Tuesday, 22 April 2025
TheStatesTimes

นบ.ยส.24 โชว์ผลงานสรุปผลการปฏิบัติงานที่สำคัญรอบ 6 เดือนปฏิบัติการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด Seal Stop Safe ของรัฐบาลสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในการแก้ไขปัญหายาเสพติด

(4 เม.ย. 68) เวลา 1000 น. พลโทบุญสิน  พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2/ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการ สกัดกั้น และปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้น และเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (มทภ.2/ผบ.นบ.ยส.24) มอบหมายให้  พลตรีฉัฐชัย  มีชั้นช่วง  ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่210/รองผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการ สกัดกั้น และปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้น และเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ผบ.มทบ.210/รอง ผบ.นบ.ยส.24 (2)) เป็นประธานการประชุมสรุปผลการปฏิบัติงานที่สำคัญรอบ 6 เดือน (ต.ค.67 - มี.ค.68) และหารือ ประสานงาน/บูรณาการแก้ไขปัญหายาเสพติด ประจำปีงบประมาณ 2568 โดยมีหน่วยงาน/ส่วนราชการในพื้นที่จังหวัดนครพนม จำนวน 15 หน่วย และหน่วยงาน/ส่วนราชการนอกพื้นที่จังหวัดนครพนม ผ่านระบบประชุมทางไกล Video Conference (ผ่าน Zoom meeting) จำนวน 54 หน่วย ในพื้นที่รับผิดชอบของหน่วยบัญชาการ สกัดกั้น และปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้น และเคมีภัณฑ์ ชายแดน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน 7 จังหวัด 25 อำเภอชายแดนในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมพระยอด กองบังคับการมณฑลทหารบกที่210 ค่ายพระยอดเมืองขวาง ตำบลกุรุคุ อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม ปัจจุบันสถานการณ์ยังคงมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติด/เข้ามาในพื้นที่ชายแดน และพื้นที่ตอนในอย่างต่อเนื่อง จากการตรวจสอบเครือข่ายและกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้อง พบว่ามีการเชื่อมโยงกับบุคคลจาก สปป.ลาวและมีคนไทยในพื้นที่ชายแดนเป็นผู้ขนส่ง โดยได้รับค่าจ้างในราคาที่สูงซึ่งเป็นแรงจูงใจสำคัญโดยพบว่าขบวนการลักลอบ ได้ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจจับ ซึ่งพฤติการณ์ส่วนใหญ่จะนำยาเสพติดมาพักคอยในพื้นที่เมืองชายแดน ของ สปป.ลาว ก่อนจะใช้เรือลำเลียงมาตามแม่น้ำโขง บางพื้นที่จะนำยาเสพติดขึ้นไปพักคอยบนเกาะดอน ก่อนลักลอบนำเข้ามาในฝั่งไทยจะใช้วิธีการนำยาเสพติดที่อำพรางมาในรูปแบบต่างๆ (รูปปั้น สินค้าทางการเกษตร สินค้าผลิตภัณฑ์อาหารเสริม) ไปกระจายตามพื้นที่ และให้กลุ่มลำเลียงมารับตามจุดที่นัดหมาย เพื่อขนย้ายด้วยยานพาหนะขนาดใหญ่หรือยานพาหนะส่วนบุคคลไปตามเส้นทางชนบทที่ยากต่อการตรวจสอบ ก่อนจะนำยาเสพติดมาพักคอยตามปั๊มน้ำมัน บ้านพัก หรือรีสอร์ทในพื้นที่อำเภอตอนในต่อไป

