Wednesday, 28 May 2025
TheStatesTimes

'ปารีส' หั่นราคาห้องพักโรงแรม หวังดึงนักท่องเที่ยวช่วงโอลิมปิก 2024 หลังความต้องการฮวบ!! เหตุ 'เงื่อนไขเยอะ-หวั่นความปลอดภัย'

(1 ส.ค. 67) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เปิดฉากกันไปแล้วสำหรับโอลิมปิกเกมส์ 2024 ที่จัดขึ้น ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งเหล่าธุรกิจ-การค้าของประเทศฝรั่งเศสเริ่มตื่นตัว ตัดสินใจดำเนินการเพื่อดึงนักเดินทางด้วยการลดราคาและยกเลิกข้อกำหนดการพักขั้นต่ำ หลังจากมีบางคนเกิดการลังเลเนื่องจากเห็นว่ามีการโก่งราคาค่าห้องพักก่อนจะถึงการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก

ด้าน สำนักงานการท่องเที่ยว กรุงปารีส รายงานว่า ราคาค่าห้องพักโรงแรมโดยเฉลี่ยในระหว่างโอลิมปิก ลดลงไปอยู่ที่คืนละ 258 ยูโร หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 10,000 บาท จากเดิมที่ราคาในช่วงฤดูร้อนอยู่ที่ 342 ยูโร หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 13,200 บาท ซึ่งปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 70 จากค่าห้องพักโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 202 ยูโร หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 7,800 บาทเมื่อเดือนกรกฎาคม 2023 

ด้าน บริษัทท่องเที่ยว กล่าวว่า นักท่องเที่ยวอาจจะได้ลดราคาห้องพักอีกระหว่างร้อยละ 10-70 เนื่องจากผู้บริหารโรงแรมเสนอราคาพิเศษให้หลังจากความต้องการห้องพักในช่วงโอลิมปิกต่ำกว่าที่คาดหมายไว้ เนื่องจากห้องพักมีราคาสูงและมีความกังวลเรื่องความปลอดภัย บางโรงแรมยกเลิกข้อจำกัดต่าง ๆ รวมถึงวันเดินทางมาถึงและระยะเวลาในการพัก เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวที่ตัดสินใจได้ในวินาทีสุดท้าย

ปิดตำนาน 41 ปี Daidomon โบกมือลา สาขาสุดท้าย 5 ส.ค.นี้ แฟนคลับใจหาย!! หากกลับมาเปิดใหม่ พร้อมจะกลับไปอุดหนุน

(1 ส.ค.67) หลังออกมาประกาศปิด ไดโดม่อน โคเรียน กริลล์ สาขาเซ็นทรัลอุบลราชธานี ไปเมื่อ 30 เมษายน ทำให้ลูกค้าต่างใจหาย พร้อมว่า จะยังเหลือเพียงสาขา ฟิวเจอร์ พาร์ค รังสิต ตามที่เคยรายงานไปนั้น

ล่าสุด Daidomon ก็ได้ออกมาประกาศข่าวเศร้ากับแฟน ๆ อีกครั้งว่า ไดโดมอน สาขาฟิวเจอร์พาร์ครังสิต จะให้บริการ 5 สิงหาคม 2567 เป็นวันสุดท้าย

พร้อมระบุว่า “ขอขอบคุณลูกค้าทุกท่านที่ให้การสนับสนุน DAIDOMON สาขาฟิวเจอร์พาร์ครังสิต ตลอดหลายปีที่ผ่านมา และขอเรียนให้ทราบว่า ทางร้านจะเปิดให้บริการถึงวันที่ 5 สิงหาคม 2567 นี้”

ซึ่งก็มีคนเข้าไปคอมเมนต์ว่า…

- “ขอบคุณที่ผ่านมาเหมือนกัน เกือบ 20 ปีแล้ว ร้านปิ้งย่างขวัญใจวัยรุ่น ครั้งแรกที่กินสาขาฟิวเจอร์พาร์คบางแค น้ำจิ้มอร่อย ข้าวผัดกระเทียมอร่อย น้ำรีฟิล เติมได้เรื่อย ๆ ไว้ถ้าเศรษฐกิจดีกว่านี้มีโอกาสกลับมาเปิดใหม่ เราก็จะกลับไปอุดหนุนเหมือนเดิม”
- “ร้านของเด็กยุค 90 ตลอดไป”
- “ใจหายมาก ความทรงจำสมัยเรียนเลยสาขานี้”
- “ควรปิดตั้งนานแล้วครับ”

สำหรับ ไดโดมอน เป็นร้านอาหารสไตล์ปิ้งย่างที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2526 นับเป็นร้านบุฟเฟ่ต์ปิ้งย่างแห่งแรก ๆ ในไทย ก่อนที่ บริษัท ​ฮอทพอท จำกัด (มหาชน) จะเข้าซื้อกิจการ บริษัท ไดโดมอน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2554 ในระยะหลัง ประสบกับปัญหาขาดทุนมาตลอด จนกระทั่งเหลือเพียงสาขาเดียวในปีนี้

ตม.สนามบิน ติด 'หัวใจสีรุ้ง' ย้ำเชื่อมั่น 'LGBTQIAN+' บินเข้าออกไทย

ตม.สนามบิน ประกาศสร้างความเชื่อมั่น แก่บุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ หรือ ชาว "LGBTQIAN+ “ ในการบินเข้าออกประเทศของไทย และพร้อมรองรับการที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ จัดเทศกาล "WorldPride 2030" 

เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2567 พล.ต.ต.เชิงรณ ริมผดี ผบก.ตม.2 ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าว กรณี ตม.สนามบินสุวรรณภูมิ ได้ติด sticker มีสัญลักษณ์ เป็นรูปหัวใจสีรุ้ง มีอักษร LGBTQ+ และข้อความ Immigration2 ที่บริเวณช่องตรวจหนังสือเดินทาง ขาเข้า และขาออก ประเทศ โดยชี้แจงว่า  

“เนื่องจากโลกยุคปัจจุบัน มีการเปิดกว้างด้านเพศทางเลือกต่างๆ และทางรัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับความเสมอภาคทางเพศโดยเฉพาะชาว "LGBTQIAN+“ ซึ่งประเทศไทยประกาศจะเป็นเจ้าภาพจัดงาน "WorldPride 2030“ ขึ้น 

