Friday, 20 June 2025
TheStatesTimes

รัฐบาลมาเลเซีย จ่อสร้างกำแพงติดกล้องชายแดนไทย หวังปิดทางลอบขนยาเสพติด และป้องกันการรุกราน

(20 มิ.ย. 68) รัฐบาลมาเลเซียกำลังพิจารณาสร้างกำแพงและติดกล้องวงจรปิดบริเวณชายแดนที่ติดกับประเทศไทย โดยเฉพาะในรัฐกลันตัน ซึ่งอยู่ติดกับจังหวัดนราธิวาส เพื่อควบคุมการลักลอบขนยาเสพติดและรักษาความมั่นคงของชาติ

ชัมซูล อานูอาร์ นาซาราห์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยมาเลเซีย ระบุว่าการควบคุมชายแดนเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง เพราะหากปล่อยให้ชายแดนรั่วไหล จะนำไปสู่ปัญหายาเสพติดและความรุนแรง พร้อมเผยว่ากำลังตรวจสอบข้อมูลข่าวกรองเพื่อวางจุดติดตั้งกล้องและโครงสร้างรักษาความปลอดภัย

เขาย้ำว่านโยบายนี้ไม่เพียงคุ้มครองพื้นที่ชายแดน แต่มีผลในระดับประเทศ โดยเป้าหมายหลักคือการทำให้ประเทศปลอดภัย ควบคุมได้ และไม่ถูกคุกคามจากภายนอกได้ง่าย

ก่อนหน้านี้ ผู้บัญชาการตำรวจรัฐกลันตันเสนอให้สร้างกำแพงตลอดแนวชายแดนไทย-มาเลเซีย ซึ่งยาวราว 45 กิโลเมตร ชี้ว่าเป็นมาตรการควบคุมชายแดนที่มีประสิทธิภาพที่สุดในสถานการณ์ปัจจุบัน

จิ๊กซอว์สำคัญ!! ’กวีเหลวไหลแท้‘ วิเคราะห์เกม ‘พีระพันธุ์ - รวมไทยสร้างชาติ’ ในวันที่ประเทศชาติต้องเดินหน้าฝ่าสารพัดวิกฤต ชี้สถานการณ์ขณะนี้พีระพันธุ์ ต้องรับมือกับศึกในศึกนอก และความคาดหวังของมวลชน

(20 มิ.ย.68) เพจเฟซบุ๊ก ‘กวีเหลวไหลแท้’ โพสต์ข้อความว่า เกมของพีระพันธุ์ รทสช.

การต้องรับมือกับศึกในศึกนอก และความคาดหวังของมวลชน เป็นอะไรที่หนักมากของลุงพี ขณะที่ความต้องการจะทำงานในกระทรวงพลังงานยังคงเป็นเรื่องยากที่จะลุกจากเก้าอี้ เพราะพันธสัญญาที่จะปรับปรุงโครงสร้างราคาพลังงานยังไม่แล้วเสร็จ

เมื่อเกิดคลิปเสียงอัปยศขึ้น พรรคร่วมรัฐบาลอื่น ๆ ประชุมกันอย่างเร่งด่วน แต่รทสช. เลือกที่จะประชุมหลังสุด

การประกาศลาออกของภูมิใจไทย ทำให้เสียงของรัฐบาลปริ่มน้ำ รทสช. จึงเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสุดท้ายที่จะตัดสินว่า ภาพนี้จะสมบูรณ์หรือไม่สมบูรณ์

หากวางลงภาพจะสมบูรณ์ใส่กรอบได้ หากไม่วาง ภาพนี้ก็ไร้ค่าโดยสิ้นเชิง

ในเมื่อการเมืองเป็นเรื่องการต่อรอง ลุงพีซึ่งเข้าใจความสำคัญของตนเองดี จึงถือเอาโอกาสแสนดีนี้กำหนดบทบาทของพรรคตนเอง

ถ้าอุ้งอิ้งลาออก หานายกรัฐมนตรีคนใหม่ รทสช.จะเข้าร่วมต่อ เผลอๆ อาจได้เป็นถึงตำแหน่งนายก ซึ่งมีวาระดำรงตำแหน่งอยู่อีกพอสมควร

ถ้าอุ้งอิ้งไม่ลาออก รทสช.จะไขก๊อกออกเองอย่างไม่รู้สึกผิดต่อพรรคร่วมในข้อครหาไม่ร่วมหัวจมท้ายในยามวิกฤติ