สรุปสถิติและการปฏิบัติที่สำคัญแต่ละมาตรการตั้งแต่ 1 ตุลาคม2567 ถึง ปัจจุบัน ดังนี้
1. มาตรการสกัดกั้น : มอบให้ กองกำลังป้องกันชายแดน เป็นหน่วยรับผิดชอบหลัก โดยมีสถิติการซุ่มเฝ้าตรวจ 18,838 ครั้ง,ลาดตระเวนทางบก 16,351 ครั้ง,ลาดตระเวนทางน้ำ 169 ครั้ง,จัดตั้งจุดตรวจด่านตรวจ 4,656 ครั้งรายละเอียดตามจอภาพ/ เป็นผลทำให้สามารถสกัดกั้นยาเสพติดที่สำคัญในพื้นที่ ณ แนวชายแดนได้ แยกเป็นยาบ้า จำนวน 64,000,005 เม็ด, ไอซ์ น้ำหนัก 2,603 กก., เฮโรอีน น้ำหนัก 124 กก. 
2. มาตรการปราบปราม : มอบให้ ตำรวจภูธรภาค 3, ภาค 4 และตำรวจปราบปรามยาเสพติดเป็นหน่วยรับผิดชอบหลัก โดยมีการปิดล้อมตรวจค้น 231 ครั้ง ติดตามจับกุม ขยายผล และยึดทรัพย์สินคดียาเสพติด จำนวน 73 คดี 
รวมผลการตรวจยึดจับกุมตามมาตรการสกัดกั้นและปราบปราม ณ ปัจจุบัน มีการตรวจยึดจับกุม จำนวน 607 ครั้ง ผู้ต้องหา 848 ราย ของกลาง ยาบ้า 86,767,305 เม็ด,ไอซ์ 3,124.644 กิโลกรัม, เฮโรอีน 124 กก. เคตามีน 776.87 กิโลกรัม และอื่นๆ รวมเป็นมูลค่าทั้งสิ้นมากถึง ห้าพันเก้าร้อยล้านบาทเศษ (5,936,581,800 บาท)
3. มาตรการป้องกัน : มอบให้ ศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดจังหวัด เป็นหน่วยรับผิดชอบหลัก     โดยมีการปฏิบัติการจิตวิทยาและการประชาสัมพันธ์ จำนวน 1,896 ครั้ง, ฝึกอบรมพัฒนา ชรบ. จำนวน 116 ครั้ง,การปฏิบัติงานของ ชรบ. จำนวน 872 ครั้ง, การจัดระเบียบสังคม จำนวน 748 ครั้ง,  การอบรมและการสร้างชุมชนเข้มแข็ง จำนวน 66 ครั้ง
4. มาตรการบำบัดรักษา : มอบให้ สาธารณสุขจังหวัด เป็นหน่วยรับผิดชอบหลัก โดยมีการดำเนินโครงการชุมชนล้อมรักษ์ (CBTx) จำนวน  2,852 ราย ดำเนินโครงการมินิธัญญารักษ์ จำนวน 1,421 ราย ดำเนินการรายงานในระบบข้อมูลการบำบัดรักษา และฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดของประเทศ จำนวน 8,073 ราย ควบคุมตัวบุคคลคลุ้มคลั่ง จำนวน 300 ราย 
5.มาตรการบูรณาการ : เน้นให้ทุกส่วนราชการ บูรณาการร่วมกันทั้งงานด้านการข่าว และแผนงานโครงการ ต่างๆ โดยมีการดำเนินการจัดการประชุมขับเคลื่อนงานแก้ไขปัญหายาเสพติด 245 ครั้ง ดำเนินการประชุมโต๊ะข่าวแลกเปลี่ยนข้อมูล 106 ครั้ง กิจกรรมรณรงค์ต่อต้านยาเสพติด 94 ครั้ง
6. มาตรการประสานความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน : มอบให้ ส่วนบังคับบัญชา, ส่วนอำนวยการ ของ นบ.ยส.24, ปปส.ภาค 3 และ ปปส.ภาค 4 เป็นหน่วยรับผิดชอบหลัก โดยมีการพบปะพัฒนาสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน จำนวน 32 ครั้ง ดำเนินการประชุมแลกเปลี่ยนข่าวสาร จำนวน 2 ครั้ง ประสานการจับกุม และส่งมอบผู้ต้องหาข้ามประเทศ จำนวน 1 ครั้ง
ซึ่งมีตัวชี้วัดประสิทธิภาพการแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่เป้าหมาย ตั้งแต่ห้วงเปิดปฏิบัติการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด “Seal Stop Safe” ผนึกกำลัง 51 อำเภอชายแดน (1 ก.พ. – 31 ก.ค. 68) หน่วยมีผลการปฏิบัติตามมาตรการสกัดกั้นและปราบปราม ณ แนวชายแดน โดยทำการซุ่มเฝ้าตรวจ 6,540 ครั้ง, ลาดตระเวนทางน้ำ? 64 ครั้ง, ลาดตระเวนทางบก 5,383 ครั้ง, จัดตั้งจุดตรวจด่านตรวจ 1,530 ครั้ง ทำการปิดล้อมตรวจค้น 47 ครั้ง ติดตามจับกุม ขยายผล และยึดทรัพย์สิน คดียาเสพติด จำนวน 28 คดี รวมผลการตรวจยึดจับกุมตั้งแต่ห้วงเปิดปฏิบัติการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด “Seal Stop Safe” (1 ก.พ. – 31 ก.ค. 68) มีการตรวจยึดจับกุมจำนวน 216 ครั้ง/ ผู้ต้องหา 272 ราย ของกลาง ยาบ้า 26,970,802 เม็ด,ไอซ์ 1,216.336 กิโลกรัม, และอื่นๆ

เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777​

"ร่วมถวายราชสักการะ มหาจักรีบรมราชวงศ์"

(6 เม.ย. 68) พลเรือโท นเรศ วงศ์ตระกูล ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 2 มอบหมายให้ พลเรือตรี วีรวิทย์ ศรีอินทรสุทธิ์ รองผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 2 เป็นผู้แทนร่วมงานรัฐพิธีถวายราชสักการะ เนื่องในวันพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช  และวันที่ระลึกมหาจักรีบรมราชวงศ์ ประจำปี 2568 ณ หอประชุมศรีเกียรติพัฒน์  องค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา ตำบลพะวง  อำเภอเมืองสงขลา จังหวัดสงขลา

เนื่องด้วยวันที่ 6 เมษายนของทุกปี เป็นวันพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชและวันที่ระลึกมหาจักรีบรมราชวงศ์ การนี้จังหวัดสงขลาได้จัดงานรัฐพิธีฯ เพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชและพระบรมราชวงศ์จักรีทุกพระองค์ โดยทัพเรือภาคที่ 2 ได้ร่วมรัฐพิธีดังกล่าว เป็นประจำทุกปี เพื่อเป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์

