Friday, 9 May 2025
TheStatesTimes

‘จอห์นส์ ฮอปกินส์’ ปลดพนักงานกว่า 2,000 ตำแหน่ง ภายหลังที่ ‘รัฐบาลทรัมป์’ ตัดงบ ‘USAID’ มหาศาล

(15 มี.ค. 68) มหาวิทยาลัยจอห์นส์ ฮอปกินส์ประกาศปลดพนักงานครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของสถาบัน หลังจากที่รัฐบาลทรัมป์ตัดงบประมาณจาก สำนักงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐฯ (USAID) ไปกว่า 800 ล้านดอลลาร์ ส่งผลให้โครงการวิจัยและพัฒนาระดับโลกหลายโครงการต้องปิดตัวลง

การปลดพนักงานครั้งนี้กระทบ พนักงานนานาชาติถึง 1,975 คนใน 44 ประเทศ และอีก 247 ตำแหน่งในสหรัฐฯ ขณะที่พนักงานอีก 100 คนถูกลดชั่วโมงการทำงาน หรือถูกพักงานโดยไม่มีกำหนด ทั้งหมดนี้เป็นผลมาจากการที่มหาวิทยาลัยต้องปรับตัวต่อสภาพแวดล้อมทางงบประมาณที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างฉับพลัน

"นี่เป็นวันที่ยากลำบากสำหรับชุมชนของเรา" มหาวิทยาลัยระบุในแถลงการณ์ พร้อมย้ำว่า การตัดงบประมาณของ USAID ทำให้ต้องยุติภารกิจสำคัญที่เคยช่วยเหลือผู้คนทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นโครงการดูแลสุขภาพแม่และเด็ก การป้องกันโรคระบาด การพัฒนาระบบน้ำสะอาด รวมถึงความพยายามด้านมนุษยธรรมอื่น ๆ ที่เคยเป็นหัวใจสำคัญขององค์กร

ผลกระทบไม่ได้จำกัดแค่การสูญเสียตำแหน่งงานเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อภาควิชาสำคัญหลายแห่งของมหาวิทยาลัย รวมถึงคณะแพทยศาสตร์ คณะสาธารณสุขศาสตร์ ศูนย์โครงการสื่อสารด้านสุขภาพ (Center for Communication Programs) และ Jhpiego องค์กรด้านสุขภาพมารดาและการป้องกันโรค

ผลพวงจากแนวทางบริหารรัฐบาลทรัมป์

การปลดพนักงานครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางการผลักดันของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ต้องการลดขนาดรัฐบาลกลาง โดย มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เพิ่งประกาศเมื่อต้นสัปดาห์ว่ารัฐบาลทรัมป์จะ ยกเลิก 83% ของโครงการภายใต้ USAID และเตรียมโอนภารกิจที่เหลือไปอยู่ภายใต้กระทรวงการต่างประเทศ

จอห์นส์ ฮอปกินส์ ซึ่งเป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยวิจัยชั้นนำของโลก ได้รับงบประมาณมากถึง 50% จากการทำงานร่วมกับรัฐบาลกลาง และในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยแห่งนี้เป็นกำลังหลักในการดำเนินโครงการวิจัยด้านสุขภาพระหว่างประเทศ

โรนัลด์ แดเนียลส์ อธิการบดีมหาวิทยาลัย ได้ส่งข้อความถึงบุคลากรเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เตือนว่าการตัดงบประมาณครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อ งบประมาณ บุคลากร และโครงการต่าง ๆ โดยระบุว่ามหาวิทยาลัยอยู่ระหว่างกระบวนการยุติโครงการที่ได้รับทุนจาก USAID ในบัลติมอร์และระดับนานาชาติ

“จากสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น เราจำเป็นต้องเตรียมรับมือกับความท้าทายข้างหน้า” แดเนียลส์กล่าว พร้อมย้ำว่า “เราไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากปรับลดขนาดโครงการ เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมทางกฎหมายและงบประมาณที่เปลี่ยนแปลงไป”

วงการการศึกษาสหรัฐฯ กำลังเข้าสู่ยุคแห่งความไม่แน่นอน

นอกจากจอห์นส์ ฮอปกินส์แล้ว มหาวิทยาลัยหลายแห่งทั่วสหรัฐฯ กำลังวิตกกังวลเกี่ยวกับอนาคตของเงินทุนรัฐบาลกลางภายใต้การบริหารของทรัมป์

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว มหาวิทยาลัยโคลัมเบียสูญเสียเงินทุน 400 ล้านดอลลาร์ หลังจากรัฐบาลทรัมป์ระงับสัญญาและโครงการต่าง ๆ โดยอ้างเหตุผลว่ามหาวิทยาลัย "ล้มเหลวในการจัดการปัญหาการต่อต้านชาวยิวในมหาวิทยาลัย"

ขณะเดียวกัน สถาบันสุขภาพแห่งชาติ (NIH) ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักที่ให้ทุนสนับสนุนการวิจัยด้านสุขภาพ ได้ลดเพดานงบประมาณที่มหาวิทยาลัยสามารถขอรับสำหรับค่าใช้จ่ายโครงสร้างพื้นฐาน เช่น อาคารและการบำรุงรักษา ซึ่งนักวิทยาศาสตร์เตือนว่า อาจส่งผลกระทบต่อสถานะของสหรัฐฯ ในฐานะผู้นำด้านการวิจัยระดับโลก

สถานการณ์นี้นำไปสู่การยื่นฟ้องร้องของมหาวิทยาลัยหลายแห่ง รวมถึงจอห์นส์ ฮอปกินส์ ที่ต้องการระงับการตัดงบประมาณจาก NIH ผ่านกระบวนการศาล

สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นเพียงแค่เรื่องของตัวเลขหรือการบริหารงานภายในมหาวิทยาลัยเท่านั้น แต่สะท้อนถึง แนวโน้มของรัฐบาลทรัมป์ที่จะลดบทบาทของสหรัฐฯ ในเวทีความช่วยเหลือระหว่างประเทศ และหันมาให้ความสำคัญกับแนวทางบริหารที่มุ่งลดค่าใช้จ่ายภาครัฐเป็นหลัก

นี่อาจเป็นสัญญาณเตือนว่า ยุคแห่งความมั่นคงด้านงบประมาณของวงการศึกษาสูงและงานวิจัยระดับโลกอาจกำลังสิ้นสุดลง