ดังนั้น ในฐานะที่ด่าน ตม.สนามบิน ทั้ง 5 แห่ง ของ บก.ตม.2 ได้แก่ สุวรรณภูมิ ดอนเมือง ภูเก็ต เชียงใหม่ และหาดใหญ่ เป็นประตูหลักของประเทศ และมีคนเดินทางเข้าออกจากทั่วโลกกว่าวันละ 1.2 แสนคน มีคนไทยและคนต่างชาติที่มีความหลากหลายทางเพศเดินทางผ่านแดนจำนวนมาก โดยพบว่าที่ผ่านมา กลุ่ม "LGBTQIAN+“ หลายท่าน วิตกกังวลต่อการตรวจผ่านแดน เนื่องจาก อาจมีเพศสรีระ เช่น การแต่งตัว ที่ไม่ตรงกับเพศสภาพในเอกสารการเดินทาง อาจด้วยข้อจำกัดทางกฏหมายของประเทศเจ้าของสัญชาติในการเปลี่ยนสถานะทางเพศ หรือ บางกรณีอาจมีการทำศัลยกรรมเปลี่ยนแปลงเค้าโครงใบหน้าผิดไปจากเดิม ทำให้การตรวจผ่านแดนที่ช่องตรวจ ตม.ติดขัดไม่ราบรื่น และอาจเป็นข้อสงสัยว่า เจ้าหน้าที่มีการกีดกั้นเจาะจงเฉพาะกลุ่มหรือไม่ นั้น

และ เพื่อสร้างความมั่นใจ แก่คนเดินทางทั้งไทย และต่างชาติ จึงได้จัดกิจกรรม Welcome Pride by Immigration ขึ้น ภายใต้ความเห็นชอบของ พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม. โดยให้ฝ่ายตรวจคนเข้าเมืองขาเข้า นำโดย พ.ต.อ.หญิง เนาวรัตน์ เฉลิมศรี ผกก.ฝ่าย ตม.ขาเข้า ด่าน ตม.ทอ.สุวรรณภูมิ เป็นด่านนำร่อง และจะขยายการปฏิบัติไปยังช่องทางตรวจคนเข้าเมืองสนามบินหลักให้ครบทั้ง 5 แห่ง ในสังกัด บก.ตม.2 โดย  Kick off ตั้งแต่ 1 สิงหาคม 2567 เป็นต้นไป 

โดยถือโอกาสนี้ ขอสื่อสารถึงนักเดินทางชาว "LGBTQIAN+“ ที่กังวลต่อเงื่อนไขต่างๆในการเดินทางบินเข้าไทย 4 ประเด็นคือ
1.  กรณีผู้เดินทางซึ่งเดินทางเข้าไทยครั้งแรก  และมีเพศสภาพซึ่งระบุในหนังสือเดินทาง มีความแตกต่างจากเพศสรีระจริงที่ปรากฏตัว ไม่ว่าจะเป็นกรณีทำศัลยกรรม หรือ กรณีเพศสรีระไม่ตรงกับหนังสือเดินทาง เช่น แต่งกายเป็นหญิง แต่หนังสือเดินทางระบุเป็นชาย ฯลฯ ผู้เดินทางควรมีเอกสารยืนยันตัวตน เช่น บัตรประจำตัวประชาชน ( Citizen card) หรือ ใบอนุญาตขับขี่ (Driving License) หรือ เอกสารเดินทางซึ่งเคยใช้ก่อนหน้า หรือ เอกสารหรือประวัติทางการแพทย์ที่แสดงถึงการรับการผ่าตัดเปลี่ยนแปลงเพศ ฯลฯ เพื่อแสดงต่อเจ้าหน้าที่ ตม.หากมีข้อซักถาม เพื่อยืนยันตัวตนด้วย
2. กรณีผู้เดินทาง ที่มีใบหน้าหรือสรีระทางกายขณะปัจจุบันแตกต่างกันกับภาพข้อมูลบุคคลในหนังสือเดินทาง แต่เคยมีการบันทึกข้อมูลใบหน้าและลายนิ้วมือตามข้อแรกดังกล่าวมาแล้ว ทางระบบ ตม.จะเก็บข้อมูลไว้ในระบบ Biometric เพื่อตรวจเปรียบเทียบใบหน้าผู้เดินทางปัจจุบันกับข้อมูลชิปภายในหนังสือเดินทาง เพื่อยืนยันตัวตน โดยไม่ต้องเรียกซักถามอีก
3. ผู้เดินทางคนไทย และคนต่างชาติที่ เป็นชาว "LGBTQIAN+“ ที่เดินทางบินเข้าออกประเทศไทย โดยเฉพาะคนต่างชาติที่ได้รับสิทธิยกเว้นวีซ่า หรือ ได้รับวีซ่าเข้าประเทศไทย จะได้รับการปฏิบัติที่เท่าเทียม เช่นเดียวกับนักเดินทางอื่นๆ โดยเฉพาะการอำนวยความสะดวกในการตรวจหนังสือเดินทางตามนโยบายรัฐบาล
4. กรณีที่ประเทศไทยรับเป็นเจ้าภาพจัดกิจกรรม World Pride ในปี 2030 ทาง ตม.สนามบิน พร้อมให้ความร่วมมือร่วมกับ TCEB หรือ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ เพื่อจัดช่องทางพิเศษ และ อำนวยความสะดวกด้านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง ตามที่มีการประสานงานอย่างเต็มที่ 

ทั้งนี้ เครื่องหมายสติ๊กเกอร์ “หัวใจสีรุ้ง”  ของ ตม.ที่จัดทำขึ้น มาจากแนวคิด “ธงสีรุ้ง" ที่เป็นสัญลักษณ์ของการต่อสู้เพื่อความเท่าเทียมกันของกลุ่มผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ ภายใต้การออกแบบของ "กิลเบิร์ต เบเกอร์" (Gilbert Baker) ศิลปินชาวอเมริกันและนักขับเคลื่อนสิทธิมนุษยชนของเกย์ในปี 1978 ระบุข้อความ LGBTQIAN+ และ Immigration 2 ติดที่บริเวณหน้าช่องตรวจหนังสือเดินทาง ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ดอนเมือง และท่าอากาศยานต่างๆ ในสังกัด ตม.2 เพื่อสร้างความมั่นใจแก่นักเดินทางที่มีความหลากหลายทางเพศ ในการเข้าออกประเทศไทย เพื่อบอกให้สังคมโลกได้รับทราบว่า ประเทศไทย เป็นดินแดนที่เปิดกว้างสำหรับนักเดินทางจากทั่วโลก โดยไม่มีข้อจำกัดด้านเพศแต่อย่างใด  พล.ต.ต.เชิงรณ ฯ กล่าว