ลุงพีจะร่วมกับรัฐบาลที่นายกรัฐมนตรีมีใจฝักใฝ่อริราชศัตรูได้อย่างไร ความผิดนี้เป็นความผิดของปัจเจกบุคคล ตัวไหนเน่าก็ควรกำจัดออกไป ทำไมต้องหน้าด้านแบกนายกเน่า ๆ อยู่ด้วย หากพรรคร่วมโดยเฉพาะพรรคแกนนำเห็นแก่ผลประโยชน์ชาติจริง ควรจัดการเปลี่ยนตัวนายกเสีย ประเทศจะได้ไปต่อ

เรื่องแค่นี้ถ้าไม่ทำ ก็ป่วยการที่จะร่วมลงเรือลำเดียวกันต่อไป

ซึ่งคำขาดของลุงพี นับว่าทรงพลังมาก แม้จะคาดการณ์ได้ไม่ยากว่า อุ้งอิ้งไม่ลาออกแน่ แต่ก็ใช่จะเป็นไปไม่ได้เสียทีเดียว

อย่างน้อยลุงพีก็ได้ปฏิบัติตามการยื่นข้อเสนอของลุงตู่ขณะประเทศเป็น failure state ตอนยิ่งลักษณ์ลาออก แล้วมีรักษาการนายกอีกคนอยู่ว่า

“ถ้าตกลงกันไม่ได้ ผมยึดอำนาจ!”

ซึ่งลุงพีสามารถกล่าวเสียงดังด้วยสีหน้าจริงจังได้ว่า

“ถ้านายกไม่ลาออก ผมขอถอนตัว!”

เนื่องจากคงไม่มีการถ่ายทอดสด ดังนั้นแอบอัดคลิปไว้หน่อยนะครับ เราได้ฟังคงฟินน่าดู 555555555

“รักลุงพีครับ”

‘ชัยวุฒิ’ เปรียบรัฐบาลเพื่อไทยเหมือน ‘เรือใกล้จม’ ย้ำชัด ‘พรรคพลังประชารัฐ’ ไม่ร่วมรัฐบาล

(20 มิ.ย. 68) นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ย้ำจุดยืนพรรคตาม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ว่าจะไม่เข้าร่วมรัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทย พร้อมเผยว่า พรรคเพื่อไทยพยายามทาบทามเข้าร่วมรัฐบาล หลังภูมิใจไทยถอนตัว ทำให้เสียงรัฐบาลปริ่มน้ำ

นอกจากนี้ นายชัยวุฒิเปรียบรัฐบาลเพื่อไทยเหมือน ‘เรือใกล้จม’ และเตือนพรรคร่วมว่า หากยังดึงดันร่วมรัฐบาล อาจ ‘จมน้ำตายไปด้วยกัน’ พร้อมแนะให้ถอนตัวเพื่อเปิดทางจัดตั้งรัฐบาลใหม่ที่มีเสถียรภาพมากกว่า

ในส่วนของกระแสเปลี่ยนนายกฯ นายชัยวุฒิกล่าวว่า หากมีการเปลี่ยนตัวจาก น.ส.แพทองธาร ค่อยเปิดเจรจาใหม่ได้ แต่หากเพื่อไทยยังเป็นแกนนำ พปชร.จะยังไม่ร่วม พร้อมระบุว่า ความล้มเหลวของรัฐบาลไม่ใช่เพราะม็อบ แต่เพราะประชาชนขาดศรัทธาในผู้นำเอง

ประธานวุฒิสภายื่นศาล รธน.–ป.ป.ช. ถอดถอนนายกฯ ‘แพทองธาร’ ปมคลิปเสียง

(20 มิ.ย. 68) นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ยื่นหนังสือถึงศาลรัฐธรรมนูญและ ป.ป.ช. เพื่อขอให้พิจารณาถอดถอน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตามคำร้องของกลุ่มสมาชิกวุฒิสภาที่นำโดย พล.อ.สวัสดิ์ ทัศนา ซึ่งได้รวบรวมรายชื่อและยื่นต่อประธานวุฒิสภาเมื่อวันที่ 19 มิ.ย.

