Monday, 5 May 2025
TheStatesTimes

เลย -ประกวด Miss Universe Loei 2024 สาวงามเมืองเลยสู่ระดับนางงามโลก

เมื่อเวลา 18.30 น.วันที่ 31 พ.ค.67 ณ หอประชุมโรงเรียน เลยอนุกูลวิทยา บ้านฟากนา ต.นาอาน อ.เมืองเลย จ.เลย นายชัยพจน์ จรูญพงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย  เป็นประธานเปิดการประกวด Miss Universe Thailand 2024 ถือลิขสิทธิ์โดย บริษัท ทีพีเอ็น โกลบอล จำกัด และ Miss Universe Loei 2024 มีนาย กิตติคุณ บุตรคุณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเลย ร่วมเป็นเกียรติ พร้อมหัวหน้าส่วนราชการ ภาคเอกชน ร่วมด้วยจำนวนมากซึ่งเป็นกองประกวดที่จัดเวทีการประกวดเพื่อเฟ้นหาสาวงามตัวแทนประเทศไทยและตัวแทนจังหวัดเลย สู่การเป็นตัวแทนประเทศไทยในการประกวด Miss Universe ซึ่งเป็นเวทีระดับโลก ในปี 2567 นี้

กองประกวด Miss Universe Loei 2024 มีวัตถุประสงค์จัดการประกวดฯ เพื่อประชาสัมพันธ์ให้สาธารณชนได้รับรู้คุณค่าและความสำคัญของ สถานที่ท่องเที่ยว อาหาร ผลิตภัณฑ์ชุมชน และ Soft Power อื่นๆ ณ จังหวัดเลย โดยกำหนดการประกวด วันที่ 28 – 31 พ.ค.67 นี้ โดยมีกิจกรรม 4 วันด้วยกันเริ่มจากวันที่ 28 พ.ค.67 ผู้เข้าประกวดฯ ถ่ายภาพโปรไฟล์ และ VTR แนะนำตัว ถ่าย VTR โปรโมท โรงแรม Sponsor เดินทางไป เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์เมืองเลย ถ่ายภาพสวนสาธารณะกุดป่อง สักการะศาลหลักเมืองเจ้าพ่อกุดป่อง ซ้อม บล็อกกิ้ง ไปลานพญานาค ปู่ไหลคำมา กิจกรรม ใส่บาตร ณ ลานพญานาค ปู่ไหลคำมา เดินทางไปยัง พระธาตุศรีสองรัก กราบสักการะพระธาตุศรีสองรัก อ.ด่านซ้าย เดินทางต่อไปยัง วัดโพนชัย พิพิธภัณฑ์ผีตาโขนกิจกรรมเทศกาลผีตาโขนจำลอง  ต่อไปกราบสักการะ “วัดสมเด็จภูเรือมิ่งเมือง” อ.ภูเรือ ไปที่ถนนคนเดินเชียงคาน  ทำผาสาดลอยเคราะห์ เดินแบบแฟชั่นโชว์ เปิดตัวผู้เข้าประกวด และกิจกรรม Shopping ถนนคนเดิน และไป วนอุทยานภูบ่อบิด อ.เมืองเลย 06.50 - 08.30 น. มีสาวงาม 12 คนเข้าประกวดครั้งนี้ มีรอบ 12 คน รอบ 7 คน รอบ 3 คนและรอง 2 คน  ผู้เข้าประกวดได้รับรางวัลทุกคน ผลการประกวด ชนะเลิศได้รับรางวัลเงิน 100,000  บาท พร้อมมงกุฎและสายสะพายMiss Universe Thailand Loei 2024 รอบ Final Competition เพื่อค้นหาผู้ครองตำแหน่งชนะเลิศอันดับ 1 เพื่อเป็นตัวแทนจากจังหวัดเลย เข้าไปประกวดในเวที ระดับประเทศ และเป็นทูตทางวัฒนธรรมจังหวัดเลย โดยมีสาวงามเข้าประกวดความงาม และ ความสามารถ มากกว่า 12 คน และมีสาวงามที่ได้รับตำแหน่งและรางวัลต่างๆ ดังนี้

ผู้ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศอันดับที่ 1 และ ได้เป็นตัวแทนนางงามจากจังหวัดเลยเข้าไปกวดในเวที Miss Universe Thailand  ในปีนี้คือ MUT L04 พลอย นพรัตน์ กาวิโล
รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 และ รางวัลนางงามมิตรภาพ ได้แก่  MUT L12 เอยเอิง ศุภิสรา แสงอร่ามเรือง
รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 2 ได้แก่  MUT L03 กวางตุ้ง อภิญญา กันสา
รางวัลขวัญใจไทเลย ได้แก่  MUT L11 มิล มิรา ไชยปะ
รางวัล นางงามขัวญใจช่างภาพ และ นางงามผิวสวย ได้แก่ MUT L02 รวงข้าว มุทิตา จันเต็ม
รางวัล นางงามสายมู ได้แก่ MUT L06 โรส ฐานิตา สีกวนชา

‘กฟผ.’ จับมือ ‘กรมพัฒนาพลังงานฯ’ ร่วมสร้างมาตรฐาน ฉลากแสดงประสิทธิภาพ ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการติดฉลาก เพื่อมุ่งสู่เป้าหมาย ‘ความเป็นกลางทางคาร์บอน’

เมื่อไม่นานมานี้ นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) ร่วมกับ นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือยกระดับประสิทธิภาพพลังงานของโรงงานและอาคารที่มีอยู่เดิม ด้วยการติดฉลากแสดงประสิทธิภาพพลังงาน โดยมีผู้บริหาร พพ. และ กฟผ. ร่วมพิธี ณ อาคาร 50 ปี กฟผ. สำนักงานใหญ่

นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท อธิบดี พพ. กล่าวว่า พพ. ได้ส่งเสริมประสิทธิภาพการใช้พลังงานในโรงงานควบคุมและอาคารควบคุม ผ่านการกำกับและบังคับใช้กฎกระทรวงกำหนดมาตรฐาน หลักเกณฑ์ และวิธีการจัดการพลังงานในโรงงานควบคุมและอาคารควบคุม พ.ศ.2552 ความร่วมมือในครั้งนี้ พพ. และ กฟผ. จะร่วมกันกำหนดเกณฑ์มาตรฐานประสิทธิภาพพลังงานของโรงงานและอาคาร ส่งเสริมกระบวนการติดฉลากแสดงประสิทธิภาพพลังงานเบอร์ 5 ให้แก่โรงงานและอาคารที่สามารถผ่านเกณฑ์ดังกล่าว ซึ่งคาดว่าจะช่วยให้เกิดการประหยัดพลังงาน ได้ 500 ktoe (พันตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ) ต่อปี ช่วยลดปริมาณการใช้ไฟฟ้าได้ 5,864 ล้านหน่วย ลดการปล่อยคาร์บอนได้ 3.2 ล้านตัน ภายในปี 2580

นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ ผู้ว่าการ กฟผ. กล่าวเสริมว่า กฟผ. ได้ดำเนินงานบริหารจัดการด้านการใช้พลังงานมาอย่างต่อเนื่อง โดยได้ดำเนินโครงการฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 เป็นระยะเวลากว่า 30 ปี ติดฉลาก ฯ แล้วกว่า 470 ล้านดวง ลดการใช้ไฟฟ้ากว่า 37,000 ล้านหน่วย ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 20 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์ นอกจากนี้ กฟผ. ยังได้ดำเนินโครงการที่ปรึกษาพลังงาน มุ่งเน้นการให้คำปรึกษาในการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในภาคอาคารและโรงงาน

การร่วมมือกับ พพ. ในครั้งนี้ เพื่อส่งเสริมการเพิ่มประสิทธิภาพเชิงผลลัพธ์ของการใช้พลังงานในอาคารและโรงงานที่มีอยู่เดิมผ่านการกำหนดค่าประสิทธิภาพพลังงาน เตรียมความพร้อมให้กับผู้ประกอบการภาคอาคารและโรงงานสำหรับการบังคับใช้กฎหมายประหยัดพลังงานของประเทศไทยและการบังคับใช้มาตรการระดับสากลที่มีผลต่อธุรกิจในประเทศไทย รวมทั้งบูรณาการระบบฐานข้อมูลขนาดใหญ่ของการใช้พลังงานในภาคอาคารและโรงงาน เพื่อการตัดสินใจเชิงนโยบายหรือดำเนินมาตรการที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์พลังงานของประเทศไทยในอนาคต 

ความร่วมมือในครั้งนี้นับเป็นการร่วมกันสร้างกลไกที่สำคัญและเป็นแนวทางที่มีศักยภาพในการเพิ่มประสิทธิภาพพลังงานในภาคส่วนที่มีการใช้พลังงานสูง สร้างผลลัพธ์เชิงบวกด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม ตลอดจนเศรษฐกิจระดับมหภาคของประเทศ เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนต่อไป

‘นิด้าโพล’ เผย ‘คนกรุงเทพฯ’ พอใจผลงานของ ‘ผู้ว่าฯชัชชาติ’ ชี้!! หากวันนี้เป็นวันเลือกตั้ง ก็ยังกาให้ทำหน้าที่ต่อไป

(2 มิ.ย.67) ศูนย์สำรวจความคิดเห็น ‘นิด้าโพล’ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจของประชาชน เรื่อง ‘2 ปี ผู้ว่าฯ ชัชชาติ’ ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 16-27 พฤษภาคม 2567 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป และมีสิทธิเลือกตั้งในกรุงเทพมหานคร ครอบคลุมพื้นที่ทั้ง 50 เขต กระจายทุกระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ รวมทั้งสิ้น จำนวน 2,000 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับการทำงานในรอบ 2 ปี ของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ การสำรวจอาศัยการสุ่มตัวอย่างโดยใช้ความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ ‘นิด้าโพล’ สุ่มตัวอย่างด้วยวิธีแบบง่าย (Simple Random Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่น ร้อยละ 97.0

จากการสำรวจเมื่อถามถึงความคิดเห็นของคนกรุงเทพมหานครต่อการทำงานในรอบ 2 ปี ของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ในประเด็นต่าง ๆ ดังนี้

1. การส่งเสริมการท่องเที่ยวใน กทม. ตัวอย่าง ร้อยละ 43.05 ระบุว่า ค่อนข้างดี รองลงมา ร้อยละ 21.30 ระบุว่า ไม่ค่อยดี ร้อยละ 20.15 ระบุว่า ดีมาก ร้อยละ 8.20 ระบุว่า ไม่ดีเลย และร้อยละ 7.30 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล

2. การเพิ่มพื้นที่สีเขียว สวนสาธารณะ ตัวอย่าง ร้อยละ 45.75 ระบุว่า ค่อนข้างดี รองลงมา ร้อยละ 21.65 ระบุว่า ไม่ค่อยดี ร้อยละ 19.60 ระบุว่า ดีมาก ร้อยละ 10.30 ระบุว่า ไม่ดีเลย และร้อยละ 2.70 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล

3. การปรับปรุงและจัดระเบียบทางเท้า เช่น หาบเร่แผงลอย การจอดยานพาหนะหรือตั้งร้านบนทางเท้า ตัวอย่าง ร้อยละ 46.60 ระบุว่า ค่อนข้างดี รองลงมา ร้อยละ 21.30 ระบุว่า ไม่ค่อยดี ร้อยละ 19.35 ระบุว่า ดีมาก ร้อยละ 11.60 ระบุว่า ไม่ดีเลย และร้อยละ 1.15 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล

4. การสนับสนุนการกีฬา ตัวอย่าง ร้อยละ 41.80 ระบุว่า ค่อนข้างดี รองลงมา ร้อยละ 23.25 ระบุว่า ไม่ค่อยดี ร้อยละ 17.45 ระบุว่า ดีมาก ร้อยละ 9.50 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล และร้อยละ 8.00 ระบุว่า ไม่ดีเลย

5. การแก้ไขปัญหาความสะอาด ขยะ ฝุ่นละออง น้ำเสีย ตัวอย่าง ร้อยละ 44.30 ระบุว่า ค่อนข้างดี รองลงมา ร้อยละ 25.40 ระบุว่า ไม่ค่อยดี ร้อยละ 17.15 ระบุว่า ดีมาก ร้อยละ 12.25 ระบุว่า ไม่ดีเลย และร้อยละ 0.90 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล

6. การปรับปรุงทัศนียภาพ ถนน ตรอก ซอย ตัวอย่าง ร้อยละ 46.90 ระบุว่า ค่อนข้างดี รองลงมา ร้อยละ 23.60 ระบุว่า ไม่ค่อยดี ร้อยละ 16.85 ระบุว่า ดีมาก ร้อยละ 11.45 ระบุว่า ไม่ดีเลย และร้อยละ 1.20 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล

7. การปรับปรุงการให้บริการในหน่วยงานของ กทม. ตัวอย่าง ร้อยละ 43.15 ระบุว่า ค่อนข้างดี รองลงมา ร้อยละ 22.10 ระบุว่า ไม่ค่อยดี ร้อยละ 16.05 ระบุว่า ดีมาก ร้อยละ 12.40 ระบุว่า ไม่ดีเลย และร้อยละ 6.30 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล

8. การป้องกันอาชญากรรม และสร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน เช่น การติดไฟส่องสว่าง กล้องวงจรปิด ระบบรักษาความปลอดภัย ตัวอย่าง ร้อยละ 43.35 ระบุว่า ค่อนข้างดี รองลงมา ร้อยละ 28.15 ระบุว่า ไม่ค่อยดี ร้อยละ 15.10 ระบุว่า ดีมาก ร้อยละ 11.15 ระบุว่า ไม่ดีเลย และร้อยละ 2.25 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล

9. การแก้ไขปัญหาน้ำท่วม ตัวอย่าง ร้อยละ 37.00 ระบุว่า ค่อนข้างดี รองลงมา ร้อยละ 29.05 ระบุว่า ไม่ค่อยดี ร้อยละ 16.00 ระบุว่า ไม่ดีเลย ร้อยละ 13.95 ระบุว่า ดีมาก และร้อยละ 4.00 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล

10. การจัดระเบียบการชุมนุม ตัวอย่าง ร้อยละ 41.50 ระบุว่า ค่อนข้างดี รองลงมา ร้อยละ 24.90 ระบุว่า ไม่ค่อยดี ร้อยละ 13.70 ระบุว่า ดีมาก ร้อยละ 10.15 ระบุว่า ไม่ดีเลย และร้อยละ 9.75 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล

11. การพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะ เช่น รถไฟฟ้า เรือ ตัวอย่าง ร้อยละ 41.10 ระบุว่า ค่อนข้างดี รองลงมา ร้อยละ 29.35 ระบุว่า ไม่ค่อยดี ร้อยละ 13.35 ระบุว่า ดีมาก ร้อยละ 8.80 ระบุว่า ไม่ดีเลย และร้อยละ 7.40 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล

12. การแก้ไขปัญหาสุขภาพ/สาธารณสุข ตัวอย่าง ร้อยละ 41.25 ระบุว่า ค่อนข้างดี รองลงมา ร้อยละ 28.65 ระบุว่า ไม่ค่อยดี ร้อยละ 12.65 ระบุว่า ดีมาก ร้อยละ 11.00 ระบุว่า ไม่ดีเลย และร้อยละ 6.45 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล

13. การพัฒนาการศึกษา แก้ไขปัญหาเด็กและเยาวชน ตัวอย่าง ร้อยละ 36.00 ระบุว่า ค่อนข้างดี รองลงมา ร้อยละ 28.10 ระบุว่า ไม่ค่อยดี ร้อยละ 12.40 ระบุว่า ไม่ดีเลย ร้อยละ 11.80 ระบุว่า ดีมาก และร้อยละ 11.70 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล

14. การแก้ไขปัญหาทุจริต คอร์รัปชัน ในหน่วยงานของ กทม. ตัวอย่าง ร้อยละ 30.95 ระบุว่า ค่อนข้างดี รองลงมา ร้อยละ 27.35 ระบุว่า ไม่ค่อยดี ร้อยละ 18.35 ระบุว่า ไม่ดีเลย ร้อยละ 12.85 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล และร้อยละ 10.50 ระบุว่า ดีมาก

15. การจัดระเบียบคนเร่ร่อน คนจรจัด ขอทาน ตัวอย่าง ร้อยละ 35.70 ระบุว่า ค่อนข้างดี รองลงมา ร้อยละ 33.25 ระบุว่า ไม่ค่อยดี ร้อยละ 15.40 ระบุว่า ไม่ดีเลย ร้อยละ 10.35 ระบุว่า ดีมาก และร้อยละ 5.30 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล

16. การแก้ไขปัญหาจราจรและรถติด ตัวอย่าง ร้อยละ 37.30 ระบุว่า ค่อนข้างดี รองลงมา ร้อยละ 34.40 ระบุว่า ไม่ค่อยดี ร้อยละ 17.60 ระบุว่า ไม่ดีเลย ร้อยละ 9.00 ระบุว่า ดีมาก และร้อยละ 1.70 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล

17. การแก้ไขปัญหาค่าครองชีพ/ปากท้อง ตัวอย่าง ร้อยละ 38.70 ระบุว่า ไม่ค่อยดี รองลงมา ร้อยละ 24.70 ระบุว่า ไม่ดีเลย ร้อยละ 24.55 ระบุว่า ค่อนข้างดี ร้อยละ 7.15 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล และร้อยละ 4.90 ระบุว่า ดีมาก

ด้านความพึงพอใจของคนกรุงเทพมหานครต่อการทำงานในรอบ 2 ปี ของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 50.25 ระบุว่า ค่อนข้างพอใจ รองลงมา ร้อยละ 20.35 ระบุว่า ไม่ค่อยพอใจ ร้อยละ 18.45 ระบุว่า พอใจมาก ร้อยละ 10.60 ระบุว่า ไม่พอใจเลย และร้อยละ 0.35 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงการเลือก ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร หากวันนี้เป็นวันเลือกตั้ง พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 40.75 ระบุว่า เลือก รองลงมา ร้อยละ 34.50 ระบุว่า ไม่แน่ใจ ร้อยละ 21.35 ระบุว่า ไม่เลือก และร้อยละ 0.40 ระบุว่า ไม่ตอบ

‘ราชันชุดขาว’ เรอัล มาดริด ยักษ์ใหญ่จากสเปน ครองเจ้ายุโรปสมัยที่ 15 เอาชนะ ‘เสือเหลือง’ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ จากเยอรมนี 2-0

(2 มิ.ย.67) เกมที่สนามนิว เวมบลีย์ มหานครลอนดอน อังกฤษ ‘ดอร์ทมุนด์’ ต้องเจ็บปวดที่สนามแห่งนี้เป็นคำรบที่ 2 หลังจากเคยแพ้ บาเยิร์น 1-2 เมื่อปี 2013 มาในครั้งนี้พวกเขามีโอกาสมากกว่าบานตะไทในครึ่งแรก โดยเฉพาะการเล่นหนามยอกเอาหนามบ่ง

บอลทะลุไลน์ที่เป็นจุดเด่นของ เรอัล มาดริด วันนี้โดน ดอร์ทมุนด์ ดักได้ดีและมีวินัยสูงมาก แค่ครึ่งชั่วโมงแรก โดน ดอร์ทมุนด์ แทงตัดขั้วหัวใจไปแล้ว 3 ที ดีที่ไม่เสียประตู

มาดริด ครองบอลมากกว่าแต่ ‘ตัวทำ’ อย่าง จู๊ด เบลลิ่งแฮม ไร้บทบาท และ ‘ตัวจ่าย’ อย่าง โทนี่ โครส ไม่มีโอกาส

ดอร์ทมุนด์ เล่นได้ดีมากกับแผนการปิดพื้นที่ได้เหนียวแน่น ทุกคนวินัยสูงมาก และมีโอกาสทำประตูจะแจ้งกว่าโดยเฉพาะบอลทะลุถึง 4 ครั้ง แต่เมื่อทำไม่ได้ ทุกคนเห็นภาพซ้ำเดิม ๆ ในครึ่งหลัง เปิดครึ่งหลังมา 15 นาทีแรก

จังหวะบอลของ เรอัล มาดริด เร็วขึ้นและแรงขึ้น บีบพื้นที่ขึ้นมาสูงขึ้น และฟรีคิกของ โทนี่ โครส เกือบเสียบตาข่าย แต่ ดอร์ทมุนด์ ยังคงอยู่ในแผนที่ดี โดยเฉพาะการเล่นเป็นกลุ่ม กระทั่ง คาริม อเดเยมี่ วิ่งจนหมดถูกปรับทัพคนแรก ด้วยการส่ง  มาร์โก้ รอยส์ อดีตกัปตันทีมลงสนาม
แต่แค่ไม่ถึงสองนาที นาฬิกาเดินมา นาทีที่ 73.14 เรอัล มาดริด นำจนได้ 1-0 จากลูกเตะมุม

ดานี่ คาร์บาฆาล ขึ้นไปโหม่งที่เสาแรกเสียบตาข่าย เป็นประตูแรกของเขาในการเตะยูซีแอลตลอด 9 ปีที่่ผ่านมา แต่เป็นประตูทองจริง ๆ ต้นครึ่งหลัง เขามีโอกาสได้โหม่งจุดเดิมจุดเดียวแบบนี้มาแล้ว แต่ข้ามคาน และหนนี้ฉีกมาอยู่จุดมาร์กจุดเดิม ซึ่งไม่พลาด

แล้วไม่กี่นาทีต่อมา หลังจาก ดอร์ทมุนด์ ตัดสินใจเกหมดหน้าตัก ก็มาพลาดเองเมื่อ มาตเซ่น ที่เล่นได้เด่นตลอดครึ่งซีซั่นหลัง ไปจ่ายบอลขวางสนาม ทำให้พวกเขาสังเวียประตูที่ 2 ให้กับ วินิซิอุส นาทีที่ 83

ปีกแซมบ้า วัย 23 ปี 325 วัน ทำสถิติเป็นนักฟุตบอลอยู่น้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ที่ยิงในแชมเปียนส์ลีกสองสมัย แซงหน้า ลีโอเนล เมสซี่ ไปแล้ว โดยทำไว้ 23 ปี 338 วัน

ดอร์ทมุนด์ ดีที่สุดเกมนี้คือ ความวูบวาบ และปิดโอกาสของอดีตเด็กเก่าอย่าง จู๊ด เบลลิงแฮม ได้อย่างสมบูรณ์ แต่พวกเขาทิ้งโอกาสสำคัญ ซึ่งเกมใหญ่ขนาดนี้มันพลาดไม่ได้

