Friday, 27 June 2025
TheStatesTimes

Bitcoin คึกคักขานรับชัยชนะ ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ พุ่งทะลุ 81,000 ดอลลาร์ ทำจุดสูงสุดใหม่อีกครั้ง

(11 พ.ย.67) Bitcoin ยังรุ่ง ราคาพุ่งทะยานสู่ New High ล่าสุดวันนี้ที่ 81,700 ดอลลาร์ ขานรับข่าวดีที่ โดนัลด์ ทรัมป์ คว้าชัยชนะการเลือกตั้งผู้นำสหรัฐฯ 2024 อีกทั้งพรรครีพับลิกันยังครองที่นั่งส่วนใหญ่ในสภาสูง และกำลังลุ้นจำนวนที่นั่งในสภาล่างที่จะทำให้รัฐบาลทรัมป์ และพรรครีพับลิกันสามารถคุมเสียงในสภาคองเกรซได้อย่างเบ็ดเสร็จทั้ง 2 สภา

ตั้งแต่ช่วงค่ำคืนของวันอังคารที่ 5 พฤศจิกายน หลังปิดหีบเลือกตั้งและผลคะแนนเผยแววชัยชนะของโดนัลด์  ทรัมป์ ราคา Bitcoin ก็พุ่งทะยานขึ้นแตะระดับที่ 75,000 ดอลลาร์ แต่ ณ วันนี้ ราคา Bitcoin ยังคงมุ่งหน้าสู่ดวงจันทร์ และทำสถิติ New High ที่ 81,700 ดอลลาร์ 

ปัจจัยที่ทำให้ตลาดคริปโตกลับมาคึกคัก ดันราคา Bitcoin พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ มาจากนโยบายที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ได้หาเสียงมาตลอดว่า เขาจะเปลี่ยนสหรัฐอเมริกาให้กลายเป็นเมืองหลวงแห่งเงินสกุลคริปโตของโลก ส่งผลราคา Bitcoin สูงขึ้นมากกว่า 80% ภายในปี 2024 เพียงปีเดียว และยังทำให้สกุลเงินคริปโตอื่น ๆ โดยเฉพาะ Dogecoin ที่ถูกโปรโมทโดย อีลอน มัสก์ ได้รับอานิสงส์ไปด้วย 

โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ชื่อว่าเป็นนักธุรกิจสาย Pro-Crypto ที่มีความศรัทธาในมูลค่าของเงินดิจิทัลต่อระบบเศรษฐกิจ โดยเขาตั้งเป้าหมายที่จะผลักดันนโยบายให้รัฐบาลสหรัฐฯ สะสมเงินคริปโตประหนึ่งเงินสำรองของชาติ

นอกจากนี้ เขายังมีพันธมิตรร่วมอุดมการณ์เดียวกันกับเขา ได้แก่ อีลอน มัสก์, โรเบิร์ต. เอฟ. เคนเนดี และ โฮเวิร์ด ลัทนิค CEO สถาบันการเงินยักษ์ใหญ่ Cantor Fitzgerald ซึ่งทั้งหมด มีเป้าหมายเดียวกันคือ 'เงินคริปโต'

และทรัมป์ได้ประกาศว่า สิ่งแรกที่เขาจะทำเมื่อได้เข้าทำเนียบขาวคือ ไล่ แกรี เจนสเลอร์ ประธานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ที่ได้รับแต่งตั้งในสมัยของโจ ไบเดน ออก ที่ดำเนินการตามนโยบายของไบไดนในการมุ่งหน้ากวาดล้างธุรกิจเงินคริปโตอย่างหนักในรอบ 4 ปีที่ผ่านมา เพราะโจ ไบเดน มองว่าเงินคริปโตเป็นแหล่งเงินทุนนอกกฎหมายของจีน และ รัสเซีย 

ซึ่งตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิงกับนโยบายของทรัมป์ ที่เขาต้องการให้รัฐบาลกลางถือครองเงิน Bitcoin ทั้งหมดที่มีอยู่ในสหรัฐฯ และยังตั้งเป้าไกลกว่านั้นว่าในอนาคตสหรัฐอเมริกาจะเป็นเหมือง Bitcoin เพียงแห่งเดียวของโลก เพื่อง่ายต่อการควบคุมค่าเงิน 

และเมื่อสหรัฐฯ ได้ผู้นำที่เป็นติ่ง Bitcoin ถึงขนาดนี้ นักวิเคราะห์ด้านการเงินจึงเชื่อว่าราคา Bitcoin จะพุ่งทะยานได้ไกลกว่านี้อีก และอาจไม่หยุดแค่ 100,000 ดอลลาร์/Bitcoin ด้วย 

แต่ในยุคของรัฐบาลทรัมป์ 2 จะพาเงิน Bitcoin ที่มุ่งหน้าสู่ดวงจันทร์แล้วจะต่อไปยังดาวอังคาร หรือ จะร่วงลงสู่พื้นโลกอีกครั้ง คงต้องรอดูผลงานกันต่อไป

Toyota ขยายการผลิตในจีน ตั้งเป้า 2.5 ล้านคันต่อปี สะท้อนตลาดรถแดนมังกรโตสูง

(11 พ.ย.67) รอยเตอร์รายงานโดยอ้างอิงแหล่งข่าว 3 แหล่งว่า โตโยต้า ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่น วางเป้าหมายผลิตรถยนต์ให้ได้อย่างน้อย 2.5 ล้านคันในจีนภายในปี 2573 ซึ่งนับเป็นการปรับกลยุทธ์ครั้งสำคัญที่จะเพิ่มความใกล้ชิดระหว่างการขายและการผลิตในจีน และเปิดโอกาสให้ผู้บริหารในจีนมีอิสระในการพัฒนาผลิตภัณฑ์มากขึ้น

