Friday, 27 June 2025
TheStatesTimes

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมอบรางวัลนิสิตนักศึกษา ในการประกวดออกแบบ 'สถานีตำรวจเพื่อประชาชน'

วันนี้ (11 พ.ย.67) เวลา 14.00 น. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เป็นประธานพิธีมอบรางวัลการประกวดออกแบบ 'สถานีตำรวจเพื่อประชาชน' โดยมี พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผู้ช่วย ผบ.ตร. , พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. , พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. , พล.ต.ท.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. , พล.ต.ท.นพวัฒน์ อารยางกูร รองจเรตำรวจแห่งชาติ , พล.ต.ท.กฤษฎา สุรเชษฐพงษ์ ผู้บัญชาการสำนักงานส่งกำลังบำรุง และผู้เกี่ยวข้อง ร่วมพิธี ณ ห้องศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ 

สำนักงานส่งกำลังบำรุง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จัดโครงการประกวดออกแบบ 'สถานีตำรวจเพื่อประชาชน' เพื่อคัดเลือกแนวความคิดในการออกแบบด้านสถาปัตยกรรมที่เหมาะสมในการให้บริการประชาชน และสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยเปิดโอกาสให้นิสิตนักศึกษาที่มีความสามารถด้านสถาปัตยกรรม เข้าร่วมประกวดเสนอแนวความคิดในการออกแบบ โดยมีเอกลักษณ์และความยั่งยืน ในระหว่างวันที่ 26 กรกฎาคม ถึง 20 กันยายน 2567 และได้ประสานความร่วมมือกับสมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์ ในการคัดเลือกผลงานที่ได้รับรางวัล โดยมีผู้ที่ได้รับรางวัล ดังนี้

- รางวัลที่ 1 เงินรางวัล 100,000 บาท ได้แก่ นายสิวรัฐ ขวัญจันทร์ จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
- รางวัลที่ 2 เงินรางวัล 50,000 บาท ได้แก่ นายวัฒนา พรมเสน , นายณัฐปคัลป์ ศรีทรัพย์ , นายคมสัน กลั่นเกษร ,นายชลัมพล ทองแย้ม และนางสาวปวริศา พรมใต้ร์ จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก เขตพื้นที่อุเทนถวาย
- รางวัลที่ 3 เงินรางวัล 30,000 บาท ได้แก่ นางสาวพฤกษฌา ทองอ่วมใหญ่ , นางสาวบัณฑิตา ศิรินิคม , นายอนันดา วัฒนา , นางสาวทิพจุฑา ทวิชศรี และ นายทวีศักดิ์ดา หงอเทียด จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ
- รางวัล POPULAR VOTE เงินรางวัล 10,000 บาท ได้แก่ นายวัชรศักดิ์ แรมประชา , นายวรภพ ผิวนวล , นายยุทธพิชัย อ่องลออ และ นายสุรพงษ์ บัวประดิษฐ์ จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก เขตพื้นที่อุเทนถวาย

ทั้งนี้ การประกวดออกแบบ 'สถานีตำรวจเพื่อประชาชน' นั้น นับเป็นก้าวแรกในการมีส่วนร่วมของประชาชน ในการออกแบบสถานีตำรวจเพื่อให้บริการแก่ประชาชนอย่างแท้จริง ซึ่งผลงานดังกล่าวจะนำไปใช้เป็นต้นแบบในการก่อสร้างสถานีตำรวจทั่วประเทศต่อไป

จีนเกินดุลการค้า 170 ประเทศ!! มูลค่าพุ่ง 7.85 แสนล้านดอลล์ จ่อแตะ 1 ล้านล้านสิ้นปีนี้ จับตาทรัมป์ตอบโต้แน่

(11 พ.ย.67) บลูมเบิร์กรายงานว่าดุลการค้าของจีนกำลังจะทำลายสถิติใหม่ ซึ่งอาจก่อให้เกิดความขัดแย้งกับกลุ่มประเทศเศรษฐกิจหลักมากขึ้น โดยความไม่สมดุลทางการค้านี้อาจสร้างแรงกดดันให้กับโดนัลด์ ทรัมป์  