ติบอร์ กูร์กตัวส์ นายประตูเรอัล มาดริด โชว์เกมใหญ่อีกครั้ง หลังจากไม่ได้เล่นเลยด้วยซ้ำในปีนี้ถ้วยนี้ แต่กลายเป็นฮีโร่ เซฟให้ทีมจะ ๆ อย่างน้อย 4 ครั้ง ก่อนทำให้ทีมอยู่ในเกมและก้าวไปสู่ชัยชนะ ไม่รู้ว่าใครจะเบื่อขั้นไหน แต่นี่คือความสำเร็จที่น่ายกย่องอีกครั้งของ เรอัล มาดริด กับแชมป์สมัยที่ 15

‘คนขับแกร็บ’ วอน ‘ผู้โดยสาร’ ไม่ต้องทาครีมเผื่อชาวบ้าน ทำเลอะเต็มเบาะ เช็ดยาก ชี้!! เจอแบบนี้ 3 รอบแล้ว

(2 มิ.ย.67) ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งชื่อได้โพสต์ลงในกลุ่ม ‘Grab Car Drivers Club Thailand’ ระบุข้อความว่า ... 

"เรียนลูกค้าที่เคารพรักนะครับ ทาแป้งทาครีมไม่ต้องเผื่อชาวบ้านด้วยก็ได้นะครับเข้าใจว่าอยากสวยอยากขาว ติดเบาะแล้วเช็ดออกยากชิบ รูดตั้งแต่เบาะฝั่งขวายันฝั่งซ้ายเลย ผ้าชุบน้ำเช็ดลงแว๊กยังไม่อยากจะออก เจอแบบนี้ 3 รอบแล้วหมดคำสิเว้ารอบนี้หนักสุด"

เมื่อโพสต์ดังกล่าวเผยแพร่ออกไปทำให้คนเข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก อาทิ ติดทุกอย่างยกเว้นผิว, แป้งหรือสี toa, เบาะหนังยังทิ้งรอยขนาดนี้ คันไหนเป็นเบาะผ้านี่ สงสารเจ้าของรถเลย, ความลับนางฟ้า, ผิวลูกคุณหนู 100%, เช็ดออกยากมาก, เจอเหมือนกันแบบนี้ เช็ดยังออกไม่หมดเลย ยังมีรอยจางๆอยู่, เบื่อมากเจอเพื่อนขึ้นเเบบนี้เลย, ถ้าเบาะผ้า มีร้องอะเจ้าของรถ ค่าซักแพง เป็นต้น

‘โฆษกรัฐบาล’ เผย ‘นทท.อินเดีย’ จองเที่ยวไทยบนแพลต์ฟอร์ม Airbnb เพิ่มขึ้นกว่า 60%  ชี้!! เป็นผลจากมาตรการขยายระยะเวลา Visa Free ของนายกฯ ที่ขยายออกไปอีก 6 เดือน 

(2 มิ.ย.67) นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยถึงผลสำเร็จของนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ในการขยายระยะเวลาการยกเว้นการตรวจลงตรา หรือ Visa Free ให้แก่นักท่องเที่ยวชาวอินเดียเป็นการชั่วคราวออกไปอีก 6 เดือน ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 11 พฤษภาคม - 11 พฤศจิกายน 2567 นั้น ล่าสุด แพลตฟอร์ม Airbnb ได้เปิดเผยข้อมูลการจองที่พักในช่วงปี 2565 - 2566 พบว่า นักท่องเที่ยวชาวอินเดียจองที่พักในประเทศไทยเพิ่มขึ้นกว่า 60% โดยในปี 2567 ซึ่งเป็นช่วงวันหยุดยาว เช่น เทศกาลโฮลี (Holi Festival) และเทศกาลอีสเตอร์ (Easter) มีชาวอินเดียค้นหาที่พักในประเทศไทยบนแพลตฟอร์ม Airbnb เพิ่มขึ้นมากกว่า 200% โดยมีจุดหมายปลายทางยอดนิยม 5 อันดับแรก ได้แก่ กรุงเทพฯภูเก็ต เชียงใหม่ กระบี่ และเกาะสมุย

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าจากข้อมูล Airbnb พบว่าชาวอินเดียมีความชื่นชอบและสนใจที่จะเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยเพิ่มขึ้น โดย Airbnb อธิบายว่า เทรนด์การท่องเที่ยวไทยของชาวอินเดียส่วนใหญ่มาจากกลุ่มคนรุ่นใหม่ (New Gen) โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Z และ Gen Y ที่จองที่พักบน Airbnb มากถึง 80% ของนักท่องเที่ยวชาวอินเดียทั้งหมด เนื่องจากอินเดียมีประชากรกลุ่ม Gen Z และ Gen Y มากที่สุดในโลก โดยจุดหมายปลายทางยอดนิยมในประเทศไทยของนักเดินทาง Airbnb ชาวอินเดีย 5 อันดับแรก ได้แก่ กรุงเทพฯ ภูเก็ต เชียงใหม่ กระบี่ และเกาะสมุย ส่วนประเภทที่พัก Airbnb ในไทยที่มีนักท่องเที่ยวชาวอินเดียเลือกจองมากที่สุด ได้แก่ สระว่ายน้ำ เขตร้อน ชายหาด อุทยานแห่งชาติ และเมืองดัง อีกทั้งนักท่องเที่ยวชาวอินเดียที่เดินทางแบบกลุ่มขนาดเล็ก (3 - 5 คน) และกลุ่มขนาดกลาง (5 คนขึ้นไป) มีการเติบโตเร็วที่สุด โดยนักท่องเที่ยวแบบกลุ่มขนาดเล็ก เดินทางเพิ่มขึ้น 67% และนักท่องเที่ยวแบบกลุ่มขนาดกลาง เดินทางเพิ่มขึ้น 68% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันจากปีก่อน

