Friday, 30 May 2025
TheStatesTimes

‘หนุ่มพิการ’ ใจสู้ ‘ส่งพิซซ่า-ขับวิน-ขับไรเดอร์’ หาเงินเลี้ยงตัวเอง เผย!! ถูกรถชนขาขาด ตอนอายุ 18 ปี ต้องใส่ ‘ขาเทียม’ ตลอดชีวิต

(3 ส.ค.67) สมาชิก TikTok @sudjai2529 โพสต์คลิปความสู้ชีวิตของหนุ่มไรเดอร์คนหนึ่ง ซึ่งเหลือขาแค่ข้างเดียว อีกข้างใส่ขาเทียมเอาไว้ เดินรับออร์เดอร์จากร้านค้าไปส่งลูกค้า

ซึ่งผู้โพสต์เป็นแม่ค้าร้านขนมจีนอยู่แถวห้วยขวาง หลังจากเห็นหนุ่มไรเดอร์คนนี้มารับอาหาร และสังเกตเห็นว่าใส่ขาเทียมข้างนึง ก็ได้เริ่มพูดคุยจนทราบว่า น้องชื่อ จูเลียน เป็นลูกครึ่งไทย-ฝรั่งเศส และสามารถพูดภาษาอังกฤษได้ด้วย

จูเลียน ไม่ได้พิการตั้งแต่กำเนิด แต่เมื่อตอนอายุ 18 ปี ถูกรถชนจนขาขาด ต้องใส่ขาเทียมไปตลอดชีวิต ปัจจุบันอายุ 36 ปี จูเลียนสู้ชีวิตมาก ทำงานทุกอย่างเพื่อเลี้ยงตัวเอง ทั้งส่งพิซซ่า ขับไรเดอร์หลายๆ เจ้า รวมทั้งขับวินด้วย

นอกจากนี้ในติ๊กต็อกของ จูเลียน ‘ranghuakhwang’ พบว่าได้โพสต์คลิปไว้หลายคลิป ส่วนใหญ่เป็นคลิปช่วงที่กำลังทำงานส่งอาหารให้ลูกค้า ดูแล้วสู้ชีวิตมาก และไม่ยอมแพ้ พยายามทำงานหาเลี้ยงตัวเอง และมีคลิปนึงที่จูเลียนพูดเอาไว้ว่า “ให้ผมหยุดทำงาน ผมทำไม่ได้ สู้อยู่แล้ว”

ขณะเดียวกัน ผู้โพสต์ก็ได้พยายามไลฟ์ขายเสื้อวินเทจ เพื่อนำเงินส่วนหนึ่งไปช่วยเหลือจูเลียนอีกด้วย เพื่อเป็นกำลังใจให้น้องได้มีแรงสู้ต่อไปแม้จะไม่สมบูรณ์ก็ตาม ขณะเดียวกันหลังคลิปของจูเลียนเผยแพร่ออกไป ก็มีคนเข้ามาให้กำลังใจจำนวนมาก

'Yusuf Dikec' ความสำเร็จบนมือข้างหนึ่งที่อยู่ในกระเป๋า เพราะความผ่อนคลายแบบเก๋าๆ ทำให้เหล่าคู่แข่งรู้สึกปั่นป่วน

(3 ส.ค.67) มือข้างหนึ่งล้วงกระเป๋า ไม่ใส่แว่นตาพิเศษสำหรับการยิงปืน สวมเสื้อยืดสบาย ๆ และดูท่าทางผ่อนคลายสุดขีด นี่คือภาพของ ยูซุฟ ดิเคช นักกีฬายิงปืนโอลิมปิกจากตุรกี ที่กลายเป็นไวรัลบนโซเชียลมีเดีย โดยบางความเห็นบอกว่า ‘ตุรกีส่งนักฆ่ามาแข่งขันโอลิมปิก’

‘ถึงแม้ว่าผมจะดูเท่ แต่ในใจผมมันตรงกันข้าม’ ยูซุฟ ดิเคช บอกกับสื่อตุรกี หลังจากคว้าเหรียญเงินในการแข่งขันยิงปืนลมระยะ 10 เมตร ประเภททีมผสม ร่วมกับเพื่อนนักกีฬาหญิง เซฟวาล อิลายดา ทาร์ฮาน

‘แต่ภายนอกของผมที่ผ่อนคลาย ทำให้คู่แข่งของผมปั่นป่วน’ เขากล่าวเสริม

โซเชียลมีเดียของโอลิมปิกเกมส์ เผยแพร่ภาพของยูซุฟ และคิม เยจี นักแม่นปืนหญิงจากเกาหลีใต้ โดยบรรยายว่าพวกเขาคือ ‘ดาวเด่นในกีฬายิงปืนโอลิมปิกที่พวกเราไม่รู้มาก่อนว่าเราต้องการ’

ในสัปดาห์นี้ ยูซุฟ ดิเคช สร้างประวัติศาสตร์กับเพื่อนร่วมทีมด้วยการคว้าเหรียญโอลิมปิกในกีฬายิงปืนเป็นเหรียญแรกให้กับตุรกี

ความตรงกันข้ามระหว่างยูซุฟและคู่แข่งของเขาที่เพียบพร้อมไปด้วยอุปกรณ์พิเศษ ซึ่งแตกต่างกับท่าทางสบาย ๆ ของยูซุฟ ทำให้เกิดมีมจำนวนมากเกี่ยวกับนักแม่นปืนตุรกีผู้นี้บนโซเชียลมีเดีย
เมื่อถามถึงวิธีการยิงปืนที่ดูผ่อนคลายแบบนั้น ยูซุฟในวัย 51 ปี บอกว่า เขาเป็น ‘นักยิงปืนโดยธรรมชาติ’