#ทัพเรือภาคที่ 2
#พิทักษ์สถาบัน_ป้องกันอ่าวไทย_สามัคคีรวมใจ_ห่วงใยประชาชน
#กองทัพเรือที่ประชาชนเชื่อมั่นและภาคภูมิใจ
#เทิดทูนสถาบัน_ป้องกันรัฐ_พัฒนาชาติ_ราษฎร์ศรัทธา

สมุทรปราการ-สงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ที่ปรึกษานายกฯ รดน้ำดำหัวขอพรผู้สูงอายุ เนื่องในวันปีใหม่ไทย 

(6 เม.ย. 68) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางประธานกรรมการชุมชน โดยนางภิรมย์ งามวงษ์ ร่วมกับคณะกรรมการชุมชน หมู่บ้านเฟื่องฟ้า 1 และหมู่บ้านเฟื่องฟ้า 2 จัดพิธีทำบุญเลี้ยงพระเนื่องในโอกาสเทศกาลวันสงกรานต์ หรือวันปีใหม่ไทย ประจำปี 2568 ณ บริเวณลานอเนกประสงค์ หมู่บ้านเฟื่องฟ้า 1 ต.บางเมือง อ.เมือง สมุทรปราการ โดยได้นิมนต์พระสงฆ์ จำนวน 9 รูป ประกอบพิธีเจริญชัยมงคลคาถา เจริญพระพุทธมนต์เพื่อความเป็นสิริมงคล

ภายในงานได้รับเกียรติจาก นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายภิญโญ กิจเลิศไพโรจน์ และว่าที่ผู้สมัครนายกเทศมนตรีตำบลบางเมือง พร้อมด้วยผู้ลงสมัครสมาชิกสภาเทศบาล ตลอดจนกำนันขวัญเรือน นาคทิม กำนันตำบลบางเมือง พร้อมด้วยผู้ใหญ่บ้านและพี่น้องประชาชนที่พักอาศัยอยู่ภายในหมู่บ้านเฟื่องฟ้าแห่งนี้เข้าร่วมในพิธี

นอกจากนี้ ทางประธานและคณะกรรมการชุมชนยังจัดให้มีพิธีรดน้ำดำหัวขอพรผู้สูงอายุ โดยมีผู้สูงอายุซึ่งเป็นตัวแทนของทางหมู่บ้านเฟื่องฟ้า 1 เฟื่องฟ้า 2 หมู่บ้านเทพนคร หมู่บ้านเอื้ออาทร และหมู่บ้านพัทร เข้าร่วมในกิจกรรมครั้งนี้

ทั้งนี้ยังได้มีการมอบของที่ระลึกให้แก่ผู้สูงอายุ อาทิ ผ้าขนหนู เสื้อยืด ให้แก่กลุ่มผู้สูงอายุ โดยท่าน สงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง โดยกำนันขวัญเรือน นาคทิม กำนันตำบลบางเมือง ได้เป็นตัวแทนมอบ เนื่องในเทศกาลวันสงกรานต์ 

ซึ่งภายในกิจกรรมครั้งนี้มีประชาชนเข้าร่วมกิจกรรมเป็นจำนวนมาก จากนั้น ทางคณะกรรมการได้ร่วมรดน้ำดำหัวขอพรนาย สงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีเนื่องในวันปีใหม่ไทยอีกด้วย

คิว-ข่าวสมุทรปราการ รายงาน

กลุ่มอาจารย์ - นักวิชาการ เศรษฐศาสตร์ มธ. ออกโรงค้าน พรบ.สถานบันเทิงครบวงจร

(8 เม.ย. 68) กลุ่มอาจารย์ นักวิชาการ คณะเศรษฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์ 30 คนร่วมลงนามออกแถลงการณ์ คัดค้านการออก พรบ.ประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ชี้เป้าหมายหลักคือ การเปิดบ่อนกาสิโน

“.... นี่คือความเลวร้าย แค่คิดก็เลวร้าย สร้างอุบายทั้งอกุศลเกิดขึ้น เพื่อชักนำไปสู่สิ่งที่ไม่ถูกต้องว่าถูกต้อง คนพวกนี้ไม่ควร  ปกครองแผ่นดิน” พระราชวัชรสุทธิวงศ์ (พระอาจารย์อารยวังโส) 29 มีนาคม 2568 

การดำเนินนโยบายจัดตั้งบ่อนกาสิโน โดยรัฐบาลอ้างว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจจากการลงทุนและการจ้างงานที่เพิ่มขึ้น พิจารณาโดยรอบด้านแล้วเห็นว่า ผลได้ทางเศรษฐกิจที่รัฐบาลกล่าวอ้างอย่างเลื่อนลอยไม่อาจหักล้างผลเสียที่จะเกิดกับสังคมในวงกว้างและยาวนานอย่างแน่นอน และจะเป็นการพัฒนาเศรษฐกิจที่ไม่ยั่งยืน ไม่ปลอดภัย

กลุ่มอาจารย์และนักวิชาการคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์  จึงจำเป็นต้องคัดค้าน พรบ. ประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร  อันมีเป้าหมายหลักคือการเปิดบ่อนกาสิโน และคัดค้าน พรบ.เกี่ยวกับการพนันออนไลน์ที่จ่อคิวตามมา

