Wednesday, 18 June 2025
TheStatesTimes

สมุทรปราการ-เปิดงาน 'สุดยอด ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมสมุทรปราการ' เพื่อการปรับตัวสู่วิถีชีวิตใหม่ New Normal

นายสุจินต์ วาจากิจ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ ให้เกียรติเป็นประธานเปิดงาน สุดยอดผลิตภัณฑ์ อุตสาหกรรมสมุทรปราการ พร้อมด้วย นายอำนวย สุวรรณรักษ์ หัวหน้าอุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรปราการ นายชนินทร์ กาญจนสุชา หัวหน้าสำนักงานจังหวัดสมุทรปราการ นายสาธิต กล่อมสวัสดิ์ พาณิชย์จังหวัดสมุทรปราการ นางสาวสุจิรา กิจเจริญ เกษตรจังหวัดสมุทรปราการ นางสาวสุขนันทิพย์ ศรีสมวงษ์ พัฒนาการจังหวัดสมุทรปราการ หัวหน้าส่วนราชการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตลอดจนแขกผู้มีเกียรติร่วมในพิธีเปิดงานครั้งนี้ 

ภายในงานยังได้รับเกียรติและอนุเคราะห์สถานที่จัดงานจาก คุณโอฬาร กิจเลิศไพโรจน์ รองประธานกรรมการผู้จัดการใหญ่ ศูนย์การค้าอิมพีเรียลเวิลด์ สำโรง จังหวัดสมุทรปราการและสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรปราการมีแนวคิดที่จะร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุน ให้โครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากให้เกิดขึ้นในชุมชน เพื่อพัฒนาสินค้าส่งเสริมตลาดสำหรับผลผลิตเพื่อเชื่อมโยงกับการท่องเที่ยวหรือภาคบริการอื่น 

รวมทั้งสร้างการเข้าถึงช่องทางการตลาดยกระดับมาตรฐานคุณภาพและมูลค่าของสินค้าและผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นในชุมชน เพื่อเศรษฐกิจชุมชนเข้มแข็งอย่างยั่งยืน สำหรับการจัดงานแสดงและจำหน่ายสินค้า 'สุดยอดผลิตภัณฑ์ อุตสาหกรรมสมุทรปราการ' นี้ถือเป็นกิจกรรมที่ 3 ของโครงการ โดยมีสินค้ารวมถึงผลิตภัณฑ์อื่นๆ มาจัดแสดง จำนวน 43 บูธด้วยกัน โดยงานจัดขึ้นระหว่างวันที่ 12 - 16 กันยายน 2567 ณ Grand Hall ชั้น 1 ศูนย์การค้าอิมพีเรียลเวิลด์สำโรง ภายในงานสามารถชมการแสดงมินิคอนเสิร์ตจากนักแสดงอีกมากมายทุกวัน

เชียงใหม่-เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีได้รับรางวัล TRIP.Best 2024 Global 100 Family-Friendly Attractions 

เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีได้รับรางวัล TRIP.Best 2024 Global 100 Family-Friendly Attractions การแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวแบบครอบครัวที่ไหนรับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั่วโลก                                             

เมื่อวานนี้ (13 ก.ย.67) สำนักงานพัฒนาพิงคนคร(องค์การมหาชน)โดยสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ได้ให้การต้อนรับคณะบริษัท TRIP.Besf 2024 Global 100 Family-Friendly Attractions ให้กับเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี โดยมีนายกฤษดา ลาพิมล รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาพิงคนคร ปฎิบัติหน้าที่แทนผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาพิงคนคร เป็นประธานเป็นผู้ให้การต้อนรับพร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ณ.ห้องประชุมวารีกุญชร สำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี  

นายกฤษดา ลาพิมล รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาพิงคนคร ปฏิบัติหน้าที่แทน ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาพิงคนคร กล่าวว่าการได้รับรางวัลนี้ เนื่องจากเชียงใหม่ไนท์เป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวอันดับต้นๆของจังหวัดเชียงใหม่ได้มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เดินทางเข้ามาเยี่ยมชมกิจกรรมต่างๆมาโดยตลอดจนทำให้เกิดการรีวิวและบอกต่อ เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีแห่งนี้ให้คนทั่วโลกได้เห็นและรู้จักซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีได้รับรางวัลจากTrip.com แพลตฟอร์มออนไลน์ที่ให้บริการ การเดินทางแบบครบวงจรระดับนานาชาติ ในประเภท Trip.Best 2024 global 100 Family Friendly attraction ซึ่งเป็นการแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในหมวดหมู่การท่องเที่ยวแบบครอบครัว ที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั่วโลกและเป็นการจัดลำดับการท่องเที่ยวที่จัดทำขึ้นโดยอิงจากรีวิวจริงของผู้ใช้และความนิยมในการขายตลอดทั้งปี

‘เอ็มจี’ เดินหน้าส่งมอบรถยนต์ ‘ALL NEW MG3 HYBRID+’ ให้ลูกค้า พร้อมลุยการตลาด!! จัดกิจกรรมสัญจรทั่วประเทศ เน้นการทดลองขับจริง

(14 ก.ย.67) ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย ทยอยส่งมอบ ALL NEW MG3 HYBRID+ จากสายการผลิตในประเทศไทย ถึงมือลูกค้าทั่วประเทศ โดยผู้ที่สนใจสามารถชมและทดลองขับ ALL NEW MG3 HYBRID+ พร้อมพบกับแคมเปญพิเศษได้ที่โชว์รูม เอ็มจี และกิจกรรมสัญจรทั่วประเทศตั้งแต่กลางเดือนกันยายนนี้เป็นต้นไป

นายพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ในช่วงปี 2024 เอ็มจี ตั้งใจที่จะนำนวัตกรรมไฮบริดรุ่นนี้เข้ามาสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับตลาด ด้วยระดับราคาที่เข้าถึงได้ง่าย โดย ALL NEW MG3 HYBRID+ มีความโดดเด่นด้านการตัดต่อกำลังระหว่างเครื่องยนต์ กับระบบไฟฟ้า ทำให้สมรรถนะใกล้เคียงกับรถยนต์ไฟฟ้าแต่ยังได้ความรู้สึกการขับรถน้ำมัน และจุดเด่นที่สำคัญ คือการบริโภคเชื้อเพลิงที่ประหยัด โดยอัตราสิ้นเปลืองที่ทำได้สูงสุดถึง 26.3 กิโลเมตรต่อลิตร* ซึ่งสื่อมวลชนได้ทำระยะทางได้ไกลสูงสุดมากกว่า 800 กิโลเมตร แต่ยังให้สมรรถนะการขับขี่ที่เร้าใจ โดยราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการของ ALL NEW MG3 HYBRID+ รุ่นเริ่มต้นหรือรุ่น D อยู่ที่ 579,900 บาท และรุ่น X ในราคา 619,900 บาท พิเศษ! ราคาในช่วงแนะนำจะลดลงจากราคาตั้ง รุ่นละ 20,000 บาท ซึ่งจะสิ้นสุดเร็วๆ นี้ ทั้งนี้ เอ็มจี ได้ทยอยส่งมอบรถยนต์ ALL NEW MG3 HYBRID+ ให้กับลูกค้าที่จองเข้ามาแล้ว”