ทั้งนี้ การจัดกิจกรรมดังกล่าว นับเป็นการจัดกิจกรรมที่ ด่าน ตม. ของประเทศไทย เป็นแห่งแรกของโลก ที่สร้างความชัดเจนในเรื่องดังกล่าว ให้ปรากฏต่อสังคมชาวโลก ที่ตอบสนองแนวคิดการส่งเสริมการท่องเที่ยวและการลงทุน รวมถึงการจัดกิจกรรมระดับโลกในไทย ตามนโยบายของรัฐบาล

'ฉลามหนุ่มจีน' คว้าเหรียญทองฟรีสไตล์ 100 เมตรชาย แถม 'ทุบสถิติโลก' กีฬาว่ายน้ำโอลิมปิก 2024

(1 ส.ค. 67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า 'พาน จ่าน เล่อ' นักว่ายน้ำหนุ่มทีมชาติจีน สร้างสถิติโลกครั้งใหม่ขณะคว้าเหรียญทองจากการแข่งขันว่ายน้ำฟรีสไตล์ ระยะทาง 100 เมตร (ชาย) ในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ ปารีส 2024 เมื่อวันพุธ (31 ก.ค.) ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ พานแตะขอบสระภายในเวลา 46.40 วินาที ซึ่งเร็วกว่าไคล์ ชาล์มเมอร์ส ผู้คว้าเหรียญเงิน เพียง 1 วินาทีกว่าเท่านั้น

นอกจากนี้ พาน จ่าน เล่อ วัย 19 ปี ยังกลายเป็นนักว่ายน้ำชายจากเอเชียคนแรกในรอบ 92 ปี ที่คว้าเหรียญทองฟรีสไตล์ 100 ม.ชาย ในกีฬาโอลิมปิกต่อจาก ยาสุจิ มิยาซากิ ตำนานนักว่ายน้ำชาวญี่ปุ่น ที่ทำได้เมื่อปี 1932 ที่ลอส แอนเจลิส เหรียญเงินเป็น ไคล์ ชาลเมอร์ส จากออสเตรเลีย และเหรียญทองแดง ดาวิด โปโปวิชี จากโรมาเนีย

‘จุรินทร์’ เหน็บ!! ‘ดิจิทัลวอลเล็ต’ แค่เงินยาไส้ชั่วคราว หากพ้นช่วงกู้มาแจก ปัญหาปากท้องก็ยังวนมาเหมือนเดิม

จากการประชุมสภาผู้แทนราษฎรครั้งที่ 9 สมัยสามัญประจำปีครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 31 ก.ค.67 เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 วงเงิน 1.22 แสนล้านบาท เพื่อใช้กระตุ้นเศรษฐกิจ ผ่านโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ในวาระ 2 และ 3 ซึ่งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาเสร็จแล้ว นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะกรรมาธิการเสียงข้างมาก ได้อภิปรายว่า... 

แนวความคิดทางเศรษฐกิจ อาจมีความเห็นที่แตกต่างกัน เป็นเรื่องธรรมดา อ่านหนังสือด้านเศรษฐศาสตร์เมื่ออ่านพร้อมกัน มาวิเคราะห์ ก็มีข้อถกเถียงกันเสมอ แต่อย่างไรก็ตาม ขอยืนยันว่า ขณะนี้ รัฐบาลยืนยันถึงความจำเป็นในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ด้วยตัวเลขทางเศรษฐกิจที่ผ่านมาในช่วง 10 ปีก่อนที่อัตราการเจริญเติบโตตกต่ำ จนขณะนี้เจริญเติบโตในระดับต่ำสุดของภูมิภาค จึงยืนยันถึงความจำเป็นของการมีเม็ดเงินเติมลงไปเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ

ส่วนตัวเลขที่คณะกรรมการหลายท่านอ้างขึ้นมา เป็นตัวเลขที่รัฐบาลตระหนัก และดูอย่างใกล้ชิด สัดส่วนการชำระหนี้ต่อรายได้รัฐ ยืนยันว่า ทั้งหมดเป็นไปตามกรอบวินัยการเงินการคลัง ไม่มีตัวเลขใดที่สุ่มเสี่ยงจะทะลุเกินจะผิดพลาดไปตามกลไกที่เราตรากฎหมายกำกับไว้ ซึ่งก็รับทราบ เพราะมีหน่วยงานรัฐมาชี้แจงในกรอบวินัยการเงินการคลังของรัฐ ว่าขณะนี้ การประมาณการไปข้างหน้าอีกหลายปี ไม่มีกรอบว่าตัวเลขใดจะเป็นปัญหา รัฐบาลยืนยันว่า ทำไปด้วยความรอบคอบ และจะไม่ให้มีปัญหาวิกฤติใด ๆ เกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการเติมเงิน 10,000 บาทผ่านดิจิทัลวอลเล็ต

ส่วนของโครงการนี้คือ การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่เพียงพอ ซึ่งขณะนี้เราโตต่ำ โดยในปีนี้ด้วยการผลักดันตามนโยบายของรัฐบาล ทั้งการเปิดฟรีวีซ่า เสริมความง่ายในการดำเนินธุรกิจ ตัวเลขในไตรมาส 2 โตจากไตรมาส 1 ขึ้นมา ด้วยการเร่งเครื่องของรัฐบาล และประกอบกับนโยบายที่เติมลงไป และการเติมเงิน 10,000 บาท เชื่อมั่นว่า จะดึงการเจริญเติบโตไปอยู่ในจุดที่เหมาะสมคือ 4-5% ให้ได้ หากทำได้เช่นนั้น การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ เป็นตัวหารของหนี้ต่าง ๆ ซึ่งหากเพิ่มขึ้น ก็จะสามารถแก้ไขปัญหาหนี้สินของรัฐ ตัวเลขที่กังวลว่าจะไปเกิน หรือไปปริ่ม ก็จะสามารถแก้เรื่องนี้ได้

