Friday, 27 June 2025
TheStatesTimes

สมุทรปราการ-งานบุญกฐินวัดมหาวงษ์ ร่วม 2 ล้านบาท ครอบครัวรุ่งเสมอ ครอบครัวพาณิชย์พิศาล และพุทธศาสนิกชนร่วมพิธีแห่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่วัดมหาวงษ์ ปากน้ำ ถนนสุขุมวิท ต.ปากน้ำ อ.เมือง สมุทรปราการ ท่านพระปลัดสราวุธ โรจนธมฺโม (พระอาจารย์แดง) เจ้าอาวาสวัดมหาวงษ์ ปากน้ำ สมุทรปราการ พร้อมด้วย พระครูยุทธนา ภททญาโณ (พระอาจารย์ตุ๋ย) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดมหาวงษ์ ร่วมกับ คณะสงฆ์วัดมหาวงษ์ คณะกรรมการ ไวยาวัจกร อุบาสก อุบาสิกา

ประกอบพิธีทอดกฐินสามัคคี ประจำปี 2567 ซึ่งตรงกับวันอาทิตย์ที่ 10 พฤศจิกายน 2567 ขึ้น 7 ค่ำ เดือน 12  โดยมี นาวาเอก อนุศักดิ์ นาคทิม นายกเทศมนตรีตำบลบางเมือง ได้รับเกียรติเชิญร่วมงานทอดกฐินในปีนี้ ซึ่งในปี 2567 นี้ วัดมหาวงษ์โดยทางกำนันตำบลบางเมือง นำโดย นางสาวขวัญเรือน นาคทิม พร้อมด้วย พันโท สมพงษ์ คุณรำพึง และครอบครัวรุ่งเสมอเป็นประธานอุปถัมภ์ 

พร้อมด้วยครอบครัวพาณิชย์พิศาล เศรษฐีผู้ใจบุญ นำโดย นายอัครนันท์ นางธัญยธรณ์ พาณิชย์พิศาล คุณจรูญ กระแชงขาว และครอบครัวคุณแม่เรณู งามสมุทร ผศ.แพทย์หญิงเกศริน นางสาวปิยนุช พาณิชย์พิศาล เป็นประธานร่วมในปีนี้ อีกทั้งในปีนี้ยังได้รับเกียรติจากนายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เดินทางมาเข้าร่วมในพิธีตลอดจนคณะศิษยานุศิษย์ วัดพระธรรมกาย พุทธศาสนิกชนผู้ใจบุญ ชาวอำเภอเมือง และอำเภอใกล้เคียง ร่วมบุญกันอย่างคึกคัก

โดยในช่วงเช้าได้ประกอบพิธีทำขวัญกฐิน จากนั้นร่วมถวายภัตตาหารเพลแด่พระสงฆ์ ก่อนจะแห่องค์กฐินรอบพระอุโบสถและร่วมถวายองค์กฐิน ซึ่งในปีนี้ทางวัดมหาวงษ์ได้ยอดเงินทอดกฐิน ร่วม 2 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม พิธีทอดกฐินในปี 2567 นี้ นับว่ามีพุทธศาสนิกชนผู้ใจบุญเดินทางมาร่วมในพิธีเป็นจำนวนมาก อีกทั้งมีการจัดตั้งโรงทาน จำนวน 70 โรงทาน ให้ผู้ที่เดินทางมาร่วมงานได้รับประทานกัน และในส่วนจำนวนเงินที่ได้จากการทอดกฐินสามัคคีในปีนี้ ทางวัดมหาวงษ์จะนำไปบูรณปฏิสังขรณ์พร้อมทั้งปรับปรุงระบบสาธารณูปโภคให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ ต่อไป

ผู้บัญชาการทหารบก ต้อนรับ นายกสมาคม นายทหารนอกประจำการ และคณะ

พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์​ ผู้บัญชาการทหารบก ให้การต้อนรับพลเอกวินัย ภัททิยกุล นายกสมาคมนายทหารนอกประจำการ และคณะกรรมการฯ ณ ห้องรับรอง กองบัญชาการกองทัพบก 

โดยได้แสดงความยินดี ในโอกาสที่มี พระบรมราชโองการโปรดเกล้า ให้ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก

นอกจากนั้น ยังได้มีการหารือถึงความร่วมมือในการดำเนินการเพื่อประโยชน์ของนายทหารนอกประจำการ โดยสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของสมาคมนายทหารนอกประจำการได้แก่
1.เป็นศูนย์กลางการติดต่อและประสานงาน เผยแพร่ข้อมูลและข่าวสารให้กับสมาชิกและนายทหารนอกประจำการ
2.ส่งเสริมความสามัคคีและผดุงเกียรติยศ และชื่อเสียง ของนายทหารนอกประจำการ
3.เพื่อจัดสวัสดิการ  กิจกรรมนันทนาการ การบริการด้านสุขภาพและพัฒนาคุณภาพชีวิต ให้แก่สมาชิกและครอบครัว
4.เพื่อแสวงหาและรักษาสิทธิประโยชน์ ให้แก่สมาชิกและนายทหารนอกประจำการ
5.เพื่ออนุเคราะห์สมาชิกที่เจ็บป่วยหรือเสียชีวิต
6.สนับสนุนกิจกรรมเพื่อการกุศล หรือเพื่อสาธารณประโยชน์
7.ดำเนินการหรือร่วมมือกับองค์กรอื่น ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อ ประโยชน์ของนายทหารนอกประจำการ

ซักเคอร์เบิร์กรอดคดี!! ฐานทำเยาวชนเสพติดโซเชียลมีเดีย จ่อเอาผิดบริษัท Facebook-Instagram แทน

(11 พ.ย.67) ผู้พิพากษาของรัฐบาลกลางได้ปฏิเสธคำร้องอีกครั้งที่พยายามให้มาร์ก ซักเคอร์เบิร์กต้องรับผิดชอบเป็นรายบุคคลในคดีความกว่า 20 คดี ซึ่งกล่าวหา Meta Platforms Inc. และบริษัทโซเชียลมีเดียอื่น ๆ ว่ามีส่วนในการเสพติดสื่อของเด็กและเยาวชน

ผู้พิพากษาอีวอนน์ กอนซาเลซ โรเจอร์ส แห่งศาลแขวงสหรัฐ ซึ่งดูแลคดีนี้ได้ตัดสินให้ซีอีโอของ Meta อยู่ในข้างเดียว โดยเห็นว่าคำร้องที่แก้ไขยังไม่เพียงพอที่จะดำเนินคดีต่อไป โดยคำตัดสินนี้ยกเลิกการฟ้องร้องซักเคอร์เบิร์กในฐานะจำเลยโดยไม่กระทบต่อข้อกล่าวหาต่อ Meta ในฐานะบริษัท

คดีความที่ยื่นในนามของเยาวชนกล่าวหาว่า พนักงานของ Meta เคยเตือนซักเคอร์เบิร์กหลายครั้งว่า Instagram และ Facebook ไม่ปลอดภัยสำหรับเด็ก แต่เขาเพิกเฉยต่อคำเตือนดังกล่าวและเลือกที่จะไม่เปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะ

การถือให้ซีอีโอของบริษัทขนาดใหญ่รับผิดชอบในทางกฎหมายเป็นการส่วนตัวเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก เนื่องจากกฎหมายขององค์กรมีการคุ้มครองผู้บริหารจากความรับผิดชอบโดยตรง

"แม้ว่าในอนาคตการสืบพยานอาจเผยให้เห็นการมีส่วนร่วมและการสั่งการของซักเคอร์เบิร์กในเรื่องการปิดบังข้อมูลที่เป็นการหลอกลวงของ Meta แต่ข้อกล่าวหาที่มีอยู่ในขณะนี้ยังไม่เพียงพอต่อมาตรฐานการรับผิดชอบของเจ้าหน้าที่บริษัท" โรเจอร์สกล่าวในคำสั่งของเธอ