‘บางครั้งกรรมการก็ถามว่า คุณไม่มีแว่นตายิงปืนหรือรองเท้าแข่งโดยเฉพาะหรือ’

‘ผมตอบไปว่า ไม่มีครับ ผมเป็นนักยิงปืนโดยธรรมชาติ แล้วก็ขำๆ ไป

เหตุผลที่มือข้างหนึ่งต้องล้วงกระเป๋าไม่ได้เป็นเพราะเพื่อความเท่ แต่ยูซุฟบอกว่า เขาล้วงกระเป๋าเพื่อให้ร่างกายมีสมดุลที่ดีขึ้น

ทักษะการยิงปืนของยูซุฟไม่ได้เกิดขึ้นจากประสบการณ์ในฐานะนักกีฬาเท่านั้น แต่เป็นเพราะว่าเขามีอาชีพเป็นทหาร

เขาเป็นอดีตจ่าสิบเอกที่เกษียณอายุแล้วจากกองกำลังผสมทหารตำรวจของตุรกี

เส้นทางการกีฬาของยูซุฟเริ่มต้นตอนที่เขาอายุ 28 ปี โอลิมปิกที่ปารีส เป็นการแข่งขันโอลิมปิกครั้งที่ 5 ติดต่อกัน แต่เขาไม่เคยมีผู้ฝึกสอนกีฬาเลย

‘ในการฝึกซ้อม ผมจะฝึกท่าทางของตัวเอง ถ้ามีผู้ฝึกสอน เขาก็อาจจะคอยสังเกตและจดบันทึกลักษณะท่าทางของผมได้และมีตารางการฝึกเป็นเรื่องเป็นราว’

แต่แม้ว่ายูซุฟจะไม่มีผู้ฝึกสอนหรือโค้ช เขาก็สามารถคว้าแชมป์โลกยิงปืนได้สองแชมป์เมื่อปี 2014 จากการแข่งขันยิงปืนพกมาตรฐานระยะ 25 เมตร และปืนสั้นฉนวนกลางระยะ 25 เมตร และในโอลิมปิกครั้งนี้เขาสามารถคว้าเหรียญเงินในการแข่งขันยิงปืนลมระยะ 10 เมตร ได้สำเร็จ

ยูซุฟยังเป็นแชมป์ยิงปืนยุโรป 7 สมัย โดยล่าสุดเป็นแข่งขันในปีนี้ที่เมืองเจอร์ (Győr) ประเทศฮังการี

ระหว่างเดินทางกลับตุรกี เขากล่าวถึงเป้าหมายในการแข่งขันโอลิมปิก ฤดูร้อนปี 2028 ที่ลอสแอนเจลิสด้วยว่าจะเข้าร่วมการแข่งขันแต่ต้องดูสภาพร่างกายก่อนว่าพร้อมหรือไม่

‘ผมจะเริ่มเตรียมตัวสำหรับแข่งโอลิมปิก 2028 ตั้งแต่วันนี้ เราจะเดินหน้าต่อไปจนกว่าเราจะได้เหรียญทอง เราเสียมันไปในนาทีสุดท้าย ซึ่งถือว่าโชคไม่ดี’

‘ผมบอก (ทีมชาติเซอร์เบียที่ได้เหรียญทอง) ว่าเราแค่ให้ยืมเหรียญทองเท่านั้นนะ และเราจะมาเอาคืนในปี 2028’

เมื่อส่องประวัติของยูซุฟบนเว็บไซต์ของโอลิมปิก เขาเขียนบรรยายตัวเองว่า ‘ความสำเร็จไม่ได้มาจากการที่มือสองข้างเอาแต่ล้วงอยู่ในกระเป๋า’

ทว่าสำหรับการคว้าเหรียญโอลิมปิกครั้งล่าสุด ได้พิสูจน์แล้วว่าความสำเร็จก็อาจจะมีขึ้นได้เพราะมือข้างหนึ่งอยู่ในกระเป๋า และจากการฝึกซ้อมอย่างหนักเป็นเวลาหลายปี

อีกด้าน!! โฆษณา Apple ช่วยภาพลักษณ์อันดีงามของประเทศไทย แต่ดรามาลาม เพราะ 'คลิปชาวต่างชาติ-ผู้ชมไม่เข้าใจเนื้อหาสาระ'

(3 ส.ค.67) จากเฟซบุ๊ก 'พณาเจือเพ็ชร์ กฤษณะราช' โดย รศ.พ.ต.อ.พณาเจือเพ็ชร์ กฤษณะราชอดีตสมาชิกวุฒิสภาระยอง ได้โพสต์ข้อความปมดรามาโฆษณา Apple ไว้ว่า...

#คนที่อ่านหนังสือไม่เกิน 
#8บรรทัดไม่ต้องอ่านนะครับ

Apple ถอดโฆษณา The Underdogs แล้ว 
แถลงขอโทษ ชี้ ตั้งใจถ่ายทอดวัฒนธรรมที่ดีของไทย

เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม จากกรณีโฆษณา The Underdogs: OOO (Out Of Office) ซึ่งถ่ายทำในประเทศไทย ได้ถูกวิจารณ์อย่างหนัก ว่าเป็นการด้อยค่าการท่องเที่ยวในประเทศไทย นั้น 

ล่าสุด บริษัท Apple ได้ลบคลิปวิดีโอดังกล่าวออก ทั้งยังได้ออกแถลงการณ์ ระบุว่า...