สำหรับลูกค้าที่สนใจสามารถสัมผัสประสบการณ์ไฮบริดครั้งใหม่กับ ALL NEW MG3 HYBRID+ โดย เอ็มจี ได้เตรียมจัดกิจกรรมสัญจรทั่วประเทศ ตั้งแต่กลางเดือนกันยายนจนถึงสิ้นเดือนพฤศจิกายนนี้

• ศูนย์การค้าเซ็นทรัล นครปฐม วันที่ 12-18 กันยายน 2567
• อยุธยาซิตี้พาร์ค อยุธยา วันที่ 28 กันยายน 2567 – 6 ตุลาคม 2567
• ศูนย์การค้าแฟชั่น ไอส์แลนด์ รามอินทรา (Fashion Island) วันที่ 27 กันยายน – 6 ตุลาคม 2567
• ศูนย์การค้าเซ็นทรัล พิษณุโลก วันที่ 1-7 ตุลาคม 2567
• ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เวสต์เกต (Central Westgate) วันที่ 25- 31 ตุลาคม 2567
• ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ขอนแก่น วันที่ 1-7 พฤศจิกายน 2567
• ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ภูเก็ต วันที่ 21-27 พฤศจิกายน 2567

สามารถติดตามข้อมูลและรายละเอียดเกี่ยวกับกิจกรรมต่างๆ ได้ในช่องทาง FACEBOOK: MGTHAILAND

ลูกค้าที่สนใจสามารถชมข้อมูลตัวรถ ALL NEW MG3 HYBRID+ เพิ่มเติมได้ https://new-mg3.mgcars.com/en/cars/all-new-mg3-hybrid-plus 

หรือสามารถชมและทดลองขับได้ที่โชว์รูม เอ็มจี กว่า 150 แห่ง ทั่วประเทศ โดยสามารถจองขับได้ที่ลิงก์ https://hellohybridplus.mgcars.com/

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ MG CALL CENTRE โทร. 1267

เชียงใหม่- ผบช.ภ.5 มอบหมายรอง ผบช.ภ.5 มอบสิ่งของช่วยเหลือประชาชน และ สั่งการ ผบก.สส.ภ.5 จัดกำลังตำรวจ 50 นาย พร้อมอุปกรณ์ เพื่อปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติในพื้นที่จังหวัดเชียงราย

เมื่อวานนี้ (13 ก.ย.67) เวลา 13.10 น. พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผบช.ภ.5 มอบหมายให้ พล.ต.ต.ธนะรัชต์ ชุ่มสวัสดิ์ รอง ผบช.ประจำฯ ช่วยราชการ ภ.5 มอบสิ่งของช่วยเหลือ ข้าราชการตำรวจ ครอบครัวตำรวจ และประชาชนผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ จังหวัดเชียงราย ณ ร้านปันรักษ์ เจียงฮาย อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย และได้สั่งการให้ พล.ต.ต.วรพงศ์  คำลือ ผบก.สส.ภ.5 จัดกำลังตำรวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษจำนวน 50 นาย พร้อมอุปกรณ์ เพื่อปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติในพื้นที่จังหวัดเชียงราย ตลอดจนการรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้กับประชาชน ร่วมกับตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย 

สมุทรปราการ- 'สุริยะ' สั่งเปิดศูนย์คมนาคมร่วมใจ ช่วยเหลือผู้โดยสาร ณ ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย และ ทช. ทล.ร่วมจัดรถ รับ-ส่ง ผู้โดยสารจนถึง 4 ทุ่ม 'กีรติ' เผย วันนี้มีเที่ยวบินให้บริการ 8 ไฟลต์

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้สั่งการให้ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย (ทชร.) เป็นฐานบัญชาการในการให้ความช่วยเหลือผู้โดยสารและผู้ประสบอุทกภัย โดย บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (AOT) ได้ดำเนินการจัดตั้ง 'ศูนย์คมนาคมร่วมใจ ช่วยเหลือผู้โดยสาร' ณ ทชร.เรียบร้อยแล้ว โดยหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องร่วมประจำศูนย์ฯ เช่น กรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท ฯลฯ เพื่อประสานความร่วมมือในการให้ความช่วยเหลือผู้โดยสารและผู้ประสบอุทกภัย ตลอดจนติดตามด้านการข่าว การประเมินสถานการณ์ เป็นต้น 

ด้าน ดร.กีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ AOT กล่าวเพิ่มเติมว่า เมื่อวานนี้วันนี้ (13 ก.ย.67) มีสายการบิน 4 แห่ง ทำการบิน 8 เที่ยวบิน ได้แก่ (1) สายการบินไทย จำนวน 2 เที่ยวบิน คือ เที่ยวบิน TG130 และ TG132 (2) สายการบินนกแอร์ จำนวน 2 เที่ยวบิน คือ เที่ยวบิน DD102 และ DD104 (3) สายการบินไทยไลอ้อนแอร์ จำนวน 2 เที่ยวบิน คือ เที่ยวบิน SL538 และ SL544 และ (4) สายการบินไทยแอร์เอเชีย จำนวน 2 เที่ยวบิน 

คือ เที่ยวบิน FD3199 และ FD3209 นอกจากนี้ ทชร.ร่วมกับกรมทางหลวง และกรมทางหลวงชนบท ได้จัดรถบรรทุกเพื่ออำนวยความสะดวกในการรับ-ส่งผู้โดยสารจาก ทชร.ไปยังบิ๊กซี (สาขาบ้านดู่) ระหว่างเวลา 08.30 – 22.00 น. โดยมีจุดจอดรถบริเวณหน้าชานชาลาอาคารผู้โดยสาร ประตู 2 ทชร.และบริเวณประตูทางออกฝั่ง KFC บิ๊กซี (สาขาบ้านดู่) ทั้งนี้ สามารถสอบถามข้อมูลการให้บริการของ ทชร.และติดต่อ 'ศูนย์คมนาคมร่วมใจ ช่วยเหลือผู้โดยสาร' ได้ที่ประชาสัมพันธ์ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย หมายเลขโทรศัพท์ 053 798 000

