Monday, 26 May 2025
TheStatesTimes

‘หนุ่ม สุรวุฑ’ ขอบคุณ ‘เปิ้ล หัทยา’ จ่ายค่าตัวครบทุกบาททุกสตางค์ พร้อมวอน ‘ชาวเน็ต’ คอมเมนต์ด้วยความสุภาพ อย่าระรานถึงครอบครัว

(31 ก.ค. 67) จากกรณีที่ 'หนุ่ม' สุรวุฑ ไหมกัน นักแสดงชื่อดังโพสต์ข้อความฝากถึงบุคคลปริศนา ที่เจ้าตัวเคยมีโอกาสได้ร่วมงานละครด้วย และแม้ว่าละครเรื่องดังกล่าวจะจบไปเป็นระยะเวลากว่า 1 ปีแล้ว แต่จนถึงตอนนี้เจ้าตัวก็ยังได้เงินค่าตัวไม่ครบ จนเป็นเหตุให้ต้องใช้พื้นที่อินสตาแกรมระบายความรู้สึกอัดอั้น โดยระบุว่า "เลื่อนยิ่งกว่าไส้เลื่อน ก็เงินค่าตัวกรูนิล่ะ ละครจบไปจะเป็นปีละ รวมเวลาถ่ายทำอีก รวม ๆ 5 ปีแล้ว ยังได้ค่าตัวไม่ครบ"

ต่อมา ‘เปิ้ล หัทยา วงษ์กระจ่าง’ ได้ยอมรับว่า “ผู้จัดที่หนุ่ม สุรวุฑ พูดถึงเป็นตนเอง แต่หนุ่มเขาไม่ได้เอ่ยชื่อ ต้องเล่าก่อนว่า ตัวพี่เองได้เข้ามาช่วยดูละครเรื่องปาฏิหาริย์กาลเวลา ในตอนท้าย ๆ หลังจากที่พี่ตั้วเสียชีวิต ทำให้ตัวพี่เองรู้ข้อมูลน้อยมาก ไม่รู้ว่าตอนนี้มีนักแสดงคนไหนได้เงินยังไม่ครบ หรือว่าได้ครบแล้ว”

ล่าสุด 'หนุ่ม สุรวุฑ' ได้ออกมาเคลื่อนไหวผ่านทางติ๊กต็อกส่วนตัว ‘noommaikan’ ออกมาขอบคุณ เปิ้ล หัทยา ได้จ่ายเงินค่าตัวนักแสดงที่ยังเหลือค้างอยู่ให้เรียบร้อยแล้วว่า…

“วันนี้พี่เปิ้ลได้มีการชำระค่าตอนที่เหลือให้ผมมาเรียบร้อยแล้ว ครบทุกบาททุกสตางค์ ขอบคุณพี่เปิ้ลด้วย ขอบคุณทุกการซัพพอร์ต ขอบคุณสื่อมวลชนทุกท่านที่เสนอข่าว”

หนุ่ม สุรวุฑ ระบุอีกว่า “อยากฝากไปบอกคนที่เข้ามาคอมเมนต์ใช้ข้อความที่สุภาพแล้วกัน ที่สำคัญที่สุด พยายามอย่าไปพาดพิงครอบครัวพี่เปิ้ลเขา โดยเฉพาะลูก ๆ เขา น้อง ๆ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้ด้วย เป็นเรื่องที่ผู้ใหญ่ตกลงกันทางธุรกิจ”

ซึ่งก็มีเหล่าชาวโซเชียลเข้ามาให้กำลังใจทั้งสองฝ่ายกันเป็นจำนวนมาก พร้อมทั้งแสดงความยินดีกับหนุ่ม สุรวุฑ ที่ได้รับค่าตัวครบแล้ว

‘NETA’ หั่นราคา NETA V รุ่นแรก เหลือ!! 399,000 บาท พร้อมฟรีประกันภัยชั้น 1 - Wallbox พิกัดศูนย์ย่านนนทบุรี

(31 ก.ค.67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ‘ตลาดรถยนต์ไฟฟ้า’ สะเทือนอีก เมื่อโลกออนไลน์เปิดเผยว่า ค่ายรถยนต์ EV ดังอย่างเนต้า (NETA) เตรียมลดราคาจำหน่าย เนต้า วี (NETA V) และ เนต้า วี-ทู (NETA V-II) จากเดิมลงไป 110,000-120,000 บาท

โดย NETA V รุ่น LITE จะลดราคาลงจากเดิม 120,000 บาท ทำให้ราคาขาย 549,000 บาท ลดราคาลงมาเหลือ 429,000 บาท ส่วน NETA V-II SMART จะลดราคาลง 110,000 บาท จากเดิม 569,000 บาท ทำให้ราคาลงไปอยู่ที่ 459,000 บาท

นอกจากนี้ NETA ลดราคา NETA V รุ่นแรก เหลือเพียง 399,000 บาทเท่านั้น โดยภาพดังกล่าว เป็นศูนย์ที่อยู่ย่านนนทบุรี ถือเป็นล็อตสุดท้ายราคาใหม่ ฟรีประกันภัยชั้น 1 และฟรี Wallbox อีกด้วย