‘อีซูซุ’ เปิดศึก!! ‘เจ้าแห่งความเร็ว’ ISUZU ONE MAKE RACE 2025

(15 มี.ค. 68) กลุ่มตรีเพชร โดย บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด ร่วมกับ บริษัท ฟาอีส ยูไนเต็ด มอเตอร์สปอร์ต จำกัด บริษัท ต.สยาม คอมเมอร์เชียล จำกัด บริษัท ไพโอเนียร์ เอ็นจิเนียริ่ง อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด บริษัท ริซไวส์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด และบริษัท บี.เจ.มอเตอร์พาร์ท จำกัด ร่วมกันระเบิดศึกอีซูซุ ดีแมคซ์ รวม 19 คัน เพื่อชิงตำแหน่งเจ้าแห่งความเร็วในการแข่งขัน ISUZU ONE MAKE RACE 2025 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 16 ชิงรางวัลถ้วยประทานจากพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่น สุทธนารีนาถ พร้อมเงินรางวัลรวม 200,000 บาท

มร. ทาคาชิ ฮาตะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด เผยว่า “การแข่งขัน ISUZU ONE MAKE RACE เป็นการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบที่ประสบความสำเร็จมาอย่างต่อเนื่อง โดยเราได้จัดการแข่งขันกันมายาวนาน และต่อเนื่องเป็นปีที่ 16 ซึ่งการแข่งขันในทุกปีที่ผ่านมานั้นได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากผู้ชมที่ติดตามการแข่งขัน และนักแข่งที่เลือกใช้ “อีซูซุ ดีแมคซ์” เป็นรถคู่ใจในการลงสนามประลองความเร็ว ในปีนี้จะมีการแข่งขันแยกเป็น 2 รุ่น ได้แก่ ISUZU ONE MAKE RACE 3.0 PRODUCTION GROUP “N” จำนวน 12 คัน ซึ่งใช้เครื่องยนต์ที่ผ่านมาตรฐานไอเสียยูโร 5 และ ISUZU ONE MAKE RACE 3.0 SUPER FULL RACE จำนวน 7 คัน รวม 19 คัน โดยมีนักดนตรีและนักแข่งอย่าง “โดม ราชนันทร์ คุณาริยานุกูล” และการกลับมาอีกครั้งของนักแสดงและนักแข่งชื่อดัง “แอนดรูว์ โคนินทร์” เข้าร่วมการแข่งขันในรุ่น ISUZU ONE MAKE RACE 3.0 PRODUCTION GROUP “N” สำหรับไฮไลท์ในปีนี้พิเศษกว่าทุกครั้งเนื่องจากการแข่งขันจัดขึ้นในรูปแบบ “CITY STREET CIRCUIT” ถือเป็นครั้งแรกของ ISUZU ONE MAKE RACE ที่จะนำรถไปวิ่งแข่งขันในสนามเฉพาะกิจกลางเมืองจังหวัดอุตรดิตถ์ โดยการแข่งขันจะจัดขึ้น อีก 2 สนาม คือ สนามพีระ อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดชลบุรี และสนามแก่งกระจานเซอร์กิต จังหวัดเพชรบุรี พบกันครั้งแรกกับรถ Safety Car ISUZU 2.2 Ddi MAXFORCE ใหม่! ขับเคลื่อนด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ที่ปรับแต่งความแรงแบบไร้ควัน ให้แรงม้าสูงสุด 250 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 515 นิวตันเมตร นอกจากนี้ขอแสดงความยินดีกับ คุณสุรชัย เพ็งผ่อง จากการคว้าแชมป์ ในรุ่น ISUZU ONE MAKE RACE 3.0 UNLIMIT และ คุณปกรณ์ ธรรมโชติ ที่คว้าแชมป์ในรุ่น ISUZU ONE MAKE RACE 3.0 PRODUCTION GROUP “N” รับถ้วยประทานจากพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ และเงินรางวัลมูลค่า 100,000 บาท จากการแข่งขัน ISUZU ONE MAKE RACE 2024 ด้วย”

ร่วมพิสูจน์ความมันส์และความแรงสะใจในรายการ “ISUZU ONE MAKE RACE 2025” เพื่อชิงรางวัลถ้วยประทานจากพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ พร้อมเงินรางวัลรวมมูลค่า 200,000 บาท เริ่มการแข่งขันสนามแรกในวันที่ 28 – 30 มีนาคม 2568 ณ สนามพีระ อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดชลบุรี และจะทำการแข่งขันแบบออนทัวร์เพื่อเก็บคะแนนในแต่ละสนาม และจัดลำดับผู้เข้าแข่งขันในการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศอีกครั้งหนึ่ง เพื่อค้นหาที่สุดเจ้าแห่งความเร็วในการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบแห่งปี 2025

สำหรับกำหนดการแข่งขันทั้ง 6 สนาม ดังนี้
สนามที่ 1 วันที่ 28 – 30 มีนาคม 2568 สนามพีระ อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดชลบุรี
สนามที่ 2 วันที่ 2 – 4 พฤษภาคม 2568 สนามเฉพาะกิจ สนามกีฬาพระยาพิชัยดาบหัก อุตรดิตถ์
สนามที่ 3 วันที่ 20 – 22 มิถุนายน 2568 สนามพีระ อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดชลบุรี
สนามที่ 4 วันที่ 22 – 24 สิงหาคม 2568 สนามแก่งกระจานเซอร์กิต เพชรบุรี
สนามที่ 5 วันที่ 3 – 5 ตุลาคม 2568 สนามพีระ อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดชลบุรี
สนามที่ 6 วันที่ 12 – 14 ธันวาคม 2568 สนามพีระ อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดชลบุรี

รูปแบบการแข่งขัน ISUZU 3.0 PRODUCTION GROUP “N” 2025 รุ่นใหม่
การแข่งขันแบบ GROUP “N” ตามกติกาสากล บังคับให้ใช้เครื่องยนต์ที่เป็นมาตรฐานเดิมจากโรงงานผู้ผลิต แต่สามารถปรับเปลี่ยนช่วงล่าง เพิ่มเติมความสวยงาม เช่น ติดตั้งสปอยเลอร์หน้า เปลี่ยนฝากระโปรงแบบ VACUUM ซึ่งช่วยสร้างหลักอากาศพลศาสตร์ได้เป็นอย่างดี ในส่วนของการเสริมประสิทธิภาพของระบบช่วงล่างและเบรก เปลี่ยนเบรกทั้งคันเป็นแบบ DISC BRAKE 4 ล้อ ล้อหน้าเป็นคาลิปเปอร์แบบ 8 POT เปลี่ยนข8นาดล้อและยาง โช้คอัพ สปริงหน้าและแหนบ เพื่อให้เหมาะกับการแข่งขัน ทั้งหมดนี้เป็นการเน้นให้เห็นถึงสมรรถนะเครื่องยนต์ที่ให้ความแรงมาตรฐานโรงงาน ปรับแต่งเพียงแค่ช่วงล่างและเบรก แต่ส่งผลให้รถแข่งมีสมรรถนะสูง ความเร็วต่อรอบเทียบเท่ารถแข่งที่มีแรงม้าสูง

