลใส หรือ 'ลูกหมี' อดีต สส.ชุมพร พร้อมด้วย สส.อีก 3 เขต และประชาชนราวหมื่นคน รวมตัวกันที่สนามหน้าพระบรมรูป ร.5 จังหวัดชุมพร เพื่อแสดงจุดยืนปกป้องชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และให้กำลังใจแม่ทัพภาคที่ 2 หลังปรากฏคลิปเสียงนายกรัฐมนตรีพูดด้อยค่าเจ้าหน้าที่ทหารต่อหน้าผู้นำกัมพูชา

นายชุมพล กล่าวกับผู้ชุมนุมว่า มาในฐานะประชาชน ไม่ใช่การปลุกระดม พร้อมตั้งคำถามถึงจริยธรรมของผู้นำประเทศที่พูดลดเกียรติแม่ทัพไทย แต่กลับแสดงความอ่อนน้อมต่อผู้นำกัมพูชา พร้อมประกาศว่า “ถ้านายกฯไม่ออก พวกเราก็จะออก” เพื่อไม่ทรยศต่อเสียงของประชาชนชาวชุมพร

จากนั้น พ.อ.โชติ ยิกุสังข์ รอง ผบ.มทบ.44 ได้ขึ้นรับมอบดอกไม้แทนกำลังใจให้แม่ทัพภาคที่ 2 ขณะที่นายนพพร อุสิทธิ์ นายก อบจ.ชุมพร ได้ขึ้นเวทีอ่านแถลงการณ์ประชาชน เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออก และขอให้พรรครวมไทยสร้างชาติทบทวนบทบาทในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล

แถลงการณ์อ้างถึงกรณีคลิปเสียงสนทนาเมื่อ 18 มิ.ย. ที่นายกฯยอมรับว่าเป็นเสียงของตนจริง โดยมีเนื้อหาพาดพิงแม่ทัพภาค 2 พลโทบุญสิน พาดกลาง ว่าเป็น “คนของฝ่ายตรงข้าม” สร้างความผิดหวังแก่ประชาชน พร้อมระบุว่าเหตุการณ์นี้ทำให้ประเทศเสียหายและประชาชนหมดศรัทธาในผู้นำ

ท้ายที่สุด สส.ทั้ง 3 เขตของชุมพรให้สัมภาษณ์ย้ำว่า พรรคมีจุดยืนชัด ขอให้นายกรัฐมนตรีแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออก ซึ่งสอดคล้องกับเสียงเรียกร้องจากประชาชนในพื้นที่ โดยทั้งหมดรอติดตามท่าทีของรัฐบาลต่อไป

ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 ตรวจเยี่ยมตรวจสอบความพร้อม การปฏิบัติการทางเรือสนับสนุนการปฏิบัติการทางอากาศยาน ด้วยอากาศยานไร้คนขับ (UAV) ของหน่วยต่าง ๆ ในพื้นที่ชายแดนทางทะเล ภาคตะวันออก

เมื่อวานนี้ (20 มิ.ย. 68) พลเรือโท อาภา ชพานนท์ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 พร้อมด้วย พลเรือตรี รังสรรค์ บัวเผือก รองผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 ได้เดินทางตรวจเยี่ยมการตรวจสอบความพร้อม การปฏิบัติการทางเรือสนับสนุนการปฏิบัติการทางอากาศยาน ด้วยอากาศยานไร้คนขับ (UAV) ของหน่วยต่าง ๆ ในพื้นที่ชายแดนทางทะเล ภาคตะวันออก ในพื้นที่รับผิดชอบของ ทรภ.1 

การตรวจสอบความพร้อมในครั้งนี้สืบเนื่องจาก เรือหลวงนเรศวร ซึ่งเป็นเรือฟรีเกตสมรรถนะสูง ได้ออกปฏิบัติราชการตามแผนลาดตระเวนประจำวงรอบ ปกติในเขตพื้นที่ชายแดนทางทะเลฝั่งตะวันออก จึงได้ใช้โอกาสนี้บูรณาการร่วมกับหน่วยกำลังต่าง ๆ เพื่อให้เกิดความคุ้มค่าในการใช้งบประมาณ และเพิ่มประสิทธิภาพการฝึก