คดีที่ระบุชื่อซักเคอร์เบิร์กเป็นเพียงส่วนน้อยในคดีฟ้องร้องกว่า 1,000 คดีในศาลรัฐบาลกลางและศาลรัฐแคลิฟอร์เนีย โดยครอบครัวและเขตการศึกษาได้ยื่นฟ้อง Meta และบริษัทอื่นๆ เช่น Google ของ Alphabet, TikTok ของ ByteDance และ Snap เจ้าของแพลตฟอร์ม Snapchat โดยโรเจอร์สและผู้พิพากษาแห่งรัฐลอสแอนเจลิสได้อนุญาตให้บางข้อกล่าวหาดำเนินการได้ ขณะที่ปฏิเสธบางข้อกล่าวหาไป

‘วิรไท’ ย้ำ อย่าให้การเมืองครอบงำแบงก์ชาติ หวั่นส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพเศรษฐกิจไทย

'ดร.วิรไท' อดีตผู้ว่าการ ธปท. เตือนอย่าให้การเมืองแทรกแซง ครอบงำแบงก์ชาติ หวั่นเป็นอันตรายต่อเศรษฐกิจไทย ทำลายความน่าเชื่อถือธนาคารกลาง และทำลายหน่วยงานหลักทางเศรษฐกิจของประเทศให้อ่อนแอ ชี้ไม่ใช่แค่แบงก์ชาติ แต่เป็นเรื่องอนาคตของชาติ

(11 พ.ย.67) จะมีการประชุมคัดเลือกประธานกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คนใหม่ หลังจากที่เลื่อนมาจากเมื่อวันที่ 4 พ.ย. โดยมีนายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ อดีตปลัดกระทรวงการคลัง เป็นประธานคณะกรรมการสรรหาฯ เพื่อคัดเลือก 1 ใน 3 รายที่เป็นแคนดิเดต

สำหรับรายชื่อแคนดิเดตประธานกรรมการแบงก์ชาติมี 3 ราย ประกอบด้วย ‘นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง’ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เสนอโดยกระทรวงการคลัง ‘นายกุลิศ สมบัติศิริ’ อดีตปลัดกระทรวงพลังงาน เสนอโดยแบงก์ชาติ และ ‘นายสุรพล นิติไกรพจน์’ ศาสตราจารย์ประจำสาขากฎหมายมหาชน คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เสนอโดยแบงก์ชาติ

ด้านดร.วิรไท สันติประภพ อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ได้โพสต์เฟซบุ๊ก Veerathai Santiprabhob ระบุว่า ขอย้ำอีกครั้งนะครับ ว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของแบงก์ชาติ แต่เป็นเรื่องอนาคตของชาติ

candidate ชื่ออะไรไม่สำคัญ แต่ถ้ามีประวัติเป็นคนการเมืองแบบแนบแน่น มีทัศนคติและวิธีคิดที่อยากแทรกแซงการทำงานของธนาคารกลางเพื่อตอบโจทย์การเมือง ก็ไม่สมควรครับ

ถ้าเรายอมให้ฝ่ายการเมืองส่งคนการเมืองเข้ามาครอบงำแบงก์ชาติได้โดยง่าย จะเป็นอันตรายยิ่งต่อการรักษาเสถียรภาพของระบบเศรษฐกิจไทย ทำลายความน่าเชื่อถือของธนาคารกลาง และทำลายหน่วยงานหลักทางเศรษฐกิจของประเทศให้อ่อนแอจนไม่เหลือสักหน่วยงานเดียวที่จะทัดทานนโยบายเศรษฐกิจที่ไม่ถูกไม่ควรได้

ต่อไปเราคงเห็นนโยบายประชานิยมแบบปลายเปิดเต็มไปหมด ไม่มีใครสนใจวินัยการเงินการคลัง มีแต่นโยบายที่หวังผลประโยชน์ระยะสั้นเพื่อตอบโจทย์การเมืองเป็นหลัก ในอนาคตนโยบายการเงิน และนโยบายสถาบันการเงินก็อาจจะถูกทำให้กลายพันธุ์เป็นนโยบายประชานิยมไปด้วยก็ได้ครับ

“11.11 ร่วมด้วยช่วยกันป้องกันอย่าให้การเมืองเข้ามาครอบงำแบงก์ชาติได้โดยง่ายครับ”

‘ภาวะเศรษฐกิจไทย’ เร่งไม่ขึ้น รอลุ้นโค้งสุดท้ายปลายปี หลังพายุหมุนทางเศรษฐกิจยังไม่ก่อตัว แม้อัดฉีดแล้ว 1.4 แสนล้าน

ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการค้าปลีก (RSI) เดือนตุลาคม ปรับดีขึ้นจากเดือนก่อน และอยู่สูงกว่าระดับ 50 ทั้งความเชื่อมั่นต่อยอดขายสาขาเดิม (SSSG) การใช้จ่ายต่อใบเสร็จ (Spending per bill) และความถี่ของผู้ใช้บริการ (Frequency) รวมทั้งความเชื่อมั่นฯ ปรับดีขึ้นในทุกประเภทร้านค้าและทุกภูมิภาค โดยส่วนหนึ่งจากผลงานของโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ (ปี 2567) 10,000 บาท สำหรับความเชื่อมั่นฯ ในอีก 3 เดือนข้างหน้า มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จากการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเป็นสำคัญ 

ธนาคารแห่งประเทศไทย ได้สำรวจ โดยมีผู้ตอบแบบสำรวจผลของโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ (ปี 2567) 10,000 บาท ราว 60% ของธุรกิจค้าปลีก ประเมินว่า โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ นี้ ส่งผลให้ยอดขายปรับเพิ่มขึ้น โดยส่วนใหญ่เพิ่มขึ้นไม่เกิน 5% เมื่อเทียบกับช่วงปกติที่ไม่มีมาตรการ และมีถึง 41% ที่ตอบแบบสำรวจว่า ยอดขายใกล้เคียงเดิม

ยอดสะสมของการโอนเงินให้แก่กลุ่มเป้าหมาย ตั้งแต่วันที่ 25-30 กันยายน 2567 สั่งจ่ายเงิน 14.44 ล้านคน โอนสำเร็จแล้วรวมทั้งสิ้น 14.05 ล้านคน และการโอนเงินไม่สำเร็จจำนวน 381,287 คน โดยจะมีรอบการโอนเงินซ้ำให้กลุ่มที่โอนไม่สำเร็จ 22 ตุลาคม , 22 พฤศจิกายน และ 22 ธันวาคม 2567

หากเทียบเม็ดเงินที่ใช้กระตุ้นเศรษฐกิจตามโครงการนี้ เบิกจ่ายไปแล้วไม่ต่ำกว่า 140,500 ล้านบาท แต่ผลสำรวจร้านค้าปลีก ยอดขายปรับเพิ่มขึ้นไม่เกิน 5% !!!!

พายุหมุนทางเศรษฐกิจ จะเริ่มเมื่อไหร่? คงรอกิจกรรมส่งเสริมการขายช่วงท้ายปี จากผู้ค้าปลีก เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ

ยอดขายอสังหาริมทรัพย์ก็ยังคงหดตัวลงอย่างต่อเนื่อง การจำหน่ายวัสดุก่อสร้างก็ลดลงเป็นเงาตามตัว ซึ่งส่วนสำคัญคือ สินเชื่อบ้านในทุกระดับราคา ยังคงถูกสถาบันการเงินปฏิเสธการให้สินเชื่อ 

ภาวะเศรษฐกิจไทย คงยังเร่งไม่ขึ้น ได้กระแสข่าวทางหน้าสื่อส่วนใหญ่ ไปกับข่าวทนายตั้ม กลบประเด็นทางเศรษฐกิจไปหมด ทั้งข่าวโรงงานผลิตรถยนต์ทยอยลดเวลางาน เพื่อลดต้นทุนค่าจ้าง ลามไปถึงโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ที่กำลังเป็นกระแส ผู้คนสนใจรถประหยัดพลังงาน ยังเร่งยอดขายไม่ขึ้น เลิกจ้างพนักงานไปอีก 600 คน ที่ จังหวัดฉะเชิงเทรา 

มารอดูกันว่า ปลายปีนี้ รัฐบาลจะงัดใช้มาตรการอะไร มาส่งท้ายในการใช้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ แต่คงไม่กระเตื้องมากขึ้นนัก กับเวลาที่เหลือไม่ถึง 2 เดือน ลุ้นกันดีกว่า ว่า ภาคเอกชน จะมีโปรโมชั่นอะไรมาจูงใจให้ประชาชนจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น ส่งท้าย...ปี มังกรทอง