คำร้องถึงศาล รธน. ขอให้วินิจฉัยว่าสถานะความเป็นนายกฯ ของ น.ส.แพทองธาร สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ ขณะที่คำร้องถึง ป.ป.ช. ขอให้ไต่สวนว่ามีการทุจริตหรือฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรงหรือไม่ โดยเฉพาะในประเด็นที่อาจขัดต่อรัฐธรรมนูญและกฎหมาย

กรณีนี้เกิดขึ้นจากคลิปเสียงสนทนาระหว่าง น.ส.แพทองธาร กับสมเด็จฮุน เซน ที่ สว. เห็นว่าเป็นการอ่อนข้อให้กัมพูชา และพาดพิงถึงแม่ทัพภาคที่ 2 ในลักษณะกระทบเกียรติภูมิกองทัพ จนถูกตั้งข้อสังเกตถึงภาวะผู้นำและความเหมาะสมในการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

ฮุน เซน โพสต์ภาพเมื่อเดือน เม.ย. 68 ที่เคยพา 'นายกฯ อิ๊งค์' ชมห้องพักของ 'ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์' ในบ้านกรุงพนมเปญ ลั่นความสัมพันธ์ 30 ปีถูกทำลายเพราะคลิปเสียงหลุด

(20 มิ.ย. 68) เวลาประมาณ 13.10 น. สมเด็จ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา โพสต์ภาพการพา น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ไปชมห้องที่ นายทักษิณ ชินวัตร และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เคยเข้าพัก

ฮุน เซน ยังระบุข้อความว่า “ทั้งข้าพเจ้าและรัฐบาลกัมพูชาต่างก็เคยให้การสนับสนุนอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร และยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งเป็นบิดาและอาของนายกรัฐมนตรีไทยคนปัจจุบัน”

“ในการเยือนกัมพูชาอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรีไทยเมื่อเดือน เม.ย. 68 นอกจากการเยือนอย่างเป็นทางการแล้ว เรายังได้จัดงานเลี้ยงภายในครอบครัว โดย ‘อุ๊งอิ๊งค์’ นายกรัฐมนตรีไทย และสามีของเธอ ได้รับประทานอาหารค่ำที่บ้านพักของข้าพเจ้า”

“ก่อนเดินทางกลับ นายกรัฐมนตรีไทยได้ขอเข้าชมห้องที่บิดาและอาของเธอเคยพัก บ้านของข้าพเจ้าได้สงวนห้องไว้ให้พวกเขา 2 ห้อง ห้องหนึ่งมีชื่อว่า ‘ห้องทักษิณ’ และอีกห้องหนึ่งชื่อว่า ‘ห้องยิ่งลักษณ์’ สามีของนายกรัฐมนตรีไทยได้ถ่ายภาพและบันทึกวิดีโอห้องทั้งสองห้องไว้”

“ความสัมพันธ์อันแนบแน่นระหว่างสองครอบครัวมานานกว่า 30 ปี ถูกทำลายลงเมื่อการสนทนาทางโทรศัพท์เกิดรั่วไหลโดยฝีมือเจ้าหน้าที่กัมพูชารายหนึ่ง ซึ่งโกรธเคืองที่ข้าพเจ้าและนายกรัฐมนตรีกัมพูชาถูกดูหมิ่น โดยกล่าวหาว่าเราไม่มีความเป็นมืออาชีพ”

(สุรินทร์) มทบ.25 จัดพิธีรับพระราชทานเมล็ดพันธุ์ข้าว จากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเมล็ดพันธุ์ข้าวหอมมะลิ 105 จำนวน 225 กิโลกรัม จากศูนย์พัฒนาพันธุ์พืชจักรพันธ์เพ็ญศิริ จังหวัดสุรินทร์  โดย พลตรี ไชยนคร กิจคณะ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 25 เป็นประธานในพิธีรับพระราชทานเมล็ดพันธุ์ข้าว ให้แก่ โครงการทหารพันธุ์ดี มณฑลทหารบกที่ 25 

เพื่อปลูกบนเนื้อที่ 15 ไร่ และเมล็ดพันธุ์ข้าวหอมมะลิ 105 มอบให้แก่กำลังพล มณฑลทหารบกที่ 25 จำนวน 10 นาย ส่งผลให้ข้าราชการและผู้รับมอบเมล็ดพันธุ์ข้าวฯ มีความรู้สึกปลื้มปิติและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดไม่ได้ ที่ได้ทรงพระเมตตาและห่วงใยความเป็นอยู่ของราษฎรทุกหมู่เหล่า ซึ่งมี คุณสายธาร กิจคณะ ประธานสมาคมแม่บ้าน ทบ. สาขา มณฑลทหารบกที่ 25 พร้อมด้วยจิตอาสาพระราชทาน มณฑลทหารบกที่ 25, เจ้าหน้าที่ศูนย์พัฒนาพันธุ์พืชจักรพันธ์เพ็ญศิริ จังหวัดสุรินทร์, เจ้าหน้าที่โครงการทหารพันธุ์ดี มณฑลทหารบกที่ 25และกำลังพล มณฑลทหารบกที่ 25 เข้าร่วมในพิธี ณ ห้องรับรอง 1 กองบัญชาการ มณฑลทหารบกที่ 25