‘มาสด้า’ เดินหน้าสานฝันเยาวชนไทย ให้โดดเด่นด้านกีฬา จัดการแข่งขันกอล์ฟรายการใหญ่ ปูทางสู่ความเป็น ‘มืออาชีพ’

(14 ก.ย.67) มาสด้าเปิดตัวโครงการ ‘MAZDA U.S. COLLEGE PREP JUNIOR GOLF CHAMPIONSHIP 2024’ ซึ่งเป็นโครงการชั้นแนวหน้าในระดับสากลที่จัดขึ้นแบบเอ็กซ์คลูซีพให้กับลูกค้าผู้ใช้รถยนต์มาสด้าและครอบครัว เพื่อเฟ้นหาและผลักดันเยาวชนไทยที่ชื่นชอบในกีฬากอล์ฟ ให้มีโอกาสไปโลดแล่นบนเวทีการแข่งขันระดับโลก ลุ้นรับทุนการศึกษา เพื่อก้าวสู่เส้นทางโปรกอล์ฟมืออาชีพ พร้อมเปิดตัว ‘MAZDA EXCLUSIVE TOURNAMENT 2024’ อีกหนึ่งโครงการที่จัดขึ้นเพื่อมอบเอกสิทธิ์สำหรับมาสด้าแฟมิลี่ในการเข้าร่วมสนุกออกรอบเล่นกอล์ฟ พร้อมมอบสิทธิประโยชน์มากมายให้กับลูกค้า โดยทั้งสองโครงการจะจัดการแข่งขันขึ้น ในวันที่ 4 ตุลาคม 2567 นี้ ณ สนาม Alpine Golf Club ซึ่งงานแถลงข่าวครั้งนี้ มีเยาวชนทั้งชายและหญิง พันธมิตรผู้สนับสนุนการแข่งขัน ตัวแทนสมาคมกีฬากอล์ฟแห่งประเทศไทย โปรกอล์ฟ และแขกผู้มีเกียรติเข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง ณ สนาม Alpine Golf Club จังหวัดปทุมธานี

นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า โครงการ MAZDA U.S. COLLEGE PREP JUNIOR GOLF CHAMPIONSHIP 2024 เป็นโครงการที่ถือกำเนิดขึ้นจากแรงบันดาลใจของมาสด้า ที่ต้องการต่อเติมเสริมความฝันให้กับเยาวชนไทยทั้งชายและหญิงที่ชื่นชอบในกีฬากอล์ฟ มีโอกาสแสดงศักยภาพของตนเองได้อย่างเต็มที่บนสนามแข่งขันชั้นนำระดับโลก พร้อมผลักดันขีดความสามารถให้ก้าวไปข้างหน้าได้อย่างไม่หยุดยั้ง พร้อมทั้งริเริ่มโครงการ MAZDA EXCLUSIVE TOURNAMENT 2024 เพื่อมอบสิทธิประโยชน์แบบเอ็กซ์คลูซีฟให้กับลูกค้าครอบครัวมาสด้าได้เข้าร่วมการแข่งขันกอล์ฟทัวร์นาเม้นต์พิเศษ ซึ่งเป็นกิจกรรมที่มาสด้ามุ่งมั่นตั้งใจจัดขึ้นเพื่อแทนคำขอบคุณลูกค้า ที่เลือกใช้รถยนต์มาสด้าเป็นยานพาหนะคู่ใจไปตลอดการเดินทาง

การส่งเสริมและยกระดับศักยภาพของผู้คน โดยเฉพาะเยาวชนให้มีโอกาสได้ทำในสิ่งที่ตนเองรัก โดยเฉพาะด้านกีฬาคือสิ่งที่มาสด้าให้ความสำคัญตลอดมา มีวัตถุประสงค์เพื่อผลักดันให้เยาวชนที่ต้องการเดินตามความฝัน ได้มีโอกาสแสดงศักยภาพของตนเองอย่างเต็มที่เพื่อก้าวไปสู่การแข่งขันในระดับโลก และนำเอาความรู้ทักษะที่ได้รับจากการแข่งขันไปฝึกฝนพัฒนาต่อยอดเป็นนักกีฬาอาชีพต่อไปในอนาคต เช่นเดียวกับการริเริ่มโครงการในครั้งนี้ เพื่อผลักดันเยาวชนคนไทยทั้งชายและหญิงที่มีความสามารถ ให้ก้าวไปสู่เส้นทางการเป็นนักกอล์ฟอาชีพที่ทัดเทียมกับนานาชาติ มาสด้าเล็งเห็นว่าเยาวชนไทยก็มีความสามารถไม่แพ้นักกีฬาจากประเทศอื่น ๆ ดังนั้น ถ้าหากเรามอบโอกาสและพื้นที่ในการแสดงศักยภาพให้กับเยาวชนกลุ่มนี้ ก็จะมีส่วนช่วยผลักดันให้พวกเขาประสบความสำเร็จบนเส้นทางที่เขาเลือกได้ในอนาคต

โครงการ ‘MAZDA U.S. COLLEGE PREP JUNIOR GOLF CHAMPIONSHIP 2024’ เป็นโครงการที่มาสด้าจัดขึ้นร่วมกับพันธมิตร เพื่อมอบสิทธิประโยชน์แบบเอ็กซ์คลูซีฟให้กับมาสด้าแฟมิลี่ที่ชื่นชอบในกีฬากอล์ฟ ได้มีโอกาสเดินตามความฝันและมุ่งสู่การเป็นนักกอล์ฟมืออาชีพ โดย เปิดรับสมัครเยาวชนจำนวน 39 คน เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา (แบ่งเป็นชาย 25 คน และหญิง 14 คน) เพื่อเข้าร่วมการแข่งขัน ‘รอบคัดเลือก’ เตรียมจัดขึ้นในวันศุกร์ที่ 4 ตุลาคม 2567 ณ สนาม Alpine Golf Club จังหวัดปทุมธานี โดยผู้ชนะเลิศและทำผลงานดีที่สุด 16 อันดับแรกของแต่ละประเภท จะได้รับสิทธิ์เข้าสู่การแข่งขันรอบสุดท้ายในโครงการ ‘MAZDA U.S. COLLEGE PREP JUNIOR GOLF CHAMPIONSHIP 2024’ ในเดือนพฤศจิกายน 2567 ที่สำคัญ ในวันแข่งขันจะมีโค้ชจากมหาวิทยาลัยชั้นนำจากสหรัฐอเมริกาเดินทางมาร่วมสังเกตทักษะฝีมือการเล่นของแต่ละบุคคล ซึ่งเยาวชนที่มีความสามารถโดดเด่นจะมีโอกาสได้รับการเสนอทุนการศึกษา เพื่อปูทางสู่การเป็นนักกอล์ฟมืออาชีพ นอกจากนั้น นักกอล์ฟจำนวนครึ่งหนึ่งที่เข้าแข่งขันในรอบ CHAMPIONSHIP ที่ทำผลงานได้ดีที่สุดจะได้รับคัดเลือกเพื่อเดินทางไปเข้าร่วมการแข่งขันที่ประเทศสหรัฐอเมริกาต่อไป

