Friday, 9 May 2025
TheStatesTimes

‘เซฟ กระทะฮ้าง’ โพสเฟซ!! สู้ชีวิต มาพร้อม ‘ลูก-เมีย’ ไม่มีใครช่วยเหลือ แต่เมื่อมีรายได้ กลับต้องตามจ่ายภาษี พ้อ!! ติดใจตอนผมลำบากพวกคุณไปอยู่ไหน

(15 มี.ค. 68) เซฟ กระทะฮ้าง โพสต์ข้อความระบุว่า ...

ทำคลิปแบบบ้านๆ สู้มากับลูกเมียพอวันนึงมีรายได้ ก็ต้องจ่ายภาษีตามรายได้ที่มี 

อันนี้ไม่ติดใจ

(ที่ติดใจตอนผมลำบากพวกคุณไปอยู่ไหนมา)

รูบิโอ โดนจีนขึ้นบัญชีดำ ปม!! อุยกูร์ ตั้งแต่ปี 2020 ก็เลยระบายความคับแค้น ผ่านการลงโทษ ไทยแลนด์ แบบที่ตัวเองก็โดน

(15 มี.ค. 68) รองศาสตราจารย์ ดร.อักษรศรี พานิชสาส์น คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า …
.
 “ รัฐบาล #จีน ขึ้นบัญชีดำ คุณ #รูบิโอ รมว กต ของรัฐบาลทรัมป์คนนี้เรื่อง #อุยกูร์ มานานแล้วตั้งแต่ปี 2020 (พ.ศ. 2563) ตอนที่ แกเป็นวุฒิสมาชิกจากฟลอริดาแล้วนะคะ เอิ่ม.. แกก็เลยถือโอกาสนี้ระบายความคับแค้นด้วยการกระทำแบบที่คล้ายกันนี้กับ #ไทยแลนด์ บ้าง ใช่มั้ยหนอ?

‘มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย’ เดือด!! รัฐบาลสหรัฐฯ ลั่นคำขาด จัดการ!! ประท้วงต่อต้าน ‘ชาวยิว’ ไม่งั้น ตัดงบไม่เหลือ

(15 มี.ค. 68) มหาวิทยาลัยโคลัมเบียเผชิญแรงกดดันหนักจากรัฐบาลกลางสหรัฐฯ หลังเกิดกระแสประท้วงที่ลุกลามเป็นความขัดแย้งด้านเชื้อชาติและศาสนา โดยเฉพาะกรณีการต่อต้านชาวยิว (Antisemitism) ที่เกิดขึ้นภายในมหาวิทยาลัย ส่งผลให้กระทรวงศึกษาธิการของสหรัฐฯ ตัดสินใจออกมาตรการบีบให้โคลัมเบียต้องรับผิดชอบ และกำหนดเส้นตายให้ปฏิบัติตามก่อนวันที่ 20 มีนาคม 2025 มิเช่นนั้นมหาวิทยาลัยอาจต้องสูญเสียเงินสนับสนุนจากรัฐบาลกลางอย่างถาวร

สถานการณ์บานปลาย จุดเดือดของมหาวิทยาลัยชั้นนำ

ตลอดช่วงต้นปี 2025 การประท้วงและความขัดแย้งทางอุดมการณ์เกี่ยวกับปัญหาอิสราเอล-ปาเลสไตน์ลุกลามไปทั่วแคมปัสของโคลัมเบีย โดยเฉพาะกรณีที่มีกลุ่มนักศึกษาและบุคลากรออกมาเคลื่อนไหวโจมตีชาวยิวและสนับสนุนแนวคิดต่อต้านไซออนิสต์ ทำให้เกิดข้อกล่าวหาว่ามหาวิทยาลัยละเลยการปกป้องสิทธิของนักศึกษาชาวยิว

รัฐบาลสหรัฐฯ มองว่าการปล่อยให้เหตุการณ์บานปลายเป็นการละเมิดกฎหมายสิทธิพลเมืองปี 1964 (Civil Rights Act of 1964) มาตรา VI และ VII ซึ่งครอบคลุมถึงการป้องกันการเลือกปฏิบัติในสถานศึกษา ส่งผลให้กระทรวงศึกษาธิการและหน่วยงานของรัฐตัดสินใจออกคำสั่งถึงคณะกรรมการบริหารของมหาวิทยาลัย ให้ดำเนินมาตรการเร่งด่วนเพื่อระงับความขัดแย้ง

มาตรการตอบโต้ของรัฐบาลกลาง: คำขาดที่โคลัมเบียต้องทำภายใน 20 มีนาคม 2025

1️⃣ ลงโทษนักศึกษาที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ประท้วง – นักศึกษาที่เกี่ยวข้องกับการยึดพื้นที่ Hamilton Hall และการตั้งแคมป์ต้องถูกลงโทษขั้นเด็ดขาด โดยรัฐบาลเน้นว่าการลงโทษต้องมีความหมายจริงจัง เช่น ไล่ออก หรือพักการเรียนเป็นเวลาหลายปี

2️⃣ อำนาจวินัยต้องรวมศูนย์ที่ประธานมหาวิทยาลัย – ให้ยกเลิก University Judicial Board (UJB) และให้ประธานมหาวิทยาลัยมีอำนาจเบ็ดเสร็จในการลงโทษนักศึกษา

3️⃣ ออกกฎควบคุมพื้นที่ชุมนุมถาวร – มหาวิทยาลัยต้องกำหนดกฎถาวรเกี่ยวกับ เวลา-สถานที่-วิธีการประท้วง เพื่อไม่ให้กระทบการเรียน การวิจัย และชีวิตประจำวันของแคมปัส

