Saturday, 28 June 2025
TheStatesTimes

สมุทรปราการ-วัดบางพลีใหญ่กลาง จัดพิธีแห่ผ้าแดงห่มองค์พระมหาเจดีย์ให้ประชาชนโดยรอบได้ร่วมอนุโมทนา

(12 พ.ย.67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะศิษย์ยานุศิษย์วัดบางพลีใหญ่กลาง ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ได้ร่วมกันประกอบพิธีแห่ผ้าแดงซึ่งเป็นผ้าที่จะนำขึ้นไปห่มที่ด้านบนขององค์พระมหาเจดีย์

ซึ่งในวันนี้ได้มีคณะศิษย์ยานุศิษย์ ข้าราชการตำรวจ คณะครู รวมถึงคณะไวยาวัจกรวัดบางพลีใหญ่กลาง ตลอดจนพี่น้องประชาชนในเขตพื้นที่ที่เลื่อมใสศรัทธา ท่านพระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง ได้เดินทางมาร่วมกันประกอบพิธีแห่ผ้าแดงโดยขบวนแห่ผ้าครั้งนี้จะแห่ไปตามเส้นทางถนนเทพารักษ์ อ.เมือง สมุทรปราการ เพื่อให้ประชาชนพื้นที่โดยรอบได้ร่วมกันอนุโมทนาบุญ

ก่อนจะนำผ้าแดงผืนดังกล่าวไปประกอบพิธีบวงสรวง จากนั้นจะมีพิธีอันเชิญขึ้นไปห่มที่ด้านบนพระมหาเจดีย์ซึ่งเป็นเจดีย์อันศักดิ์สิทธิ์ของวัดบางพลีใหญ่กลางที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี

โดยในวันนี้ ท่านพระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง ได้โปรยทานเป็นจำนวนเงินนับแสนบาทเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองในพิธีแห่ผ้าอันศักดิ์สิทธิ์ของวัดบางพลีใหญ่กลาง ทำให้เกิดความคึกคักและมีประชาชนจำนวนหลายร้อยคนร่วมอนุโมทนาและร่วมในพิธีครั้งนี้

จากทะเล สู่ดอย ทรภ.1 เยี่ยมพบปะ พี่ น้อง ประมง เตรียมการน้อมเกล้าฯ ถวายปลากะตักฯ ประจำปี 2568

(12 พ.ย.67) นาวาเอก กฤษดา จิระไตรพร รองเสนาธิการทัพเรือภาคที่ 1 (เสธ.ทรภ.1) และคณะ เดินทางเยี่ยมพบปะ ประสานงานกับหน่วยงานและสมาคมประมงในพื้นที่จังหวัด ระยอง จันทบุรี และตราด เพื่อเชิญชวนเข้าร่วม 'กิจกรรมน้อมเกล้าฯ ถวายปลากะตักแห้ง ปลาทูเค็ม และอาหารทะเล ที่มีสารไอโอดีน โดยเสด็จพระราชกุศล โครงการตามพระราชดำริ ต่อต้านโรคขาดสารไอโอดีน' ระหว่างวันที่ 5 - 7 พ.ย.67 ที่ผ่านมา

ซึ่งในปีนี้ นับเป็นครั้งที่ 29 ของกิจกรรมฯ รวมถึงเรียนเชิญร่วมประชุมเตรียมการจัดกิจกรรมฯ ณ โรงแรมซี พาราไดซ์ สัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี

โดยหน่วยงาน และสมาคมประมงต่าง ๆ ได้ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น และตอบรับเข้าร่วมกิจกรรมฯ อย่างพร้อมเพรียงกัน ทั้งนี้กิจกรรมน้อมเกล้าฯ ถวายปลากะตักแห้งฯ เป็นกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชนในถิ่นทุรกันดาร และชาวไทยภูเขาให้ได้มีโอกาสรับประทานอาหารทะเล เพื่อต่อต้านโรคขาดสารไอโอดีน โดยจะเดินทางไปส่งมอบ ปลากะตักแห้ง ปลาทูเค็ม และอาหารทะเล ที่มีสารไอโอดีน โดยเสด็จพระราชกุศล โครงการตามพระราชดำริ ต่อต้านโรคขาดสารไอโอดีน” ครั้งที่ 29 ระหว่างวันที่ 6-7 ก.พ.68 ให้กับเด็กนักเรียน พี่น้องประชาชนในถิ่นทุรกันดาร และชาวไทยภูเขา ในพื้นที่ภาคเหนือ ต่อไป

สมุทรปราการ-พิธีอัญเชิญผ้าศักดิ์สิทธิ์ห่มองค์พระมหาเจดีย์ และพิธีห่มผ้าองค์พระนอนพระพุทธรูปคู่วัดบางพลีใหญ่กลาง

(12 พ.ย.67) คณะสงฆ์วัดบางพลีใหญ่กลาง ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี สมุทรปราการ พร้อมด้วย นายสมศักดิ์ แก้วเสนา ปลัดจังหวัดสมุทรปราการ นายอำเภอบางพลี ข้าราชการตำรวจ คณะครู นักเรียน นักศึกษา และผู้นำท้องถิ่นในพื้นที่อำเภอบางพลี ร่วมประกอบพิธีแห่ผ้าแดงหลังจากที่ได้ประกอบพิธีบวงสรวงเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