รูปแบบการแข่งขัน “ISUZU ONE MAKE RACE 2025”
การแข่งขันรถยนต์ทางเรียบ “ISUZU ONE MAKE RACE 2025” แต่ละสนามจะแบ่งการแข่งขันออกเป็น 3 ขั้นตอน ดังนี้ การควอลิฟายด์, การแข่งขัน RACE 1 และการแข่งขัน RACE 2

การควอลิฟายด์
จะมีขึ้นในวันเสาร์เช้า เป็นการจับเวลาแบบ HOT LAP โดย แข่งขันแยกเป็น 2 รุ่น 2 เรซ คือ ISUZU ONE MAKE RACE 3.0 PRODUCTION GROUP "N" และ ISUZU ONE MAKE RACE 3.0 SUPER FULL RACE การจับเวลาและแบ่งกลุ่มจะทำให้นักแข่งสามารถแข่งขันในรุ่นของตนเองได้เต็มที่ ทำให้การแข่งขันเข้มข้นเร้าใจในทุกช่วงเวลา

การแข่งขัน RACE 1
จะมีขึ้นในวันเสาร์ช่วงบ่าย ลำดับ START ตามผลการจัดลำดับเวลา และผลการแข่งขันใน RACE 1 จะเป็นการจัดอันดับออก START ใน RACE 2 ของวันอาทิตย์ จะมีคะแนนเก็บให้ตามลำดับที่เข้าแข่งขัน

การแข่งขัน RACE 2
จะมีขึ้นในวันอาทิตย์ ลำดับ START จะเป็นแบบ Reverse Grid ผลการแข่งขันยังคงรับถ้วยตามกลุ่มการควอลิฟายด์ RACE 2 นี้จะเป็นการตัดสินในการรับถ้วยรางวัล พร้อมเงินรางวัล (เงินรางวัลรับตามอันดับ OVERALL)

มายเหตุ
- รถแข่งทุกคัน จะต้องจอดรวมอยู่ในสถานที่ที่จัดไว้ให้เท่านั้น
- หลังจบการแข่งขันทุกครั้ง รถที่มีตำแหน่งจะถูกตรวจสภาพ
- กรณีที่ซีลและมาร์คเครื่องหมายต่าง ๆ หลุดลอก จะต้องทำการตรวจสภาพใหม่ทั้งหมด

Finno Efra Accelerator Demo Day Batch 1 เตรียมบินลัดฟ้า ร่วมงานเทคใหญ่ 3 ประเทศ

(15 มี.ค. 68) ‘Krungsri Finnovate’ จับมือ ‘คุณภาวุธ พงษ์วิทยภานุ’ ประธานกรรมการและผู้ก่อตั้ง บริษัท อีฟราสทรัคเจอร์ จำกัด จัดงาน ‘Finno Efra Accelerator Demo Day Batch 1’ เพื่อเป็นสะพานพาสตาร์ทอัพไทยให้เติบโต ปั้นระบบนิเวศของผู้ประกอบการรุ่นใหม่ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการพาเศรษฐกิจไทยให้เติบโตยิ่งขึ้นอย่างมั่นคงและยั่งยืน ณ Grand Hall ชั้น 3, WEST Building True Digital Park พร้อมเหล่า Startup, Investor, Regulator และ Corporate มาร่วมงาน

สำหรับโปรแกรม ‘Finno Efra Accelerator Batch 1’ เป็นโรงเรียนสอน Startup ส่งเสริมความเป็นผู้นำ ช่วยติดสปีดให้ธุรกิจโตเร็วอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมี Startup เข้าร่วมสมัครจำนวนมากถึง 200 ทีม หลังจากผ่านการคัดเลือก ได้เหลือเพียง 12 ทีม เพื่อเข้า Bootcamp อย่างเข้มข้นกับเมนเทอร์แถวหน้าของไทยและต่างประเทศ จนก้าวสู่เวที Pitching ใหญ่อย่างงาน ‘Demo Day’

"คุณปาลิดา อธิศพงศ์" ACTING MANAGING DIRECTOR AND HEAD OF PORTFOLIO GROWTH เผยว่า "ขอขอบคุณผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ที่เป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนสตาร์ทอัพไทยให้เติบโตมีคุณภาพ ช่วยติดสปีดให้ธุรกิจช่วง Seed ถึง Pre-series A ผ่านเครื่องมือและการถ่ายทอดประสบการณ์ในการทำธุรกิจให้แก่สตาร์ทอัพ เพื่อเอาชนะอุปสรรคที่ท้าทาย เพิ่มโอกาสผลักดันสู่การเป็นยูนิคอร์น ซึ่งเชื่อมั่นว่าครั้งนี้จะช่วยสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจไทย แม้ครั้งนี้จะเป็น Batch 1 แต่ก็ได้รับผลตอบรับที่ดี เชื่อว่า Batch หน้าจะเข้มข้นกว่า ใครที่พลาดไปไม่ต้องเสียใจ เจอกันใหม่ใน Batch หน้านะคะ"

‘จีน’ ครองแชมป์!! จุดหมายอันดับหนึ่ง สำหรับการลงทุน จากต่างประเทศ เผย!! นโยบายสนับสนุน เปิดรับเงินทุนต่างชาติ ดูแลให้เข้าถึงปัจจัยการผลิต

(15 มี.ค. 68) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เหมาหนิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีน เปิดเผยเมื่อวันพฤหัสบดี (13 มี.ค.) ว่า จีนยังคงเป็นจุดหมายอันดับหนึ่งสำหรับการลงทุนจากต่างประเทศ และจีนยินดีต้อนรับบริษัทต่างชาติให้เข้ามาลงทุนในประเทศ

เหมาระบุว่า จำนวนบริษัทที่ได้รับทุนจากต่างประเทศในจีนเพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 1.24 ล้านแห่ง ณ สิ้นปี 2567 โดยมูลค่าการลงทุนจากต่างประเทศที่นำไปใช้จริงอยู่ที่ 20.6 ล้านล้านหยวน

เฉพาะปี 2567 มีบริษัทที่ได้รับทุนจากต่างประเทศราว 60,000 แห่งก่อตั้งในจีน เพิ่มขึ้น 9.9% เมื่อเทียบปีต่อปี และอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ในจีนยังคงระดับอยู่ที่ราว 9% ตลอดช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งอยู่ในอันดับต้นๆ ของโลก