8 สิงหาคม พ.ศ. 2559 ครบรอบ 8 ปี ‘BLACKPINK’ เดบิวต์อย่างเป็นทางการ เกิร์ลกรุ๊ปที่ประสบความสำเร็จและมีชื่อเสียงโด่งดังระดับโลก

หากเอ่ยชื่อ แบล็กพิงก์ (BLACKPINK) เชื่อว่าคงไม่มีใครที่ไม่รู้จัก เพราะนี่คือเกิร์ลกรุ๊ปชื่อดังของประเทศเกาหลีใต้ ภายใต้สังกัด YG Entertainment ประกอบด้วยสมาชิกจำนวน 4 คน คือ จีซู, เจนนี่, โรเซ่ และ ลิซ่า นั่นเอง

BLACKPINK เดบิวต์อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2559 พร้อมกับซิงเกิลอัลบั้ม Square One โดยมีซิงเกิลเปิดตัวอย่าง ‘Whistle’ และ ‘Boombayah’ ขึ้นถึงอันดับ 1 บน Gaon Digital Chart ในเกาหลีใต้ และ Billboard World Digital Song Chart ตามลำดับ ทำให้วงคว้ารางวัล Golden Disc Awards และ Seoul Music Awards สาขาศิลปินหน้าใหม่แห่งปี 2016

หลังจากนั้นก็ได้ปล่อยผลงานเพลงฮิตออกมามากมาย อาทิ Playing with Fire, Stay, As If It's Your Last และ Ddu-Du Ddu-Du รวมถึงได้ร่วมร้องกับนักร้องต่างประเทศชื่อดังอย่าง Selena Gomez ในเพลง Ice Cream, Dua Lipa ในเพลง Kiss and Make Up และ Lady Gaga ในเพลง Sour Candy

ทั้งนี้ ชื่อวง BLACKPINK นั้นสื่อความหมายถึงธรรมชาติของสมาชิกในวงที่มีความหลากหลายทางมิติ ทั้งความงามของหน้าตา บุคลิกลักษณะ และความสามารถที่เพียบพร้อม เต็มเปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์และการฝึกฝนที่จริงจัง

นอกจากนี้ สมาชิกทุกคนต่างมีความเป็นผู้นำในแต่ละด้านได้ ทางค่ายและวงจึงตัดสินใจว่าจะไม่มีหัวหน้าวง อีกทั้งชื่อแฟนคลับอย่างเป็นทางการของ BLACKPINK คือ BLINK (บลิงก์) ที่เป็นการรวมกันของคำว่า BLACK และ PINK ซึ่งมีความหมายว่า คนที่รักและปกป้อง BLACKPINK เสมอ

ปัจจุบัน BLACKPINK เป็นหนึ่งในเกิร์ลกรุ๊ปที่ประสบความสำเร็จและเป็นที่ยอมรับไม่เพียงแต่ในเกาหลีใต้เท่านั้น แต่ยังมีชื่อเสียงโด่งดังในระดับโลก

‘ทีมแพทย์กว่างตง’ ผ่าตัดให้ผู้ป่วยอยู่ไกลกว่า 5,000 กม.สำเร็จ หลังใช้เทคโนโลยี ‘หุ่นยนต์ผ่าตัด 5G’ ทำให้ราบรื่นไปด้วยดี

(31 ก.ค.67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ทีมแพทย์ในมณฑลกว่างตง (กวางตุ้ง) ทางตอนใต้ของจีนประสบความสำเร็จในการผ่าตัดระบบทางเดินปัสสาวะ จากระยะไกลหลายพันกิโลเมตร ให้ผู้ป่วยในเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ ทางตะวันตกเฉียงเหนือ ของจีน ด้วยความช่วยเหลือจากเทคโนโลยีหุ่นยนต์ผ่าตัด 5G

ด้าน หลินเทียนซิน ผู้อำนวยการโรงพยาบาลแห่งที่ 5 ในเครือมหาวิทยาลัยซุนยัตเซ็น เป็นผู้บังคับแผงควบคุมหุ่นยนต์ที่พัฒนาในประเทศระหว่างผ่าตัดให้ผู้ป่วยที่อยู่โรงพยาบาลในภูมิภาคคัชการ์ของซินเจียง ซึ่งอยู่ห่างจากกว่างตงกว่า 5,000 กิโลเมตร โดยการผ่าตัดราบรื่นด้วยแขนกลที่คล่องแคล่วและความหน่วงน้อย

ทั้งนี้ โรงพยาบาลหลายแห่งในบางภูมิภาคทางตะวันตกของจีนประสบปัญหาขาดแคลนบุคลากรมืออาชีพและอุปกรณ์ขั้นสูง จึงต้องแสวงหาความช่วยเหลือจากทีมแพทย์ของศูนย์การแพทย์ชั้นนำ เพื่อดำเนินการผ่าตัดที่ตรงกับความจำเป็นของผู้ป่วย ซึ่งทีมแพทย์บางส่วนต้องเดินทางไกลไปยังภูมิภาคเหล่านั้น

อย่างไรก็ดี ปัญหาเหล่านี้ถูกแก้ไขอย่างมีประสิทธิภาพในปัจจุบันด้วยเทคโนโลยีการผ่าตัด 5G ซึ่งช่วยให้ผู้ป่วยในภูมิภาคห่างไกลของจีนเข้าถึงการบริการทางการแพทย์ที่มีคุณภาพสูงเพิ่มขึ้น