รายงานระบุว่า แผนดังกล่าวสะท้อนกลยุทธ์ของโตโยต้าต่อจีน ซึ่งเป็นตลาดรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยเน้นย้ำถึงความพยายามที่จะฟื้นฟูธุรกิจหลังสูญเสียส่วนแบ่งตลาดให้กับบีวายดี (BYD) และผู้ผลิตรายอื่น ๆ ในจีนช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

แผนของโตโยต้าแตกต่างจากผู้ผลิตรถยนต์รายอื่น รวมถึงผู้ผลิตสัญชาติญี่ปุ่นที่เลือกจะลดกำลังการผลิตหรือถอนธุรกิจออกจากจีน

แหล่งข่าวเผยว่า โตโยต้าตั้งเป้าเพิ่มการผลิตในจีนให้ได้ถึง 3 ล้านคันต่อปีภายในสิ้นทศวรรษนี้ แต่ยังไม่มีการประกาศเป้าหมายอย่างเป็นทางการ

เป้าหมายนี้ถือเป็นการเพิ่มขึ้นจากสถิติการผลิตสูงสุด 1.84 ล้านคันในปี 2565 หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 63% โดยปีที่แล้ว โตโยต้าผลิตรถยนต์ในจีนได้ 1.75 ล้านคัน

โตโยต้าได้แจ้งแผนนี้ให้ซัพพลายเออร์บางรายทราบแล้ว เพื่อสร้างความเชื่อมั่นเกี่ยวกับความทุ่มเทของโตโยต้าต่อตลาดจีนและการรักษาซัพพลายเชนให้มั่นคง

ในแถลงการณ์ โตโยต้าตอบคำถามรอยเตอร์ว่า “ด้วยการแข่งขันที่เข้มข้นในตลาดจีน เราจึงพิจารณาโครงการต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง” และยืนยันว่าจะเดินหน้าผลิตรถยนต์ที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อตลาดจีนต่อไป

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติสั่งการตำรวจทั่วประเทศดูแลความปลอดภัยช่วงเทศกาลลอยกระทงอย่างเข้มงวด พร้อมขอความร่วมมือประชาชนป้องกันอันตราย โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีนักท่องเที่ยวหนาแน่น

(11 พ.ย.67) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้ตำรวจหน่วยต่างๆ ทั่วประเทศ ดำเนินการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม รักษาความสงบเรียบร้อย ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนและนักท่องเที่ยว ในวันลอยกระทง ประจำปี พ.ศ.2567 ซึ่งปีนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ 15 พฤศจิกายน 2567 ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ โดยกำชับให้หน่วยปฏิบัติดำเนินการตามมาตรการต่างๆ อย่างเข้มงวด 

มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม ได้กำชับให้มีการระดมกวาดล้างอาชญากรรมทุกประเภทก่อนวันลอยกระทง ระหว่างวันที่ 8 – 14 พฤศจิกายน 2567 พร้อมกวดขันจับกุมผู้เล่นดอกไม้เพลิง พลุ และประทัด ในลักษณะที่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญ หรือในลักษณะที่น่าจะเป็นอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ในส่วนของผู้ผลิต หรือผู้จำหน่ายดอกไม้เพลิง พลุ และประทัดที่ได้รับอนุญาต ให้ถือปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด หากตรวจพบว่ามีการลักลอบผลิต จำหน่าย โดยผิดกฎหมาย ให้ดำเนินคดีทันที ในกรณีที่เป็นเด็กให้ดำเนินการกับผู้ปกครองตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546 เพื่อให้ผู้ปกครองเข้ามามีส่วนรับผิดชอบด้วย

กำชับหน่วยปฏิบัติให้เข้มงวดกวดขันป้องกันการฉวยโอกาสของผู้ไม่หวังดีหรือผู้เสียผลประโยชน์ ก่อเหตุร้ายในพื้นที่ต่าง ๆ เป็นกรณีพิเศษ โดยเพิ่มความเข้มในการตรวจตรารักษาความปลอดภัยสถานที่ราชการ สถานที่ที่มีชาวต่างชาตินิยมเดินทางไปท่องเที่ยว รวมทั้งสวนสาธารณะ แหล่งชุมชน พร้อมประสานการปฏิบัติกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการวางแผนร่วมปฏิบัติในการรักษาความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ ๆ หรือสถานที่ที่คาดว่าจะมีประชาชนและนักท่องเที่ยวไปร่วมงานประเพณีลอยกระทงจำนวนมาก เพื่อป้องกันการสร้างสถานการณ์ความไม่สงบ การหลอกลวงขายสินค้าหรือบริการของกลุ่มมิจฉาชีพแก๊งต้มตุ๋น ผู้มีอิทธิพลหรือกลุ่มผู้มีอิทธิพล รวมถึงการกระทำอนาจารที่อาจเกิดขึ้นได้ รวมทั้งให้เพิ่มความเข้มในตรวจตราการกระทำผิดในการลักลอบลำเลียงยาเสพติดเข้ามาในประเทศ จัดกำลังสนับสนุนการปฏิบัติของตำรวจท้องที่ในการตรวจสอบสถานบันเทิงไม่ให้มีการใช้ยาเสพติดชนิดต่าง ๆ และประสานหน่วยในพื้นที่ที่มีพื้นที่รับผิดชอบติดแนวชายแดนในการป้องกันการลักลอบหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายและการค้ามนุษย์

สำหรับการอำนวยความสะดวกด้านการจราจร ให้จัดเจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติหน้าที่อำนวยความสะดวกและจัดการจราจร ประจำในบริเวณสถานที่ที่คาดว่าจะมีประชาชนและนักท่องเที่ยวมาร่วมงานประเพณีลอยกระทง และเส้นทางหลักที่คาดว่าจะมีปัญหาจราจร

นอกจากนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนและนักท่องเที่ยว ในการป้องกันอาชญากรรมหรืออันตรายที่จะเกิดขึ้นในช่วงวันลอยกระทง โดยห้ามเล่นดอกไม้เพลิง พลุ ประทัด และโคมลอย อันก่อความเดือดร้อนรำคาญหรือเป็นอันตรายแก่ผู้อื่น การยิงปืนโดยไม่มีเหตุอันควร การแต่งกายที่เหมาะสมไม่ควรประดับของมีค่าหรือนำทรัพย์สินติดตัวไปจำนวนมาก เพื่อป้องกันมิให้มิจฉาชีพฉวยโอกาสประทุษร้ายต่อทรัพย์ได้ ให้ระมัดระวังการใช้บริการโป๊ะ ท่าเทียบเรือ หรือพื้นที่ที่มีประชาชนและนักท่องเที่ยวหนาแน่น เพราะอาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย และให้ผู้ปกครองกำชับบุตรหลานให้ระมัดระวังเพื่อมิให้ถูกหลอกลวงไปในทางมิชอบหรือประพฤติตนไม่สมควร รวมถึงไม่ควรปล่อยให้เด็กไปเที่ยวงานโดยลำพัง ทั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้จัดทำคลิปประชาสัมพันธ์ เผยแพร่ทางสื่อต่างๆ เพื่อสร้างความรับรู้ดังกล่าวให้กับพี่น้องประชาชนด้วย 

หากพี่น้องประชาชนต้องการความช่วยเหลือ หรือมีเบาะแส เรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับอาชญากรรมต่างๆ สามารถแจ้งได้ที่สายด่วน 191 หรือสายด่วน 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

ภูมิธรรม บินเยี่ยมทหารเกาะกูด ยืนยันเกาะกูดเป็นของไทย ส่วน MOU44 ต้องเจรจา 2 ส่วน เขตแดนและพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล

เวลา 10.30 น. เมื่อวันที่ (9 พ.ย.67) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วยพลเอกสนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม พลเรือเอกไพโรจน์ เฟื่องจันทร์ เสนาธิการทหารเรือ และคณะ เดินทางด้วยอากาศยานกองทัพเรือจากสนามบินดอนเมือง มายังหน่วยปฎิบัติการเกาะกูด ตรวจเยี่ยมพื้นที่ ทักทาย ให้กำลังใจทหารเรือที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ พร้อมมอบสิ่งของบำรุงขวัญ 

เมื่อเดินทางถึง พลเรือโท อภิชาติ ทรัพย์ประเสริฐ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธินและผู้บัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด นายไพรัช สร้อยแสง นายอำเภอเกาะกูด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้การต้อนรับ 

จากนั้น นายภูมิธรรม สักการะ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ เสร็จแล้ว กล่าวกับทหารหน่วยปฎิบัติการเกาะกูด ว่า การเดินทางมาตรวจเยี่ยมในวันนี้ ต้องการรับทราบปัญหาและชีวิตความเป็นอยู่ของกำลังทหารตามแนวชายแดน และมีหน้าที่พิทักษ์รักษาอธิปไตรของประเทศ วันนี้อยากจะมารับรู้สถานการณ์ในพื้นที่ เป็นอย่างไร เนื่องจาก ประชาชนในกรุงเทพมหานคร และบางส่วนของประเทศไทย มีความรู้สึกไม่มั่นใจและกังวลใจว่าอำเภอเกาะกูด จังหวัดตราด ไม่ใช่ของไทย และวันนี้ที่เดินทางมา เพื่อแสดงให้เห็นว่าเกาะกูด เป็นของประเทศไทยมาตั้งแต่สนธิสัญญาฝรั่งเศษ และกล่าวให้กำลังใจกำลังพลให้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเข้มแข็ง มีความสุข

หลังจากกล่าวเสร็จแล้ว นายภูมิธรรม พร้อมคณะ ไปร่วมประชุมรับฟังบรรยายสรุปและสถานการณ์ปัจจุบัน โดยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนรับฟังด้วย แต่อนุญาตสื่อมวลชนเก็บภาพบรรยากาศในการประชุมเท่านั้น โดยการประชุมใช้เวลาประมาณ 30 นาที ก่อนที่นายภูมิธรรม จะออกมาจากห้องประชุม มอบสิ่งของให้กำลังพล และให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน

โดย นายภูมิธรรม กล่าวว่า การเดินทางมาครั้งนี้ มาในฐานะรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม เนื่องจากเกาะกูด เป็นอธิปไตยของประเทศไทย เป็นพื้นที่รับผิดชอบของกองทัพเรือ ทั้งบนบกและในทะเล และมายืนยันว่าเกาะกูด เป็นของประเทศไทยแน่นอน ไม่ใช่เป็นของประเทศกัมพูชาตาม mou 44 ซึ่งชาวบ้านมาตั้งถิ่นฐานกันมานานแล้ว และจะต้องทำความเข้าใจกันใหม่ในเรื่องนี้ ชาวบ้าน อายุ 80-90 ปี ที่อยู่ที่นี่ ก็ยังรู้สึกผูกพัน ไม่ยอมให้ใครมาล่วงเกิน แต่เมื่อมีความเข้าใจของประชาชนชาวไทยบางส่วน จนทำให้เกิดความสับสน ส่งผลให้การท่องเที่ยวของเกาะกูด ลดลง 20-30% และเมื่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ ได้ประชาสัมพันธ์ทำความเข้าใจแล้ว ทำให้การท่องเที่ยวกลับมาสู่ภาวะปกติ 