4️⃣ แบนหน้ากาก ห้ามปกปิดตัวตน – ห้ามนักศึกษาสวมหน้ากากเพื่อปิดบังตัวตนหรือข่มขู่ผู้อื่น ยกเว้นเหตุผลทางศาสนาและสุขภาพ ผู้ที่ยังต้องใส่หน้ากากต้องติด บัตรประจำตัวนักศึกษาด้านนอกเสื้อผ้า

5️⃣ คุมเข้มทุกกลุ่มนักศึกษา – ทั้งกลุ่มที่ได้รับการรับรองจากมหาวิทยาลัยและกลุ่มที่ไม่ได้รับการรับรอง หากพบว่าเกี่ยวข้องกับการละเมิดนโยบายของมหาวิทยาลัย ต้องถูกสอบสวนและลงโทษ

6️⃣ กำหนดนิยามการต่อต้านชาวยิวอย่างเป็นทางการ – ให้ใช้แนวทางจากคำสั่งของอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ (Executive Order 13899) ที่ระบุว่า การเลือกปฏิบัติต่อชาวยิวภายใต้แนวคิดต่อต้านไซออนิสต์ต้องถูกลงโทษ แม้จะเกิดในบริบทที่ไม่เกี่ยวข้องกับอิสราเอลหรือปัญหาตะวันออกกลาง

7️⃣ เสริมอำนาจหน่วยรักษาความปลอดภัยมหาวิทยาลัย – ต้องให้สิทธิ์เจ้าหน้าที่มหาวิทยาลัยสามารถจับกุมและขับไล่นักศึกษาหรือบุคคลที่สร้างความไม่ปลอดภัยหรือขัดขวางการเรียนการสอน

8️⃣ ควบคุมแผนกตะวันออกกลาง เอเชียใต้ และแอฟริกาศึกษา – โคลัมเบียต้องให้แผนกนี้เข้าสู่ ‘ภาวะควบคุมทางวิชาการ’ อย่างน้อย 5 ปี และต้องเสนอแผนปฏิบัติการอย่างเป็นรูปธรรม

9️⃣ ปฏิรูปกระบวนการรับนักศึกษา – ต้องเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์การรับนักศึกษา ปรับระบบคัดเลือกทั้งระดับปริญญาตรี นักศึกษาต่างชาติ และระดับบัณฑิตศึกษาให้เป็นไปตามกฎหมายของรัฐบาลกลาง

โคลัมเบียอยู่ในจุดเปลี่ยน: ทำตามหรือถูกตัดงบ?

รัฐบาลกลางให้เส้นตาย 20 มีนาคม 2025 เป็นวันสุดท้ายที่มหาวิทยาลัยต้องดำเนินการให้ครบทุกข้อ มิเช่นนั้น ทุนรัฐบาลกลางที่สนับสนุนมหาวิทยาลัยอาจถูกระงับอย่างถาวร นี่เป็นแรงกดดันครั้งใหญ่ที่อาจส่งผลกระทบต่อสถานะของโคลัมเบียในฐานะมหาวิทยาลัยระดับโลก

ด้านนักศึกษาและคณาจารย์บางส่วนเริ่มออกมาแสดงจุดยืนที่แตกต่างกัน บ้างสนับสนุนการแทรกแซงของรัฐบาล โดยเฉพาะนักศึกษาชาวยิวที่มองว่ามาตรการนี้ช่วยปกป้องพวกเขา ในขณะที่กลุ่มต่อต้านมองว่านี่เป็นการแทรกแซงเสรีภาพทางวิชาการและการแสดงออกของนักศึกษา

โคลัมเบียจะเลือกเส้นทางไหน? ปรับตัวหรือเผชิญผลลัพธ์ที่ใหญ่หลวงกว่านี้? เส้นตายใกล้เข้ามาทุกที ติดตามกันต่อไปว่า มหาวิทยาลัยระดับตำนานแห่งนี้จะเดินหมากต่อไปอย่างไร

‘สื่อเดนมาร์ก’ พลาดจริง หรือ IO เหตุขึ้นจอ ‘ปูติน’ เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ จุดกระแส!! ให้โลกเชื่อว่า ‘สหรัฐฯ-รัสเซีย’ กำลังมีความร่วมมือกันในเชิงลึก

(15 มี.ค. 68) การเผยแพร่กราฟิกผิดพลาดโดยสถานีโทรทัศน์ 19 News ของเดนมาร์ก ที่ระบุว่า "Vladimir Putin – President, USA" หรือ "วลาดิมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา" ได้กลายเป็นประเด็นร้อนในแวดวงการเมืองระหว่างประเทศ โดยหลายฝ่ายตั้งข้อสงสัยว่า นี่เป็นเพียงข้อผิดพลาดทางเทคนิค หรือเป็นปฏิบัติการทางข้อมูล (Information Operation – IO) ที่มุ่งสร้างภาพให้ประชาคมโลกเชื่อว่าสหรัฐฯ และรัสเซียกำลังมีความร่วมมือเชิงลึก

ความผิดพลาดธรรมดา หรือแผนการแฝง?

แม้ในเบื้องต้น สังคมอาจมองว่านี่เป็นเพียงความผิดพลาดของทีมกราฟิก แต่หากพิจารณาจากบริบททางภูมิรัฐศาสตร์ในปัจจุบัน คำถามที่ตามมาคือ "นี่คืออุบัติเหตุ หรือเป็นการส่งสัญญาณบางอย่าง?" โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ยุโรปและพันธมิตรตะวันตกกำลังพยายามกดดันรัสเซียทางเศรษฐกิจและการทหาร

สหรัฐฯ และรัสเซีย: เป็นพันธมิตรกันจริงหรือ??

