Friday, 23 May 2025
TheStatesTimes

ผบ.ตร.ลงพื้นที่ จ.พิษณุโลก ตรวจเยี่ยมบำรุงขวัญ สภ.นครชุม และโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนอาทรอุทิศ กำชับขยายผลคดียาเสพติด และให้ดูแลเด็กนักเรียนให้มีความรู้ความสามารถ มีจิตอาสา ยึดมั่นในสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์

วันนี้ (16 กรกฎาคม 2567) เวลา 10.00 น. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.ต.พิทักษ์ อุทัยธรรม รอง ผบช.ประจำ สนง.ผบ.ตร. ลงพื้นที่บ้านน้ำกุ่ม ต.น้ำกุ่ม อ.นครไทย จ.พิษณุโลก

เพื่อตรวจเยี่ยมบำรุงขวัญข้าราชการตำรวจ สภ.นครชุม และโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนอาทรอุทิศ โดยมีผู้แทนจาก สภ.นครชุม นำโดย พ.ต.ท.สุรศิลป์ สมศรี สารวัตรสถานีตำรวจภูธรนครชุม และโรงเรียนตระเวนชายแดนอาทรอุทิศ นำโดย ร.ต.ท.นพดล เพ็ญสุภา ครูใหญ่โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนอาทรอุทิศ รับการตรวจเยี่ยม 

ผบ.ตร.ได้กำชับนโยบายของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ในการสืบสวนปราบปรามยาเสพติดอย่างจริงจัง และให้สืบสวนขยายผลเพื่อจับกุมผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ พร้อมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.นครชุม ในการปฏิบัติหน้าที่ดูแลพี่น้องประชาชน

ในส่วนของ โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนอาทรอุทิศ ผบ.ตร.ได้เน้นย้ำครูตำรวจตระเวนชายแดนให้อบรมสั่งสอนเด็กและเยาวชนซึ่งเป็นอนาคตของชาติ ให้มีความรู้ความสามารถ มีจิตอาสา และยึดมั่นในสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ รวมทั้งให้ความรู้เกี่ยวกับโทษภัยของการพนันและยาเสพติด

พร้อมกันนี้ ผบ.ตร.ได้ให้กำลังใจและมอบสิ่งของบำรุงขวัญ และเครื่องคอมพิวเตอร์จำนวน 1 ชุด เพื่อใช้ในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.นครชุม และมอบรถจักรยานให้กับนักเรียนโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนอาทรอุทิศ จำนวน 25 คัน ด้วย

‘ม.ขอนแก่น’ มีคำสั่ง ‘ไล่ออก’ อาจารย์ 3 ราย ฐานซื้อขายผลงานวิจัย พร้อมเร่งเอาผิดตาม กม.

(16 ก.ค. 67) ศ.ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล รองปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เปิดเผยว่า สำนักงานปลัดกระทรวง อว. ได้รับแจ้งผลการสอบวินัยร้ายแรงกรณีการซื้อขายผลงานวิจัยของอาจารย์จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น ว่าขณะนี้ ม.ขอนแก่น ได้ดำเนินการสอบสวนและพิจารณาโทษทางวินัยแก่อาจารย์จำนวน 3 ราย ที่กระทำผิดจริงเสร็จสิ้นแล้ว โดยได้มีคำสั่งลงโทษ ‘ไล่ออก’ ทั้ง 3 ราย นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างแจ้งความดำเนินคดีอาญาแก่บุคคลทั้ง 3 รายอีกด้วย

รองปลัด อว. กล่าวต่อว่า นับตั้งแต่มีข่าวการซื้อขายงานวิจัยเมื่อต้นปี 2566 ทางสำนักงานปลัดกระทรวง อว. ได้ร่วมกับมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ในการดำเนินการตรวจสอบ ซึ่งจากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า นักวิจัย 109 ราย จาก 33 สถาบัน เข้าข่ายผลงานวิจัยผิดปกติ จึงส่งข้อมูลให้มหาวิทยาลัยตรวจสอบข้อเท็จจริง ปัจจุบันได้มีการตรวจสอบเกือบครบถ้วนแล้ว และมี 14 รายที่พบความผิดปกติจริง และบางรายได้มีการตั้งกรรมการลงโทษทางวินัย เป็นผลให้ ปัจจุบัน มีการไล่ออกแล้ว 6 ราย ได้แก่ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ 1 ราย ม.เชียงใหม่ 2 ราย และล่าสุด ม.ขอนแก่น 3 ราย

“เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญในวงการวิชาการ การซื้อผลงานวิจัยที่ไม่ใช่ของตนเอง เป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ในแวดวงวิชาการ ต้องขอบคุณมหาวิทยาลัยที่มีมาตรการตรวจสอบอย่างเข้มแข็งและนำไปสู่การลงโทษผู้กระทำความผิด ปัจจุบัน สำนักงานปลัดกระทรวง อว. ยังมีการตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง หากมีความผิดปกติก็จะแจ้งมหาวิทยาลัยให้ดำเนินการต่อไป” ศ.ดร.ศุภชัย กล่าว

‘สมชัย’ แฉ!! กระบวนการปั้นดีกรี 'ดร.-ศ.-รศ.' เพื่อบรรดาผู้มีสตางค์ แต่ไร้วุฒิ เปิดบริษัทตั้งชื่อเหมือนมหาวิทยาลัยดัง ทำให้ทุกอย่าง เหมาจ่ายไม่ถึงล้าน

(16 ก.ค.67) นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก 'ปั่นไปไหน - สมชัย ศรีสุทธิยากร' ใจความดังนี้...