การฝึกประกอบด้วย การปฏิบัติการร่วมระหว่างเรือกับอากาศยานไร้คนขับ การติดต่อสื่อสาร การแลกเป้าหมายทางยุทธวิธี รวมถึงการฝึกสนับสนุนการยิงฝั่งด้วยปืนใหญ่เรือ ร่วมกันระหว่าง ร.ล.นเรศวร อากาศยาน ในทรภ.1 เรือใน มชด./1 และหน่วยปฏิบัติการในพื้นที่บริเวณเกาะกูด จว.ตราด 

การฝึกในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อทดสอบขีดความสามารถของหน่วยในพื้นที่ รวมถึงความพร้อมในการสนับสนุนการปฏิบัติการทางยุทธ ทั้งด้านกำลังพล ยุทโธปกรณ์ ขั้นตอนการปฏิบัติ และการแก้ไขข้อขัดข้องที่อาจเกิดขึ้น เพื่อให้หน่วยสามารถตอบสนองต่อสถานการณ์ต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น ได้อย่างทันท่วงทีและมีประสิทธิภาพ เพื่อธำรงไว้ซึ่งอธิปไตยของชาติ และผลประโยชน์ของประเทศในพื้นที่ทางทะเล บรรลุวัตถุประสงค์ของกองทัพเรือ คือเป็นกองทัพเรือ ที่ประชาชนเชื่อมั่นและภาคภูมิใจ

‘ถนอม’ โพสต์ฟางเส้นสุดท้าย ‘คลิปเสียงลุง-หลาน’ สะเทือนเก้าอี้นายกฯ ภท.ถอนตัว รทสช.ถึงจุดเลือกข้าง

นายถนอม อ่อนเกตพล ผู้จัดรายการ 'ฟังชัด ๆ ถนอมจัดให้' โพสต์เฟซบุ๊ก ถ้าไม่ถอน อย่าพึ่งโกน! ฟางเส้นสุดท้าย คือ คลิปเสียงคุย 'ลุง-หลาน' ทำให้เกิดกระแสไม่พอใจท่าทีนายกฯ อย่างกว้างขวาง จากที่จะถูกยึดเก้าอี้ มท.1 กลายเป็นการถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลอย่างเท่ห์ ๆ ของ ภท.

ชาวบ้าน ก็เรียกร้องกันเซ็งแซ่ผ่านออนไลน์ ส่วนหนึ่งก็พากันลงถนน ส่วนหนึ่งก็ไปร้อง กกต. แจ้งความ ร้องศาล ดำเนินคดีกับนายกฯ เป้าหมายกดดันให้นายกฯลาออก หรือ ยุบสภา

พรรคร่วม 3 พรรคที่ถูกจับตามองว่าเอาอย่างไร หลัง ภท.ถอนตัวแล้ว คือ

1.ปชป. ประชุมแล้วไม่ถอน แต่อาจจะขอเก้าอี้เพิ่มหรือไม่ก็ขอเปลี่ยน รมช.สธ.เป็น กระทรวงใหญ่ขึ้น อันนี้ตามคาด

2.ชายไทยพัฒนา หลังจากที่ช่วงเช้าพี่สาวหนูนา บอกว่า น้องชายคงตัดสินใจในที่สิ่งที่ถูกต้อง ตกตอนเย็นประชุมพรรค 'ท็อป วราวุธ' หน.พรรค บอกว่า ข้อมูลยังไม่เพียงพอขอคุยกับนายกฯ ก่อน เรียกว่า มีเชิง ชั้น สมลูกพ่อบรรหาร

3.รวมไทยสร้างชาติ พรรคอกแตก ถูกกดดันจากแฟนคลับและไม่ใช่แฟนคลับ แต่ไม่พอใจนายกฯอย่างหนักให้ 'พีระพันธุ์' ถอนตัวเพื่อกดดันให้นายกฯ ลาออก หรือ ยุบสภา แต่สุดท้ายเซียนเหนือเซียน 'พีระพันธุ์' ไม่ตื่นเต้น ไม่ตกใจ ฝ่าวงล้อมนักข่าวไปว่า มติพรรคให้ไปคุยกับนายกฯ ก่อน

