Friday, 30 May 2025
TheStatesTimes

'สภากาแฟ' เห็นพ้อง!! 14 ส.ค. 'นายกฯ นิด' น่าจะรอด 'ดิจิทัลหมื่น' ไปต่อ สวนทางห้ามบินดูไบ เพราะ 'ธรรมะจัดสรร' ความชอบธรรมเหนือถุงขนม

“อีกทั้งความผิดของผู้ถูกร้องที่ 2 ยังเสมือนเป็นความผิดประธาน ซึ่งในขณะที่มีการเสนอชื่อแต่งตั้งผู้ถูกร้องที่ 2 ให้เป็นรัฐมนตรี ยังไม่ได้มีการวินิจฉัยความผิดประธานโดยศาลรัฐธรรมนูญ กรณีผู้ถูกร้องที่ 1 ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นความผิดอุปกรณ์ จึงไม่อาจมีไปด้วยได้”

ที่ยกมาข้างต้นคือเศษเสี้ยวคำชี้แจง 32 หน้าของนายเศรษฐา ทวีสิน ผู้ถูกร้องที่ 1 เมื่อ 7 มิ.ย.2567 ซึ่งได้ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ และ 'เล็ก เลียบด่วน' ได้มีโอกาสทอดทัศนาแล้ว สรุปสั้นสุดไม่เกิน3บรรทัดเพิ่มเติมจากข้อความข้างต้นก็คือ...

'เศรษฐา' อ้างว่า ผู้ที่จะชี้ขาดว่า...ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์และมาตรฐานทางจริยธรรมหรือไม่นั้น  คือ ศาลรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่กรรมการกฤษฎีกาหรืออดีต 40 สว.ผู้ร้อง...พร้อมยืนยันว่า การตรวจสอบคุณสมบัติลักษณะต้องห้ามผู้ถูกร้องที่ 2 (พิชิต  ชื่นบาน) ดำเนินการโดยชอบทุกประการ...

ครับประมาณนั้น...หากใครสังเกต 'นายกนิด' พักนี้จะเห็นว่า แม้ปมใหญ่ 'ดิจิทัลวอลเล็ต' อนาคตยังน่าหวาดเสียว...แต่ภาษากายนั้นดูผ่อนคลายราวกับรู้อนาคตวันพุธที่ 14 ส.ค.ว่า 'น่าจะรอด' คือ ไม่พ้นจากตำแหน่งตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรค หนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160(4) และ (5) ที่อดีต 40 สว.ร้องต่อศาล...

ถ้ารอดก็ทำงานต่อไป...เดินหน้าปรับใหญ่ครม.ตามจันทร์ส่องหล้าลิขิตหรือใครลิขิตก็ว่ากันไป...แต่ถ้าหลุดจากตำแหน่งหนนี้ ขอเคลียร์ไว้ที่ตรงนี้ว่า หมดสิทธิที่ถูกเสนอชื่อชิงนายกฯ อีก เพราะเป็นปัญหาประเด็น 'ขาดคุณสมบัติ' ต่างจากกรณี สมัคร สุนทรเวช ที่หลุดเพราะคดี 'ชิมไปบ่นไป' กระทำการขัดรัฐธรรมนูญ...แต่ สมัคร แค่โชคร้าย กลับมาเป็นนายกฯ อีกรอบไม่ได้ เพราะประเด็น 'เลือดข้นกว่าน้ำ' ตอนนั้นทักษิณดันน้องเขย...สมชาย วงศ์สวัสดิ์ ขึ้นเป็นนายกฯ แทน...แต่ สมชาย ก็เป็นนายกฯ ได้แค่ 57 วัน

แต่ไม่ว่าจะอย่างไร...ตอนนี้สภากาแฟบางวง ที่ประกอบด้วยนักวิชาการ, สื่อมวลชน, นักการเมือง, นักสังเกตการณ์ ค่อนข้างจะมีทั้งข้อมูลเก่า ข้อมูลใหม่ตรงกันแล้วว่า...โอกาสเศรษฐา 'รอด' ได้ไปต่อนั้น มีมากกว่าไม่รอด...โดยศาลอาจจะมองในประเด็นไม่มีเจตนา...หรือบกพร่องโดยสุจริต คล้ายกรณีทักษิณเมื่อปี 2544 แต่จะเป็นตามนี้หรือไม่ก็รอดูกันอีกที...

อนึ่ง สำหรับกรณี ทักษิณ ชินวัตร ขอเดินทางไปดูไบแต่ศาลยกคำร้องไม่อนุญาตให้ไปนั้น ยังคงเป็นที่ถกเถียงกันสนั่นลั่นเมืองว่า มีอะไรในกอไผ่...ซึ่งน่าสังเกตว่า ทีมทนายไปยื่นคำร้องในวันเสาร์ที่ 27 ก.ค.

คอลัมน์ 'เลียบการเมือง' ขออนุญาตฟันธงหมากเกมความน่าจะเป็น 3 ประการ...

1) ทดสอบ ตรวจเช็กอุณหภูมิท่าทีของศาลหลังการเปลี่ยนตัวอธิบดีศาลอาญาเมื่อเดือน ก.ค.
2) ไปเคลียร์ธุรกิจสำคัญ และพบยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาว
3) แก้เคล็ดดวงชะตาด้วยการย้ายที่พัก...และเผื่อเหลือเผื่อขาด หากมีความวุ่นวาย ก็อาจขอหลบภัยอยู่ต่างประเทศยาวอีกครั้ง และอาจตรวจรักษาสุขภาพตามที่อ้างว่านัดหมอไว้ 2 ครั้งด้วยก็ได้

ตามคำร้องทักษิณขอลา 1-16 ส.ค.ขณะที่คดีความผิดมาตรา 112 ศาลนัดตรวจเอกสารหรือนัดพร้อมวันที่ 19 ส.ค.  

ดังนั้น...สมมติ...หากทักษิณได้รับการอนุญาตออกนอกประเทศ...ภาพของทักษิณก็จะยิ่งถูกตอกย้ำความเป็น 'นักโทษเทวดา' ความเป็นผู้ทรงอิทธิพล ทว่า หากบังเอิญวันที่ 14 ส.ค.2567 เศรษฐา 'รอด' ก็อาจจะเคลมมั่ว ๆ ได้ว่า ไม่ใช่เพราะบารมีอิทธิพลของเขาเพราะเขาอยู่ต่างประเทศ!!

