Monday, 12 May 2025
TheStatesTimes

กมธ.อุตสาหกรรม หนุน ‘เอกนัฏ’ เอาผิดทุนเทา - เร่งขจัดกากพิษ พร้อมเชื่อมั่นทิศทางขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไทยเดินมาถูกทาง

(4 มี.ค. 68) นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี เขต 4 และโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยถึงกรณีมหากาพย์วินโพรเสส ที่นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้ลงพื้นที่ไปดูการขนย้ายสารพิษอะลูมิเนียมดรอสว่า 

ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาที่กระทบต่อพี่น้องประชาชนเป็นจำนวนมาก และการที่นายเอกนัฏ ได้ลงพื้นที่ไปติดตามปัญหาดังกล่าวด้วยตนเองก็เป็นสิ่งที่ดีที่สะท้อนให้เห็นว่าผู้บริหารกระทรวงอุตสาหกรรม เอาจริงเอาจังและใส่ใจในความเป็นอยู่ของคนในพื้นที่ หลังจากหน่วยงานในท้องถิ่นไม่ได้สามารถดำเนินการจัดการปัญหาดังกล่าว เพราะติดขัดทั้งในเรื่องงบประมาณ บุคลากร และขั้นตอนต่าง ๆ

ทั้งนี้สิ่งที่ตนอยากขอให้นายเอกนัฏ ดำเนินการต่อ คือ ในเรื่องของมาตรการป้องกันและปราบปรามผู้กระทำผิดทั้งในส่วนของกากพิษและกลุ่มทุนเทาที่ลักลอบทำธุรกิจผิดกฎหมาย ซึ่งในส่วนของการปราบปราม นายเอกนัฏได้มีการตั้งทีมสุดซอยขึ้นมาดำเนินการตรวจเข้มโรงงานที่ทำผิดกฎหมายแล้ว จะเห็นได้จากข่าวที่มีการจับกุมโรงงานอุตสาหกรรมที่กระทำผิดอย่างต่อเนื่อง ส่วนในด้านมาตรการการป้องกัน ทราบว่าขณะนี้นายเอกนัฏ กำลังร่างพระราชบัญญัติจัดการกากอุตสาหกรรม ทั้งนี้ตนขอให้เร่งผ่านกฎหมายได้อย่างราบรื่นโดยเร็ว

“มั่นใจว่าทิศทางการทำงานของนายเอกนัฏ เดินมาถูกทางแล้ว จึงขอเป็นกำลังใจให้ และขอให้มุ่งมั่นเดินหน้าปราบปรามผู้กระทำผิดต่อไป โดยเฉพาะกลุ่มทุนเทาที่ลักลอบทำธุรกิจผิดกฎหมาย โดยเฉพาะในเรื่องกากพิษอุตสาหกรรม ที่ปัจจุบันจัดเป็นปัญหาใหญ่ที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตของพี่น้องคนไทยอย่างมาก และขอย้ำว่าที่ผ่านมานายเอกนัฏ มีผลงานที่ชัดเจน เป็นรูปธรรม ทำงานไว และการที่ลงมาจัดการปัญหา ลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ก็เป็นข้อดีที่ทำให้ปัญหาต่าง ๆ ถูกแก้ไขได้เป็นอย่างดี” นายอัครเดช กล่าว

ปตท. มอบน้ำแข็งแห้ง 350,000 กก. แก่กรมฝนหลวงและการบินเกษตร เพื่อหนุนปฏิบัติการบินลดฝุ่น PM 2.5 ด้วยการทำฝนหลวงทั่วประเทศ

เมื่อเร็ว ๆ นี้ - บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) (ปตท.) มอบน้ำแข็งแห้ง ให้แก่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จำนวน 350,000 กิโลกรัม สนับสนุนปฏิบัติการบินลดฝุ่นและทำฝนหลวงทั่วประเทศ ปี 2568 ณ ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคตะวันออก จังหวัดระยอง 

น้ำแข็งแห้งดังกล่าว เกิดจากการนำก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ได้จากกระบวนการแยกก๊าซธรรมชาติมาใช้ โดยมี นายสรไนย เลิศอักษร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่แยกก๊าซธรรมชาติ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) เป็นผู้มอบ และ นายราเชน ศิลปะรายะ รองอธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ด้านปฏิบัติการ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นผู้รับมอบ 

ทั้งนี้ ปตท. ได้สนับสนุนน้ำแข็งแห้งเพื่อทำฝนหลวงมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2541 จนถึงปัจจุบัน มากกว่า 14,275,000 กิโลกรัม เพื่อช่วยเพิ่มปริมาณน้ำในเขื่อน นำไปสู่การแก้ไขปัญหาภัยแล้งของภาคเกษตรกรรม การขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภคของประชาชน รวมถึงช่วยบรรเทาสถานการณ์ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชน สิ่งแวดล้อม และประเทศต่อไป

มติบอร์ดน้ำเมา ผ่อนเกณฑ์ให้ 5 พื้นที่ เปิดทางขายเหล้า – เบียร์ 5 วันพระใหญ่

(4 มี.ค. 68) คณะกรรมนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ฯ เปิดทางขายเหล้า-เบียร์ 5 วันสำคัญศาสนาในบางพื้นที่ มีผลก่อน 11 พ.ค. 68 ส่วนข้อเสนอเรื่องของการขยายระยะเวลา ยังไม่ได้มีการพิจารณา

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติว่า ที่ประชุมเห็นชอบให้คงการห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในวันสำคัญทางศาสนาสำคัญ 5 วัน ได้แก่ วันมาฆบูชา วันวิสาขบูชา วันอาสาฬหบูชา วันเข้าพรรษา และวันออกพรรษา แต่ผ่อนคลายให้ขายได้ในบางสถานที่ ได้แก่

