Saturday, 17 May 2025
TheStatesTimes

‘เด็จพี่’ ฟาด ‘ก้าวไกล’ ค้านแบบขวางโลก ชี้!! กลัวรัฐบาล ‘เพื่อไทย’ จะได้ผลงาน

(22 มิ.ย.67) นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ ที่ปรึกษาของรองนายกฯ อดีตโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า กรณีฝ่ายค้านก้าวไกล มีมติไม่รับหลักการร่างงบฯ ปี 68 วาระแรก อ้างเหตุรัฐบาลเบียดบังงบดัน ดิจิทัลวอลเล็ต เกินไป แถมขู่ร้องศาลระงับไม่ให้โครงการแจกเงินดิจิทัลให้ประชาชนเกิด เป็นการค้านแบบไม่มีสติหรือไม่ เหมือนไม่อยากให้ประเทศเจริญ ทั้งที่ตามระบอบประชาธิปไตย เสียงประชาชนเป็นใหญ่ วันนี้เมื่อเพื่อไทยเป็นแกนนำรัฐบาล ก็สมควรที่จะทำตามนโยบายที่หาเสียงไว้กับประชาชน

ประกอบกับวันนี้เศรษฐกิจกำลังแย่ หุ้นตก เพราะพิษการเมือง ประชาชนลำบากยากจน เป็นหนี้ ไม่มีรายได้ ไม่มีเงิน ในการดำรงชีพ ขาดสภาพคล่อง ขาดเงินสดหมุนเวียนในระบบ ภาคธุรกิจได้รับผลกระทบรุนแรง ทำให้โรงงานทยอยปิดตัวไปเยอะ คนต้องตกงาน ครอบครัวต้องลำบาก ยากจน รัฐบาลต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยไว โดยอัดฉีดตรงให้ประชาชนเป็นเครื่องมือในการกระตุ้นเศรษฐกิจพร้อมกันทั่วประเทศ เติมเงินในระบบ โดยเงินดิจิทัลวอลเล็ตให้ประชาชนโดยตรง คนละหมื่นบาท 50 ล้านคน ถ้าโครงการสำเร็จ จะทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัว ประชาชนมีเงิน กำลังซื้อจำนวนมหาศาลจะกลับมา รัฐบาลเชื่อมั่นว่าสิ่งที่คิดทำจะสำเร็จอย่างแน่นอน

"แต่วันนี้ก้าวไกลค้านสุดขั้ว ค้านแบบขวางโลก น่าจะเป็นเพราะกลัวรัฐบาลที่เพื่อไทยเป็นแกนนำจะได้ผลงาน ได้คะแนน โดยไม่สนความเดือดร้อนของประชาชนที่ต้องการความช่วยเหลือเร่งด่วน ก้าวไกลอ้างการเมืองใหม่ รับฟังเสียงประชาชน ก็ควรให้ประชาชนตัดสิน โครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตดีไม่ดี อีก 3 ปี ประชาชนจะให้คำตอบผ่านการเลือกตั้ง ถ้าดิจิทัลวอลเล็ตไม่สามารถเกิดขึ้นได้ ประชาชนต้องจดจำว่าพรรคไหนบ้าง มีส่วนค้านการช่วยเหลือประชาชน ที่กำลังลำบาก ยากจน สมัยหน้าควรพิจารณาลงโทษ ให้เป็นฝ่ายค้านตลอดไป" นายพร้อมพงศ์ กล่าวทิ้งท้าย

'หนุ่มปัตตานี' พลัดถิ่นไป 'อินโดนีเซีย' นานเกือบ 30 ปี ตามหาครอบครัว หลังหลงขึ้นเรือสินค้า จนต้องจากบ้านเกิดมาตั้งแต่อายุ 11 ปี

(22 มิ.ย.67) เพจเฟซบุ๊ก ‘BANG DUL’ ได้โพสต์คลิปเพื่อตามหาครอบครัวให้กับชายชาวไทยที่ชื่อว่า ‘อนันต์’ ซึ่งชายคนนี้ได้พลัดหลงไปกับเรือสินค้า จนต้องไปใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศอินโดนีเซีย โดยในคลิปนั้น มีใจความว่า

ประกาศตามหาครอบครัวชาวไทยคนหนึ่ง ซึ่งพลัดถิ่นมาอยู่อินโดนีเซีย เกือบ 30 ปีแล้วที่ไม่ได้กลับบ้านที่ประเทศไทย เรื่องของเรื่องก็คือมีชาวไทยคนนึงได้เดินทางมาทำธุระ ที่หมู่เกาะรีเยา ประเทศอินโดนีเซีย จากนั้นเมื่อชาวบ้านรู้ว่ามีคนไทยมาเยือนที่นี่เขาก็ได้พาคุณอนันต์ มาเจอกับชาวไทยดังกล่าว ซึ่งคุณอนันต์ก็ได้เล่าว่าตัวเองนั้นเป็นคนไทย ซึ่งมาจากจังหวัดปัตตานี 

ซึ่งเมื่อ 11 ปีก่อน ก็ได้หลงขึ้นมาอยู่บนเรือสินค้า แล้วเรือลำนั้นก็ออกจากจังหวัดปัตตานี ซึ่งในขณะนั้นก็ไม่รู้ว่าเรือจะไปที่ไหน เมื่อเวลาผ่านไปก็เริ่มสงสัยว่าทำไมเรือถึงไม่ไปจอดที่ท่าเรือจังหวัดปัตตานีเสียที จึงได้ตัดสินใจกระโดดลงน้ำ แล้วก็ว่ายน้ำไปขึ้นฝั่งที่ หมู่เกาะรีเยา ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งในขณะนั้นมีอายุเพียง 11 ขวบเท่านั้น เมื่อชาวบ้านเห็นเขาก็ได้ให้ความช่วยเหลือเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นการให้ที่พักอาศัยให้อาหาร แล้วก็พยายามจะส่งเขากลับมาที่ประเทศไทย แต่สิ่งที่เป็นอุปสรรคนั้นก็คือ นายอนันต์นั้นไม่มีเอกสารประจำตัว ไม่ว่าจะเป็นบัตรประชาชนพาสปอร์ตหรือเอกสารประจำตัวใดๆ เมื่อเป็นเช่นนั้นเขาก็ไม่ต่างกับบุคคลที่ไม่มีสัญชาติ จะเป็นคนไทยก็ไม่มีเอกสารจะเป็นคนอินโดนีเซียก็ไม่ใช่