ประเด็นแรก การแสดงความห่วงใยด้านการไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ และกฎหมาย เกือบทุกท่านใช้คำว่าสุ่มเสี่ยง ซึ่งใจความหนึ่ง ก็หมายความว่ายังอยู่ในกรอบกฎหมาย และรัฐธรรมนูญ โดยหน่วยงานได้มาชี้แจงในทุกประเด็นแล้ว ซึ่งประเด็นที่มีการอภิปรายมากที่สุดคือการใช้งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ที่อาจมีการเบิกจ่ายในไตรมาส 4 จะสอดคล้องกับกฎหมายหรือไม่

ตามมาตรา 21 ของกรอบวินัยการเงินการคลัง การจัดทำงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมให้กระทำได้เมื่อมีเหตุผลความจำเป็นที่ต้องใช้เงินระหว่างปีงบประมาณ โดยไม่สามารถรองบประมาณรายจ่ายปีถัดไปได้ และให้ระบุที่มาของเงิน

พ.ร.บ.วิธีการงบประมาณมาตรา 4 กำหนดคำว่าหนี้ คือ ข้อผูกพันที่จะต้องจ่าย อาจจะต้องจ่ายเป็นเงิน สิ่งของ หรือบริการ ไม่ว่าจะเป็นข้อผูกพันที่เกิดจากการกู้ยืม ค้ำประกัน การซื้อ หรือการจ้าง โดยใช้เครดิต หรือการอื่นใด ดังนั้น การก่อหนี้ผูกพันจึงไม่ได้มุ่งหมายเฉพาะกรณีมีข้อผูกพันที่ต้องจ่ายเป็นที่แน่นอนแล้วเท่านั้น แต่หมายความรวมถึงข้อผูกพันที่อาจทำให้ต้องจ่ายด้วย ซึ่งการดำเนินการโครงการของรัฐ อาจมีการทำสัญญากับประชาชนโดยตรง แต่ดำเนินการผ่านแผนงาน หรือโครงการประกอบกับ พ.ร.บ.วิธีการงบประมาณมาตรา 40 กำหนดให้การจ่ายเงิน หรือก่อหนี้ผูกพันของหน่วยงบประมาณ ต้องเป็นไปตามแผนการบริหารงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณที่ได้รับความเห็นชอบจากผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ 

ดังนั้น การที่รัฐบาลทำโครงการนี้ ให้ประชาชนลงทะเบียน โดยมีการยืนยันตัวตนของประชาชนกลุ่มเป้าหมาย ก็เป็นข้อผูกพันที่ต้องจ่ายตามกฎหมายที่ว่าด้วยเรื่องของหนี้ โดยในการชี้แจง ได้บอกชัดเจนในคณะกรรมาธิการว่าเป็นการเสนอ และสนอง เมื่อประชาชนกดปุ่มขอใช้สิทธิ์ ก็เสนอกับรัฐ เมื่อรัฐยืนยันสิทธิ์ คือการสนองตอบตามข้อสัญญา ก็มีนิติกรรมร่วมกันระหว่างประชาชนกับรัฐ เช่นเดียวกับโครงการในอดีตของรัฐบาล

ล่าสุด (1 ส.ค. 67) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส. บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ และอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงสถานการณ์ทางการเมืองในเดือนสิงหาคมว่า อาจจะเป็นเดือนที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองได้ในหลายกรณี เพราะมีหลายเหตุการณ์ที่ประดังกันเข้ามาในช่วงเดือนสิงหาคมพอดี แต่ถ้าดูให้ลึกจะเห็นว่า แต่ละสถานการณ์มันมีที่มาที่ไปหรือเกิดแต่เหตุ ไม่ใช่เรื่องที่ใครคนใดคนหนึ่งจงใจสร้างขึ้นมาได้ และหลายเหตุก็มาจากการกระทำของรัฐบาลเอง

นายจุรินทร์ กล่าวว่า แต่ไม่ว่าสถานการณ์การเมืองจะเป็นอย่างไร มันก็มีทางออกของมัน ในฐานะของผู้ที่อยู่กับการเมืองจึงไม่ได้รู้สึกห่วงใยอะไรเป็นพิเศษ แต่ที่เห็นว่าน่าห่วงเป็นอย่างยิ่งคือสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะชีวิตความเป็นอยู่ของคนรากหญ้าไปถึงคนชั้นกลาง ที่กำลังประสบกับภาวะความยากลำบากทางเศรษฐกิจจากการบริหารงานของรัฐบาลชุดนี้มากขึ้นทุกวัน ทั้งภาวะค่าครองชีพ หนี้ครัวเรือน ที่มีรายได้มาเท่าไหร่ต้องใช้หนี้ 90 กว่า% จนคนไทยต้องจมปลักอยู่กับภาวะชักหน้าไม่ถึงหลัง ธุรกิจจีนเข้ามากินรวบกิจการคนไทย ธุรกิจฐานรากไทยเข้าคิวปิดกิจการ เป็นต้น

“ที่สำคัญจนถึงวันนี้ยังไม่มีแสงสว่างใด ๆ จากปลายอุโมงค์ให้เห็น นอกจาก ‘เงินยาไส้ชั่วคราว’ ก้อนเดียวคือดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งเมื่อพ้นจากดิจิทัลวอลเล็ตหรือเงินกู้มาแจกแล้ว ยังมองไม่เห็นว่าประชาชนจะมีอะไรหลงเหลือให้หวังได้อีก” นายจุรินทร์ กล่าว

'พชร์ อานนท์' แจงปม!! บ๊ายบายรายการ ‘ทัวร์มาลง’ ยัน!! ไม่เกี่ยวเรื่อง 'รักลุงตู่-เงินดิจิทัล' แค่ช่องอยากปรับแนว

(1 ส.ค. 67) งานเข้าทันทีเมื่อพิธีกรและผู้กำกับดังอย่าง ‘พชร์ อานนท์’ ได้โพสต์ภาพตนเอง พร้อมกับเขียนแคปชัน บ๊ายบาย ทัวร์มาลง เพราะว่าแฟน ๆ หลายคน เดากันไปว่าสาเหตุที่ผู้กำกับดังถูกปลดออกจากรายการ เพราะพูดแซะเรื่องการเมืองแน่นอน

