Monday, 26 May 2025
TheStatesTimes

'ทร.' รับโล่เกียรติยศ ITA ตอกย้ำการทำงานอย่างมีคุณธรรม-โปร่งใส ปลื้ม!! ได้คะแนนประเมินลำดับที่ 2 จาก 160 หน่วยงานภาครัฐ

(31 ก.ค. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ณ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ถนนสนามบินน้ำ จังหวัดนนทบุรี พล.ร.อ.ชลธิศ นาวานุเคราะห์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นผู้แทนผู้บัญชาการทหารเรือ เข้ารับโล่เกียรติยศในพิธีมอบรางวัลการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ (Integrity and Transparency Assessment: ITA) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567

ทั้งนี้ทางกองทัพเรือได้รับคะแนนการประเมินผลคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐในภาพรวม 99.21 คะแนน ได้คะแนนเป็นลำดับที่ 2 ของกลุ่มส่วนราชการระดับกรมทั่วประเทศ รวม จำนวน 160 หน่วยงาน

โดยมี พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานกรรมการ ป.ป.ช. เป็นผู้มอบรางวัลดังกล่าว

'ปตท.สผ.' ชี้!! ครึ่งปีแรก 67 นำส่งรายได้ให้รัฐแล้ว 30,170 ล้านบาท พร้อมจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล 4.50 บาทต่อหุ้น

เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.67) ปตท.สผ. เผยความคืบหน้าการดำเนินงานครึ่งแรกปี 2567 ประสบความสำเร็จในการขยายฐานการลงทุนในตะวันออกกลาง ช่วยเพิ่มปริมาณสำรองปิโตรเลียมให้บริษัทได้ทันที พร้อมจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล 4.50 บาทต่อหุ้น โดยนำส่งรายได้จากการดำเนินธุรกิจให้กับรัฐประมาณ 30,170 ล้านบาท เพื่อการพัฒนาประเทศ 

นายมนตรี ลาวัลย์ชัยกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. เปิดเผยผลการดำเนินงานครึ่งแรกของปี 2567 ว่าบริษัทมีความคืบหน้าที่สำคัญในส่วนธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม โดยได้ขยายฐานการลงทุนในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) จากการเข้าซื้อสัดส่วนการลงทุนร้อยละ 10 ในแปลงสัมปทานกาชา หนึ่งในแหล่งก๊าซธรรมชาตินอกชายฝั่งที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของยูเออี ซึ่งสามารถเพิ่มปริมาณสำรองปิโตรเลียมให้บริษัทได้ทันที และช่วยเสริมประโยชน์และประสิทธิภาพด้านการบริหารจัดการร่วมกับโครงการสำรวจอื่น ๆ ซึ่งบริษัทมีการลงทุนอยู่แล้วในยูเออี โดยคาดว่าแปลงสัมปทานกาชาจะมีปริมาณการผลิตก๊าซฯ ประมาณ 1,500 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันภายในปี 2573 และมีแผนที่จะทำการดักจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ประมาณ 1.5 ล้านตันต่อปี เพื่อสนับสนุนเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์อีกด้วย

ในด้านการพัฒนาเทคโนโลยี ปตท.สผ. ได้จัดทำ 'EP Digital Platform' ซึ่งเป็นศูนย์รวมโครงการนวัตกรรมดิจิทัล ทั้งที่บริษัทพัฒนาขึ้น และพัฒนาร่วมกับพันธมิตร กว่า 65 โครงการ เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานอย่างครบวงจร ตั้งแต่งานด้านการสำรวจและการผลิตปิโตรเลียม การซ่อมบำรุง โลจิสติกส์ และความปลอดภัยและอาชีวอนามัย ซึ่งจะช่วยลดต้นทุน ลดระยะเวลาในการทำงาน และเพิ่มประสิทธิภาพให้กับองค์กร รวมถึง สร้างประโยชน์ให้กับภาคอุตสาหกรรมทั้งปัจจุบันและต่อไปในอนาคต 

ปตท.สผ. ยังได้ทำโครงการ 'Subsurface Data for U' เพื่อส่งมอบข้อมูลทางด้านธรณีศาสตร์จากการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมจริงจากการดำเนินงานของบริษัท ให้กับมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ที่มีการเรียนการสอนในสาขาธรณีศาสตร์และวิศวกรรมปิโตรเลียม เช่น ข้อมูลการสำรวจคลื่นไหวสะเทือน ข้อมูลหลุมเจาะ และข้อมูลด้านวิศวกรรมปิโตรเลียม ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพการเรียนการสอนและการศึกษาวิจัยให้กับสถาบันการศึกษาและนิสิตนักศึกษา เพื่อส่งเสริมการสร้างบุคลากรด้านธรณีศาสตร์ให้กับประเทศและส่งเสริมอุตสาหกรรมการสำรวจและผลิตปิโตรเลียม