เขาได้อยู่ที่ประเทศอินโดนีเซียมาเกือบ 30 ปีแล้ว ประมาณ 28 ปีแล้วที่ไม่ได้กลับบ้าน เขาบอกว่าเขายังจำครอบครัวได้ดี เขามีแม่แล้วเขาก็มีน้องชายอีกคนหนึ่ง ซึ่งแม่ของเขานั้นมีชื่อว่าจันทรา แต่สิ่งที่น่าเสียดายก็คือเขาไม่สามารถจะจดจำนามสกุลของตัวเองได้

แต่ว่าถ้าใครรู้จักครอบครัวของคุณอนันต์ ก็สามารถส่งข้อมูลมายังอีเมล [email protected] ได้ ช่วยกันเพื่อเป็นโอกาสให้เขา สามารถติดต่อกับครอบครัวของตัวเองได้

ถ้าใครเห็นข่าวนี้ก็รบกวนขอช่วยกันแชร์ เพื่อเป็นโอกาสให้นายอนันต์ ได้กลับไปยังบ้านเกิด ให้เขาได้กลับไปพบกับครอบครัวของตัวเองอีกครั้ง

‘พลังแบงค์’ ช่างซ่อมรถชื่อดัง ขึ้นป้ายใหญ่ในอู่ ระบุ!! สถานประกอบการแห่งนี้ เทิดทูนสถาบัน

(22 มิ.ย.67) ได้คำชื่นชมจากชาวเน็ตกันอย่างล้นหลาม เมื่อ TikTok@remappowerbankshop1 ของ ‘พลังแบงค์’ ช่างซ่อมรถชื่อดัง ออกมาโพสต์คลิป เกี่ยวกับความ สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ และการเทิดทูน สถาบัน พระมหากษัตริย์ 

ขอนอกเรื่องหน่อยครับ ผมชอบป้ายสีเหลืองด้านหลังมากครับ รีวิวป้ายพ่อหลวงหน่อยครับ

สำหรับป้ายดังกล่าวตกแต่งบริเวณภายในอู่ซ่อมรถ ประกอบด้วย พระบรมฉายาลักษณ์ รัชกาลที่ 9 ขณะกำลังทอดพระเนตรเด็กน้อยที่เข้ามาก้มลงกราบ และข้อความระบุว่า 

“สถานประกอบการแห่งนี้ เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ ข้าพระพุทธเจ้า ครอบครัวพลังแบงค์"

โดยพลังแบงค์ กล่าวว่า ผมว่ารูปนี้สื่อความหมายได้ดี... ผมเกิดมาบนแผ่นดินไทย ต้นตระกูลผมเป็นข้าราชบริพารได้ทำงานใกล้ชิด เราคิดว่าเรามีแผ่นดินนี้อยู่ได้ก็เพราะสถาบันพระมหากษัตริย์ ผมควรตอบแทนโดยไม่อกตัญญู ไม่คิดร้าย ไม่คิดไม่ดี และผมก็ศรัทธาและรักสถาบันพระมหากษัตริย์ของไทย ไม่ว่าจะพระองค์ใดก็ตาม... ผมติดภาพนี้ตั้งแต่ร้านเก่าแล้ว เพราะรู้สึกว่าภาพนี้รู้จักที่ต่ำที่สูง เราเลือกเกิดไม่ได้แต่เราโชคดีที่ได้เกิดเป็นประชาชนคนไทยที่เรามีแผ่นดินอาศัยอยู่ ไม่เป็นเมืองขึ้นของใคร ใครจะมองว่าดีไม่ดีไม่รู้ แต่ส่วนตัวผมมองว่าโชคดีมากแล้ว.. เรื่องป้ายนี้เป็นความชอบส่วนบุคคล ผมเกิดมาบนแผ่นดินนี้ ผมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระมหากษัตริย์ทุกพระองค์

หลังโพสต์เผยแพร่มีชาวเน็ตเข้ามาคอมเมนต์จำนวนมาก อาทิ เจอคลิปนี้ตื้นตันใจมากครับ ความกตัญญูกตเวทิตาจะนำพาสู่ความเจริญ ทางจิตใจครับ, พี่พูดได้ดีมากครับ แค่ตอบแทนบุญคุณ สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ, ชื่นชมค่ะ, เครื่องหมายของคนดี คือความกตัญญู

'อ.พงษ์ภาณุ' คิกออฟ!! ปฏิบัติการรักษ์โลก หนุนแผนดำเนินงานสีเขียวองค์กรไทย ร่วม 'อบก.' เคาะขึ้นทะเบียน-รับรองโครงการลดก๊าซฯ แก่องค์กรเข้าเกณฑ์

เมื่อวันที่ 21 มิ.ย.67 TGO ได้มีจัดการประชุมคณะกรรมการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) ครั้งที่ 7/2567 โดยมี นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ประธานกรรมการ TGO ร่วมกับผู้แทนปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (อธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม : สส.) เลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร พร้อมด้วยที่ปรึกษาคณะกรรมการฯ และคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง

สำหรับสาระการประชุมในครั้งนี้ ได้มีการอนุญาตให้ใช้เครื่องหมายรับรองฉลากคาร์บอน (คาร์บอนฟุตพริ้นท์) และขึ้นทะเบียนและการรับรองโครงการลดก๊าซเรือนกระจก ในโครงการ Premium T-VER / โครงการ Standard T-VER / โครงการ Standard T-VER หมวด 'โครงการป่าชุมชน' / โครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจตามมาตรฐานของประเทศไทย (Thailand Voluntary Emission Reduction Program: T-VER) และ การอนุญาตให้ใช้เครื่องหมายรับรองประเภทนิวทรัลองค์กร

>> สำหรับในส่วนของ โครงการ Premium T-VER ที่ประชุมมีมติเห็นชอบขึ้นทะเบียนจำนวน 4 โครงการ โดยมีปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่คาดว่าจะลด/กักเก็บได้ รวมทั้งสิ้น 19,517 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี (tCO2eq/year) ซึ่งโครงการทั้งหมดดำเนินกิจกรรมเพื่ออนุรักษ์ ฟื้นฟูลดความเสื่อมโทรมของพื้นที่ป่า และการปลูกป่าเสริม ประกอบด้วย...