ร้อนถึงผู้กำกับดัง ต้องมาโพสต์คลิปชี้แจงถึงสาเหตุที่ตนเองออกจากรายการทัวร์มาลง ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องการเมือง แต่เพราะรายการเขามีการปรับรูปแบบรายการว่า…

“เมื่อวานที่บ๊ายบายรายการทัวร์มาลง ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องการเมืองเลย มันเป็นธรรมเนียมอยู่แล้ว เพราะครั้งก่อนที่พี่ออกจากรายการ บันเทิง 108 พี่ก็ลาแฟนคลับอย่างนี้ ก็ให้มาเจอกันในไอจี เฟซบุ๊ก คุยกันได้ ไม่ได้เกี่ยวกับการเมืองเหมือนที่หลายคนคิด แล้วอีกอย่างทางโมโนเขาอยากปรับให้รายการทัวร์มาลงสนุกมากขึ้น เป็นการอ่านข่าวมากขึ้น เขาเลยปรับพิธีกรออก

พี่ก็บ๊ายบายเป็นธรรมเนียม เพราะว่าพี่มีเอฟซี ไม่มีเกี่ยวกับเรื่องการเมือง ไม่เกี่ยวกับ คิดถึงลุงตู่ ไม่เกี่ยวกับเงินดิจิทัล อย่างที่หลาย ๆ คนคิด ที่ออกเพราะว่าทางโมโนเขาอยากปรับเปลี่ยนรายการให้สนุกมากขึ้น

กราบขอโทษด้วย ถ้าไปทำให้ใครรู้สึกไม่สบายใจ ที่ออกด้วยว่ามีการปรับเปลี่ยน ตอนนี้พี่เองก็ยังทำหนังให้กับโมโน 2 เรื่องก็คือ วัยเป้ง 2 และโคกะโหลก ขอโทษทางโมโนด้วย ที่ทำให้คนเข้าใจผิดว่าไล่พี่พชร์ออกเพราะการเมือง แค่รายการมีการปรับเปลี่ยนให้สนุกมากขึ้น

พร้อมเขียนแคปชันว่า รบกวนบอกต่อ ๆ กันด้วยนะครับ เพราะหลายคนคิดว่าออกเพราะเรื่องการเมือง ต้องกราบขอโทษทางโมโนด้วยที่ทำให้ทุกคนเข้าใจผิดนะครับ รักทุกคนนะครับ ขอบคุณที่เป็นห่วงกันจบนะ

‘ลิซ่า’ ร่วมซีนโอน้อยออกกับ ‘เจ๊เกล-แม่ชม-ต้าเหนิง’ ล้อมวงสุ่มอาร์ตทอย ‘เนียวตะ’ จากค่าย POP MART

(1 ส.ค.67) ฮือฮาทั้งโลกโซเชียลเมื่อศิลปินสาวชื่อดังก้องโลก ลิซ่า ลลิษา มโนบาล หรือ 'ลิซ่า BlackPink' ได้อัปเดตเรื่องราวผ่านภาพถ่ายโพสต์ในอินสตาแกรมส่วนตัว ‘@lalalalisa_m’ ที่มีผู้ติดตาม 104 ล้านฟอลโลเวอร์ พร้อมใส่แคปชันเป็นอีโมจิรูปหัวใจ 

แต่งานนี้ชาวเน็ตมาสะดุดที่รูปของ 'ลิซ่า' ที่นั่งล้อมวงโอน้อยออกกับแก๊งซุป'ตาร์เมืองไทย ชมพู่ อารยา, ต้าเหนิง กัญญาวีร์, พลอย ชวพร เลาหพงศ์ชนะ พร้อมด้วยซุป'ตาร์ตัวน้อยอย่าง 'เจ๊เกล' หรือ 'น้องแอบิเกล' นั่นเอง จากนั้นต้าเหนิง กัญญาวีร์ ก็ได้คอมเมนต์ด้วยว่า "เกลคิดถึงพี่ลิซ่าแล้ว"

ซึ่งสร้างความฮือฮาเป็นอย่างมากเพราะเรียกได้ว่าเป็นการโคจรมารวมตัวกันของแก๊งตัวแม่ ตัวมัม ที่ทำให้อาร์ตทอยฮิตระบาดไปทั่วบ้านทั่วเมือง เรียกได้ว่านี่คือ สมาคมแก๊งกล่องสุ่มย่อมๆ เลยก็ว่าได้ นับว่านี่คืออีกหนึ่งโมเมนต์น่ารัก ๆ ที่แฟนคลับหลาย ๆ คนรอคอยให้มาเจอกัน

ซึ่งกล่องสุ่มอาร์ตทอยที่ทั้งหมดกำลังนั่งล้อมวงอยู่นั้นคือ 'น้องเนียวตะ' (Nyota) เป็นหนึ่งในอาร์ตทอยจากค่าย POP MART นั่นเอง โดย 'น้องเนียวตะ' นั้นเป็นเด็กที่มีบุคลิกแบบ INFT (ผู้ไกล่เกลี่ย) มีนิสัยขี้อาย อ่อนไหวง่าย มีเพื่อนคู่ใจเป็นน้องแมว เห็นน้องเป็นคนเงียบ ๆ แบบนี้ แต่ก็เป็นเด็กที่ชอบจินตนาการนะ จะเรียก Nyota หรือ Tata ก็ได้ ส่วนศิลปินที่สร้างน้องยังไม่มีการเปิดเผยชื่อออกมา

'นักประวัติศาสตร์' ไขความลับ!! 'เลือดชั่ว' ในเพลงชาติฝรั่งเศส จากสู้รบกับต่างชาติ กลายเป็นประหัตประหารคนในชาติเดียวกันเอง

(1 ส.ค. 67) เดวิด บุญทวี นักประวัติศาสตร์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ในหัวข้อ 'เลือดชั่ว' ในเพลงชาติฝรั่งเศส...เลือดใคร? ระบุว่า...