กมธ.ทหารฯ วุฒิสภา เตรียมยื่นถอดถอนนายกฯ แพทองธาร 

(19 มิ.ย.68) เวลา 11.00 นาฬิกา ณ ห้องโถง ชั้น 1 อาคารรัฐสภา (ฝั่งวุฒิสภา) คณะกรรมาธิการ (กมธ.) การทหารและความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภา นำโดย พลเอก สวัสดิ์ ทัศนา ประธานคณะกรรมาธิการ ออกแถลงการณ์โดยระบุถึงกรณีนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ออกมาแถลงยอมรับว่าคลิปเสียงที่เผยแพร่ออกมานั้นเป็นคลิปเสียงของตนสนทนากับสมเด็จฮุนเซนจริง โดยมีเนื้อหาพาดพิงถึงแม่ทัพภาคที่ 2 ว่าเป็นคนของฝ่ายตรงข้าม รวมทั้งเป็นการด้อยค่าไม่ให้เกียรติทหารและกองทัพที่ทำหน้าที่รักษาอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดน อีกทั้งการสนทนาได้แสดงท่าทีที่พร้อมจะตอบสนองความต้องการที่สมเด็จฮุนเซนเรียกร้อง ซึ่งการกระทำดังกล่าวทำให้ประเทศชาติเสียหายอย่างใหญ่หลวง อาจเข้าข่ายเป็นความผิด ดังนี้

1. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 เช่น มาตรา 5 บุคคล มีหน้าที่ดังต่อไปนี้ (2) ป้องกันประเทศ พิทักษ์รักษาเกียรติภูมิ ผลประโยชน์ของประเทศชาติ และสาธารณสมบัติของแผ่นดิน รวมทั้งป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย มาตรา 52 รัฐต้องพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ เอกราช อธิปไตย บูรณภาพแห่งอาณาเขตและเขตที่ประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตย เกียรติภูมิและผลประโยชน์ของชาติ ความมั่นคงของรัฐ และความสงบเรียบร้อยของประชาชน เพื่อประโยชน์แห่งการนี้ รัฐต้องจัดให้มีการทหาร การทูตและการข่าวกรองที่มีประสิทธิภาพ มาตรา 164 ในการบริหารราชการแผ่นดิน คณะรัฐมนตรีต้องดำเนินการตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ กฎหมาย และนโยบายที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา และต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้ด้วย 

(1) ปฏิบัติหน้าที่และใช้อำนาจด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต เสียสละ เปิดเผย และมีความรอบคอบและระมัดระวังในการดำเนินกิจการต่าง ๆ เพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศและประชาชนส่วนรวม (4) สร้างเสริมให้ทุกภาคส่วนในสังคมอยู่ร่วมกันอย่างเป็นธรรม ผาสุก และสามัคคีปรองดองกัน 

2. ประมวลกฎหมายอาญา หมวด 2 ความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายในราชอาณาจักร และหมวด 3 ความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายนอกราชอาณาจักรในมาตราต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ฐานเป็นกบฏ หรือคบคิดกับบุคคลซึ่งกระทำการเพื่อประโยชน์ของรัฐต่างประเทศหรือที่เป็นปรปักษ์ต่อรัฐ หรือร่วมเป็นข้าศึกของประเทศ และมาตรา 157 ฐานเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต 

3. นอกจากกระทำความผิดตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายในหลายมาตราดังกล่าว ยังส่งผลต่อการดำรงตำแหน่งทางการเมือง และการตำหนิผู้นำทหาร คือ แม่ทัพภาคที่ 2 ว่าเป็นคนละฝ่ายกับเรา ซึ่งหมายถึงเป็นคนละฝ่ายกับนายกรัฐมนตรีไทยกับประธานวุฒิสภาของกัมพูชาถือเป็นการสร้างความแตกแยกในชาติ และยังเป็นการกระทำที่เข้าข่ายไม่ซื่อสัตย์สุจริต และละเมิดจริยธรรมอย่างร้ายแรงของผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 160 (4) และ (5) ขาดคุณสมบัติในการดำรงตำแหน่งทางการเมือง