‘มาเลเซีย’ ออกกฎหมายต่อสู้กับอาชญากรรมในโลกออนไลน์ บังคับทุกแพลตฟอร์ม ‘โซเชียลมีเดีย’ ต้องขอใบอนุญาตจากภาครัฐ

รัฐบาลมาเลเซียเอาจริงกับปัญหาสื่อสังคมออนไลน์ในประเทศ เมื่อคณะกรรมการการสื่อสารและมัลติมีเดียแห่งมาเลเซีย (MCMC) กำหนดให้แพลตฟอร์มผู้ให้บริการโซเชียลมีเดีย และส่งข้อความออนไลน์ ที่มีบัญชีผู้ใช้งานตั้งแต่ 8 ล้านบัญชีขึ้นไปในมาเลเซีย ต้องขึ้นทะเบียนเพื่อขอใบอนุญาตตามกรอบกฎหมายการกำกับดูแลใหม่ ให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 1 มกราคม 2568

กรอบระเบียบใหม่นี้ สอดคล้องกับการตัดสินใจในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีที่ว่าโซเชียลมีเดียและบริการส่งข้อความทางอินเทอร์เน็ตจะต้องปฏิบัติตามกฎหมายของมาเลเซีย เพื่อต่อสู้กับคดีอาชญากรรมและการฉ้อโกงทางไซเบอร์ รวมถึงพฤติกรรมการกลั่นแกล้งกันบนโลกออนไลน์ และอาชญากรรมทางเพศต่อเด็กและเยาวชน ผ่านสื่อโซเชียลที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก 

โดยรัฐบาลมาเลเซียเชื่อมั่นว่า กรอบระเบียบใหม่นี้ จะช่วยสร้างระบบนิเวศออนไลน์ที่ปลอดภัย มีคุณภาพ เพื่อประสบการณ์ที่ดีสำหรับผู้ใช้งานทุกเพศ ทุกวัย โดยเฉพาะเด็กและครอบครัว

นั่นหมายความว่า แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียยักษ์ใหญ่ อาทิ Facebook, Instagram, WhatsApp, Line, Youtube, TikTok, Telegram, X และอื่น ๆ ที่มีผู้ใช้งานในมาเลเซียเกิน 8 ล้านบัญชี ต้องมาลงทะเบียนขอใบอนุญาต และปฏิบัติตามกรอบกฎหมายใหม่นี้ นับตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2567 นี้เป็นต้นไป จนถึงภายในวันที่ 1 มกราคม 2568 มิฉะนั้น จะถือเป็นความผิด ที่ต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายของมาเลเซีย ที่อาจมีผลถึงการถูกระงับการเผยแพร่ หรือใช้งานภายในประเทศได้

ก่อนหน้านี้ แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย และสื่อออนไลน์ ได้รับการยกเว้นในการขอใบอนุญาตตามระเบียบข้อบังคับกิจการสื่อในมาเลเซีย ซึ่งแตกต่างจากสื่อออฟไลน์ดั้งเดิม ที่ต้องอยู่ภายในกฎหมายควบคุมของรัฐบาลอย่างเคร่งครัด และนั่นจึงกลายเป็นช่องโหว่ที่นำไปสู่การก่ออาชญากรรมมากมาย ที่ใช้ช่องทางโซเชียลเข้าถึงเหยื่อผู้ใช้งานเป็นจำนวนมาก

จากข้อมูลของ MCMC พบว่า ตั้งแต่เดือนมกราคม 2020 - ตุลาคม 2023 มีคดีหลอกลวงทางไซเบอร์ที่สร้างความเสียหายให้แก่เหยื่อ เป็นมูลค่าสูงกว่า 506 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีคดีเกี่ยวข้องกับการ กลั่นแกล้ง และเผยแพร่คำพูดแสดงความเกลียดชังผ่านโซเชียลถึง 3,419 รายการ

และล่าสุดจากกรณีการฆ่าตัวตายของ ‘Esha’ หรือ ราชาสวารี อัพพาหุ TikToker สาวชื่อดังชาวมาเลเซีย ที่ทำคอนเทนต์ด้านความงาม และการใช้ชีวิตแบบคิดบวก แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถต่อสู้กับข้อความบูลลี่ คุกคาม ไปจนถึงการขู่ฆ่าทางออนไลน์ได้ จนเกิดอาการซึมเศร้าและจบชีวิตตนเองเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคมที่ผ่านมา กลายเป็นประเด็นที่ชาวมาเลเซียวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางถึงมาตรการป้องกันการกลั่นแกล้ง ดูหมิ่นกันในโลกออนไลน์อย่างเหมาะสม

แต่เมื่อรัฐบาลมาเลเซียตัดสินใจที่จะจัดระเบียบโซเชียลใหม่ ก็มีกลุ่มต่อต้านมองว่า รัฐบาลกำลังใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือในการควบคุมสื่อออนไลน์ เป็นการละเมิดเสรีภาพทางการพูด และนำเสนอข่าวทางสื่อสาธารณะ ที่เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน ที่จะนำไปสู่การปิดกั้น และ ปราบปรามกลุ่มเห็นต่างทางการเมือง ที่ต่อต้านรัฐบาลได้ในภายหลัง