สืบเนื่องจากซีรีส์โฆษณา 'The Underdogs' ซึ่งถือเป็นผลงานชิ้นที่ 5 ในซีรีส์นี้ ทางเรามีการทำงานใกล้ชิดร่วมกับบริษัทในประเทศไทยเพื่อดำเนินการสร้างและผลิตชิ้นงานโฆษณาซึ่งได้ทำการถ่ายทำในประเทศไทย 

ทั้งนี้เรามุ่งหวังและมีความตั้งใจที่จะถ่ายทอดวัฒนธรรมและมุมมองความคิดในแง่ดีของประเทศไทย 

และเราขออภัยที่โฆษณาชิ้นนี้ไม่ได้นำเสนอวิถีชีวิตของประเทศไทยที่เป็นอยู่ในปัจจุบันได้อย่างครบถ้วนและเหมาะสม ณ ตอนนี้ 

ทางเราได้ดำเนินการยุติการเผยแพร่โฆษณาดังกล่าวแล้ว

#ความเห็นผม
ผมขอพูดในฐานะที่เป็นคนไทยแท้ๆ คนหนึ่ง ที่ได้รับการศึกษาทั้งจากในประเทศไทยและในต่างประเทศ 

เป็นคนไทยที่ เข้าใจภาษา การสื่อสารสากล เข้าใจทั้งวัฒนธรรมไทยและวัฒนธรรมสากล 

ผมได้ดูภาพยนตร์เรื่องนี้หลายรอบ ดูแบบตั้งใจเก็บรายละเอียด 

ผมมองไม่เห็นความเสียหายใดๆ จะเกิดขึ้นกับประเทศไทย จากภาพยนตร์เรื่องนี้เลย 

นอกจากไม่เสียหายแล้วภาพยนตร์เรื่องนี้ ยังเสริมสร้างภาพพจน์ภาพลักษณ์ที่ดี ในเรื่องความมีน้ำใจของคนไทย และ ความสามารถในการทำเรื่องที่ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้

ผมเล่าย่อๆ ก็แล้วกัน อาจมีรายละเอียดตัวเลขคลาดเคลื่อนไปบ้าง แต่ข้อเท็จจริงและประเด็นในมุมมองของผมครบ

ภาพยนตร์สั้นเรื่องนี้ความยาว 10 นาทีนิดๆ

เนื้อหาเกี่ยวกับภารกิจของคณะชาวอังกฤษ 3 คน ได้รับคำสั่งจากเจ้านายให้หาโรงงานผลิตกล่องไอโฟนครึ่งล้านกล่องให้ได้ภายใน 10 วัน

เจ้านายพิจารณาแล้ว ที่จะทำได้ดี มีมาตรฐานก็คือประเทศไทย

ทั้ง 3 คนก็บินมาประเทศไทย พอมาถึงสนามบิน กระเป๋าเดินทาง 1 ในขณะนั้นหาย (ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติ)

(บรรยากาศสนามบินในภาพยนตร์มันไม่ตรงกับความจริง ดูมันเหมือนแออัด ไม่เจริญสับสนวุ่นวาย เพราะมันเป็นภาพยนตร์ เป็นภาพยนตร์ในแนวตลกขบขัน)

คนที่หายก็ไปแจ้งกับพนักงานเคาน์เตอร์ชื่อ 'แฮปปี้'

แฮปปี้ บอกว่าไม่มีปัญหา จะติดตามกระเป๋าคืนให้ แล้วแฮปปี้ ก็ เอากระเป๋ามาคืนให้ที่โรงแรม

ที่โรงแรมแฮปปี้เห็นความทุกข์ของคณะที่จะต้องปฏิบัติภารกิจนี้ให้สำเร็จ 

แต่ไม่มีที่ไปไม่รู้จะทำอย่างไร เวลาเหลืออีก 4 ชั่วโมงจะถึงเส้นตาย

แฮปปี้ ผู้ซึ่งไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรเลย แค่เอากระเป๋าเดินทางมาคืน ได้อาสาพาคณะนี้มาที่ระยองบ้านผม พามาด้วยน้ำใจล้วนๆ

โรงงานระยองได้ผลิตกล่องให้ตามความต้องการช่วยจบภารกิจนี้ได้สำเร็จ

ภาพยนตร์เป็นภาพยนตร์ในแนว ตลกขบขัน การถ่ายทำสวยงาม ดูสนุก

ในสายตาผมไม่มีเนื้อหาตรงไหนที่บอกว่า ประเทศไทยเป็นประเทศด้อยพัฒนา หรือหมิ่นเหยียด คนไทย 

ไม่เห็นกะหรี่ ยาเสพติดที่มีเกลื่อนประเทศ 
คณะก็ไม่ได้ถูกลัก วิ่ง ชิง ปล้น
ฆ่า ข่มขืน
มีแท็กซี่ผมยาวหน่อยก็ไม่ได้ผิดอะไร
ไปส่งโรงแรมผิดเป็นโรงแรมจิ้งหรีดชื่อมันพ้องกัน (อย่าดัดจริตว่าไม่มี)
ต่อมาก็ได้ไปนอนโรงแรมหรูตามที่จองมา
และต้องเข้าใจว่ามันเป็นภาพยนตร์ ทำให้ดูสนุก

สาเหตุที่เกิดปัญหาจากภาพยนตร์เรื่องนี้
มาจากคลิปของชาวต่างชาติคนหนึ่ง น่าจะเป็นคนอังกฤษ
ผมเข้าใจว่าเขาอยู่เมืองไทย สอนภาษา หรือไม่ก็ไปๆมาเป็นประจำ
เขาพอพูดภาษาไทยได้ 
เขามักจะทำ คลิปเกี่ยวกับชีวิตคนไทย 
ผมก็เคยดู และมีคนนิยมดูมากกว่าคลิปผม (5555)

นายคนนี้มาจับประเด็นว่าภาพยนตร์นี้ หมิ่นคนไทย 
ทำคลิปชี้นำไปในทางนั้น 
คลิปที่เขาทำเป็นไวรัลมีผู้ชม 4 ล้านกว่าคน 