1. โครงการปลูกป่าอย่างมีส่วนร่วม กฟผ. ปี พ.ศ. 2566 (ตำบลแม่ตีบ อำเภองาว จังหวัดลำปาง) โดย กรมป่าไม้ และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)
2. โครงการฟื้นฟูป่าชายเลนเพื่อระบบนิเวศ ที่ยั่งยืนของประเทศไทย (กลุ่ม 1) โดย กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และบริษัท สยาม ทีซี เทคโนโลยี จำกัด
3. โครงการปลูกป่าชายเลนช่วยโลกลดก๊าซเรือนกระจกในประเทศไทย (กลุ่ม 1) โดย กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง บริษัท สยาม ทีซี เทคโนโลยี จำกัด และบริษัท วิสุทธิ คอนซัลแตนท์ จำกัด
4. โครงการเพิ่มแหล่งดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ของประเทศไทย ผ่านการจัดการป่าชายเลนอย่างยั่งยืน โดยเอสซีจี เคมิคอลส์ (เอสซีจีซี) โดย กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และบริษัท เอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัด (มหาชน)

>> ในส่วนของโครงการ Standard T-VER ที่ประชุมมีมติเห็นชอบขึ้นทะเบียนจำนวน 26 โครงการ โดยมีปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่คาดว่าจะลด/กักเก็บได้ รวมทั้งสิ้น 87,649 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี (tCO2eq/year) ประกอบด้วย...

1. โครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ โซลาร์ ออร์เคสตรา ที่บริษัท ไทย-เยอรมัน โปรดักส์ จำกัด (มหาชน) (CPA3)
2. โครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ โซลาร์ออร์เคสตราที่บริษัท เมืองทองอุตสาหกรรมอาลูมีเนียม จำกัด (CPA4)
3. โครงการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากโซล่าเซลล์ เฮเฟเล่ โลจิสติกส์ เซ็นเตอร์ บางนา
4. โครงการโซลาเซลล์ของ บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน)
5. โครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ของบริษัท จินป่าว พรีซิชั่น อินดัสทรี่ จำกัด ที่โรงงานสมุทรปราการ
6. โครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคาอาคารของบริษัท ทิปโก้ เอฟแอนด์บี จำกัด และบริษัท ทิปโก้ฟูดส์ จำกัด (มหาชน)
7. โครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (998.44 kWp) โดยบริษัท คิงส์ ซิง ออโต้ โมบาย พาร์ท จำกัด
8. โครงการกักเก็บและเผาทำลายก๊าซมีเทน โดย บริษัท น้ำตาลและอ้อยตะวันออก จำกัด (มหาชน)
9. โครงการปลูกป่าอย่างยั่งยืนพื้นที่สวนป่าสักของบริษัท คาร์บอน ทีค จำกัด ตำบลหงส์หิน อำเภอจุน จังหวัดพะเยา
10. โครงการปลูกป่าอย่างยั่งยืนพื้นที่สวนป่าสักของบริษัท คาร์บอน ทีค จำกัด จังหวัดอุตรดิตถ์
11. โครงการปลูกป่าอย่างยั่งยืนพื้นที่สวนป่าสักของบริษัท คาร์บอน ทีค จำกัดอำเภอชนแดน จังหวัดเพชรบูรณ์
12. โครงการปลูกป่าอย่างยั่งยืน ณ วัดเขาสาป ตำบลเพ อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง
13. โครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจตามมาตรฐานของประเทศไทย (T-VER) ประเภทป่าไม้และพื้นที่สีเขียวจังหวัดเชียงรายและพะเยา โดยบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) และกรมป่าไม้
14. โครงการป่าชุมชนบ้านห้วยหมากเอียกเหนือและป่าชุมชนบ้านนาเจริญ ตำบลป่าซาง อำเภอเวียงเชียงรุ้ง จังหวัดเชียงราย
15. โครงการป่าชุมชนตำบลป่าป้อง อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่
16. โครงการป่าชุมชนบ้านหินเพิง ตำบลคลองพน อำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่
17. โครงการป่าชุมชนบ้านทุ่งหยีเพ็ง ตำบลศาลาด่าน อำเภอเกาะลันตา จังหวัดกระบี่
18. โครงการป่าชุมชนอำเภอเกาะลันตา จังหวัดกระบี่
19. โครงการป่าชุมชนอำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ (โครงการที่ 4)
20. โครงการป่าชุมชนอำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย
21. โครงการป่าชุมชนอำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่
22. โครงการป่าชุมชนอำเภอแม่ออน จังหวัดเชียงใหม่
23. โครงการป่าชุมชนอำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่
24. โครงการป่าชุมชนอำเภอหัวตะพาน จังหวัดอำนาจเจริญ
25. โครงการปลูกป่าชายเลน เพื่อประโยชน์จากคาร์บอนเครดิต อำเภอเขาสมิง จังหวัดตราด โดยบริษัท รีกัล จิวเวลลี่ แมนูแฟคเจอร์ จำกัด
26. โครงการปลูกป่าชายเลน เพื่อสร้างความยั่งยืนในระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อม อำเภอแกลง จังหวัดระยอง โดย บริษัท สยาม ทีซี เทคโนโลยี จำกัด

>> ในส่วนโครงการ Standard T-VER หมวด 'โครงการป่าชุมชน' ที่ประชุมมีมติเห็นชอบขึ้นทะเบียน จำนวน 11 โครงการ (รวม 67 ป่าชุมชน พื้นที่ 90,412 ไร่) โดยโครงการทั้งหมดดำเนินกิจกรรมเพื่ออนุรักษ์ ฟื้นฟู ลดความเสื่อมโทรมของพื้นที่ป่าชุมชน และการปลูกป่าเสริม มีปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่คาดว่าจะลด/กักเก็บได้ รวมทั้งสิ้น 50,575 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี (tCO2eq/year) ประกอบด้วย...