ต้องบอกกล่าวกันตรงนี้ว่า คำสั่งของศาลที่ไม่อนุญาตหนนี้นั้นได้รับการอนุโมทนาสาธุ ว่าชอบด้วยเหตุด้วยผลเป็นยิ่งนัก...หากจำกันได้ก่อนหน้านี้ร่วมเดือนเศษ...ศาลอาญาเพิ่งเปลี่ยนตัวอธิบดี  เหตุเพราะคนเก่าที่ถูกปล่อยข่าวเรื่อง 2 พันล้านนั้น มีเหตุอื้อฉาวบนรถไฟจนถูกย้าย ดังที่สำนักข่าวอิศราเคยนำเสนอไว้...แต่ทั้งนี้ท่านที่มาทำหน้าที่รักษาการอยู่ปัจจุบันและจะอยู่ชั่วคราวก็ทำหน้าที่เป็นอย่างดีโดยเฉพาะกรณีล่าสุดนี้ ก่อนที่เดือน ต.ค.ปีนี้ จะมีอธิบดีท่านใหม่มารับตำแหน่งเป็นทางการ...

ธรรมะจัดสรร...ถุงขนม หรือ ผลประโยชน์ หลายสิบล้าน หลายร้อยล้าน ไม่สามารถชนะความถูกต้องชอบธรรมได้ในท้ายที่สุด!!

‘ซิโมเน ไบลส์’ โพสต์ไอจี ‘ผู้ชนะโอลิมปิกที่ขี้เกียจ ไม่มีพรสวรรค์’ แซะอดีตเพื่อนร่วมทีมที่เคยจิกกัดทีมชาติชุดนี้ "ไร้พรสวรรค์-ขี้เกียจ"

(3 ส.ค.67) ต้องเรียกได้ว่าสมมงสำหรับทีมยิมนาสติกหญิงของสหรัฐอเมริกา ที่สามารถคว้าเหรียญทองประเทศทีมอุปกรณ์ร่วมมาครองได้สมกับที่หลายฝ่ายคาดไว้ เพราะได้ตัวเทพอย่าง ซิโมเน ไบลส์ ซุปเปอร์เกิร์ลของวงการยิมนาสติกมานำทีม ซึ่งหลังคว้าชัยชนะมาได้ เธอได้โพสต์อินสตาแกรมภาพของสมาชิกในทีมพร้อมแคปชันว่า “พวกเรา เหล่าผู้ชนะโอลิมปิกที่ขี้เกียจ ไม่มีพรสวรรค์” ซึ่งทำเอาหลายคนงงว่าทำไมถึงโพสต์แบบนี้

ซึ่งข้อความนี้เป็นการแซะอดีตเพื่อนร่วมทีมอย่าง มิเคล่า สกินเนอร์ ที่เคยคว้าเหรียญเงินโอลิมปิกครั้งก่อน ออกมาจิกกัด ทีมชาติสหรัฐชุดนี้นอกจากซิโมเน แล้ว ที่เหลือเป็นพวกไม่มีพรสวรรค์ แถมขี้เกียจ พร้อมวิพากษ์วิจารณ์ถึงตารางซ้อมที่ไม่เต็มที่ แถมโค้ชไม่เข้มงวด เหมือนรุ่นก่อน ๆ โดยภายหลังเธอได้ออกมาขอโทษคำพูดนี้ โดยกล่าวว่าเธอไม่ได้ว่ากล่าวเหล่านักกีฬา แต่หมายถึงกฎใหม่ของสมาคมกีฬาที่เน้นเรื่องห้ามการลงโทษ หรือการซ้อมแบบโหด ๆ ที่ถือเป็นการทารุณนักกีฬา

หลังจากที่ซิโมเนโพสต์ภาพนี้แล้ว ก็มีนักกีฬาหลายคนเข้ามาคอมเมนต์ เข้าข้างและแสดงความขำขันกัน ซึ่งมีข่าวว่าสกินเนอร์ เจ้าตัวที่โดนแซะ ได้บล็อกไอจีของซิโมเนไปแล้วเรียบร้อย เรียกได้ว่างานนี้น่าจะสร้างรอยร้าวที่ประสานไม่ได้ระหว่างอดีตเพื่อนร่วมทีม 2 คนนี้ ซึ่งก็ไม่รู้ว่างานนี้จะจบตรงไหน 

‘เอ็มเค’ รุกตลาดบุฟเฟต์ ประเดิมสาขาแรกที่ ‘เซ็นทรัลเวสต์เกต’ เปิดราคา!! เริ่มต้นที่ 499 บาท เสิร์ฟไม่อั้น อร่อยได้ภายใน 90 นาที

(3 ส.ค.67) เอ็มเค ยักษ์ร้านสุกี้ แตกแบรนด์ใหม่ MK BUFFET ซึ่งเป็นสาขาที่ใช้โมเดลการขายและจัดร้านแบบบุฟเฟต์เต็มตัว ทั้งการมีแพ็กเกจ 3 ราคา เริ่มต้น 499 บาท ไปจนถึง 899 บาท และบาร์น้ำจิ้ม เครื่องดื่ม บาร์ติ่มซำ-ของทอด และซอฟต์เสิร์ฟแบบทานได้ไม่อั้น ภายในเวลา 90 นาที โดยปักธงสาขาแรกที่เซ็นทรัลเวสต์เกต

องค์ประกอบเหล่านี้ทำให้ MK BUFFET แบบใหม่นี้ แตกต่างจากโมเดลเดิมที่ MK มีการขายแบบบุฟเฟต์ในบางสาขา แบ่งเป็นสาขาพื้นฐานราคา 440 บาท จำกัดเวลา 1 ชั่วโมง 15 นาที และสาขาบุฟเฟต์โกลด์ ราคา 545 บาท สำหรับ จำกัดเวลา 1 ชั่วโมง 45 นาที โดยจะมีในสาขา อาทิ เมเจอร์รัชโยธิน, ฟิวเจอร์รังสิต, เอสพลานาด-รัตนาธิเบศร์, TU Dome รังสิต, The Shelter โชคชัย 4, เซ็นทรัลเวสต์เกต, Topland เพชรบูรณ์, โลตัสหางดง เชียงใหม่, บิ๊กซีชลบุรี (แยกคีรี), บิ๊กซี ตรัง เป็นต้น

ส่วนโมเดลใหม่ MK BUFFET นั้นตามข้อมูลของ MK (https://www.mkrestaurant.com/th/MKBuffet) ระบุว่า มี 3 ระดับราคา คือ Standard 499 บาท, Premium 699 บาท และ Deluxe 899 บาท ซึ่งจะมีจำนวนอาหารที่เลือกสั่งได้แตกต่างกันตามระดับราคา

นอกจากนี้ยังมีออปชั่นเสริม อาทิ เพิ่มเงินอีก 99 บาท เพื่อรับสิทธิบาร์เครื่องดื่ม ขนมหวาน และไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟ เพิ่มเงิน 50 บาท เพื่อเลือกน้ำซุปประกอบด้วย ซุปต้นตำรับ, ซุปน้ำดำสไตล์ญี่ปุ่น, ซุปหม่าล่า, และซุปต้มยำกุ้ง ทั้งแบบเต็มหม้อและครึ่งหม้อ