โดยได้แห่จากด้านหน้าวิหารพระนอนแล้วเดินแห่มายังบริเวณหน้าองค์พระมหาเจดีย์พิศาลวุฒิกิจมงคลมหาชนบูชิต เพื่อที่จะนำผ้าแดงผืนนี้ขึ้นไปห่มที่บริเวณด้านบนองค์พระมหาเจดีย์ ซึ่งพิธีในช่วงเช้าของวันนี้ โดยท่านพระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง ได้ให้ความสำคัญจัดขบวนแห่อย่างยิ่งใหญ่ อีกทั้ง มีการรำถวายที่บริเวณหน้าวิหารพระนอน จากนั้น คณะนักเรียน นักศึกษา จากวงโยธวาทิตบรรเลงเพลงนำขบวนแห่ไปยังพระมหาเจดีย์ นับว่าพิธีดังกล่าวถือเป็นประวัติศาสตร์และเป็นงานประจำปีที่ยิ่งใหญ่ของทางวัดบางพลีใหญ่กลางอีกด้วย

นอกจากนี้ คณะศิษย์ยานุศิษย์และพุทธศาสนิกชนจำนวนมากยังได้มีโอกาสร่วมในพิธีห่มผ้าองค์พระศากยมุนีศรีสุเมธบพิตร หรือพระนอน ซึ่งเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่วัดบางพลีใหญ่กลาง ในโอกาสนี้ ทางคุณทัศนีย์ คงคาสุริฉาย พร้อมด้วย คุณฐานะวัฒน์ ไกรศักดาวัฒน์ ผู้บริหาร บริษัท ทิพย์โฮดิ้ง จำกัด ร่วมเป็นเจ้าภาพในครั้งนี้

ท่านพระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ หรือพระครูแจ้ เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง เปิดเผยว่า เนื่องในโอกาสที่วัดบางพลีใหญ่กลางมีอายุยาวนาน กว่า 200 ปี และปีที่ผ่านมาทางวัดบางพลีใหญ่กลางได้จัดพิธีสมโภชน์อย่างยิ่งใหญ่ และในปี 2567 นี้ ทางไวยาวัจกร รวมถึงทางคณะสงฆ์วัดบางพลีใหญ่กลางจึงได้จัดพิธีแห่ผ้าห่มองค์พระมหาเจดีย์และจะทำเช่นนี้ต่อไปทุกๆปี เพื่อให้พี่น้องประชาชนที่อยู่พื้นที่โดยรอบได้มีส่วนร่วมอนุโมทนาบุญกับทางวัด

อย่างไรก็ตาม เพื่อให้พี่น้องประชาชนชาวบางพลีได้ร่วมกันทำบุญมากขึ้น และอยากจะดันให้เป็นงานประเพณีสืบไป และในส่วนงานประเพณีลอยกระทงในปีนี้ ทางวัดของเราก็จัดอย่างยิ่งใหญ่มีของรางวัลมากมาย ทั้งสร้อยคอทองคำ ทีวี ตู้เย็น พัดลม และอื่นๆ อีกหลายรายการ จึงขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนเดินทางมาร่วมทำบุญและร่วมกิจกรรมสอยดาวกับทางวัด นอกจากนี้ ยังสามารถนำกระทงมาลอยที่บริเวณสระน้ำภายในวัดบางพลีใหญ่กลางได้อีกด้วย

กองทัพจีนโชว์ 'เฮลิคอปเตอร์ Z-20' นักวิเคราะห์เชื่อศักยภาพเหนือกว่าสหรัฐ

(12 พ.ย.67) รอยเตอร์รายงานว่า ที่งานนิทรรศการการบินและอวกาศนานาชาติแห่งประเทศจีน หรือ Airshow China ในเมืองจูไห่ มณฑลกวางตุ้ง ท่ามกลางการโชว์อากาศยานและเทคโนโลยีการบินระดับนานาชาติของจีนนั้น หนึ่งในไฮไลต์ที่นักวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญด้านยุทโธปกรณ์ให้ความสนใจคือ การโชว์ของเฮลิคอปเตอร์  Z-20 ที่กองทัพอากาศจีนนำมาโชว์ภายในงาน

จากข้อมูลระบุว่า กองทัพจีนได้พัฒนาเฮลิคอปเตอร์รุ่น Z-20 เพื่อเข้ามาอุดช่องว่างด้านความสามารถในการระบบป้องกันภัยต่อต้านเรือดำน้ำ ซึ่งเฮลิคอปเตอร์นี้ได้ดึงดูดความสนใจจากผู้ช่วยทูตฝ่ายกลาโหมระดับภูมิภาค และนักวิชาการด้านความมั่นคงอย่างมาก 