เหมาเผยว่า รายงานการปฏิบัติงานของรัฐบาลจีนประจำปี 2568 ชี้ว่า จีนจะสนับสนุนให้กลุ่มนักลงทุนต่างชาติลงทุนซ้ำในประเทศเพิ่มขึ้น และจะรับประกันการปฏิบัติต่อบริษัทที่ได้รับทุนจากต่างประเทศอย่างเท่าเทียมในหลายด้าน อาทิ การเข้าถึงปัจจัยการผลิต การยื่นขอใบอนุญาต การกำหนดมาตรฐาน และการจัดซื้อจัดจ้างของรัฐบาล

ทั้งนี้ เหมาทิ้งท้ายว่าไม่ว่าสภาพแวดล้อมภายนอกจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร จีนปฏิบัติตามความมุ่งมั่นในการเปิดกว้างระดับสูงอยู่เสมอ และยินดีต้อนรับบริษัทต่างชาติให้เข้ามาลงทุนและขยายการดำเนินงานในจีนเพื่อแบ่งปันผลประโยชน์และบรรลุการพัฒนาร่วมกัน

‘เคทีซี’ ชวนสัมผัสประสบการณ์!! อิ่ม คุ้ม ครบ จบทริปเดียว ที่เขาใหญ่ เดินทางสะดวก พักสบาย กินอร่อย ใช้งบน้อย ด้วยสิทธิประโยชน์สุดคุ้ม

(15 มี.ค. 68) เคทีซีจับมือพันธมิตรชั้นนำในหมวดกิน ดื่ม พัก เที่ยว ชวนสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซีสายเที่ยวใกล้ในประเทศ เปิดประสบการณ์เดินทางสะดวก พักสบาย กินอร่อย ใช้งบน้อย ที่เขาใหญ่ ด้วยสิทธิประโยชน์สุดคุ้มจาก 4 พันธมิตรชั้นนำ ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านการตลาดบัตรเครดิตที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ จับมือทีมอินฟลูเอนเซอร์นำร่องสัมผัสประสบการณ์จริงในทริป 2 วัน 1 คืน “KTC Journey, Full of Fun and Flavor in Khao Yai”

สมาชิกบัตรเครดิตเคทีซีสามารถรับสิทธิพิเศษเมื่อเดินทางไปที่เขาใหญ่ และจังหวัดใกล้เคียงจากพันธมิตรร้านค้าต่างๆ ดังนี้

โชคชัย สเต็ค เฮ้าส์ : แลกคะแนนรับเครดิตเงินคืน 10% เมื่อใช้คะแนน KTC FOREVER               เท่ายอดใช้จ่ายผ่านบัตรฯ/เซลส์สลิป (ลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิ์ทุกครั้งที่มียอดใช้จ่ายภายในวันเดียวกัน) ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2567 - 31 มีนาคม 2568

เดอะ เภรี โฮเต็ล เขาใหญ่ : รับส่วนลด 10% สำหรับห้องพักจากราคาปกติ เมื่อจองตรงกับโรงแรม หรือแลกรับเครดิตเงินคืน 13% หรือใช้คะแนน KTC FOREVER จำนวนเท่าใดก็ได้ สูงสุดไม่เกินยอดใช้จ่าย ต่อเซลส์สลิป ตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม 2568 - 20 ธันวาคม 2568 

ร้านอาหาร ชาวบ้าน : ส่วนลด 10% ค่าอาหารและเครื่องดื่ม (ไม่รวมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์) หรือแลกรับเครดิตเงินคืน 13% เมื่อใช้คะแนน KTC FOREVER จำนวนเท่าใดก็ได้ สูงสุดไม่เกินยอดใช้จ่ายต่อเซลส์สลิป ตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม 2568 - 20 ธันวาคม 2568

เดอะ ช็อคโกแลต แฟคทอรี่ (สาขาเขาใหญ่) : แลกคะแนนรับเครดิตเงินคืน 10% เมื่อใช้คะแนน KTC FOREVER เท่ายอดใช้จ่ายผ่านบัตรฯ ต่อเซลส์สลิป (ลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิ์ทุกครั้งที่มียอด            ใช้จ่ายภายในวันเดียวกัน) ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 - 31 กรกฎาคม 2568  

โดยล่าสุดเคทีซีจับมืออินฟลูเอนเซอร์สายไลฟ์สไตล์ ร่วมทริป “KTC Journey, Full of Fun and Flavor in Khao Yai” เติมเต็มทุกโมเมนต์ด้วยสิทธิพิเศษจากพันธมิตรร้านค้าและโรงแรมชั้นนำ เริ่มต้นด้วยการเช็คอินที่ร้านในตำนาน “โชคชัย สเต็ค เฮ้าส์” ร้านสเต็กพรีเมียมสำหรับคนรักเนื้อ พร้อมเมนูที่รังสรรค์ด้วยวัตถุดิบคุณภาพ ร่วมสัมผัสวิถีธรรมชาติที่ “ฟาร์มโชคชัย” สนุกกับการนั่งรถรางชมวิว ชื่นชมชีวิตชนบท และสำรวจฟาร์มในบรรยากาศที่ใกล้ชิดธรรมชาติ พักผ่อนในความสงบที่ “เดอะ เภรี โฮเต็ล   เขาใหญ่” โรงแรมสไตล์โมเดิร์นที่ล้อมรอบด้วยทิวทัศน์เขียวขจี พร้อมบริการสุดประทับใจและห้องพักแสนสบาย ร่วมดินเนอร์สุดโรแมนติกที่ “ร้านอาหารชาวบ้าน” เพลิดเพลินกับอาหารไทย-อีสานฟิวชั่น เมนูสุดสร้างสรรค์และมุมถ่ายรูปเก๋ๆ ปิดท้ายด้วยความหวานที่ “เดอะ ช็อคโกแลต แฟคทอรี่” ดื่มด่ำกับรสชาติอาหารสไตล์ยุโรปและไทยในตำนาน โดดเด่นด้วยรสชาติระดับเชฟมืออาชีพพร้อมวัตถุดิบคุณภาพพรีเมียม ซึ่งกิจกรรมในครั้งนี้ยังตอกย้ำความคุ้มค่ากับแคมเปญ “KTC มื้อนี้มีโปร” “คะแนนน้อยเที่ยวได้” และ  “คุ้มทุกครั้งเมื่อจองตรงกับโรงแรม” ให้ทุกการใช้จ่ายทั้งสนุกและคุ้มค่าในเวลาเดียวกัน