สื่อกระแสหลักของยุโรปมักเน้นภาพลักษณ์ของรัสเซียในฐานะภัยคุกคามต่อระเบียบโลกเสรี อย่างไรก็ตาม การเกิดข้อผิดพลาดในระดับนี้อาจทำให้เกิดความคลางแคลงใจว่า มีความพยายามที่จะเชื่อมโยงสหรัฐฯ กับรัสเซียในฐานะพันธมิตรกันหรือไม่

ปฏิบัติการ IO เพื่อลดความเชื่อมั่นต่อสหรัฐฯ??

หากพิจารณาจากมุมของสงครามข้อมูล การเผยแพร่ภาพนี้อาจเป็นกลยุทธ์ของฝั่งยุโรปในการบ่อนทำลายภาพลักษณ์ของสหรัฐฯ ด้วยการทำให้โลกเสรีตั้งคำถามว่า "อเมริกายังยืนหยัดต่อต้านรัสเซียจริงหรือไม่?" หรือวอชิงตันกำลังเล่นบทบาทสองหน้า

ยุโรปหวั่นไหวกับท่าทีของสหรัฐฯ??

หลังจากหลายปีของการสนับสนุนยูเครน สหรัฐฯ เริ่มเผชิญแรงกดดันภายในประเทศ ทำให้หลายฝ่ายมองว่านโยบายต่อต้านรัสเซียของวอชิงตันอาจอ่อนลง ส่งผลให้ยุโรปเกิดความกังวลและอาจพยายามใช้ปฏิบัติการข่าวสารเพื่อสร้างความไม่ไว้วางใจต่อรัฐบาลสหรัฐฯ

ข้อสังเกตและแนวโน้มในอนาคต

แม้ว่าทาง 19 News จะยังไม่ได้แถลงการณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่สิ่งที่แน่นอนคือ ข่าวนี้ได้สร้างแรงกระเพื่อมต่อทัศนคติของประชาคมโลก ไม่ว่าจะเป็นข้อผิดพลาดจริง หรือเป็นการส่งสัญญาณเชิงสัญลักษณ์ ประเด็นที่ต้องติดตามคือ สหรัฐฯ จะออกมาตอบสนองต่อข้อผิดพลาดนี้อย่างไร? และจะมีปฏิบัติการ IO อื่นตามมาอีกหรือไม่?

ในยุคที่ข่าวสารกลายเป็นเครื่องมือทางการเมือง ทุกข้อมูลที่เผยแพร่ออกมาอาจไม่ใช่เพียงความผิดพลาด แต่เป็นเกมเชิงยุทธศาสตร์ที่ต้องมองให้ลึกกว่าที่เห็น… หรือว่าสงครามข้อมูลระหว่างตะวันตกเองกำลังเริ่มขึ้นแล้ว??

‘หม่อมปลื้ม’ ถอดบทเรียนการเมือง!! สอนคนรุ่นใหม่ ให้เข้าใจ ‘Global Citizenship’ ทำไม!! อาจเป็นแค่ ‘เรื่องหลอกเด็ก’

(16 มี.ค. 68) หม่อมหลวงณัฏฐกรณ์ เทวกุล หรือ ‘หม่อมปลื้ม’ ได้ให้มุมมอง ‘คนรุ่นใหม่’ เกี่ยวกับ ‘Global Citizenship’ ไว้ใน TNN WORLD ไว้ว่า ...

คือ เวลามองความเป็น global citizen อย่ามองแค่มุมสวย

ใช่มองเป็น ผมกําลังจะบอก ในที่สุดแล้ว

เวลาผมเจอเด็ก ถ้าผมเจอเด็กจริงๆ นะ แล้วพ่อแม่เขาไม่อยู่นะ ผมจะบอกว่า

น้องไม่ต้องคํานึงถึงความอยากเป็น global citizen หรอก น้องๆ แค่ต้องรู้ว่าทําอย่างไรให้ตนเอง เติบโตขึ้นมาแล้วก็ประสบความสําเร็จในหน้าที่การงานที่ตนเองทํา

คุณจะร่ำรวย และใหญ่โตที่ไหนก็ได้

เพราะว่าเมื่อคุณร่ำรวยและใหญ่โตในที่นั้นแล้วเนี่ย!!

คุณภาพชีวิตของคุณเนี่ยดีขึ้น ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน

เป็นเศรษฐีในเมืองไทย หรือเป็นเศรษฐีที่เวียดนาม หรือเป็นเศรษฐีที่สหรัฐฯ หรือแคนาดาเหมือนกัน เพราะว่าเมื่อเป็นเศรษฐีแล้ว

อยู่กันสบาย

‘ดร.เอ้ สุชัชวีร์’ ตั้งคำถาม!! สังคมไทยจะปลอดภัย กี่โมง ลั่น!! ‘เสียใจ-คับแค้นใจ’ ในความวิบัติของ ‘พระราม 2’

(16 มี.ค. 68) ศาสตราจารย์ ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ หรือ ‘ดร.เอ้’ นักวิชาการ อดีตนายกสภาวิศวกร อดีตอธิการบดี สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับ ‘พระราม 2’ โดยมีใจความว่า ...

อีกแล้ว สะพานถล่ม คนตาย เพราะ "ไม่มีเจ้าภาพ" และ "ไม่ถอดบทเรียน 4 ข้อ" สังคมไทยจะปลอดภัย กี่โมง?