สำหรับข้อมูลพื้นฐานของเฮลิคอปเตอร์รุ่น Z-20 หรือที่รู้จักกันในอีกชื่อว่า Harbin Z-20 ได้รับการพัฒนาโดยกลุ่มอุตสาหกรรมอากาศยานฮาร์บิน เริ่มเข้าประจำการในกองทัพจีนตั้งแต่เดือนตุลาคมปี 2019 และได้รับการพัฒนาเรื่อยมาในหลายซีรีส์ โดยเฮลิคอปเตอร์รุ่นพื้นฐานนี้สามารถบรรทุกผู้โดยสารได้ 12-15 คน ความยาว 20 เมตร ความสูง 5.3 เมตร น้ำหนักเปล่าไร้การบรรทุก  5,000 ก.ก. ขับเคลื่อนด้วยโรเตอร์เครื่องยนต์เทอร์โบชาฟท์ WZ-10 จำนวน 2 ตัว ให้กำลังที่ 2,100–2,700 แรงม้า ต่อเครื่องยนต์ ทำความเร็วสูงสุดได้ 360 km/h พิสัยการบินไกล 560 km เพดานบินสูงสุด 20,000 ft 

สำหรับรุ่นที่โชว์ในงานจะเป็น Z-20J ซึ่งจากรายงานล่าสุดของเพนตากอนระบุว่า จีนยังอยู่ระหว่างการพัฒนาเฮลิคอปเตอร์รุ่น Z-20F ที่คล้ายกับ SH-60 Black Hawk ของกองทัพเรือสหรัฐ ซึ่งเทคโนโลยียังตามหลังเฮลิคอปเตอร์ Black Hawk แต่ทว่าภายในงานการบินล่าสุดนี้ จีนได้นำต้นแบบของรุ่น  Z-20J ซึ่งเป็นรุ่นที่ถูกพัฒนาต่อจาก Z-20F มาโชว์ภายในงานแล้ว ซึ่งเป็นก้าวสำคัญสู่การสร้างระบบต่อต้านเรือดำน้ำอย่างเต็มรูปแบบ อีกทั้งสะท้อนว่ารายงานด้านความมั่นคงของกระทรวงกลาโหมสหรัฐไม่ได้อัปเดตข้อมูลเท่าที่ควร

เฮลิคอปเตอร์ Z-20 กำลังอยู่ระหว่างการพัฒนา และว่ารุ่น Z-20F ที่คล้ายกับ SH-60 Black Hawk ของกองทัพเรือสหรัฐ จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการต่อต้านเรือดำน้ำได้อย่างมาก เมื่อเทียบกับเฮลิคอปเตอร์ขนาดเล็กที่ PLAN ใช้งานในปัจจุบัน

คอลลิน โกห์ นักวิชาการด้านความมั่นคงจาก S. Rajaratnam School of International Studies ในสิงคโปร์ กล่าวว่า Z-20 จะกลายเป็นเฮลิคอปเตอร์มาตรฐานของกองทัพเรือและการต่อต้านเรือดำน้ำของจีน เนื่องจากมีความสามารถลงจอดบนเรือได้หลากหลายประเภท ตั้งแต่เรือคอร์เวตต์และเรือพิฆาต ไปจนถึงเรือบรรทุกเครื่องบิน ก่อนหน้านี้จีนมีเฮลิคอปเตอร์รุ่น Z-8 และ Z-9 ซึ่งหนักเกินไปและเบาเกินไปตามลำดับ ที่จะทำให้จำกัดเรือที่จะร่วมปฏิบัติการ รวมถึงจำกัดพิสัยการบินและน้ำหนักของอาวุธและเซ็นเซอร์ในการต่อต้านเรือดำน้ำของฝ่ายตรงข้าม Z-20 จึงเป็นคำตอบ

สอดคล้องกับ Navy Professional Journal สื่อวิชาการของกองทัพเรือไต้หวัน เผยแพร่บทความเกี่ยวกับการพัฒนาเฮลิคอปเตอร์ต่อต้านเรือดำน้ำของจีนเมื่อเดือน ธ.ค. 2565 โดยระบุว่า ความสามารถของ Z-20 ล้ำหน้ากว่าเฮลิคอปเตอร์แบบ MH-60R Black Hawk ของสหรัฐ

ทั้งนี้ ยุทธวิธีต่อต้านเรือดำน้ำสมัยใหม่ที่เกี่ยวข้องกับเฮลิคอปเตอร์ที่ปฏิบัติการไกลจากเรือหลัก คือการทำหน้าที่ล่า และติดตามศัตรูด้วยเซ็นเซอร์หลายรูปแบบ ทั้งยังประสานงานกับเรือและเครื่องบินลำอื่นๆ ด้วย โดยเฮลิคอปเตอร์ส่วนใหญ่มักติดตั้งอาวุธน้ำหนักเบา เช่น ระเบิดใต้น้ำ และตอร์ปิโด

ในการประเมินของสถาบันระหว่างประเทศเพื่อการศึกษากลยุทธ์ในกรุงลอนดอน เกี่ยวกับการจัดการกำลังทหารระหว่างประเทศ พบว่า จีนได้ส่งเฮลิคอปเตอร์รุ่น Z-20 ราว 15 ลำ ปฏิบัติการค้นหาและกู้ภัยมานานแล้ว

พปชร. แจง 'ฟิล์ม รัฐภูมิ' ไม่ได้ร่วมงานพรรคนานแล้ว พร้อมขอเวลา 2-3 วัน ตรวจสอบสมาชิกภาพ