นอกจากนี้ นายอมันพรีท บาจาจ ผู้จัดการทั่วไปประจำเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อินเดีย ฮ่องกง และไต้หวัน ของ Airbnb เปิดเผยว่า นักท่องเที่ยวชาวอินเดียเริ่มให้ความสนใจในการเดินทางไปยังสถานที่ที่ยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จัก ซึ่งนับเป็นการสนับสนุนการท่องเที่ยวแบบมีส่วนร่วมมากขึ้น และยังเป็นการช่วยกระจายเศรษฐกิจไปยังชุมชนต่างๆ ไม่เพียงแค่เมืองใหญ่เท่านั้น

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2567 ที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบมาตรการเเละเเนวทางการตรวจลงตรา ทั้งหมด 3 ระยะ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศไทย โดยมีมาตรการที่สำคัญเเละจะเริ่มใช้ต่อเนื่องในเดือนมิถุนายน 2567 นี้ เช่น

- การให้สิทธิยกเว้นการตรวจลงตรา (Visa Free) สามารถพำนักในประเทศไทย ไม่เกิน 60 วัน เพื่อการท่องเที่ยว การติดต่อธุรกิจ และการทำงานระยะสั้น จำนวน รวม 93 ประเทศ/ดินแดน ประกอบด้วย (1) ประเทศที่ได้รับสิทธิ ผ.30 เดิม 57 ประเทศ/ดินแดน และ (2) เพิ่มประเทศที่ได้รับสิทธิ ผ.30 ใหม่ 36 ประเทศ/ดินแดน

- การให้สิทธิ Visa on Arrival (VOA) จากเดิม 19 ประเทศ เพิ่มรวมเป็น 31 ประเทศ

- การเพิ่มการตรวจลงตราประเภทใหม่ Destination Thailand Visa (DTV) เพื่อให้คนต่างด้าวที่มีทักษะและทำงานทางไกลผ่านระบบดิจิทัล (Remote worker หรือ Digital nomad) ที่ประสงค์จะพำนักในประเทศไทย สามารถมาทำงานและท่องเที่ยวไปพร้อมกันได้ เป็นต้น

“นายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นการดำเนินมาตรการเชิงรุกของไทยในเรื่องของการอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติ การยกเว้นการตรวจลงตรา หรือ Visa Free สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยมากขึ้น ประกอบกับมาตรการสนับสนุนอื่นๆ ของรัฐบาล ทั้งนี้ เห็นได้ชัดจากตัวเลขนักท่องเที่ยวที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ทำให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเป็นอีกกลไกสำคัญที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ” นายชัย กล่าว

‘Kirin Holdings’ เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ‘ช้อนสร้างความเค็มไฟฟ้า’ ชี้!! ช่วยลดการบริโภคเกลือ ด้วยการ ‘สร้างความรู้สึกเค็ม’ ขึ้นมาแทน 

(2 มิ.ย.67) บริษัทเครื่องดื่มสัญชาติญี่ปุ่น Kirin Holdings ได้ทำการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่คือ ‘ช้อนสร้างความเค็มไฟฟ้า’ ซึ่งนักวิจัยบอกว่า ‘ช้อนสร้างรสเกลือ’ นี้ จะช่วยลดการบริโภคเกลือด้วยการสร้างความรู้สึกเค็มขึ้นมาแทน และดีต่อสุขภาพอย่างแน่นอน

ทั้งนี้ ช้อนดังกล่าว ผลิตจากพลาสติก และขึ้นรูปจากเหล็ก น้ำหนักรวม 60 กรัม ใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรีลิเธียมแบบชาร์จไฟซ้ำได้ เป็นการพัฒนาโดยศาสตราจารย์ ดร. Homei Miyashita แห่งมหาวิทยาลัย Meiji ซึ่งเคยพัฒนา ‘TV เลียชิมรส’ และ ‘ตะเกียบเติมเค็ม’ ตัวต้นแบบมาก่อน

‘ช้อนไฟฟ้า’ ชิ้นนี้ ได้รับรางวัล Ig Nobel 2023 สาขาโภชนาการเมื่อปีกลาย ซึ่งกำเนิดจากความคิดริเริ่มเกี่ยวกับการปล่อยกระแสไฟฟ้าอ่อนๆ ออกมาจากช้อน เพื่อกระตุ้นโมเลกุลโซเดียมไอออนที่ปลายลิ้น ทำให้เกิดการรับรู้รสเค็มของอาหารมากขึ้น

Kirin Holdings ระบุว่า เทคโนโลยีนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อชาวญี่ปุ่นซึ่งนิยมรับประทานอาหารรสเค็ม

เพราะโดยเฉลี่ยแล้ว ชาวญี่ปุ่นวัยผู้ใหญ่จะบริโภคเกลือราว 10 กรัมต่อวัน ซึ่งมากกว่าปริมาณที่องค์การอนามัยโลกแนะนำถึงสองเท่า (5 กรัมต่อวัน) ซึ่งการรับประทานเกลือมากเกินไปอาจเพิ่มความเสี่ยงของความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดสมอง และอาการป่วยอื่นๆ ที่ต่อเนื่องกันยาวเป็นลูกโซ่ได้

ในเบื้องต้นนี้ Kirin Holdings จะผลิต ‘ช้อนสร้างรสเกลือ’ ออกขายทั้งหมด 200 อัน ในราคาอันละ 19,800 เยน หรือราว 4,500 บาท เริ่มตั้งแต่เดือนนี้ และจะวางขายตลาดต่างประเทศในปีหน้า โดยตั้งเป้าไว้ว่าจะเพิ่มยอดขายได้มากถึง 1 ล้านอัน ภายใน 5 ปีข้างหน้า