เรื่องมันมีอยู่ว่า บรรดาคนมีสตางค์ แต่ไม่มีวุฒิ อยากมี ดร. นำหน้า หรือ มี ศ. รศ. นำ ยิ่งเท่

บังเอิญมีบริษัทรับเทียบโอนวุฒิในอเมริกา ตั้งชื่อเหมือนมหาวิทยาลัย เปิดบริการรับเทียบโอนวุฒิ  เช่น เธอส่งใบปริญญามาฉันก็เทียบวุฒิให้ แต่หน้าตาใบเทียบวุฒิดูเผิน ๆ จะเหมือนใบปริญญา

บริษัทนั้นยังเปิดโอกาสว่า ถ้าเธอมีประสบการณ์อะไรก็ส่งหลักฐานมา ฉันเทียบโอนตำแหน่งวิชาการให้ 3 ชิ้นเป็น รศ. หากจะเป็น ศ. ขอ 5 ชิ้น

เรื่องเดินต่อว่า มี อ.ที่ไม่สังกัดมหาวิทยาลัย เห็นว่า เป็นช่องทางสร้างคนสร้างรายได้ เลยชักชวนแบบบอกต่อ ใครสนใจบ้าง   

ทำวิจัยไม่เป็นเดี๋ยวสอน สอนแล้วยังทำไม่เป็นหาคนช่วยทำ ทำแล้วเขียนไม่ถูกหาคนช่วยเขียน  แปลไม่ได้ช่วยแปล หาที่ลงวารสารต่างประเทศไม่ได้เดี๋ยวจัดให้ แต่มีค่าใช้จ่าย รวม ๆ ยังไงก็ไม่ถึงล้าน ดีกว่าบินไปเรียน 5 ปี 10 ล้าน ยังอาจไม่จบ

ผู้มีสตางค์ที่อยากได้ปริญญา อยากได้ ดร. อยากได้ ศ. รศ. เลย เห็นว่านี่คือ ทางลัด ประหยัด ไม่เหนื่อยแรง แต่ไม่รู้ว่า สิ่งนี้ ไม่ได้รับการยอมรับจากหน่วยงานที่มีมาตรฐาน

ลงเฟซ ลงติ๊กต๊อก สร้างภาพสวย ๆ ไม่น่าจะมีปัญหา คนเห็นก็กดไลก์ กดหัวใจให้ ยิ่งปลื้มกันใหญ่ แต่พอเอามาใช้กับอะไรที่เป็นทางการมาก ๆ น่าจะเรื่องยาว

เพื่อนผมที่เป็นหมอบอกว่า นี่คือ อาการ Pathological Lair คือ โกหกในสิ่งที่ตัวเองไม่รู้ตัวว่าโกหก

ปัญหาคือ หากยังดึงดันและฟ้องกราดปิดปากใครต่อใคร เรื่องถึงศาล ฝ่ายถูกฟ้องเขาขอให้ศาลเรียกเอกสารวิชาการทุกชิ้นมาตรวจสอบ

อาการหนาวจะยิ่งกว่าทวีปอาร์กติก

“เชียงราย”การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคสาขาแม่สาย จัดงานสัมมนาลูกค้ารายใหญ่ ส่งเสริมการพัฒนาด้านพลังงานทดแทน มุ่งสู่พลังงานสะอาด”

เมื่อวันนี้ 17 กรกฎาคม 2567 นาย ชัยยุทธ สารติ๊บ ผู้จัดการ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดเชียงราย เป็นประธานเปิดงานสัมมนาลูกค้ารายใหญ่ ประจำปี 2567 "PEA DlGITAL GRID & GREEN ENERGY"

โดยมีนายวีระศักดิ์ ชุมภูเทพ ผู้จัดการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคสาขาแม่สาย กล่าวรายงาน ซึ่งภายในงานมีผู้เข้าร่วมงาน ประกอบด้วย  รัฐวิสาหกิจไฟฟ้าลาว สาขาแขวงบ่อแก้ว ผู้บริหารองค์กร หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และผู้ประกอบการรายใหญ่เข้าร่วมเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดี ระหว่างการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคกับกลุ่มลูกค้าทั้งภาครัฐ และภาคเอกชนในเขตพื้นที่จังหวัดเชียงราย รวมถึงเป็นการประชาสัมพันธ์ นโยบายและโครงการที่สำคัญๆของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ที่ประโยชน์สำหรับผู้เข้าร่วม 

นายชัยยุทธ สารติ๊บ ผู้จัดการ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดเชียงราย(CEO) กล่าวว่า การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค มุ่งเน้นสู่ความเป็นองค์กรที่ทันสมัย ยึดหลักธรรมาภิบาล ดำเนินการด้วยความโปร่งใส ปราศจากการทุจริต คอรัปชั่น ตอบสนองนโยบายภาครัฐและยุทธศาสตร์ เน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลาง โดยการจัดงานในครั้งนี้เพื่อนำเสนอสิ่งที่เป็นประโยชน์สูงสุด ให้กับลูกค้าทุกภาคส่วน ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนในการผลิตสินค้า หรือบริการตลอดจนการประหยัดพลังงานไฟฟ้า ตามนโยบายภาครัฐ และสามารถวางแผนการใช้ไฟฟ้าได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

สำหรับภายในงานการจัดงานสัมมนาลูกค้ารายใหญ่ ประจำปี 2567 จะเป็นการรับฟังการบรรยาย แนะนำบริการธุรกิจเกี่ยวเนื่อง PEA SOLAR, PEA VOLTA และการส่งเสริมพลังงานสะอาดในอนาคต จากผู้เชี่ยวชาญการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเขต 1 ภาคเหนือ จ.เชียงใหม่ และแผนกสนับสนุนและประเมินผลธุรกิจบริหารสินทรัพย์ และแผนกพัฒนาธุรกิจและระบบการให้บริการยานยนต์ไฟฟ้า กองธุรกิจบริหารสินทรัพย์ ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ รวมถึงการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างลูกค้า และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เพื่อจะได้กำหนดทิศทางการลงทุนให้สอดรับกับแนวโน้มพลังงานในอนาคต รวมทั้งรวบรวมความต้องการ และข้อเสนอแนะของลูกค้า เพื่อนำมาปรับปรุง แก้ไข งานด้านบริการ ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคให้ตอบสนองต่อลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพต่อไป