ผู้สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.ktc.co.th หรือสอบถามที่ KTC PHONE 02 123 5000 สมัครบัตรเครดิตเคทีซีทุกประเภท คลิก https://ktc.today/apply-card หรือศูนย์บริการสมาชิก “เคทีซี ทัช” ทุกสาขาทั่วประเทศ  ทั้งนี้ ผู้ถือบัตรเครดิตควรใช้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนเต็มจำนวนตามกำหนด จะได้ไม่เสียดอกเบี้ย 16% ต่อปี 

‘ประธานาธิบดีไต้หวัน’ เตือน!! ให้ระวัง ความพยายามแทรกซึมจาก ‘จีน’

(15 มี.ค. 68) ประธานาธิบดีไล่ ชิง-เต๋อ ออกมาเตือนในวันพฤหัสบดีว่า จีนได้ยกระดับการใช้อิทธิพลในการแทรกซึมไต้หวันแล้ว และประกาศการเตรียมพร้อมมาตรการตอบโต้ ‘การครอบงำ’ เกาะที่ปกครองตนเองในระบอบประชาธิปไตยแห่งนี้ของกรุงปักกิ่งด้วย 

ไต้หวันได้กล่าวหาว่า จีนทำการซ้อมรบทางทหารเพิ่มขึ้น และดำเนินมาตรการลงโทษทางการค้ามาขึ้น รวมทั้งเดินหน้าโครงการสร้างอิทธิพลต่อไต้หวันอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เพื่อบีบให้ยอมรับคำกล่าวอ้างอธิปไตยของกรุงปักกิ่งเหนือเกาะแห่งนี้

ปธน.ไล่ บอกผู้สื่อข่าวหลังประชุมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงว่า กรุงปักกิงได้ใช้ประชาธิปไตยของไต้หวันในการ “ครอบงำ” สมาชิกมากมายในสังคมที่มีทั้ง องค์กรอาชญากรรม ผู้มีชื่อเสียงในวงการสื่อและเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารทั้งที่ยังประจำการอยู่และปลดประจำการไปแล้ว

ไล่ระบุระหว่างการแถลงข่าวทางโทรทัศน์ด้วยว่า “(จีน)กำลังดำเนินการต่าง ๆ เช่น สร้างความแตกแยก ทำลายล้าง และการล้มล้างจากภายในเรา(ไต้หวัน)อยู่”

ต่อมาเมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับคำพูดของไล่ ที่การแถลงข่าวของกระทรวงการต่างประเทศจีน เหมา หนิง โฆษกกระทรวงฯ กล่าวว่า ไม่ว่ารัฐบาลปธน.ไล่พูดอย่างไร “นั่นจะไม่เปลี่ยนแปลงความจริงว่า ไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีน หรือเปลี่ยนอนาคตของการรวมชาติเข้ากับมาตุภูมิที่จะเกิดขึ้นได้เลย”

ทั้งนี้ ไล่ ชิง-เต๋อ อ้างข้อมูลของรัฐบาลไทเป ในการระบุว่า มีผู้ถูกดำเนินคดีในข้อหาทำการจารกรรมในนามของจีน 64 คนในปีที่แล้ว ซึ่งเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นจากสถิตในปี 2021 ถึง 3 เท่า และกล่าวด้วยว่า ผู้ต้องหาส่วนใหญ่นั้นเป็นเจ้าหน้าที่ทหารทั้งที่ยังประจำการอยู่และอดีตทหาร

ไล่กล่าวว่า ปฏิบัติการต่าง ๆ เหล่านี้ของจีนถือว่าเป็นการใช้ ‘กองกำลังปฏิปักษ์ต่างชาติ’ ตามนิยามของกฎหมายต่อต้านการแทรกซึม (Anti-Infiltration Act) ของไต้หวัน

ในการนี้ ปธน.ไต้หวันได้เสนอมาตรการตอบโต้ทั้งทางเศรษฐกิจและทางกฎหมายจำนวน 17 มาตรการ ซึ่งรวมถึง การทบทวนคำขอเดินทางเข้าหรือสิทธิพำนักอาศัยในไต้หวันของพลเมืองจีนด้วย

ไล่กล่าวว่า รัฐบาลไทเปจะ “ทำการปรับเปลี่ยนตามความจำเป็น” เพื่อจัดการกับการเงิน ผู้คนและเทคโนโลยีที่ไหลเข้ามาจากจีน โดยไม่ได้อธิบายรายละเอียดของแผนงานนี้

นอกจากนั้น รัฐบาลจะออก “หนังสือเตือน” ให้กับนักแสดงและนักร้องไต้หวันที่รับงานแสดงที่จีน เกี่ยวกับ “คำพูดและการกระทำ” ของแต่ละคน ซึ่งเป็นการโต้ตอบสิ่งที่ไทเปมองว่าเป็น แผนงานต่อเนื่องของกรุงปักกิ่งในการกดดันผู้มีชื่อเสียงในวงการบันเทิงให้ออกมาให้ความเห็นในเชิงสนับสนุนจีน

เมื่อต้นสัปดาห์นี้ สำนักงานกิจการไต้หวันของรัฐบาลจีนกล่าวว่า “เป็นเรื่องธรรมชาติมาก” ที่ชาวไต้หวัน ซึ่งรวมถึงศิลปินทั้งหลาย จะแสดงการยอมรับจีน ในช่วงที่ประชาชนในไต้หวันออกมาร้องเรียนกรณีที่ผู้มีชื่อเสียงของไต้หวันหลายคนโพสต์ข้อความทางสื่อสังคมออนไลน์และเรียกเกาะแห่งนี้ว่าเป็น ‘มณฑลหนึ่งของจีน’

‘ดร.เสรี’ วิจารณ์ฟาด!! การแต่งกายของ ‘แพทองธาร’ มอง!! แต่งตามสมัยนิยม ไม่เหมาะสมกับรูปร่างตัวเอง

(15 มี.ค. 68) ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านการตลาดและการสื่อสาร ได้โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กวิจารณ์การแต่งกายของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยระบุว่า รสนิยมและสมัยนิยมเป็นคนละเรื่องกัน การเลือกแต่งตัวตามแฟชั่นหรือสมัยนิยมโดยไม่พิจารณาว่ารูปร่างของตัวเองเหมาะสมกับเสื้อผ้าที่เลือกใส่หรือไม่ อาจทำให้ดูขาดรสนิยม