‘รัดเกล้า’ เผย ‘ดัชนีผลผลิตอุตฯ’ ขยายตัวเป็นบวกครั้งแรก ‘ในรอบ 18 เดือน’ ชี้!! เป็นผลมาจาก ‘เศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้น-ภาคส่งออกขยายตัว-ท่องเที่ยวกำลังเติบโต’

(2 มิ.ย.67) นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยถึงดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (Manufacturing Production Index- MPI) เดือนเมษายน 2567 ว่า ขยายตัวร้อยละ 3.43 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยอยู่ที่ระดับ 90.34 จากที่ก่อนหน้านี้หดตัวต่อเนื่องติดต่อกัน 18 เดือน ซึ่งเป็นผลมาจากเศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัว การขยายตัวของภาคการส่งออกที่ดีขึ้น และการท่องเที่ยวที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังกล่าวต่อไปว่า อุตสาหกรรมที่ผลักดัน MPI ในเดือนเมษายน 2567 ได้แก่ อุตสาหกรรมเครื่องจักรอื่นๆ ที่ใช้งานทั่วไป โดยเฉพาะกับเครื่องปรับอากาศ ที่มีคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นเนื่องจากสภาพอากาศ ประกอบกับคุณสมบัติเครื่องปรับอากาศใหม่ๆ เช่น ตัวกรองฝุ่น PM2.5 ซึ่งตรงกับความต้องการของผู้ซื้อ อุตสาหกรรมผลิตอาหารสัตว์ที่เพิ่มขึ้น 18.11% เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยได้รับแรงหนุนจากความต้องการในการเป็นเจ้าของสัตว์เลี้ยงมากขึ้น และอุตสาหกรรมการผลิตปิโตรเลียมก็เพิ่มขึ้น 4.78% เนื่องจากกิจกรรมการท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น

นางรัดเกล้า กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ยังต้องเฝ้าระวังปัจจัยลบ ทั้งภายนอกและภายใน เช่น ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่น่าจะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมที่ต้องพึ่งพาผลผลิตทางการเกษตร และประเด็นทางภูมิรัฐศาสตร์

“นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ย้ำเสมอในทุกเวทีถึงความพร้อมของประเทศไทยที่จะต้อนรับนักลงทุนและการลงทุนจากต่างประเทศ เวลานี้ ตอนนี้เหมาะสมที่สุดที่จะลงทุนในไทย ซึ่งจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ การส่งเสริมการลงทุน และการท่องเที่ยว รวมทั้งสัญญาณบวกจากเศรษฐกิจโลกที่เริ่มฟื้นตัว ภาคการส่งออกที่ขยายตัว และการท่องเที่ยวที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ทำให้รัฐบาลมีความก้าวหน้าในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ” นางรัดเกล้า กล่าวทิ้งท้าย

‘เทพไท’ เผย ‘ชวน’ ขออยู่เฝ้าพรรค ขอเป็นหลักให้ปชป. ยัน!! ขอทำหน้าที่ ‘สส.’ อย่างเต็มที่ เพื่อพี่น้องประชาชน

(2 มิ.ย.67) นายเทพไท เสนพงศ์ อดีตสส. นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 1 มิ.ย.เวลา15.00 น.นายชวน หลีกภัย สส. บัญชีรายชื่อ และอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้แวะมาเยี่ยมตนที่บ้านพักเขตหลักสี่ กรุงเทพฯ เพราะท่านรู้ว่าตนไม่สามารถเดินทางไปไหนมาไหนได้สะดวก ยังอยู่ในระหว่างการพักโทษและติดกำไลอีเอ็มอยู่ การเดินทางออกนอกเขตควบคุม จะต้องขออนุญาตทุกครั้ง เพราะไม่ใช่นักโทษเทวดา ที่มีอภิสิทธิ์ชนเหนือนักโทษคนอื่นๆ ท่านชวนได้ให้ความเมตตาต่อตนมาก ตอนตนอยู่ในเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช ท่านก็กรุณาไปเยี่ยมถึง2ครั้ง เมื่อออกจากเรือนจำมาพักโทษที่บ้าน ท่านก็ยังอุตส่าห์แวะมาเยี่ยมและให้กำลังใจตนอีก ต้องกราบขอบพระคุณท่านมาก

นายเทพไท กล่าว ตนได้มีโอกาสพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นถึงสถานการณ์การเมืองในหลายเรื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของพรรคประชาธิปัตย์ ที่กระแสนิยมยังไม่กระเตื้องขึ้นเลย เมื่อดูจากผลโพลของสำนักต่างๆ ปรากฎว่าความนิยมของพรรคประชาธิปัตย์ ยังอยู่ในระดับ 3% ซึ่งถือว่าน้อยมาก ถ้าเปรียบเทียบกับโอกาสการเมืองในขณะนี้ในวันที่มวลชนฝ่ายอนุรักษ์นิยม ผิดหวังจากพรรคการเมืองร่วมรัฐบาลเดิม และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯ ก็ได้วางมือทางการเมืองไปแล้ว คะแนนนิยมของมวลชนกลุ่มนี้ ก็น่าจะกลับมาพรรคประชาธิปัตย์เหมือนเดิม แต่กลับไม่ได้เป็นไปตามที่คาดหมาย คนที่ผิดหวังกับฝ่ายอนุรักษ์นิยม กลับไหลไปที่พรรคก้าวไกลมากกว่า 