สันติ วงศ์สุนันท์ หัวหน้าศูนย์ข่าวอำเภอแม่สาย/รายงาน

เปิดช่วงเวลา 6 เวียดนามดับ หลังถูกวางยาพิษคาโรงแรมดังกลางกรุงฯ พบเสียชีวิตมาตั้งแต่วันจันทร์ที่ผ่านมา ไม่มีร่องรอยการต่อสู้ใดๆ

(17 ก.ค.67) ผู้สื่อข่าวเปิดเผยไทม์ไลน์ของ 6 นักท่องเที่ยวชาวเวียดนามที่ถูกวางยาพิษดับในโรงแรมดังกลางกรุงฯ ของวันจันทร์ที่ 15 กรกฎาคม 2567 โดยมีรายละเอียดดังนี้...

- 10:14:13 น. เด็กรับผ้าเดินเข้าห้อง
- 10:15:37 น. เด็กรับผ้าออกมาจากห้อง
- 11:20.31 น. มีเด็กรับผ้าเอาเสื้อคลุมมาส่ง
- 11:20:54 น. เด็กรับผ้าเดินกลับมาจากบริเวณหน้าห้อง
- 12:00:36 น. Mr. Tran dinh phu เดินออกมาจาก ถือถุงพลาสติกสีขาว
- 13:01:09 น. พนักงานทำความสะอาด เดินออกจากห้องติดกัน แล้วเข้าห้อง (ที่เกิดเหตุ)
- 13:13:04 น.พนักงานทำความสะอาดเอาผ้าปูที่นอนออกมาจากห้องที่เกิดเหตุ
- 13:15:57 น. พนักงานทำความสะอาดถือผ้าปู เข้าห้องที่เกิดเหตุ
- 13:29:20 น. พนักงานทำความสะอาดเดินออกจากห้องที่เกิดเหตุ
- 13:30:44 น. พนักงานทำความสะอาดถือผ้าเข้าห้องที่เกิดเหตุ
- 13:36:19 น. พนักงานทำความสะอาดถือจานผลไม้ออกมาจากห้อง
- 13:37:39 น. พนักงานทำความสะอาดถือจานผลไม้เข้าไป
- 13:40:25 น. พนักงานทำความสะอาดเดินออกมาห้อง พร้อมอุปกรณ์ทำความสะอาด
- 13:52:44 น. Room service มารอหน้าห้อง 2 คน
- 13:53:36 น. Room service นำอาหารมาเสิร์ฟ 3 ถัง
- 13:58:18 น. Room service ออกจากห้อง
- 14:04:33 น. Mrs. Thi nguyen phuong ถือลากกระเป๋าเดินทางสีชมพูเดินเข้าไป
- 14:05:26 น. MR. Pham hong thanh สวมเสื้อกางเกงขาว ลากกระเป๋าเดินทางสีดำ เดินเข้าห้อง
- 14:09:41 น. Mrs. Thi nguyen thuong lan สวมเสื้อสีชมพู ลากกระเป๋าเดินทางสีชมพูเดินเข้าห้อง
- 14:09:56 น. Mr. Hung dang van สะพายกระเป๋าสีดำแดง มือซ้ายถือกระเป๋าดำ มือขวาถือกระเป๋าเทา เดินเข้าห้อง
- 14:11:29 น. Mrs.sherine chong/Mrs. Thi nguyen/Mr. Hong pham thanh/ Mr. Hung dang van เดินออกมาจากห้อง

📌*****(Mrs. Thi nguyen phuong lan อยู่ห้องคนเดียว)

- 14:13:38 น. Mr. Hung dang van เดินกลับเข้าห้องที่เกิดเหตุ
- 14:14:20 น. Mr. Hung dang van เดินออกมาจากห้อง
- 14:15:04 น. Mr. Hung dang van เดินกลับมาที่ห้องถือถุงพลาสติก / Mr. Dinh tran phu ลากกระเป๋าเดินทางสีดำเดินตามมา แล้วส่งกระเป๋าเดินทางให้ Mr.Hung ดันกระเป๋าเดินทางเข้าห้อง และทั้งสองเดินออกมา
- 14:17:43 น. Mr. Hung เดินกลับเข้าห้อง
- 14:17:51 น. เริ่มทยอยเดินเข้าห้อง 502 ที่เกิดเหตุ โดย Mr.Dint/Mrs.sherine/Mrs. Thi nguyen/Mr. Hong Pham
- 14:17:52 น. ทุกคนอยู่ภายในห้อง

ส่วนช่วงเวลาการเสียชีวิต เจ้าหน้าที่คาดว่าชาวเวียดนามเสียชีวิตหลัง 13.53 น. ของวันที่ 15 ก.ค.  เพราะเมนูอาหารที่สั่งเป็นอาหารจานเดียว 6 จาน วางอยู่ห้องรับแขก แต่อาหารที่ Room service นำมาเสิร์ฟยังไม่ได้ถูกรับประทาน แต่มีเครื่องดื่มประเภทชากาแฟ จำนวน 6 ถ้วย ซึ่งมีเศษตกค้างอยู่บริเวณก้นถ้วย และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานได้เก็บไปตรวจสอบแล้ว โดยจำนวนถ้วยกาแฟตรงกับผู้เสียชีวิต 6 คน ทั้งนี้ เบื้องต้นไม่พบร่องรอยของการต่อสู้ หรือขัดขืนใดๆ