ดร.เสรีกล่าวว่า “การซื้อเสื้อผ้าแพงๆ หรือเครื่องประดับหรูหรามากมายไม่ได้หมายความว่าจะได้รสนิยม หากไม่ได้พัฒนาทักษะในการพิจารณาสุนทรียศาสตร์อย่างแท้จริง” และยังแสดงความคิดเห็นต่อความเสี่ยงที่เศรษฐีบางคนอาจกลายเป็นคนที่ดูแย่เพียงเพราะเสื้อผ้าไม่เหมาะสมกับรูปร่างของตัวเอง

ดร.เสรียังชี้ให้เห็นว่า ในงานราชพิธีและกิจการทางการทูตที่มีธรรมเนียมปฏิบัติ (protocol) ควรให้ความเคารพในรูปแบบการแต่งตัว เพื่อไม่ให้ตัวเองกลายเป็นตัวตลกในสายตาชาวโลก “ถ้าคิดอยู่ในตำแหน่งต่อไป ฟังคำเตือนจากคนอื่นบ้าง” 

“อย่ามัวแต่คิดว่าคนที่วิจารณ์เป็นพวกอคติหรือ negativity เพราะเขากำลังเตือนให้คุณพัฒนารสนิยมให้ดีขึ้น” ดร.เสรีกล่าวทิ้งท้าย โดยเชื่อว่า ประเทศไทยสมควรได้รับสิ่งที่ดีกว่า และการพัฒนารสนิยมจะช่วยให้ประเทศดูดีขึ้นในสายตาชาวโลก

‘เอกนัฏ’ ฟันไม่เว้น!! แก๊งลอบทิ้ง กากอุตสาหกรรม เช็คบิล!! ต้นทางยันปลายทาง โดนคดีอ่วมยกแก๊ง

(15 มี.ค. 68) ‘เอกนัฏ’ สั่งขยายผลขบวนการลอบทิ้งกากอุตสาหกรรมในไร่มันฯ พบขนไปส่ง บ.กำจัดของเสีย แต่ก็จัดการไม่ถูกต้อง-ดำเนินคดีทันที พร้อมสั่งดำเนินคดี 3 บริษัทต้นทางและต้องนำกากอุตฯในไร่มันฯ ไปกำจัดให้ถูกต้อง แย้มหากพบมีการนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จจะโดนข้อหาหนักพ่วงท้าย ‘ขนส่ง-เจ้าของที่ โดนข้อหาหนักด้วย

นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรม ยังคงเดินหน้ากวาดล้างขบวนการลักลอบทิ้งกากของเสียอุตสาหกรรมอย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง โดยล่าสุดได้มอบหมายให้ชุดตรวจการณ์สุดซอย กระทรวงอุตสาหกรรม นำโดย น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าคณะทำงานรมว.อุตสาหกรรม, น.ส.นวพร สงวนหมู่ ผอ.กองบริหารจัดการกากอุตสาหกรรม, นายบวรวิทย์ อัครจันทโชติ ผอ.กองตรวจราชการ สำนักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม, สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดชลบุรี และเจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม ติดตามขยายผลจาก บริษัท ฮิ้ว ทรานสปอร์ต จำกัด ที่เป็นผู้รับจ้างขนย้ายกากอุตสาหกรรมจากบริษัทผู้ก่อกำเนิดของเสีย (Waste Generator) คือ บริษัท ซันโทรี่ เบเวอเรจ แอนด์ ฟู้ด เทรดดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง 2 อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ไปทิ้งตามไร่มันสำปะหลังในพื้นที่ ต.หนองไผ่แก้ว อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี หลายจุด ซึ่งถูกจับกุมดำเนินคดีก่อนหน้านี้ จนสืบทราบไปถึงบริษัทและโรงงานผู้รับกำจัดของเสียอีก 2 แห่ง คือ 1) โรงงานบริษัท เวสต์ แอ็บโซลูท จำกัด ในพื้นที่ ต.วัดสุวรรณ อ.บ่อทอง จ.ชลบุรี ประกอบกิจการฝังกลบสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้วที่ไม่เป็นของเสียอันตราย และ 2) โรงงานบริษัท เวสท์ โอเว่น เซอร์วิส จำกัด ในพื้นที่ ต.มาบข่า อ.นิคมพัฒนา จ.ระยอง ประกอบกิจการนำกากตะกอนจากระบบบำบัดน้ำเสียที่ไม่เป็นอันตราย และอินทรีย์วัตถุที่ไม่ใช้แล้วจากโรงงานมาทำเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่น ปุ๋ยอินทรีย์ สารปรับปรุงดิน

“ทั้ง 2 บริษัทเป็นปลายทางรับของเสียจาก บริษัท ซันโทรี่ เบเวอร์เรจ แอนด์ ฟู้ด (ประเทศไทย) จำกัด ที่เป็นต้นทางของกากของเสียและถูกคำสั่งให้ปรับปรุงแก้ไขตามมาตรา 37 จากการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย รวมทั้งถูกตรวจสอบเพื่อนำไปสู่การดำเนินคดี ซึ่งทั้ง 2 บริษัทจะจดทะเบียนทำธุรกิจกำจัดและบำบัดของเสียอุตสาหกรรม แต่จากการตรวจสอบพบว่า หากมีการดำเนินการที่ขัดต่อระเบียบและกฎหมายต้องแก้ไขปรับปรุงและดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด” นายเอกนัฏ ระบุ

น.ส.ฐิติภัสร์ กล่าวเสริมว่า จากการขยายผลและเข้าไปตรวจสอบพบว่า 1) บริษัท เวสต์ แอ็บโซลูท จำกัด ได้รับกากตะกอนจากระบบบำบัดน้ำเสียจาก บริษัท ซันโทรี่ฯ เข้ามาฝังกลบ ตั้งแต่วันที่ 22 ก.พ.-4 มี.ค.68 จำนวน 10 เที่ยว น้ำหนักกว่า 92 ตัน ขณะที่ 2) บริษัท เวสท์ โอเว่น เซอร์วิส จำกัด ได้รับกากตะกอนจากระบบบำบัดน้ำเสียจาก บริษัท ซันโทรี่ฯ เข้ามาทำสารปรับปรุงดิน ตั้งแต่วันที่ 15-21 ก.พ.68 จำนวน 19 เที่ยว น้ำหนักกว่า 152 ตัน ทั้งนี้ หากตรวจสอบข้อมูลและเอกสารที่เกี่ยวข้องทั้งหมดแล้ว พบว่า ทั้ง 2 บริษัทดำเนินการไม่ถูกต้องตามกฎหมายไม่ว่าจะเป็นกฎหมายโรงงานหรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง โดยรับของเสียเข้ามาจัดการโดยของเสียยังไม่ได้รับอนุญาตให้นำออกนอกโรงงานของผู้ก่อกำเนิด จะมีความผิดและฝ่าฝืนประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การจัดการสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว พ.ศ.2566 ซึ่งจะตรวจสอบต่อไปด้วยว่า มีการแจ้งข้อมูลเป็นเท็จหรือไม่ ซึ่งหากมีการนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จ ก็จะถูกดำเนินคดีเพิ่มเติมอีกด้วย