เพลงชาติฝรั่งเศสชื่อ 'ลามาร์กเซแยส' (La Marseillaise) ที่ 'แอกเซลล์ ซังต์ ซีเฮล' (Axelle Saint-Cirel) ร้องบนหลังคากรองด์ปาเลส์ในวันเปิดโอลิมปิกนั้น เป็นการร้องด้วยลีลาโอเปรา ซึ่งปกติเราจะคุ้นหูกับท่วงทำนองแบบเพลงมาร์ช ที่มีลีลาคึกคักปลุกเร้าให้ฮึกเหิมมากกว่า

ท่อนสร้อยของเพลงที่ถือเป็น 'วรรคทอง' มีเนื้อร้องว่า “หยิบอาวุธขึ้นสู้เถิดผองชน จัดตั้งหน่วยรบของท่าน หน้าเดิน หน้าเดิน ให้เลือดชั่วของพวกมันไหลท่วมรอยไถของพวกเรา”  

(ฝรั่งเศส Aux armes, citoyens! Formez vos bataillons! Marchons! Marchons! Qu'un sang impur. Abreuve nos sillons!

อังกฤษ Grab your weapons, citizens! Form your battalions! Let us march! Let us march! May impure blood. Water our furrows!)

น่าสนใจว่า 'เลือดชั่ว' ที่ผู้แต่งเพลงนี้ต้องการให้ 'ไหลท่วม' คือเลือดของใคร?

เพลงลามาร์กเซแยส ประพันธ์ขึ้นเมื่อปี 1792 โดยนายทหารชื่อ โกลด-โจแซฟ รูเช เดอ ลีส์ล (Claude Joseph Rouget de Lisle) ในชื่อเพลงที่แท้จริงว่า 'เพลงรบแด่กองทัพแห่งไรน์' (Chant de guerre pour l’armée du Rhin) 

ด้วยจุดประสงค์ชัดเจนว่าเพื่อปลุกใจทหารฝรั่งเศสที่กำลังเดินทัพไปรบกับกองทัพแห่งจักรวรรดิปรัสเซียและออสเตรีย

ด้วยเนื้อร้องและท่วงทำนองที่ติดหูง่ายและเร้าใจ ทำให้ในเวลาต่อมา ทหารอาสาสมัครจากเมืองมาร์กเซย์นำเพลงนี้ไปร้องในกรุงปารีสในช่วงเวลาของการปฏิวัติ จนได้รับความนิยมและแพร่หลายอย่างรวดเร็ว ชาวปารีสเรียกเพลงด้วยชื่อใหม่แบบง่าย ๆ ว่า 'บทเพลงของชาวมาร์กเซย์' (La Marseillaise)

เนื้อร้องท่อนสร้อยที่ยกมาข้างต้น กลายเป็นวรรคทองทีเด็ดที่ฝ่ายปฏิวัติใช้ในการปลุกเร้าฝูงชนให้เกิดอารมณ์รุนแรง อยากทำลายล้างเข่นฆ่าคนเห็นต่างหรือฝ่ายต่อต้าน 

และมันก็ได้ผล…

หลังความวุ่นวาย การจลาจล และการนองเลือดตลอดช่วง 4 ปีผ่อนคลายลง (โดยเฉพาะหลังจากกลุ่มแกนนำการปฏิวัติถูกตัดหัวด้วยกิโยติน ด้วยคำสั่งจากฝ่ายปฏิวัติด้วยกันเอง) เพลงลามาร์กเซแยส ก็ได้รับการสถาปนาให้เป็นเพลงชาติฝรั่งเศสเมื่อปี 1795

แต่ชะตากรรมของเพลงนี้ก็ลุ่ม ๆ ดอน ๆ เพราะเมื่อถึงยุคสมัยของจักรพรรดินโปเลียน เพลงนี้ก็ถูกปลดจากการเป็นเพลงชาติและห้ามร้องหรือบรรเลงเด็ดขาด กระทั่งถึงปี 1879 ในสมัยสาธารณรัฐ จึงได้กลับมาเป็นเพลงชาติอีกครั้ง

กลับมาที่ 'เลือดชั่ว'

แน่นอนว่าจุดประสงค์ที่แท้จริงของผู้ประพันธ์เพลงนี้ ตั้งใจให้หมายถึงเลือดของทหารปรัสเซียและออสเตรีย (ที่ทำสงครามกับฝรั่งเศส) แต่ฝ่ายปฏิวัตินำเพลงนี้มาปลุกระดมฝูงชนให้เข้าเข่นฆ่าฝ่ายต่อต้าน จน ‘เลือดชั่วของพวกมันไหลท่วมรอยไถของพวกเรา’

จากสู้รบกับกองทัพต่างชาติ กลายเป็นประหัตประหารคนในชาติเดียวกันเอง

'เลือดชั่ว' ก็คือเลือดของชาวฝรั่งเศสที่ถูกชาวฝรั่งเศสด้วยกันเองเข่นฆ่า และที่ไหลท่วมรอยไถของกรุงปารีสนั้น ก็มีเพียงน้อยนิดที่เป็นเลือดของชนชั้นสูง เพราะเกือบทั้งหมดเป็นเลือดของชนชั้นล่าง ซึ่งเป็นชนชั้นเดียวกับฝูงชนฝ่ายปฏิวัติ เป็นเลือดของประชาชนที่เห็นต่าง!!

ที่น่าสนใจมาก ๆ ก็คือ ชะตากรรมของ โกลด-โจแซฟ รูเช เดอ ลีส์ล ผู้ประพันธ์เพลงนี้ ที่ต่อมาถูกจำคุกด้วยข้อหา 'ทรยศต่อชาติ' เพราะเขาได้ออกมาประท้วงต่อต้านการกักขังและเข่นฆ่าสมาชิกราชวงศ์ 

โชคดีที่โกลด-โจแซฟ รอดชีวิตจากการถูกตัดหัวมาได้อย่างหวุดหวิด เลือดของตนจึงไม่ต้องกลายเป็น 'เลือดชั่ว' ที่ไหลท่วมรอยไถเสียเอง 

เมื่อพ้นโทษแล้ว ก็ออกจากคุกมาใช้ชีวิตอย่างยากจนข้นแค้น ต้องยังชีพด้วยเศษขนมปัง ขณะที่หูก็ยังได้ยินเสียงฝูงชนขับร้องเพลงของตนไปตามท้องถนน 