โดยระดับ Standard 499 บาท จะเลือกสั่งอาหารได้กว่า 60 เมนูมีไฮไลต์เป็น เนื้อนำเข้าออสเตรเลีย เนื้อบริสเก็ตออสเตรเลีย และเนื้อกุ้งสด

ส่วน Premium 699 บาท สั่งอาหารได้กว่า 80 เมนู มีไฮไลต์เป็นเนื้อชัคเทนเดอร์ออสเตรเลียวากิวสไลซ์ หอยเชลส์ และปลาหมึกสด

สำหรับ Deluxe 899 บาท จะเลือกสั่งอาหารได้มากกว่า 100 เมนู มีไฮไลต์เป็นเนื้อวากิวส่วนสะโพกระดับ A5, กุ้งแม่น้ำ และสันคอหมูอิโมะบูตะ

อย่างไรก็ตามทั้ง 3 ระดับราคาไม่รวมเมนูเป็ดย่างเอ็มเค ซึ่งจะต้องซื้อแยกต่างหากในราคาเป็ดย่างใหญ่ 439 บาท และเป็ดย่างเล็ก 225 บาท รวมถึงน้ำดื่มที่หากไม่เพิ่มเงิน 99 บาท เพื่อสิทธิบาร์เครื่องดื่ม แล้วสามารถซื้อเครื่องดื่มต่างหากได้ อาทิ น้ำแร่ น้ำชาเอ็มเค และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

ทั้งนี้ต้องจับตาดูว่า เอ็มเค จะขยายโมเดล MK BUFFET ไปในรูปแบบใดต่อไป เช่น ปรับสาขาที่ขายบุฟเฟต์เดิมเป็นโมเดลใหม่นี้ หรือจะขยายสาขาเพิ่มแยกต่างหาก

มุกดาหาร-ตำรวจน้ำมุกดาหาร​ CIB​ ยึดหมูแช่แข็ง 600 กก ขณะลักลอบนำเข้าข้ามแม่น้ำโขง

เมื่อเวลา18.30 น วันที่ 2 สิงหาคม 2567 พ.ต.ท.พงษ์พิพัฒน์ บูรณะบัญญัติ สว.ส.รน.3 กก.10 บก.รน. (สถานีตำรวจน้ำ 3 กองกำกับการ 10 กองบังคับการตำรวจน้ำ) ได้รับแจ้งจากสายลับว่าจะมีการลักลอบนำชิ้นส่วนสุกรแช่แข็งเข้ามาทางเรือข้ามแม่น้ำโขงมาที่ท่าน้ำบ้านบางทรายใหญ่ อ.เมืองมุกดาหาร จ.มุกดาหาร จึงได้เรียกชุดสืบสวนสถานีตำรวจน้ำ 3 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ร่วมประชุมชี้แจงและวางแผนในการทำงาน โดยได้แบ่งกำลังเป็นเป็น 4 ชุด คือ ชุดที่ 1 นำโดย ร.ต.อ.ทวีศักดิ์ สุระสะ รอง สว.(ป.ทางน้ำ)  ประจำจุดซุ่มบริเวณป่าวัดบางทรายใหญ่ ชุดที่ 2 นำโดย พ.ต.ท.พงษ์พิพัฒน์ บูรณะบัญญัติ สว.ส.รน.  ประจำจุดซุ่มบริเวณป่าบ้านบางทรายใหญ่ ใกล้กับริมฝั่งแม่น้ำโขง ชุดที่ 3 นำโดย ด.ต.วุฒินันท์ จันทรเสนา ผบ.หมู่ ประจำจุดซุ่มบริเวณป่าด้านหลังที่ทำการประมงจังหวัดมุกดาหารติดกับฝั่งแม่น้ำโขงปากห้วยบางทราย และชุดที่ 4 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่อยู่บริเวณพื้นที่วงนอกโดยรอบ ต.บางทรายใหญ่ 

ในเวลาต่อมา พ.ต.ท.พงษ์พิพัฒน์ ได้สังเกตเห็นเรือต้องสงสัยมีสิ่งของลักษณะเป็นกระสอบอยู่บนลำเรือได้แล่นจากฝั่ง สปป ลาว ข้ามแม่น้ำโขงตรงเข้ามายังท่าน้ำบ้านบางทรายใหญ่ จากนั้นได้มีกลุ่มวัยรุ่น 3-4 ได้เข้ามาช่วยกันยกกระสอบสีเขียวและสีดำ จำนวนหลายกระสอบลงจากเรือมาไว้ที่ริมตลิ่ง จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุดที่ 1 , 2 และ 3 เข้าทำการตรวจสอบ ขณะเดียวกันกลุ่มชายวัยรุ่น 3-4 คนเมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ก็ได้พากันวิ่งหลบหนีไป ส่วนเรือที่มาส่งของก็ได้หันหัวเรือแล่นกลับไปฝั่ง สปป.ลาว เจ้าหน้าที่จึงได้ร่วมกันตรวจสอบกระสอบที่ถูกทิ้งไว้รวมจำนวน 33 กระสอบ พบว่าภายในเป็นกล่องกระดาษสีน้ำตาลบรรจุชิ้นส่วนและหนังสุกร แช่แข็ง จึงได้ ทำการตรวจยึดไว้เป็นของกลาง และนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองมุกดาหาร ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

‘ลุงป้อม’ ชวนคนไทย ส่งกำลังใจเชียร์ ‘วิว’ หลังโค่นมือ 1 ของโลก เผย!! ชนะอีกแค่ 2 ครั้ง เพลงชาติไทยดัง กระหึ่มปารีส ฉลอง ‘เหรียญทอง’

(3 ส.ค.67) พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ ที่เดินทางมาปารีส และเข้าไปให้กำลังใจ ‘วิว’ กุลวุฒิ วิทิตศานต์ นักแบดมินตันทีมชาติไทย มืออันดับ 8 ของโลก ในการแข่งขันรอบก่อนรองชนะเลิศ ชายเดี่ยว แบดมินตัน โอลิมปิก ปารีส 2024 ที่สนามอาดิดาส อารีน่า กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2567 กุลวุฒิ ทำผลงานยอดเยี่ยม ชนะ ฉี ยู่ฉี มืออันดับ 1 ของโลกจากจีน 2-0 เกม ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศได้สำเร็จ

‘ลุงป้อม’ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย ได้ออกมากล่าวหลังจบเกมด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม พร้อมชื่นชม กุลวุฒิ หลังจบแมตช์การแข่งขันกับผู้สื่อข่าว