ปัญหาสังคมต่างๆ ในสังคมไทยที่รุนแรงเรื้อรังขยายตัวสืบทอดมาจนถึงทุกวันนี้ ส่วนมากเกี่ยวโยงบ่มเพาะจากการพนันและการเสี่ยงโชคทุกชนิด เป็นอบายมุขที่คนไทยที่ตั้งใจทำงานต้องรับภาระจากผลกระทบที่เกิดขึ้น

ปัญหาความยากจน กลุ่มที่หาเช้ากินค่ำ กู้เงินดอกเบี้ยรายวันเพื่อเสี่ยงโชคซื้อหวยใต้ดิน คนกลุ่มนี้จึงมีหนี้อมตะ คนที่รายได้มากขึ้นก็เสี่ยงโชคกับล็อตเตอรี่รัฐบาล ซึ่งปัจจุบันพิมพ์เพิ่มนับล้านใบ  ต่อไปความยากจนจะมากขึ้น เพราะมีแหล่งอบายมุขเพิ่มมาก

ปัญหาทักษะอาชีพตกต่ำไร้คุณภาพ มีเงินเท่าไรจึงหมดไปกับการเสี่ยงโชค ไม่คิดที่จะใช้ เงินเพื่อเพิ่มทักษะการประกอบอาชีพ  เพิ่มพูนรายได้เป็นเงินออมไว้ใช้ในยามชรา

ปัญหาครอบครัวแตกแยก หากผู้ใหญ่ในครอบครัวหมกมุ่นอยู่กับการเสี่ยงโชคการพนันละเลยการดูแลเอาใจใส่  อบรมสั่งสอนลูกหลาน จึงเป็นการทำร้ายเยาวชนของชาติ ทั้งยังเป็นตัวอย่างเลวร้ายแก่บุตรหลานอีกด้วย

ปัญหาอาชญากรรม จะเพิ่มมากขึ้น ปัจจุบันนักโทษล้นคุกก็แก้ปัญหาโดยระบายนักโทษจำนวนหนึ่งออกจากคุกเป็นระยะๆ อาจก่ออาชญกรรมซ้ำซาก จะเกิดนักโทษมือใหม่จี้ปล้นหาเงินไปเสพอบายมุข ซึ่งรวมการพนันต่างๆ ทุกชนิดที่มีพร้อมในเวลานี้ 

ปัญหาความฉ้อฉลของบุคลากรในกระบวนการยุติธรรมการรับสินบนส่วนหนึ่งเกี่ยวเนื่องกับการพนันและการเสี่ยงโชคที่ฝังอยู่ในกมลสันดานของคนไทยจำนวนมาก ความไม่พร้อมในการควบคุมให้เป็นไปตามกฎเกณฑ์ กฎหมายจะทำให้บ่อนกาสิโน และพนันออนไลน์ขยายตัว 

ปัญหาการฟอกเงิน บ่อนกาสิโนเป็นแหล่งฟอกเงินของคนโกง สามารถอ้างว่าทรัพย์สินที่ถือครองอย่างผิดปกติ ได้จากการเสี่ยงโชคในสถานกาสิโน 

ทำลายล้างอนาคตประเทศไทย เมื่อเยาวชนถูกมอมเมาด้วยการพนันและการเสี่ยงโชค นอกเหนือจากยาเสพติดที่ฝังรากอยู่แล้ว สมรรถภาพทั้งทางร่างกายและสภาพจิตใจจึงถูกทำลาย ทำการงานไม่ได้ แถมยังกลายเป็นภาระของครอบครัวและสังคม 

หากรัฐบาลแพทองธาร ยังดื้อดึงผลักดันให้มีบ่อนกาสิโนพนันออนไลน์ จะถือว่ารัฐบาลนี้มุ่งมั่นทำลายประเทศและสังคมไทย ซึ่งไม่ควรให้เป็นผู้ปกครองประเทศอีกต่อไป