“นอกจากการมาในครั้งนี้แล้ว มาเพื่อยืนยันว่าเกาะกูดเป็นของไทย มีชาวบ้าน มีกองทหาร มีส่วนราชการ มีตำรวจ และอีกหลายหน่วยงาน ขอให้ทุกท่านสบายใจได้ว่า ที่นี่ประเทศไทย มีธงชาติไทยปักอยู่ทั่วอาณาบริเวณ มีอาวุธยุทโธปกรณ์ป้องกันประเทศอยู่ นอกจากนี้ความสัมพันธ์ทางชายแดนทั้ง 2 ฝั่ง ไปมาหาสู่กันดี ปีละ 4 ครั้ง เป็นความสัมพันธ์ที่ดี ไม่มีอะไรวิกฤตหรือน่ากังวล ส่วนแรงงานกัมพูชา ที่เข้ามาทำงานที่เกาะกูด 600 กว่าคน ก็เข้ามาทำงานถูกต้องตามกฎหมาย และขอยืนยันว่า เกาะกูดสงบ สวยงาม มีความปลอดภัย อยู่ในความดูแลของฝ่ายความมั่นคง“ นายภูมิธรรม กล่าว

นอกจากการมายืนว่าเกาะกูด เป็นของไทยแล้ว อีกหนึ่งภารกิจ คือ การมาเยี่ยมเยือนกำลังพลตามภารกิจของกระทรวงกลาโหม อยู่แล้ว 

นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า เข้าใจว่าตนเองน่าจะได้เป็นประธานเจรจาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล ระหว่างสองประเทศ จะสร้างความมั่นใจได้ว่า เกาะกูดเป็นของไทย  แต่เรื่องจริงคือ ใน MOU ไม่ต้องเจรจาในเรื่องนี้อยู่แล้ว แต่เป็นการเจรจาในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล แต่ใน mou ระบุไว้ว่า สองส่วนนี้ ต้องเจรจาไปด้วยกันอย่างสันติ และไม่ต้องกังวลว่า การเจรจานั้นต้องไม่เอื้อนายทุน และต้องเจรจาให้คนไทยทั้งหมดเห็นชอบด้วยและจะต้องเข้าสภาให้ผ่านความเห็นชอบ ซึ่งการแก้ปัญหาจะต้องอยู่บนกฎหมายและประเทศไทยได้ประโยชน์สูงสุด

หลังจากจบภารกิจแล้ว นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และคณะเดินทางกลับกรุงเทพมหานครทันทีในเวลา 13.00 น.

จีนใกล้สำเร็จ!!! สร้างเรือบรรทุกเครื่องบินพลังนิวเคลียร์ลำแรก คืบหน้าวิจัยเครื่องปฏิกรณ์ต้นแบบ

(11 พ.ย.67) จีนได้สร้างต้นแบบเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์บนบกสำหรับเรือผิวน้ำขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นสัญญาณที่ชัดเจนที่สุดว่า จีนกำลังพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อนำไปสู่การสร้างเรือบรรทุกเครื่องบินพลังงานนิวเคลียร์ลำแรกของประเทศ จากการวิเคราะห์ภาพถ่ายดาวเทียมและเอกสารของรัฐบาลจีนที่มอบให้กับสำนักข่าว AP

ข่าวลือเกี่ยวกับแผนของจีนที่จะสร้างเรือบรรทุกเครื่องบินพลังงานนิวเคลียร์มีมานานแล้ว แต่การวิจัยล่าสุดจากสถาบัน Middlebury Institute of International Studies ในรัฐแคลิฟอร์เนีย เป็นการยืนยันครั้งแรกว่า จีนกำลังพัฒนาระบบขับเคลื่อนพลังงานนิวเคลียร์สำหรับเรือขนาดใหญ่เทียบเท่ากับเรือบรรทุกเครื่องบิน ซึ่งหากสำเร็จจีนจะกลายเป็นอีกชาติบนโลกที่มีเรือบรรทุกเครื่องบินพลังงานนิวเคลียร์ไว้เสริมแสนยานุภาพ เป็นลำแรกของกองทัพเรือจีน

ความสำคัญของการพัฒนาเรือบรรทุกเครื่องบินพลังงานนิวเคลียร์ของจีน กองทัพเรือจีนถือเป็นกองทัพเรือที่มีจำนวนเรือมากที่สุดในโลก และยังคงเดินหน้าพัฒนาทันสมัยอย่างรวดเร็ว การเพิ่มเรือบรรทุกเครื่องบินพลังงานนิวเคลียร์เข้ามาในกองเรือ จะช่วยให้จีนเข้าใกล้เป้าหมายในการมี 'กองทัพน้ำลึก' หรือ blue-water navy ที่สามารถปฏิบัติการได้ทั่วโลก ซึ่งเป็นความท้าทายต่อสหรัฐอเมริกาที่เพิ่มขึ้น

แม้ว่าเรือบรรทุกเครื่องบินพลังงานนิวเคลียร์จะใช้เวลาสร้างนานกว่าเรือบรรทุกเครื่องบินแบบปกติ แต่เมื่อสร้างเสร็จแล้วจะสามารถออกทะเลได้เป็นเวลานานกว่า เนื่องจากไม่จำเป็นต้องเติมเชื้อเพลิงบ่อย และมีพื้นที่สำหรับเชื้อเพลิงและอาวุธของเครื่องบินมากขึ้น ส่งผลให้ขีดความสามารถของเรือเพิ่มขึ้น อีกทั้งยังสามารถผลิตพลังงานได้มากพอสำหรับระบบขั้นสูง