ท่ามกลางความเงียบ ก็มีข่าวปล่อยจากที่ประชุม รทสช.ว่า พีระพันธุ์เสนอเปลี่ยนตัวนายกฯเป็น "ชัยเกษม" เพราะถ้ายุบสภา หวยจะไปออกที่ 'เท้ง' พรรคประชาชน ที่เป็นพรรคเดียวที่แถลงเรียกร้องให้นายกฯยุบสภาเซ่นคลิปฮุนเซน โดยประกาศก้องว่า พร้อมเลือกตั้ง

ในขณะที่เสี่ยงก่นปนด่าพีระพันธุ์เกาะเก้าอี้ดังทั้งคืนที่ไม่ถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล ถึงขนาดว่า เพจเอฟซีคนสำคัญที่ปกป้องทั้งลุงตู่ลุงพีร์มาตลอด บอกว่า "ถ้าไม่ถอน จะโกนไม่ให้เหลือตอ"
ใจเย็น ๆ ครับ ......ทางออกตอนนี้ มี 3 ทางคือ

1.นายกฯ อยู่ต่อ โดยมีพรรคร่วมเหมือนเดิมขาดแต่ ภท.ทำให้เสียงปริ่มน้ำ อยู่ได้ แต่บริหารและผ่านกฎหมายได้อยาก อยู่แค่เพียงประคับประคองรักษาแผลนกปีกหัก บินได้ แต่ไม่ไกล ซึ่งแนวทางนี้ วี 1 วี 2. วี 3. ต้องการให้เป็นไปในแนวทางนี้ แต่

'ลุงพีร์' ต้องการเปลี่ยนนายกฯ เป็น ชัยเกษม ของ พท. เพื่อเป็นข้ออ้างให้กับสมาชิกและผู้สนับสนุนพรรค เพื่อได้ทำงานผ่านกฎหมายลดค่าไฟ ค่าน้ำมัน สู้กับทุนพลังงานที่ต้องการคว่ำลุงพีร์ รวมทั้ง ชุดสุดซอย ของคุณโอ๋ ฐิติภัสร์ และคุณเอกนัฎ ที่กำลังกวาดล้างจับกุมทุ่นเถื่อน อุตสาหกรรมศูนย์เหรียญอย่างได้ผล ไปต่อ

แนวทางนี้ นายกฯ อิ้งลาออก โดยบอกว่ายังมีโอกาสกลับมาเป็นนายกฯได้อนาคตอีกยาวไกล หากขืนเดินหน้าคำร้องมีผลต้องพ้นจากตำแหน่งเพราะจริยธรรม จะซ้ำรอยคุณเศรษฐาที่ไม่อาจจะกลับมาทางการเมืองได้อีกเลยตลอดชีวิต

บนพื้นฐานข้อต่อรองเปลี่ยนตัวนายกฯ วี 1 ต้องตัดสินใจแล้วบอกว่า ไม่รับข้อเสนอ นายกฯ อิ้งต้องไปต่อ

ถึงตอนนี้ ถ้าวี 1 ไม่ยอมลุงพีร์ ก็คงมีคำตอบเดียว คือ ถอนตัวเป็นคำตอบสุดท้าย สมาชิกพรรค เอฟซี ต้มน้ำรอจะลวกน้ำร้อนถอนขน แถมจะโกนจนไม่เหลือตออีกด้วย

วี 1 ต้องตัดสินใจเลือก 3 ทาง คือ ยุบสภา ลาออก หรือ อยู่ต่อ โดยเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยโดยไม่มี รทสช.แล้วไปตายเอาดาบหน้า ยืดเวลารักษาปีกที่หักเพื่อบินต่อ แล้วค่อยยุบสภาก่อนการอภิปรายไม่ไว้วางใจ