นอกจากจะมอบโอกาสให้เยาวชน ได้มีโอกาสก้าวสู่การเป็นนักกอล์ฟมืออาชีพในระดับโลกแล้ว มาสด้ายังได้เปิดตัวอีกหนึ่งโครงการพิเศษ เพื่อมอบสิทธิพิเศษให้กับมาสด้าแฟมิลี่โดยเฉพาะ ด้วยการเชิญชวนลูกค้าผู้ใช้รถยนต์มาสด้าและครอบครัว เข้าร่วมสนุกออกรอบเล่นกอล์ฟเป็น ก๊วน พร้อมร่วมกิจกรรมสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ภายใต้โครงการ ‘MAZDA EXCLUSIVE TOURNAMENT 2024’ ซึ่งมาสด้าได้เปิดรับสมัครนักกอล์ฟลูกค้าเจ้าของรถยนต์มาสด้าจำนวน 46 คัน จำนวนนักกอล์ฟ 89 คน เข้าร่วมการแข่งขันในวันศุกร์ที่ 4 ตุลาคม 2567 ณ สนามกอล์ฟ Alpine Golf Club จังหวัดปทุมธานี โดยตั้งแต่เปิดรับสมัครไปเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา มีลูกค้าผู้ใช้รถยนต์มาสด้าให้ความสนใจเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้มากกว่า 100 คัน และได้มีการประกาศรายชื่อผู้ที่ผ่านการคัดเลือกเพื่อเข้าร่วมการแข่งขันทั้งหมดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“ทั้งสองโครงการนี้ เกิดขึ้นจากความมุ่งมั่นตั้งใจจริงของมาสด้าที่ต้องการยกระดับประสบการณ์และสร้างความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้า เพื่อขอบคุณที่เลือกใช้รถยนต์มาสด้าเป็นพาหนะคู่ใจของทุกคนในครอบครัวไปตลอดการเดินทาง ซึ่งนอกจากลูกค้าจะได้รับโอกาสเพื่อออกเดินทางตามความฝันในการเป็นนักกอล์ฟอาชีพในระดับสากลแล้ว ยังได้รับความรู้และสัมผัสประสบการณ์ความสนุกจากการเล่นกอล์ฟออกรอบเป็นก๊วนอีกด้วย ซึ่งถือเป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นเพื่อดูแลลูกค้าและส่งเสริมให้ได้ทำในสิ่งที่ตนเองรัก โดยมาสด้าให้ความสำคัญกับการเอาใจใส่ดูแลลูกค้ามาเป็นอันดับหนึ่ง ภายใต้ Customer Experience Management (CXM) หรือการจัดการประสบการณ์ลูกค้า เน้นสร้างความพึงพอใจสูงสุดเพื่อสร้างรากฐานให้มั่นคง รวมถึงมุ่งมั่นสร้างแบรนด์ผ่านกลยุทธ์ Brand Value Management (BVM) หรือ การสร้างมูลค่าของแบรนด์ เพื่อสร้างการเติบโตให้มั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว ซึ่งเป็นสิ่งที่มาสด้าตั้งใจมอบให้กับลูกค้าทุกคน” นายธีร์ กล่าวเพิ่มเติม

ภายในงานฯ มาสด้ายังได้ร่วมมือกับพันธมิตร ประกอบด้วย Adidas, Taylormade, สิงห์ คอร์ปอเรชั่น และ บริษัท AR รวมทั้ง โปรแพรว ภัทราพร ศรีภัทรประสิทธิ์ นักกอล์ฟสาวไทยดีกรีไม่ธรรมดา เพราะเป็นถึงเจ้าของตำแหน่ง มิสทัวริซึ่ม ไทยแลนด์ 2020 ร่วมกันจัดกิจกรรม Mazda Golf Clinic ให้กับเยาวชนที่มาร่วมงานแถลงข่าวโดยมีโปรกอล์ฟอาชีพเป็นผู้มอบความรู้และสอนทักษะทั้งการไดร์ฟกอล์ฟ และการพัตต์กอล์ฟ พร้อมทั้งมีการจัดกิจกรรมให้คำแนะนำโดย US College ให้กับนักกีฬา เพื่อให้ข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับโครงการ สิทธิประโยชน์สำหรับผู้เข้าแข่งขันและผู้ชนะเลิศในการเข้าสู่การแข่งขัน JWCI (Junior World Cup Invitational 2025) พร้อมทั้งให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการแข่งขัน MAZDA U.S. COLLEGE PREP JUNIOR GOLF CHAMPIONSHIP 2024 เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับการแข่งขันรอบคัดเลือกที่จะถึงในวันศุกร์ที่ 4 ตุลาคม 2567 นี้

มาสด้าเชื่อมั่นในศักยภาพของคนไทยที่มี Challenger Spirit เฉกเช่นเดียวกับแบรนด์มาสด้า ที่ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคและพร้อมที่จะก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง ซึ่งมาสด้าจะยังคงเดินหน้าส่งมอบคุณค่าที่มากกว่าคุณค่าที่ได้จากรถยนต์ให้กับลูกค้าทุกคน ด้วยการมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดในทุกช่วงเวลา เพื่อให้มาสด้ากลายเป็นส่วนหนึ่งในทุกประสบการณ์ความสุข และเพื่อแทนคำมั่นสัญญาว่า มาสด้าจะเป็นแบรนด์หนึ่งเดียวที่มอบความสุขและสร้างรอยยิ้มให้กับลูกค้ากับ Joy Drives Lives แทนคำขอบคุณที่ลูกค้าไว้วางใจและเลือกใช้รถมาสด้าให้เป็นรถคู่ใจไปตลอดการเดินทาง