ในปัจจุบัน มีเพียงสหรัฐอเมริกาและฝรั่งเศสเท่านั้นที่มีเรือบรรทุกเครื่องบินพลังงานนิวเคลียร์ โดยสหรัฐฯ มีอยู่ทั้งหมด 11 ลำ ทำให้สามารถมีกองเรือประจำการทั่วโลกได้ตลอดเวลา รวมถึงในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก

กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ มีความกังวลมากขึ้นเรื่อย ๆ เกี่ยวกับการพัฒนาและการขยายกองเรือของจีนอย่างรวดเร็ว รวมถึงการออกแบบและการสร้างเรือบรรทุกเครื่องบินรุ่นใหม่

ปัจจุบัน จีนมีเรือบรรทุกเครื่องบินอยู่ 3 ลำ รวมถึงเรือ Type 003 Fujian ที่เป็นลำแรกซึ่งออกแบบและสร้างขึ้นโดยจีนเอง อีกทั้งจีนยังระบุว่า กำลังดำเนินการสร้างเรือลำที่ 4 แล้ว แต่ยังไม่ได้ประกาศว่าจะใช้พลังงานนิวเคลียร์หรือพลังงานแบบปกติ

การปรับปรุงนี้สอดคล้องกับการเน้นหนักที่เพิ่มขึ้นของจีนต่อภาคส่วนทางทะเลและความต้องการที่เพิ่มขึ้นของกองทัพเรือในการปฏิบัติการระยะไกลจากแผ่นดินใหญ่ ตามรายงานล่าสุดของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ที่เสนอต่อรัฐสภาเกี่ยวกับกองทัพของจีน

“หนาวนี้ ให้ป่อเต็กตึ๊งดูแล..” มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ส่งมอบไออุ่นจากผู้มีจิตศรัทธา จัดงบฯ กว่า 34.6 ล้านบาท กระจ่ายทีมลงพื้นที่แจกจ่ายผ้าห่มพร้อมเครื่องอุปโภคบริโภค บรรเทาทุกข์ผู้ประสบภัยหนาวในถิ่นทุรกันดาร 4 ภาค 43 จังหวัด

ระหว่างเดือน พฤศจิกายน -  ธันวาคม 2567 มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง โดย นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการมูลนิธิฯ พร้อมด้วยคณะกรรมการมูลนิธิฯ ห่วงใยผู้ประสบภัยหนาวในถิ่นทุรกันดาร มอบหมายให้ นางศิริพร กระจ่างหล้า ผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ จัดทีมสังคมสงเคราะห์ 

นำโดย  นายรัชพร ประสงค์ทรัพย์ หัวหน้าแผนกสาธารณภัย และนางสาวเนาวรัตน์ วรรณศิริ หัวหน้าแผนกหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชน ลงพื้นที่แจกจ่ายผ้าห่มพร้อมเครื่องอุปโภคบริโภคแก่ผู้ประสบ “ภัยหนาว” ในถิ่นทุรกันดาร ครอบคลุมพื้นที่ ภาคเหนือ  ภาคอีสาน ภาคกลาง และภาคใต้  รวมการดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบภัยหนาวทั้งสิ้น  4 ภาค  43 จังหวัด 

ผ้าห่มกันหนาวพร้อมเครื่องอุปโภคบริโภครวม 51,500 ชุด รวมมูลค่าทั้งสิ้น 34,637,500 บาท (สามสิบสี่ล้านหกแสนสามหมื่นเจ็ดพันห้าร้อยบาทถ้วน)  โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานรัฐเป็นประธานในพิธี  พร้อมด้วยมูลนิธิฯ / สมาคมจีนประจำจังหวัดต่างๆ เป็นผู้ประสานงานและร่วมในพิธี นอกจากนี้ มูลนิธิฯ ยังได้จัดหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชน นำทีมแพทย์อาสาฯ เจ้าหน้าที่ และอาสาสมัครลงพื้นที่ให้บริการประชาชนในบางพื้นที่ฟรี ประกอบด้วย บริการตรวจรักษาโรคทั่วไป จ่ายยา คัดกรองเบาหวาน ตรวจวัดสายตาพร้อมแจกแว่น บริการตัดผม ฯลฯ  

โดยมูลนิธิฯ ได้เริ่มออกเดินช่วยเหลือผู้ประสบภัยหนาวภาคเหนือ และอีสาน ในระหว่างวันที่ 4 พฤศจิกายน – 20 ธันวาคม พ.ศ. 2567 ติดต่อสอบถาม ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้ที่ เว็บไซต์ www.pohtecktung.org และ เฟซบุ๊ก แฟนเพจ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง www.facebook.com/atpohtecktung

โดยในวันนี้ (วันจันทร์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567) นายรัชพร ประสงค์ทรัพย์ หัวหน้าแผนกสาธารณภัย มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำทีมลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยหนาวในพื้นที่อำเภอสารภี อำเภอหางดง อำเภอดอยหล่อ จังหวัดเชียงใหม่ และอำเภอบ้านธิ และอำเภอเมือง จังหวัดลำพูน มอบผ้าห่มกันหนาว พร้อมเครื่องอุปโภคบริโภค อาทิ ข้าวสาร บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปลากระป๋อง น้ำมันพืช น้ำปลา ฯลฯ บรรจุลงกระเป๋าผ้า รวมจำนวน 1,950 ชุด โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานรัฐเป็นประธานในพิธี  พร้อมด้วยมูลนิธิฯ / สมาคมจีนประจำจังหวัดต่างๆ เป็นผู้ประสานงานและร่วมในพิธี

โครงการสงเคราะห์ผู้ประสบภัยหนาว เป็นโครงการที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งดำเนินการต่อเนื่องมาไม่ต่ำกว่า 60 ปี โดยตลอดระยะเวลากว่า 114 ปี มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ  ศาสนา  เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาการดำเนินงานอีกในหลาย ๆ ทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ดังปณิธาน มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต ต่อไป