‘ชาวเวียดนาม’ แห่อาลัย โพสต์สุดท้าย ‘ช่างแต่งหน้าชื่อดัง’ หลังดับปริศนาโรงแรมหรู ย่านราชประสงค์ พบ!! มาไทยบ่อย

(17 ก.ค. 67) จากกรณีเกิดเหตุเสียชีวิตภายในโรงแรมดัง ย่านราชประสงค์ เบื้องต้นทราบมีผู้เสียชีวิต 6 ราย เป็นชาวเวียดนาม และชาวอเมริกัน กลางดึกเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคมนั้น ภายหลังจากชุดสืบสวนได้ทำการตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณหน้าห้องพักหมายเลข 502 โดยเป็นภาพวงจรปิดของวันที่ 15 ก.ค. ช่วงเวลาตั้งแต่เวลา 14.09 น. ถึง 14.17 น. ซึ่งภาพบันทึกเหตุการณ์ที่ผู้เสียชีวิตทั้ง 6 คนเดินลากกระเป๋า ทยอยเข้า-ออกห้องพัก 502 โดยนำกระเป๋าเดินทางเข้าไปไว้ภายในห้อง และภาพสุดท้ายคือทั้ง 6 คนได้เดินทยอยเข้าห้องพักดังกล่าว จากนั้นก็ไม่มีใครออกจากห้องอีกเลย

โดยมีรายงานจากสื่อมวลชนของประเทศเวียดนามระบุว่า 1 ในผู้เสียชีวิตเป็นบุคคลมีชื่อเสียง คือ นายดินห์ ตรัน ภู (Mr.DINH TRAN PHU) อายุ 36 ปี เป็นช่างแต่งหน้าชื่อดังจากเมืองดานัง ประเทศเวียดนาม

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเฟซบุ๊กของช่างแต่งหน้ารายดังกล่าว Phú Gia Gia (I’m Makeup Artist) ซึ่งมีผู้ติดตาม 1.5 หมื่นคน ได้มีชาวเวียดนามเข้าไปแสดงความเสียใจ และอาลัยต่อการจากไปของเขาอย่างต่อเนื่อง เช่นว่า ขอโทษนะที่ฉันอยู่ไกล ฉันหวังว่าคุณจะจากไปอย่างสงบและกลับไปยังแผ่นดินเกิดของคุณ, คุณเป็นบุคคลที่มีความสามารถในอุตสาหกรรมการแต่งหน้าที่ฉันชื่นชมมาก ๆ , นี่เรื่องจริงหรือเปล่า, หลับให้สบายนะ, อาจารย์ ไม่ใช่เรื่องจริงใช่ไหม ครูและนักเรียนของเราโทรหาหลายวันแล้วบอกว่าคุณไปไทยเพื่อทำการเรียนการสอน, พวกเราเพิ่งคุยกันเอง ไม่อยากจะเชื่อเลย

ดินห์ ตรัน ภู เป็นเมกอัพอาร์ตติสที่รู้จักกันในชื่อ Phú Gia Gia โดยเขามีทีมงานที่มากความสามารถและเป็นมืออาชีพ ได้รับการเชิญให้ร่วมงานในวงการแต่งหน้า เป็นวิทยากร รวมถึงยังมีลูกศิษย์ที่เข้าคอร์สเรียนกับเขา โดยเขาทำงานกับทั้งงานอีเวนต์ วงการบันเทิง และนางงามด้วย

อย่างไรก็ตาม พบว่า โพสต์สุดท้ายของ Phú Gia Gia ช่างแต่งหน้าคนดัง คือบัตรเชิญเข้าร่วมงานเกี่ยวกับการแต่งหน้าที่นครโฮจิมินห์ เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคมที่ผ่านมา

ขณะที่ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม เจ้าตัวได้โพสต์ภาพร้านผัดไทยทิพย์สมัย ถนนมหาไชย ย่านประตูผี พร้อมระบุข้อความเป็นภาษาเวียดนาม ใจความว่า…

“หลังจากที่แต่งหน้าให้ลูกค้าเสร็จ เพื่อนที่เป็นล่ามภาษาไทยพาไปกินข้าว ซึ่งพบว่าเป็นร้านต้นตำรับ และสืบทอดทายาทต่อกันมา ผัดไทยที่เครื่องเทศส่งต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น ที่ร้านทำเองหมดเลย มาชิมกันดู อร่อยมาก ร้านนี้มีหลายเมนู แต่มี 2 เมนูซิกเนเจอร์ที่ทางร้านแนะนำ” พร้อมกับภาพผัดไทยกุ้งสดห่อไข่ และผัดไทยทรงเครื่อง

ขณะที่ Lương Thị Khánh เพื่อนสนิทของเขา ระบุว่า เธอทราบข่าวแล้ว รู้สึกเหมือนถูกฟ้าผ่า โดยทราบว่าผู้เสียชีวิตบินไปไทย และจะบินกลับมาร่วมเวิร์คช็อปของเธอ พร้อมบอกด้วยว่าเขาเป็นคนใจดีเป็นมิตร และเธอนับถือในตัวเขามาก นับเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่ของวงการแต่งหน้า