ผมได้ข่าว "สะพานถล่ม" แถวพระราม 2 ผมรู้สึก "เสียใจ" จนถึงระดับ "คับแค้นใจ" เพราะในฐานะวิศวกรโยธาคนหนึ่ง เป็นอดีตนายกสภาวิศวกร และอดีตนายกวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยฯ (วสท.) ที่เห็น "ความวิบัติ" มานับครั้งไม่ถ้วน และเห็น "คนเจ็บ คนตาย" มานับไม่ถ้วนเช่นกัน แต่เหตุสลดก็ยังเกิดขึ้น ซ้ำซาก ในสังคมไทย

ผม "เตือนแล้ว" และ "แนะนำ" นับครั้งไม่ถ้วน แล้วเช่นกัน ทุกอย่างยังคงแย่เหมือนเดิม เพราะ "เราลืมง่าย" ทั้งผู้รับผิดชอบ หรือเจ้าของโครงการ ไม่จริงใจ "ไม่ถอดบทเรียน" เพื่อหาสาเหตุ นำไปสู่การ "เอาผิด" กับผู้กระทำผิด รอเรื่องเงียบ แล้วก็ปล่อยผ่าน คนทำผิดเขาก็รู้แกว ไม่ต้องใส่ใจ ไม่สนใจ จริงไหม

ผมขอเรียนว่า "สาเหตุการถล่ม" ของการก่อสร้าง มีไม่กี่เรื่อง วิศวกรโยธาเรียนกันมาทุกคน เพียงต้องถอดบทเรียน 4 ข้อ เพื่อหาสาเหตุ ดังนี้
1. ปัญหา "การออกแบบ" ไม่ได้มาตรฐาน
คือ วิศวกร หรือผู้ออกแบบ "คำนวนผิด" ทำให้การออกแบบต่ำกว่ามาตรฐาน เมื่อทำก่อสร้าง หรือเมื่อใช้งาน จึงไม่สามารถรับน้ำหนักได้ โครงสร้างจึงถล่ม 
กรณีนี้ ตรวจสอบได้จาก "รายการคำนวน" ก็บอกได้ว่า "ผู้ออกแบบ" ออกแบบผิดมารฐาน ต้องรับผิดชอบ 

2. ปัญหา "การก่อสร้าง" ไม่ได้มาตรฐาน
คือ "ผู้รับเหมา" และ "ผู้ควบคุมงาน" ไม่ทำตามแบบก่อสร้าง หรือ "ไม่ทำตามขั้นตอน" ที่ถูกต้อง โครงสร้างจึงถล่ม เพราะลดมาตรฐานการก่อสร้าง
กรณีนี้ ตรวจสอบด้วยการเก็บตัวอย่างเหล็ก ปูน มาทดสอบ ก็รู้ทันทีว่าทำผิด "ผู้รับเหมา" และ "ผู้คุมงาน" ต้องรับผิดชอบ

3. ปัญหา "การใช้งาน" ไม่ถูกต้อง
เมื่อออกแบบ และก่อสร้าง ถูกต้องตามมาตรฐาน แต่ "เจ้าของ" หรือ "ผู้ใช้งาน" ใช้งานผิดประเภท เช่น ออกแบบมาเป็นบ้านพักอาศัย แต่กลับแอบใช้เป็นโกดังเก็บของ น้ำหนักบรรทุกเกิน ก็พัง
กรณีนี้ เจ้าของ หรือผู้ใช้งาน ก็ต้องรับผิดชอบ

4. ปัญหา "ภัยพิบัติ' จากธรรมชาติ
หาก ออกแบบ ก่อสร้าง และใช้งาน "ถูกต้อง" แต่เกิดภัยธรรมชาติ เช่น "แผ่นดินไหว" หรือ "พายุรุนแรง" เกินกว่าที่กำหนดไว้ในกฏหมาย
กรณีนี้ คงถือเป็น "เหตุสุดวิสัย" แต่ผมย้ำว่า ต้องเกินกว่าที่กฏหมายกำหนดไว้เท่านั้น ถึงจะอ้างข้อนี้ได้ เพราะมีหลาย กรณี ที่จะ "เบี่ยงเบน" ประเด็น อ้างว่าสุดวิสัย ทั้งๆที่ ทำผิดข้อ 1-3 ที่เรามักเห็นๆกันอยู่ จริงไหมครับ?

ผม และแนวร่วม "ภาควิชาการ" และ "ภาคประชาชน" จึงพยายาม "แก้ปัญหา" ด้วยการเสนอ "กฏหมายเพื่อความปลอดภัยสาธารณะ" ฉบับประชาชน ที่ต้องรอพี่น้องประชาชนมาลงชื่อให้เกิน 10,000 ชื่อ

สาระสำคัญของ ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ คือ การมี “เจ้าภาพ” ในการรับเรื่องร้องเรียน ติดตามการแก้ปัญหา ถอดบทเรียน นำไปสู่การหา "ผู้รับผิดชอบ" และ "เยียวยา" ผู้ประสบภัย ให้ได้รับความเป็นธรรม และยังจะทำหน้าที่ "ตรวจสอบสาเหตุอุบัติภัย" แทนหน่วยงานเจ้าของโครงการ เพื่อให้เกิดความโปร่งใส 

แต่พอเรื่องโรงงานระเบิด รถบัสไฟไหม้ สะพานถล่ม เงียบไป ก็ไม่มีใครมาลงชื่อ ความตั้งใจดีๆนี้ จึงไม่ไปถึงไหน สักที

ผมจึงขอเชิญชวนทุกท่านมาร่วมลงชื่อ เสนอพรบ.ความปลอดภัยสาธารณะ ที่ thaipublicsafety.org เพื่อมี "เจ้าภาพ" ดูแล "สังคมไทยปลอดภัย" อย่ารอให้คนเจ็บ คนตาย มากกว่านี้เลยครับ