1. โครงการป่าชุมชนบ้านห้วยหมากเอียกเหนือและป่าชุมชนบ้านนาเจริญ ตำบลป่าซาง อำเภอเวียงเชียงรุ้ง จังหวัดเชียงราย
2. โครงการป่าชุมชนตำบลป่าป้อง อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่
3. โครงการป่าชุมชนบ้านหินเพิง ตำบลคลองพน อำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่
4. โครงการป่าชุมชนบ้านทุ่งหยีเพ็ง ตำบลศาลาด่าน อำเภอเกาะลันตา จังหวัดกระบี่
5. โครงการป่าชุมชนอำเภอเกาะลันตา จังหวัดกระบี่
6. โครงการป่าชุมชนอำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ (โครงการที่ 4)
7. โครงการป่าชุมชนอำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย
8. โครงการป่าชุมชนอำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่
9. โครงการป่าชุมชนอำเภอแม่ออน จังหวัดเชียงใหม่
10. โครงการป่าชุมชนอำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่
11. โครงการป่าชุมชนอำเภอหัวตะพาน จังหวัดอำนาจเจริญ

>> ในส่วนของโครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจตามมาตรฐานของประเทศไทย (Thailand Voluntary Emission Reduction Program: T-VER) ที่ประชุมมีมติเห็นชอบรับรองปริมาณก๊าซเรือนกระจก จำนวน 13 โครงการ โดยมีปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ลด/กักเก็บได้ รวมทั้งสิ้น 1,326,753 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (tCO2eq) ประกอบด้วย...

1. โครงการผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ ที่นครสวรรค์ ประเทศไทย
2. โครงการผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ ที่พิษณุโลก ประเทศไทย
3. โครงการผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ ที่ลำปาง ประเทศไทย
4. โครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังลม หนุมาน 1
5. โครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังลม หนุมาน 5
6. โครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังลม หนุมาน 8
7. โครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังลม หนุมาน 9
8. โครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังลม หนุมาน 10
9. โครงการผลิตไฟฟ้าจากลม หาดกังหัน 126 เมกะวัตต์
10. โครงการผลิตพลังงานไฟฟ้าจากชีวมวล ขนาด 9.9 เมกะวัตต์ โดย ท่าฉาง กรีน เอ็นเนอร์ยี่
11. โครงการกักเก็บและใช้ประโยชน์จากก๊าซมีเทน โดย บริษัท ปาล์มดีศรีนคร จำกัด
12. โครงการปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ไฟฟ้าแสงสว่างจากหลอดไอปรอทความดันสูงเป็นแอลอีดีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพพลังงาน
13. โครงการพัฒนาดอยตุง (พื้นที่ทรงงาน) อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดเชียงราย

ทั้งนี้ ในภาพรวมโครงการ T-VER มีการรับรองคาร์บอนเครดิตที่เข้าสู่ตลาดซื้อขายคาร์บอนเครดิตภายในประเทศรวมทั้งสิ้นมากกว่า 19.4 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า โดยการดำเนินโครงการดังกล่าวยังก่อให้เกิดผลประโยชน์ร่วม (Co-benefit) ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม เช่น เพิ่มพื้นที่สีเขียวและความหลากหลายทางชีวภาพให้ชุมชน ลดมลพิษด้านสิ่งแวดล้อม เพิ่มรายได้แก่ชุมชน เพิ่มมูลค่าของเสียหรือของเหลือทิ้งทางการเกษตรและครัวเรือน เป็นต้น

>> สุดท้าย ที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบอนุญาตให้ใช้เครื่องหมายรับรองประเภทนิวทรัลองค์กร สำหรับ 4 องค์กร ออฟเซตองค์กร / สำหรับ 2 องค์กร และนิวทรัลอีเวนต์ สำหรับ 6 อีเวนต์ ซึ่งมีการชดเชยปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากกิจกรรมต่างๆ ขององค์กร และอีเวนต์ โดยมีจำนวนคาร์บอนเครดิตจากโครงการ T-VER ที่ซื้อมาชดเชย รวมทั้งสิ้น 27,821 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (tCO2eq) ได้แก่...

นิวทรัลองค์กร สำหรับ 4 องค์กร...
1. บริษัท เอ็นอาร์ อินสแตนท์ โปรดิวซ์ จำกัด (มหาชน)
2. บริษัท วีจีไอ จำกัด (มหาชน)
3. บริษัท บาฟส์ขนส่งทางท่อ จำกัด
4. บริษัท ซิตี้ฟูด จำกัด

ออฟเซตองค์กร สำหรับ 2 องค์กร...
1. บริษัท ไลอ้อน (ประเทศไทย) จำกัด
2. บริษัท เอ็ม ดี เอ็กซ์ จำกัด (มหาชน) สาขานิคมอุตสาหกรรมเกตเวย์ ซิตี้

นิวทรัลอีเวนต์ สำหรับ 6 อีเวนต์...
1. งาน 62nd ICCA Congress 2023
2. งานประชุมสามัญผู้ถือหุ้น บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) ประจำปี 2567
3. งาน Bangchak Open 2024

4. งาน Unlocking Potential : I-RECs in Thailand
5. พิธีมอบทุนการศึกษาบุตรพนักงาน รางวัลอายุงาน รางวัลปฏิบัติงานสม่ำเสมอ AFCR ระยอง ประจำปี 2567
6. การประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2567 โดย บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน)

‘รัดเกล้า’ เผยข่าวดี!! 'ไทย-ติมอร์' เดินหน้าส่งเสริมความสัมพันธ์รอบด้าน ร่วมลงนาม ‘Free visa’ กระชับความร่วมมือ ‘ท่องเที่ยว-ศก.-วัฒนธรรม’