Reference : ธนาคารแห่งประเทศไทย :
https://www.facebook.com/share/p/1DGYmhUHxK/

KTC จัดโปรใหญ่ส่งท้ายปี 2024 จับมือพาร์ทเนอร์ 40 ราย เอาใจสายเที่ยวไทย-เที่ยวนอก

(11 พ.ย.67) เคทีซี หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ร่วมมือกับพันธมิตรท่องเที่ยวชั้นนำกว่า 40 ราย เปิดตัวแคมเปญ 'KTC Super Travel Deal ส่งท้ายปี 2024' พร้อมสิทธิพิเศษที่คุ้มค่า 3 ต่อ ตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม 2567 - 31 ธันวาคม 2567 ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่ชื่นชอบการวางแผนการเดินทางด้วยตนเองและมองหาสิทธิพิเศษผ่านช่องทางออนไลน์

นางสาววริษฐา พัฒนรัชต์ ผู้บริหารสูงสุดฝ่ายการตลาดบัตรเครดิต 'เคทีซี' หรือ บริษัท บัตร กรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตในหมวดท่องเที่ยวเติบโตอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันคาดการณ์ว่าช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีที่ถือเป็นช่วงไฮซีซั่น สมาชิกจะเริ่มมองหาจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศเพื่อพักผ่อนเคทีซีจึงได้ออกแคมเปญ 'KTC Travel Super Deal ส่งท้ายปี 2024 รับคุ้ม 3 ต่อ เอาใจนักเดินทาง'

คุ้มที่ 1: รับส่วนลดสูงสุด 50 % และโปรโมชั่นสุดพิเศษ (Exclusive promotion) จากพันธมิตรที่ร่วมรายการกว่า 40 ราย สมาชิกบัตรเครดิตเคทีซีจองผลิตภัณฑ์ท่องเที่ยวกับพันธมิตรที่ร่วมรายการ เช่น เว็บไซต์จองท่องเที่ยวออนไลน์ยอดนิยม เช่น อโกด้า (Agoda) / ทริปดอทคอม (Trip.com) / ทราเวลโลก้า(Traveloka) / แอร์เอเชีย มูฟ (AirAsia Move) / สกายฟัน ทราเวล (Skyfun Travel)

จองโดยตรงกับโรงแรม เช่น วาลา หัวหิน - นู แชปเตอร์ โฮเทลส์  (VALA Hua Hin - Nu Chapter Hotels) / อนันตรา หัวหิน รีสอร์ท (Anantara Hua Hin Resort) / อินเตอร์คอนติเนนตัล พัทยา รีสอร์ท (InterContinental Pattaya Resort) จองตั๋วโดยสารสายการบิน เช่น ไทยเวียตเจ็ท แอร์ (Thai Vietjet Air) / อีวีเอ แอร์ (EVA Air) / กาตาร์ แอร์เวย์ส (Qatar Airways)

ผู้ให้บริการด้านการท่องเที่ยว เช่น เคทีซี เวิลด์ ทราเวล เซอร์วิส (KTC World Travel Service) / มัลดีฟส์ เอ็กซ์เพิร์ทส (Maldives Experts) รถเช่า บัดเจ็ท คาร์ เรนทัล (Budget Car Rental) / ชิค คาร์ เรนทัล (Chic Car Rental) สถานที่เที่ยว สยามอะเมซิ่งพาร์ค (Siam Amazing Park) จองสถานที่เที่ยวอื่น เคเคเดย์ (KKday)  

คุ้มที่ 2: แลกคะแนนสะสมรับเครดิตเงินคืนสูงสุด 15% เมื่อใช้คะแนนสะสมตามกำหนด จำกัดการแลกคะแนนไม่เกินยอดชำระเงินต่อเซลส์สลิป และลงทะเบียนทุกครั้งภายในวันที่ทำรายการใช้จ่าย ผ่านบัตรฯ เมื่อต้องการใช้คะแนนแลกรับเครดิตเงินคืน