ด้วยความห่วงใย

สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์

‘โดนัลด์ ทรัมป์’ สั่งยุบ!! หน่วยงานรัฐบาล 7 แห่ง รวมถึง ‘Voice of America’ กลุ่มผู้สนับสนุนเสรีภาพสื่อ มอง!! บ่อนทำลายสื่อมวลชนที่ ‘อิสระ-เสรี’

(16 มี.ค. 68) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารเพื่อยุบหน่วยงานรัฐบาลกลาง 7 แห่ง รวมถึง U.S. Agency for Global Media (USAGM) ซึ่งเป็นหน่วยงานแม่ของ Voice of America (VOA) และสื่ออื่น ๆ ที่ได้รับทุนจากรัฐบาลสหรัฐฯ

คำสั่งดังกล่าวกำหนดให้หน่วยงานที่ได้รับผลกระทบลดการดำเนินงานให้เหลือเพียงขั้นต่ำสุดตามที่กฎหมายกำหนด ส่งผลให้พนักงานของ VOA ถูกสั่งพักงานโดยได้รับค่าจ้าง และมีการระงับทุนสนับสนุนสำหรับ Radio Free Europe/Radio Liberty และ Radio Free Asia

การตัดสินใจนี้ถูกวิพากษ์วิจารณ์จากกลุ่มผู้สนับสนุนเสรีภาพสื่อ โดย Mike Balsamo ประธาน National Press Club กล่าวว่า การกระทำดังกล่าว "บ่อนทำลายความมุ่งมั่นของอเมริกาต่อสื่อมวลชนที่เสรีและเป็นอิสระ"

นอกจาก USAGM แล้ว คำสั่งของทรัมป์ยังมีผลกระทบต่อหน่วยงานอื่น ๆ เช่น Federal Mediation and Conciliation Service, Woodrow Wilson International Center for Scholars, Institute of Museum and Library Services, U.S. Interagency Council on Homelessness, Community Development Financial Institutions Fund และ Minority Business Development Agency

การยุบหน่วยงานเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของทรัมป์ในการลดขนาดรัฐบาลกลาง อย่างไรก็ตาม การกระทำดังกล่าวอาจนำไปสู่การท้าทายทางกฎหมาย เนื่องจากหน่วยงานหลายแห่งถูกจัดตั้งขึ้นโดย ‘สภาคองเกรส’

เปิด 4 ตัวเลือกพรรคภูมิใจไทย สนามเลือกตั้งเขต 8 นครศรีฯ ศึกนี้!! ไม่มีใครหลีกใคร ‘สจ.กระวี-สุนทร’ ตัวเต็ง ตัวตึง

(16 มี.ค. 68) ถ้าผลการตัดสินของศาลอุทธรณ์ในวันที่ 26 มีนาคมนี้ออกมาในทางลบ คดีใบแดงของ “มุกดาวรรณ เลื่องสีนิล” สส.เขต 8 นครศรีธรรมราช พรรคภูมิใจไทย สนามเลือกตั้งนี้จะเป็นสนามเลือกตั้งที่สู้กันดุเดือด ไม่มีใครยอมใครในพรรคร่วมรัฐบาล

คำว่า “ให้เกียรติ์“ เจ้าของพื้นที่เดิม (เขต 8 ประกอบด้วย อ.ฉวาง นาบอน ช้างกลาง และพิปูน)
คงจะไม่ได้ยินแน่นอน เพราะจะเป็นสนามวัดดวง ชี้อนาคตทางการเมืองในภาคใต้ในอนาคต และทุกพรรคจะระดมระดับแกนนำของพรรคลงลุยเต็มอัตราศึกแน่นอน

พรรคประชาธิปัตย์วันนี้ยืนยันจากปากของ ”ชินวรณ์ บุณยะเกียรติ์“เองว่า จะย้ายกลับมาลงสมัครเขต 8 ทวงคืนแชมป์ด้วยตัวเอง ซึ่งตรงกับ ”แทน-ชัยชนะ เดชเดโช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ภาคใต้ก็ยืนยันว่า ส่งพี่ชินลง

พรรคกล้าธรรม “บิ๊กโอ” สจ.ก้องเกียรติ์ เกตุสมบัติ ฐานะหนึ่งคือลูกเจยของชินวรณ์ ที่ช่วงหลังใกล้ชิดกับ รอ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม และ รอ.ธรรมนัส ก็สนับสนุนบิ๊กโอเต็มที่ด้วยบุคคลิก และอะไรที่เข้ากันได้ดี เมื่อจังหวะ และโอกาสมาถึงบิ๊กโอ จึงขอลงสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรคกล้าธรรม

บิ๊กโอ ตั้งใจจะลงสมัคร สส.ตั้งแต่คราวที่แล้ว ในนามพรรคประชาธิปัตย์ แต่การจัดสรรคนไม่ลงตัว เมื่อบุณยเกียรติ์ ลงสมัครถึงสองเขต ทำให้บิ๊กโอพลาดโอกาสนั้นไป ทั้งๆที่ลาออกจาก ส.อบจ.มานั่งรออยู่แล้ว 

สนามเลือกตั้งเขต 8 จะเป็นสนามแรกของพรรคกล้าธรรมในการกรุยศึกเลือกตั้ง เพราะเป็นพรรคใหม่ที่มี สส.จากพรรคพลังประชารัฐย้ายมาสังกัดถึง 23 คน และมี สส.เดิมที่ย้ายมาเช่นกันอีก 1 คน