ทั้งนี้ ‘บิ๊กป้อม’ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ‘ตนต้องแสดงความดีใจกับ วิว ด้วย ที่สามารถเอาชนะนักกีฬามือ 1 ของโลก ได้ และอยากขอให้ทุกคนเป็นกำลังใจให้วิวอีก 2 แมตช์ เพื่อได้เหรียญทองโอลิมปิกเกมส์ต่อไป ต้องขอบคุณคนไทยทุกคนที่ให้กำลังใจกับน้องวิวครับ’

เมื่อผู้สื่อข่าวถามอีกว่า ในความคิดเห็นส่วนตัว คิดว่าในกีฬาโอลิมปิกเกมส์ 2024 ทัพนักกีฬาไทยจะได้กี่เหรียญในโอลิมปิกเกมส์รอบนี้ พลเอก ประวิตร ตอบกลับสั้น ๆ ว่า ‘ผมยังไม่รู้หรอก แล้วผมจะรู้ได้ยังไง’ ก่อนที่จะเดินหันหลังออกจากวงสัมภาษณ์ไปในทันที

‘เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ฯ’ เจ้าฟ้านักดนตรี ต้นสำเนาตำนาน ‘โหมโรง’ | THE STATES TIMES Story EP.151

หากใครได้รับชมภาพยนตร์อนิเมชันเรื่อง ‘2475 รุ่งอรุณแห่งการปฏิวัติ’ ที่เล่าเรื่องราวในช่วงการเปลี่ยนแปลงการปกครองของสยาม ก็คงจะคุ้นเคย คุ้นหูชื่อ ‘เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ฯ’ กันมาบ้าง และจะจดจำได้ในบทบาทของเจ้าฟ้าผู้มีพระอัจฉริยภาพทางการด้านการทหาร แต่ในความเป็นจริงแล้ว ‘เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ฯ’ มีพระอัจฉริยภาพทางด้านอื่น ๆ ที่โดดเด่นด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น ด้านภาษาไทย-อังกฤษ ศิลปวิทยาในด้านต่าง ๆ เช่น การละคร การดนตรีไทย โดยเฉพาะดนตรีไทย

วันนี้ THE STATES TIMES Story จะพาท่านผู้ชมไปรู้จักเรื่องราวของ ‘เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ฯ’ ให้มากยิ่งขึ้น ถ้าพร้อมแล้ว เชิญรับฟังได้เลย...

‘ฮอนด้า’ เปิดให้ลงทะเบียนจองสิทธิ์ เพื่อเป็นเจ้าของ ‘ซีวิค ใหม่’ จัดเต็มออฟชั่นล้ำสมัย Google built-in ลำโพง BOSE 12 ตำแหน่ง

(3 ส.ค.67) ฮอนด้าเปิดลงทะเบียนจองสิทธิ์เพื่อเป็นเจ้าของ ซีวิค ใหม่ ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2567 – 22 สิงหาคม 2567 ณ โชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ พร้อมรับฟรี! บัตรเติมน้ำมันมูลค่า 5,000 บาท* เมื่อจองและรับรถ ตั้งแต่วันที่ 23 สิงหาคม 2567 – 31 ตุลาคม 2567 โดยจะประกาศราคาและเปิดจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 23 สิงหาคม 2567 พร้อมกันทั้งที่งาน Big Motor Sale 2024 และโชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ อัปดีไซน์สปอร์ต โฉบเฉี่ยว และทันสมัย ด้วยกระจังหน้าและกันชนหน้าดีไซน์ใหม่ เพิ่มความสปอร์ตยิ่งขึ้น ด้วยไฟท้าย LED รมดำ ภายในห้องโดยสารกว้างขวางและสะดวกสบาย ลงตัวกับทุกการใช้งาน 2 ขุมพลังขับเคลื่อน มอบสมรรถนะการขับขี่ที่ทรงพลังและอัตราการประหยัดน้ำมันดีเยี่ยม ทั้งระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV และขุมพลัง VTEC TURBO 1.5 ลิตร และมั่นใจในทุกการขับขี่ด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING ในทุกรุ่นย่อย

ยกระดับความคุ้มค่าไปอีกขั้นด้วยเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกอันล้ำสมัย** อาทิ Google built-in แอปและบริการของ Google ที่ติดตั้งมาในตัว ระบบเครื่องเสียงพร้อมลำโพง BOSE 12 ตำแหน่ง เบาะนั่งด้านหลังแยกพับแบบ 60:40 และช่องปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง และเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยอื่น ๆ อาทิ เซนเซอร์กะระยะหน้า 4 จุด และหลัง 4 จุด

ฮอนด้า ตอกย้ำความเชื่อมั่นแก่ลูกค้า ยืนยันดำเนินธุรกิจและลงทุนผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างต่อเนื่องในไทย เพื่อเปลี่ยนผ่านสู่ xEV อย่างมั่นคง

บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ตอกย้ำความเชื่อมั่นของลูกค้า ยืนยันการดำเนินธุรกิจและลงทุนผลิตภัณฑ์ใหม่ในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง เพื่อเปลี่ยนผ่านสู่ xEV อย่างมั่นคง ล่าสุด ประกาศให้ลูกค้าที่สนใจลงทะเบียนจองสิทธิ์เพื่อเป็นเจ้าของ ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ ภายใต้เจเนอเรชันที่ 11 ที่มีการปรับโฉมและเพิ่มเติมคุณค่า ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2567 - วันที่ 22 สิงหาคม 2567 ได้ที่โชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ ด้วยข้อเสนอพิเศษ ฟรีบัตรเติมน้ำมันมูลค่า 5,000 บาท* เมื่อทำการจองและรับรถ ตั้งแต่วันที่ 23 สิงหาคม 2567 – 31 ตุลาคม 2567 และเตรียมพบกับข้อเสนอดอกเบี้ยพิเศษ สำหรับลูกค้าและครอบครัวที่เป็นเจ้าของรถยนต์ฮอนด้า รวมถึงแคมเปญ 'Honda Happy Trade-in*' และข้อเสนอพิเศษอื่น ๆ ที่พร้อมมอบความคุ้มค่าให้กับลูกค้าที่สนใจ โดยจะประกาศราคาและเปิดจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 23 สิงหาคม 2567 พร้อมเปิดโอกาสให้ลูกค้าได้สัมผัสเป็นครั้งแรกที่บูทฮอนด้าในงาน Big Motor Sale 2024 ตั้งแต่วันที่ 23 สิงหาคม 2567 – 1 กันยายน 2567 และที่โชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ

ฮอนด้า ซีวิค เป็นรถยนต์ที่ได้รับความนิยมและครองใจลูกค้าชาวไทยมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เจเนอเรชันแรกจนถึงเจเนอเรชันที่ 11 โดยสามารถครองอันดับ 1 ด้านยอดขายกลุ่มคอมแพคท์คาร์ในไทย 8 ปีซ้อน ตั้งแต่ปี 2559 -ปัจจุบัน

ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ มีให้เลือกทั้งหมด 3 รุ่นย่อย ได้แก่
รุ่น e:HEV RS  ราคาประมาณการ 1,23X,XXX บาท***
รุ่น e:HEV EL+ ราคาประมาณการ 1,09X,XXX บาท***
รุ่น EL+ ราคาประมาณการ 1,03X,XXX บาท***
(ราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการ จะประกาศในวันที่ 23 สิงหาคม 2567)

ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ อัปลุคดีไซน์ความสปอร์ตพรีเมียมยิ่งขึ้น
ใหม่! กระจังหน้าและกันชนหน้าดีไซน์สปอร์ตโฉบเฉี่ยว
ใหม่! ไฟท้าย LED รมดำ เสริมความมีเอกลักษณ์ในตัว
ใหม่! ในรุ่น e:HEV RS มาพร้อมล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว Matte Black ดีไซน์ใหม่ สไตล์สปอร์ต
ใหม่! ในรุ่น EL+ เพิ่มขนาดล้ออัลลอยเป็น 17 นิ้ว
ใหม่! สำหรับรุ่น EL+ และ e:HEV EL+ กับสีใหม่!! สีน้ำเงินแคนยอนริเวอร์ (เมทัลลิก)

ภายในห้องโดยสารกว้างขวางสะดวกสบาย ให้ความรู้สึกเท่ สปอร์ต และทันสมัย มาพร้อมเทคโนโลยีที่มอบความสะดวกสบายเหนือระดับ

ใหม่! ในรุ่น e:HEV RS มาพร้อมเบาะที่นั่งลายใหม่ Prime smooth ด้วยวัสดุเบาะหนังกลับและหนังสังเคราะห์สีดำตกแต่งด้วยด้ายสีแดง อีกทั้งตกแต่งแผงคอนโซลหน้าและแผงประตูด้านข้างสีแดงสไตล์สปอร์ต ในรุ่น EL+ และ e:HEV EL+ มาพร้อมวัสดุเบาะหนังแท้และหนังสังเคราะห์สีดำ
ใหม่! ช่องปรับอากาศผู้โดยสารตอนหลัง ในทุกรุ่นย่อย
ใหม่! เบาะที่นั่งด้านหลัง แยกพับแบบ 60:40 ในทุกรุ่นย่อย

เสริมความมั่นใจในทุกเส้นทางด้วยเทคโนโลยีเพื่อการขับขี่ และเทคโนโลยีความปลอดภัยล้ำสมัย
ใหม่! เซนเซอร์กะระยะหน้า 4 จุด และ หลัง 4 จุด (รุ่น e:HEV EL+ และ e:HEV RS)
ใหม่! โหมดการขับขี่แบบ Individual (Individual Mode) ที่เพิ่มเติมมาในรุ่น e:HEV เพื่อมอบการขับขี่ที่โดนใจสไตล์คุณ

ยกระดับความสบายและสุนทรียภาพในทุกการเดินทาง พร้อมเชื่อมต่อผู้ขับขี่และรถให้เป็นหนึ่งเดียว ด้วยฟังก์ชันและเทคโนโลยีอันล้ำสมัย

ใหม่!! ระบบเครื่องเสียงพร้อมลำโพง BOSE 12 ตำแหน่ง (เฉพาะรุ่น e:HEV RS)
ใหม่! Google built-in แอปและบริการของ Google ที่ติดตั้งมาในตัว ในทุกรุ่นย่อย
ใหม่! ช่องเชื่อมต่อ USB Type C 4 ช่อง โดยแบ่งเป็น 2 ช่องด้านหน้า และ 2 ช่องด้านหลัง ในทุกรุ่นย่อย 
ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto(TM) แบบไร้สาย และรองรับระบบสั่งการด้วยเสียง Siri และ Android Auto ในทุกรุ่นย่อย
ฮอนด้า คอนเนค (Honda CONNECT) เทคโนโลยีเชื่อมต่อเพื่อการสื่อสารระหว่างผู้ขับขี่และรถยนต์ ในทุกรุ่นย่อย

มาพร้อม 2 ทางเลือกของขุมพลังการขับเคลื่อน ทั้งระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV ที่มอบสมรรถนะอันทรงพลังผ่านการทำงานร่วมกันของมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ผสานกำลังกับเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร 4 สูบ 16 วาล์ว พร้อมแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ตอบสนองทันใจด้วยแรงบิดมอเตอร์สูงสุด 315 นิวตัน-เมตร ให้อัตราการประหยัดน้ำมันดีเยี่ยมถึง 25 กิโลเมตร/ลิตร มอบความแรงเกินคาด ประหยัดเกินใคร ให้คุณใช้ชีวิตได้อิสระ พาคุณไปได้ไกลกว่า 800 กิโลเมตร ด้วยน้ำมัน 1 ถัง และขุมพลังเทอร์โบ 1.5 ลิตร ขับสนุก แรงเร้าใจ สไตล์สปอร์ต ด้วยกำลังสูงสุด 178 แรงม้า ตอบสนองได้อย่างทันใจด้วยแรงบิดสูงสุด 240 นิวตัน-เมตร ที่ 1,700 – 4,500 รอบต่อนาที และอัตราการประหยัดน้ำมัน 17.2 กิโลเมตร/ลิตร มั่นใจด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING) ที่พัฒนาประสิทธิภาพการทำงาน ในทุกรุ่นย่อย

สีภายนอกมีให้เลือกทั้งหมด 6 สี ได้แก่ สีใหม่ สีน้ำเงินแคนยอนริเวอร์ (เมทัลลิก) (เฉพาะรุ่น EL+ และ e:HEV EL+) สีแดงอิกไนต์ (เมทัลลิก) (เฉพาะรุ่น e:HEV RS) สีเทาเมทิเออรอยด์ (เมทัลลิก)  สีเงินลูนาร์ (เมทัลลิก) สีดำคริสตัล (มุก) และสีขาวแพลทินัม (มุก) พร้อมภายในสีดำและสีดำตกแต่งด้วยด้ายสีแดง (เฉพาะรุ่น e:HEV RS)

โดยมั่นใจตลอดการใช้งานยิ่งขึ้น ด้วยบริการหลังการขายและทีมงานที่เชี่ยวชาญและมากประสบการณ์จากเครือข่ายศูนย์บริการฮอนด้าที่ได้มาตรฐานและครบวงจรครอบคลุมทั่วประเทศ

เตรียมพบกับการประกาศราคาและเปิดจำหน่ายอย่างเป็นทางการของ ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ ในวันศุกร์ที่ 23 สิงหาคม 2567 ผ่านทาง LIVE ถ่ายทอดสดออนไลน์ทางออฟฟิเชียลแอคเคานต์ ‘Honda Thailand’ ในช่องทาง Facebook, YouTube Channel, TikTok และ Instagram ตั้งแต่เวลา 11:30 น. เป็นต้นไป สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้จากที่ปรึกษาการขายโชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ หรือแชตกับที่ปรึกษาการขายทางออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ www.honda.co.th หรือติดต่อศูนย์บริการข้อมูลฮอนด้า 24 ชั่วโมง โทร 0 2341 7777 หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง www.honda.co.th/civic