6 เมษายน 2568 

รายนามอาจารย์และนักวิชาการคณะเศรษฐศาสตร์

1.    รองศาสตราจารย์ ดร.สุกัญญา นิธังกร
2.    รองศาสตราจารย์ วันรักษ์ มิ่งมณีนาคิน
3.    รองศาสตราจารย์ ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง
4.    ศาสตราจารย์ ดร. ปราณี ทินกร
5.    ศาสตราจารย์ ดร.อภิชัย พันธเสน
6.    รองศาสตราจารย์ ดร.ภาวดี ทองอุไทย
7.    ดร. สาธิต อุทัยศรี
8.    ผู้ช่วยศาสตราจารย์ จินตนา เชิญศิริ
9.    อาจารย์ สุพรรณ นพสุวรรณชัย
10.    รองศาสตราจารย์ พรพิมล สันติมณีรัตน์
11.    รองศาสตราจารย์ ชูศรี มณีพฤกษ์
12.    รองศาสตราจารย์ สุขุม อัตวาวุฒิชัย
13.    รองศาสตราจารย์ ดร. สมศักดิ์ แต้มบุญเลิศชัย
14.    รองศาสตราจารย์ ดร. เพลินพิศ สัตย์สงวน
15.    รองศาสตราจารย์ ดร. ดาว มงคลสมัย
16.    รองศาสตราจารย์ ดร.เยาวเรศ ทับพันธุ์ 
17.    รองศาสตราจารย์ ดร. สมนึก ทับพันธุ์
18.    รองศาสตราจารย์ ดร.ลิลี่ โกศัยยานนท์
19.    รองศาสตราจารย์ ดร. สิริลักษณา คอมันตร์
20.    ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วัชรียา โตสงวน
21.    ผู้ช่วยศาสตราจารย์ จรินทร์ พิพัฒนกุล
22.    รองศาสตราจารย์ ชยันต์ ตันติวัสดาการ
23.    ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. นิธินันท์ วิศเวศวร
24.    ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ประชา คุณธรรมดี
25.    อาจารย์ พงศ์พลิน  ยิ่งชนม์เจริญ
26.    รองศาสตราจารย์ รัชนีวรรณ อุทัยศรี
27.    ศาสตราจารย์ ดร. พรายพล คุ้มทรัพย์
28.    รองศาสตราจารย์ดร.วรากรณ์่ สามโกเศศ
29.    รองศาสตราจารย์ มณีรัตน์ ภิญโญภูษาฤกษ์
30.    รองศาสตราจารย์ วณี จีระแพทย์

‘ไล่ ชิงเต๋อ’ ปธน.ไต้หวัน ย้ำไม่ตอบโต้ภาษีทรัมป์ 32% ชู 5 แนวทางรับมือ ยึดผลประโยชน์ชาติเป็นหลัก

(8 เม.ย. 68) ประธานาธิบดีไต้หวัน นายไล่ ชิงเต๋อ ได้กล่าวสุนทรพจน์ต่อประชาชนผ่านวิดีโอในวันนี้ ภายหลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐอเมริกา ประกาศมาตรการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากไต้หวันในอัตรา 32% ซึ่งสร้างแรงสั่นสะเทือนในภาคเศรษฐกิจและการค้าในภูมิภาค

ในการแถลงดังกล่าว นายไล่ ชิงเต๋อ ยืนยันว่า ไต้หวันจะไม่ตอบโต้ด้วยการใช้มาตรการเก็บภาษีศุลกากรใดๆ โดยระบุว่า “ไต้หวันจะไม่เลือกเดินในเส้นทางของความขัดแย้งทางเศรษฐกิจ แต่จะใช้สติปัญญาและการเจรจาเพื่อรักษาผลประโยชน์สูงสุดของชาติ”

นอกจากนี้ ประธานาธิบดีไต้หวันได้เสนอแนวทางรับมือสถานการณ์นี้ 5 ประการ ได้แก่
1.เจรจาปรับปรุงอัตราภาษีและจัดตั้งทีมระดับสูง 
2.การเปิดตัวโครงการสนับสนุนอุตสาหกรรม โดยให้วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมได้รับความสำคัญเป็นพิเศษ
3.เปิดตัวแผนพัฒนาเศรษฐกิจระยะกลางถึงระยะยาวและสร้างเกาะอัจฉริยะ AI
4.การกำหนดรูปแบบเศรษฐกิจใหม่แบบ “ไต้หวัน + 1” และการเสริมสร้างความร่วมมือกับสหรัฐอเมริกา 
5.เปิดตัว “Industry Listening Tour” เพื่อรับฟังเสียงจากผู้ประกอบการ

นอกจากนี้ นายไล่ ชิงเต๋อยังกล่าวเน้นว่า พันธกรณีด้านการลงทุนของบริษัทไต้หวันในสหรัฐฯ จะยังคงดำเนินต่อไป “ตราบใดที่การลงทุนเหล่านั้นยังสอดคล้องกับผลประโยชน์ของชาติและประชาชนของเรา”

ทั้งนี้ คำแถลงของประธานาธิบดีไต้หวันในวันนี้สะท้อนถึงความพยายามในการรักษาความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างไต้หวันกับสหรัฐฯ ท่ามกลางความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้น และเป็นสัญญาณถึงจุดยืนเชิงบวกของรัฐบาลไต้หวันต่อประชาคมโลกในยามวิกฤต

“เรามาทำงานร่วมกันเถอะ!” ไหลชิงเต้กล่าวคำร้องขอจากใจจริงต่อประชาชน โดยหวังว่าการต่อสู้ครั้งนี้จะไม่เพียงแต่เป็นจุดเริ่มต้นของความท้าทายเท่านั้น แต่ยังเป็นโอกาสใหม่ในการพัฒนาเศรษฐกิจของไต้หวันอีกด้วย

ม.โตเกียว เปิดคณะใหม่ครั้งแรกในรอบ 70 ปี คณะ ‘วิทยาลัยการออกแบบ’ หลักสูตรควบตรี-โท สอนอังกฤษล้วน รับต่างชาติครึ่งรุ่น