ขณะที่ในวงการช่างแต่งหน้าก็ได้มี เมกอัพอาร์ตติสออกมาโพสต์ไว้อาลัยอย่างต่อเนื่อง ทั้งหลายคนที่นับถือเขาเป็นครู บ้างก็เป็นเพื่อนสมัยเด็กที่ผูกพันกันมา ทราบข่าวแล้วเสียใจอย่างมาก ขอให้เจ้าหน้าที่คลี่คลายคดีโดยไว นอกจากนี้ทุกคนยังพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เขาเป็นคนที่น่ารัก มากความสามารถ มีอะไรอร่อย ๆ ก็จะนำมาฝากเสมอ แถมยังมีลูกค้าเยอะด้วย

คนสนิทรายหนึ่งยังได้โพสต์ด้วยความโศกเศร้าว่า ช่วงหลังก็ไม่ค่อยได้เจอกันเพราะเขาไม่ว่างเลย งานยุ่งมาก ๆ ทว่าต่อจากนี้กลับจะไม่มีโอกาสได้เจอกันอีกแล้ว

ข้อมูลจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) ระบุว่า นายดินห์ ตรัน ภู (Mr. DINH TRAN PHU) เกิดเมื่อวันที่ 1 ก.ย. 1987 (พ.ศ. 2530) อายุ 37 ปี สัญชาติเวียดนาม เข้าประเทศไทยล่าสุดเมื่อวันที่ 12 ก.ค. 2567 ที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยได้รับการยกเว้นวีซ่า (วีซ่า ผ.ผ.30 หรือผ่อนผันโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย) อนุญาตถึงวันที่ 10 ส.ค. 2567 ที่ผ่านมาเดินทางเข้า-ออกประเทศไทยแล้ว 11 ครั้ง

‘ตำรวจ’ เข้าตรวจ รร.ดัง หลังชาวเวียดนามเสียชีวิต 6 ราย พบ ‘ขวดสแตนเลส’ 2 ใบ เร่งตรวจสอบอย่างละเอียด

เมื่อวานนี้ (16 ก.ค. 67) พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร., พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. และพล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สพฐ. ได้แถลงรายละเอียดเหตุพบศพนักท่องเที่ยว ชาวเวียดนาม 6 ศพ ในโรงแรมหรู

พล.ต.ท.ธิติ กล่าวว่า วันนี้เจ้าหน้าที่โรงแรม ได้เข้าไปทำความสะอาดห้องพักบริเวณชั้น 5 โดยห้องที่เกิดเหตุต้องทำการเช็กเอาท์ในช่วงบ่าย แต่ไม่ได้เช็กเอาท์จึงทำการตรวจสอบ และพบผู้เสียชีวิต จึงมาแจ้งผู้บริหาร และ สน.ลุมพินี หลังจากนั้น ทีมฝ่ายสอบสวนเข้ามา สำนักงานพิสูจน์หลักฐาน เข้ามา

โดยพบศพผู้เสียชีวิต 6 คน ในโซนรับแขก 4 คน ห้องนอน 2 คน เป็นเพศชาย 3 คน เพศหญิง 3 คน โดยทั้งหมด เดินทางมาเช็กอินที่โรงแรมไม่พร้อมกัน เดินทางมาวันที่ 13 ก.ค. 1 ชุด และวันที่ 14 ก.ค. อีก 1 ชุด พักอยู่ที่ชั้น 7 ของโรงแรม 4 ห้อง และชั้น 5 อีก 1 ห้อง ทั้งหมด 5 ห้อง แจ้งการจองมา 7 คน แต่เช็กอิน 5 คน แต่พบศพ 6 ราย ทางสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมืองตรวจสอบว่าข้อมูลตรงกัน 5 ราย แต่พบ 6 ราย จากการตรวจที่เกิดเหตุ 4 ห้องในชั้น 7 ต้องเช็กเอาท์ออกจากโรงแรมเมื่อวานตอนบ่าย โดยได้มีการเก็บกระเป๋าไปรวมไว้ที่ห้องชั้น 5 มีการเดินทางออกไป เพราะบุคคลที่นัดหมายมารับนั้น ไม่พบตัว และทางโรงแรมในเบื้องต้นให้ข้อมูลว่าไม่มีการชำระค่าใช้จ่าย

พล.ต.ท.ธิติ กล่าวว่าเชื่อว่าทั้ง 6 คนเสียชีวิตเวลาประมาณ 13.53 น. เพราะเมนูอาหารที่สั่ง มีลักษณะเป็นอาหารจานเดียว 6 จานวางอยู่ในห้องรับแขก และมีถ้วยเครื่องดื่มลักษณะคล้ายการผสมเครื่องดื่มอีก 6 ถ้วย วางอยู่ที่จัดเตรียม 5 ถ้วย และอยู่บนโต๊ะ 1 ถ้วย และมีเศษตกค้างบนถ้วย ทาง พฐ. ได้เก็บหลักฐานไว้หมดแล้ว ตรงกับผู้เสียชีวิตทั้ง 6 ราย

โดยเบื้องต้นไม่พบร่องรอย การชิงทรพย์รื้อค้น ไม่พบบาดแผลที่ปรากฏชัดเจน และข้าวของยังอยู่เป็นปกติ เมื่อแม่บ้านเข้าไปตรวจดูพบว่าประตูถูกล็อกจากด้านใน ซึ่งต้องเข้าไปทางประตูหลังไปเปิด โดยขณะนี้ฝ่ายสืบสวน ตำรวจนครบาล สตม. สรุปแนวทางที่สอดคล้องกัน ได้แก่

1.ต้องตรวจสอบบุคคลที่ 7 ก่อนว่าเดินทางเข้ามาจริงหรือไม่

2.เก็บรายละเอียดทั้งหมดของบุคคลทั้ง 6 คน ผ่านทางสถานทูตและข้อมูลโซเชียลต่าง ๆ ที่ลงทะเบียนไว้