สนามเลือกตั้งเขต 8 จึงเป็นสนามพิสูจน์ฝีมือ เพื่อเดินหน้าลุยสำหรับการเลือกตั้งปี 70 และสนามเลือกตั้งภาคใต้น่าจะเป็นสนามหลักที่พรรคกล้าธรรม จะเข้ามาหวังเสียบแทนพรรคเก่าที่ค่อยๆอ่อนแอลง โดยเฉพาะในสามจังหวัดชายแดนใต้ 12 ที่นั่ง น่าสนใจยิ่งเมื่อ “วันนอร์-วันมูหะหมัดนอร์ มะทา” ประกาศวางมือทางการเมืองกับวัยที่เริ่มโรยรา

พรรครวมไทยสร้างชาติ ยังพอมีพลังในการสู้สึกกับผลงานของสองขุนพล “พีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค” รมว.พลังงาน และ “ขิง-เอกนัฐ พร้อมพันธ์” รมว.อุตสาหะกรรม ที่จับมือกันสร้างผลงาน สู้กับทุนพลังงาน รื้อโครงสร้างพลังงานใหม่ ถ้าผลงานผ่าน จะช่วยลดค่าใช้จ่ายภาคครัวเรือน ภาคขนส่งลงไปได้มาก สามารถแปรมาเป็นคะแนนเสียงได้

เมื่อสนามเขต 8 ว่างลง ก็ต้องไม่พลาด เล็งไปที่ ดร.คมเดช มัชฌิมวงค์ ที่เคยลงสมัครรับเลือกตั้ง เขต 7 ทุ่งใหญ่ ในนามพรรคพลังประชารัฐ สนใจว่าย้ายมาลงเขตนี้ เนื่องจากเป็นคนพิปูน เคยเป็นนายกฯอบต.อยู่ที่พิปูน และสนใจพรรครวมไทยสร้างชาติด้วย ช่วงหลังเห็นภาพทางโซเขี่ยล ลงพื้นที่ถี่ยิบ

พรรคประชาชน กรรมการบริหารพรรคประชาชน มีมติให้ณัฐกิตต์ อยู่ด้วง ลงสมัครรับเขตเลือกตั้งที่ 8 จ.นครศรีธรรมราช ในนามของพรรคประชาชนไปแล้ว แต่โอกาสของพรรคประชาชนสำหรับพื้นที่ภาคใต้ น่าจะยังยากอยู่ เว้นแต่จะมีผู้สมัครที่โดดเด่นจริงๆ คนยังติดภาพกับการแก้ ม.112 อันเกี่ยวโยงกับสถาบันพระมหากษัตริย์

น่าสนใจคือพรรคภูมิใจไทย เจ้าของพื้นที่เดิมจะหยิบใครมาลงสมัคร ที่ใช้คำว่าหยิบ เพราะมีตัวเลือกให้พิจารณาไม่น้อยกว่า 4 คน คนแรกคือ “ไสว เลื่องสีนิล” สามีของ สส.มุกนั้นเอง ที่ผ่านมาก็ทำงานพื้นที่ให้ สส.มุกอยู่ อยู่ที่พรรคว่าจะยังเลือกสกุล “เลื่องสีนิล”ให้ลงสมัครอีกหรือไม่กับตัวเลือกใหม่ ตัวเลือกใหม่ เช่น สุนทร รักษ์รงค์ ที่คราวที่แล้วได้มาอันดับ 2 พ่ายให้กับ สส.มุก เพียงไม่กี่คะแนน ซึ่งสุนทร น่าจะมีคะแนนเป็นกอบเป็นกำในแวดวงชาวสวนยาง ที่สุนทรทำงานคลุกคลีกับชาวสวนยางมานาน

อีกตัวเลือกหนึ่งของพรรคภูมิใจไทย และถือเป็นคนรุ่นใหม่ที่น่าให้การสนับสนุน สจ.กระวี หวานแก้ว ที่เคยลงสมัคร สส.พรรคภูมิใจไทย เขต 5. นครศรีธรรมราช 

มี อ.พิปูน อ.ฉวาง อ.ถ้ำพรรณรา อ.ทุ่งใหญ่ (ปี 2562) แต่ครั้งนั้น สจ.กระวี ยังสอบไม่ผ่าน เพราะยังใหม่กับการเมืองอยู่มาก

สจ.กระวี ปัจจุบันเป็นผู้ชำนาญการประจำตัว สว.ณัฐกิตติ์ หนูรอด สว.นครศรีฯถือเป็นรุ่นใหม่ของพรรคภูมิใจไทย เป็นเด็กนักเรียนนอก 

จบการศึกษาจาก มหาวิทยาลัยแห่งรัฐ นิวเซาท์เวลส์(UNSW) มหาวิทยาลัยชั้นนำของโลก เกิดที่ ต.กะเปียด อ.ฉวาง ผลงานวิจัยเชิงวิชาการมากมาย จบปริญญาตรี วิศวกรรมศาสตร์บัณฑิต อิเล็กทรอนิคส์ ศรีปทุม ปริญญาตรี รัฐศาสตร์บัณฑิตรามคำแหง รุ่น 22 เคยเป็นสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (ส.อบจ.) นครศรีธรรมราช เขต อ.ฉวาง นาน 7 ปี 

ผลงานที่ประจักษ์ และเป็นรูปธรรมมากมาย

ที่มุ่งมั่นมากคือการพัฒนาเขาศูนย์ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวของ อยู่.ฉวาง