คนไทยที่ไม่ได้ดูภาพยนตร์เรื่องนี้มงคลตื่นข่าวกันใหญ่ ไปคล้อยตามที่เขาชี้นำ กระหน่ำเมนต์ด่า พาลชวนให้ไม่ใช้โทสับยี่ห้อนี้ โดยลอกขี้ปากตาม ๆ กันมา

วิจารณ์ต่อ ๆ กันโดยไม่รู้เรื่อง ไม่ได้ชมภาพยนตร์ หรือถ้าชมก็ไม่เข้าใจเนื้อหาสาระ

คนที่ชมจริง ๆ โดยละเอียดหลายรอบอย่างผม ผมว่าคงคิดคล้าย ๆ ผมไม่ได้คิดแบบนายคนทำคลิป ไม่ได้มองเห็นแบบนั้น 

ผมขอฝากให้คิดกันว่า 
คนทำคลิปที่กล่าวหาว่าภาพยนตร์นี้ดูหมิ่นคนไทย 
เขาไม่ได้เป็นคนไทย เขาไม่รู้จักประเทศไทยและคนไทยดีเท่าผม
ไอ้คำที่ว่า ฝรั่งหัวใจคนไทย มันไม่มีอยู่จริง

คลิปที่เขาทำก็เพื่อผลประโยชน์รายได้ 
จากยอด Like ยอดวิว ยอดผู้ชม ของตัวเขาเอง 
เขาไม่ได้ทำเพื่อรัก หวังดีกับประเทศไทยแต่อย่างใด
เพราะเขาไม่ใช่คนไทย 
ป่านนี้มันนั่งหัวเราะเยาะแล้วว่าคนไทยโง่ที่เชื่อมัน

บริษัทที่ผลิตโฆษณานี้ ผมว่าเขามีความรับผิดชอบสูง 
เมื่อมีมุมมองเหมือนกับจะกระทบ กับประเทศไทย 
เขาก็ยกเลิกภาพยนตร์เรื่องนี้ไป โดยจรรยาบรรณและมารยาท
ผมรู้สึกเสียดายเป็นอย่างยิ่ง 

ในความเห็นผม ขอสรุปสั้น ๆ ในตอนท้ายอีกครั้ง 
ภาพยนตร์เรื่องนี้ นอกจาก ไม่หมิ่นไม่ได้เหยียดแล้ว 
ยังเป็นการเผยแพร่ ภาพลักษณ์อันดีงามของประเทศไทย
และผมชมด้วยโยนิโสนมสิการ

อ้อ!! ตัวผม เกิดมาไม่เคยใช้ iphone ผมใช้ Samsung ครับ

ความเห็นผมนี่สิ ของจริงของแทร่ 
ความจริง จากอุดมการณ์ล้วน ๆ

นายฝรั่งที่ทำคลิปคนนั้น จะไปดีเบตเรื่องนี้กับผมที่ไหนก็ได้ ใช้ภาษาผม ภาษาคุณก็ได้ ทุกที่ทุกเวลา

#saveประเทศไทยบริโภคปลาหมอคางดำ
#ฉันรักระยองบ้านฉัน
รศ.พ.ต.อ.พณาเจือเพ็ชร์ กฤษณะราช
อดีตสมาชิกวุฒิสภาระยอง

ณ บ้านสวนคลองทุเรียน
ชากพง แกลง ระยอง

‘เศรษฐา’ สั่ง ‘ดีอี-ตำรวจ-สรรพากร’ ตรวจสอบแพลตฟอร์มจากจีน ย้ำ!! ต้องยึดกฎหมายเป็นหลัก มาทำการค้าบ้านเรา ก็ต้องเสียภาษีให้เรา

(3 ส.ค.67) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังลงพื้นที่จ.นราธิวาส ถึงกรณีแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ Temu ของจีนเข้ามาตีตลาดไทย รวมถึงตลาดอื่นทั่วโลก จึงกังวลว่าเงินจะถูกส่งกลับจีน โดยไม่ได้มีการจ่ายภาษีให้กับประเทศไทยว่า ก็ต้องมีการตรวจสอบและได้มีการกำชับไปที่กรมสรรพากร และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(ดีอี)แล้ว เพราะตอนนี้ปัญหาเหล่านี้เป็นปัญหาใหญ่ ความก้าวหน้าเทคโนโลยีมีสูงมาก ฉะนั้นเราต้องเตรียมการให้ทัน

เมื่อถามว่า จะมีแนวทางแก้ปัญหาอย่างไร ที่จะไม่ให้มีการตีตลาดบ้านเรา นายกฯ กล่าวว่า แน่นอนถ้าเกิดมาทำการค้าบ้านเราต้องเสียภาษีที่เรา ตรงนี้ต้องยึดกฎหมายเป็นหลัก เมื่อถามย้ำว่า ต้องดูให้เขาเสียภาษีใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า แน่นอน แน่นอนอยู่แล้วครับ

เมื่อถามต่อว่า ตอนนี้ได้มีการตรวจสอบแพลตฟอร์มดังกล่าวแล้วหรือยัง นายกฯ กล่าวว่า มีครับ ได้สั่งการไปที่ดีอีสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) และกรมสรรพากรด้วย เรื่องนี้ได้มีการพูดคุยกันตลอด เพราะถือเป็นเรื่องสำคัญ อย่างเรื่องของสินค้าที่มีมูลค่าไม่เกิน 1,500 บาท ได้รับการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม(VAT) ก็ถือเป็นส่วนหนึ่ง เพราะเอสเอ็มอีของเราเป็นภาคส่วนที่เปราะบาง เราเองต้องช่วยปกป้อง