(22 มิ.ย.67) นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ไทยและสาธารณรัฐประชาธิปไตยติมอร์–เลสเต เดินหน้ากระชับความร่วมมือและส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างสองประเทศ ผ่านร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย กับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยติมอร์-เลสเต ว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราประเภทท่องเที่ยวสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางธรรมดา ซึ่งได้มีการลงนามในช่วงการเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและความมั่นคงของติมอร์ ระหว่างวันที่ 20-21 มิ.ย.ที่ผ่านมา

รองโฆษกรัฐบาล กล่าวว่า ติมอร์มีความประสงค์จะจัดทำความตกลงฯ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางระหว่างประชาชนของไทยและติมอร์เพื่อการท่องเที่ยว รวมทั้งเป็นหนึ่งในเงื่อนไขสำหรับการเป็นสมาชิกอาเซียนของติมอร์ ติมอร์จึงได้เสนอขอจัดทำความตกลงฯ เพื่อขอให้ฝ่ายไทยพิจารณา ซึ่งที่ประชุม ครม. (18 มิ.ย.67) ได้มีมติเห็นชอบแล้วตามที่กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) เสนอ โดยมีสาระสำคัญ อาทิ ความตกลงฉบับนี้มีไว้เพื่ออำนวยความสะดวกให้บุคคลสัญชาติไทยและบุคคลสัญชาติติมอร์เดินทางเข้าดินแดนของภาคีอีกฝ่ายหนึ่งด้วยวัตถุประสงค์เพื่อการท่องเที่ยว โดยไม่ต้องมีการขอรับการตรวจลงตรา เป็นระยะเวลาไม่เกิน 30 วัน มีผลบังคับใช้ในวันที่ 30 วันนับจากวันที่ได้รับการแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรครั้งสุดท้ายโดยคู่ภาคีว่าได้ปฏิบัติตามขั้นตอนภายในที่จำเป็นของตนเพื่อให้ความตกลงฉบับนี้มีผลบังคับใช้จนกว่าจะถูกบอกเลิกโดยคู่ภาคีอีกฝ่ายหนึ่ง

นางรัดเกล้า กล่าวอีกว่า ภาคีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอาจระงับการปฏิบัติตามความตกลงฉบับนี้ทั้งหมดหรือบางส่วนด้วยเหตุผลด้านความมั่นคงของชาติ การรักษาความสงบเรียบร้อยของสาธารณะ หรือสาธารณสุข โดยการระงับและการเพิกถอนการระงับดังกล่าวจะต้องทำโดยการบอกกล่าวเป็นลายลักษณ์อักษรต่อภาคีอีกฝ่ายหนึ่งผ่านช่องทางการทูตอย่างน้อย 30 วันล่วงหน้า เป็นต้น โดยความตกลงฯ ดังกล่าวจะเป็นประโยชน์ในการอำนวยความสะดวกในการเดินทางไปมาหาสู่ระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศ โดยจะมีผลเชิงบวกต่อการส่งเสริมความสัมพันธ์ไทย - ติมอร์ ในภาพรวมยิ่งขึ้น โดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยว เศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม ตลอดจนความสัมพันธ์ระดับประชาชน

รองโฆษกรัฐบาล กล่าวว่า ทั้งนี้ กต. แจ้งว่า ร่างความตกลงฯ มีถ้อยคำและบริบทที่มุ่งจะก่อให้เกิดพันธกรณีภายใต้บังคับของกฎหมายระหว่างประเทศ ดังนั้น ร่างความตกลงฯ จึงเป็นสนธิสัญญาตามกฎหมายระหว่างประเทศ และเป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา 178 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ซึ่งจะต้องขอความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีก่อนการลงนามและดำเนินการให้มีผลผูกพัน แต่ไม่เป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา 178 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยที่จะต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา และหากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างความตกลงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติหรือให้ความเห็นชอบไว้ ขอให้ กต. สามารถดำเนินการได้ โดยนำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว

รองผู้บัญชาการทหารเรือตรวจที่ดินกองทัพเรือในพื้นที่ภาคใต้ฝั่งตะวันออก (จ.สงขลา)

เพื่อติดตามความก้าวหน้าการดำเนินการแก้ไขปัญหาที่ดิน และให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ระดับผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่

ระหว่างวันที่ 19 - 21 มิ.ย.67 พล.ร.อ.สุวิน  แจ้งยอดสุข รองผู้บัญชาการทหารเรือ ในฐานะประธานกรรมการที่ดินกองทัพเรือ และคณะ เดินทางไปตรวจที่ดินกองทัพเรือในพื้นที่ภาคใต้ฝั่งตะวันออก (จ.สงขลา) ประกอบด้วย ที่ดินเกาะแต้ว ต.เกาะแต้ว และ ต.ทุ่งหวัง อ.เมืองสงขลา จ.สงขลา , ที่ดินสวนเก๋ง ต.หัวเขา อ.สิงหนคร จ.สงขลา และร่วมพิจารณาในการดำเนินการที่ดินบริเวณ ต.ท้องเนียน อ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช โดยได้รับฟังการบรรยายสรุป ร่วมพิจารณา และให้คำแนะนำในการดำเนินการแก้ไขปัญหาที่ดินก่อนเข้าตรวจพื้นที่ ณ กองบัญชาการทัพเรือภาคที่ 2 จ.สงขลา

การตรวจที่ดินครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อติดตามความก้าวหน้าการดำเนินการแก้ไขปัญหาที่ดินที่อยู่ภายใต้การปกครองของทัพเรือภาคที่ 2 และรับทราบปัญหา อุปสรรคข้อขัดข้อง ซึ่งจะส่งผลให้สามารถช่วยแก้ปัญหาที่อาจจะต้องได้รับการขับเคลื่อนระดับนโยบาย อีกทั้งเป็นการบำรุงขวัญกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ระดับผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการแก้ไขปัญหาที่ดินให้กับกองทัพเรือ