รายงานระบุว่าในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2024 จีนมียอดเกินดุลการค้ากว่า 785,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 26.9 ล้านล้านบาท) เพิ่มขึ้น 23% เมื่อเทียบกับปี 2023 ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดในช่วงเวลาเดียวกัน ทั้งนี้บลูมเบิร์กคาดการณ์ว่าจีนอาจเกินดุลแตะ 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 34.32 ล้านล้านบาท) หากแนวโน้มยังคงเติบโตไปจนถึงสิ้นปีนี้

แบรด เซ็ตเซอร์ นักวิชาการอาวุโสจากสภาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ให้ความเห็นว่า แม้ว่าราคาสินค้าส่งออกของจีนจะลดลง แต่ปริมาณการส่งออกกลับเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จีนจึงสามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยการส่งออกอย่างแข็งแกร่ง

ภาวะเกินดุลการค้าของจีนที่เพิ่มขึ้นนี้ก่อให้เกิดแรงกดดันจากนานาประเทศ เช่น สหรัฐภายใต้รัฐบาลทรัมป์ที่อาจขึ้นกำแพงภาษีเพื่อลดการนำเข้าสินค้าจากจีน นอกจากนี้ หลายประเทศทั้งในอเมริกาใต้และยุโรปยังเริ่มกำหนดภาษีสินค้าจีน เช่น เหล็กและรถยนต์ไฟฟ้า (EVs) แล้วเช่นกัน

นอกจากนี้ บริษัทต่างชาติต่างถอนการลงทุนจากจีนตามข้อมูลที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายนที่ผ่านมา การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ในจีนลดลงต่อเนื่องในช่วง 9 เดือนแรกของปี และหากยังคงลดลงเรื่อย ๆ ก็จะนับเป็นปีแรกที่เงินทุนไหลออกมากกว่าทุกปีนับตั้งแต่มีการบันทึกในปี 1990

รัฐบาลจีนให้คำมั่นว่าจะให้การสนับสนุนเพิ่มเติมแก่บริษัทต่าง ๆ โดยเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน คณะมนตรีรัฐกิจของสาธารณรัฐประชาชนจีนได้ประกาศแผนสนับสนุนทางการเงินแก่ภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ เพื่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและการจ้างงาน รวมถึงการส่งเสริมการค้า

ในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา บริษัทจีนได้เพิ่มศักยภาพในการส่งออก แม้ภายในประเทศเศรษฐกิจจะชะลอตัว และมีการใช้สินค้าภายในประเทศทดแทนการนำเข้ามากขึ้นอีกด้วย ส่งผลให้อุปสงค์ต่อการนำเข้าลดลง

ดุลการค้าในเดือนตุลาคมที่ผ่านมาถือเป็นการเกินดุลมากเป็นอันดับสาม โดยดุลการค้าสูงสุดเคยเกิดขึ้นในปี 2015 และเมื่อคำนวณในสกุลเงินหยวน จีนมีดุลการค้าเกินดุลที่ 5.2% ของ GDP ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้

ตั้งแต่ต้นปี 2024 จีนมียอดเกินดุลการค้ากับสหรัฐเพิ่มขึ้น 4.4% จากปีก่อนหน้า เกินดุลกับสหภาพยุโรป (EU) เพิ่มขึ้น 9.6% และเกินดุลกับชาติอาเซียนเพิ่มขึ้นเกือบ 36% 

ปัจจุบัน จีนเกินดุลการค้ากับประเทศเกือบ 170 ประเทศ ซึ่งสูงสุดตั้งแต่ปี 2021 และแนวโน้มยังคงเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ สงครามสกุลเงินอาจปะทุขึ้นได้ ธนาคารกลางอินเดียเผยว่าจะพร้อมอ่อนค่าเงินรูปีหากจีนเลือกตอบโต้สหรัฐด้วยการปล่อยให้เงินหยวนอ่อนค่าลง

หากเงินหยวนอ่อนลงต่อไปจะทำให้สินค้าส่งออกของจีนมีราคาถูกลง ส่งผลให้ดุลการค้าระหว่างจีนกับอินเดียอาจเกินดุลเพิ่มขึ้นกว่าเดิม โดยปีนี้จีนเกินดุลการค้ากับอินเดียกว่า 85,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 2.92 ล้านล้านบาท) เพิ่มขึ้น 3% จากปีก่อนหน้า และมากกว่าสองเท่าเมื่อเทียบกับ 5 ปีที่แล้ว

ณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ โพสต์เฟซบุ๊ก 10 พ.ย. 67 ถึงเหตุการณ์เมื่อ 16 ปีก่อน

เมื่อวันที่ (10 พ.ย.67) นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า นายกฯแพทองธารกำลังจะออกเดินทางไปประชุมเอเปกที่เปรูคืนนี้ ทำให้ผมนึกย้อนหลังเหตุการณ์ไป 16 ปี

20 พ.ย. 2551 นายกฯสมชาย วงสวัสดิ์ มีกำหนดออกเดินทางไปประชุมเอเปกที่เปรู ผมเป็นโฆษกรัฐบาลต้องร่วมคณะไปด้วย เตรียมตัวพร้อม จัดกระเป๋าใบใหญ่สำหรับ 7 วัน ออกจากบ้านมุ่งหน้าสนามบินสุวรรณภูมิ

รถจอดหน้าอาคารรับรอง มีตำรวจยืนอยู่ เห็นผมก็รีบพาไปข้างใน ขอเอากระเป๋าลงก่อนก็ไม่ได้ บอกว่าท่านนายกฯรอ

ห้องรับรองมีนายกฯสมชาย อ.ชูศักดิ์ เลขาธิการนายกฯ และอีก 2-3 คน

ตอนนั้นกลุ่มพันธมิตรฯกำลังชุมนุมใหญ่ ยึดทำเนียบรัฐบาล ทำให้เราเป็นรัฐบาลชุดแรกที่ไม่ได้เข้าทำเนียบแม้นาทีเดียว

นายกฯสมชายให้ผมวิเคราะห์สถานการณ์ ผมก็ร่ายเป็นฉากๆ จนถึงใจความสำคัญคือ ท่านบอกว่าสถานการณ์กำลังตึงเครียด อยากให้ผมอยู่ช่วยรับมือการชุมนุม ในที่สุดผมก็ได้แค่ไปส่ง กระเป๋าก็ไม่ต้องเอาลง ตรงกลับนนทบุรี

นอกจากเป็นโฆษกนอกทำเนียบ ยังแถมเป็นโฆษกตกเครื่องบินด้วย

รุ่งขึ้นก็เดินสายให้สัมภาษณ์เรื่องม็อบ ข้าราชการและเจ้าหน้าที่สำนักโฆษกเกือบ 80 ชีวิต หอบหิ้วตามกันมาอยู่ทำเนียบชั่วคราวที่สนามบินดอนเมือง ไม่มีอุปกรณ์ครุภัณฑ์ใดๆ มีแต่ตัวกับหัวใจและโต๊ะเก้าอี้ ผมไปซื้อตู้เย็น หม้อหุงข้าว และข้าวสารมาไว้ให้ เพราะเป็นการย้ายฉุกเฉิน ดอนเมืองตอนนั้นปิดทำการ ไม่มีอาหารขาย

จัดเป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ทุลักทุเลบนเส้นทางการเมือง เห็นนายกฯแพทองธารกำลังจะเดินทางในวาระเดียวกันเลยนึกถึง เอามาเล่าสู่กันฟัง 

เหลือเชื่อ 16 ปีผ่านไป คนกลุ่มเดียวกันยังใช้ประเด็นเรื่องเขตแดนไทย - กัมพูชา โจมตีรัฐบาลอยู่เหมือนเดิม

ไบเดนอัดงบช่วยยูเครน ก่อนหน้าทรัมป์เข้ารับตำแหน่ง

(12 พ.ย.67) นายเจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐ ระบุว่า ทำเนียบขาวจะเร่งใช้เงิน 6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 205,920 ล้านบาท ที่เหลืออยู่เพื่อสนับสนุนยูเครน ก่อนที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ จะเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐในเดือนมกราคมปีหน้า พร้อมกับเตือนถึงความเสี่ยงที่สหรัฐอาจจะยุติการให้การสนับสนุนยูเครน

ซัลลิแวนกล่าวว่า คาดว่าประธานาธิบดีไบเดนจะหารือกับประธานาธิบดีทรัมป์เกี่ยวกับประเด็นนโยบายต่างประเทศที่สำคัญเมื่อเขาพบกับทรัมป์ที่ห้องทำงานรูปไข่ในทำเนียบขาว ในวันพุธที่ 20 พฤศจิกายนนี้ เพื่ออธิบายให้ประธานาธิบดีทรัมป์ทราบว่าเขามองสิ่งต่าง ๆ อย่างไร และประธานาธิบดีทรัมป์คิดอย่างไรเกี่ยวกับการจัดการประเด็นเหล่านี้เมื่อเข้ารับตำแหน่ง