(8 เม.ย. 68) มหาวิทยาลัยโตเกียว (University of Tokyo) ประกาศเปิดตัวคณะใหม่ในชื่อ “วิทยาลัยการออกแบบแห่งมหาวิทยาลัยโตเกียว” (UTokyo College of Design) ซึ่งมีกำหนดเปิดการเรียนการสอนในเดือนกันยายน ปี 2027 โดยใช้ ภาษาอังกฤษในการเรียนการสอนทุกชั้นปี ถือเป็นการปฏิรูปการศึกษาครั้งสำคัญที่มุ่งสร้างผู้นำรุ่นใหม่ให้สามารถรับมือกับปัญหาและความท้าทายระดับโลกที่ซับซ้อน

คณะใหม่นี้จะเปิดสอนใน หลักสูตรควบระดับปริญญาตรีและปริญญาโท ระยะเวลา 5 ปี โดยแบ่งออกเป็น การเรียนระดับปริญญาตรีใน 4 ปีแรก และ ระดับบัณฑิตศึกษาในช่วง 1 ปีสุดท้าย 

เนื้อหาหลักสูตรจะครอบคลุมสาขาวิชาหลากหลาย เพื่อเปิดโอกาสให้นักศึกษา สำรวจและเลือกเรียนตามความสนใจของตนเอง เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ความหลากหลายทางชีวภาพ การออกแบบระบบนโยบายสาธารณะ และความยั่งยืนในระดับโลก

จำนวนรับนักศึกษาอยู่ที่ 100 คน โดยสงวนที่นั่งสำหรับนักศึกษาต่างชาติไว้ถึงครึ่งหนึ่ง เพื่อส่งเสริมความหลากหลายและการเรียนรู้ข้ามวัฒนธรรม นอกจากนี้หัวหน้าคณะจะเป็นศาสตราจารย์ชาวต่างชาติประจำมหาวิทยาลัยโตเกียว และมีคณาจารย์ร่วมสอนจากทั้งในประเทศญี่ปุ่นและต่างประเทศ รวมถึงนักวิจัยชั้นนำในหลากหลายสาขา

ศาสตราจารย์เทรุโอะ ฟูจิอิ อธิการบดีมหาวิทยาลัยโตเกียว กล่าวว่า “มหาวิทยาลัยจะสร้างพื้นที่การเรียนรู้รูปแบบใหม่ ที่เปิดกว้างและยืดหยุ่น เพื่อให้นักศึกษาสามารถ เปลี่ยนความฝันให้เป็นจริง โดยใช้ทรัพยากรและศักยภาพของมหาวิทยาลัยอย่างเต็มที่”

สำหรับการเปิดวิทยาลัยการออกแบบในครั้งนี้ นับเป็นการก่อตั้งคณะใหม่ครั้งแรกของมหาวิทยาลัยโตเกียวในรอบเกือบ 70 ปี นับตั้งแต่การจัดตั้งคณะเภสัชศาสตร์เมื่อปี 1958 และสะท้อนถึงแนวทางใหม่ของการศึกษาระดับสูงที่ผสมผสานระหว่างศาสตร์ต่างๆ เพื่อรองรับโลกอนาคตที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

รัฐบาลญี่ปุ่นเตือน หากเกิดแผ่นดินไหว 9 แมกนิจูด ที่ร่องลึกนันไค เกิดแน่ ‘สึนามิ-อาคารถล่ม’ ซึ่งอาจคร่าชีวิตผู้คนกว่า 298,000 ชีวิต

(8 เม.ย. 68) รัฐบาลญี่ปุ่นเปิดเผยรายงานประเมินภัยพิบัติฉบับใหม่เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา โดยระบุว่าหากเกิดแผ่นดินไหวขนาดรุนแรงประมาณ 9 แมกนิจูด บริเวณร่องลึกนันไค (Nankai Trough) ซึ่งทอดตัวตามแนวชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกของประเทศ อาจมีผู้เสียชีวิตสูงถึง 298,000 คน

รายงานฉบับนี้จัดทำขึ้นโดย คณะผู้เชี่ยวชาญด้านภัยพิบัติและการป้องกันภัยของรัฐบาลญี่ปุ่น ซึ่งระบุว่า สาเหตุหลักของการสูญเสียชีวิตจำนวนมากมาจาก “คลื่นสึนามิ” ที่จะพัดถล่มชายฝั่งภายในเวลาไม่กี่นาทีหลังเกิดแผ่นดินไหว รวมถึงการพังถล่มของอาคารและโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ

สำหรับร่องลึกนันไค เป็นพื้นที่ที่นักวิทยาศาสตร์จับตามองมานาน เนื่องจากมีประวัติการเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในอดีตหลายครั้ง และมีศักยภาพที่จะปลดปล่อยพลังงานสะสมขนาดมหาศาลในอนาคต

ส่งผลให้ รัฐบาลญี่ปุ่นเตรียมลงทุนกว่า 20 ล้านล้านเยน (ราว 5 ล้านล้านบาท) ภายในระยะเวลา 5 ปี นับตั้งแต่ปีงบประมาณ 2569 เพื่อเสริมความสามารถในการรับมือภัยพิบัติทางธรรมชาติ

รัฐบาลเตือนว่า หากเกิดเหตุการณ์ในลักษณะดังกล่าวขึ้นจริง หลายเมืองใหญ่ในภูมิภาคคันไซและชูโงกุ รวมถึงบางส่วนของภูมิภาคโทไก อาจได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ทั้งจากคลื่นยักษ์ ความเสียหายของระบบคมนาคม และการหยุดชะงักของโครงข่ายสาธารณูปโภค