ด้วยเหตุผลดังกล่าว คณะกรรมาธิการจึงไม่อาจปล่อยนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี บริหารประเทศต่อไป จึงขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออกจากตำแหน่งและยุติการปฏิบัติหน้าที่ทันที พร้อมกันนี้ มีความจำเป็นต้องยื่นถอดถอนนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เนื่องจากขาดคุณสมบัติและมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (4) และ (5) เพราะไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตและมีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามมาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญและผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ พ.ศ. 2561 และตามประมวลจริยธรรมของข้าราชการการเมือง พ.ศ. 2564 รวมทั้งดำเนินการเอาผิดกับนายกรัฐมนตรีต่อองค์กรต่าง ๆ ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องต่อไป

ในแถลงการณ์ของ กมธ.การทหารฯ วุฒิสภา ยังได้ขอให้ประชาชนทุกภาคส่วนรับฟังข่าวสารที่เกิดขึ้นอย่างมีสติ อย่าหลงเชื่อข่าวสารที่เป็นข่าวปลอม เพื่อปลุกปั่นให้เกิดความเข้าใจผิดจากผู้ไม่หวังดี เพราะจะเป็นการซ้ำเติมสถานการณ์ให้เกิดความวุ่นวายและขอให้ประชาชนร่วมกันแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นด้วยความสงบ เพื่อประโยชน์ของส่วนรวม ประเทศชาติ ศาสนา และสถาบันพระมหากษัตริย์ โดย กมธ.การทหารฯ วุฒิสภา และสมาชิกวุฒิสภาจะยืนยันหยัดทำหน้าที่เพื่อประเทศชาติและประชาชนคนไทยให้ดีที่สุด และพร้อมจะยืนเคียงคู่กับประชาชน ข้าราชการทุกหมู่เหล่า และกองทัพ เพื่อดำรงรักษาอธิปไตย และประเทศชาติอย่างสุดกำลัง

ทัพเรือภาคที่ 1 จัดอบรมหลักสูตร “การประมงกับความมั่นคงของชาติ และไทยอาสาป้องกันชาติในทะเล” ประจำปีงบประมาณ 2568 ในพื้นที่จังหวัดระยอง

ระหว่างวันที่ 17 - 20 มิถุนายน 2568 ศูนย์ไทยอาสาป้องกันชาติในทะเลเขตทัพเรือภาคที่ 1 จัดการอบรมหลักสูตร “การประมงกับความมั่นคงของชาติ และไทยอาสาป้องกันชาติในทะเล” รุ่นที่ 129/361 ประจำปีงบประมาณ 2568 ให้แก่ประชาชนที่ประกอบอาชีพประมงและอาชีพต่อเนื่องจากการทำประมงในพื้นที่จังหวัดระยอง โดยมีพิธีเปิดการอบรมเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2568 และพิธีปิดในวันที่ 20 มิถุนายน 2568 ณ ศาลาการเปรียญ วัดพลา ตำบลพลา อำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง

พิธีเปิดการอบรมได้รับเกียรติจาก พลเรือตรี รังสรรค์ บัวเผือก รองผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 ในฐานะรองผู้อำนวยการศูนย์ไทยอาสาป้องกันชาติในทะเลเขตทัพเรือภาคที่ 1 เป็นประธานเปิดการอบรม ส่วนพิธีปิดการอบรมมี พลเรือโท อาภา ชพานนท์ ผู้อำนวยการศูนย์ฯ / ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 เป็นประธานในพิธีปิด

การอบรมครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมจำนวน 70 คน โดยเน้นให้ความรู้ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ เช่น
- ประวัติความเป็นมาและสิทธิประโยชน์ของไทยอาสาป้องกันชาติในทะเล
- การปลูกฝังจิตสำนึกรักชาติและความเป็นพลเมืองดี
- ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเดินเรือ การประมง และการสื่อสารทางวิทยุ
- การให้ข่าวสารทางทะเลที่เป็นประโยชน์ต่อราชการ
- สถานการณ์ภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติ
- การช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางทะเล
- การปฐมพยาบาลเบื้องต้น การทำ CPR และการใช้เครื่อง AED

การอบรมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย บรรลุตามวัตถุประสงค์ของทางราชการในการเสริมสร้างศักยภาพของประชาชนในภาคการประมงให้มีความรู้ ความเข้าใจ และสามารถเป็นกำลังสำคัญในการสนับสนุนภารกิจด้านความมั่นคงทางทะเลของกองทัพเรือในอนาคต

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เดินหน้าบรรเทาทุกข์จากสภาวะอากาศร้อนแก่สถานศึกษาในถิ่นทุรกันดาร รุดส่งมอบชุดพัดลมเพดาน แขวนผนัง และตั้งพื้น พร้อมค่าพาหนะ ค่าติดตั้งพัดลม แก่โรงเรียนที่ขาดแคลนเพิ่มอีก 5 จังหวัด รวมมูลค่ากว่า 9 แสนบาท

ระหว่างวันที่ 13 -19 มิถุนายน พ.ศ. 2568 ที่ผ่านมา มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย  นายสุรพงศ์ เสรฐภักดี กรรมการและรองเหรัญญิก พร้อมด้วย นายชูเดช เตชะไพบูลย์ ผู้ช่วยกรรมการฯ นางศิริพร กระจ่างหล้า ผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ นางสาวดวงชุตา ติยะพจนพรกุล ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ และ นางสาวศุภรัตน์ สมบัติเจริญไทย หัวหน้าแผนกส่งเสริมการศึกษาและอาชีพ ลงพื้นที่มอบชุดพัดลมเพดาน แขวนผนัง และตั้งพื้น ในโครงการ พัดลมคลายร้อน สร้างสุข เพื่อน้องถิ่นทุรกันดาร ครั้งที่ 2 ให้แก่สถานศึกษาในถิ่นทุรกันดาร ประกอบด้วยจังหวัดสมุทรสาคร เพชรบุรี ระยอง ตราด และสระแก้ว รวม 5 จังหวัด 25 โรงเรียน  พร้อมมอบค่าพาหนะให้แก่โรงเรียนๆ ละ 2,000 บาท และค่าติดตั้งพัดลมแก่โรงเรียนๆ ละ 3,000 บาท นอกจากนี้มูลนิธิฯ ยังได้มอบชุดนักเรียน ให้แก่นักเรียนทั้ง 25 โรงเรียน รวม 750 ชุด รวมงบประมาณทั้งสิ้น 987,050 บาท (เก้าแสนแปดหมื่นเจ็ดพันห้าสิบบาทถ้วน) เพื่อลดสภาวะอากาศร้อนภายในโรงเรียน ให้นักเรียน ครู และบุคลากรในโรงเรียนได้คลายร้อนและมีสมาธิในการเรียนการสอน โดยมี ผู้แทนจากหน่วยงานรัฐเป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย มูลนิธิฯ / สมาคมจีนประจำจังหวัดต่างๆ เป็นผู้ประสานงานและร่วมในพิธี 

โครงการพัดลมคลายร้อน สร้างสุข เพื่อน้องถิ่นทุรกันดาร มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง โดย นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการ ห่วงใยนักเรียน ครู และบุคลากรในสถานศึกษาถิ่นทุรกันดารที่ขาดแคลนพัดลม จึงมอบหมายให้คณะกรรมการมูลนิธิฯ จัดทีมฝ่ายสังคมสงเคราะห์ เร่งดำเนินการโครงการ พัดลมคลายร้อน สร้างสุข เพื่อน้องถิ่นทุรกันดาร นำร่องเมื่อปี พ.ศ. 2567 ที่ผ่านมา โดยมอบชุดพัดลมแก่สถานศึกษาในพื้นที่จังหวัดสระบุรี ลพบุรี กาญจนบุรี สุพรรณบุรี และราชบุรี รวม 5 จังหวัด  25 โรงเรียน  และได้ขยายพื้นที่บรรเทาทุกข์ต่อเนื่องในปี พ.ศ. 2568 รวมการดำเนินการโครงการพัดลมคลายร้อน สร้างสุข เพื่อน้องถิ่นทุรกันดารแล้ว 10 จังหวัด 50 โรงเรียน คิดเป็นมูลค่ากว่า 1.5 ล้านบาท 
  

ตลอดระยะเวลากว่า 115 ปีที่ผ่านมา มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง  ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ  ชนชั้น และศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลาย ๆ ทาง รวมถึงสนับสนุนด้านการศึกษา เพื่อให้เป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนอย่างครบวงจรในทุกๆ ด้าน ต่อไป ภายใต้ปณิธานมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง “ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”

ติดต่อสอบถาม ตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung

** มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต **


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top