อีกตัวเลือกหนึ่งที่เสนอตัวจะขอลงสมัครในนามพรรคภูมิใจไทยเช่นกันคือ นาวาเอกสมเกียรติ์ ทรงสวัสดิ์ ผู้บังคับการหมวดเรือ ศรชล.ภาค 2 นักเรียนเตรียมทหาร รุ่น 30 นักเรียนนายเรือ รุ่น 87 จบปริญญาโทรัฐประศาสนศาสตร์ รุ่น 30 จากสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) มีผ่านการอบรมหลักสูตรต่างๆมากมาย แต่ส่วนใหญ่เกี่ยวกับการทหาร ส่วนประสบการณ์ และงานการเมืองยังถือว่าน้อย แม้จะเคยทำงานอยู่ในพื้นที่นครศรีฯก็ตาม

ถ้าพิจารณาจากโปรไฟล์ของ 4 คนของพรรคภูมิใจไทยแล้ว “สจ.กระวี -สุนทร” น่าสนใจมากที่สุด โดยพิจารณาคู่แข่งร่วมด้วย อีกสิบวันก็จะรู้แล้วว่า อนาคตของ สส.มุกดาวรรณ จะบวกหรือลบ แต่ขออนุญาตรีวิวให้เห็นภาพของการแข่งขันให้เห็นคร่าวๆ ขอจริงรอสนามเปิดครับ

‘ดร.สามารถ’ ลั่น!! พูดได้ไง?? พระราม 2 ถล่ม เป็น ‘เหตุสุดวิสัย’ ชี้!! ‘วสท.’ ต้องเคลียร์ ไม่เปิดช่อง ให้คนผิด ปัดความรับผิดชอบ

(16 มี.ค. 68) ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ฝ่ายโยธาและจราจร สมัยนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับเหตุ ‘พระราม 2’ โดยมีใจความว่า …

เช้ามืดของวันเสาร์ที่ 15 มีนาคม 2568 มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นจากการก่อสร้างทางด่วนพระราม 3-ดาวคะนอง-วงแหวนรอบนอกด้านตะวันตก ซึ่งจะเชื่อมต่อกับมอเตอร์เวย์ที่กำลังก่อสร้างบนถนนพระราม 2 ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บหลายราย 

หลังจากเกิดอุบัติเหตุดังกล่าว ผู้แทนวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) คนหนึ่งได้ไปตรวจดูพื้นที่พร้อมกับให้สัมภาษณ์ โดยสรุปได้ว่าอุบัติเหตุครั้งนี้ “เป็นเหตุสุดวิสัย” ที่เกิดจากสภาพการเปลี่ยนแปลงของดิน ทำให้การรับน้ำหนักปูนกว่า 10 ตันเกิดการเอียง จนตัวแม่แบบหลุดออกมาและถล่ม

ผมในฐานะวิศวกรและสมาชิก วสท. คนหนึ่งไม่เห็นด้วยกับคำให้สัมภาษณ์ดังกล่าว เนื่องจากการอ้างว่า “เป็นเหตุสุดวิสัย” นั้น เป็นการให้สัมภาษณ์โดยที่ยังไม่ได้ตรวจสอบอย่างละเอียดตามหลักวิศวกรรม 

“เหตุสุดวิสัย” หมายถึงสถานการณ์หรือเหตุการณ์ที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของผู้รับผิดชอบ และไม่สามารถหลีกเลี่ยงหรือป้องกันได้ แม้ว่าจะใช้ความระมัดระวังหรือพยายามป้องกันแล้วก็ตาม แต่อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นครั้งนี้ ไม่สามารถหลีกเลี่ยงหรือป้องกันได้จริงหรือ? และผู้รับผิดชอบได้ใช้ความระมัดระวัง หรือได้พยายามป้องกันแล้วจริงหรือ??

ผมไม่เชื่อว่า อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นครั้งนี้จะไม่สามารถหลีกเลี่ยงหรือป้องกันได้ ถ้าผู้รับผิดชอบได้ใช้ความระมัดระวัง หรือพยายามป้องกันอย่างเต็มที่ตามหลักวิศวกรรม

ด้วยเหตุนี้ การฟันธงลงไปว่า “เป็นเหตุสุดวิสัย” ในทางกฎหมายอาจถูกใช้เป็นข้ออ้างเพื่อยกเว้นความผิด หากมีการระบุไว้ในสัญญาว่า กรณีเกิดเหตุสุดวิสัย ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดอาจไม่ต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น

วสท.เป็นสมาคมวิชาชีพด้านวิศวกรรมที่มีความสำคัญ เป็นที่เชื่อถือและยอมรับของสังคม ดังนั้น การแสดงความคิดเห็นในนาม วสท. จะต้องใช้ความเป็นมืออาชีพ ต้องยึดหลักวิศวกรรมเป็นสำคัญ สร้างความน่าเชื่อถือ ต้องไม่ทำให้สังคมเกิดความคลางแคลงใจ

ทั้งหมดนี้ ด้วยความหวังดีต่อ วสท. อยากให้ วสท.เป็นที่เชื่อถือและยอมรับจากสาธารณชนตลอดไป
 

Stephen Capus ซีอีโอของ RFE/RL ลั่น!! ‘อเมริกา’ ส่งของขวัญชิ้นโตให้ ‘ศัตรู’ เหตุ!! ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ หั่นงบ ‘USAID’ มอง!! สื่อเสรีภาพ ต้องได้รับการสนับสนุน

(16 มี.ค. 68) โดมิโน่สื่อสายทุนจบเห่! RFE/RL โดนหั่นงบฯ หลัง USAID เดี้ยงด้วยน้ำมือทรัมป์