“ผมจึงถามนายชวนว่า จะทำอย่างไรต่อไปกับบทบาทของท่านในพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งท่านก็ยืนยันว่า ยังทำหน้าที่ในฐานะสส. คนหนึ่ง จะตั้งกระทู้ถาม อภิปรายตรวจสอบรัฐบาล เป็นปากเสียงให้กับประชาชน ไม่ว่า สส. ส่วนใหญ่หรือกรรมการของพรรคประชาธิปัตย์ จะวางบทบาทของพรรคอย่างไรก็ตาม ก็เป็นเรื่องของกรรมการบริหารพรรค แต่ส่วนตัวท่านก็ยังทำหน้าที่ผู้แทนปวงชนชาวไทยอย่างเข้มแข็งต่อไป จะไม่ลาออกจากพรรค และจะไม่ทิ้งพรรคอย่างเด็ดขาด ท่านยังแวะเยี่ยมพี่น้องประชาชนตลอดเส้นทาง ทุกครั้งที่เดินทางกลับจังหวัดตรังโดยรถยนต์ ผมได้ฝากความหวังและให้กำลังใจท่าน ขอให้ท่านได้เป็นเสาหลักของพรรคประชาธิปัตย์ต่อไป ไม่ว่าจะเหลือใครสักกี่คนก็ตาม ขอให้ท่านรักษาพรรคไว้ เพื่อให้คนที่เคยอยู่พรรคประชาธิปัตย์ ได้กลับไปฟื้นฟูพรรคอีกครั้งหนึ่ง” นายเทพไท กล่าวทิ้งท้าย

‘รมว.ดีอี’ นำทีมตำรวจไซเบอร์ ลุย ‘กทม.- ระยอง’ ทลายเครือข่ายโจรออนไลน์ข้ามชาติ ยึดทรัพย์ 220 ล้านบาท

วันที่ 30 พฤษภาคม 2567 นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) พร้อมด้วย นายสุทธิเกียรติ วีระกิจพานิช ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอี พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รอง ผบช.สอท. พล.ต.ต.สถิตย์ พรมอุทัย ผบก.สอท.3 นำทีมเปิดปฏิบัติการ The Purge EP.2 กวาดล้างเครือข่ายอาชญากรออนไลน์ข้ามชาติ ทำการเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย 7 จุด ในกรุงเทพมหานคร และจังหวัดระยอง

นายประเสริฐ กล่าวว่า กระทรวงดีอี  ได้ร่วมกับ สอท. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เข้ากำลังเปิดปฏิบัติการ The Purge EP.2 เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายทั้งหมด 6 จุดในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และ 1 จุดในจังหวัดระยอง ซึ่งเป็นปฏิบัติการสืบเนื่องจากการขยายผลต่อเนื่องกรณีกลุ่มอาชญากรออนไลน์ข้ามชาติในคดีหลอกลงทุนสกุลเงินดิจิทัล (Hybrid Scam) หรือ ไฮบริด สแกม โดยก่อนหน้านี้ได้จับกุมผู้ต้องหาพร้อมยึดทรัพย์เครือข่ายกว่า 220 ล้านบาท 

ทั้งนี้เครือข่ายอาชญากรข้ามชาติดังกล่าว ได้ใช้วิธีชักชวนผู้เสียหายให้ลงทุนสกุลเงินดิจิทัลผ่านแพลตฟอร์มปลอม โดยให้ผู้เสียหายซื้อเงินสกุล USDT และโอนไปตามเลขกระเป๋าเงินดิจิทัลตามที่คนร้ายระบุ ก่อนที่จะถูกโอนเข้าบัญชีของแพลตฟอร์มเทรดเงินดิจิทัล แล้วนำมาซื้ออสังหาริมทรัพย์ และทรัพย์สินต่างๆ ซึ่งถือเป็นวิธีการฟอกเงินรูปแบบหนึ่ง

สำหรับการปฏิบัติการครั้งนี้ สามารถจับกุมผู้ต้องการซี่งทำหน้าที่เป็นผู้บริหารบัญชีเงินที่ได้จากการกระทำความผิด และนำเงินดังกล่าวมาฟอกแปรสภาพเป็นอสังหาริมทรัพย์ รถยนต์ และทรัพย์สินมีค่า โดยสามารถยึดอายัดบ้านและคอนโดหรูที่มีความเชื่อมโยงกับเครือข่ายดังกล่าวได้ พร้อมกับการอายัดบัญชีธนาคารผู้ต้องหา และบริษัทที่เกี่ยวข้อง รวมถึงตรวจยึดทรัพย์สิน ได้แก่ เงินสด รถยนต์หรู 3 คัน นาฬิกาหรูกว่า 10 เรือน กระเป๋าแบรนเนมด์ โทรศัพท์มือถือ ได้หลายรายการ ยึดทรัพย์สินมูลค่ากว่า 220 ล้านบาท 

นายประเสริฐ กล่าวว่า ปฏิบัติการ The Purge EP.2 เป็นปฏิบัติการตามข้อสั่งการของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เพื่อเร่งรัดปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ให้เกิดเป็นรูปธรรม ในระยะที่ 2 ซึ่งเป็นการขยายผลการจับกุมต่อเนื่องจากปฏิบัติการรอบแรกในเดือน เม.ย.67 เพื่อจับกุมเครือข่ายอาชญากรข้ามชาติ ที่ใช้วิธีการหลอกลวงให้ลงทุน พร้อมกับนำเงินที่ได้จากการกระทำผิดมาฟอกเงินเปลี่ยนเป็นทรัพย์สินต่างๆ ทั้ง บ้าน รถยนต์หรู และของมีค่าอื่นๆ โดยหลังจากนี้จะทำการขยายผลเส้นทางการเงินที่พบว่าเป็นบัญชีม้าของคนต่างชาติ และในบัญชีต่างประเทศ ซึ่งหมุนเวียนเข้ามาในประเทศไทย 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top