สำหรับการดำเนินงานเพื่ออนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลนั้น ปตท.สผ. ได้พัฒนาแพลตฟอร์มข้อมูลวิทยาศาสตร์ทางทะเล หรือ PTTEP Ocean Data Platform ขึ้น โดยร่วมมือกับหลายหน่วยงาน เพื่อรวบรวมข้อมูลวิทยาศาสตร์ทางทะเล ซึ่งเป็นครั้งแรกในประเทศไทยที่มีการใช้แท่นผลิตปิโตรเลียมนอกชายฝั่งเป็นสถานีเก็บข้อมูล เช่น ข้อมูลด้านอุตุนิยมวิทยาและสมุทรศาสตร์ รวมทั้ง แสดงผลการศึกษาปริมาณไมโครพลาสติกในทะเล การตรวจติดตามและระบุชนิดสัตว์ทะเลใต้ขาแท่นผลิตปิโตรเลียม เพื่อใช้ในการจัดทำแผนอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลอย่างมีประสิทธิภาพ 

ส่วนการดำเนินงานเพื่อเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2593 (Net Zero Greenhouse Gas Emissions by 2050) นั้น ณ สิ้นไตรมาส 2 นี้ ปตท.สผ. ได้ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสะสมได้ประมาณ 3.22 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า เมื่อเทียบกับความเข้มการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในปีฐาน 2563 โดยการบริหารจัดการการลงทุนในโครงการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมที่มีคาร์บอนต่ำ การจัดการหลุมผลิตที่เหมาะสม รวมถึง การจัดทำโครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่าง ๆ เช่น การนำก๊าซส่วนเกินจากกระบวนการผลิตปิโตรเลียมกลับมาใช้ใหม่ การปรับปรุงกระบวนการผลิต การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน และการใช้พลังงานหมุนเวียน เป็นต้น

สำหรับผลประกอบการในรอบ 6 เดือนแรกของปี 2567 ปตท.สผ. มีรายได้รวม 166,887 ล้านบาท (เทียบเท่า 4,608 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (สรอ.)) มีปริมาณขายปิโตรเลียมเฉลี่ยอยู่ที่ 489,879 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน เพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 8 เมื่อเทียบกับช่วงครึ่งแรกของปี 2566 ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการเพิ่มอัตราการผลิตปิโตรเลียมของโครงการ G1/61 สู่ระดับ 800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันตามสัญญาแบ่งปันผลผลิต ตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ส่วนราคาขายผลิตภัณฑ์ปรับตัวลงเล็กน้อยจากราคาขายก๊าซธรรมชาติที่ปรับตัวลดลง โดยในช่วงครึ่งปีแรก บริษัทมีกำไรสุทธิ 42,660 ล้านบาท (เทียบเท่า 1,177 ล้านดอลลาร์ สรอ.) และมีต้นทุนต่อหน่วย (Unit Cost) อยู่ที่ 28.6 ดอลลาร์ สรอ. ต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ โดยมีอัตรากำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมราคาที่ร้อยละ 76

ทั้งนี้ จากผลการดำเนินการดังกล่าว เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2567 คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติเสนอจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล สำหรับผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรก ปี 2567 ที่ 4.50 บาทต่อหุ้น โดยกำหนดวันให้สิทธิผู้ถือหุ้น (Record Date) เพื่อรับสิทธิในการรับเงินปันผลวันที่ 14 สิงหาคม 2567 และจะจ่ายเงินปันผลในวันที่ 28 สิงหาคม 2567

นอกจากนี้ ในรอบครึ่งปีแรกของปี 2567 ปตท.สผ. ยังได้นำส่งรายได้ให้กับรัฐในรูปของภาษีเงินได้ ค่าภาคหลวง และส่วนแบ่งผลประโยชน์อื่น ๆ  จำนวนกว่า 30,170 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาประเทศด้านต่าง ๆ เช่น การพัฒนาชุมชน การศึกษา และการวิจัยและพัฒนา เป็นต้น นอกจากนี้ ส่วนแบ่งของผลผลิตปิโตรเลียมจากโครงการ G1/61 และ G2/61 ภายใต้สัญญาแบ่งปันผลผลิต (PSC) ยังเป็นรายได้อีกส่วนหนึ่งที่รัฐได้รับโดยตรงจากการผลิตปิโตรเลียม เพื่อนำไปใช้ในการพัฒนาประเทศอีกด้วย

'ผู้เชี่ยวชาญ' แนะ!! สหรัฐฯ ควรปฏิรูป 'ระบบภาษี-สวัสดิการสังคม' ช่วยแก้ปัญหาระยะยาว หลังหนี้สาธารณะพุ่งแตะ 35 ล้านล้านเหรียญ