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ขอขอบพระคุณผู้มีจิตศรัทธาที่ร่วมบริจาคทรัพย์ เครื่องอุปโภคบริโภค สละแรงกาย แรงใจ สมทบทุน ช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัยต่าง ๆ ขอบุญบารมีหลวงปู่ไต้ฮง (ไต้ฮงกง) ส่งผลให้ท่านและครอบครัว มีความสุขความเจริญตลอดไป

สรรพสามิต ต้อนรับ กมธ.ฯ เห็นพ้องเดินหน้าเพิ่มโอกาส ลดข้อจำกัด สุราพื้นบ้าน-สุราชุมชน ดันสู่ Soft Power ไทย

กรมสรรพาสามิต นำโดย ดร.เผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และผู้บริหาร ให้การต้อนรับคณะกรรมธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... สภาผู้แทนราษฎร นำโดย นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะประธานกรรมาธิการ ซึ่งมีสาระสำคัญเพื่อกำหนดกรอบการออกกฎกระทรวงเกี่ยวกับหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการออกใบอนุญาตผลิตสุรา จะต้องมีการส่งเสริมการประกอบอาชีพของผู้ประกอบการรายย่อย ให้นำสินค้าเกษตรในท้องถิ่นมาแปรรูปเป็นสุราพื้นบ้านที่มีมูลค่าสูงขึ้น สร้างรายได้ให้ชุมชน และสร้างการแข่งขันที่เป็นธรรม

ดร. เผ่าภูมิ เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังและคณะกรรมาธิการฯ เห็นพ้องในการสนับสนุนการลดข้อจำกัดต่างๆ เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการรายย่อยได้นำผลผลิตทางการเกษตรในท้องถิ่น มาแปรรูปผลิตภัณฑ์เป็นสุราพื้นที่บ้าน-สุราชุมชน ซึ่งนอกจากสร้างรายได้ให้แก่ชุมชนและกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวมแล้ว ยังเป็นการพัฒนาสุราชุมชนที่มีเอกลักษณ์ของแต่ละท้องถิ่น ให้เป็น Soft Power ของไทยได้ ที่ผ่านมากรมสรรพสามิตได้พิจารณาหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการผลิตสุราที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ซึ่งได้มีการแก้ไขปลดล็อค เปิดโอกาสให้สุราชุมชนขนาดเล็กที่มีศักยภาพสามารถขยายกำลังการผลิตเป็นขนาดกลางได้ รวมถึงได้มีการยกเลิกเงื่อนไขการกำหนดขนาดกำลังการผลิตขั้นต่ำและยกเลิกการกำหนดทุนจดทะเบียนสำหรับเบียร์ ทำให้มีโรงอุตสาหกรรมสุราพื้นบ้านขนาดกลาง และโรงอุตสาหกรรมเบียร์ ประเภทผลิตเพื่อขาย ณ สถานที่ผลิต (Brewpub) ที่มีมาตรฐานเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง 

ทั้งนี้ กรมสรรพสามิตกำลังจะปรับปรุงเพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการรายย่อยสามารถขอใบอนุญาตผลิตสุราได้สะดวกขึ้นมากขึ้นอีกในระยะเวลาอันใกล้นี้ในอีก 3 ประเด็น โดยยังคงมุ่งเน้นและให้ความสำคัญเกี่ยวกับมาตรการในการควบคุมคุณภาพของสุราเพื่อมิให้มีสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐานออกมาสู่ผู้บริโภค รวมถึงการสร้างสมดุลเพื่อป้องกันผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อสังคม และสิ่งแวดล้อมด้วย

ด้านนายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ กล่าวว่า กรรมาธิการในคณะนี้ประกอบด้วยผู้แทนทั้งจากภาคการเมือง ราชการ นักวิชาการ และผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้อง มาร่วมกันพิจารณากฎหมาย และที่ผ่านมาได้ลงพื้นที่รับฟังความคิดเห็นจากตัวแทนผู้ประกอบการสุราชุมชน ที่จังหวัดชัยภูมิและนครราชสีมา จึงได้รับนำปัญหาต่างๆ ซึ่งเป็นความต้องการของพี่น้องประชาชนที่อยากจะประกอบอาชีพให้ถูกต้อง มาใช้ปรับปรุงกฎหมายให้มีความทันสมัย และเหมาะสมกับบริบทของการส่งเสริมสุราชุมชนในปัจจุบันตามนโยบายของรัฐบาลมากขึ้น โดยการแก้พระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิตครั้งนี้ จะเป็นเหมือนหลักประกันทางโอกาสของกลุ่มเกษตรกรและผู้ประกอบการรายย่อย ว่าจะสามารถเข้าถึงสิทธิในการเป็นผู้ผลิตสุราได้ เพราะสิ่งนี้ไม่ใช่แค่การสร้างอาชีพเท่านั้น แต่จะเป็นการยกระดับการแปรรูปสินค้าเกษตร ให้ครัวเรือนเกษตรกรมีทางเลือกในการสร้างรายได้ที่มากขึ้น และการส่งเสริมวัฒนธรรมสุราชุมชนที่อยู่กับสังคมมายาวนานนี้ จะสร้างเอกลักษณ์ให้แต่ละพื้นที่ ส่งต่อการสร้างเศรษฐกิจในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว และอุตสาหกรรมอาหารต่อไป

‘วันคนโสด 11.11.‘ มหกรรมขายของออนไลน์แดนมังกร สู่แคมเปญใหญ่ที่ขยายไปเกือบทุกประเทศทั่วโลก