ข้อเสนอเปลี่ยนตัวนายกฯ เอาชัยเกษม ถ้า วี 1 รับเงื่อนไขนี้ ก็ไปลุ้นกันต่อว่า เมื่อนายกฯ ลาออกแล้ว สภาผู้แทนฯจะโหวตให้ชัยเกษมหรือไม่ ซึ่งมีทั้งเป็นไปได้และเป็นไปไม่ได้ 

ถ้าไม่ได้ พรรคประชาชนก็อาจจะเป็นกองหนุนช่วยโหวตให้ชัยเกษม ปิดทางลุงพีร์ ลุงตู่ หรือคนนอก ที่อาจจะได้รับการโหวตไม้ต่อไปก็เป็นได้ ...ในขณะเดียวกันก็อาจจะไม่มีชื่อชัยเกษมเลยก็เป็นไปได้...เพราะนาทีนี้ พรรคเล็กเป็นต่อ พรรคใหญ่เป็นรอง และอย่าลืมภูมิใจไทยก็ยังเป็นตัวแปรที่สำคัญ ดังนั้น การเมืองเวลานี้

การถอนตัว ยังไม่ใช่คำตอบสุดท้าย การลาออก คือ เป้าหมายและทางเลือกที่ดีที่สุด เพราะหากยุบสภา ว่ากันคือโอกาสของพรรคประชาชนที่รอคอยด้วยความมั่นใจว่าชนะเลือกตั้งครั้งใหม่แน่

คอยดูกันต่อไปครับ การเมืองไม่มีสูตรสำเร็จ การเคลื่อนไหว กดดัน อาจจะหลงทิศหลงทาง ตาอิน ตานา สุดท้าย ตาอยู่คว้าพุงไปกิน หมาน้อยได้แต่ยืนเลียปากแผลบ ๆ ต่อไป...และทั้งหมดนี้คือการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองตามวิถีทางประชาธิปไตย

อิสราเอลโวยอิหร่าน ยิงขีปนาวุธแบบ ‘คลัสเตอร์บอมบ์’ ระเบิดไม่เลือก - กระจายกลางอากาศ พุ่งสังหารพลเรือน

อิสราเอลเปิดเผยเมื่อวันที่ (19 มิ.ย.68) ว่า อิหร่านได้ยิงขีปนาวุธใส่อิสราเอล ซึ่งบรรจุระเบิดย่อยแบบ 'คลัสเตอร์มูนิชัน' (cluster submunitions) โดยมีเป้าหมายเจาะใส่พื้นที่พลเรือนหนาแน่น เพื่อเพิ่มความเสียหายและจำนวนผู้บาดเจ็บ โดยยังไม่ระบุพื้นที่เป้าหมายชัดเจน

รายงานจากสื่ออิสราเอลระบุว่า หัวรบของขีปนาวุธดังกล่าวแตกกระจายกลางอากาศที่ระดับความสูงประมาณ 7 กิโลเมตร ก่อนโปรยระเบิดย่อยราว 20 ลูกกระจายเป็นวงกว้างราว 8 กิโลเมตร เหนือพื้นที่ตอนกลางของอิสราเอล หนึ่งในระเบิดย่อยตกใส่บ้านในเมืองอาซอร์ (Azor) ทำให้บ้านเสียหาย แต่ไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต

สำหรับระเบิดคลัสเตอร์เป็นอาวุธที่สร้างความขัดแย้งในระดับโลก เนื่องจากกระจายระเบิดย่อยไม่เลือกเป้าหมาย ซึ่งบางส่วนอาจไม่ระเบิดทันทีและเป็นภัยหลงเหลือที่อันตรายต่อพลเรือนในระยะยาว โดยกองทัพอิสราเอลออกภาพกราฟิกเตือนภัยจากระเบิดที่ยังไม่ระเบิด เพื่อป้องกันความสูญเสียเพิ่มเติม

พลตรีเอฟฟี เดฟริน โฆษกกองทัพอิสราเอล ระบุว่า “การก่อการร้ายนี้จงใจโจมตีพลเรือน ด้วยอาวุธที่ออกแบบมาเพื่อสร้างความเสียหายแบบวงกว้าง” ขณะที่ ดาริล คิมบอลล์ ผู้อำนวยการกลุ่มรณรงค์ควบคุมอาวุธ กล่าวว่า อิหร่านรู้อยู่แล้วว่าขีปนาวุธของตนอาจไม่แม่นยำ การใช้ระเบิดคลัสเตอร์จึงมีโอกาสโจมตีเป้าหมายพลเรือนมากกว่าเป้าหมายทางทหาร