(31 ก.ค.67) Business Tomorrow รายงานว่า สหรัฐอเมริกากำลังเผชิญหน้ากับวิกฤตหนี้สาธารณะที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อตัวเลขหนี้รวมของรัฐบาลกลางพุ่งทะลุ 35 ล้านล้านดอลลาร์เป็นครั้งแรก สร้างความกังวลให้กับนักเศรษฐศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญทั่วโลก

ตัวเลขหนี้สาธารณะของสหรัฐอยู่เหนือระดับ 34 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วงปลายเดือน ธ.ค. 2566 และในช่วง 3 เดือนก่อนหน้านั้น หนี้สาธารณะของสหรัฐได้ทำสถิติพุ่งขึ้นทะลุระดับ 33 ล้านล้านดอลลาร์

ข้อมูลจากมูลนิธิปีเตอร์ จี ปีเตอร์สัน (Peter G. Peterson Foundation) องค์กรที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดและมุ่งเน้นการจัดการกับความท้าทายด้านการคลังระยะยาวของสหรัฐ ระบุว่า หนี้สาธารณะจำนวน 35.001 ล้านล้านดอลลาร์นั้น หมายความว่าตัวเลขหนี้สินต่อประชากร 1 คนในสหรัฐอยู่ 103,945 ดอลลาร์

นางมายา แมคกินีส์ ประธานคณะกรรมการด้านงบประมาณของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ได้ออกมาเตือนถึงความรุนแรงของปัญหานี้ และเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินมาตรการแก้ไขอย่างเร่งด่วน 

ทั้งนี้มูลนิธิปีเตอร์ จี ปีเตอร์สัน ซึ่งเป็นองค์กรที่ศึกษาปัญหาการคลังระยะยาวของสหรัฐฯ ก็ได้ชี้ให้เห็นว่า หนี้สาธารณะที่พุ่งสูงขึ้นเป็นผลมาจากปัจจัยโครงสร้างที่ซับซ้อน และจำเป็นต้องมีการปฏิรูประบบภาษีและสวัสดิการสังคมเพื่อแก้ไขปัญหาในระยะยาว

'ลอรี่ รวมไทยสร้างชาติ' เผยเหตุผล 4 ข้อสำคัญ ไม่หนุนนิรโทษกรรม ม.112 ชี้!! ขัดแย้งหลักปรองดอง-เสี่ยงทำผิดซ้ำ แนะ!! ขออภัยโทษเป็นรายกรณี

เมื่อวานนี้ (30 ก.ค. 67) นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ หรือ 'ลอรี่' รองโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม ได้เปิดเผย ผลการศึกษาของคณะ กมธ.นิรโทษกรรม ตลอดการประชุม19 สัปดาห์ว่า

ตัวแทนพรรครวมไทยสร้างชาติ ทั้ง 3 ท่าน มีความเห็นเป็นเอกฉันท์ ที่จะไม่เห็นชอบให้มีการรวมนิรโทษกรรมคดี ม.112 และ ม.110 ได้แก่ นายวิชัย สุดสวาสดิ์ สส. ชุมพร เขต 1 พรรครวมไทยสร้างชาติ ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการ, นายเจือ ราชสีห์ กรรมาธิการและที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการ และนายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ โฆษกคณะกรรมาธิการ

นายพงศ์พล กล่าวสรุปว่า ตัวแทนพรรครวมไทยสร้างชาติ ไม่เห็นด้วยที่จะรวมคดีอ่อนไหวทางการเมืองอย่าง ม.112, ม.110  ในการนิรโทษกรรม ด้วยเหตุผลหลัก ๆ ดังนี้

1. ปัญหาเชิงคุณภาพ ไม่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ตั้งต้น ที่จะต้องการสร้างความปรองดองสังคม เพราะอาจเป็นการสร้างความขัดแย้งครั้งใหม่

2. ปัญหาเชิงปริมาณ ในแง่ของจำนวนคดีม.112 คิดเป็นจำนวนน้อย ไม่ถึง 2% เทียบกับคดีทั้งหมด แต่อาจทำให้การนิรโทษกรรมคดีที่เหลือ 98% มีปัญหาได้

3. กระทำผิดซ้ำ มีโอกาสในการกระทำผิดซ้ำสูง หลังการได้รับนิรโทษกรรม ซึ่งทำให้การบังคับใช้กฎหมายเสื่อมถอย

4. คดีลักษณะเฉพาะ คดีม.112, 110 เป็นคดีลักษณะเฉพาะพิเศษ ไม่สามารถแก้โดยนิรโทษกรรมได้ คล้ายกับความผิดต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คดีม.135 ควรให้เป็นการพระราชทานอภัยโทษเป็นรายกรณีไป