'พิธา' ดิ้น!! ยุบพรรค อัดบางกลุ่มเอาความภักดีไปหากินทางการเมือง แค่เอื้อผลประโยชน์ส่วนตน และไว้อ้างสนับสนุนการรัฐประหาร

เมื่อวานนี้ (2 ส.ค.67) ที่อาคารอนาคตใหม่ ที่ทำการพรรคก้าวไกล นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วยนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อและประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ร่วมแถลงชี้แจงเนื้อหา และสรุปข้อต่อสู้ในเอกสารคำแถลงปิดคดียุบพรรคก้าวไกล ก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญจะอ่านคำวินิจฉัยในวันที่ 7 สิงหาคมนี้

โดยนายพิธา กล่าวในภายย่อยถึงเส้นแบ่งระหว่างคดีของพรรคก้าวไกลกับคดีของพรรคอื่น ๆ ที่ถูกยุบมาในอดีต ซึ่งคือระเบียบของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เอง ที่ผ่านเป็นระเบียบกฎหมายเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2566 ไม่ว่าจะเป็นพรรคอนาคตใหม่, พรรคไทยรักษาชาติ, พรรคไทยรักไทย หรือย้อนไปนานกว่านั้น ซึ่งไม่มีระเบียบข้อบังคับกฎหมายของ กกต.ในการรวบรวมพยานหลักฐานของการยุบพรรค แต่พรรคก้าวไกลเป็นพรรคแรกที่มีกระบวนการนี้เกิดขึ้น

นายพิธา กล่าวในภาพใหญ่ว่า เกือบ 20 ปีที่ผ่านมา มีพรรคการเมืองถูกยุบไปทั้งหมด 33 พรรค มีนักการเมืองถูกตัดสิทธิ์ไปทั้งหมด 249 คนเป็นอย่างน้อย แต่มีอยู่หนึ่งพรรคที่รอดและถูกยกคำร้องเมื่อปี 2553 หรือ 14 ที่แล้ว เนื่องจากกระบวนการคำร้องมิชอบด้วยกฎหมาย นายทะเบียนพรรคการเมืองในตอนนั้นไม่ได้ทำตามสิ่งที่กฎหมายบัญญัติไว้ และไม่ได้ให้ความเห็นกับคณะกรรมการ

นายพิธา กล่าวต่อว่า กระบวนการในการพิจารณายุบพรรคที่ กกต. ไม่ได้ทำตาม ทำให้ตนไม่มีโอกาสได้รับรู้ข้อกล่าวหา ไม่มีโอกาสต่อสู้ ไม่มีโอกาสอธิบายให้ กกต.ฟัง และเป็นโอกาสที่ตนเสียไป ตนเชื่อเหลือเกินว่า ถ้า กกต. ทำตามระเบียบที่ตัวเองออกมาเอง ตนจะมีโอกาสได้อธิบายให้ กกต.เข้าใจ รวมถึงพยานหลักฐานหลาย ๆ ชิ้นที่เราได้มีโอกาสตรวจสอบร่วมกันทั้งสองฝ่าย ซึ่งก็เห็นภาพ และบุคคลที่ปรากฏอยู่ในรูปแบบคดี ว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับพรรคก้าวไกลอยู่เป็นจำนวนมาก

นายพิธา กล่าวถึงการอ้างอิงในข้อต่อสู้ของ ศ.ดร.สุรพล นิติไกรพจน์ ผู้เชี่ยวชาญกฎหมายมหาชน ซึ่งถึงแม้ไม่ได้มีรูปแบบวาจาก็จริง แต่เป็นในแบบลายลักษณ์อักษร ซึ่ง ศ.ดร.สุรพล ได้เขียนในกระบวนการพิจารณาคดีของศาลรัฐธรรมนูญ โดยอ้างอิงถึงกระบวนการคณะกรรมาธิการเวนิส (la Commission de Venise) หรือชื่อเต็มว่า ‘คณะกรรมาธิการแห่งสหภาพยุโรปเพื่อประชาธิปไตยโดยกฎหมาย’ (la Commission Européen pour la Démocratie par le Droit) ซึ่งเป็นองค์กรที่ถูกตั้งขึ้นมาเพื่อทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาของสภายุโรป (Conseil de l’Europe) ในเรื่องที่เกี่ยวกับรัฐธรรมนูญ กรณีการรับรองแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการห้ามและการยุบพรรคการเมือง ทั้ง 7 ข้อ

นายพิธา ย้ำว่า การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขนั้น เป็นการนำองค์ประกอบที่ดูจะย้อนแย้งกัน ๒ ประการ กล่าวคือ ระบอบประชาธิปไตย กับ พระมหากษัตริย์ มาดำรงอยู่คู่กัน กลายเป็นระบอบการเมืองที่โดยหลักการแล้ว อำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชน สิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของประชาชนย่อมได้รับความคุ้มครองจากรัฐ ขณะเดียวกันก็มีองค์พระมหากษัตริย์เป็นประมุขของรัฐ ซึ่งมีรูปแบบของรัฐเป็นราชอาณาจักร โดยพระองค์ไม่ทรงใช้อำนาจทางการเมืองและการปกครองด้วยพระองค์เอง ด้วยเหตุนี้ องค์พระประมุขของรัฐจึงดำรงความเป็นกลางทางการเมือง มีพระราชฐานะเป็นที่เคารพสักการะของประชาชน ผู้ใดจะละเมิดฟ้องร้องพระองค์มิได้

นายพิธา ชี้ว่า การประสานสถาบันพระมหากษัตริย์กับระบอบประชาธิปไตยให้กลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวกัน โดยสามารถรักษาคุณค่าพื้นฐานของทั้งสององค์ประกอบได้อย่างสมดุล จึงเป็นโจทย์สำคัญของการธำรงไว้ซึ่งระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

นายพิธา ย้ำว่า แน่นอนว่า ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขในแต่ละประเทศย่อมมีลักษณะไม่เหมือนกัน และมิได้มีลักษณะหยุดนิ่งตายตัว การจัดระเบียบสังคม การออกแบบสถาบันทางการเมือง ระบบกฎหมาย วัฒนธรรม คุณค่าพื้นฐาน ในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขของแต่ละประเทศนั้น ย่อมเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงไปตามวิวัฒนาการของสังคม

นายพิธา ย้อนไปว่า ในประวัติศาสตร์ของเรา พระมหากษัตริย์ทรงพระปรีชาในการปรับตัวจนสามารถแผ่พระบารมีปกเกล้ามาจนถึงทุกวันนี้ แต่ความพยายามที่จะทำให้ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขมีลักษณะหยุดนิ่งตายตัว แตะต้องเปลี่ยนแปลงไม่ได้ ย่อมเป็นอันตรายต่อระบอบการปกครองของเรา เพราะจะทำให้สูญเสียความยืดหยุ่น ความสามารถในการปรับสมดุลใหม่ให้เข้ากับสภาพแวดล้อม และเงื่อนไขทางสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย เสียโอกาสที่จะรักษาสิ่งเก่า และเชื่อมประสานกับสิ่งใหม่ เพื่อป้องกันไม่ให้ระบอบประชาธิปไตยกับสถาบันพระมหากษัตริย์แปลกแยกต่อกัน

ดังนั้น การปกปักรักษาระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข จึงไม่สามารถบรรลุได้ด้วยการใช้อำนาจกดปราบ ไม่ว่าจะเป็นการกดปราบโดยใช้กำลัง หรือการกดปราบในนามของกฎหมาย แต่ต้องสร้างสมดุลให้ได้สัดส่วนเหมาะสมตามยุคสมัยระหว่างระบอบประชาธิปไตยกับสถาบันพระมหากษัตริย์ เพื่อให้ระบอบนี้มั่นคงยั่งยืนด้วยความเชื่อมั่น ศรัทธา และความยินยอมพร้อมใจของประชาชน

ทว่าหลายปีที่ผ่านมา การนำประเด็นเกี่ยวกับความจงรักภักดีมากล่าวหาโจมตีกันในทางการเมือง นำไปสนับสนุนหรือเกี่ยวพันกับการรัฐประหาร ทั้งการรัฐประหารโดยกำลังทหารและโดยกฎหมาย รวมถึงการแสดงความจงรักภักดีอย่างล้นเกิน เพื่ออำพรางการแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตนอย่างฉ้อฉลของคนบางกลุ่ม ประกอบกับความเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมทางการเมืองตามยุคสมัย ได้กระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยาทางการเมือง และความรู้สึกนึกคิดแบบใหม่ ซึ่งสังคมไทยในอดีตไม่คุ้นเคย

แต่แทนที่ผู้มีอำนาจจะตระหนักถึงความผิดพลาดในอดีต และพยายามแสวงหากุศโลบายด้วยสติและปัญญา เพื่อคลี่คลายแรงตึงเครียดในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขของไทย ในการสร้างฉันทามติใหม่ที่สอดคล้องกับยุคสมัย กลับเลือกที่จะใช้อำนาจกดบังคับประชาชนมากยิ่งขึ้น รวมทั้งมีการบังคับใช้ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ในลักษณะเข้มงวดรุนแรงอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน

ทั้งนี้ สืบเนื่องจากสถานการณ์ดังกล่าว สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่เป็นสมาชิกพรรคผู้ถูกร้อง หรือพรรคก้าวไกล จึงเล็งเห็นความจำเป็นที่จะเสนอให้ปรับปรุงแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ด้วยมีเจตนาที่จะฟื้นฟูสายสัมพันธ์อันดีระหว่างประชาชนกับสถาบันพระมหากษัตริย์ในยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป สร้างสมดุลใหม่ที่ได้สัดส่วนระหว่างการคุ้มครองพระเกียรติยศแห่งองค์พระประมุข กับการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของประชาชน ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งในการรักษาดุลยภาพ และความมั่นคงของสถาบันพระมหากษัตริย์ในระบอบประชาธิปไตยของไทย

‘ในฐานะผู้ถูกร้องขอเรียนต่อศาลว่า ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขจะดำรงอยู่อย่างมั่นคงได้ มิใช่ด้วยการบ่อนทำลายสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของประชาชน และหลักการคุณค่าพื้นฐานของระบอบประชาธิปไตย ในทางตรงข้ามการพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข จะต้องโอบรับความคิดเห็นที่ดำรงอยู่หลากหลายในสังคมอย่างมีภราดรภาพ มีการรับฟังความคิดเห็นซึ่งกันและกัน อันเป็นไปเพื่อประโยชน์สาธารณะ และมีความอดทนอดกลั้นในการรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่าง รวมทั้งใช้กระบวนการทางประชาธิปไตยแก้ปัญหาความแตกต่างขัดแย้งในสังคมอย่างมีวุฒิภาวะ ด้วยวิถีทางการเสริมสร้างประชาธิปไตยที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลางภายใต้ร่มพระบารมีที่มีองค์พระมหากษัตริย์เป็นศูนย์รวมจิตใจของประชาชนโดยไม่แบ่งแยก และจักเป็นการธำรงไว้ซึ่งการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขให้ยืนยงสถาพรเยี่ยงนานาอารยประเทศ’

สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทยฯ จัดกิจกรรมสัปดาห์วันแม่แห่งชาติ ประจำปี 2567

สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ จัดกิจกรรมในโอกาส สัปดาห์วันแม่แห่งชาติ ประจำปี 2567 เมื่อวันศุกร์ที่ 2 สิงหาคม 2567 ณ บริเวณลานหน้าตึกมหิดล สภาสังคมสงเคราะห์ฯ ถนนราชวิถี เขตราชเทวี กรุงเทพฯ เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และเผยแพร่พระคุณและบทบาทของแม่ที่มีต่อครอบครัว สังคม และประเทศชาติ โดยมี ร้อยตำรวจโท ดร. มนัส โนนุช ประธานสภาสังคมสงเคราะห์ฯ กล่าวอาศิรวาท พร้อมทั้งเปิดกรวยถวายราชสักการะหน้าพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และกล่าวเปิดงาน  

กิจกรรมในวันงานประกอบด้วย คณะกรรมการอำนวยการ และผู้แทนหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ร่วมถวายพานพุ่มถวายราชสักการะหน้าพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และการจัดเลี้ยงอาหารพระราชทานแก่เด็ก เยาวชน คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส จำนวน 300 คน

Kick-off โครงการการพัฒนาระบบกลไกของอุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาคเพื่อพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจ 4 ภาค

ที่ปรึกษา รมว.อว. ชี้อุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาคมีความพร้อม เพราะเป็นกลไกเชิงระบบของชาติหรือที่เรียกว่า National Platform อยู่แล้ว แถมมีทั้งมหาวิทยาลัย นักวิจัย นักนวัตกร ห้องปฏิบัติการ เทคโนโลยี เครื่องมือ งานวิจัยขั้นแนวหน้า ขณะที่อุทยานวิทยาศาสตร์ฯ ภาคเหนือชูเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ดิจิทัล การท่องเที่ยวและการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ การเกษตรและอาหาร