และมีการส่งจดหมายเปิดผนึกจากองค์กรอิสระ 44 แห่งและนักเคลื่อนไหว 23 คน ถึงนายกรัฐมนตรี อันวาร์ อิบราฮิม ประณามการออกกฎหมายควบคุมสื่อโซเชียลมีเดียดังกล่าวว่า เป็นการใช้อำนาจมิชอบอย่างโจ่งแจ้ง เพื่อโจมตีระบอบประชาธิปไตย และลดการมีส่วนร่วมของประชาชน

ในขณะเดียวกัน กฎหมายควบคุมแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียใหม่ของมาเลเซีย กำลังจะกลายเป็นต้นแบบให้กับรัฐบาลอื่น ๆในอาเซียน อย่างอินโดนีเซีย และ สิงคโปร์ ที่กำลังพิจารณากฎหมายควบคุมสื่อสังคมออนไลน์ด้วยเช่นกัน เพื่อป้องกันอาชญากรรมทางออนไลน์ไม่ให้ประชาชนของชาติตกเป็นเหยื่อ

หากรัฐบาลหลายชาติเริ่มออกมาเคลื่อนไหวในการกำหนดกรอบกติกาการใช้สื่อโซเชียลมีเดียมากขึ้น ก็ต้องมาติดตามว่าแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียยักษ์ใหญ่ว่าจะออกมาปรับตัวให้อยู่ในกรอบเพื่อรักษาตลาด หรือ ปลุกกระแสต่อต้านเพื่อรักษาคำว่า "เสรีภาพสื่อ" ที่ไม่ยอมอยู่ภายใต้กฎหมายของชาติใด

‘OR’ ผนึกกำลัง ‘บาชุนดารา กรุ๊ป’ ขยายธุรกิจ ‘Café Amazon’ ในบังกลาเทศ ตั้งเป้าเปิดสาขาแรกไตรมาส 4 ปีนี้ พร้อมวางแผนต้องมีอย่างน้อย 100 สาขา

(31 ก.ค.67) นายดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR และนายอาห์เมด อัคบาร์ โซบาน (Ahmed Akbar Sobhan) ประธานกรรมการ บาชุนดารา กรุ๊ป (Chairman of Bashundhara Group) ร่วมลงนามสัญญาการมอบสิทธิ์มาสเตอร์แฟรนไชส์ (Master Franchise) คาเฟ่ อเมซอน ในประเทศบังกลาเทศอย่างเป็นทางการ โดยมี นายพสุศิษฏ์ วงศ์สุรวัฒน์ อัครราชทูต ณ กรุงไคโร ปฏิบัติหน้าที่ราชการ ณ กรมเอเชียใต้ ตะวันออกกลาง และแอฟริกา กระทรวงการต่างประเทศ และ นายโมฮัมหมัด มาซูมูร์ ราฮามาน (Mr. Md. Masumur Rahaman) อัครราชทูตที่ปรึกษา (Counsellor and Head of Chancery) สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศ ประจำประเทศไทย ร่วมเป็นเกียรติในพิธี ณ ห้องกรุงเทพ 1 โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ แอท เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว กรุงเทพมหานคร โดยวางแผนจะเปิดคาเฟ่ อเมซอน สาขาแรกภายในไตรมาส 4 ของปี 2567 และมีเป้าหมายเปิดร้านอย่างน้อย 100 สาขาต่อไป

โดยนายดิษทัต เปิดเผยว่า ความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในการขยายธุรกิจคาเฟ่ อเมซอน สู่ตลาดบังกลาเทศ ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูง ด้วยการเติบโตทางเศรษฐกิจที่รวดเร็ว ตลาดผู้บริโภคที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และวัฒนธรรมการบริโภคกาแฟที่กำลังเติบโตอย่างมาก นอกจากนี้ ผู้บริโภคชาวบังกลาเทศยังมีความชื่นชอบในสินค้าและแบรนด์จากประเทศไทย เนื่องจากไว้วางใจในคุณภาพและมาตรฐานของผลิตภัณฑ์ รวมถึงมีความเชื่อมั่นในแบรนด์ที่มาจากประเทศไทย และยังเป็นการเสริมสร้างศักยภาพกลุ่มธุรกิจไลฟ์สไตล์ของ OR แข็งแกร่งยิ่งขึ้น สอดคล้องกับหนึ่งในพันธกิจของ OR ที่มุ่งสร้างทางเลือกเพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตของผู้บริโภคทุกไลฟ์สไตล์อย่างครบวงจร