คณะกรรมาธิการฯ ศึกษาแนวทางทางการตราพรบ.นิรโทษกรรม คดีที่มีมูลเหตุจูงใจทางการเมือง ได้มีมติสุดท้าย ใช้กระบวนการ 'ผสมผสาน' นิรโทษกรรมโดยกรอบกฎหมาย ร่วมกับการมีคณะกรรมการ คอยวินิจฉัยและอุทธรณ์ 

ความเห็นคณะ กมธ.นิรโทษกรรม แบ่งออกเป็น 3 แนวทาง โดยเป็นการบันทึกความเห็นอย่างมีอิสระ ไม่มีการโหวต

ผลความเห็นล่าสุด เมื่อวันที่ 25 ก.ค. 67 จากคณะ กมธ.นิรโทษกรรม 36 ท่าน ไม่รวมประธาน 1 ท่าน และคณะกรรมาธิการถอนตัว 1 ท่าน เหลือ จำนวน 34 เสียง ดังนี้

-  ไม่นิรโทษ 112 จำนวน 13เสียง
-  นิรโทษ 112 จำนวน 3 เสียง
-  นิรโทษ 112 โดยห้ามกระทำผิดซ้ำ จำนวน 12 เสียง 

“โดยผลการศึกษาฉบับสมบูรณ์ เตรียมยื่นให้ประธานสภาฯ ในสัปดาห์นี้ เพื่อพิจารณาบรรจุเข้าในวาระการประชุมสภา ในลำดับต่อไป ฝากถึงพี่น้องคนไทยที่รักสถาบัน และเชื่อมั่นในความถูกต้อง ติดตามเรื่องนี้ไปด้วยกันอย่างใกล้ชิด” นายพงศ์พล กล่าวทิ้งท้าย

นับถอยหลัง 'วิทยาลัยพลังงานแห่งชาติ' ในประเทศไทย สถาบันการศึกษาเฉพาะด้านพลังงาน ใต้การผลักดันของ 'พีระพันธุ์'

ปัจจุบัน สถาบันการศึกษามากมาย ต่างพยายามแข่งขันกันเปิดสาขาวิชาที่เกี่ยวข้องกับ ‘พลังงาน’ แต่ก็ยังไม่ตอบโจทย์ประเทศอย่างถึงที่สุด

นั่นก็เพราะ ในความเป็นจริงแล้ว ที่ผ่านมาการผลิต ‘บุคลากร’ ให้ตรงกับงาน โดยเฉพาะงานที่มีความเป็น ‘เฉพาะด้าน’ ในประเทศไทยนั้น ส่วนใหญ่มักจะได้สถาบันการศึกษา ‘เฉพาะด้าน’ ภายใต้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ‘เฉพาะด้าน’ เป็นแรงหนุนสำคัญ

ตัวอย่างที่เห็นปรากฏอยู่ อาทิ คณะวิชาด้านการสาธารณสุขทั้งแพทย์, ทันตแพทย์, เภสัชกร, นักเทคนิคการแพทย์ และพยาบาล ของมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ซึ่งต่างมีโรงพยาบาล เพื่อให้การศึกษาและฝึกฝน หรือแม้แต่ด้านทหาร ก็มีโรงเรียนนายทหารทั้งชั้นสัญญาบัตรและชั้นประทวนของเหล่าทัพต่าง ๆ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวมถึงศูนย์ฝึกพาณิชย์นาวี และสถาบันการบินพลเรือน ในสังกัดกระทรวงคมนาคม ฯลฯ

ในส่วนของพลังงาน ภายหลังจาก ‘นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค’ หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้เข้ารับตำแหน่ง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ก็มีความมุ่งมั่นตั้งใจในการลดราคาพลังงานทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็น น้ำมันเชื้อเพลิง ไฟฟ้า แก๊ส ให้ได้ราคาที่มีความถูกต้อง ยุติธรรม และเหมาะสม เพื่อให้พี่น้องประชาชนคนไทยได้รับประโยชน์สูงสุด 

แต่อีกเรื่องหนึ่งที่ ‘พีระพันธุ์’ ได้ตระหนักควบคู่กันนั้นคือ การบริหารจัดการทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับ ‘พลังงาน’ โดยประเทศไทยจำเป็นต้องมีบุคลากรผู้เชี่ยวชาญที่ ‘รู้จริง’ และ ‘ทำเป็น’ อีกเป็นจำนวนมาก และเพื่อให้ได้มาซึ่งบุคลากรเหล่านี้ ‘กระทรวงพลังงาน’ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบดูแลเรื่อง ‘พลังงาน’ โดยตรง สมควรจะเป็นหน่วยรับผิดชอบและดำเนินการในการจัดตั้งและบริหารจัดการ ‘วิทยาลัยพลังงานแห่งชาติ’ ให้เกิดขึ้น