น.ส.ฐิติภัสร์ กล่าวต่อว่า ส่วน บริษัท ซันโทรี่ เบเวอร์เรจ แอนด์ ฟู้ด (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นโรงงานผู้ก่อกำเนิดของเสีย (Waste Generator) จะถูกดำเนินคดีในข้อหานำกากอุตสาหกรรมออกจากพื้นที่โดยไม่ได้รับอนุญาต และหากพบว่ามีการนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จในระบบจะถูกดำเนินคดีเพิ่มเติม โดยกระทรวงอุตสาหกรรม ได้สั่งให้ บริษัท ซันโทรี่ฯ ต้องนำกากอุตสาหกรรมที่ขนไปทิ้งในไร่มันสำปะหลังก่อนหน้านี้ไปกำจัดให้ถูกต้องต่อไปด้วย เช่นเดียวกับ บริษัท ฮิ้ว ทรานสปอร์ต จำกัด จ.ชลบุรี ที่เป็นผู้รับจ้างขนส่ง จะถูกดำเนินคดีใช้รถผิดจากที่ได้รับอนุญาต ส่วนความคืบหน้าจุดที่มีการลักลอบทิ้งอีก 1 จุด ที่ ต.หนองอิรุณ อ.บ้านบึง. จ.ชลบุรี ซึ่งปรากฎเป็นภาพข่าวที่พบรถของบริษัท ฮิ้วฯ นำของเสียไปปล่อยทิ้ง นั้น ผลตรวจสอบดินและน้ำเสียในพื้นที่พบค่าโลหะหนักที่เข้าข่ายเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 บริษัท ฮิ้วฯ อาจจะถูกดำเนินคดีร่วมเป็นตัวการในการครอบครองวัตถุอันตรายดังกล่าวโดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นเหตุให้ถูกเพิกถอนใบอนุญาตและดำเนินคดีในทุกข้อหาการกระทำผิด ส่วนเจ้าของที่ดิน ต.หนองอิรุณ ทางสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดชลบุรีแจ้งความดำเนินคดีข้อหาครอบครองวัตถุอันตรายแล้ว

“ทั้งนี้ กระทรวงอุตสาหกรรม ได้ให้ความสำคัญในการลักลอบทิ้งกากอุตสาหกรรม เร่งตรวจสอบและขยายผลขบวนการที่เกี่ยวข้องกระจายไปทั่วประเทศจนจบและนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนเกี่ยวกับมาตรการควบคุมจัดการกากอุตสาหกรรมอย่างเข้มงวด โดยกระทรวงอุตสาหกรรมยืนยันจะดำเนินการเชิงรุกอย่างจริงจังต่อไป เพื่อป้องกันการลักลอบนำกากอุตสาหกรรมไปทิ้ง และจัดการไม่ถูกต้อง ลดปัญหาการปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อม และสร้างคุณภาพสิ่งแวดล้อมที่ดีให้ประชาชนในทุกพื้นที่ หากประชาชนพบเห็นปัญหาหรือเหตุต้องสงสัยเกี่ยวกับการประกอบการอุตสาหกรรมที่ไม่ถูกต้องหรือสินค้าที่ไม่ผ่านมาตรฐาน มอก. สามารถแจ้งเรื่องร้องเรียนผ่าน ‘แจ้งอุต’ https://landing.traffy.in.th?key=wTmGfkav หรือไลน์ไอดี “traffyfondue” เพื่อกระทรวงฯ จะเร่งส่งทีมสุดซอยลงพื้นที่จัดการกับปัญหาให้ประชาชนในทันที” น.ส.ฐิติภัสร์ กล่าวทิ้งท้าย

รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ประกาศมาตรการจำกัดวีซ่าต่อเจ้าหน้าที่รัฐบาลไทย

(15 มี.ค. 68) มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ประกาศมาตรการจำกัดวีซ่าต่อเจ้าหน้าที่รัฐบาลไทย จากกรณีการส่งตัวชาวอุยกูร์ที่หลบหนีเข้าเมือง 40 คนกลับจีน ซึ่งทางสหรัฐฯ อ้างว่าพวกเขาเสี่ยงที่จะเผชิญบทลงโทษรุนแรง

ถ้อยแถลงของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่า สหรัฐฯ มีความมุ่งมั่นที่จะต่อสู้กับความพยายามของจีนที่จะกดดันรัฐบาลชาติต่างๆ ให้ส่งตัวชาวอุยกูร์และคนกลุ่มอื่นๆ กลับไปยังจีน "ที่ซึ่งพวกเขาตกเป็นเหยื่อการทรมานและการบังคับสูญหาย"

ความเคลื่อนไหวครั้งนี้แสดงเจตนารมณ์ของสหรัฐฯ ที่ต้องการโน้มน้าวไทยและประเทศอื่นๆ ให้งดเว้นการเนรเทศในลักษณะเช่นนี้

ทั้งนี้ ประกาศของ รูบิโอ ก็ไม่ได้มีการระบุรายชื่อเจ้าหน้าที่ไทยที่ถูกสหรัฐฯ คว่ำบาตร

การส่งตัวชาวอุยกูร์ 40 ชีวิตซึ่งอาศัยอยู่ในสถานกักตัวคนต่างด้าวของไทยมานานกว่า 10 ปีมีขึ้น ทั้งๆ ที่ผู้เชี่ยวชาญด้านสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติได้ย้ำเตือนไทยหลายครั้งว่า คนเหล่านี้เสี่ยงตกเป็น้หยื่อการทรมาน การปฏิบัติอย่างโหดร้ายทารุณ และอาจได้รับอันตรายชนิดแก้ไขกลับคืนไม่ได้หากถูกส่งกลับไปยังแดนมังกร

รอยเตอร์รายงานเมื่อช่วงต้นเดือนนี้ว่า แคนาดาและสหรัฐฯ เคยยื่นข้อเสนอรับชาวอุยกูร์ 48 คนจากไทย ทว่าไทยไม่ดำเนินการใดๆ เนื่องจากเกรงว่าจะมีปัญหากับจีน

"ผมตัดสินใจใช้มาตรการนี้ทันทีด้วยการจำกัดการออกวีซ่าแก่เจ้าหน้าที่รัฐบาลไทยทั้งในอดีตและปัจจุบัน ฐานมีส่วนเกี่ยวข้องหรือรู้เห็นเป็นใจกับการส่งตัวชาวอุยกูร์ 40 คนจากประเทศไทย เมื่อวันที่ 27 ก.พ." 