(12 พ.ย.67) เมื่อเวลา 14.40 น. ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรค พปชร. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ หรือ ฟิล์ม อดีตทีมโฆษกพรรค พปชร. ที่ล่าสุดมีความเกี่ยวข้องคดีรีดทรัพย์ 20 ล้าน จากบอสปัน บริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป จํากัด ว่า เบื้องต้นต้องทำการตรวจสอบ เพราะที่ผ่านมานายรัฐภูมิไม่ได้มีการทำกิจกรรมร่วมกับพรรค พปชร.มานานแล้ว ตั้งแต่ช่วงเลือกตั้ง

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะรู้ผลตรวจสอบได้เมื่อไหร่ พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวว่า จะทำโดยเร็วที่สุด แต่คงต้องใช้เวลา คิดว่า 2-3 วันคงจะทราบผล อย่างไรก็ตาม ต้องตรวจสอบกับนายทะเบียนพรรคอีกครั้งหนึ่ง

เมื่อถามว่า จะมีมาตรการกับนายรัฐภูมิอย่างไรนั้น กล่าวว่า หากเป็นสมาชิกพรรคก็จะดำเนินการตามมาตรฐานจริยธรรม และจะเข้มงวดในการตรวจสอบคุณสมบัติสมาชิกมากขึ้นอย่างแน่นอน ซึ่ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค พปชร. มีแนวนโยบายในการรับสมาชิกใหม่ และผู้ที่จะสมัครเป็น ส.ส. คือต้องรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และเห็นประโยชน์ส่วนรวมเป็นที่ตั้ง ส่วนประวัติด้านอื่นก็ต้องตรวจสอบทุกมิติ

ถามอีกว่า มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า บุคคลในพรรค พปชร.มีความเกี่ยวข้องกับคดีทุจริตต่าง ๆ จะกระทบต่อภาพลักษณ์ของพรรคหรือไม่ พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวว่า หากดูลึก ๆ แล้ว ขณะนั้น พปชร.เป็นพรรคใหญ่ มีสมาชิกจำนวนมาก แต่ตอนนี้อยากถามว่าตอนนี้คนเหล่านั้นอยู่ที่ไหน ถ้าจะกวาดบ้านกวาดปัจจุบันดีกว่า ไม่ต้องไปกวาดอดีต ยืนยันว่าพรรคเคลียร์ตัวเองเรียบร้อยแล้ว

จ.ส.อ.รอด อาสนพรรณ แห่งกองพันพยัคฆ์น้อย เกาหลีใต้บรรจุอัฐิในสุสานเมืองปูซาน

(12 พ.ย.67) เกาหลีใต้จัดพิธีบรรจุอัฐิทหารผ่านศึกเกาหลีชาวไทยให้แก่ จ.ส.อ. รอด อาสนพรรณ ซึ่งเป็นทหารผ่านศึกเกาหลีชาวไทยคนแรกที่ได้รับการบรรจุอัฐิในสุสานอนุสรณ์สถานแห่งสหประชาชาติในเมืองปูซาน

ศูนย์วัฒนธรรมเกาหลีในประเทศไทยเปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน เวลา 12.00 น. สำนักงานบริหารสุสานอนุสรณ์สหประชาชาติในเกาหลี ได้จัดพิธีบรรจุอัฐิทหารผ่านศึกสงครามเกาหลีชาวไทย จ.ส.อ. รอด อาสนพรรณ ภายหลังเสร็จสิ้นพิธีรำลึกถึงทหารผ่านศึกเกาหลีที่ชื่อว่า 'Turn Toward Busan' โดยมีผู้ร่วมงานประมาณ 100 คน รวมทั้งลูกสาวและหลานสาวของท่าน (นางสมทรง และ นางสาวจิรัชญา เจริญพงศ์อนันต์) รวมถึงรัฐมนตรีกระทรวงกิจการทหารผ่านศึกเกาหลีใต้ นางคัง จองเอ เอกอัครราชทูตไทยประจำเกาหลี นายธานี แสงรัตน์ และทหารผ่านศึก พร้อมด้วยครอบครัวที่เข้าร่วมโครงการเยือนเกาหลี รวมถึงนักศึกษาจากโครงการอาสาสมัครสันติภาพสหประชาชาติ

จ.ส.อ. รอด อาสนพรรณ เป็นทหารผ่านศึกชาวไทยที่เข้าร่วมสงครามเกาหลีระหว่างวันที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2495 ถึง 28 ตุลาคม พ.ศ. 2496 โดยประจำการในกองพัน 'พยัคฆ์น้อย' ที่โดดเด่นด้านความกล้าหาญและความรวดเร็ว รัฐบาลไทยมอบเหรียญชัยสมรภูมิให้เป็นเกียรติและเพื่อยกย่องคุณงามความดีของท่าน การบรรจุอัฐิครั้งนี้ทำให้สุสานอนุสรณ์สหประชาชาติมีทหารผ่านศึกจำนวนทั้งสิ้น 2,330 นายจาก 14 ประเทศทั่วโลก