เทศกาล 11.11 หรือเทศกาลวันคนโสด วันที่ 11 พฤศจิกายน (11.11) เริ่มต้นขึ้นที่บริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Alibaba ในประเทศจีน โดยบริษัทได้พัฒนาจนกลายมาเป็นวันหยุดช้อปปิ้งระดับโลก ซึ่งเทียบได้กับกิจกรรมอย่าง Black Friday และ Cyber Monday ในสหรัฐอเมริกา เทศกาลนี้เริ่มจากกิจกรรมภายในประเทศและขยายอิทธิพลทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว โดยยอดขายที่เพิ่มขึ้นทุกปี และเทศกาลนี้ยิ่งใหญ่ขนาดไหนเราไปดูกันค่ะ

• ด้านตัวเลขยอดขายที่สูงลิ่ว
ในปี 2023 Alibaba และ JD.com สองยักษ์ใหญ่ด้านอีคอมเมิร์ซของจีนรายงานการเติบโตของยอดขายในวันคนโสด 11.11 แม้ว่าจะไม่มีการเปิดเผยตัวเลขอย่างเป็นทางการก็ตาม เป็นปีที่สองติดต่อกันที่ทั้งสองบริษัทเลือกที่จะไม่เปิดเผยยอดขายในงานนี้ แต่ข้อมูลจาก Syntun ผู้ให้บริการด้านข้อมูลระบุว่า มูลค่าสินค้ารวม (GMV) บนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซหลักๆ ในช่วงวันคนโสด 2023 เพิ่มขึ้น 2.08% เป็นประมาณ 1.14 ล้านล้านหยวน (หรือประมาณ 156.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) 

ส่วนในปี 2022 ยอดขายของ Alibaba เองสามารถทำยอดขายไปได้สูงถึง 84.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งโตมากเมื่อเทียบกับยอดขายของ Prime Day ของ Amazon ที่ทำยอดขายไปได้เพียง 12.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ

• ด้านการมีส่วนร่วมที่เพิ่มขึ้นของแบรนด์ต่างประเทศ

ในปี 2023 Alibaba รายงานว่ามีแบรนด์จากทั่วโลกเข้าร่วมในวัน 11.11 กว่า 290,000 แบรนด์ โดยแบรนด์ระดับนานาชาติใหญ่ๆ อย่าง Apple, Nike และ L’Oreal ได้เสนอส่วนลดพิเศษ โดยแบรนด์จากสหรัฐฯ มีการเข้าร่วมสูงมาก โดยคิดเป็นประมาณ 15% ของยอดขายทั้งหมดในช่วง 11.11 ซึ่งได้รับแรงหนุนจากโครงสร้างพื้นฐานด้านอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนที่ทำให้ผู้บริโภคทั่วโลกสามารถเข้าถึงสินค้าต่างประเทศได้ง่ายขึ้น

• ด้านผลกระทบต่อซัพพลายเชนและโลจิสติกส์

ความต้องการสูงสุดในวัน 11.11 กดดันให้ซัพพลายเชนและระบบโลจิสติกส์ทำงานได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ โดย Cainiao ซึ่งเป็นฝ่ายโลจิสติกส์ของ Alibaba รายงานการจัดการพัสดุจำนวนมากในช่วงสองสัปดาห์หลังจากวัน 11.11 ในปี 2023 และนำเทคโนโลยีอัตโนมัติและ AI มาใช้เพื่อรับมือกับความต้องการสูงสุดนี้

• ด้านพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป

ในปี 2023 ความสนใจของผู้บริโภคเปลี่ยนไปสู่ความยั่งยืนมากขึ้น โดยการสำรวจของ Nielsen พบว่า 43% ของผู้ช้อปปิ้งในช่วงวัน 11.11 เลือกซื้อจากแบรนด์ที่แสดงถึงความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม

• ด้านการเข้าถึงทั่วโลกและการขยายตัว

แม้ 11.11 เริ่มต้นจากประเทศจีนแต่ได้กลายเป็นที่นิยมทั่วเอเชีย ยุโรป และอเมริกาเหนือ โดยเฉพาะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แพลตฟอร์ม Lazada รายงานว่ายอดขายเพิ่มขึ้น 75% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ซึ่งได้รับแรงหนุนจากประชากรที่อายุน้อยและการเติบโตของการช้อปปิ้งผ่านมือถือ

ด้านยุโรปเอง การช้อปปิ้งออนไลน์ในวัน 11.11 เติบโตขึ้น 18% ในปี 2023 เมื่อแพลตฟอร์มอย่าง AliExpress และร้านค้าท้องถิ่นเสนอข้อเสนอที่หลากหลาย ทำให้เป็นวันที่สำคัญในปฏิทินการช้อปปิ้งในช่วงเทศกาลนอกสหรัฐอเมริกาค่ะ

คนจีนแห่ซื้อ ผงาดสินค้าขายดี งานโชว์นานาชาติ CIIE ที่เซี่ยงไฮ้

(11 พ.ย.67) ทุเรียนสดรสชาติหวานละมุนกองพะเนินถูกส่งตรงจากไทยสู่งานมหกรรมสินค้านำเข้านานาชาติจีน (CIIE) ครั้งที่ 7 ในมหานครเซี่ยงไฮ้ทางตะวันออกของจีน โดยกลิ่นและรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ได้ดึงดูดผู้บริโภคและผู้ค้าเข้าเยี่ยมชมบูธผลไม้กันอย่างคึกคัก

ไทยนั้นเป็นประเทศแรกที่ได้รับอนุญาตส่งออกทุเรียนตรงสู่จีนภายใต้ความร่วมมือทางการค้าระหว่างสองประเทศ ทำให้ทุเรียนไทยครองส่วนแบ่งตลาดจีนเป็นอันดับหนึ่ง และปีนี้ 'ราชาแห่งผลไม้' เป็นดาวเด่นของงานมหกรรมฯ อีกครั้งด้วยสารพัดผลิตภัณฑ์ตั้งแต่ทุเรียนสดจนถึงของหวานหลายเมนู