ซัลลิแวนยังกล่าวอีกว่า เขาคาดหวังถึงความคืบหน้าในความพยายามในการยุติการสู้รบในฉนวนกาซาและเลบานอนตอนใต้ และปล่อยตัวตัวประกันชาวอิสราเอลที่ถูกกลุ่มฮามาสจับตัวไว้

“ในบางจุด รัฐบาลอิสราเอลต้องการทำข้อตกลงเพื่อให้พลเมืองของตนกลับบ้าน” เขากล่าว “ผมไม่คิดว่าอิสราเอลจะทำข้อตกลงนั้นเพื่อตอบสนองต่อการเมืองของอเมริกัน แต่เป็นไปเพื่อพยายามรักษาความปลอดภัยให้กับอิสราเอล และผมคาดหวังว่าเราจะเห็นความคืบหน้าในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า”

เมื่อถูกถามถึงการตอบสนองของอิสราเอลต่อจดหมายร่วมของรัฐมนตรีต่างประเทศและกระทรวงกลาโหมของสหรัฐที่เรียกร้องให้อิสราเอลปรับปรุงสถานการณ์ด้านมนุษยธรรมในฉนวนกาซา ซัลลิแวนกล่าวว่า ในสัปดาห์นี้ เราจะตัดสินใจว่าพวกเขาทำความคืบหน้าไปมากเพียงใด และเราจะตอบสนองต่อสิ่งนี้อย่างไร

ทรัมป์มีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอล ซึ่งกล่าวว่าชัยชนะในการเลือกตั้งของพรรครีพับลิกันเป็น “ชัยชนะครั้งใหญ่” และกล่าวว่า เขาได้พูดคุยกับทรัมป์ 3 ครั้ง ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา

การสร้างจุดสมดุลระหว่างการควบคุมและการห้าม: บทเรียนจากนโยบายบุหรี่ไฟฟ้าทั่วโลก

อังกฤษเป็นหนึ่งในหลายประเทศที่ทั่วโลกที่มีมาตรการควบคุมการใช้และการจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าอย่างถูกกฎหมาย และอาจจะเรียกได้ว่าเป็นประเทศต้นแบบที่สนับสนุนให้ผู้สูบบุหรี่หันมาใช้บุหรี่ไฟฟ้าแทนการสูบบุหรี่ หรือเพื่อลดหรือเลิกการสูบบุหรี่ ทั้งนี้ นโยบายนี้ได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ ทำให้อัตราผู้สูบบุหรี่ลดลงอย่างมาก จาก 17% เหลือเพียง 11% ในช่วงระยะเวลากว่า 10 ปี อย่างไรก็ตาม การใช้บุหรี่ไฟฟ้าที่เพิ่มมากขึ้นได้นำมาสู่ความกังวลในเรื่องการติดบุหรี่ไฟฟ้าในกลุ่มเยาวชน ซึ่งส่งผลให้รัฐบาลอังกฤษพิจารณามาตรการควบคุมที่เข้มงวดมากขึ้น

รายงานของ The Times ประเทศอังกฤษเปิดเผยว่า รัฐบาลกำลังพิจารณานโยบายควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าที่เข้มงวดขึ้น ซึ่งอาจทำให้เกิดผลกระทบทางลบตามมาโดยไม่ตั้งใจ เช่น เกิดการซื้อขายกันในตลาดมืดหรือตลาดใต้ดินเพิ่มขึ้น Caitlin Notley จากมหาวิทยาลัย East Anglia เตือนว่ามาตรการที่เข้มงวดเกินไปอาจทำให้ผู้สูบบุหรี่สับสน และไม่สามารถเข้าถึงบุหรี่ไฟฟ้าเพื่อช่วยลดความเสี่ยงต่อสุขภาพให้กับตนเองได้ ขณะที่ Christopher Snowdon จากสถาบัน Institute for Economic Affairs ชี้ว่าการเพิ่มภาษีและการจำกัดการใช้บุหรี่ไฟฟ้าอาจนำไปสู่การค้าใต้ดินที่คล้ายคลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้นในออสเตรเลียก็เป็นได้