ปัจจุบัน ทุกครั้งที่ ‘พีระพันธุ์’ มีโอกาสได้เจรจาหารือกับภาคส่วนต่าง ๆ โดยเฉพาะภาครัฐและภาคเอกชนต่างชาติ ซึ่งมีความรู้ ความสามารถ ความชำนาญ และประสบการณ์ ก็มักจะหยิบยกเอาเรื่อง ‘วิทยาลัยพลังงานแห่งชาติ’ มาเป็นประเด็นในการเจรจาหารืออยู่เสมอ อาทิ เมื่อ 7 มิถุนายน 2567 นายเซิน ซิงหัว กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฉางอาน ออโต้ เซาท์อีสเอเชีย จำกัด ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า CHANGAN (ฉางอาน) ได้เข้าพบ ‘พีระพันธุ์’

ครั้งนั้น ทางฉางอาน ได้แสดงเจตจำนงที่จะสนับสนุนแนวคิดของ ‘พีระพันธุ์’ ในการตั้งวิทยาลัยพลังงานแห่งชาติ โดยกระทรวงพลังงาน โดยทางบริษัทจะร่วมให้การสนับสนุนด้วยการเข้ามามีบทบาทสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยี และการศึกษาของภาคยานยนต์พลังงานใหม่ในประเทศไทย ด้วยมุ่งหวังที่จะสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงสู่อนาคตยานยนต์ที่ยั่งยืนของประเทศไทย และเสริมสร้างทักษะแรงงานในท้องถิ่นให้พร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลง และช่วยถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านยานยนต์ยุคใหม่ รวมทั้งการถ่ายทอดเทคโนโลยีไปยังกลุ่มผู้ประกอบการผลิตอะไหล่รถยนต์ภายในประเทศ และการจัดหาพลังงานในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการพลังงานในอนาคต และร่วมผลักดันให้ไทยเป็น EV Hub ของอาเซียนต่อไป

นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2567 นาย Sergey Mochalnikov รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพลังงานแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย ที่เข้าเยี่ยมคารวะ ‘พีระพันธุ์’ ก็มีการหยิบยกเอาเรื่อง ‘วิทยาลัยพลังงานแห่งชาติ’ มาเจรจาหารือเช่นกัน โดยรัสเซียมีการเรียนการสอนที่มุ่งเน้นถึงเรื่องของ ‘พลังงานที่ยั่งยืน (Sustainable Energy)’ ด้วยแนวคิดที่ว่า...

“ความยั่งยืนของพลังงานจะเกิดขึ้นได้ ต้องพิจารณาถึงผลกระทบที่มีต่อสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และสังคม โดยผลกระทบเหล่านี้ มีตั้งแต่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกและมลพิษทางอากาศ ไปจนถึงความขาดแคลนด้านพลังงาน และของเสียที่เป็นพิษ จึงต้องเริ่มคำนึงถึงแหล่งพลังงานหมุนเวียนเช่น พลังงานลม, พลังน้ำ, พลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานความร้อนใต้พิภพ อันก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมน้อย และมีความยั่งยืนมากกว่าแหล่งเชื้อเพลิงจากฟอสซิล พร้อม ๆ ไปกับแนวคิดในการอนุรักษ์พลังงานด้วย”

แม้กระทั่ง ในการเยือนราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย เมื่อ 15-17 กรกฎาคมที่ผ่านมา ของ ‘พีระพันธุ์’ และคณะข้าราชการและผู้เกี่ยวข้องกับกิจการพลังงานของไทย ก็ได้หยิบยกเอาเรื่อง ‘วิทยาลัยพลังงานแห่งชาติ’ มาเจรจาหารือด้วย ซึ่งทางซาอุดีอาระเบียก็ยินดีให้การสนับสนุนการจัดตั้ง ‘วิทยาลัยพลังงานแห่งชาติ’ ตามแนวคิดของ ‘พีระพันธุ์’ เช่นกัน 

ทั้งนี้เพราะซาอุดีอาระเบียตั้งอยู่ในชัยภูมิที่ดีที่สุดในโลก ซึ่งมีแหล่งพลังงานชนิดต่าง ๆ รวมทั้งพลังงานหมุนเวียนมากมาย โดยเฉพาะพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม การศึกษาด้านวิศวกรรมพลังงานในซาอุดีอาระเบีย จึงเป็นการสนับสนุนและพัฒนาแหล่งทรัพยากรของประเทศและยกระดับเศรษฐกิจ ซึ่งมีส่วนช่วยในการพัฒนาประเทศ ซึ่งจะทำให้เกิดการใช้พลังงานต่าง ๆ รวมถึงหมุนเวียนในระดับชาติได้ อันจะช่วยสนับสนุนการผลิตกระแสไฟฟ้าให้กับภาคส่วนต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเพิ่มการใช้พลังงานแสงอาทิตย์เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าในประเทศต่อไป