ทั้งนี้ การขยายธุรกิจครั้งนี้ OR หวังว่าด้วยความชำนาญในธุรกิจกาแฟของ OR ที่ช่วยส่งเสริมศักยภาพในการเติบโตของคาเฟ่ อเมซอน ผนวกกับความเชี่ยวชาญในการบริหารธุรกิจหลากหลาย ซึ่งครอบคลุมธุรกิจด้านอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มของบาชุนดารา กรุ๊ป จะทำให้ คาเฟ่ อเมซอน ได้รับการต้อนรับจากผู้บริโภคในบังกลาเทศเป็นอย่างดี และสามารถร่วมกันสร้างโอกาสในการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนต่อไป โดย OR จะเดินหน้าสร้างความแข็งแกร่ง และจะยังคงพัฒนาธุรกิจคาเฟ่ อเมซอน อย่างต่อเนื่อง เพื่อนำเสนอเครื่องดื่มและบริการที่ดีที่สุดแก่ผู้บริโภคชาวบังกลาเทศต่อไป ซึ่งสอดคล้องกับความมุ่งมั่นของ OR ในการขยายฐานการดำเนินธุรกิจเพื่อสร้างการเติบโตร่วมกันกับสังคม ชุมชน และเศรษฐกิจในพื้นที่ ตลอดจนสร้างความสำเร็จและการยอมรับในตลาดโลก นอกจากนี้ ความร่วมมือดังกล่าวยังเป็นไปตามวิสัยทัศน์ของ OR คือ ‘Empowering All toward Inclusive Growth’ หรือ เติมเต็มโอกาสเพื่อทุกการเติบโตร่วมกัน 

'มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง' รุดเพิ่มโครงการบรรเทาทุกข์สภาวะอากาศร้อน ภายในสถานศึกษา ในถิ่นทุรกันดาร จัดงบกว่า 5 แสนบาท มอบชุดพัดลมเพดาน แขวนผนัง และตั้งพื้น นำร่อง 5 จังหวัด 25 โรงเรียน

ระหว่างวันที่ 24-31 กรกฎาคม พ.ศ. 2567 มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง โดย นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการ ห่วงใยนักเรียน ครู และบุคลากรในสถานศึกษาถิ่นทุรกันดารที่ขาดแคลนพัดลม จึงมอบหมายคณะกรรมการมูลนิธิฯ นำโดย นายสุรพงศ์ เสรฐภักดี กรรมการและรองเหรัญญิก และ นายชูเดช เตชะไพบูลย์ ผู้ช่วยกรรมการฯ ดำเนินการโครงการ พัดลมคลายร้อน สร้างสุข เพื่อน้องถิ่นทุรกันดาร (นำร่อง) จัดทีมฝ่ายสังคมสงเคราะห์ นำโดย นางศิริพร กระจ่างหล้า ผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ นางสาวดวงชุตา ติยะพจนพรกุล ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ และ นางสาวศุภรัตน์ สมบัติเจริญไทย หัวหน้าแผนกส่งเสริมการศึกษาและอาชีพ ลงพื้นที่มอบชุดพัดลมเพดาน แขวนผนัง และตั้งพื้น ให้แก่สถานศึกษาในถิ่นทุรกันดารจังหวัดสระบุรี ลพบุรี กาญจนบุรี สุพรรณบุรี และราชบุรี รวม 5 จังหวัด  25 โรงเรียน พร้อมมอบค่าพาหนะให้แก่โรงเรียนๆ ละ 2,000 บาท และค่าติดตั้งพัดลมแก่โรงเรียนๆ ละ 3,000 บาท รวมงบประมาณการดำเนินการทั้งสิ้น 596,000 บาท (ห้าแสนเก้าหมื่นหกพันบาทถ้วน) เพื่อลดสภาวะอากาศร้อนภายในโรงเรียน ให้นักเรียน ครู และบุคลากรในโรงเรียน ได้คลายร้อน โดยมี เยาวชน และผู้แทนจากสถาบันการศึกษา เป็นผู้รับมอบ พร้อมด้วย มูลนิธิฯ / สมาคมจีนประจำจังหวัดต่างๆ เป็นผู้ประสานงานและร่วมในพิธี

ตลอดระยะเวลากว่า 114 ปี มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลาย ๆ ทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ดังปณิธาน มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”

ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung

‘นักกีฬารัสเซีย-เบลารุส’ ต้องร่วมโอลิมปิก 2024 ภายใต้ชื่อ ‘AIN’ เหตุสงครามยูเครนทำให้ถูกแบน จนต้องแข่งขันอย่างไร้ประเทศ

มหกรรมกีฬาโอลิมปิก ถือเป็นงานแข่งขันกีฬาระดับโลก ที่แต่ละประเทศในโลกจะส่งตัวแทนนักกีฬาต่างส่งนักกีฬาตัวแทนมาแข่งขันในงานนี้ พร้อมตราสัญลักษณ์ ธงชาติ หากนักกีฬาชาติได้รับชัยชนะ จะถือเป็นเกียรติประวัติ ผลงานความภาคภูมิใจของชาตินั้น ๆ

แต่ทว่า ในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศสในปี 2024 นี้ กลับมีนักกีฬาที่ลงสนามในนาม ‘AIN’ ที่ย่อมาจาก Athlètes Individuels Neutres ในภาษาฝรั่งเศส หมายถึง นักกีฬาเป็นกลางรายบุคคล และใช้ธงขาวที่แสดงสัญลักษณ์ AIN แทนธงชาติตามสัญชาติของนักกีฬา 