จ.ส.อ. รอด เกิดเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2465 และเสียชีวิตอย่างสงบในวัย 100 ปี เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2566 ก่อนวันเกิดครบ 101 ปีเพียง 2 เดือน ท่านเคยเดินทางไปเกาหลีอีกครั้งเมื่อปีที่แล้วในโครงการเยี่ยมเยียนทหารผ่านศึกเกาหลี และแสดงความปรารถนาที่จะบรรจุอัฐิของตนไว้ที่สุสานแห่งนี้ ซึ่งได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการจัดการสุสานนานาชาติในเดือนเมษายนที่ผ่านมา

ครอบครัวของ จ.ส.อ. รอด เปิดเผยว่ารู้สึกภาคภูมิใจในท่านอย่างยิ่ง ท่านเคยเล่าเรื่องราวความยากลำบากในช่วงสงครามให้ครอบครัวฟังอยู่เสมอ ซึ่งทำให้พวกเขาได้ตระหนักถึงความเสียสละที่ยิ่งใหญ่ของท่าน จ.ส.อ. รอดยังยึดมั่นในระเบียบวินัย ความซื่อสัตย์ ความยุติธรรม และเป็นผู้ที่มุ่งมั่นแบ่งปันความสุขให้ครอบครัวและผู้คนรอบข้าง

‘ทนายเชาว์’ แนะฟ้องศาลเอาผิด คกก. คัดเลือกฯ เหตุเลือก ‘กิตติรัตน์’ นั่ง ปธ.บอร์ดแบงก์ชาติ ทั้งที่มีลักษณะต้องห้าม

(12 พ.ย.67) ‘ทนายเชาว์’ ชี้ ‘กิตติรัตน์’ ขาดคุณสมบัตินั่ง ปธ.บอร์ดแบงก์ชาติ แนะฟ้องศาลฯ เอาผิด คกก.คัดเลือก ฐานจงใจเลือกคนมีลักษณะต้องห้าม เหตุพ้นตำแหน่งทางการเมืองไม่ถึง 1 ปี เชื่อส่งผลทำคนติดคุกได้ ชี้ตำแหน่ง 'ที่ปรึกษาของนายกฯ' แม้ไม่ใช่ ขรก.การเมือง แต่ถือเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

นายเชาว์ มีขวด ทนายความ โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊ก ระบุว่า 'กิตติรัตน์' ขาดคุณสมบัตินั่งประธานบอร์ดแบงก์ชาติ ผมไม่เข้าใจว่าเหตุใดคณะกรรมการคัดเลือก 7 คน จึงมีมติเลือกนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง เป็นประธานบอร์ดแบงก์ชาติ และเตือนไว้เลยว่า ใครก็ตามที่ลงคะแนนให้นายกิตติรัตน์ นั่งเก้าอี้ตัวนี้ ท่านเตรียมสู้คดีในชั้นศาล ที่อาจต้องจบที่เรือนจำได้เลย

ที่พูดแบบนี้ก็เพราะ ระเบียบว่าด้วยการประชุมของคณะกรรมการคัดเลือก การเสนอชื่อ การพิจารณาและการคัดเลือกผู้ทรงคุณวุฒิเป็นประธานกรรมการหรือกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย พ.ศ.2551 กำหนดไว้ชัดเจนในหมวดที่ 2 การเสนอชื่อ การพิจารณาและการคัดเลือกประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ไว้ในข้อ 16 (4) ว่า ต้องไม่มีลักษณะต้องห้าม เป็นหรือเคยเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เว้นแต่จะได้พ้นจากตำแหน่งมาแล้วไม่น้อยกว่าหนึ่งปี

โดยเจตนารมณ์ของระเบียบฯ ที่กำหนดไว้เช่นนี้

ต้องการให้ บุคคลที่จะได้รับคัดเลือกเป็น ประธานกรรมการหรือกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย มีความเป็นกลาง ไม่มีส่วนได้เสีย หรือ เกี่ยวข้อง กับการเมือง 

แต่นายกิตติรัตน์ เคยเป็นประธานที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี  ตามคำสั่ง สำนักนายกรัฐมนตรีที่ 214 / 2566 เรื่องแต่งตั้งที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี  โดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 11 (6) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดินพ.ศ. 2535 มีทำหน้าที่ในการให้คำปรึกษา และพิจารณาเสนอความเห็นหรือข้อเสนอแนะต่าง ๆ ตามที่นายกรัฐมนตรีมอบหมาย

โดยให้ส่วนราชการสนับสนุนงานของที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีตามที่ได้รับการร้องขอและให้สำนักเลขาธิการนายกดนตรีอำนวยความสะดวกในการปฏิบัติหน้าที่ของที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี สำหรับค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการที่จำเป็นต่อการปฏิบัติงานให้เป็นไปตามระเบียบของราชการโดยให้เบิกจ่ายจากสำนักเลขานายกรัฐมนตรี

เห็นได้ชัดว่าตำแหน่งประธานที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีของนายกิตติรัตน์ แม้โดยนิตินัยจะไม่ได้เป็นข้าราชการการเมือง โดยเลี่ยงใช้คำว่าที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี แต่โดยพฤตินัย ตามคำสั่ง สำนักนายกรัฐมนตรีที่ 214 / 2566 ระบุให้ นายกิตติรัตน์ ทำหน้าที่ในการให้คำปรึกษา และพิจารณาเสนอความเห็นหรือข้อเสนอแนะต่าง ๆ ตามที่นายกรัฐมนตรีมอบหมาย และให้ส่วนราชการสนับสนุนงานของที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีตามที่ได้รับการร้องขอและให้สำนักเลขาธิการนายกฯ อำนวยความสะดวกในการปฏิบัติหน้าที่ของที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี สำหรับค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการที่จำเป็นต่อการปฏิบัติงานให้เป็นไปตามระเบียบของราชการโดยให้เบิกจ่ายจากสำนักเลขานายกรัฐมนตรี