รูบิโอ ระบุในคำแถลง

"เนื่องจากจีนมีการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ (genocide) และก่ออาชญากรรมต่อมวลมนุษยชาติต่อชาวอุยกูร์มานานแล้ว เราจึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลทั่วโลกอย่าได้บังคับส่งชาวอุยกูร์หรือคนกลุ่มอื่นๆ กลับไปยังจีน" 

คำแถลงระบุด้วยว่า มาตรการจำกัดวีซ่าของสหรัฐฯ อาจจะถูกขยายครอบคลุมถึงสมาชิกในครอบครัวของบุคคลที่ถูกคว่ำบาตรด้วย 

รัฐบาลไทยออกมาแถลงปกป้องการส่งกลับชาวอุยกูร์ โดยยืนยันว่าได้ทำตามกฎหมายและพันธกรณีด้านสิทธิมนุษยชนทุกประการ ขณะที่สถานทูตไทยประจำกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ยังไม่ออกมาให้ความเห็นต่อคำประกาศของ รูบิโอ

แม้สหรัฐฯ จะเคยใช้มาตรการคว่ำบาตรกับไทยมาแล้วในอดีต รวมถึงระดับความช่วยเหลือด้านการทหารหลังจากที่มีการรัฐประหารเกิดขึ้น และยังพุ่งเป้าเจาะจงไปยังบุคคลและบริษัทของไทยที่ละเมิดมาตรการคว่ำบาตรประเทศที่สาม ทว่าผู้เชี่ยวชาญด้านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้คนหนึ่งระบุว่า เขายังไม่เคยเห็นการคว่ำบาตรต่อเจ้าหน้าที่รัฐไทยเช่นนี้มาก่อน

เมอร์เรย์ ไฮเบิร์ต (Murray Hiebert) ผู้เชี่ยวชาญจากโครงการเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของศูนย์เพื่อยุทธศาสตร์และระหว่างประเทศศึกษา (CSIS) ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. กล่าวว่า เขาไม่เคยเห็นสหรัฐฯ ใช้มาตรการคว่ำบาตรต่อเจ้าหน้าที่รัฐบาลไทยในลักษณะเช่นนี้

ไฮเบิร์ต ยังชี้ว่า ไทยเป็นประเทศที่ค่อนข้างเซนซิทีฟกับการถูกวิพากษ์วิจารณ์ ทว่าคราวนี้ปฏิกิริยาต่างๆ อาจจะไม่มาก เนื่องจากไทยยังมีความเสี่ยงที่จะถูกประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ สั่งรีดภาษีสินค้านำเข้าในฐานะประเทศที่มีดุลการค้าเกินดุลกับสหรัฐฯ

"พวกเขาอาจเลือกที่จะสงบปากสงบคำไว้ก่อน" ไฮเบิร์ต ระบุ "พวกเขาถูกหมายหัวอยู่แล้วเนื่องจากเป็นชาติที่ได้ดุลการค้าสหรัฐฯ มากเป็นอันดับที่ 11 และยังไม่แน่ว่าไทยจะรอดพ้นจากคำสั่งรีดภาษีของ ทรัมป์ ในวันที่ 2 เม.ย. นี้หรือไม่"

นักวิเคราะห์หลายคนมองว่า ที่ผ่านมาวอชิงตันพยายามหลีกเลี่ยงไม่ใช้มาตรการคว่ำบาตรที่รุนแรงกับไทย เพราะเกรงว่าจะยิ่งทำให้ไทยที่เป็นพันธมิตรเก่าแก่หันไปใกล้ชิดกับจีนมากขึ้นอีก

ด้านกลุ่ม Campaign for Uighurs ซึ่งเป็นองค์กรช่วยเหลือชาวอุยกูร์ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ออกมาชื่นชมคำประกาศของ รูบิโอ และรัฐบาล ทรัมป์ โดยชี้ว่า "นี่เป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่า กลุ่มคนที่เอื้อให้พรรคคอมมิวนิสต์จีน (CCP) ทำการละเมิดสิทธิมนุษยชนจะต้องได้รับผลจากการก่ออาชญากรรมนั้น"

‘T-Online’ เผยผลสำรวจ!! ชาวเยอรมัน ไม่พอใจ ‘อีลอน มัสก์’ แบนไม่ซื้อ Tesla เหตุ!! แทรกแซงทางการเมือง แสดงความเคารพแบบ ‘นาซี’ ส่งเสริม ‘ฟาสซิส’

(15 มี.ค. 68) การสำรวจชาวเยอรมันบน T-Online กว่า 100,000 คน เผยว่า 94% จะไม่ซื้อรถ Tesla ซึ่งตอกย้ำปัญหายอดขายตกต่ำในยุโรปลงไปอีก

ในปี 2024 Tesla มียอดขายลดลง 41% ในเยอรมนีเมื่อเทียบกับปี 2023 แม้ว่ายอดขายรถยนต์ไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้น 27% ในปี 2024 ก็ตาม

นอกจากนี้ ยอดขายของ Tesla ลดลง 70% ในสองเดือนแรกของปี 2025 ซึ่งรุนแรงกว่ายอดขายที่ตกต่ำอยู่แล้วในปี 2024 เสียอีก

สำหรับสาเหตุที่ยอดขายลดลง นอกจากการแข่งขันในตลาด EV ที่ดุเดือดขึ้นและการปรับโฉม Model Y แล้ว ยังเป็นเพราะชาวเยอรมันที่ไม่พอใจกับการแทรกแซงทางการเมืองของ Elon Musk ซีอีโอของ Tesla ในการเลือกตั้งท้องถิ่น และการสนับสนุนพรรค AfD ฝ่ายขวาจัด

นอกจากนี้ ชื่อเสียงของ Musk ก็พังทลายในเยอรมนีหลังจากแสดงความเคารพแบบนๅซีหลายครั้งในพิธีเปิด และโพสต์ที่น่าสงสัยหลายครั้งที่ส่งเสริมอุดมการณ์ฟาสซิส

อย่างไรก็ตาม แม้แต่ทาง AfD ที่ Musk สนับสนุนก็ยังต่อต้าน Tesla อย่างแข็งขัน และออกโฆษณาที่เชิญชวนให้คนไม่ซื้อรถ Tesla

ทั้งนี้ ยอดขาย Model 3 ของ Tesla ก็กำลังร่วงลงในเยอรมนีเช่นกัน ซึ่งบ่งชี้ว่า Model Y ไม่ใช่ปัญหาเดียว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top