3.หากบุคคลที่ 7 ไม่มี ต้องหามูลเหตุจูงใจในครั้งนี้

กระเป๋าทั้งหมดที่อยู่ในห้องได้ประสานไปทางสถานทูตร่วมกับตำรวจนครบาล 5 ไปทำการพิสูจน์ร่วมกัน ว่าในกระเป๋ามีอะไรเป็นวัตถุพยานหรือพยานหลักฐานในครั้งนี้ได้ บ่งบอกว่าบุคคลใดมีส่วนเกี่ยวข้อง ตอนนี้คือทั้งหมดไม่ได้ทำร้ายตัวเองแต่ถูกคนอื่นทำให้เสียชีวิต

พล.ต.ท.ธิติ กล่าวต่ออีกว่า ผู้เสียชีวิต เป็นคนเชื้อสายเวียดนามทั้งหมด แต่มีสัญชาติอเมริกาอยู่ในนั้น 2 ราย โดยห้องพักชั้น 7 เปิดเช็กอินวันที่ 13 ก.ค. แต่ห้องพักชั้น 5 เปิดเช็กอินวันที่ 14 ก.ค. ซึ่งทั้งหมดจะเช็กเอาท์ในวันที่ 15 ก.ค. ทั้งหมด อาหารที่พบในห้องเป็นอาหารไทย และยังไม่มีการรับประทาน ซึ่งเราจะเก็บสิ่งของทุกชิ้นภายในห้องไปตรวจสอบ พร้อมระบุอีกว่า เครื่องดื่มภายในแก้วถูกดื่มทั้งหมด และจากการตรวจสอบในห้องน้ำพบกระปุกชาที่ถูกซื้อมา ลักษณะคล้ายชาอู่หลง พร้อมน้ำเกลือแร่ 1 ขวด น้ำเปล่า 1 ขวด และทั้งสามชิ้นถูกเปิดใช้แล้ว ฝ่ายพิสูจน์หลักฐาน จะนำไปพิสูจน์อีกครั้ง เพราะเสียชีวิตเกิน 24 ชั่วโมง โดยลักษณะสภาพผู้เสียชีวิตไม่มีบาดแผล มีรายเดียวที่มีบาดแผลบนใบหน้าโดยสันนิษฐานว่าน่าจะล้มฟาดโดนวัสดุแข็ง ไม่ถูกทำร้าย

เมื่อถามว่าภายใน 24 ชั่วโมงมีใครเข้าออกในพื้นที่เกิดเหตุหรือไม่ พลตำรวจโทธิติ ระบุว่า ตอนนี้กำลังไล่ดู ตั้งแต่ลงเครื่องบิน กำลังดำเนินการอยู่ แต่ในระยะเวลา 2-3 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบกล้องวงจรปิดภายในบริเวณนี้ แล้วจะทำไทม์ไลน์ทั้งหมดนำมาสรุปอีกครั้ง และต้องรอผลการตรวจกระเป๋าของผู้ตายทั้ง 6 คน ที่ สน.ลุมพินี ส่วนรายละเอียดทั้งหมด ผบ.สพฐ. จะเป็นคนดูแลเพราะเราจำกัดพื้นที่ทั้งหมดในการเข้าที่เกิดเหตุ เราไม่ได้ตั้งประเด็นว่าเขาถูกวางยา แต่มีบุคคลคนหนึ่ง ประสงค์ที่ทำร้ายชีวิตร่างกาย แต่โดยวิธีการใดนั้น นิติวิทยาศาสตร์จะเป็นคนบอก พร้อมด้วยพยานหลักฐานมาเชื่อมโยงกัน หากสอดคล้องกันก็จะตอบได้ว่าเกิดจากสาเหตุอะไร และยืนยันว่าไม่มีการประทุษร้าย อีกทั้งจากการตรวจสอบมีบุคคลหนึ่งพยายามเข้ามาที่ประตู แต่มาไม่ถึง เพราะล้มอยู่หน้าประตู 2 ราย เป็นเพศชาย 1 ราย และเป็นเพศหญิง 1 ราย

ส่วนการเปิดประตู เดี๋ยวจะมีการสอบปากคำแม่บ้านอีกครั้ง โดยโซนชั้น 5 เป็นพื้นที่ส่วนตัว ซึ่งจะมีห้องที่สามารถเชื่อมต่อกันได้ และก็มีความเป็นไปได้ที่จะใช้เส้นทางนี้ในการหลบหนี แต่ต้องดูต่อว่าทางที่จะเดินมายังลิฟต์มีกี่ทาง โดยมีทางเดียว มิเช่นนั้นต้องกระโดดลงมา ตอนนี้เรากำลังตามหาบุคคลที่ 7 เพราะตัวเลขไม่ตรงกันกับที่เช็กอินไว้ 

ดังนั้นถ้ามาด้วยกันก็ต้องมี ข้อมูลในการเดินทางเข้าประเทศ ที่นั่ง สายการบิน ต้องดูว่าเดินทางเข้ามาจริงหรือไม่ ซึ่งขณะนี้เรายังไม่ตัดประเด็น ต้องมีคำตอบนี้ให้กับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง หากไม่มี ไม่มีเพราะอะไร และขณะนี้ให้ทางสถานทูตตรวจสอบว่าทำอาชีพอะไรและมีจุดประสงค์อะไรในการเดินทางเข้ามายังประเทศไทย พร้อมสอบปากคำพนักงานที่เข้ามาเสิร์ฟอาหารว่าเห็นความผิดปกติไม่