ตำแหน่งประธานที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ของนายกิตติรัตน์ จึงอยู่ในความหมายของ ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตามความใน ข้อ 16 (4) ของระเบียบว่าด้วยการประชุมของคณะกรรมการคัดเลือกฯ เพราะนายกิตติรัตน์ ยังพ้นตำแหน่งประธานที่ปรึกษาของนายกฯ ไม่ถึงหนึ่งปี โดยพ้นตำแหน่งไปในวันที่นายเศรษฐา ทวีสิน หลุดตำแหน่งนายกฯ เมื่อวันที่ 14 ส.ค.67 เท่ากับเพิ่งพ้นหน้าที่มาเพียงแค่ไม่ถึงสามเดือน

ถ้าเราปล่อยให้นายกิตติรัตน์ ได้เป็นประธานบอร์ดแบงก์ชาติ ด้วยข้ออ้างว่าตำแหน่งที่ปรึกษาของนายกฯ ไม่ใช่ข้าราชการการเมือง จึงไม่ใช่ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองด้วย ต่อไประเบียบฯ เรื่องห้ามผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมาเป็นประธานหรือกรรมการแบงก์ชาติ เว้นพ้นตำแหน่งแล้ว 1 ปี จะกลายเป็นหมันใช้บังคับในทางปฏิบัติไม่ได้ เพราะการเมืองใช้วิธีศรีธนญชัยเล่นแร่แปรธาตุทางกฎหมาย

ผมยืนยันว่าในทางกฎหมายแม้ตำแหน่งที่ปรึกษาของนายกฯ จะไม่ใช่ข้าราชการการเมือง แต่หน้าที่ที่ทำตามคำสั่งนายกฯ ถือเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอย่างแน่นอน กรณีนี้ผมเสนอให้มีการฟ้องศาลฯ เอาผิดคณะกรรมการคัดเลือก จงใจเลือกคนที่ไม่มีคุณสมบัติเป็นประธานบอร์ดแบงก์ชาติ ไปให้สุดจะได้รู้ว่าต้องไปหยุดที่คุกหรือไม่

เชียงใหม่-ท่าอากาศยานเชียงใหม่ สรุปเที่ยวบินเปลี่ยนแปลง-ยกเลิกในช่วงเทศกาลยี่เป็ง ประจำปี 2567 รวมทั้งสิ้น 170 เที่ยวบิน 

(12 พ.ย.67) ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ปรับเวลาให้บริการในช่วงเทศกาลลอยกระทง โดยสายการบินยกเลิกและเปลี่ยนแปลงเวลาทำการบินหลังเวลา 19.00 น.เพื่อลดความเสี่ยงจากโคมลอยที่อาจเกิดอันตรายต่ออากาศยาน

นาวาอากาศโท รณกร เฉลิมแสนยากร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานเชียงใหม่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในช่วงเทศกาลยี่เป็ง ระหว่างวันที่ 15-16 พฤศจิกายน 2567 (ข้อมูล ณ วันที่ 11 พฤศจิกายน 2567) มีเที่ยวบินที่ยกเลิกและเปลี่ยนแปลงเวลาการบิน รวมทั้งสิ้น 170 เที่ยวบิน โดยมีรายละเอียด ดังนี้

1.เที่ยวบินที่ยกเลิก จำนวน 74 เที่ยวบิน แบ่งเป็นเที่ยวบินในประเทศ 36 เที่ยวบิน และเที่ยวบินระหว่างประเทศ 38 เที่ยวบิน
2.เที่ยวบินที่เปลี่ยนแปลงเวลาทำการบินจำนวนทั้งสิ้น 96 เที่ยวบิน เป็นเที่ยวบินภายในประเทศ เที่ยวบิน 68 และเที่ยวบินระหว่างประเทศ 28 เที่ยวบิน
3.เที่ยวบินพิเศษเพิ่มเติม จำนวน 16 เที่ยวบิน เป็นเที่ยวบินภายในประเทศ 8 เที่ยวบิน และเที่ยวบินระหว่างประเทศ 8 เที่ยวบิน       

ทั้งนี้การเปลี่ยนแปลงและยกเลิกเที่ยวบินดังกล่าว คาดว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อการให้บริการประชาชน เนื่องจากสายการบินได้ประชาสัมพันธ์ให้ผู้โดยสารและนักท่องเที่ยวทราบล่วงหน้า เพื่อวางแผนการเดินทางที่เหมาะสมแล้ว พร้อมกันนี้ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ได้เข้มงวดมาตรการรักษาความปลอดภัย เพิ่มความเข้มข้นในการดำเนินการรักษาความปลอดภัย อาทิ เพิ่มวงรอบการตรวจการณ์ ทั้งภายในอาคารผู้โดยสาร และบริเวณพื้นที่รอบท่าอากาศยาน ตั้งจุดสุ่มตรวจยานพาหนะ ที่ผ่านเข้ามาในพื้นที่ท่าอากาศยานเป็นระยะ สุ่มตรวจสัมภาระและผู้โดยสารตามมาตรฐานที่กำหนด สุ่มตรวจปริมาณแอลกอฮอล์ของพนักงานที่ปฏิบัติงานในเขตการบิน 