ทั้งนี้ มาสด้ายังคงเดินหน้าตามแผนการดำเนินธุรกิจสู่ความยั่งยืน Retention Business Model ซึ่งเป็นกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจรูปแบบใหม่ แต่เพิ่มเติมเป้าหมายใหม่ที่ท้าทายยิ่งขึ้น มุ่งสู่การเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งด้าน Customer Retention และเป็นแบรนด์ที่ลูกค้าเลือก คือ Top Retention Brand ให้บริการที่ลูกค้าพึงพอใจ Top Service Retention นำเสนอคุณค่าของแบรนด์ผ่านประสบการณ์และความพึงพอใจสูงสุดของลูกค้า ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่มาสด้ามุ่งมั่นให้ความสำคัญกับการสร้างมูลค่าแบรนด์ (Brand Value Management) ก้าวสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต

มาสด้ายังคงยึดมั่นแนวทางในการสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งและยั่งยืนในประเทศไทย เพื่อมุ่งสู่การเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งในด้าน Customer Retention และ Service Retention เพื่อแทนคำมั่นสัญญาว่ามาสด้าจะเป็นแบรนด์หนึ่งเดียว ที่มอบความสุขและสร้างรอยยิ้มให้กับลูกค้าทุกคน แทนคำขอบคุณที่ลูกค้าไว้วางใจและเลือกใช้รถมาสด้าให้เป็นพาหนะคู่ใจไปตลอดการเดินทาง นับจากวันนี้และตลอดไป

‘สว.นครศรีธรรมราช’ อภิปรายในสภาฯ ชี้!! ปัญหาบริหารจัดการขยะ หลังมีชาวบ้านมาร้องเรียน ย้ำ!! นี่คือปัญหาระดับชาติ ที่ต้องเร่งแก้ไข

(14 ก.ย.67) นายณัฐกิตติ์ หนูรอด สมาชิกวุฒิสภา จ.นครศรีธรรมราช ได้นำเรื่องที่ได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้าน กรณีปัญหาบ่อขยะ ต.ช้างซ้าย อ.พระพรพม จ.นครศรีธรรมราช ไปอภิปรายในสภา เพื่อให้กระทรวงมหาดไทยลงไปตรวจสอบ และสอบถามความคิดเห็นจากประชาชน โดยณัฐกิตติ์ อภิปรายว่า มีเรื่องราวชาวบ้านร้องทุกข์การบริหารจัดการขยะ ซึ่งถือว่าไม่ใช่เป็นปัญหาระดับท้องถิ่น แต่เป็นปัญหาระดับชาติ โดยตนได้รับการร้องเรียนจากนายสมชาย เต็มดวง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 5 ต.ท่าเรือ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช พร้อมแนบรายชื่อผู้ได้รับความเดือดร้อน และคัดค้านโครงการ 600 คน สาระสำคัญของหนังสือร้องเรียนคือ

ในขณะนี้มีบริษัทแห่งหนึ่ง ได้เข้าไปขุดบ่อขนาดใหญ่ เพื่อก่อสร้างบ่อกำจัดขยะแบบฝังกลบ บริเวณ ม.8 ต.ช้างซ้าย อ.พระพรหม ทำให้ประชาชนในพื้นที่ และในพื้นที่หมู่ 4,5,15 และ 19 ต.ท่าเรือ และต.ดอนตรอ ต.ทางพูน อ.เฉลิมพระเกียรติ์ ได้รับผลกระทบทั้งด้านสิ่งแวดล้อม และสุขภาพ ซึ่งตอนนี้มีบุคคลที่ได้รับผลกระทบร่วมลงชื่อมาแล้ว 2000 คน

ณัฐกิตติ์ อภิปรายย้ำว่า การบริหารจัดการขยะ มีทั้งด้านบวก และลบ อยากให้กระทรวงมหาดไทยลงไปตรวจสอบ และสอบถามความคิดเห็นประชาชนในพื้นที่ เพื่อหาแนวทางในการช่วยเหลือ และแก้ไขปัญหา เพื่อจะได้รับรู้ร่วมกัน แก้ไขปัญหาร่วมกัน

กล่าวสำหรับบ่อกำจัดขยะช้างซ้าย ดำเนินโครงการโดยบริษัทเอกชน ในนามบริษัท ช้างซ้าย กรีน จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท มีตระกูลดังทางการเมืองท้องถิ่น และระดับชาติถือหุ้น รับกำจัดขยะจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่งในจังหวัดนครศรีธรรมราช และ/หรือจังหวัดข้างเคียง ด้วยวิธีฝังกลบบนเนื้อที่เกือบ 200 ไร่

โครงการเริ่มมีการขุดบ่อ ยกระดับถนนเข้าพื้นที่ และอยู่ระหว่างการเดินสำรวจรังวัด เพื่อออกเอกสารสิทธิ์ในที่ดิน (โฉนด) เนื่องจากที่ดินส่วนใหญ่เป็นที่ดินว่างเปล่า และมีชาวบ้านอยู่อาศัยบางส่วนโดยไม่มีเอกสารสิทธิ์

สภาพพื้นที่เป็นป่าพรุน้ำท่วมซ้ำซากทุกปี เป็นแหล่งรับน้ำและไหลลงสู่ลำคลองต่าง ๆ หลายสาย ผลกระทบ มีบ้านชาวบ้านที่อยู่ใกล้ที่สุดคือ 20 เมตรอยู่บริเวณปากบ่อได้รับผลกระทบทางด้านสุขภาพกลิ่นแมลงหนอน ซึ่งเป็นผลกระทบด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อม

ชุมชนที่อยู่ใกล้สุดประมาณ 300 เมตรโรงเรียน 600 เมตร วัด 700 เมตร แหล่งน้ำดิบสำหรับการใช้ทำประปาหมู่บ้านของอบต.ท่าเรือประมาณ 600 เมตร

ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบทั้งในปัจจุบัน และคาดว่าจะได้รับผลกระทบในอนาคต รวมตัวกันคัดค้านมาแล้วหลายครั้ง และวันที่ 15 กันยายน เวลา 09.00 น.ชาวบ้านก็นัดมารวมตัวคัดค้านอีกครั้ง เพื่อให้ข้อมูล แลกเปลี่ยนข้อมูลซึ่งกันและกัน

ล่าสุดผู้บริหารบริษัท ช้างซ้าย กรีน จำกัด ได้แจ้งขอยกเลิกการขออนุญาตสร้างบ่อกำจัดขยะกับทางองค์การบริหารส่วนตำบลช้างซ้ายแล้ว จนกว่าจะได้รับความยินยอมจากชาวบ้าน

การใช้คำว่า จนกว่าจะได้รับความยินยอมจากชาวบ้าน ทำให้ชาวบ้านคลางแคลงใจว่า บริษัทยังมีความพยายามต่อไปในการสร้างบ่อกำจัดขยะ