แม้ ‘วิทยาลัยพลังงานแห่งชาติ’ ตามแนวคิดของ ‘พีระพันธุ์’ อาจแลดูเหมือนเป็นการแข่งขันกับสถาบันศึกษาทั่วไป แต่เพื่อภารกิจการบริหารจัดการเรื่องของ ‘พลังงาน’ ให้ดีที่สุด จะช่วยเพิ่มบุคลากรที่นอกเหนือ ‘นักคิด-นักทฤษฎี’ แต่จะได้ ‘นักปฏิบัติ’ ซึ่งเป็นสิ่งที่มีความสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่งยวดต่อไทย

ดังนั้น จึงปฏิเสธไม่ได้ ที่ไทยจำเป็นต้องมี ‘วิทยาลัยพลังงานแห่งชาติ’ โดย ‘กระทรวงพลังงาน’ เพื่อให้สถาบันการศึกษาแห่งนี้ ผลิตบุคลากรด้านพลังงานทั้งระบบให้ได้ทั้ง ‘คุณภาพ’ และ ‘ปริมาณ’ แบบ ‘ทันเวลา’ สามารถรองรับต่อความต้องการใช้พลังงานที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของประเทศ และการใช้พลังงานในภาพรวมทั้งระบบให้มีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อให้เกิดประโยชน์อย่างเต็มที่และสูงสุดแก่พี่น้องประชาชนคนไทยต่อไป 

‘วัน อยู่บำรุง’ ฉะ ‘สนธิ’ อย่าโม้เยอะ หลังลั่นในรายการเคยให้ 500 ล้านบาท ‘เฉลิม อยู่บำรุง’

(31 ก.ค. 67) นายวัน อยู่บำรุง สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กว่า "ด้วยความเคารพ คุณลุงสนธิ ลิ้มทองกุล คุยทุกเรื่องกับสนธิ #อย่าโม้เยอะ"

ทั้งนี้โพสต์ของนายวัน สืบเนื่องจากนายสนธิ พูดในรายการ สนธิเล่าเรื่อง ทำนองว่า "ช่วงที่ผมมีเงินมาก เฉลิมอยากขยายพรรค มาขอเงินผม ผมหาเงินสด ๆ ให้เกือบ 500 ล้านบาท

ให้ตายเลยไปถามเฉลิมได้ถ้าผมโกหกให้ผมฉิบหาย และถ้าเฉลิมพูดไม่จริงขอให้เฉลิมตายวันรุ่งขึ้นเลย พอถึงวันเลือกตั้งนึกว่าเฉลิมจะได้สส. อย่างน้อยสัก 5-6 คน ปรากฏว่าเหลือหนึ่งคนเหมือนเดิม..."

‘ร้านชำ จ.ชัยนาท’ ประกาศไม่เข้าร่วมโครงการ ‘ดิจิทัลวอลเล็ต’ หวั่น!! ‘ทุนจม-ถอนเงินไม่สะดวก’ เผย รับเงินสดสบายใจกว่า

(31 ก.ค. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อีกไม่กี่ชั่วโมง รัฐบาลจะเปิดให้ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ในวันที่ 1 ส.ค.นี้ ซึ่งในวันนี้มีเสียงสะท้อนจากร้านขายของชำในพื้นที่ จ.ชัยนาท ที่ส่วนใหญ่บอกว่า จะไม่เข้าร่วมโครงการเพราะกังวลกับสารพัดปัญหาที่จะต้องเจอ

รายแรกเจ๊โบ๊ะ แม่ค้าร้านชำประจำหมู่บ้านเขาดิน ต.เขาท่าพระ อ.เมือง จ.ชัยนาท บอกกับทีมข่าวว่า ตนเองจะไม่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการอย่างแน่นอน เพราะเป็นการขายที่ไม่ได้รับเป็นเงินสด ซึ่งตนกังวลว่าจะจมทุน เพราะเงินดิจิทัลที่ได้มา ไม่สามารถเอาไปใช้จ่ายอย่างอื่นได้สะดวกนัก เพราะถ้าจะแปลงเป็นเงินสดก็ต้องใช้เวลา ซึ่งตนมองว่าจะเป็นการจมทุนเสียเปล่า ๆ ยิ่งร้านตนเป็นร้านเล็ก ๆ ทุนน้อย ยิ่งจะเอาทุนไปจมกับเงินดิจิทัลก็จะเกิดความเสี่ยง จึงตัดสินใจไม่เข้าร่วมดีกว่า ขายเงินสดก็เพียงพอที่จะมีกำไรและอยู่ได้