ในการนี้รองผู้บัญชาการทหารเรือได้เน้นย้ำว่า “…การตรวจที่ดินในความรับผิดชอบของทัพเรือภาคที่ 2 นอกจากจะมีปัญหาคล้ายกับพื้นที่อื่น ในการที่จะต้องดำเนินการตามกฎหมายแล้ว ยังมีงานที่ต่างออกไปคือ การแลกเปลี่ยนที่ดินกับเอกชน และการขอถอนสภาพที่ดินที่รกร้างว่างเปล่า เพื่อขึ้นทะเบียนและใช้ในราชการต่อไป จำเป็นต้องอาศัยความเอาใจใส่ และกำกับดูแลอย่างใกล้ชิด ที่สำคัญคือ ต้องใช้เวลาในการดำเนินการมาก ดังนั้น หากมีอุปสรรคข้อขัดข้องที่จะให้คณะกรรมการฯ ช่วยเหลือ สามารถแจ้งผ่านฝ่ายเลขาฯ ได้ตลอดเวลา และเชื่อมั่นว่า หากตั้งใจจริง และมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องแล้ว งานแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับที่ดินของกองทัพเรือที่อยู่ในความรับผิดชอบ ก็จะสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี…”

ทั้งนี้เป็นไปตามยุทธศาสตร์การใช้ที่ดินของกองทัพเรือให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อการปฏิบัติภารกิจของกองทัพเรือไปพร้อมกับการได้รับแรงสนับสนุนจากประชาชน และเป็นไปตามนโยบายของผู้บัญชาการทหารเรือด้านการส่งกำลังบำรุงในการบริหารจัดการที่ดินของกองทัพเรือที่สอดรับกับนโยบายของรัฐบาล

ชัยภูมิ- จัดกิจกรรม RUN WITH LOVE 'วิ่งด้วยรัก ครบรอบ 71ปี โรงพยาบาลชัยภูมิ'

เมื่อเวลา 05.30 น. วันที่ 22 มิถุนายน 2567 นายอนันต์ นาคนิยม ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ พร้อมด้วย รองผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ ,ปลัดจังหวัดชัยภูมิ ,หัวหน้าส่วนราชการ, สื่อมวลชน, และพี่น้องชาวชัยภูมิ และนักวิ่งผู้รักสุขภาพทั่วประเทศ กว่า 3,000 คน เข้าร่วมกิจกรรม RUN WITH LOVE “วิ่งด้วยรัก ครบรอบ 71ปี โรงพยาบาลชัยภูมิ” จุดปล่อยตัว ณ บริเวณหน้าศาลากลางขังหวัดชัยภูมิ

ผศ.(พิเศษ) นายแพทย์ณรงค์ศักดิ์ บำรุงถิ่น ผู้อำนวยการโรงพยาบาลชัยภูมิ ประธานจัดกิจกรรม กล่าวว่า ชาวชัยภูมิสุดปลื้มพร้อมใจกันร่วมงานฉลองครบรอบ 71 ปีการก่อตั้งโรงพยาบาลชัยภูมิ ด้วยการจุดวิ่ง RUN WITH LOVE วิ่งด้วยรัก อย่างยิ่งใหญ่ ซึ่งมีผู้สนใจเข้าร่วมกว่า 3,000 คน ก่อนที่จะทำพิธีทำบุญโรงพยาบาล และที่ชาวชัยภูมิ ผู้เข้ารับบริการ วันหลายหลาย 10,000 คน ที่ต้องพูดเป็นเสียงเดียวว่าต้องเจอกับปัญหาและยากลำบากในการหาที่จอดรถมาเป็นเวลายาวนานมาก 

คณะกรรมการร่วมพัฒนาโรงพยาบาลชัยภูมิ ได้รับทราบเรื่องการขออนุมัติสนับสนุนงบประมาณการก่อสร้างโรงจอดรถขนาด10 ชั้นเป็นเงินกว่า98 ล้านบาท เนื่องจากประชาชนที่จะเข้ามาใช้บริการได้รับความลำบากในการหาที่จอดรถเพราะสถานที่จอดภายในโรงพยาบาลมีอย่างจำกัด จึงต้องทะลักข้ามไปใช้และจอดในพื้นที่ศาลากลางชัยภูมิมานานหลาย10ปีแล้ว ขณะเดียวกันโรงพยาบาลชัยภูมิ ได้มีการเติบโตในด้านแผนกการรักษาที่เพิ่มขึ้น 

พร้อมทั้งมีการขยายตัวในการที่จะรองรับ น.ศ.แพทย์ ที่ต้องมาศึกษาที่ศูนย์โรงพยาบาลชัยภูมิแห่งนี้ในอนาคต ซึ่งงบประมาณในครั้งนี้ต้องขอบคุณที่ภาคส่วนที่มีส่วนร่วม โดยเฉพาะผู้บังคับบัญชาระดับสูงที่เล็งเห็นความสำคัญและได้อนุมัติงบประมาณในครั้งนี้ และถือว่าเป็นข่าวดี ชาวชัยภูมิได้ฝันที่เป็นจริง ช่วยบรรเทาปัญหาการขาดแคลนที่จอดรถ ภายในโรงพยาบาล ซึ่งส่งผลต่อความสะดวกสบายของผู้มาใช้บริการ โดยอาคารจอดรถใหม่นี้ จะสามารถรองรับรถได้จำนวนมาก ช่วยลดปัญหาการจราจรติดขัด และอำนวยความสะดวกให้กับผู้มารับบริการได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นที่ ได้มาร่วมกันเป็นส่วนหนึ่ง จากแรงขับเคลื่อนของทุก ๆ ท่านในวันนี้ ในโอกาสครบรอบ 71 ปี โรงพยาบาลชัยภูมิปีนี้นับว่าเป็นปีแห่งความเจริญรุ่งเรือง เป็นปีที่เป็นข่าวดี  เราได้งบประมาณในการก่อสร้างอาคารหอผู้ป่วยหนักและผู้ป่วยใน จำนวน 300 เตียง ซึ่งเป็นอาคาร 8 ชั้น และยังได้งบประมาณสนับสนุนอาคารจอดรถ10 ชั้น ที่จะได้ทำพิธีวางศิลาฤกษ์ในอาทิตย์วันที่ 23 มิถุนายนนี้