คุ้มที่ 3: ฟรี บัตรกำนัลห้องพักจากโรงแรมชั้นนำ เช่น แพ็กเกจรีสอร์ท Hurawalhi Maldives จาก มัลดีฟส์ เอ็กซ์เพิร์ทส / แพ็กเกจท่องเที่ยวดานัง เวียดนาม จาก สกายฟัน ทราเวล / โรงแรมวาลา หัวหิน / โรงแรมเดอะสแตนดาร์ด /บัตรกำนัลล่องเรือยอร์ช ที่ Oce Yachting / บัตรกำนัลรับประทานอาหารแหลมเจริญซีฟู้ด / บัตรชมภาพยนตร์เฟิร์สคลาส ที่ เอส เอฟ ซีเนม่า รวมมูลค่ากว่า 350,000 บาท สำหรับสมาชิกที่มียอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตสูงสุด 50 ราย ณ พันธมิตรที่ร่วมรายการ และลงทะเบียนเข้าร่วมแคมเปญ ตามรอบระยะเวลาที่กำหนด

เวียดนามขู่บล็อก Temu-Shein ไม่จดทะเบียนบริษัทสิ้นเดือนนี้สวนทางไทยถก Temu เดินหน้าตั้งบริษัท

(11 พ.ย.67) เวียดนามประกาศเตรียมบล็อกโดเมนอินเทอร์เน็ตและแอปพลิเคชันของ Shein และ Temu ซึ่งเป็นอีคอมเมิร์ซจากจีน หากทั้งสองแพลตฟอร์มเข้ามาดำเนินธุรกิจในประเทศโดยยังไม่ได้จดทะเบียนการดำเนินงานกับกระทรวงพาณิชย์ภายในสิ้นเดือนพฤศจิกายนนี้

รอยเตอร์รายงานว่าการเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของแพลตฟอร์มออนไลน์จากจีนต่อเศรษฐกิจท้องถิ่น เนื่องจากการตลาดของ Temu และ Shein ค่อนข้างเข้มข้น โดยมีการเสนอส่วนลดจำนวนมากให้กับผู้บริโภค รวมถึงปัญหาคุณภาพสินค้าที่มักเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์

ทั้งนี้ รัฐบาลเวียดนามนำโดยทีมของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้แถลงในการประชุมว่ากระทรวงได้ทำงานร่วมกับแพลตฟอร์มจีนทั้ง Shein และ Temu ในเรื่องการขอใบอนุญาตแล้ว

สรุปได้ว่า หลังจากที่กระทรวงได้แจ้งเตือนแล้ว หากแพลตฟอร์มเหล่านี้ไม่ปฏิบัติตาม กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าจะดำเนินการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อใช้มาตรการทางเทคนิค เช่น การบล็อกแอปพลิเคชันและโดเมน ดังนั้นทางเลือกเดียวที่ Temu และ Shein มีในเวียดนามตอนนี้คือการจดทะเบียนการดำเนินงานกับกระทรวงพาณิชย์ภายในสิ้นเดือนพฤศจิกายนนี้

บิ๊กอุ้ย ติวเข้มมัคคุเทศก์จิตอาสา พร้อมเปิดพระราชวังเดิมรับ ปชช. ธันวาคม นี้

พลเรือเอกชาติชาย ศรีวรขาน อดีตผู้บัญชาการทหารเรือ ประธานมูลนิธิ อนุรักษ์โบราณสถาน ในพระราชวังเดิม ร่วมกับกลุ่มพลังดี โดย คุณขจรศักดิ์ เชาวเจริญรัตน์ จัดอบรมมัคคุเทศก์ จิตอาสา จำนวน 43 คน เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม และ 9 พฤศจิกายน 2567

โดยมีคุณศุภวรรณ ชวรัตนวงศ์ หัวหน้าสำนักงานและนักวิชาการมูลนิธิอนุรักษ์โบราณสถานในพระราชวังเดิม เป็นวิทยากร

ทั้งนี้ ได้บรรยายความเป็นมาของพระราชวังเดิม  ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ท้องพระโรง พระตำหนักเก๋งคู่หลังใหญ่ ศาลศีรษะปลาวาฬ และป้อมวิไชยประสิทธิ์