เมื่อถามว่า หากพบมีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้อง นายกฯ กล่าวว่า คำตอบมันอยู่ในตัวอยู่แล้วว่า รัฐบาลชุดนี้ควบคุมเรื่องนี้ ถ้าพิสูจน์ทราบได้ แต่เราต้องให้ความเป็นธรรมกับข้าราชการด้วย แต่ถ้าหากพิสูจน์ได้ก็ต้องดำเนินการตามกฎหมายขั้นเด็ดขาด

สุดอาลัย!! ‘เพลิน พรหมแดน’ เจ้าของฉายา ‘ราชาเพลงพูด’ จากไปอย่างสงบ ด้วยสิริอายุ 85 ปี

๏ พูดเพลงบรรเลงร้อง ร่ายทำนองคล้องคลอคำ
เสน่ห์มิเลือนจำ ท่วงลำนำชำนัญชื่อ
เล่าเรื่องประสมเสียง ผสานเรียงอันเลื่องลือ
ร้อยเส้นอักษรสือ สมญาคือ ‘เพลิน พรหมแดน’ ๚๛

พรชัย นวการพิศุทธิ์ / ประพันธ์

เหตุใด Berkshire ของ 'ปู่บัฟเฟตต์' จึงเทขายหุ้น Apple ออก 49% แม้จะทำกำไรได้สวย และไม่น่าจะเป็นแค่การประหยัดภาษี

(4 ส.ค. 67) นักลงทุนทั้งในไทยและต่างประเทศกำลังสนใจและอยากทราบว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อมีข้อมูลว่า เบิร์กเชียร์ แฮธาเวย์ (Berkshire Hathaway) บริษัทโฮลดิงของ วอร์เรน บัฟเฟตต์ (Warren Buffett) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของบริษัทแอปเปิล (Apple Inc.) ได้ขายหุ้นแอปเปิลออกไปแล้วเกือบครึ่งหนึ่งในไตรมาส 2 ปี 2024 ที่ผ่านมา หลังจากที่ขายออกไป 13% ในไตรมาสแรก ขณะที่ฝั่งแอปเปิลนั้น เพิ่งรายงานผลการดำเนินงานว่ามีกำไรสุทธิในไตรมาส 3 (เมษายน-มิถุนายน) ของปีงบการเงิน 2024 ทำสถิติสูงสุด 21,448 ล้านดอลลาร์ 

ซีเอ็นบีซี (CNBC) รายงานในวันที่ 3 สิงหาคมว่า เบิร์กเชียร์ แฮธาเวย์ เปิดเผยว่า ณ สิ้นไตรมาส 2 ปี 2024 บริษัทถือหุ้นแอปเปิลอยู่เป็นมูลค่า 84,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งบ่งชี้ว่าบริษัทของบัฟเฟตต์ได้ขายหุ้นแอปเปิลออกไปถึง 49.4% ของจำนวนที่เคยถืออยู่เมื่อเริ่มต้นไตรมาส 

ทั้งนี้ บัฟเฟตต์ลดการถือหุ้นของแอปเปิลลง 13% ในไตรมาสแรกของปีนี้ และแย้มในการประชุมประจำปีของ เบิร์กเชียร์เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านว่า เหตุผลที่ขายออกไปนั้นเป็นเพราะเหตุผลด้านภาษี และบัฟเฟตต์บอกว่าการขายหุ้น ‘แอปเปิลจำนวนเล็กน้อย’ ในปีนี้จะส่งผลดีต่อผู้ถือหุ้นของเบิร์กเชียร์ในระยะยาว หากรัฐบาลสหรัฐต้องการขึ้นอัตราภาษีกำไรจากการขายหุ้นในอนาคตเพื่ออุดช่องว่างทางการคลังที่เพิ่มสูงขึ้น แต่ขนาดของการขายหุ้นครั้งนี้บ่งชี้ว่าอาจมีเหตุผลมากกว่าแค่เรื่องการประหยัดภาษี

ทั้งนี้ ราคาหุ้นของแอปเปิลร่วงลงในไตรมาสแรกของปีนี้ เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าแอปเปิลจะล้าหลังในด้านนวัตกรรมปัญญาประดิษฐ์ (AI) แต่ในไตรมาสที่ 2 หุ้นแอปเปิลก็พุ่งขึ้นถึง 23% สู่ระดับสูงสุดใหม่ หลังจากที่บริษัทได้เปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมแก่ผู้ลงทุนเกี่ยวกับอนาคตของบริษัทในด้านปัญญาประดิษฐ์

ซีเอ็นบีซีระบุว่า ยังไม่ชัดเจนว่าเหตุใดนักลงทุนที่มีชื่อเสียงโด่งดังในด้านการเน้นลงทุนระยะยาวอย่างบัฟเฟตต์จึงขายหุ้นที่ซื้อมาเมื่อ 8 ปีก่อน อาจจะเป็นเหตุผลของบริษัทเอง หรือการประเมินมูลค่าตลาด หรือเพราะข้อกังวลด้านการจัดการพอร์ตโฟลิโอ (โดยปกติแล้วบัฟเฟตต์ไม่อยากให้หุ้นตัวใดตัวหนึ่งมีสัดส่วนในพอร์ตใหญ่มากเกินไป) ซึ่งหุ้นแอปเปิลที่เบิร์กเชียร์ถืออยู่นั้น ครั้งหนึ่งเคยมีจำนวนมากจนกินสัดส่วนครึ่งหนึ่งของพอร์ต 

นอกจากหุ้นแอปเปิลแล้ว เบิร์กเชียร์ แฮธาเวย์ ของบัฟเฟตต์ได้ขายหุ้นธนาคารแบงก์ออฟอเมริกา (Bank of America) อย่างต่อเนื่อง 12 วันติดต่อกัน นับถึงวันที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา คิดเป็นมูลค่า 3,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ 