ในอีกด้านหนึ่ง การควบคุมในระดับที่สมดุลระหว่างการส่งเสริมการเลิกบุหรี่และการป้องกันเยาวชนจากบุหรี่ไฟฟ้ายังถือเป็นแนวทางที่เหมาะสม อาทิ สหรัฐอเมริกาที่มีแนวทางการควบคุมแบบสมดุล โดยข้อมูลล่าสุดจากการสำรวจเยาวชนแห่งชาติ (National Youth Tobacco Survey) ของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ปี 2024 พบว่าอัตราการใช้ผลิตภัณฑ์ยาสูบและนิโคตินในกลุ่มนักเรียนมัธยมต้นและมัธยมปลายยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยการสูบบุหรี่แบบเดิมลดลงอย่างมากจนแทบไม่มีแล้ว ขณะที่การใช้บุหรี่ไฟฟ้าลดลงกว่า 70% จากจุดสูงสุดในปี 2019 แสดงให้เห็นว่ามาตรการควบคุมที่รอบคอบสามารถลดการใช้บุหรี่ไฟฟ้าในเยาวชนได้

ในขณะที่ประเทศไทยซึ่งใช้นโยบายห้ามนำเข้าและจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าอย่างเข้มงวด ส่งผลให้บุหรี่ไฟฟ้ากลายเป็นสินค้าที่ผิดกฎหมายทั้งที่สามารถควบคุมได้ด้วย พ.ร.บ. ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ และ พ.ร.บ. ภาษีสรรพสามิต ทำให้มาตรการควบคุมที่ใช้อยู่กับบุหรี่แบบดั้งเดิมไม่สามารถใช้ได้กับบุหรี่ไฟฟ้าเลย ไม่ว่าจะเป็นการกำหนดภาพและข้อความเตือน การห้ามโฆษณา หรือการเก็บภาษี ซึ่งเป็นมาตรการที่ธนาคารโลก หรือ World Bank ระบุว่ามีประสิทธิภาพมากที่สุดในการควบคุมการบริโภคยาสูบ ตามกรอบยุทธศาสตร์ MPOWER นอกจากนี้ การห้ามนี้ยังทำให้เกิดตลาดมืดในประเทศ เกิดปัญหาการลักลอบซื้อขายที่ทำให้รายได้รัฐสูญหายจำนวนมากจากจำนวนผู้ใช้ที่เพิ่มมากขึ้นเกือบถึง 1 ล้านคนในปัจจุบัน

ในหลายประเทศ การเก็บภาษีบุหรี่ไฟฟ้าเริ่มถูกนำมาใช้เพื่อเป็นหนึ่งในมาตรการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ ยกตัวอย่างประเทศจีน ซึ่งจากรายงานล่าสุดเมื่อเดือนตุลาคม 2022 เผยว่ารัฐบาลจีนกำลังพิจารณาการเก็บภาษีสำหรับผลิตภัณฑ์บุหรี่ไฟฟ้า โดยมีการกำหนดอัตราภาษีการบริโภคที่ 36% สำหรับการผลิตและนำเข้า และอัตราขายส่งที่ 11% เพื่อเพิ่มรายได้รัฐในขณะที่ยังคงควบคุมการใช้ผลิตภัณฑ์นี้ เช่นเดียวกับสาธารณรัฐมอลตา ประเทศที่เล็กที่สุดในสหภาพยุโรป หนังสือพิมพ์มอลตาทูเดีย์รายงานว่ารัฐบาลจะเริ่มเก็บภาษีสรรพสามิตบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งจะมีผลให้ราคาของน้ำยานิโคตินราคาเพิ่มขึ้นจากเดิมอย่างน้อย 1.30 ยูโรหรือ 26% และจะทำให้รัฐบาลมีรายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 500,000 ยูโรจากภาษีนี้ในปีแรก ขณะที่มาเลเซียเองก็กำลังดำเนินการในลักษณะเดียวกัน โดยมีแผนดึงภาษีบุหรี่ไฟฟ้ามาใช้สนับสนุนการรณรงค์ต่อต้านบุหรี่ไฟฟ้าในกลุ่มเยาวชน

การควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าอย่างสมดุลและรอบคอบ แทนที่จะห้ามโดยสิ้นเชิง จึงเป็นแนวทางที่เหมาะสมในการปกป้องเยาวชน ลดความเสี่ยงด้านสุขภาพจากการสูบบุหรี่แบบดั้งเดิม ในขณะเดียวกันยังช่วยควบคุมการใช้งานบุหรี่ไฟฟ้าในรูปแบบที่ปลอดภัยและมีความรับผิดชอบมากขึ้น

จีนปล่อยจรวด 'ลี่เจี้ยน-1 วาย5' ส่งดาวเทียมขึ้นสู่วงโคจรในครั้งเดียว

(12 พ.ย.67) จีนปล่อยจรวดขนส่งเชิงพาณิชย์ลี่เจี้ยน-1 วาย5 (Lijian-1 Y5) ตอน 12.03 น. ของวันจันทร์ (11 พ.ย.) ตามเวลาปักกิ่ง จากเขตนำร่องนวัตกรรมการบินและอวกาศเชิงพาณิชย์ทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน พร้อมส่งดาวเทียม 15 ดวง อาทิ ดาวเทียมจากตระกูลจี๋หลิน-1 เกาเฟิน (Jilin-1 Gaofen) ตระกูลอวิ๋นเหยา-1 (Yunyao-1) และตระกูลซีกวง-1 (Xiguang-1) รวมทั้งดาวเทียมสำรวจระยะไกลสำหรับโอมาน ขึ้นสู่วงโคจรที่กำหนดไว้

ซีเอเอส สเปซ (CAS Space) บริษัทการบินอวกาศเชิงพาณิชย์ที่จัดตั้งโดยสถาบันเครื่องกล สังกัดสถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์จีน ได้พัฒนาจรวดขนส่งลี่เจี้ยน-1 โดยจรวดรุ่นนี้ขึ้นบินเที่ยวแรกเมื่อวันที่ 7 ก.ค. 2022 และปัจจุบันปล่อยดาวเทียมรวม 57 ดวงในภารกิจการบิน 5 ครั้ง

จรวดลี่เจี้ยน-1 มีความยาว 30 เมตร มีน้ำหนักตอนออกตัว 135 ตัน และมีแรงขับขณะออกตัว 200 ตัน สามารถขนส่งอุปกรณ์บรรทุก (payload) หนัก 1.5 ตันไปยังวงโคจรสัมพันธ์กับดวงอาทิตย์ระยะทาง 500 กิโลเมตร หรือขนส่งอุปกรณ์บรรทุก 2 ตันสู่วงโคจรต่ำของโลกได้

จรวดขนส่งลี่เจี้ยน-1 วาย5 ใช้เพย์โหลด แฟริง (payload fairing) หรือฝาครอบส่วนปลายแหลมด้านหน้าจรวดที่มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 3.35 เมตร เพื่อใช้เป็นพื้นที่ขนาดใหญ่สำหรับรองรับดาวเทียม อีกทั้งสามารถปรับการกำหนดค่าเพย์โหลด แฟริงได้ตามความจุอุปกรณ์บรรทุก และข้อกำหนดด้านพื้นที่ของดาวเทียมในภารกิจในอนาคต

เสริมสร้างความสัมพันธ์ ทร.เกาหลีใต้ - นย.ไทย “มิตรภาพข้ามท้องทะเล คณะกองทัพเรือเกาหลีใต้เยี่ยมคำนับ ผบ.นย. เสริมสร้างความสัมพันธ์ ทร.เกาหลีใต้ - นย.ไทย ”

เมื่อวานนี้ (11 พ.ย.67) พล.ร.ท.อภิชาติ ทรัพย์ประเสริฐ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน (ผบ.นย.) พร้อมด้วย คณะผู้บังคับบัญชากองบัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ให้การต้อนรับ น.อ.Kwon Younggu ผบ.เรือ Kang Gam Chan และคณะ (ทร.เกาหลีใต้) ในโอกาสเดินทางเข้ามาเยี่ยมคำนับ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ณ ห้องชลยุทธโยธิน กองบัญชาการ หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ค่ายกรมหลวงชุมพร อ.สัตหีบ จว.ชลบุรี โดยได้มีการสนทนาหัวข้อต่างๆ เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างทั้ง 2 กองทัพ