ด้านเฮียเป้า เจ้าของร้านขายของชำหน้าวัดท่าช้าง อ.เมืองชัยนาท ก็พูดทำนองเดียวกันว่า ตนเคยเหนื่อยกับโครงการบัตรคนจนมาแล้ว และจะไม่ขอเหนื่อยกับโครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ตอีกอย่างแน่นอน เพราะตนมองเห็นปัญหาล่วงหน้า ทั้งระบบการสแกนจ่าย การยืนยันตัวตน ที่ระบบจะมีปัญหาเวลาคนใช้พร้อมกันมาก ๆ และที่สำคัญตนเองจะต้องเอาเงินสดลงทุนไปก่อน จึงจะมาขาย รับเป็นเงินดิจิทัล ที่จะดึงออกมาเป็นเงินสดก็ไม่สะดวกตามที่ต้องการ ดังนั้นตนจึงไม่เข้าร่วมโครงการนี้อย่างเด็ดขาด เพราะเห็นความยุ่งยากลำบากที่กำลังจะเกิดขึ้น

ส่วนลุงจงเจ้าของร้านชำอีกแห่งหนึ่งก็ยอมรับว่า ตนเองมีความกังวลกับการแปลงเงินดิจิทัลเป็นเงินสดในโครงการนี้ แต่เมื่อนึกถึงว่า ลูกค้ามีเงินอยู่ในมือคนละ 10,000 บาท นั่นหมายถึงกำลังซื้อมหาศาลที่รออยู่ จะปฏิเสธรายได้จุดนี้โดยไม่เข้าร่วมก็น่าเสียดาย ตนจึงจะลงทะเบียนร่วมโครงการในวันพรุ่งนี้อย่างแน่นอน แม้จะมีความกังวลอยู่บ้างก็ตาม

‘รถยนต์ไฟฟ้าจีน’ คว้าส่วนแบ่งตลาดในยุโรป 11% ทุบสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ในเดือนมิถุนายน

เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.67) Business Tomorrow รายงานว่า รถยนต์ไฟฟ้าจากจีนคว้าส่วนแบ่งตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในยุโรปไปถึง 11% ในเดือนมิถุนายน ทำสถิติสูงสุดใหม่ ขณะที่ผู้ผลิตรถยนต์เร่งส่งออกเพื่อหนีภาษีที่เข้มงวดของสหภาพยุโรปซึ่งมีผลบังคับใช้ต้นเดือนนี้

ด้าน บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ คอร์ป (SAIC) เป็นผู้นำในการส่งออกรถยนต์ไฟฟ้ารุ่น MG4 Hatchback จำนวนมากสู่ตัวแทนจำหน่าย ตามข้อมูลของบริษัทวิจัย Dataforce ซึ่งรวบรวมตัวเลขดังกล่าว รถยนต์ที่จดทะเบียนก่อนวันที่ 5 กรกฎาคม สามารถจำหน่ายให้กับลูกค้าได้โดยไม่ต้องเสียภาษีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มเติม

ตัวเลขของ Dataforce แสดงให้เห็นว่า รถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์จีนมากกว่า 23,000 คัน ได้รับการจดทะเบียนทั่วทั้งภูมิภาคในเดือนดังกล่าว ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดเท่าที่เคยมีมา โดยเพิ่มขึ้น +72% เมื่อเทียบกับเดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นสองเท่าของการเพิ่มขึ้นของการจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้าโดยรวมในยุโรปสำหรับเดือนมิถุนายน รถยนต์นำเข้าจากจีนของผู้ผลิตรถยนต์ตะวันตก รวมถึง Volvo Car AB, BMW AG และ Tesla ก็ต้องเสียภาษีใหม่เช่นกัน

ในช่วงเดือนต่อ ๆ ไป จะมีการจับตาอย่างใกล้ชิดว่ายอดขายจะสามารถรักษาไว้ได้หรือไม่ เนื่องจากภาษีใหม่ของสหภาพยุโรปมีผลบังคับใช้แล้ว ภาษีชั่วคราวของสหภาพยุโรปทำให้เอสเอไอซี ต้องเสียภาษีเพิ่มอีก 38% ในขณะที่ บีวายดี ต้องจ่ายภาษีเพิ่มอีก 17% จากอัตราภาษีศุลกากรเดิม 10%

อย่างไรก็ตาม ผู้ผลิตรถยนต์ทั้งสองทวีปกำลังเร่งเพิ่มการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในยุโรปเพื่อหลีกเลี่ยงภาษีใหม่ ขณะที่ความตึงเครียดระหว่างปักกิ่งและบรัสเซลส์มีความเสี่ยงที่จะกลายเป็นสงครามการค้า

‘กรมการขนส่งทางบก’ ลุยล่าตัวแท็กซี่เปิดหนังสยิวดูกลางถนน จ่อฟันโทษ!! ปรับไม่เกิน 5,000 บ. - พักใบขับขี่ไม่เกิน 6 เดือน