ทรภ. 1 จัดกิจกรรมผู้นำเยาวชนพัฒนาสัมพันธ์ กองทัพเรือ ประจำปี 2567

วันที่ 21 มิ.ย.67 เวลา 09.00 น. กองทัพเรือ โดย ทัพเรือภาคที่ 1 (ทรภ.1) จัดกิจกรรมผู้นำเยาวชนพัฒนาสัมพันธ์ กองทัพเรือ ประจำปี 2567 โดยมี พลเรือโท สุระศักดิ์ สิงขรวัฒน์ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 เป็นประธานในพิธีฯ  ณ โรงเรียนเฉลียวภาวนานุสรณ์ (ศึกษาพิเศษชลบุรี) ตำบลพลูตาหลวง อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี 

 

 

กิจกรรมผู้นำเยาวชนพัฒนาสัมพันธ์ กองทัพเรือ ประจำปี 2567 เป็นหนึ่งในโครงการประชาสัมพันธ์สำหรับเยาวชนยุคใหม่ มีวัตถุประสงค์ เพื่อให้เยาวชนเกิดจิตสำนึกในเรื่องของความรักความสมานฉันท์ รู้รักสามัคคี และสามารถนำไปเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต เป็นกำลังในการเผยแพร่และเสริมสร้างความสมานฉันท์ ให้เกิดในสังคมอย่างยั่งยืน

โดยในการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ ทัพเรือภาคที่ 1 ได้นำกำลังพลจิตอาสาของทัพเรือภาคที่ 1 ร่วมกับเจ้าหน้าที่จากโรงพยาบาลอาภากรเกียรติวงศ์ ฐานทัพเรือสัตหีบ พร้อมด้วยชุดปฏิบัติการจิตวิทยา ฐานทัพเรือสัตหีบ อบรมให้ความรู้ และร่วมกิจกรรมนันทนาการ เล่นเกมส์ ฝึกทักษะให้กับน้อง ๆ นักเรียนโรงเรียนเฉลียวภาวนานุสรณ์ (ศึกษาพิเศษชลบุรี) ซึ่งเป็นกลุ่มเด็กพิเศษ เด็กที่มีความบกพร่องทางพัฒนาการ กระตุ้นให้เด็ก ๆ เกิดการเรียนรู้ร่วมกัน รวมถึงช่วยสร้างประสบการณ์ทางสังคมในด้านต่าง ๆ ร่วมกันด้วย ทั้งนี้ยังมีการจัดเลี้ยงและรับประทานอาหารกลางวันร่วมกับน้อง ๆ  อีกด้วย

ทำให้น้อง ๆ นักเรียนโรงเรียนเฉลียวภาวนานุสรณ์ (ศึกษาพิเศษชลบุรี) มีความสุข สนุกสนาน ได้รับความรู้ และขอขอบคุณพี่ ๆ ทหารเรือที่แสนใจดีของทัพเรือภาคที่ 1 กองทัพเรือ ที่ให้โอกาสได้มีกิจกรรมดี ๆ สนุกสนาน และน่าจดจำ จึงอยากให้พี่ทหารเรือ มาจัดกิจกรรมแบบนี้อีกต่อไป

'ส่งออก' ติดสปีด!! พ.ค.โต 7.2% แรงหนุนจากสินค้าเกษตร ชวนจับตา 'ทุเรียน' โตแรง!! มั่นใจครองแชมป์ตลาดจีน

(22 มิ.ย.67) นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การส่งออกเดือน พ.ค.2567 มีมูลค่า 26,219.5 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 7.2% โดยมูลค่าสูงสุดในรอบ 14 เดือน และขยายตัวเป็นบวก 2 เดือนติดต่อกัน คิดเป็นเงินบาท มูลค่า 960,220 ล้านบาท การนำเข้ามีมูลค่า 25,563.3 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 1.7% คิดเป็นเงินบาท มูลค่า 947,007 ล้านบาท เกินดุลการค้า 656.1 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นเงินบาท มูลค่า 13,214 ล้านบาท รวม 5 เดือน ของปี 2567 (ม.ค.-พ.ค.) การส่งออก มูลค่า 120,954.1 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 2.6% คิดเป็นเงินบาท มูลค่า 4,298,248 ล้านบาท การนำเข้า มูลค่า 125,954.1 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 3.5% คิดเป็นเงินบาท มูลค่า 4,542,224 ล้านบาท ขาดดุลการค้า 5,460.7 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นเงินบาท มูลค่า 243,976 ล้านบาท

สำหรับการส่งออกที่เพิ่มขึ้น มาจากการเพิ่มขึ้นของการส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร 19.4% โดยสินค้าเกษตร เพิ่ม 36.5% สินค้าอุตสาหกรรมเกษตร เพิ่ม 0.8 สินค้าสำคัญที่เพิ่มขึ้น เช่น ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็ง และแห้ง ยางพารา อาหารสัตว์เลี้ยง ไก่แปรรูป ไขมันและน้ำมันจากพืชและสัตว์ ผลไม้กระป๋องและแปรรูป สิ่งปรุงรสอาหาร นมและผลิตภัณฑ์นม ส่วนสินค้าที่ลดลง เช่น ข้าว อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป น้ำตาลทราย ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ทั้งนี้ 5 เดือนของปี 2567 การส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร เพิ่ม 4.7%

ส่วนการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม เพิ่ม 4.6% สินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องโทรศัพท์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ ทองแดงและของทำด้วยทองแดง ไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ ส่วนสินค้าสำคัญที่หดตัว เช่น ผลิตภัณฑ์ยาง แผงวงจรไฟฟ้า เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ อุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์และไดโอด รถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ ทั้งนี้ 5 เดือนของปี 2567 การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม เพิ่ม 2.4%

ทางด้านตลาดส่งออก ตลาดหลัก เพิ่ม 8% โดยสหรัฐฯ เพิ่ม 9.1% CLMV เพิ่ม 9.6% จีน เพิ่ม 31.2% แต่อาเซียน (5) ลด 0.6% และสหภาพยุโรป (27) ลด 5.4% ญี่ปุ่น ลด 1% ตลาดรอง เพิ่ม 5.1% โดยเอเชียใต้ เพิ่ม 22.4% ลาตินอเมริกา เพิ่ม 14.8% รัสเซียและกลุ่ม CIS เพิ่ม 2.7% แต่ทวีปออสเตรเลีย ลด 1.4% ตะวันออกกลาง ลด 8.1% แอฟริกา ลด 19% สหราชอาณาจักร ลด 1.5% ตลาดอื่น ๆ เพิ่ม 11.5% อาทิ สวิตเซอร์แลนด์ เพิ่ม 28.1%