โดย AIN เป็นชื่อที่คณะกรรมการโอลิมปิกสากล (IOC) อนุมัติให้กับนักกีฬาจากรัสเซีย และ เบลารุส ใช้เพื่อเข้าร่วมการแข่งขันในปารีส โอลิมปิก 2024 นี้ แต่จะไม่อนุญาตให้นักกีฬาภายใต้ชื่อ AIN แสดงสัญลักษณ์ใด ๆ ก็ตามที่สื่อถึงชาติของตนระหว่างการแข่งขันกีฬา รวมถึงการใช้เพลงชาติเมื่อนักกีฬาจาก AIN ชนะเลิศ ได้เหรียญทองอีกด้วย เงื่อนไขนี้เป็นผลพวงจากที่รัสเซีย และ เบลารุส ถูกคว่ำบาตรจากเหตุการณ์รุกรานยูเครนในปี 2022 เป็นต้นมา

ปรากฏการณ์นี้ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก เนื่องด้วยรัสเซียเคยถูกแบนในการเข้าร่วมการแข่งขันโอลิมปิกที่กรุงโตเกียว ในปี 2020 มาก่อนจากคดีอื้อฉาวเรื่องการใช้สารกระตุ้นต้องห้าม แต่ทีมนักกีฬารัสเซียคนอื่น ๆ ยังสามารถเข้าร่วมการแข่งขันภายใต้ชื่อ ‘คณะกรรมการโอลิมปิกรัสเซีย’ หรือ ROC ได้ 

แต่สำหรับโอลิมปิกคราวนี้ มีประเด็นการเมืองที่ต่างออกไป และเป็นครั้งแรกที่เบลารุส ถูกแบน จึงทำให้นักกีฬาของเบลารุส และ รัสเซีย ต้องลงแข่งขันภายใต้ชื่อใหม่ ‘AIN’ ใช้เพียงตราสัญลักษณ์บนพื้นขาว และใช้เพลงบรรเลงที่กำหนดโดยคณะกรรมการโอลิมปิก เมื่อขึ้นรับเหรียญรางวัลเท่านั้น

และไม่ใช่นักกีฬารัสเซีย และ เบลารุส ทุกคนสามารถเข้าร่วมการแข่งขันในนาม AIN ได้ แต่ต้องได้รับการอนุมัติจากสหพันธ์กีฬานานาชาติแต่ละแห่งก่อน แม้ว่านักกีฬาจะมีคุณสมบัติตรงตามเกณฑ์ก็ตาม 

อีกทั้งนักกีฬา AIN ไม่ถือเป็นทีม หรือเป็นตัวแทนของชาติใด จึงไม่สามารถเข้าร่วมในขบวนแห่นักกีฬาในพิธีเปิดที่แม่น้ำแซนได้ รวมถึงตัวแทนรัฐจากทั้งรัสเซีย และ เบลารุส จะไม่ได้รับเชิญให้เข้าร่วมในพิธีใด ๆ ในงานโอลิมปิกครั้งนี้ และเหรียญรางวัลที่ได้จากการแข่งขันของนักกีฬา AIN ก็จะไม่ถูกรวมอยู่ในตารางเหรียญรางวัลด้วยเช่นกัน

จึงถือว่า รัสเซีย และ เบลารุส ได้ถูกแบนจากการเข้าร่วมกีฬาโอลิมปิก 2024 แล้ว แต่ฝ่ายเจ้าหน้าที่ยูเครนบางคนแย้งว่า ทาง IOC ไม่ควรอนุญาตให้นักกีฬารัสเซีย และ เบลารุสคนใดเลยเข้าร่วมการแข่งขันเลย แม้ว่าจะอยู่ในนาม AIN ก็ตาม 

แต่คณะกรรมการ IOC ได้กล่าวในแถลงการณ์แสดงความเป็นน้ำหนึ่งอันเดียวกับยูเครนเมื่อเดือนมกราคม 2023 ว่า ‘ไม่ควรมีนักกีฬาชาติใดถูกกีดกันเพียงเพราะหนังสือเดินทางของพวกเขา’

แต่หาก IOC ใช้ประเด็นเรื่องการรุกรานยูเครน ในการแบนรัสเซีย และ เบลารุส จึงเกิดคำถามว่า IOC ควรใช้มาตรฐานเดียวกันกับประเด็นความขัดแย้งในสงครามกาซาด้วยหรือไม่? 

โดยมีการยื่นคำร้องจากผู้ร่วมลงนามหลายแสนคนให้แบนอิสราเอลจากการเข้าร่วมมหกรรมกีฬาโอลิมปิก เช่นเดียวกับ รัสเซีย และ เบลารุส จากเหตุใช้กำลังทหาร และ การโจมตีทางอากาศของกองทัพอิสราเอลเข้าถล่มเขตพลเรือนในฉนวนกาซ่า อันเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 4 หมื่นคน ในจำนวนนั้นมีนักกีฬาชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตไม่น้อยกว่า 400 คน 

แต่สุดท้าย อิสราเอลสามารถเข้าร่วมงาน ปารีส โอลิมปิก 2024 โดยได้ส่งนักกีฬา 88 คน เข้าร่วมแข่งขันในกีฬา 16 ประเภท