เฝิงจี้เฉิงจากบริษัทค้าขายทุเรียนสดแห่งหนึ่งเผยว่าทุเรียนที่จัดแสดงมาจากฐานการผลิตหลักในไทย เวียดนาม และมาเลเซีย ซึ่งเกือบครึ่งหนึ่งมาจากไทย พร้อมเสริมว่าบริษัทเพิ่มความร่วมมือกับหุ้นส่วนในไทย เพื่อตอบสนองอุปสงค์ของตลาดทุเรียนในจีน ซึ่งเติบโตที่อัตราร้อยละ 20-30 ในปัจจุบัน

ด้านเครือเจริญโภคภัณฑ์ (CP) ร่วมนำเสนอผลิตภัณฑ์ทุเรียนสดหลายสายพันธุ์ภายใต้แบรนด์ซีพี เฟรช ซีเล็คชัน (CPFresh Selection) ทั้งหมอนทอง หนามดำ แมวภูเขา ชะนี ก้านยาว และพวงมณี เพื่อผู้บริโภคชาวจีนได้มีตัวเลือกหลากหลาย ท่ามกลางโอกาสทางธุรกิจที่เพิ่มขึ้นในตลาดจีน

เฉาจงหย่ง ผู้จัดการฝ่ายผลิตภัณฑ์ทุเรียนของบริษัทค้าขายผลไม้แห่งหนึ่ง ซึ่งเข้าร่วมงานมหกรรมฯ ติดต่อกันเป็นปีที่ 7 เผยว่างานนี้ช่วยให้บริษัทได้เจรจาหารือกับบรรดาหุ้นส่วนจากไทยและประเทศอื่น ๆ ส่งผลให้เกิดความร่วมมือตามมาและการพัฒนาบริษัทอย่างต่อเนื่อง

บริษัทของเฉาได้ร่วมมือกับบริษัท ไทย มงกุฎ กรุ๊ป จำกัด ในจังหวัดจันทบุรี ซึ่งเป็นหนึ่งในโรงงานแปรรูปทุเรียนขนาดใหญ่ที่สุด นำสู่การจ้างงานและพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น โดยมีการจ้างงานคนท้องถิ่นมากกว่า 200 คน ส่งออกทุเรียนและผลไม้อื่น ๆ ราว 5,000 ตู้คอนเทนเนอร์ และจ่ายภาษีกว่า 40 ล้านบาท ในปี 2023

อนึ่ง แม้งานมหกรรมสินค้านำเข้านานาชาติจีน ครั้งที่ 7 ระหว่างวันที่ 5-10 พ.ย. ได้ปิดฉากลงแล้ว แต่กลิ่นทุเรียนไทยยังคงหอมฟุ้งดึงดูดใจผู้บริโภค และความร่วมมือทางการค้าระหว่างสองประเทศยังคงเดินหน้าต่อไปอย่างสวยงาม

‘ลิซ่า' ร่วมแสดง 'The White Lotus' ซีซั่น 3 เผยโฉมในซีรีส์ระดับโลกพร้อมสถานที่ถ่ายทำในไทย

(11 พ.ย.67) HBO และ Max เปิดตัวซีซั่นใหม่ของ The White Lotus พร้อมเผยภาพแรกจากสถานที่ถ่ายทำในไทย และภาพแรกของ 'ลิซ่า' ที่ร่วมแสดงในซีรีส์เรื่องนี้ด้วย

ซีรีส์ Anthology ที่โด่งดังที่สุดของ HBO และ Max The White Lotus กลับมาพร้อมกับซีซั่น 3 กับภาพแรกจากสถานที่ใหม่ในประเทศไทย

ในคลิปรวมผลงานของ HBO และ Max ที่โชว์ผลงานดัง ๆ ที่จะฉายในปี 2024 นอกจาก The White Lotus แล้วก็ยังมีทั้ง Peacemaker Season 2 และ Dune: Prophecy และ The Righteous Gemstones ด้วย

The White Lotus คว้ารางวัล Emmy ถึง 15 รางวัล สร้างโดย ไมค์ ไวท์ โดยทุกซีซั่นจะเล่าเรื่องเหตุฆาตกรรมในโรงแรมหรูหราที่เป็นชื่อของซีรีส์ แต่ละปีจะเปลี่ยนสถานที่, เปลี่ยนเหตุการณ์ และตัวละคร แต่จะมีนักแสดง และบางตัวละคร ที่ร่วมแสดงในหลาย ๆ ซีซัน โดย The White Lotus จะเน้นที่ปัญหาครอบครัว, ความขัดแย้งในหมู่เครือญาติ และคดีฆาตกรรม

The White Lotus ปีนี้จะมี วอลตัน กอกกินส์ รับบทนำ รวมด้วย มิเชล มอนาแฮน, แครี่ คูน, เจสัน ไอแซคส์, เลสลี่ บิบบ์, พาร์คเกอร์ โพซีย์, สก็อตต์ กลินน์, แพทริค ชวาร์ซเน็กเกอร์ และอีกมากมาย โดย นาตาชา รอธเวลล์ จะกลับมารับบทเดิมจากซีซั่น 1

นอกจากนักแสดงหลักแล้ว ซีซั่น 3 ของ The White Lotus ยังจะได้เห็นการแสดงของ ลิซ่า จากวง BLACKPINK ซึ่งเป็นการปรากฏตัวในงานแสดงครั้งแรกของเธอในซีรีส์ระดับโลกนี้ด้วย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top