ทั้งนี้ โดยภาพรวม รายงานประจำไตรมาส 2/2024 ของเบิร์กเชียร์แสดงให้เห็นว่าบัฟเฟตต์เทขายหุ้นออกไปในไตรมาสดังกล่าว ในช่วงที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 (S&P 500) พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากการคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะ ‘ชะลอตัว’ และล่าสุด การลงจอดอย่างนุ่มนวล (Soft Landing) ถูกตั้งคำถาม เนื่องจากรายงานตัวเลขการจ้างงานเดือนกรกฎาคมที่เผยแพร่เมื่อวันศุกร์ที่ 2 สิงหาคม ออกมาต่ำกว่าคาด

ด้านรอยเตอร์ (Reuters) รายงานว่า ดูเหมือนว่า วอร์เรน บัฟเฟตต์ มีความกังวลเกี่ยวกับหุ้นมากขึ้น จึงเลือกที่จะไม่ใช้เงินลงทุนแล้วปล่อยให้เงินสดของเบิร์กเชียร์สูงเกือบ 277,000 ล้านดอลลาร์ และยังขายหุ้นแอปเปิลออกไปจำนวนมาก แม้ว่าแอปเปิลจะรายงานกำไรจากการดำเนินงานในไตรมาส 2 ทำสถิติกำไรรายไตรมาสสูงที่สุดก็ตาม

ตามเชียร์รอบหน้า 'จันทร์แจ่ม สุวรรณเพ็ง' เจอนักชกโครโมโซม XY ฟาก 'ทรัมป์' ร่วมวงขัดขวางผู้ชายเข้าแข่งกีฬาประเภทหญิง

(4 ส.ค. 67) เอ็นบีซี/ฟ็อกซ์นิวส์ เผย เมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ได้โพสต์ข้อความบนบัญชีทรัสต์ โซเชียลของตนเอง บอกว่าเขาจะสู้เพื่อขัดขวางผู้ชายจากการเข้าแข่งขันกีฬาประเภทหญิง ท่ามกลางประเด็นเกี่ยวกับนักมวยสมัครเล่นหญิงชาวแอลจีเรีย ในศึกโอลิมปิกเกมส์ แผ่ลามเรื่องถกเถียงนี้เข้าสู่แวดวงทางการเมือง

ทรัมป์ แชร์วิดีโอหนึ่งเป็นภาพการแข่งขันมวยสากลสมัครเล่นหญิงในโอลิมปิกเกมส์ 2024 ระหว่าง 'อังเจลา คารินี' จากอิตาลี กับ 'อิมาน เคลิฟ' จากแอลจีเรีย 

ทั้งนี้ เคลิฟ ผ่านคุณสมบัติเข้าแข่งขันปารีสเกมส์ ทั้งที่ก่อนหน้านี้เคยถูกสหพันธ์มวยสากลนานาชาติ (IBA) ตัดสิทธิจากการเข้าแข่งขันชิงแชมป์โลก 2023 เนื่องจากไม่เป็นไปตามข้อกำหนดด้านคุณสมบัติขององค์กร

ด้าน อูมาร์ เครมเลฟ ประธาน IBA ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวแห่งหนึ่งของรัสเซีย ณ ขณะนั้นว่า เคลิฟ มีโครโมโซม XY ของชายแท้

ประเด็นถกเถียงโหมกระพือขึ้น หลังจาก เคลิฟ ใช้เวลาเพียง 46 วินาที เอาชนะ คารินี ที่ขอยอมแพ้ จากนั้น คารินี ให้สัมภาษณ์ทั้งน้ำตาว่าเธอถอนตัวเพราะไม่สามารถสู้ต่อไปได้

ขณะเดียวกัน ใเวลานี้ เคลิฟ ได้ผ่านเข้าสู่รองชนะเลิศเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ท่ามกลางประเด็นถกเถียงที่หนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ และคู่ต่อสู้ด่านต่อไปของเธอก็คือ จันทร์แจ่ม สุวรรณเพ็ง นักชกสาวจากประเทศไทย ที่จะชกกันวันที่ 6 ส.ค.นี้ เวลา 18.34 น. ตามเวลาประเทศไทย

"ผมจะกีดกันผู้ชายออกจากกีฬาของผู้หญิง" ทรัมป์เขียน พร้อมกับแชร์คลิปแมตช์การแข่งขันดังกล่าว

สมาชิกรีพับลิกันคนอื่นๆ ก็แสดงความขุ่นเคืองต่อกรณีนี้อย่างรวดเร็ว โดยใช้แพลตฟอร์มเอ็กซ์ประณามการเข้าร่วมของเคลิฟ ในนั้นรวมถึงวุฒิสมาชิกเทด ครูซ จากเทกซัส และ ส.ส.มาร์จอรี เทย์เลอร์ กรีน จากจอร์เจีย ซึ่งประณาม คาลิฟ ว่า "โกง นักต้มตุ๋นและคนโกหก"

"มันน่าละอายกับใครก็ตามที่ปล่อยให้ผู้ชายลงแข่งกับผู้หญิง" เทย์เลอร์ กรีน ระบุ "พวกเดโมแครตสนับสนุนเรื่องนี้ เคยมีคำสอนว่าผู้ชายอย่าได้ทำร้ายผู้หญิง แต่ตอนนี้มันมีคำถามในด้านคุณธรรม"