รวมทั้งห้ามจอดยานพาหนะบริเวณชานชาลาหน้าอาคารผู้โดยสารอย่างเด็ดขาด เพื่อดูแลความปลอดภัยและป้องปรามกลุ่มผิดกฎหมายที่อาจฉวยโอกาสกระทำการในช่วงผู้โดยสารคับคั่ง อย่างไรก็ตามขอให้ผู้โดยสารเผื่อเวลาในการเดินทางมายังท่าอากาศยานมากกว่าปกติ เนื่องจากในช่วงเวลาดังกล่าว จะมีผู้โดยสารคับคั่งแออัดตลอดทั้งวัน ขณะเดียวกันยังได้เพิ่มรอบความถี่ในการตรวจ  ทางวิ่งทางขับจากเดิมวันละ 6 รอบ เป็น 10 รอบ เพื่อตรวจเก็บซากโคมที่อาจถูกกระแสลมพัดมาตกในพื้นที่เขตการบิน พร้อมจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังการเก็บโคมลอยและโคมควัน โดยพร้อมออกไปเก็บซากโคมลอยได้ทันที หากได้รับแจ้งจากหอบังคับการบินหรือจากนักบิน

สำหรับการรณรงค์เรื่องการปล่อยโคมลอยให้ปลอดภัย ก่อนหน้านี้ ท่าอากาศยานเชียงใหม่ได้มีหนังสือขอความร่วมมือไปยังหน่วยงานราชการและเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น วัด สถานศึกษาและชุมชนที่อยู่ในเขตความปลอดภัยในการเดินอากาศ ประชาสัมพันธ์แก่ประชาชนให้รับทราบถึงแนวทางการปฏิบัติเกี่ยวกับการปล่อยโคมลอยในช่วงเทศกาลลอยกระทง โดยเน้นย้ำให้ปฏิบัติตามประกาศจังหวัดเชียงใหม่ เรื่อง มาตรการป้องกันและการรักษาความปลอดภัยและการดูแลความสงบเรียบร้อยของประชาชนในการจุดและปล่อยโคมลอย โคมไฟ โคมควัน (ว่าวฮม) หรือวัตถุอื่นใดที่คล้ายคลึงกันขึ้นสู่อากาศ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2563 ที่กำหนดว่า ห้ามจุดและปล่อยโคมลอย โคมไฟ โคมควัน (ว่าวฮม) หรือวัตถุอื่นใดที่คล้ายคลึงกันขึ้นไปสู่อากาศในเขตปลอดภัยการเดินอากาศ และพื้นที่เฝ้าระวังพิเศษระดับ 1 (พื้นที่สีแดง) คือบริเวณแนวขึ้น-ลง สนามบิน ที่อยู่ห่างจากทางขึ้น-ลงของเครื่องบิน ห่างข้างละ 4.6 กิโลเมตร เป็นระยะทางยาว 18.5 กิโลเมตร จากหัวทางวิ่งทั้งสองด้าน นอกจากนี้ยังได้ประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อมวลชน กำนันผู้ใหญ่บ้าน และช่องทาง Social Media ต่างๆ ด้วย
    
ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ในฐานะประตูบานแรกที่เข้าสู่จังหวัดเชียงใหม่ ขอเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมและสืบสานประเพณีลอยกระทง โดยได้ประดับตกแต่งโคมไฟและโคมแขวนภายในอาคารผู้โดยสาร ซึ่งเป็นรูปแบบกิจกรรมที่เป็นเอกลักษณ์และอัตลักษณ์เฉพาะตามวิธีพุทธและประเพณีเดือนยี่เป็ง รวมทั้งเปิดเพลงบรรเลงท้องถิ่น เพื่อให้ผู้โดยสารได้สัมผัสบรรยากาศความเป็นล้านนาตั้งแต่ก้าวแรกที่เดินทางมาถึง และยังกำหนดจัดกิจกรรมแจกกระทงให้แก่ผู้โดยสารและนักท่องเที่ยวที่มาเยือนด้วย

วัยรุ่นจีนนับหมื่น ปั่นจักรยานข้ามเมือง ชิมเสี่ยวหลงเปาเจ้าดังยามราตรี

(12 พ.ย.67) กลายเป็นไวรัลฮิตในจีนหลังจากที่มีการแชร์เรื่องราวว่า มีนักศึกษาหญิงกลุ่มหนึ่งได้ปั่นจักรยานเป็นระยะทาง 48 กิโลเมตร จากเมืองเจิ้งโจวไปเมืองไคเฟิง เพื่อลิ้มรสร้านเสี่ยวหลงเปาเจ้าดัง จนกลายเป็นกระแสในโซเชียลมีเดียจีน 