ทั้งนี้ อิหร่านและอิสราเอลต่างไม่เข้าร่วมอนุสัญญาระหว่างประเทศปี 2008 ที่ห้ามผลิต ครอบครอง และใช้งานระเบิดคลัสเตอร์ ซึ่งปัจจุบันมี 111 ประเทศร่วมลงนามในสนธิสัญญานี้ อย่างไรก็ตาม สหรัฐฯ ยังคงให้การสนับสนุนยูเครนด้วยอาวุธลักษณะเดียวกัน และมีรายงานว่ารัสเซียเองก็ใช้ระเบิดชนิดนี้เช่นกันในสงครามกับยูเครน

ดีลการค้า ‘สหรัฐฯ–จีน’ ยังไม่ปลดล็อก ‘แร่หายาก’ ใช้ทางทหาร จุดขัดแย้งที่ยังไม่คลี่คลาย

(21 มิ.ย. 68) แม้สหรัฐฯ และจีนจะบรรลุข้อตกลงหยุดยั้งข้อพิพาททางการค้าระลอกใหม่ที่กรุงลอนดอน แต่ประเด็นสำคัญเกี่ยวกับการส่งออกแม่เหล็กแร่หายากที่ใช้ในงานทหารยังไม่คลี่คลาย โดยจีนยังไม่ให้คำมั่นเรื่องการอนุมัติส่งออกแม่เหล็กเฉพาะทางที่จำเป็นต่อการผลิตเครื่องบินรบและระบบขีปนาวุธของสหรัฐฯ

การเจรจาระหว่างสองประเทศกลับมาพัวพันกับประเด็นควบคุมการส่งออก โดยจีนแสดงท่าทีว่า จะไม่พิจารณาผ่อนคลายการส่งออกแม่เหล็กทหาร หากสหรัฐฯ ยังจำกัดการขายชิป AI ขั้นสูงให้จีน ซึ่งถือเป็นความเคลื่อนไหวเชิงเชื่อมโยงใหม่ระหว่างความมั่นคง เทคโนโลยี และการค้า

ขณะที่สหรัฐฯ เตรียมขยายมาตรการภาษีสินค้าจีนต่ออีก 90 วันเกินกำหนดเดิมในเดือนสิงหาคม ส่วนประธานาธิบดีทรัมป์ยังยืนยันว่า ข้อตกลงนี้เป็น “ดีลที่ดี” และหวังว่าทั้งสองฝ่ายจะได้ประโยชน์ แม้กระทรวงพาณิชย์และการต่างประเทศของทั้งสองประเทศยังไม่ให้ความเห็นทางการ

จีนยอมอนุมัติใบอนุญาตส่งออกแม่เหล็กแร่หายากให้ผู้ผลิตพลเรือนในสหรัฐฯ ผ่านช่องทางพิเศษ “green channel” แต่ยังไม่รวมแม่เหล็กเฉพาะทาง เช่น Samarium ซึ่งสำคัญต่อการผลิตอาวุธ ส่งผลให้การควบคุมของจีนในอุตสาหกรรมนี้ยังเป็นอุปสรรคใหญ่ต่อข้อตกลงถาวร

ทั้งนี้ นักวิเคราะห์มองว่า ความไม่ลงตัวด้านแร่หายากอาจเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นฟูความสัมพันธ์เชิงพาณิชย์ระหว่างสองมหาอำนาจ และสะท้อนว่าความพยายามของรัฐบาลทรัมป์ในการใช้การค้าเป็นเครื่องมือกดดันจีนยังคงต้องเผชิญอุปสรรคจากข้อเท็จจริงที่ว่าจีนยังผูกขาดทรัพยากรที่สำคัญระดับโลกอยู่