สำหรับการอบรมในครั้งที่สอง เมื่อ 9 พฤศจิกายน 2567 นั้น ช่วงเช้า มัคคุเทศก์จิตอาสาได้รับข้อมูลจากวิทยากรเพิ่มและลึกขึ้น มีการทบทวนซ้ำข้อมูล รวมถึงจุดที่ควรเน้นย้ำกับนักท่องเที่ยว และได้เข้าศึกษาพระตำหนักเก๋งคู่ (หลังใหญ่) ภายในอุดมด้วย รูปวาดอธิบายการค้าขาย เส้นทางการรบ และการทำนุบำรุงบ้านเมือง แผนที่กรุงธนบุรี  สินค้าที่ค้าขายในสมัยสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี

ช่วงบ่าย เป็นการฝึกมัคคุเทศก์ภาคปฏิบัติ ได้เห็นพัฒนาการของผู้เข้าอบรมชัดเจน สามารถพูดได้ยาวและเรียงลำดับได้ดี มีการบันทึกคลิปช่วงฝึกฝน ทุกคนได้เห็นผลงานคลิปนำชมพระราชวังกรุงธนบุรี ของตัวเอง ก็เกิดรอยยิ้มแห่งความมั่นใจในความพร้อมที่จะร่วมเป็นมัคคุเทศก์จิตอาสา นำชมพระราชวังแห่งนี้  

พระราชวัง กรุงธนบุรี กำหนดเปิดให้เข้าชม ระหว่างวันที่ 14 - 28 ธันวาคมนี้ มัคคุเทศก์พลังดีจิตอาสาทั้ง 2 วัย (ผู้สูงวัยและเยาวชน) พร้อมแล้วที่จะต้อนรับทุกท่าน

รอง นรม. / รมว.กห. ลงพื้นที่ฐานปฏิบัติการเกาะกูด ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจกำลังพล พร้อมสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ และดูแลความเป็นอยู่ ยืนยันพื้นที่เกาะกูดเป็นของไทย 100% 

พลตรีธนาธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม (รอง นรม. / รมว.กห.)  พร้อมด้วย พลเอกสนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม และพลเอกไตรศักดิ์ อินทรรัสมี เลขานุการ รมว.กห. ลงพื้นที่ชายแดนไทย - กัมพูชา บริเวณเกาะกูด อ.เกาะกูด จ.ตราด โดยมี พลเรือเอกไพโรจน์ เฟื่องจันทร์  เสนาธิการทหารเรือ เป็นผู้แทนผู้บัญชาการทหารเรือให้การต้อนรับ

โดยได้เรียนเชิญ รอง นรม./รมว.กห. ขึ้นแท่นรับความเคารพ และเข้ารับฟังการบรรยายสรุป ตรวจพื้นที่และการปฏิบัติงานของหน่วยปฏิบัติการเกาะกูด พร้อมพบปะกำลังพล มอบเครื่องอุปโภคบริโภค สิ่งของเครื่องใช้ เพื่อเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ โอกาสนี้ได้ร่วมหารือพูดคุยกับหัวหน้าส่วนราชการ และประชาชนในพื้นที่ที่มาให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น

ในโอกาสนี้ รอง นรม./รมว.กห. ได้กล่าวให้โอวาทกับกำลังพลหน่วยปฏิบัติการเกาะกูด ตอนหนึ่งว่า ขอให้กำลังพลทุกนายปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเข้มแข็ง และยืนยันพร้อมสนับสนุนในส่วนที่มีความขาดแคลน เพื่อให้กำลังพลปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างเต็มขีดความสามารถ ซึ่งหน่วยมีความพร้อมในการปฎิบัติหน้าที่ทั้งการบรรเทาสาธารณภัยและงานพัฒนาต่างๆ ที่ทำร่วมกับประชาชนมาอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับยืนยันว่าเกาะกูดเป็นของไทย แต่ขณะนี้เนื่องจากมีการเตรียมที่จะเจรจาตามกรอบของเอ็มโอยู 44 จึงอาจทำให้เกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนขึ้นในสังคม แต่ขอย้ำให้กำลังพลปฏิบัติหน้าที่ของตนเองต่อไป