ในการนี้ น.อ.Kwon Younggu และหมู่เรือ ทร.เกาหลีใต้ อยู่ระหว่างการเดินทางไปปฏิบัติภารกิจ ณ ประเทศโอมาน ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ บนชายฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของคาบสมุทรอาหรับ มีพรมแดนทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือติดกับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ทางตะวันตกติดกับซาอุดีอาระเบีย และทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ติดกับเยเมน

สวนนงนุชพัทยา เปิดโรงเรียนนงนุชพัฒนาทักษะอาชีพ เพื่อเป็นอาณาจักรแห่งการเรียนรู้

วันนี้ที่สวนนงนุชพัทยา มีพิธีเปิดโรงเรียนนงนุชพัฒนาทักษะอาชีพ โดยมีนายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา นายกัมพล ตันสัจจา ประธานสวนนงนุชพัทยา เป็นประธานในพิธี วัตถุประสงค์ในการเปิดโรงเรียน เป็นโรงเรียนนอกระบบ ไม่ได้มีการเรียนการสอนทุกวัน สอนเฉพาะที่เป็นหมู่คณะโดยจัดหาผู้เชี่ยวชาญมาสอนในแต่ละหลักสตูร

การเรียนการสอนมีลักษณะเหมือนกับซัมเมอร์แคมป์ ซึ่งต้องการให้เรียนรู้ในภาคปฏิบัติ เรียนรู้อย่างสนุกและมีความสุขกับสิ่งที่ได้ลงมือทำ เพื่อใช้ในชีวิตประจำวันหรือสามารถนำไปประกอบเป็นอาชีพ ทางโรงเรียนมีหลักสูตรหลากหลาย เช่น หลักสูตรการจัดสวน,จัดดอกไม้และดูแลรักษาต้นไม้, หลักสูตรพัฒนาแม่บ้านมืออาชีพ,หลักสูตรวิชาอาหารไทย,หลักสูตรวิชามวยไทย, หลักสูตรวิชานาฏศิลป์ไทย เป็นต้น

ซึ่งในวันนี้มีผู้ร่วมงานที่เกี่ยวข้องในด้านการศึกษาประกอบไปด้วย นายประภาพันธ์ วิเวก รองผู้อำนวยการ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาชลบุรี-ระยอง,นายวัชระ นรินทร์นอก ผู้อำนวยการ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชลบุรีเขต 3 และคณะผู้บริหารโรงเรียน ภาครัฐและเอกชน สวนนงนุชพัทยายังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่องในด้านการศึกษา เพื่อเป็นอาณาจักรแห่งการเรียนรู้ และพัฒนาทักษะอาชีพ ให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล เพื่อให้ผู้เรียนมีคุณภาพและเป็นที่ต้องการของตลาดแรงต่อไป

หัวหน้าพรรคฝ่ายค้านญี่ปุ่น รับ คบชู้นางแบบสาว หลังถูกมือดีแอบถ่ายภาพขณะออกจากบาร์

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เมื่อวันที่ (11 พ.ย.67) นายยูอิจิโร ทามากิ หัวหน้าพรรคประชาธิปไตยเพื่อประชาชน (ดีพีพี) ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านของประเทศญี่ปุ่น ได้ออกมายอมรับข่าวฉาวที่ว่าเขามีความสัมพันธ์นอกสมรสกับนางแบบคนหนึ่งเป็นเรื่องจริง

ก่อนหน้านี้ SmartFlash แท็บลอยด์ของประเทศญี่ปุ่นได้รายงานในวันเดียวกันว่า ทามากิวัย 55 ปีและนางแบบสาววัย 39 ปีมีความสัมพันธ์นอกสมรสกันในช่วงระหว่างเดือนกรกฎาคม – ตุลาคม โดยมีภาพถ่ายขณะที่ทามากิสวมเสื้อฮู้ดสีเทาเดินออกมาจากบาร์แห่งหนึ่ง ก่อนที่จะมีผู้หญิงคนดังกล่าวเดินตามออกมา 20 นาทีให้หลัง

ทามากิ กล่าวยอมรับว่า ผมขอโทษกับปัญหาที่เกิดขึ้นและข่าวที่เปิดเผยเมื่อเช้าวันนี้เป็นเรื่องจริง ภรรยาของผมบอกว่าคุณปกป้องประเทศไม่ได้ถ้าคุณยังปกป้องคนใกล้ตัวไม่ได้ ผมจะจำคำนี้ไว้อีกครั้งและพิจารณาการกระทำของตัวเอง และผมจะทำงานอย่างสุดความสามารถในลักษณะที่จะเป็นประโยชน์สูงสุดต่อประเทศเพื่อให้เกิดผลสำเร็จตามนโยบาย