ย้อนคำพูด ‘พล.อ.ประยุทธ์’ ปมชายแดนไทย-กัมพูชา กองทัพพร้อมเสมอและต้องเหนือกว่า เมื่อมีใครมารังแก

(21 มิ.ย. 68) เฟซบุ๊ก Watthana Saen-u-dom แชร์คลิปที่ครั้งหนึ่ง พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เคยกล่าวถึงสถานการณ์ความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ท่านบอกว่าแม้ไม่ใช่การรบใหญ่โตเหมือนสงคราม แต่เป็นการสู้กันเป็นครั้งคราวตรงชายแดนที่ตึงเครียด ก็เพื่อทำให้สถานการณ์รุนแรงขึ้นมา โดยมีจุดประสงค์อื่นและจบลงที่การเจรจา

พลเอกประยุทธ์บอกว่า ถ้าเราปล่อยให้เรื่องที่ชายแดนเกิดขึ้นแล้วไม่จัดการให้จบตั้งแต่แรก เราจะไม่มีทางไปต่อรองอะไรกับเขา (กัมพูชา) ได้เลย เราจะพูดกับเขาแต่เขาก็ไม่ฟัง 

สุดท้าย ‘ลุงตู่’ กล่าวว่าการมีกำลังทหารและความพร้อมที่จะสู้ ก็เพื่อให้ประเทศอื่นเขาเกรงใจเรา ถ้าถึงเวลาที่จำเป็นจริง ๆ เราก็ต้องแสดงให้เห็นว่า เราพร้อมและเหนือกว่า เพื่อให้เขาไม่กล้าทำอะไรที่ไม่ถูกต้องกับเราอีก

ซีอีโอ Telegram เผยเตรียมยกสมบัติ 4.9 แสนล้าน ให้ลูกกว่า 100 คน 12 ประเทศ ที่เกิดจากการบริจาคสเปิร์ม

(21 มิ.ย. 68) พาเวล ดูรอฟ (Pavel Durov) ผู้ก่อตั้งแอปฯ ส่งข้อความเข้ารหัส Telegram เผยผ่านนิตยสาร Le Point ของฝรั่งเศสว่า เขาได้เตรียมพินัยกรรมยกทรัพย์สินทั้งหมดราว 13.9 พันล้านดอลลาร์ (ราว 4.9 แสนล้านบาท) ให้แก่ลูก ๆ มากกว่า 100 คนที่เขาเป็นพ่อ โดยย้ำว่า "พวกเขาทุกคนคือลูกของผม และมีสิทธิเท่ากันหมด"

ดูรอฟเปิดเผยว่า ตนเป็นพ่อโดยชอบด้วยกฎหมายของลูก 6 คนจากแม่ 3 คน แต่ยังมีเด็กอีกกว่า 100 คนใน 12 ประเทศที่เกิดจากการบริจาคสเปิร์มในคลินิกเมื่อ 15 ปีก่อน โดยเขาตั้งใจไม่ให้ลูก ๆ ได้รับมรดกก่อนเวลา 30 ปี เพื่อให้พวกเขา "ใช้ชีวิตแบบคนธรรมดา และสร้างตัวด้วยตัวเอง"

ขณะเดียวกัน เขาได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาในฝรั่งเศสเกี่ยวกับการไม่ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ในการควบคุมเนื้อหาผิดกฎหมายบน Telegram โดยชี้ว่า "แค่เพราะอาชญากรใช้แพลตฟอร์มของเรา ไม่ได้แปลว่าเราคืออาชญากร" ทั้งยังระบุว่า Telegram มีมาตรการควบคุมเนื้อหาเทียบเท่ามาตรฐานสากล

ดูรอฟ วัย 40 ปี ปัจจุบันพำนักในดูไบ และถือสองสัญชาติ ฝรั่งเศส-สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เขาก่อตั้ง Telegram หลังออกจาก VKontakte โซเชียลเน็ตเวิร์กชื่อดังของรัสเซียในปี 2013 โดย Telegram ยังคงเป็นที่นิยมทั่วโลกแม้ถูกวิจารณ์เรื่องการแพร่เนื้อหาสุดโต่งและผิดกฎหมาย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top