ส่งผลให้นักปั่นชาวจีนจำนวนมากรวมตัวกันเมื่อคืนวันที่ 8 พฤศจิกายน ทำให้เกิดการจราจรในเมืองไคเฟิงติดขัดเป็นอย่างมาก เพื่อไปชิมเกี๊ยวซุปร้านดัง จนทำให้ถนนหนาแน่นไปด้วยจักรยาน และบริษัทร้านเช่าจักรยานบางแห่งต้องปิดให้บริการชั่วคราวเพราะขาดแคลนจักรยาน

การปั่นจักรยานกลางคืนนี้ยังสะท้อนถึงเทรนด์การท่องเที่ยวแบบประหยัดที่ได้รับความนิยมในกลุ่มคนรุ่นใหม่ของจีน โดยสื่อของรัฐยกย่องกิจกรรมนี้ว่าเป็นการแสดงออกถึง 'ความกระตือรือร้นของคนรุ่นใหม่' และยังมองว่าเป็นโอกาสในการโปรโมทการท่องเที่ยว โดยในวันที่จัดกิจกรรมดังกล่าวทางการได้ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่พยาบาลมาคอยอำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัยตลอดเส้นทาง

สังคมไทย สุดป่วยด้วย 'โรคอวดรวย' ระบาด สุดท้ายหลงภาพลักษณ์จนตกเป็นเหยื่อนักต้มตุ๋น

สังคมไทยกำลัง 'ติดโรคอวดรวย' ที่ได้เงินมาจากการต้มตุ๋นผู้คน แพร่เชื้อโรคมาจากคนเด่นดังทางสังคม

คนไทยยุคนี้ได้ชื่อว่า 'ขยันเข้าสังคมเก่ง' แต่กลับขาดทักษะในการเรียนรู้นิสัยใจคอของคนอย่างรุนแรง ส่วนใหญ่ยังมีความคิดในเชิงโลกสวย เชื่อคนง่าย มองคนแค่เปลือกนอก จึงมักถูกหลอก ถูกชักจูงไปในทางที่ผิด จนเกิดความสูญเสียตามมาเสมอ

ยิ่งเวลาเห็นข่าวคนดังทางสังคม โผล่ออกมาหน้าจอทีวี เห็นหน้าตาเขาดี พูดจาดี ฉายโชว์แต่เรื่องราวดี ๆ และดูร่ำรวยออกสื่อ ก็จะกระโจนเข้าหา หลงชื่นชม ติดตาม และนิยมชมชอบแบบขาดสติ ไร้วิจารณญาณในการวิเคราะห์ สำรวจ ศึกษาที่มาที่ไปของคนให้ถ่องแท้ ยิ่งสื่อช่องดังแต่ละช่องขยันเชิญมาแบบขาดการไตร่ตรองให้ครบด้าน คนดูก็ยิ่งตายใจ คิดไปเองว่าทั้งหมดนั้นคือแบบอย่างที่ดี ที่ถูกสื่อคัดกรองมาดีมากพอแล้วที่จะให้สังคมอ้าแขนต้อนรับ

คนดังทางสังคมเหล่านี้เมื่อร่ำรวยขึ้นมา ก็จะโชว์เสื้อผ้าแบรนด์เนม นาฬิกาหรู บ้าน รถ ภาพการกินหรูอยู่โรงแรมคืนละหลักแสน เที่ยวต่างประเทศ กลายเป็น 'ภาพจำโง่ ๆ' ที่คล้าย 'โรคระบาด' ใครมีความร่ำรวยขึ้นมาก็จะติดทำตาม ๆ กันให้เห็นอย่างรวดเร็ว เราจึงพบเห็นคนดัง คนรวย แสดงแต่สิ่งที่กลวงโบ๋ทางปัญญา บ้าบอแต่วัตถุ ความฟุ้งเฟ้อ เป็นภาพลวง ๆ แม้ไม่จีรังแต่ก็ยังสามารถดึงดูด 'คนคิดไม่เป็น' ที่มีอยู่มากมายในสังคมไทยให้มาหลงเชื่อได้ไม่น้อยเลย 

'โรคอวดรวย' ได้กลายเป็นหนึ่งใน 'โรคระบาด' ที่กำลังแพร่กระจายในสังคม 'เศรษฐีใหม่' ที่มักจะมีรายได้มาโดยวิถีทางที่ไม่สะอาด เบื้องหลังมักทำสิ่งที่ผิดกฎหมาย ซ่อนเร้นไปด้วยเล่ห์เพทุบาย บางคนก็หลอกต้มทุกคนไม่ขวางหน้า ไม่สนบาปบุญคุณโทษ หรือแม้แต่ผู้มีพระคุณ 

ประเทศไทยยุคนี้มีคนที่ 'ติดโรคอวดรวย' แทบจะทุกอาชีพแล้ว เช่นดารานักแสดง นักร้อง พิธีกร แม่ค้าขายทอง ตำรวจ ทนาย หรือแม้แต่เจ้าของค่ายมวยที่หน้าฉากกับหลังฉากราวขาวกับดำ แม้จะเกมไปนอนคุกแล้วบางส่วน แต่ที่ยังรอดเล่นบทตีสองหน้ากับสังคมยังมีอีกไม่น้อยเลย 

จับตาดูให้ดี ๆ 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top