ในที่สุดก็เสียชีวิตลงอย่างคนอนาถา 

แต่กว่าทางการฝรั่งเศสจะนึกขึ้นได้ว่านี่คือ ผู้ประพันธ์เพลงชาติ แล้วย้ายศพมาไว้ที่ 'สุสานวีรบุรุษ' อย่างแองวาลิดส์ กลางกรุงปารีส (ที่เดียวกับที่ฝังศพของจักรพรรดินโปเลียนที่ 1) ก็ต้องรอจนถึงปี 1915 ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 หรือ 79 ปีหลังการเสียชีวิต

***เกร็ด : ปี 2014 หรือสิบปีที่แล้วนี่เอง นักแสดงชื่อดังชาวฝรั่งเศส ลองแบร์ต วิลซง (Lambert Wilson) เคยให้สัมภาษณ์ว่าเนื้อเพลงลามาร์กเซแยสนั้น ‘โหดเหี้ยม บ้าเลือด ล้าหลัง เหยียดชาติ และกลัวคนต่างชาติ’ (Les paroles sont épouvantables, sanguinaires, d’un autre temps, racistes et xenophobes) 

และตัวเขาเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมคนฝรั่งเศสถึงยังร้องเพลงท่อน ‘ให้เลือดชั่วของพวกมันไหลท่วมรอยไถของพวกเรา’ กันอยู่ได้ โดยไม่ละอายใจ

(คนต่างชาติในที่นี้ ก็คือกองทัพปรัสเซียและออสเตรียที่ทำสงครามกับฝรั่งเศส)

‘สุชาติ’ หารือ ‘ทูตโมซัมบิก’ ผลักดันอุตสาหกรรม-การค้าอัญมณี เล็งแลกเปลี่ยนความเชี่ยวชาญ-วัตถุดิบในการทำเครื่องประดับ

(1 ส.ค. 67) ณ กระทรวงพาณิชย์ นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้รับมอบหมายจากรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายภูมิธรรม เวชยชัย ให้การต้อนรับและหารือกับนายเบลมีรู จูแซ มาลาตี (H.E. Mr. Belmiro José Malate) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐโมซัมบิกประจำประเทศไทย ถิ่นพำนัก ณ กรุงจาร์กาตา ในโอกาสเยือนประเทศไทยเพื่อเข้าร่วม ‘พระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๗’ 

โดยโมซัมบิกเป็นประเทศที่ตั้งอยู่บริเวณแอฟริกาตอนใต้ เป็นเมืองท่าสำคัญ สามารถเป็นประตูการค้าไปสู่ทวีปแอฟริกา โดยเฉพาะกลุ่มประเทศแอฟริกาตอนใต้ อาทิ แอฟริกาใต้ มาลาวี ซิมบับเว แซมเบีย และเอสวาตินี 

นอกจากนี้ โมซัมบิกยังเป็นแหล่งวัตถุดิบอัญมณีและก๊าซธรรมชาติที่สำคัญของไทย ขณะเดียวกัน ไทยมีศักยภาพในการส่งออกสินค้าเกษตร และเครื่องจักรกลการเกษตร ซึ่งโมซัมบิกมีความต้องการใช้ภายในประเทศสูง จึงได้ฝากเชิญชวนนักธุรกิจโมซัมบิกเข้าร่วมงานแสดงสินค้าของไทย อาทิ Bangkok Gems & Jewelry Fair (อัญมณีและเครื่องประดับ) งาน Bangkok RHVAC and E&E (สินค้ากลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์) และงาน THAITHAM (เครื่องจักรกลการเกษตร) เพื่อส่งเสริมการส่งออกสินค้าศักยภาพของไทยเข้าสู่ตลาดโมซัมบิก ขณะเดียวกัน โมซัมบิกได้ฝากเชิญชวนนักธุรกิจไทยเข้าร่วมงาน FACIM ซึ่งเป็นงานแสดงสินค้าขนาดใหญ่ของโมซัมบิก จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 26 สิงหาคม - 1 กันยายน 2567 ณ กรุงมาปูโต 

“ผมได้พูดคุยหารือเกี่ยวกับความร่วมมือในอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับของทั้งสองประเทศ
ซึ่งมีผลประโยชน์เกื้อกูลกัน โดยโมซัมบิกมีความประสงค์ที่จะเรียนรู้ทักษะการเจียระไนจากไทยซึ่งมีความเชี่ยวชาญ ขณะที่ไทยมีความต้องการวัตถุดิบอัญมณี โดยเฉพาะพลอยแดงและพลอยเนื้ออ่อนจากโมซัมบิก ซึ่งถือเป็นแหล่งกำเนิดพลอยคุณภาพดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ผมจึงเสนอให้ทั้งสองฝ่ายจัดทำบันทึกความเข้าใจ (MOU) เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านอัญมณีและเครื่องประดับระหว่างกัน และในโอกาสเดียวกัน ผมได้แจ้งท่านเอกอัครราชทูตว่า ขอเรียนเชิญนายการ์โลส ซาคาเรียส (H.E. Mr. Carlos Zacarias) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรณีและพลังงานโมซัมบิก เดินทางเยือนประเทศไทย ในช่วงที่กระทรวงพาณิชย์มีการจัดงานแสดงสินค้า Bangkok Gems & Jewelry Fair ในเดือนกุมภาพันธ์และกันยายนของทุกปี เพื่อต่อยอดความสัมพันธ์ด้านการค้าอัญมณีระหว่างสองประเทศต่อไป” นายสุชาติกล่าวเพิ่มเติม

ทั้งนี้ โมซัมบิกเป็นคู่ค้าอันดับที่ 56 ของไทย และอันดับที่ 6 ในทวีปแอฟริกา โดยในปี 2566 การค้าระหว่างกันมีมูลค่า 693.48 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (24,254.61 ล้านบาท) โดยไทยส่งออกไปโมซัมบิก 181.87 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (6,264.90 ล้านบาท) และไทยนำเข้าจากโมซัมบิก 511.61 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (17,989.71 ล้านบาท) สำหรับการค้าระหว่างกันในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2567 มีมูลค่า 299.41 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (10,765.76 ล้านบาท) โดยไทยส่งออกไปโมซัมบิก 134.93 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (4,813.16 ล้านบาท) และไทยนำเข้าจากโมซัมบิก 164.48 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (5,952.60 ล้านบาท) สินค้าส่งออกสำคัญ เช่น ข้าว น้ำมันสำเร็จรูป รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เม็ดพลาสติก และเคหะสิ่งทอ สินค้านำเข้าสำคัญ เช่น ก๊าซธรรมชาติ อัญมณี ถ่านหิน สินแร่โลหะ และกุ้งแช่เย็นแช่แข็ง

'อัษฎางค์' แนะ!! คนไทยปล่อยวางกระแสโฆษณา Apple เชื่อ!! ดูถูกหรือไม่? คนทั้งโลกรู้จักไทยวันนี้ดีพออยู่แล้ว

(1 ส.ค. 67) อัษฎางค์ ยมนาค นักประวัติศาสตร์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า...