โดยพบว่าในที่เกิดเหตุมีวัตถุต้องสงสัยสองชิ้น เป็นวัตถุสแตนเลสสองขวด ซึ่งไม่ใช่วัตถุของทางโรงแรม แต่ปรากฏอยู่ในห้อง โดยยังไม่ได้ตรวจสอบเครื่องดื่มด้านใน และจากรูปถ่าย เล็บมือเล็บเท้าของผู้เสียชีวิต มีลักษณะดำคล้ำแต่อาจเกิดจากสาเหตุการเสียชีวิตมาประมาณ 24 ชั่วโมง โดยการชันสูตรพลิกศพครั้งนี้ส่งโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ยืนยันว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว แต่เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสถานที่ปิด และขณะนี้ยังไม่ทราบว่ามีใครติดต่อกับผู้เสียชีวิตตั้งแต่วันที่ 13 ถึง 14 ก.ค. หรือไม่ ตอนนี้ต้องขอสอบปากคำแม่บ้านก่อน หากมีข่าวสารข้อมูลเพิ่มเติมเข้ามาก็ส่งมา

ทั้งนี้จากการตรวจสอบ พบผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 1 ใน 6 ศพเป็น make up artist ชื่อดังของเวียดนาม ทราบชื่อ ‘phu Gia gia’

นักวิชาการประมง ชี้!! 'หมอคางดำ' หนังม้วนเดิมแบบ 'หมอบัตเตอร์' แนะ!! ถอดบทเรียน ช่วยหยุดแพร่กระจายสัตว์น้ำต่างถิ่นในอนาคต

(17 ก.ค. 67) จากเพจ 'Theerawat Sampawamana' ซึ่งเป็นนักวิชาการประมง ได้โพสต์ข้อความถึงกรณีการแพร่กระจายของปลาหมอคางดำ ว่า...

โหนกระแส 'หมอคางดำ'

โลกโซเชียลมีเดียหลายวันมานี้ มีแต่ข่าว สัตว์น้ำต่างถิ่น 'หมอคางดำ' ระบาดไปทั่ว สังคมแตกตื่น ทุกฝ่ายตระหนก!!!

หลายปีก่อนผมเคยเขียนเรื่อง 'ปลาหมอบัตเตอร์' สัตว์น้ำต่างถิ่นอีกตัวที่แพร่ระบาดเหนือเขื่อนศรีนครินทร์ เมืองกาญจน์ จนปลาพื้นเมืองหลายชนิดลดจำนวนลงอย่างน่าตกใจ

หนังม้วนเดิมครับ 'หมอบัตเตอร์กับหมอคางดำ' พล็อตเรื่องเดียวกันเดี๊ยะ ปฐมบทเหตุแห่งปัญหา ที่มา....ที่ไป!!!

จริง ๆ แล้ว สมัยยังเป็นนักวิชาการประมง ผมไม่มีประสบการณ์ใดๆ เกี่ยวข้องกับปลาหมอคางดำ คืนนี้ขอนอนดึกเสิร์ชหาข้อมูลตามความตั้งใจ เผื่อจะได้ความรู้ใหม่ที่เป็นประโยชน์บ้าง

ข้อมูลสำคัญที่ค้นคว้าหาได้ สรุปไว้ประมาณนี้ครับ...

หมอคางดำ เป็นปลาน้ำกร่อย พบทั่วไปตามพื้นที่ป่าชายเลน ถิ่นกำเนิดอยู่ทวีปแอฟริกาฝั่งตะวันตก อยู่ได้ทั้งในสภาวะความเค็มสูงและความจืดสนิท โตเต็มที่รายงานพบขนาดความยาวเกือบๆ หนึ่งฟุต!!!

สืบพันธุ์วางไข่ได้รอบเร็ว โดยธรรมชาติวางไข่บริเวณชายฝั่งน้ำตื้น (ไม่มีรายงานชัดเจนว่าสามารถสืบพันธุ์ในแหล่งน้ำจืดที่ไม่มีเขตติดต่อทะเลได้หรือไม่)

ในสภาวะปกติตัวผู้จะดูแลอนุบาลไข่หลังผสมพันธุ์ในปากในช่วงระยะวัยอ่อน ลูกดก ตายยาก อึด ทน!!!

ประเทศไทย ไม่ใช่ประเทศแรกที่ประสบปัญหาการรุกล้ำของสัตว์ต่างถิ่นชนิดนี้ มีรายงานพบการแพร่ระบาดหลายภูมิภาคของโลก ทั้งแถบทวีปอเมริกาเหนือ หมู่เกาะฮาวาย ประเทศฟิลิปปินส์ ฯลฯ ส่วนใหญ่หลุดรอดจากการเลี้ยง!!!

งานวิจัยบางส่วนกล่าวถึงผลกระทบเชิงลบ มีรายงานว่าการเพิ่มปริมาณอย่างรวดเร็วเป็นสาเหตุของความแออัดและส่งผลให้เกิดโรคระบาดครั้งใหญ่ในหลายพื้นที่

มักก่อความเสียหายทางเศรษฐกิจหากหลุดรอดไปยังบ่อเลี้ยงปลา เช่น กรณีฟาร์มเลี้ยงปลานวลจันทร์ทะเลในฟิลิปปินส์

ข้อมูลที่ได้รับจากสื่อต่างๆ ก่อนหน้านี้ ทำให้ผมเข้าใจว่าหมอคางดำกินปลาหรือสัตว์น้ำขนาดเล็กเป็นอาหาร และเป็นสาเหตุสำคัญทำให้สัตว์น้ำอื่นๆ หมดสิ้นไปจากแหล่งน้ำนั้นๆ

จริงๆ แล้วไม่น่าจะใช่ งานวิจัยที่อ้างอิงได้ ระบุว่าหมอคางดำ ส่วนใหญ่กินซากพืชซากสัตว์ หอยสองฝาขนาดเล็ก ๆ แพลงค์ตอนสัตว์ รวมถึงแบคทีเรียและจุลินทรีย์ที่อยู่บริเวณพืชน้ำหรือรากไม้ ชอบหากินกลางคืนมากกว่ากลางวัน

เพราะมีจุดแข็งหลายข้อ ตามที่กล่าวข้างต้น สัตว์น้ำต่างถิ่นชนิดนี้จึงยึดครองแย่งเจ้าถิ่นเดิมพันธุ์พื้นเมืองตลอดแนวชายฝั่งหลายพื้นที่ได้แบบเบ็ดเสร็จ

เมื่อปราบไม่หมด การสนับสนุนบริโภคคือหนึ่งในมาตรการที่ภาครัฐส่งเสริม

เจ็บแล้วต้องจำครับ การถอดบทเรียนกรณีหมอบัตเตอร์ หมอคางดำ จะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อการจัดการการแพร่กระจายสัตว์น้ำต่างถิ่น…ในอนาคต!!!