(31 ก.ค.67) จากกรณีนักร้องดัง 'บิ๊ก ดี เจอร์ราร์ด’ หรือ บิ๊ก ไบรอัน เจอร์ราร์ด อุกฤษ วิลลีย์ บรอด ดอนกาเบียล โพสต์คลิปใน TikTok เตือนภัยเหตุการณ์แท็กซี่เปิดหนังสยิวดูกลางถนน ขณะจอดติดไฟแดง โดยในคลิปมีข้อความว่า เตือนภัย TAXI ถ้าคุณมีลูกสาวแล้วต้องขึ้นTAXI คันนี้ คุณจะต้องรู้สึกยังไง?" ซึ่งต่อมา มีการวิพากษ์วิจารณ์จากหลายฝ่าย และคลิปได้ถูกลบออกไป

ล่าสุด บิ๊ก ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กว่า "ผมไม่ได้ลบนะครับ ติ๊กต็อกเป็นคนลบ" ทั้งนี้มีแฟนคลับ ต่างเข้าไปขอบคุณที่ช่วยนำเสนอเรื่องนี้ เพราะสะท้อนเรื่องจริงที่เกิดขึ้น และต้องการให้หน่วยงานเข้ามาดูแลคนขับรถสาธารณะอย่างจริงจัง

ซึ่งจากกรณีดังกล่าว กรมการขนส่งทางบกพิจารณาแล้ว เห็นว่า พฤติกรรมของผู้ขับรถดังกล่าวอาจเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 ฐานไม่ปฏิบัติตามกฎกระทรวงกำหนดความปลอดภัยในการรับจ้างบรรทุกคนโดยสาร พ.ศ. 2555 ดังนี้

1. ข้อหากระทำการอันควรขายหน้าต่อหน้าธารกำนัลหรือลามกอย่างอื่น ไม่ว่าจะกระทำด้วยตนเอง หรือกระทำด้วยสื่อหรือวัสดุใด ๆ อันทำให้ปรากฏความหมายในทำนองเดียวกัน ตามมาตรา 5(15/1) ประกอบมาตรา 58/1 ซึ่งกฎหมายกำหนดอัตราโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท
2. สามารถดำเนินการพักใช้ใบอนุญาตขับรถได้ตามมาตรา 53/1 ครั้งละไม่เกิน 6 เดือน

ขณะนี้อยู่ระหว่างตามตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินการลงโทษตามกฎหมายต่อไป

'อิสมาอิล ฮานิเยห์' ถูกลอบสังหารในกรุงเตหะราน ด้าน ‘สหรัฐฯ-อิสราเอล’ ไม่แสดงความเห็นใดๆ

(31 ก.ค. 67) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นายอิสมาอิล ฮานิเยห์ (Ismail Haniyeh) หัวหน้ากลุ่มฮามาส ถูกลอบสังหารในช่วงเช้าขณะเดินทางไปเข้าร่วมพิธีสาบานตนรับตำแหน่งของประธานาธิบดีอิหร่านคนใหม่

ซามี อาบู ซูห์รี เจ้าหน้าที่ระดับสูงของฮามาส ระบุว่า การลอบสังหารฮานีเยห์โดยอิสราเอลถือเป็นการยกระดับความรุนแรงขึ้น โดยมีจุดหมายที่จะทำลายเจตจำนงของฮามาส แต่มันจะไม่บรรลุเป้าหมาย ฮามาสจะเดินหน้าตามเส้นทางที่เดินอยู่ต่อไป และเราเชื่อว่าเราจะชนะ

ด้านกองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิหร่านยืนยันการเสียชีวิตของนายฮานิเยห์ ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากเขาเข้าร่วมพิธีสาบานตนดังกล่าว และระบุว่ากำลังทำการสอบสวนเรื่องดังกล่าวอยู่ ขณะที่อิสราเอลยังไม่แสดงความเห็นใด ๆ ในทันที

ทางด้านทำเนียบขาว ไม่แสดงความเห็นใด ๆ หลังถูกสอบถามเกี่ยวกับการเสียชีวิตของนายฮานิเยห์ทันที โดยข่าวการเสียชีวิตของฮานิเยห์ดังกล่าวเกิดขึ้นเพียงไม่ถึง 24 ชั่วโมงหลังมีรายงานว่า อิสราเอลได้ถล่มกรุงเบรุตของเลบานอน เพื่อสังหารนายฟูอัด ชุกร์ ผู้บัญชาการระดับสูงของฮิซบอลเลาะห์ด้วย

ฮานิเยห์ซึ่งอาศัยอยู่ที่กาตาร์ถือเป็นตัวแทนของฮามาสในเวทีการทูตระหว่างประเทศ เขาได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้นำฮามาสในปี 2017 และเดินทางไปมาระหว่างเมืองหลวงของกาตาร์ โดยเขายังทำหน้าที่เป็นผู้เจรจาหยุดยิงในฉนวนกาซา และหารือกับอิหร่านซึ่งเป็นพันธมิตรของฮามาส


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top