สหพันธ์มวยสากลนานาชาติ (ไอบา) ถูกคณะกรรมการโอลิมปิกสากลตัดสิทธิจากการเป็นผู้จัดการแข่งขันกีฬามวยสากลสมัครเล่นในโอลิมปิกเกมส์เมื่อปีที่แล้ว ท่ามกลางเสียงร้องเรียนจากนานาชาติเกี่ยวกับคำตัดสิน ซึ่งมันโหมกระพือความบาดหมางระหว่าง 2 ฝ่ายมานับแต่นั้น

ในวันศุกร์ (2 ส.ค. 67) ไอบา เปิดเผยว่าพวกเขาจะมอบเงินรางวัลแก่ คารินี จำนวน 50,000 ดอลลาร์ ปลอบใจที่พ่ายแพ้แก่ เคลิฟ ในรอบ 16 คนสุดท้าย นอกจากนี้ โค้ชของเธอก็จะได้รับเงินอีก 25,000 ดอลลาร์เช่นกัน

"ผมไม่เข้าใจว่าทำไมพวกเขาถึงอยากฆ่าการแข่งขันการชกมวยของผู้หญิง" อูมาร์ เครมเลฟ ประธานไอบา ระบุ "มีเพียงนักกีฬาที่มีสิทธิเท่านั้นที่ควรได้รับอนุญาตให้ขึ้นชกบนสังเวียน เพื่อเห็นแก่ความปลอดภัยของนักกีฬา ผมไม่กล้าจะมองเธอตอนที่เธอร้องไห้เลยด้วยซ้ำ"

‘อั๋น มนัส ตั้งสุข’ ผู้ประกาศข่าวชื่อดัง – พิธีกรดีเด่น ได้เสียชีวิตแล้ว หลังวูบ!! ล้มศีรษะฟาดพื้น เส้นเลือดในสมองแตกเฉียบพลัน

(4 ส.ค. 67) ภายหลังจากที่ ดร.มนัส ตั้งสุข ผู้ประกาศข่าวและพิธีกรโทรทัศน์ดีเด่นแห่งปี เกิดอาการวูบและล้มศีรษะฟาดพื้น ทำให้เส้นเลือดในสมองแตกเฉียบพลัน ต้องรีบเข้ารับการรักษาอยู่ที่ I.C.U. โรงพยาบาลราชวิถี อย่างเร่งด่วนนั้น

ล่าสุดเฟซบุ๊ก ‘Manat Tungsuk’ โพสต์ภาพพร้อมข้อความแจ้งข่าวเศร้า ระบุว่า …

“อั๋น ดร.มนัส ตั้งสุข ได้จากพวกเราไปแล้วด้วยอาการสงบ ในเวลา 24:02 น. ตรงกับ วันอาทิตย์ที่ 4 สิงหาคม 2567 วันพระ กราบขอบพระคุณทุกกำลังใจ ทางญาติจะแจ้งกำหนดการ ให้ทราบอีกครั้งนะคะ หลับให้สบายนะเพื่อนรัก”

‘วิจารณ์ พลฤทธิ์’ เจ๋ง!! สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ให้วงการมวยไทย หลังเป็นนักมวยไทยคนแรก ที่คว้าเหรียญโอลิมปิก ได้ในฐานะ ‘นักกีฬา-โค้ช’

(4 ส.ค. 67) ‘อิ๊คคิวซัง’ พ.ต.ท.วิจารณ์ พลฤทธิ์ หัวหน้าโค้ชทีมมวยหญิงชุดโอลิมปิก ออกมาเปิดใจ หลังจากที่ “บี” จันทร์แจ่ม สุวรรณเพ็ง กำปั้นสาวไทย คว้าชัยชนะเหนือ บูเซนาส ซูร์เมเนลี เจ้าของเหรียญทองโอลิมปิกเกมส์ 2020 ว่า ต้องชื่นชมนักกีฬาของเราที่ชกได้ดีมาก ทำทุกอย่างได้ตามแผนทั้งหมด ทำให้ไทยไม่กลับบ้านมือเปล่า

จันทร์แจ่ม ต่อยได้ดีอย่างที่วางแผนกันเอาไว้ และรู้สึกโล่งใจไปเปราะหนึ่งที่โอลิมปิกเกมส์ทีมมวยไม่กลับบ้านมือเปล่า แต่ภารกิจยังไม่จบ และพวกเราจะทำเต็มที่ แม้จะต้องชนกับ อิมาน คาลิฟ นักชกแอลจีเรีย ก็ตาม

วิจารณ์ เจ้าของเหรียญทองโอลิมปิกเกมส์ 2000 ที่ซิดนี่ย์ กล่าวต่อไปว่า เรื่องความแข็งแรงต้องยอมรับว่าเราสู้ไม่ได้ แต่เรื่องความเร็ว เราอาจจะสู้ได้ เราเองเคยแพ้เขามาครั้งหนึ่ง ในรอบรองชนะเลิศ รายการชิงแชมป์โลก ปี 2022 ที่อินเดีย ตอนหลังเราแพ้ในแมตช์นั้นแล้ว เขาไปตรวจฮอรโมน ปรากฏว่าไม่ผ่าน เพราะระดับฮอร์โมนเพศชายสูงเกินไป ก็เลยเป็นเราที่ได้เข้าชิงแทน

การที่เราแพ้ครั้งนั้นก็ยอมรับครับว่าสู้ไม่ได้จริง ๆ  แต่ครั้งนี้ จันทร์แจ่ม เตรียมตัวมาดี และค่อนข้างแข็งแรงมากทีเดียว ผมเชื่อว่าบนเวทีอะไรก็เกิดขึ้นได้ เหมือนวันนี้ที่เราเอาชนะเต็ง 1 ได้ ก็เชื่อว่ายังมีระยะเวลาที่เราจะไปปรับแก้ไขอีก 2 วัน ยังเชื่อว่าได้ลุ้นเต็มตัว