อย่างไรก็ตาม ทามากิยังคงได้รับการหนุนหลังจากสมาชิกพรรคดีพีพีให้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคต่อไป โดยพรรคดีพีพีถือเป็นพรรคที่มีความสำคัญต่อการประชุมสภาญี่ปุ่นเพื่อตัดสินว่านายชิเงรุ อิชิบะของพรรคเสรีประชาธิปไตย (แอลดีพี) จะได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นต่อไปหรือไม่ โดยทามากิเคยกล่าวว่าสมาชิกพรรคดีพีพีของเขาจะไม่โหวตให้กับนายอิชิบะ แต่อาจสนับสนุนพรรคแอลดีพีเป็นรายนโยบาย อย่างไรก็ตาม คาดการณ์ว่าอิชิบะจะยังได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นต่อไปแต่อาจเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย

OR ปฏิรูปสู่องค์กรดิจิทัล สร้าง Business Intelligence ทุกมิติ ยกระดับธุรกิจน้ำมันและค้าปลีก

(12 พ.ย.67) OR เปิดตัวแผนปฏิรูปดิจิทัล หรือ Digital Transformation Journey ตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในยุคดิจิทัล มุ่งยกระดับธุรกิจน้ำมันและค้าปลีกสู่อนาคต พร้อมสร้างโอกาสใหม่และเสริมความแข็งแกร่งให้กับพอร์ตโฟลิโอธุรกิจ และการพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืนในทุกมิติ

นายดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR เปิดเผยว่า OR ในฐานะผู้นำธุรกิจน้ำมันและค้าปลีกชั้นนำของประเทศประกาศความพร้อมเพื่อก้าวสู่การเปลี่ยนผ่านองค์กรครั้งสำคัญ ผ่านเส้นทางการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล หรือ 'Digital Transformation Journey' ที่จะครอบคลุมในทุกมิติของการดำเนินธุรกิจ โดยมีเป้าหมายที่การเพิ่มประสิทธิภาพขององค์กรและการส่งเสริมเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว 

โดยมุ่งเน้นการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารต้นทุนตลอดห่วงโซ่อุปทาน ทั้งกลุ่มธุรกิจ Mobility และ Lifestyle เพื่อส่งเสริมการตัดสินใจได้อย่างแม่นยำ ตลอดจนเพิ่มโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ 

สร้างประสบการณ์ที่ดีสำหรับผู้บริโภคได้ดียิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น การบริหารสินค้าคงคลังแบบเรียลไทม์ (Real Time) การวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูง (Advanced Data Analytics) เพื่อการตัดสินใจ ไปจนถึงการพัฒนาบริการใหม่ ๆ ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค 

นายภากร สุริยาภิวัฒน์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านธุรกิจดิจิทัลและโซลูชัน OR เปิดเผยว่า การปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ครั้งนี้จะเป็นมากกว่าการนำเทคโนโลยีมาใช้ โดยเป็นการปรับวัฒนธรรมองค์กรให้พร้อมรับมือกับอนาคต ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยธุรกิจต่าง ๆ และเพิ่มความสามารถในการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาด 

ทั้งยังเสริมสร้างพอร์ตโฟลิโอธุรกิจด้วยนวัตกรรมดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็นการกระจายสินค้าและการสร้างประสบการณ์เชิงดิจิทัลให้แก่ลูกค้า รวมถึงการเปิดโอกาสธุรกิจใหม่ ๆ ผ่านการร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับผู้พัฒนานวัตกรรม เช่น ธุรกิจ Virtual Bank และธุรกิจกาแฟ เป็นต้น

OR ยังมุ่งมั่นในการพัฒนาบุคลากร และปลูกฝังวัฒนธรรมดิจิทัลให้เป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมองค์กร หรือ OR DNA ตลอดจนสร้างสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม เพื่อให้การปฏิรูประบบดิจิทัลในครั้งนี้จะเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมน้ำมันและธุรกิจค้าปลีกของไทย และช่วยสร้างอนาคตที่ยั่งยืนของอุตสาหกรรมต่อไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top