ด้าน คณะรัฐมนตรี รัฐบาลกล่าวว่าแผ่นดินไหวจะผลักดันให้การผลิตและบริการภายในประเทศลดลงสูงถึง 45.4 ล้านล้านเยน ซึ่งเกือบครึ่งหนึ่งจะมาจากอุตสาหกรรมยานยนต์และการผลิตอื่น ๆ จึงเรียกร้องให้ผู้ผลิตกระจายฐานการผลิตและซัพพลายเออร์ เพื่อบรรเทาความเสี่ยงและปรับปรุงความต้านทานแผ่นดินไหวของโรงงาน

โดย บริษัทโตโยต้ากำลังพิจารณาความเป็นไปได้ในการย้ายสายการผลิตบางส่วนในภูมิภาคโทไกซึ่งเป็นภูมิภาคหลัก ซึ่งคาดว่าจะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากแผ่นดินไหวนันไก ไปยังภูมิภาคโทโฮกุและเกาะคิวชู

ขณะที่ บริษัทฮอนด้า มอเตอร์ ถูกบังคับให้ลดการผลิตรถยนต์มินิวีครุ่นเรือธง N-Box เป็นการชั่วคราว หลังจากที่ซัพพลายเออร์ได้รับผลกระทบจากเหตุแผ่นดินไหวรุนแรงที่เกิดขึ้นในคาบสมุทรโนโตะในปี 2567

“เรากำลังสร้างการจำลองเพื่อให้แน่ใจถึงความปลอดภัยของพนักงานเป็นอันดับแรก และเพื่อรักษาการดำเนินงานให้ได้มากที่สุด แม้ว่าการจัดหาชิ้นส่วนจะหยุดชะงักก็ตาม” เจ้าหน้าที่ของฮอนด้ากล่าว

นอกจากนี้ บริษัท Panasonic Holdings ได้สร้างกำแพงกั้นน้ำทะเลสำหรับโรงงานแห่งหนึ่งในเมืองมัตสึชิเกะ จังหวัดโทคุชิมะ โดยที่โรงงานในเมืองสึ จังหวัดมิเอะ สายการผลิตแปรรูปโลหะที่สำคัญได้ถูกย้ายจากชั้น 1 ไปยังชั้น 3 เป็นที่เรียบร้อย

ทั้งนี้ รัฐบาลญี่ปุ่นเตรียมลงทุนกว่า 20 ล้านล้านเยน (ราว 5 ล้านล้านบาท) ภายในระยะเวลา 5 ปี นับตั้งแต่ปีงบประมาณ 2569 เพื่อเสริมความสามารถในการรับมือภัยพิบัติทางธรรมชาติ เช่น แผ่นดินไหวขนาดใหญ่จากรอยเลื่อนนังไก ตามร่างแผนฉบับใหม่ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2568

Volkswagen และ Audi สั่งเก็บรถยนต์ไว้ที่ท่าเรือสหรัฐฯ หลัง ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ ประกาศเก็บภาษี 25% รถนำเข้าจากยุโรปและเม็กซิโก

(8 เม.ย. 68) บริษัท Audi ในเครือ Volkswagen กำลังเก็บรถยนต์ที่เดินทางมาถึงท่าเรือสหรัฐฯ หลังวันที่ 2 เมษายน ซึ่งเป็นวันที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศใช้มาตรการเก็บภาษี 25% กับรถยนต์ที่นำเข้า จากยุโรปและเม็กซิโก หลังการประกาศดังกล่าว บริษัทต่าง ๆ กำลังเผชิญกับความไม่แน่นอนและพยายามหาทางออกเกี่ยวกับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากการเก็บภาษีนี้

Audi ระบุเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ว่ามีรถยนต์จำนวนหนึ่งถูกเก็บไว้ที่ท่าเรือของสหรัฐฯ เนื่องจากการนำเข้ารถยนต์ต้องเผชิญกับอัตราภาษีที่สูงขึ้น ซึ่งทำให้ต้องพิจารณาถึงผลกระทบในระยะยาวต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัท ขณะที่หลายบริษัทในอุตสาหกรรมยานยนต์กำลังพยายามหาทางออกว่าจะตอบสนองต่อภาษีใหม่อย่างไร

ส่วนของ Volkswagen แบรนด์อื่นๆ ในกลุ่มบริษัทได้แจ้งว่า มีรถยนต์กว่า 37,000 คัน อยู่ในคลังสินค้าของสหรัฐอเมริกา ซึ่งเพียงพอสำหรับการขายในตลาดประมาณ 2 เดือน ตามที่โฆษกของบริษัทกล่าว โดยคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อกำไรของบริษัทในระยะเวลาอันใกล้ และยังต้องรอดูว่าจะมีมาตรการปรับตัวหรือการเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์การจัดจำหน่ายอย่างไรในอนาคต

โดยเฉลี่ยแล้ว ผู้ผลิตรถยนต์จะมีสินค้าคงคลังในสหรัฐอเมริกาประมาณ 3 เดือน ตามข้อมูลจาก Cox Automotive ผู้ให้บริการด้านยานยนต์ ซึ่งช่วยให้ผู้ผลิตมีเวลาหายใจและรักษาอุปทานไว้จนกว่าจะกำหนดกลยุทธ์ในระยะยาวสำหรับการรับมือกับภาษีศุลกากร