ในส่วนของการเดินสำรวจรังวัดเพื่อออกเอกสารสิทธิ์นั้น สำนักงานที่ดินเตรียมแจกเอกสารสิทธิ์แล้ว แต่ชาวบ้านร้องค้านไว้ทัน การแจกเอกสารสิทธิ์จึงต้องชะลอไว้ก่อน

กล่าวสำหรับการผลักดันบ่อกำจัดขยะโดยเอกชนเกิดขึ้นไล่เลี่ยกับบ่อกำจัดขยะทุ่งท่าลาดล้นเป็นภูเขาขยะ จนสภาทนายความโดยสมพร ดำพริก และคณะได้ยื่นฟ้องหน่วยงานของรัฐ 10 กว่าหน่วยงานต่อศาลปกครอง ให้ศาลมีคำสั่งแก้ไขปัญหา ศาลปกครองสั่งคุ้มครองชั่วคราว และให้แก้ไขปัญหา 2 ประการ แต่จนถึงขณะนี้ทางเทศบาลนครนครศรีธรรมราชก็ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ และในที่สุดทางเทศบาลนครนครศรีธรรมราชได้สั่งปิดบ่อกำจัดขยะทุ่งท่าลาด มีผล 1 ตุลาคมนี้เป็นต้นไป

ประเด็นปัญหาคือ เมื่อบ่อกำจัดขยะทุ่งท่าลาดปิดตัวลง บ่อขยะใหม่ของเทศบาล หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่นที่มีศักยภาพ ก็ไม่มี บ่อกำจัดขยะของเอกชนก็ยังไม่เกิด

นครศรีธรรมราชจะกลายเป็นเมืองที่มีปัญหา ‘วิกฤตขยะ’ แน่นอน

สตม.รวบ 3 เครือข่ายแก๊ง East Coast อยู่เกินกำหนดอนุญาต พบประวัติก่อคดีแทงเพื่อนร่วมชาติปางตาย

กก.4 บก.สส.สตม. จับกุม นายโมฮัมเหม็ด (สงวนนามสกุล) อายุ 28 ปี สัญชาติมัลดีฟส์, นายอาชแซม (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สัญชาติมัลดีฟส์ และนายอับดุลลา อายุ 19 ปี สัญชาติมัลดีฟส์ โดยกล่าวหาว่าเป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด นำตัวส่งพนักงานสอบสวน กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม. ดำเนินคดีตามกฎหมาย สถานที่จับกุม คอนโดมิเนียมย่าน ถ.รามคำแหง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ 

พฤติการณ์การจับกุม จากการสืบสวนของ กก.4 บก.สส.สตม. พบว่ามีคนต่างด้าวสัญชาติมัลดีฟส์ จำนวน 3 ราย  ได้เข้าพักอาศัยอยู่ที่ คอนโดมิเนียมย่าน ถ.รามคำแหง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ มีพฤติการณ์ต้องสงสัย จึงได้วางกำลังซุ่มสังเกตการณ์กระทั่งเวลาต่อมาพบชาวต่างชาติมีลักษณะท่าทางมีพิรุธเดินอยู่บริเวณคอนโดดังกล่าว จึงแสดงตนขอตรวจสอบหนังสือเดินทาง จากการสอบถามทราบชื่อว่านายโมฮัมเหม็ดแต่ไม่สามารถนำหนังสือเดินทางมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ได้โดยแจ้งแก่เจ้าหน้าที่ว่าหนังสือเดินทางของตนนั้นอยู่ภายในห้องพักและได้นำเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมขึ้นไปยังห้องพักพบนายอาชแซม และนายอับดุลลา ลักษณะท่าทางมีพิรุธ อยู่ภายในห้องพักดังกล่าว จึงตรวจสอบหนังสือเดินทางพบว่า คนต่างด้าวทั้ง 3 ราย การอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรสิ้นสุดลงแล้ว จึงได้จับกุมนำตัวส่งพนักงานสอบสวน กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม. ดำเนินคดีตามกฎหมาย

จากการตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่าทั้งสามรายมีประวัติกระทำความผิดในประเทศมัลดีฟส์ในข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นด้วยสิ่งแหลมคมและข่มขู่ผู้อื่นด้วยสิ่งแหลมคม โดยร่วมกันใช้อาวุธแทงผู้เสียหายบริเวณศีรษะ ใบหน้า และร่างกายจนได้รับบาดเจ็บสาหัสและอยู่ในกลุ่มเครือข่าย East Coast Gang อาชญากรรมท้องถิ่นของ มัลดิฟส์ ซึ่งเป็นกลุ่ม ที่ใช้ความรุนแรง และเกี่ยวข้องกับการจำหน่ายยาเสพติด และเป็นบุคคลที่องค์การตำรวจสากลได้ออกประกาศสีแดง (INTERPOL RED NOTICE)  

จับภาวะเศรษฐกิจไทย ในจังหวะ 'ต้นทุนแพง แข่งขันลำบาก' โจทย์ใหญ่สุดหินของรัฐบาล ส่วนฝ่ายค้านก็ค้านแต่เรื่องผิดๆ ถูกๆ

ข่าวปิดกิจการ ของห้างสรรพสินค้า ‘ตั้งฮั่วเส็ง ธนบุรี’ พร้อมการยุติการจ่ายกระแสไฟฟ้า เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2567 กระทบต่อผู้ประกอบการร้านค้า ที่เช่าพื้นที่ขาย บนอาคาร 12 ชั้น ทั้งหมด ร้านอาหารที่ใช้ตู้แช่เย็น เพื่อเก็บวัตถุดิบ หากไม่สามารถขาย หรือขนย้ายได้ทัน ก็คงเสียหายไปอีกไม่น้อย

ธุรกิจเอสเอ็มอีไทย 8 เดือนแรกปีนี้ 'ปิดกิจการ' 10,000 ราย ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) เปิดเผยว่า ข้อมูลการปิดกิจการของธุรกิจ SMEs ในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2567 มีอยู่ประมาณ 10,000 ราย (อ้างอิงข้อมูลกรมพัฒนาธุรกิจการค้า) โดยภาคอีสานและภาคเหนือเป็นภูมิภาคที่มีความเปราะบางสูงสุด สะท้อนจากสัดส่วนธุรกิจที่ปิดกิจการเทียบกับธุรกิจที่มีอยู่