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติลงพื้นที่ตรวจสอบกรณีพบศพชาวต่างชาติเสียชีวิต 6 รายที่โรงแรมในพื้นที่ สน.ลุมพินี

วันนี้ (16 กรกฎาคม 2567) พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้รับรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 17.30 น. สน.ลุมพินี ได้รับแจ้งจากพนักงานโรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ ว่ามีเหตุผู้เสียชีวิตภายในโรงแรมดังกล่าว พ.ต.อ.ยิ่งยศ สุวรรณโณ ผกก.สภ.ลุมพินี นำกำลังเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบมีผู้เสียชีวิตอยู่ที่โรงแรม จำนวน 6 ศพ จึงได้แจ้งแพทย์นิติเวช และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ร่วมตรวจสอบ และทางด้าน พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พร้อม พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 ร่วมตรวจสอบที่เกิดเหตุ และหาสาเหตุการเสียชีวิต โดยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติสั่งการให้เร่งสืบสวนหาสาเหตุการเสียชีวิต และเร่งติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุโดยเร็ว พร้อมสั่งการให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุทันที 

ล่าสุดขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้กั้นพื้นที่เกิดเหตุ อยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวน  ซึ่งนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี สั่งตรวจสอบเรื่องนี้โดยด่วน และล่าสุดขณะนี้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุด้วยตนเองแล้ว

'ปฐม อินทโรดม' บันทึกความจำ ความต่างระหว่าง 'บริษัทจีน-บริษัทญี่ปุ่น' 'จีน' มาดมั่น-ใจป๋า-อย่าต่อรอง 'ญี่ปุ่น' ครองความอ่อนน้อม เหมือนคุยกับญาติ

เมื่อวานนี้ (16 ก.ค. 67) จากเฟซบุ๊ก 'Pathom Indraroshom' โดย คุณปฐม อินทโรดม ได้โพสต์ความรู้สึกถึงบริษัทจีนและบริษัทญี่ปุ่นในปัจจุบันที่มีโอกาสได้พูดคุยด้วย ระบุว่า...

วันนี้มีคุยเรื่องงานกับบริษัทจีนและบริษัทญี่ปุ่นหลายบริษัทต่อเนื่องกันทั้งวัน เลยอยากขอบันทึกเอาไว้สักหน่อย 

บริษัทจีน: คนจีนรุ่นใหม่มาดมั่นเป็นผู้นำเสนอ เปิดตัวด้วยข้อมูลที่บอกว่าเป็นเบอร์ 1 ในตลาดหลัก ๆ ของโลก ภูมิใจที่นำเสนอว่าบริษัทเขามีสิทธิบัตรหลายพันรายการและมีทรัพย์สินทางปัญญาติดอันดับต้น ๆ ของโลก เน้นสินค้าที่มีลูกเล่นไฮเทคเหลือเฟือ พร้อมสถิติว่าถูกใจคนรุ่นใหม่ ย้ำว่าถ้าไม่จับมือกับเขาเราจะตกขบวน 

บริษัทญี่ปุ่น: คนญี่ปุ่นมาพร้อมคนไทยแนะนำตัวความอ่อนน้อม มีข้อมูลว่าสินค้าของเขาเป็นเบอร์ 1 ในตลาดต่างจังหวัดของไทย ภูมิใจที่นำเสนอว่าทำธุรกิจมาตั้งแต่รุ่นพ่อ ผูกพันกับคนไทยมาหลายสิบปี สินค้ามีลูกเล่นใกล้เคียงของจีนแต่ดูเรียบ ๆ ไม่หวือหวา ย้ำว่าช่วยกันผลักดันตลาดให้เติบโตไปด้วยกัน

ความรู้สึกเมื่อคุยกับจีน: เขาทำสำเร็จที่จีนและตลาดโลกมาแล้ว เราไม่ต้องคิดอะไรมาก ทำตามเขาแล้วเราน่าจะสำเร็จได้ไม่ยาก คนนำเสนอก็ป๋าโคตร ๆ ขออะไรให้หมดยกเว้นต่อรองราคา

ความรู้สึกเมื่อคุยกับญี่ปุ่น: สินค้าน่าจะพอขายได้ ไม่หลากหลายแต่ครบถ้วนที่ต้องการ เงื่อนไขทุกอย่างยืดหยุ่นได้หมด เหมือนคุยกับญาติที่พลัดพรากกันไปนาน คุยด้วยแล้วสบายใจ 

อันนี้มาจากบริษัทราว ๆ 1,250 เอ้ย 12 แห่งที่เข้ามานำเสนอพร้อม ๆ กันโดยมิได้นัดหมายนะครับไม่อาจใช้เป็นบรรทัดฐานได้ และไม่นับรวมบริษัทเกาหลีที่ได้คุยเหมือนกันแต่ขอไม่พูดถึงด้วยเหตุผลบางประการ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top