ในขณะเดียวกัน ผู้บริหารระดับสูงของอุตสาหกรรมยานยนต์จะเข้าพบกับ เออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน ประธานสหภาพยุโรปในช่วงบ่ายวันจันทร์เพื่อหารือถึงวิธีการตอบสนองต่อภาษีนำเข้า ขณะที่ หุ้นในยุโรป ร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 16 เดือน เนื่องจากนักลงทุนหวั่นเกรงว่าราคาสินค้าจะสูงขึ้น ความต้องลดลง และอาจเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก

ทั้งนี้ มาตรการเก็บภาษี 25% ของทรัมป์ เป็นการเพิ่มภาษีการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ที่มีการผลิตนอกสหรัฐฯ ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายการค้าที่ยังคงเป็นประเด็นสำคัญในเวทีการค้าโลก

สหรัฐฯ เพิกถอนวีซ่านักเรียนต่างชาติกว่า 300 คน กรีนการ์ดก็ไม่รอด หลังตรวจพบโพสต์โซเซียลมีเดียหนุนกลุ่มฮามาส

(8 เม.ย. 68) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ สั่งการให้เจ้าหน้าที่ทูตสหรัฐฯ ตรวจสอบกิจกรรมทางโซเชียลมีเดียของผู้สมัครวีซ่าบางราย โดยเฉพาะผู้ที่มีแนวโน้มวิพากษ์วิจารณ์สหรัฐฯ และ อิสราเอล เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ที่มีทัศนคติเป็นปฏิปักษ์ต่อสหรัฐฯ เข้าประเทศ

โดยคำสั่งดังกล่าวถูกส่งในโทรเลขถึงคณะผู้แทนทางการทูตเมื่อวันที่ 25 มีนาคม กำหนดให้เจ้าหน้าที่กงสุลส่งผู้สมัครวีซ่า นักเรียนและนักท่องเที่ยวแลกเปลี่ยนบางราย ไปที่ “หน่วยป้องกันการฉ้อโกง” เพื่อทำการตรวจสอบโซเชียลมีเดียตามข้อบังคับที่กำหนด

มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวว่า มีนักเรียนต่างชาติอย่างน้อย 300 คนที่ถูกเพิกถอนวีซ่าในช่วงที่รัฐบาลทรัมป์ใช้มาตรการปราบปรามผู้อพยพเข้าเมือง

“เราทำแบบนั้นทุกวัน ทุกครั้งที่ผมพบคนบ้าพวกนี้ ผมก็จะยึดวีซ่าของพวกเขาไป” เขากล่าวเสริม “ผมหวังว่าสักวันหนึ่งเราจะหมดวีซ่าไป เพราะเราได้กำจัดพวกเขาทั้งหมดแล้ว แต่เรายังคงตามหาคนบ้าพวกนี้ที่คอยทำลายข้าวของทุกวัน”

นอกเหนือจากผู้ถือวีซ่านักเรียนแล้ว รัฐบาลทรัมป์ยังดำเนินการกับผู้มีถิ่นพำนักถาวรอย่างถูกกฎหมาย เช่นมะห์มุด คาลิล นักเคลื่อนไหวชาวปาเลสไตน์ ที่ถูกเพิกถอนกรีนการ์ดจากผู้มีถิ่นพำนักถาวรอย่างถูกกฎหมาย 

“รัฐมนตรีต่างประเทศตัดสินใจว่ากิจกรรมในต่างประเทศของผู้สมัคร ก่อให้เกิดหรือมีแนวโน้มที่จะก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรงต่อความมั่นคงของชาติหรือต่อนโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ” รัฐบาลสหรัฐ แถลงการณ์

คำสั่งดังกล่าวเป็นการดำเนินการตามนโยบายของ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่มุ่งเน้นการเนรเทศชาวต่างชาติที่ถูกมองว่ามี “ทัศนคติเป็นปฏิปักษ์” ต่อสหรัฐฯ ซึ่งรวมถึงการปราบปรามสิ่งที่เขาเรียกว่า “การต่อต้านชาวยิว” โดยเฉพาะการประท้วงที่สนับสนุน “ปาเลสไตน์” ในมหาวิทยาลัยต่างๆ ซึ่งส่งผลให้มีการเนรเทศนักศึกษาต่างชาติที่เข้าร่วมการประท้วงดังกล่าว

ทั้งนี้ การตรวจสอบโซเชียลมีเดียของผู้สมัครวีซ่าเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของรัฐบาลสหรัฐฯ ในการป้องกันการเข้าประเทศของบุคคลที่อาจเป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศหรือมีพฤติกรรมที่ไม่สอดคล้องกับค่านิยมของสหรัฐฯ รวมถึงการต่อต้านพันธมิตรสำคัญอย่างอิสราเอล โดยกระบวนการตรวจสอบจะรวมถึงนักเรียนต่างชาติในสหรัฐฯ ตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม 2023 ซึ่งเป็นวันที่ฮามาสโจมตีอิสราเอล


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top