เมื่อวันที่ 1 ส.ค. 2567 รศ.ดร.วีระพงษ์ แพสุวรรณ ประธานคณะที่ปรึกษา รมว.กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ด้านวิทยาศาสตร์ เป็นประธานเปิดงานปฐมนิเทศ (Kick-off) โครงการการพัฒนาระบบกลไกของอุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาคเพื่อการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจ 4 ภาค (NEC, NeEc, CWEC และ SEC) มีนายเอกพงค์ มุสิกะเจริญ ผอ.กองส่งเสริมและประสานเพื่อประโยชน์ทางวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (กปว.) รศ.ดร.ปัทมาวดี โพชนุกูล ผอ.สำนักคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) ดร.กิตติ สัจจาวัฒนา ผอ.หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) รศ.ดร.ปุ่น เที่ยงบูรณธรรม รอง ผอ.ฝ่ายแผนและยุทธศาสตร์องค์กร บพท. และ ผอ.เครือข่ายอุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาคทั้ง 44 แห่งทั่วประเทศ เข้าร่วม ที่โรงแรมเดอะ เบอร์เคลีย์ ประตูน้ำ กรุงเทพฯ

รศ.ดร.วีระพงษ์ กล่าวว่า การพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ 4 ภาค ประกอบด้วย ภาคเหนือ มี จ.เชียงราย เชียงใหม่ ลำปาง และลำพูน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มี จ.นครราชสีมา ขอนแก่น อุดรธานี หนองคาย ภาคกลาง-ตะวันตก มี จ.พระนครศรีอยุธยา นครปฐม สุพรรณบุรี กาญจนบุรี และภาคใต้ มี จ.ชุมพร สุราษฎร์ธานี ระนอง นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการจะพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษในพื้นที่โฟกัสใหม่ ไม่ใช่เพียงแค่อีสเทิร์นซีบอร์ดหรือเซาท์เทิร์นซีบอร์ดเท่านั้น เพื่อมุ่งยกระดับระเบียงเศรษฐกิจพิเศษสู่การสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจและสังคม และยกระดับศักยภาพอุตสาหกรรมเป้าหมายด้วยเทคโนโลยีเชิงลึก ผ่านการเชื่อมโยงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของพื้นที่ทั้ง 4 ภาคส่วน ได้แก่ ภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคอุดมศึกษา และภาคประชาสังคม 

ดังนั้น บทบาทของอุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาคจะต้องเข้าไปมีบทบาทเชื่อมกับพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ 4 ภูมิภาคให้ได้ เพราะอุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาคมีความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐาน ห้องปฏิบัติการ ห้องวิจัย มีผู้เชี่ยวชาญ มีเทคโนโลยีและนวัตกรรม ดังนั้น ภาคเอกชนที่จะมาลงทุนในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ 4 ภาคก็จะมีกลไกของอุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาคเป็นเครื่องมือในการผลิตสินค้าและบริการได้ ที่สำคัญที่สุด อุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาคมีกำลังคน มีนวัตกรจากมหาวิทยาลัยต่างๆ ทั่วประเทศ ที่จะเข้าสู่ภาคการผลิตและจะมีส่วนช่วยผลักดัน GDP ให้กับประเทศได้

จากนั้น รศ.ดร.วีระพงษ์ ให้สัมภาษณ์ว่า อุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาคเป็นกลไกเชิงระบบของชาติหรือที่เรียกว่า National Platform ทำหน้าที่ถ่ายทอดเทคโนโลยีในการใช้โครงสร้างพื้นฐานร่วมกันของมหาวิทยาลัยในหลายภูมิภาค ดังนั้นเมื่อมีนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ 4 ภาค และมีโฟกัสว่าพื้นที่แต่ละพื้นที่จะทำอะไร อุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาคก็จะเป็นกลไกสำคัญและเป็นตัวกลางในการเชื่อมโครงสร้างพื้นฐานจากมหาวิทยาลัยต่างๆ ทั่วทุกภูมิภาคเข้าสู่การใช้ประโยชน์กับภาคเอกชน ภาคการผลิต ภาคบริการ ซึ่งอยู่ในระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ และเมื่อมีการโฟกัสจุดเด่นของแต่ละภูมิภาคก็จะทำให้เกิดการทำงานที่ไม่ทับซ้อนกัน จะทำให้เกิดการจ้างงาน ทำให้ประชาชนมีรายได้เพิ่มมากขึ้น

เมื่อถามว่า ศักยภาพของอุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาคจะสามารถรองรับการพัฒนาระเบียบเศรษฐกิจพิเศษ 4 ภาค ได้หรือไม่ รศ.ดร.วีระพงษ์ กล่าวว่า อุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาคมีความพร้อมอยู่แล้ว มีทั้งมหาวิทยาลัย นักวิจัย ห้องปฏิบัติการ เครื่องไม้เครื่องมือ งานวิจัยขั้นแนวหน้า การพัฒนาระเบียบเศรษฐกิจพิเศษ 4 ภาค จะทำให้การทำงานของอุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาคมีความชัดเจนยิ่งขึ้น

ด้าน รศ.ดร.ปิติวัฒน์ วัฒนชัย รองประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนอุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาค ภาคเหนือ กล่าวว่า อุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาค ภาคเหนือ มีความพร้อมและได้เตรียมแผนไว้รองรับการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคเหนือ 4 จังหวัดไว้แล้ว นอกจากนี้ มีการเตรียมนำเทคโนโลยีในกลุ่ม BCG มาทำให้เกิด New s-curve เพื่อเป็นตัวเร่งหรือเครื่องยนต์ตัวใหม่ในการพัฒนาเศรษฐกิจ โดยในภาคเหนือมีความโดดเด่นในเรื่องของเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ดิจิทัล การท่องเที่ยวและการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ  การเกษตรและอาหาร ซึ่งอุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาค ภาคเหนือ มีคลัสเตอร์ในเรื่องดังกล่าวอยู่แล้ว ส่วนในภูมิภาคอื่นๆ ก็จะมีอุตสาหกรรมที่มุ่งเน้นในแต่ละเรื่องที่แตกต่างกันออกไป

ขณะที่ รศ.ดร.ปัทมาวดี กล่าวว่า การพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ 4 ภาค เกิดขึ้นเพื่อให้พร้อมรับต่อการเปลี่ยนแปลงในทศวรรษที่ 21 เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้ประเทศไทยได้เป็นแกนนำหลักในภาคีสำคัญของโลกด้านการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่ออนาคต และเพื่อการขับเคลื่อนเทคโนโลยีขั้นแนวหน้าสู่อุตสาหกรรมอนาคตที่มีการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมอย่างเข้มข้น มีความสามารถในการเติบโตในอนาคตสูง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top