ไม่ใช่แค่ปัจจัยเรื่องเศรษฐกิจที่กระทบต่อเอสเอ็มอีไทย แต่พบว่ายังมีความท้าทายจากปัจจัยภายในที่เผชิญ ซึ่งเป็นอุปสรรคในการดำเนินธุรกิจที่อุตสาหกรรมส่วนใหญ่ก็เผชิญร่วมกัน โดย 95% ของกลุ่มตัวอย่างพบว่า 3 เรื่องที่มีความกังวลและกดดันศักยภาพในการทำธุรกิจมากที่สุดคือ 

1.ต้นทุนการผลิต ต้นทุนการดำเนินงาน ต้นทุนวัตถุดิบที่สูง 

2.พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป 

3.กลยุทธ์การผลิตและการตลาดที่ล้าสมัย ทำให้เอสเอ็มอีไทยอาจมีแนวโน้มฟื้นช้ากว่าคาด

ทั้งนี้มองในระยะข้างหน้าปัญหาเหล่านี้อาจจะมีความรุนแรง แก้ไขและควบคุมได้ยาก พบ 4 ประเด็นจากปัจจัยภายนอกที่เข้ามาซ้ำเติมปัญหาเหล่านี้คือ 

1.ต้นทุนพลังงานที่น่าจะผันผวน 

2.ต้นทุนค่าแรงที่กำลังจะปรับสูงขึ้น 

3.สถาบันการเงินมีความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ 

และ 4.ปัญหาการแข่งขันที่รุนแรงโดยเฉพาะกับธุรกิจขนาดใหญ่ที่ขยายเข้าไปในท้องถิ่นต่าง ๆ ทำให้เอสเอ็มอีแข่งขันได้ยากขึ้น รวมถึงยังเน้นแข่งขันด้านราคา ที่ทำให้สภาพคล่องของธุรกิจด้อยลงอย่างต่อเนื่อง

ต้นทุนเป็นปัญหาหลัก ที่ส่งผลให้ SMEs ปิดตัวลงเป็นจำนวนมาก แต่รัฐบาล เตรียมประกาศปรับขึ้นค่าแรง 400 บาท ทั่วประเทศ ในวันที่ 1 ตุลาคม 2567 นี้ !! ซึ่งก็ต้องรอดูว่า มาตรการที่จะมาช่วยเหลือผู้ประกอบการ ที่ต้องแบกรับต้นทุนค่าแรงงาน ที่สูงขึ้น จะออกมาในรูปแบบใด หากมาตรการไม่สามารถช่วยเหลือได้ จำนวนตัวเลขการปิดกิจการ ก็คงเพิ่มขึ้นในอัตราก้าวหน้า และแรงงาน ก็คงตกงานกันอีกเป็นจำนวนมาก

ฝ่ายค้าน ที่จะต้องทำหน้าที่ตรวจสอบและควบคุมการบริหารของรัฐบาลให้เป็นไปโดยชอบตามทำนองคลองธรรม จากการอภิปรายล่าสุด ก็ยังไม่พบว่า มีข้อแนะนำในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ จากแกนนำฝ่ายค้าน อ่านตัวเลขงบประมาณ ยังผิด ๆ ถูก ๆ มีแต่ข่าวคราว การหาเสียงเลือกตั้งซ่อม เลือกตั้งท้องถิ่น ผลักดันสุราเสรี จัดสัมมนาเรื่อง Sex Tourism และเพศพาณิชย์ ที่ยังมองไม่เห็นว่า จะช่วยผลักดันเศรษฐกิจได้อย่างไร เมื่อเทียบกับโครงการรถไฟความเร็วสูง โครงการแลนด์บริจด์ 

ม.หอการค้าไทย เปิดเผย ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค เดือนสิงหาคม 2567 อยู่ที่ระดับ 57.7 เป็น 56.5 เป็นการปรับตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 และอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 13 เดือนนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2566 

เดือนมีนาคม 2567 'ดนันท์ สุภัทรพันธุ์' กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เคยกล่าวถึงกรณีการแข่งขันอันดุเดือดท่ามกลางสมรภูมิขนส่งไว้ว่า 'ไปรษณีย์ไทย' กำลังเจอปัญหาการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรมเพราะโดนกีดกันจากแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ เนื่องจากร้านค้าและลูกค้าไม่สามารถเลือกขนส่งเองได้ เขาเสนอว่า ต้องมี 'Regulator' หรือหน่วยงานที่เข้ามาทำหน้าที่กำกับดูแลเป็นผู้กำหนดกติกาการแข่งขัน เพื่อความเป็นธรรมและชัดเจนมากขึ้น 

เท่านั้นยังไม่พอ เพราะตอนนี้ต้องเจอศึกหนักจาก ‘Temu’ ที่มีความยากกว่าหลายเท่า เนื่องจากเป็นแพลตฟอร์มที่ไม่มีสำนักงานในไทย แม้แต่กรมสรรพากรก็ตรวจสอบไม่ได้ ทำให้ต้นทุนของ Temu ต่ำกว่าเดิม จากที่ส่วนแบ่งในตลาดถูก 'Shopee' และ 'Lazada' ปันส่วนไป 

ถ้าคนขายตาย ผู้ประกอบการตาย ขนส่งก็ไม่รอด ‘GDP’ ไหลออกนอกประเทศ แล้วรัฐบาลจะหารายได้จากแหล่งใด มากระตุ้นเศรษฐกิจ สุดท้าย ผู้ประกอบการ ธุรกิจ SMEs ในประเทศต้องปิดตัวลง ถ้ายังไม่แก้ สุดท้ายก็ตายกันหมด

นายกฯ อิ๊งค์ 'ผ่าน' แต่อนาคตน่าห่วง รุ่นใหม่ พท. ยกระดับเบียดขยี้พรรคส้ม

มีสถานการณ์ที่เกี่ยวกับเหตุบ้าน 'การเมือง' มากมายหลายประเด็นที่อยากจะเขียนเป็นรายงานสัก 3-4 หน้ากระดาษ  แต่ด้วยพื้นที่เล็กๆ ของ 'เลียบการเมือง' ขอใช้วิธีสรุปไฮไลต์ที่อยากหมายเหตุเอาไว้โดยเฉพาะการแถลงนโยบายของรัฐบาลเมื่อ 12-13 ก.ย.ที่ผ่านมาให้เป็นที่ประจักษ์ ณ วันนี้ ดังนี้...

1) กรณีแถลงนโยบาย
- นโยบายเร่งด่วน 10 ประการของรัฐบาลไม่มีอะไร 'ว้าว' กลางสภาฯ เพราะทักษิณ ชินวัตร เปิดว้าวไปก่อนแล้วเมื่อ 22 ส.ค.67 แต่ที่น่าจับตานโยบายเร่งด่วนร้อนๆ อย่าง เอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์, พลังงาน และพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา, แลนด์บริดจ์...จะเป็นองศาเดือดทางการเมือง ทำให้รัฐบาลเอียงกะเท่เร่หรือไม่? อย่างไร?