สำหรับ วิจารณ์ ปัจจุบันวัย 48 ปี กลายเป็นนักมวยชาวไทยคนแรกในประวัติศาสตร์ ที่สามารถคว้าเหรียญโอลิมปิกเกมส์ได้ ทั้งในฐานะโค้ช และนักกีฬารุ่นฟลายเวท พิกัด 51 กิโลกรัม ที่ได้เหรียญทองในการแข่งขันเมื่อปี 2000 ที่ซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย ชกมวยครั้งแรกใช้ชื่อว่า ‘แสนเชิง ลูกเมืองดัง’ ก่อนจะเป็นหัวหน้าโค้ชทีมหญิงคว้าเหรียญรางวัลในครั้งนี้

‘ภูมิธรรม’ ยิ้มปลื้ม ลำไยราคาพุ่ง หลังภาครัฐช่วยหาตลาดให้ ‘เกษตรกร’ เร่งประสาน ‘กลาโหม-แรงงาน-มหาดไทย’ แก้ไขปัญหา ขาดแคลนแรงงาน

(4 ส.ค. 67) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังนำคณะลงพื้นจังหวัดลำพูน ที่ บริษัท แพลททินัม ฟรุ๊ต จำกัด ต.น้ำดิบ อ.ป่าซาง จ.ลำพูน ช่วงเย็นวานนี้ (3 ส.ค.67) เพื่อติดตามการรับซื้อลำไยสดช่อ และพบปะเกษตรกรผู้ปลูกลำไย ซึ่งบริษัทรับซื้อลำไยสดจากชาวสวนในพื้นที่ มาคัดแยกเกรดและนำเข้าห้องรมเพื่อยืดอายุผลผลิตก่อนส่งไปยังปลายทางในตลาดสำคัญอย่างจีนและอินเดีย

นายภูมิธรรม ระบุว่า มาที่นี่วันนี้ ‘ใจพองโต’ เพราะราคาลำไยแพง เกษตรกรพอใจ ซึ่งก่อนหน้านี้ท่านนายกฯได้ รับปากเกษตรกรในการดูแลราคาลำไย และสั่งการให้กระทรวงพาณิชย์ดูแลอย่างใกล้ชิด ไม่ปล่อยให้ราคาขึ้นลงไปตามธรรมชาติ ปัจจัยที่ทำให้ราคาลำไยราคาขึ้นสูง ปัจจัยแรกเพราะผู้ผลิต เกษตรกรทุ่มเทเอาใจใส่ในการปลูก ทำลำไยคุณภาพ ปัจจัยที่สองภาครัฐช่วยกันบริหารจัดการ หาตลาดให้กับเกษตรกร และคนกลางก็ช่วยกันรับซื้ออย่างครบวงจร

“ผมได้ให้นโยบายกระทรวงพาณิชย์ยึดหลักสมดุลไม่มีใครได้อยู่คนเดียว ต้องพึ่งพาร่วมมือกัน รัฐอำนวยความสะดวก ในการลงพื้นที่ผู้ประกอบการแจ้งกับผมว่าประสบปัญหาขาดแคลนแรงงาน จึงได้ประสานกับหลายภาคส่วนในการเร่งแก้ไขปัญหา ทั้งกระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน กระทรวงกลาโหม ผู้บังคับการตำรวจภูธร ขอให้ทุกภาคส่วนช่วยกันคลี่คลายปัญหา รัฐบาลพร้อมช่วยกันทำงานดูแลราคาพืชผลโดยใช้ทุกกลไกเป้าหมาย เพื่อให้ผลผลิตเกษตรกรมีราคาดีและมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น” นายภูมิธรรม กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายในงานมีนายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน นายณธกฤษ เอี่ยมสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท แพลททินัม ฟรุ๊ต จำกัด ผู้แทนหน่วยงานภาครัฐและเกษตรกรชาวสวนลำไยในพื้นที่เข้าร่วมด้วย ข้อมูลจากกรมการค้าภายในระบุว่า สำหรับปริมาณผลผลิตลำไยทั้งประเทศในปี 2567 คาดการณ์ว่าจะมีปริมาณอยู่ที่ 1,438,137 ตัน เพิ่มขึ้นจากปี 2566 2% แหล่งผลิตสำคัญอยู่ที่ภาคเหนือ คาดการณ์ปริมาณผลผลิตที่ 994,953 ตัน คิดเป็น 69% ของปริมาณผลผลิตทั้งหมด โดยช่วงเดือน ม.ค.-มิ.ย.2567 ที่ผ่านมา ไทยส่งออกลำไยสดรวม 165,231 ตัน เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ในช่วงเดือนเดียวกัน 23% ตลาดสำคัญ ได้แก่ จีน อินโดนีเซีย เวียดนาม และอินเดีย กระทรวงพาณิชย์ได้ออก 5 มาตรการในการบริหารจัดการลำไย ปี 2567 จำนวนกว่า 91,609 ตัน ในการร่วมมือทุกภาคส่วนกระจายและดูดซับผลผลิต ขณะนี้ ลำไยช่อเกรด AA ราคาเฉลี่ย 38-43 บาท/กก. ราคาสูงกว่าปีก่อนหน้า 25% ลำไยช่อ เกรด A ราคาเฉลี่ย 33-38 บาท/กก. ราคาสูงกว่าปีก่อนหน้า 29% ลำไยรูดร่วง เกรด AA ราคาเฉลี่ย 32-35 บาท/กก. ราคาสูงกว่าปีก่อนหน้า 43% และลำไยรูดร่วง เกรด A ราคาเฉลี่ย 17-18 บาท/กก. ราคาสูงกว่าปีก่อนหน้า 13%


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top