เมื่อวานเดินเล่นไถฟีดไปเรื่อยๆ เจอข่าวชวนตะลึงเข้าให้—Radio Free Europe/Radio Liberty (RFE/RL) ออกมาคร่ำครวญว่าถูกตัดงบสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐฯ แบบสายฟ้าแลบ! อ่านแล้วก็อดสะกิดใจไม่ได้ว่านี่มันอีกหนึ่งโดมิโน่เอฟเฟ็คจากการที่ USAID ถูกทรัมป์ซอยเละตั้งแต่ยุคแรกๆ แล้วนี่นา

RFE/RL นี่ไม่ใช่ใครที่ไหน สื่อที่ได้กินอิ่มกินดีจากงบประมาณของรัฐสหรัฐฯ มาตลอด 75 ปี เป็นกระบอกเสียงเสรีประชาธิปไตยสไตล์วอชิงตันที่ส่งตรงไปถึงประเทศแถบยุโรปตะวันออก รัสเซีย จีน และตะวันออกกลาง ตอนสงครามเย็นก็ทำหน้าที่ตีแผ่ความจริง (ในเวอร์ชันที่สหรัฐฯ อยากให้โลกเห็น) ใส่พวกคอมมิวนิสต์ และแม้ว่าสงครามเย็นจะจบไปนานแล้ว RFE/RL ก็ยังคงมีงบให้ได้โลดแล่นต่อไปภายใต้ข้ออ้างว่า “สื่อเสรีภาพต้องได้รับการสนับสนุน”

แต่พอทรัมป์กลับมาทวงคืนเวทีการเมือง ปฏิบัติการสับงบฯ ก็ตามมาเป็นของแถม ซึ่งไม่ใช่แค่เรื่องนี้ USAID ก็โดนฟันมาก่อนหน้าแล้ว จะให้เหลืออะไรอีกล่ะ?

RFE/RL ลั่น: ตัดงบเรา = ของขวัญให้จีน-รัสเซีย

Stephen Capus ซีอีโอของ RFE/RL รีบออกมาจุดพลุทันที บอกว่าการถูกตัดงบนี้ เป็นเหมือนการส่งของขวัญชิ้นโตให้ศัตรูของอเมริกา ไม่ว่าจะเป็น จีน รัสเซีย อิหร่าน หรือผู้นำเผด็จการแห่งมินสก์ เพราะพวกนั้นคงจะฉลองกันยกใหญ่ที่สื่อขาประจำของวอชิงตันกำลังล้มระเนระนาด

Capus ไม่ได้พูดเล่น เพราะที่ผ่านมาสื่อสายทุนเหล่านี้ก็มีบทบาทชัดเจนในการเล่นเกมสงครามข้อมูลข่าวสาร ไล่ขุดแฉรัฐบาลฝ่ายตรงข้ามของสหรัฐฯ ตั้งแต่เรื่องสิทธิมนุษยชน ยันการทุจริตแบบข้ามชาติ แต่พอโดนตัดงบเอง ดันออกมาโอดครวญซะอย่างนั้น

อ่านมาถึงตรงนี้ก็อดคิดไม่ได้ว่า เฮ้ย แล้วตอนที่ไปเจาะข่าวประเทศอื่นเขา ทำไมไม่พูดถึงแหล่งทุนของตัวเองบ้าง? พอตัวเองโดนบ้าง กลับมาเรียกร้องเสรีภาพซะงั้น!

เมื่อ USAID เดี้ยง สื่อสายทุนก็ขาลง

มองย้อนกลับไปหน่อย USAID ไม่ใช่แค่หน่วยงานพัฒนา มันเป็น ท่อส่งเงินของรัฐบาลสหรัฐฯ ในการสนับสนุนสื่อ นักเคลื่อนไหว และ NGOs ทั่วโลก ซึ่งก็ไม่ต้องบอกนะว่าเงินไหลไปไหนบ้าง พอ USAID โดนทรัมป์ฟันงบ ก็เหมือนปิดก๊อกน้ำ ทำให้สื่อหลายเจ้าที่เคยพึ่งพางบนี้ต้องดิ้นรนหาแหล่งทุนใหม่

RFE/RL ก็คือหนึ่งในนั้น และตอนนี้ดูเหมือนว่าวิกฤตนี้จะมาถึงจุดที่พวกเขาเองก็ ต้องเผชิญความเป็นจริงว่าหากไม่มีรัฐอุ้ม ก็อยู่ลำบาก
คำถามสำคัญที่น่าสนใจคือ สื่อเสรีแบบนี้ หากไม่มีงบจากรัฐ ยังเสรีได้อยู่ไหม? หรือจริงๆ แล้วมันคือ “สื่อเสรีภาพที่มีเงื่อนไข” มาตลอด
โดมิโน่ต่อไปจะเป็นใคร?

VOA (Voice of America) ก็คงมีเสียวๆ อยู่บ้าง เพราะเป็นอีกเจ้าที่ใช้งบสนับสนุนจากรัฐสหรัฐฯ เช่นกัน จะว่าไปแล้ว ในยุคที่โซเชียลมีเดียครองเมือง สื่อที่อาศัยทุนรัฐเพื่อทำข่าวนโยบายต่างประเทศ อาจต้องเตรียมใจเผชิญยุคที่ “อเมริกาต้องมาก่อน” อย่างเต็มตัวแล้วจริงๆ
ว่าแต่… หรือพวกเขาจะหาทางออกใหม่โดยไปขอทุนจากที่อื่นแทน? หรือถ้าหมดยุคของสื่อสายทุน รัฐบาลสหรัฐฯ จะใช้ช่องทางไหนในการขยายอิทธิพลทางข้อมูลข่าวสาร? คำตอบอาจอยู่ในอนาคตที่กำลังใกล้เข้ามา…


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top