รอง นรม./รมว.กห. ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า กองทัพเรือ ได้จัดกำลังดูแลอธิปไตยของชาติทางทะเลด้านตะวันออก โดยเฉพาะพื้นที่เกาะกูด มาตั้งแต่อดีต และเมื่อไทยประกาศไหล่ทวีป เมื่อปี พ.ศ.2516 กองทัพเรือ ได้ดูแลมาอย่างต่อเนื่อง ยังไม่ปรากฏปัญหาในพื้นที่ที่ส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตและการประกอบอาชีพของประชาชน สำหรับปัญหาในเรื่องระบบสาธารณูปโภคจะร่วมกันพัฒนาและปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพที่ดีขึ้น เพื่อ พัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชน

สำหรับ การอ้างสิทธิ์ในพื้นที่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นสากล จะต้องใช้ MOU 44 มาเจรจากันในเรื่องที่ยังไม่มีข้อตกลงที่ชัดเจน สิ่งสำคัญที่สุดคือ การจัดสรรผลประโยชน์ทางทะเล ซึ่งข้อตกลงที่เป็นประโยชน์ที่สุดคืออยู่บนความพึงพอใจของสองประเทศ และประชาชนต้องได้รับประโยชน์สูงสุด 

โดยได้กล่าวทิ้งท้ายว่า การเดินทางมาครั้งนี้ เพื่อยืนยันว่าที่แห่งนี้เป็นของไทย และมีกำลังพลของกองทัพเรือและหน่วยงานราชการในการพิทักษ์รักษาอธิปไตย ใครจะรุกล้ำไม่ได้ และขอให้ประชาชนมีความสบายใจและมั่นใจขึ้นว่า รัฐบาลจะรักษาพื้นที่ไว้ไม่ให้เสียพื้นที่แม้แต่ตารางนิ้วเดียว  

ทรัมป์หารือผู้นำรัสเซีย ให้คำมั่นสงครามยูเครนต้องจบ

(11 พ.ย.67) สำนักข่าวรอยเตอร์อ้างแหล่งข่าวเมื่อวันอาทิตย์ที่ 10 พฤศจิกายนว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้พูดคุยกับวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย และแนะนำไม่ให้เพิ่มความรุนแรงของสงครามในยูเครน ขณะเดียวกันมีรายงานว่าประธานาธิบดีโจ ไบเดนจะขอให้ทรัมป์ไม่หยุดสนับสนุนยูเครน

แหล่งข่าวระบุว่า ปูตินและทรัมป์ได้สนทนากันเมื่อไม่นานมานี้ และทรัมป์ยังได้พูดคุยกับโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน เมื่อวันพุธที่ 6 พฤศจิกายน โดยทรัมป์เคยวิพากษ์วิจารณ์ความช่วยเหลือทางทหารและการเงินจำนวนมากของสหรัฐฯ แก่ยูเครน และให้คำมั่นว่าจะยุติสงครามโดยเร็ว แต่ไม่ได้ระบุวิธีการอย่างชัดเจน

ด้านกระทรวงการต่างประเทศยูเครนระบุว่าไม่ได้รับแจ้งล่วงหน้าเกี่ยวกับการสนทนาระหว่างปูตินกับทรัมป์ จึงไม่สามารถแสดงความเห็นเกี่ยวกับการพูดคุยดังกล่าวได้

ขณะเดียวกัน สตีเวน เฉิง ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารของทรัมป์ กล่าวเมื่อถูกถามถึงเรื่องนี้ว่า “เราไม่แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการสนทนาส่วนตัวระหว่างประธานาธิบดีทรัมป์กับผู้นำประเทศอื่น ๆ” รายงานดังกล่าวมีการเปิดเผยครั้งแรกโดยสื่อวอชิงตันโพสต์

ทรัมป์มีกำหนดเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการในวันที่ 20 มกราคมปีหน้า และปธน.ไบเดนได้เชิญทรัมป์ไปที่ทำเนียบขาวในวันพุธที่ 13 พฤศจิกายนนี้

เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ กล่าวเมื่อวานนี้ว่า ไบเดนจะยืนยันถึงการถ่ายโอนอำนาจที่ราบรื่น พร้อมทั้งหารือกับทรัมป์ในประเด็นต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับยุโรป เอเชีย และตะวันออกกลาง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top