นายพูนพงษ์กล่าวว่า เดือน พ.ค.ที่ผ่านมา การส่งออกผลไม้ พลิกกลับมาเป็นบวกสูงถึง 128% โดยในนี้เป็นการส่งออก ทุเรียน 83,059.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% แสดงให้เห็นว่า ทุเรียนของไทยยังส่งออกได้ดี โดยเฉพาะการส่งออกไปตลาดจีน หลังจากที่ลดลงช่วง 1-2 เดือนก่อนหน้า เพราะผลผลิตปีนี้ออกล่าช้า แต่พอเดือน พ.ค. ผลผลิตมีเต็มที่ ทำให้ส่งออกได้มากขึ้น และคาดว่าเดือนต่อ ๆ ไปก็จะส่งออกได้ดีขึ้น อีกทั้งยังมีทุเรียนภาคใต้ ที่จะเข้ามาเสริม ทำให้มั่นใจว่าไทยยังคงเป็นแชมป์ส่งออกไปจีนเหนือคู่แข่งแน่นอน

สำหรับแนวโน้มการส่งออกเดือน มิ.ย.2567 คาดว่าจะขยายตัวต่อเนื่อง และยังเป็นบวก แม้ว่าฐานเดือนเดียวกันของปี 2566 จะอยู่ในระดับสูงที่ 2.5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ และตัวเลขครึ่งปี เป็นบวกแน่นอน ส่วนครึ่งปีหลัง การส่งออกยังจะเติบโตได้ดี โดยมีแรงหนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก การค้าโลก ปัญหาเงินเฟ้อที่เบาบางลง ธนาคารกลางของแต่ละประเทศมีแนวโน้มปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง ซึ่งเป็นปัจจัยกระตุ้นกำลังซื้อ แต่ก็ยังมีความเสี่ยงจากปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ ค่าระวางเรือ ที่เป็นผลลบต่อการส่งออก แต่ตัวเลขทั้งปียังมั่นใจจะขยายตัว 1-2%

นายชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การส่งออกยังคงเติบโตได้ดี แต่ภาคเอกชนมีความกังวลในเรื่องค่าระวางเรือที่ปรับเพิ่มขึ้น โดยค่าระวางเรือไปยุโรป เพิ่มขึ้น 2 เท่า เมื่อเทียบกับเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา และเส้นทางไปสหรัฐฯ ก็เพิ่ม 2 เท่าเช่นเดียวกัน ทำให้เป็นต้นทุน แต่ยังประเมินส่งออกครึ่งปี 2567 น่าจะบวกได้ 2%

ผู้ช่วย ผบ.ตร. สั่งการตำรวจทั่วประเทศระดมปราบปรามการพนันฟุตบอลยูโร 2024 ทั้งออนไซต์และออนไลน์ ล่าสุด 7 วันจับกุมผู้ต้องหาได้กว่า 1,700 คน ดำเนินคดี 62 เว็บไซต์

เมื่อวานนี้ (21 มิถุนายน 2567) พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.) เปิดเผยว่า ศูนย์ป้องกันและปราบปรามการลักลอบเล่นการพนันทายผลฟุตบอลยูโร 2024 ในห้วงการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ครั้งที่ 17 หรือฟุตบอลยูโร 2024 ระหว่างในวันที่ 14 มิถุนายน ถึง 14 กรกฎาคม 2567 ได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องในการป้องกันและปราบปรามการลักลอบเล่นการพนันทั้งออนไลน์และออนไซต์

ภาพรวมผลการจับกุมการลักลอบเล่นการพนันทายผลฟุตบอลยูโร ปี 2024 ทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 14-20 มิถุนายน 2567 แบ่งเป็น
1. การจับกุมการพนันออนไซต์ สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้รวม 1,578 คน แบ่งเป็น เจ้ามือ 65 คน , ผู้เล่น 1,503 คน , คนเดินโพย 10 คน 
2. การจับกุมการพนันออนไลน์ สามารถจับกุมได้ 62 เว็บไซต์ ผู้ต้องหารวม 248 คน แบ่งเป็นผู้จัดให้มีการเล่นการพนัน 28 คน , ผู้เล่น 220 คน พบเงินหมุนเวียนในระบบทั้ง 62 เว็บไซต์ รวม 1,400,150,007 บาท โดยคดีสำคัญคือการจับกุมของกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ซึ่งสามารถจับกุมได้รวม 4 เว็บไซต์ เงินหมุนเวียนกว่า 1,400 ล้านบาท

นอกจากนี้ พล.ต.ท.อัคราเดชฯ กล่าวว่า การพนันประเภทต่างๆ เป็นความผิดตามกฎหมาย ต้องถูกดำเนินคดีทุกรายโดยไม่ละเว้น โดยผู้เล่น ผู้ชักชวน และผู้จัดให้มีการพนันฟุตบอล จะมีความผิดตาม พ.ร.บ.การพนัน พ.ศ.2478 มาตรา 12(2) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 2,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากการกระทำความผิดเป็นไปในลักษณะมีการชักจูง ส่งเสริม หรือยินยอมให้เด็กประพฤติตนไม่สมควร หรือน่าจะทำให้เด็กมี ความประพฤติเสี่ยงต่อการกระทำผิด ผู้ปกครองหรือผู้กระทำผิดก็อาจถูกดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546 ในมาตรา 26 (3) ประกอบ มาตรา 78 มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 30,000บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ อีกด้วย ทั้งนี้ หากประชาชนมีเบาะแสหรือเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการพนันทายผลฟุตบอล หรืออาชญากรรมอื่น ๆ สามารถแจ้งได้ที่สายด่วน 191 หรือ สายด่วน 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top