โฆษณาของ Apple อีกสักที

ผมอยู่เมืองนอกมานานมากพอสมควร ไอ้เรื่องฝรั่งที่มีมุมมอง ความรู้หรือทัศนคติแบบดูถูก เหยียดหยามหรือแค่เข้าใจผิด เกิดขึ้นอยู่เสมอ

แต่เวลาที่ถูกฝรั่งเข้าใจผิด หรือดูถูก เหยียดหยามก็ตาม ไม่เคยทำให้ผมโกรธจนตัวเนื้อสั่น แต่ผมกลับมีความรู้สึกเดียวคือ ไอ้ฝรั่งคนนี้ ‘กระจอก โคตรบ้านนอก ไดโนเสาร์’

เพราะอะไรถึงคิดแบบนั้น?

ก็เพราะคนเขารู้จักเมืองไทยกันทั้งโลกแล้ว แกมาจากหลังเขาลูกไหนถึงไม่รู้ว่าเมืองไทยเป็นยังไง Google Internet ใช้เป็นรึเปล่า ทำไมถึงคิดว่าเมืองไทยเป็นอย่างนั้น

คือแทนที่จะโกรธจนตัวสั่นที่ถูกฝรั่งดูถูก ผมดูถูกมันกลับไปแล้วในทันที เพราะฉะนั้น สบายตัว

ใครพูดอะไรออกมา ย่อมบ่งบอกตัวตนของเขา ‘คนโง่ก็พูดอะไรโง่ ๆ ออกมา’ เราจะต้องไปเต้นแร้งเต้นกาทำไม

Apple ทำโฆษณาแบบนี้ออกมา ก็บ่งบอกตัวของ Apple เอง บ่งบอกความเป็นอเมริกันชนของตนเอง และจะโดนฝรั่งชาติอื่น ๆ หัวเราะเยาะไปเอง

แต่ผมว่า มันคงไม่ถึงกับต้องโยน iPhone iPad Apple Watch ทิ้งแล้วแห่กันย้ายค่ายกระมัง

คือผมไม่รู้สึกอะไรเลยถ้าใครจะโกรธ Apple หรือใครจะเลิกใช้ จะย้ายค่าย อันนั้นมันเรื่องส่วนตัวของแต่ละคน ซึ่งทำได้อยู่แล้ว และผมเคารพการตัดสินใจส่วนตัวของแต่ละคน

แต่คงไม่ต้องถึงขั้นออกมารณรงค์ ชักชวนหรือแห่กันแบน 

ปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติ ตามความคิดเห็นหรือความรู้สึกของแต่ละคน

อย่างไรก็ตาม การที่มีกระแสไม่พอใจในเมืองไทยหนัก ๆ แบบนี้ ผมว่าก็ดีเหมือนกัน เพราะเป็นเสียงสะท้อนที่ดังกลับไปถึง Apple และชาวอเมริกัน (บางคน) ที่เข้าใจอะไรผิด ๆ คิดว่าตัวเองนำสมัยและเป็นเจ้าโลกอยู่ฝ่ายเดียว และให้ชาวโลกได้รู้ถึงความกระจอก กับความรู้ที่ล้าสมัย และความเป็นฝรั่งบ้านนอก เป็นกบในกระลาอเมริโกย ที่ไม่เคยออกมาดูโลกว่า เขาไปกันถึงไหนแล้ว

สรุป ความเห็นและคำวิพากษ์วิจารณ์ของผมคือ…

1. ผมเห็นด้วยกับกระแสความไม่พอใจ ที่จะดังสะท้อนไปถึง Apple และชายอเมริกัน (บางคน) 

2. ผมเคารพในความคิดเห็นของแต่ละคนต่อ Apple หลังจากชมโฆษณาชิ้นนี้ 

3. แต่ไม่เห็นด้วยกับการตีโพยตีพายอะไรกันจนมากมาย โดยเฉพาะเรื่อง 'กระแสแห่ตามกัน'

เพราะไอ้กระแสแห่ตามกันนี้มันอันตราย เหมือนที่เกิดขึ้นกับเรื่องการบ้านการเมืองของไทย ที่ชอบใครเกลียดใครก็แห่ตามกันจนไม่ลืมหูลืมตา แล้วมันเป็นผลเสียมากกว่าผลดี เพราะมันบ่งบอกว่าคนไทยหลอกง่าย การจะหลอกหรือจะสร้างกระแสให้ชอบหรือเกลียดใครหรืออะไรก็ทำได้ไม่ยาก เพราะถ้าจุดกระแสอะไรที่ขึ้นมาได้ คนไทยก็มักแห่ตามกัน

ผมเชื่อในแนวคิดที่ว่า ‘ถ้าเราเป็นทองแล้วมีคนเห็นเราเป็นอึ เราจะไม่มีวันกลายเป็นอึ แต่จะยังคงเป็นทองตลอดไป’

คนที่เป็นทองก็มักไม่นิยมที่จะเอา ‘พิมเสนไปแลกกับเกลือ’

โฆษณาแบบนี้ ทำให้เราคนไทยและชาวโลกได้ตาสว่างว่า คนอเมริกันหลงตัวเองอยู่ในกะลา และเป็นการเปิดเผยตัวตนออกว่าว่าตัวเองเป็น ‘ไอ้กระจอก โคตรบ้านนอก ไดโนเสาร์’

‘เป็นผู้ที่ครอบครองเทคโนโลยีที่ทันสมัย แต่คนของตนโคตรล้าสมัย’

เห็นด้วยหรือเห็นต่างจากผมก็ไม่มีปัญหาอะไร ผมก็แค่แสดงความคิดเห็นส่วนตัวในบ้านของตัวเอง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top