สมเป็นมหกรรมกีฬาของโลกที่เต็มไปด้วยความขัดแย้ง และการเมืองที่แท้จริง

เรื่อง : ยีนส์ อรุณรัตน์

‘ธอส.’ ออกมาตรการช่วยเหลือ ‘ลูกหนี้’ รักษาบ้านของตนเอง ปรับดอกเบี้ยเหลือ 3.55% ต่อปี-ขยายเวลาผ่อนชำระนาน 2 ปี

(31 ก.ค. 67) นายกมลภพ วีระพละ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ธอส.ได้จัดทำมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ผู้ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ ให้ความช่วยเหลือลูกค้านานสูงสุด 2 ปี จำนวน 2 มาตรการ ประกอบด้วย

>> 1. มาตรการช่วยเหลือ ‘DC1’ สำหรับกลุ่มลูกค้าสถานะ SM, ลูกค้าสถานะ NPL และลูกหนี้สถานะมีโจทก์นอก ที่กู้เงินกับธนาคารมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปี 

สามารถผ่อนชำระเงินงวดที่คำนวณจากอัตราดอกเบี้ยที่ 3.55% ต่อปี และ +100 บาท เป็นระยะเวลา 2 ปี กรณีลูกค้าชำระเกินกว่าที่ธนาคารกำหนด ให้นำไปตัดดอกเบี้ยค้างชำระ (หากมี)

>> 2. มาตรการช่วยเหลือ ‘DC2’ สำหรับกลุ่มลูกค้าสถานะ NPL และลูกหนี้สถานะมีโจทก์นอก ที่กู้เงินกับธนาคารมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปี จะได้รับอัตราดอกเบี้ย 4 เดือนแรก 0% ต่อปี 

โดยผ่อนชำระเงินงวดเพียง 1,000 บาทต่อเดือน, เดือนที่ 5-8 ผ่อนชำระเงินงวดที่คำนวณจากอัตราดอกเบี้ยที่ 1.90% เพียง 50% และ +100 บาท และเดือนที่ 9-12 ผ่อนชำระเงินงวดคำนวณจากอัตราดอกเบี้ยที่ 3.90% เพียง 50% และ +100 บาท 

กรณีลูกค้าชำระเกินที่ธนาคารกำหนดให้นำไปตัดดอกเบี้ยค้างชำระ (หากมี) ทั้งนี้ ดอกเบี้ย 50% ของงวดที่ 5-12 ธนาคารจะพักชำระไว้ เมื่อลูกค้าผ่อนชำระครบตามเงื่อนไขจะได้รับส่วนลดดอกเบี้ย 50% ช่วงที่อยู่ในมาตรการ

“การจัดทำมาตรการช่วยเหลือต่าง ๆ ของ ธอส. ในภาวะที่ลูกค้าได้รับผลกระทบด้านเศรษฐกิจ นอกจากจะเป็นการช่วยเหลือลูกค้าให้ได้มีบ้านเป็นของตนเองแล้ว ยังช่วยลูกค้ารักษาบ้านของตนเองได้ต่อไป ซึ่งการดำเนินการทั้งหมดนี้ ในภาพรวมจะส่งผลดีต่อภาคอสังหาริมทรัพย์ และภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศให้ขยายตัวดีขึ้นตามไปด้วย” 

สำหรับลูกค้าที่ประสงค์เข้าร่วมมาตรการข้างต้น สามารถลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2567 ผ่านทาง Application : GHB ALL BFRIEND โดยลูกค้าจะต้อง Upload หลักฐานยืนยันการได้รับผลกระทบทางรายได้เพื่อให้ธนาคารพิจารณาด้วย 

‘กมธ.อุตฯ’ เผย ‘กากแคดเมียม’ ขนถึงจ.ตาก ครบ 100% คาด!! ดำเนินการฝังกลบเสร็จเรียบร้อย ภายใน 30 พ.ย.67

(31 ก.ค. 67) รายงานข่าวระบุว่า กมธ.การอุตสาหกรรม เผยความคืบหน้ากรณีกากแคดเมียมล่าสุด รับรายงานขนย้ายจาก 3 จังหวัด ถึงโรงพักคอยจังหวัดตาก จำนวน 12,912 ตัน ครบ 100% แล้ว ระบุ ขั้นตอนต่อไปรอตรวจสอบความสมบูรณ์ของบ่อในวันที่ 5 สิงหาคมนี้ คาดดำเนินการฝังกลบได้เสร็จเรียบร้อยภายใน 30 พฤศจิกายน 2567

นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วย นางสาวกมนทรรศน์ กิตติสุนทรสกุล สส.ระยอง นายรัฐ คลังแสง สส.มหาสารคาม และนายชิษณุพงศ์ ตั้งเมธากุล สส.นครปฐม ร่วมแถลงความคืบหน้าการขนย้ายกากตะกอนแคดเมียมในพื้นที่ต่าง ๆ กลับสู่จังหวัดตาก ว่า… 

ในวันนี้ คณะกรรมาธิการได้เชิญผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลต่อคณะกรรมาธิการ ได้แก่ กระทรวงอุตสาหกรรม สนง.ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ และกรมโรงงานอุตสาหกรรม โดยกระทรวงอุตสาหกรรมได้ดําเนินการขนย้ายกลับไปสู่จังหวัดตากตั้งแต่วันที่ 29 เมษายน 2567 จนครบ 100% เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2567 ซึ่งขณะนี้กากตะกอนแคดเมียมอยู่ที่โรงพักคอยทั้งหมด 12,912 ตัน เป็นตัวเลขที่ชั่งน้ำหนักที่ปลายทางที่จังหวัดตาก 

อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบก่อนหน้านี้ พบว่า ได้มีการแจ้งขนย้ายจริงคือขออนุญาต 15,000 ตัน แต่มีการแจ้งเข้าไปในระบบอิเล็กทรอนิกส์ 13,800 ตัน แต่จากการตรวจโดยการคํานวณปริมาตรคร่าว ๆ จะอยู่ที่ 12,948 ตัน และเมื่อขนกลับไปแล้วชั่งน้ำหนักจริงก็จะเหลือ 12,912 ตัน

ส่วนขั้นตอนฝังกลบนั้น หลังจากนี้จะต้องทำการตรวจสอบบ่อฝังกลบที่ 4 และ 5 ก่อนว่ามีความพร้อมหรือไม่ ซึ่งจากข้อมูลพบว่าบ่อที่ 4 ตอนที่ขนออกมานั้น มีกากแคดเมียมเหลืออยู่ครึ่งบ่อ ดังนั้น ขั้นตอนต่อไปต้องดําเนินการตรวจสอบการรั่วซึมหรือไม่ โดยทางกรมทรัพยากรเหมืองแร่ฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะเข้าไปดำเนินการในวันที่ 5 สิงหาคมนี้ 

เนื่องจากที่ผ่านมาค่าการตรวจสอบความรั่วซึมของกรมควบคุมมลพิษกับทางวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ค่ายังไม่ตรงกัน จึงต้องเข้าไปตรวจสอบโดยละเอียดอีกครั้ง และหากว่าตรวจสอบแล้วไม่พบการรั่วซึม ก็จะขนย้ายจากโรงพักคอยไปเก็บที่บ่อ 4 ให้เต็ม ส่วนบ่อที่ 5 ขณะนี้ได้ทำการซ่อมแซมไปแล้ว และในวันที่ 5 สิงหาคมที่จะถึงนี้ จะทําการตรวจสอบอีกครั้ง หากไม่มีการรั่วซึมก็จะดําเนินการขนย้ายจากโรงพักคอยนะครับ 12,912 ตัน ไปเก็บในบ่อที่ 5 ต่อไป

นายอัครเดช กล่าวย้ำว่า หลังจากนี้ คณะทํางานที่ท่านนายกรัฐมนตรี ได้แต่งตั้ง ซึ่งมีท่านปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธาน จะดําเนินการขนย้ายจากโรงพักคอยไปเก็บไว้ที่บ่อฝังกลบให้เสร็จภายใน 30 พฤศจิกายน 2567 ซึ่งก็จะทำให้ภารกิจเสร็จสิ้นสมบูรณ์ แต่ตอนนี้ขั้นตอนต่าง ๆ ยังไม่เสร็จ เพราะว่าต้องรอตรวจสอบบ่อกักเก็บกากแคดเมียมว่ามีความแข็งแรงไม่รั่วซึมก่อน จากนั้นจึงจะสามารถทำการขนย้ายจากโรงพักคอยไปที่บ่อฝังกลบต่อไป

“ตอนนี้ขอเรียนให้พี่น้องประชาชนทั้งที่สมุทรสาคร กรุงเทพมหานคร และชลบุรี ได้อุ่นใจว่ากากแคดเมียม ซึ่งเป็นสารอันตรายได้ถูกเคลื่อนย้ายออกจากพื้นที่แล้ว และที่สําคัญได้มีการส่งมอบพื้นที่คืนเรียบร้อยแล้ว โดยพื้นที่กรุงเทพมหานคร ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคือกรมควบคุมมลพิษได้เข้าไปตรวจสอบ พบว่า ไม่มีสารตกค้างแล้ว 100% ส่วนที่ชลบุรีก็ได้มีการเข้าไปดูดฝุ่นและก็ไม่พบสารตกค้างเช่นกัน รวมถึงอีก 2 บริษัท ที่เป็นข่าวก่อนหน้านี้ ก็ได้ตรวจสอบสารตกค้าง และตอนนี้สามารถส่งพื้นที่ได้เรียบร้อย ดังนั้น ขอให้พี่น้องประชาชนใน 3 จังหวัด ทั้ง 5 พื้นที่ อุ่นใจได้ ส่วนที่โรงพักคอยจังหวัดตากจะลงบ่อฝังกลบเมื่อไหร่ จะแล้วเสร็จทันกําหนดวันที่ 30 พฤศจิกายน หรือไม่ ทางคณะกรรมาธิการฯ ได้หารือร่วมกับทางกระทรวงอุตสาหกรรม และจะติดตามการทํางานของเจ้าหน้าที่ภาครัฐต่อไป ส่วนเรื่องของการดําเนินคดีนั้น ก็ยังมีการติดตามอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในสัปดาห์หน้าก็จะเชิญหน่วยงานมาชี้แจง และจะรายงานความคืบหน้าให้ได้ทราบต่อไป” นายอัครเดช กล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top