- กรณีนโยบาย ดิจิทัล วอลเล็ต แจก 1 หมื่นบาท ได้บทสรุปว่าจะแจกเฟสแรก 14.2 ล้านคนกลุ่มเปราะบาง จากงบฯ 2567 จำนวน 1.45 แสนล้านบาทที่มีอยู่ภายในวันที่ 25 ก.ย.67 ส่วนเฟสสองคำตอบจากในสภาและนอกสภาพอจะอนุมานสรุปได้ว่า...ไม่น่าจะมี รัฐจะช่วยเหลือในรูปแบบอื่น กรณีนี้จะกลายเป็นการ 'เสียรังวัด' ครั้งสำคัญของรัฐบาลนายกฯ อิ๊งค์

- ภาพรวมการแถลงนโยบาย นายกฯ อิ๊งค์-แพทองธาร ชินวัตร สอบผ่านแบบหวุดหวิด ถ้าไม่มีเหตุต้องไปตรวจอุทกภัยภาคเหนือต้องอยู่ในสภาฯ สองวันอาจสอบตกก็เป็นได้...และน่าเสียดายที่ยังไม่ใช้เวลาสภาในวันแรกให้เป็น 'นาทีทอง' ในการโชว์กึ๋น โชว์วิสัยทัศน์แบบชัดๆ ให้ขาเชียร์ได้กรี๊ดซักกรี๊ด...การพูดถึง...วาทกรรมเกลียดชัง ฝ่ายค้านเป็นฝ่ายแค้น...นั้น ถึงที่สุดมันก็คือ 'การเมืองเรื่องวาทกรรม' เหมือนกัน...

- ซีก สส.ฝ่ายค้าน พรรคประชาชน ที่นำโดยณัฐวุฒิ เรืองปัญหาวงษ์ หน.พรรค, ศิริกัญญา ตันสกุล รองหน.พรรค อภิปรายได้ตามมาตรฐานของตัวเองและพยายามเชื้อเชิญนายกฯ อิ๊งค์ ออกมาทำยุทธหัตถี (แต่ไม่ประสบความสำเร็จ) ฝ่ายค้านอีกหลายคนก็ได้ยกระดับฝีมือของตัวเองได้อย่าง น่าจับตา เช่น ศุภโชติ ไชยสัจ (เรื่องพลังงาน), ภคมน หนุนอนันต์ (เรื่องแลนด์บริดจ์) ฯลฯ

- ขณะที่ซีกรัฐบาล ต้องยอมรับว่ารอบนี้ สส.คนรุ่นใหม่พรรค เพื่อไทย ได้ยกระดับ-ทำการบ้านมาอภิปรายได้น้ำได้เนื้อดีกว่าอภิปรายเรื่องงบประมาณฯหรือรอบอื่นๆ ไม่ว่า นิกร โสมกลาง  สส.โคราช, ขัตติยา สวัสดิผล (บัญชีรายชื่อ), รวี  เล็กอุทัย (อุตรดิตถ์), ชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ (บัญชีรายชื่อ) ฯลฯ ... จากนี้ไปน่าจะได้เห็น 'รุ่นใหม่เพื่อไทย' ประชันขันแข่ง 'รุ่นใหม่พรรคส้ม' ได้แบบน่าดูชม เหลือแต่ 'รุ่นใหม่ภูมิใจไทย' ที่จะต้องรีบโชว์กึ๋นอีกหน่อย...

- ในขณะที่พรรคอื่นๆ เช่น รวมไทยสร้างชาติ บทบาทเด่น กลับไปโฟกัสอยู่ที่คนรุ่นใหม่อย่าง เอกนัฏ พร้อมพันธ์ เลขาธิการพรรค ในฐานะรมว.อุตสาหกรรม และสส.บัญชีรายชื่อ...ที่ประกาศนโยบายและปณิธานการทำงาน...

2) สงครามสองบ้าน-อนาคตอิ๊งค์...
- สรุปสั้นๆ ได้เพียงว่า กรณี 'คลิปลุง' หลุดออกมานั้น เป้าหมายหลักก็เพื่อหยุดและบดขยี้แนวรบบ้านในป่าที่เป็นเสมือนเสี้ยนหนามในรองเท้ารัฐบาลให้สิ้นซาก...เป็นสงครามบ้านจันทร์ส่องหล้า-บ้านในป่า ภาคสุดท้าย...หมัดเด็ดของบ้านในป่าคือ การใช้กฎหมายที่เรียกว่า 'นิติสงคราม'...ล่าสุดไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรค พรรคพลังประชารัฐ ตอบโต้เรื่องคลิปด้วยการฟ้องเรียกค่าเสียหาย 50 ล้าน และให้ กสทช.ยุบรายการ 'เจาะลึกทั่วไทย อินไซด์ไทยแลนด์' ทางช่อง 9 อสมท.ของ 'หมาแก่'...

- แม้ขณะนี้จะมีเรื่องร้องเรียน กล่าวหารัฐบาล-ตัวนายกฯ และพรรคเพื่อไทยสารพัดสารพัน แต่กว่าเรื่องราวต่างๆ จะตั้งแฟ้มตั้งเรื่องว่าจะปัดตกหรือเดินหน้าต่อไป อย่างเร็วก็อีก 3-4 เดือนข้างหน้า...นายกฯ ไม่ต้องมาเสียสมาธิกับเรื่องราวเหล่านี้ เพราะมีทีมงานที่จะดำเนินการอยู่แล้ว...โจทย์ใหญ่ของนายกฯ อิ๊งค์คือ ใน 2-3 เดือนนี้ ต้องแสดงฝีมือการทำงาน-โชว์กึ๋นให้เป็นที่ประจักษ์สักเรื่องสองเรื่อง...แม้ว่ารอบนี้เข้ามาทำงานโดยไม่มีกติกา 'ทดลองงาน' หรือ Probation ก็ตาม...

- 'เล็ก เลียบด่วน' ทำโพลส่วนตัวมาแล้ว...พบว่านับจากวันถวายสัตย์ปฏิญาณตน จนถึงวันที่ 14 ก.ย.ที่เขียนต้นฉบับ...หากใช้ระบบทดลองงานโอกาสที่จะผ่านโปรฯ อยู่ที่ 50/50...ต้องฮึดและปรับกระบวนท่ามีสมาธิอีกพอประมาณ !!


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top