การขายในอาคารที่ให้บริการแก่ผู้โดยสารภายในสนามบินที่ให้บริการเที่ยวบินระหว่างประเทศ การขายในสถานบริการตามกฎหมายว่าด้วยสถานบริการ การขายในสถานประกอบการที่เปิดให้บริการในลักษณะที่คล้ายกับสถานบริการที่ตั้งอยู่ในพื้นที่หรือเป็นแหล่งท่องเที่ยว ทั้งนี้ตามที่ รมว.สาธารณสุขประกาศกำหนด โดยคำแนะนำของ รมว.มหาดไทย
การขายในโรงแรมตามกฎหมายว่าด้วยโรงแรม การขายในสถานที่ซึ่งใช้จัดกิจกรรมพิเศษระดับชาติหรือนานาชาติ และมีคนจำนวนมากไปทำกิจกรรมร่วมกัน ตามรายชื่อสถานที่ที่ รมว.สาธารณสุขประกาศกำหนด โดยคำแนะนำของ รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา

โดยผู้ขายเครื่องดื่มแอกกอฮอล์ตามที่ได้รับการยกเว้นให้ขายได้ตามประกาศที่จะออกมานี้ต้องให้มีการคัดกรองและมาตรการที่จำเป็น เพื่อการรักษาความสงบเรียบร้อยของสังคม ความปลอดภัยของประชาชน และการจำกัดการเข้าถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ไม่เหมาะสมของเด็กและเยาวชนด้วย

โดยขั้นตอนของการประกาศมาตรการนี้จะมีการนำมติที่ประชุมฯ ไปรับฟังความคิดเห็นภายใน 15 วัน หลังจากนั้นจะส่งให้กระทรวงสาธารณสุขให้การรับรอง และส่งกลับมาให้นายกรัฐมนตรีลงนามก่อนประกาศในราชกิจจานุเบกษา โดยขั้นตอนทั้งหมดจะแล้วเสร็จก่อนวันที่วิสาขบูชาที่ตรงกับวันที่ 11 พ.ค.2568 อย่างแน่นอน

ประกาศที่จะออกมาผ่อนคลายการจำหน่ายเครื่องดื่มแอกกอฮอล์ในครั้งนี้จะทำให้ครอบคลุมสถานที่ท่องเที่ยว และส่งเสริมมาตรการท่องเที่ยวตามการที่รัฐบาลประกาศให้เป็นปีท่องเที่ยวในปี 2568 อย่างใน กทม.ก็จะมีพื้นที่ท่องเที่ยวที่มีชาวต่างชาติจำนวนมากไปท่องเที่ยวได้ประโยชน์ เช่น ทองหล่อ และพัฒพงษ์ มาตรการนี้ไม่เกี่ยวข้องกับช่วงเทศกาลสงกรานต์ เนื่องจากเป็นการแก้ไขในส่วนที่เป็นวันสำคัญทางศาสนา” นายประเสริฐ กล่าว

สำหรับข้อเสนอเรื่องของการขยายระยะเวลาในการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นั้น ที่ประชุมครั้งนี้ยังไม่ได้มีการพิจารณา เนื่องจากหากจะแก้ไขในส่วนดังกล่าวต้องมีการแก้ไข พ.ร.บ.เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่เป็นกฎหมายใหญ่ ซึ่งต้องหารือกันในขั้นตอนต่อจากนี้

‘เฉลิมพร’ ชี้ รัฐบาลบริหารงานแบบสะเปะสะปะไร้ทิศทาง ถามเปิดบ่อนคาสิโน หวังอะไร? นักพนันไทย หรือ นักท่องเที่ยวต่างชาติ

(4 มี.ค.68) นายเฉลิมพร ตันติกาญจนากุล ผู้ดำเนินรายการด้านเศรษฐกิจและการลงทุน ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก 'Chalermporn Tantikarnjanarkul' ว่า ผมไม่เข้าใจว่าผู้บริหารประเทศเข้าใจในเรื่องที่ทำแค่ไหน เพราะแต่ละเรื่องดูสับสนและนั่งเถียงกันผิดจุดไปหมด

อย่างเรื่องคาสิโน ถ้าจะมีมุมให้ทำคาสิโนในไทยอย่างสมเหตุสมผล คนไทยส่วนใหญ่น่าจะเห็นด้วย ไม่ต้องเสียเวลาเถียง คือเรื่องส่งเสริมการท่องเที่ยว เพื่อทลายกำแพง 40 ล้านคน ที่น่าจะเป็นกรอบบนของศักยภาพการท่องเที่ยวไทย ณ ตอนนี้ให้ได้ 

ซึ่งถ้ามีเอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กที่มีคุณภาพ เราอาจขยับเพดานนักท่องเที่ยวไปได้ถึง 50 ล้านคน สร้างเงินเข้าประเทศได้ไม่น้อย

ดังนั้น จึงไม่มีเหตุผลอะไรให้มาเถียงกันว่า คนไทยต้องมีเงินเท่าไร ต้องมีเงื่อนไขไหน คนไทยถึงเข้าไปเล่นได้ เพราะคนไทยไม่ใช่เป้าหมายเลย โดยส่วนตัวคิดว่าคนไทยไม่ต้องเข้าไปเล่นเลยน่าจะดีที่สุด พาสปอร์ตต่างชาติล้วน ๆ ถึงเข้าไปได้ หรือไม่ก็ตั้งเงื่อนไขว่ามีทรัพย์สิน 50 ล้านขึ้นไป ก็พอรับฟังได้ แต่พอท่านพยายามปรับเงื่อนไขให้คนไทยเข้าไปเล่นได้ง่ายขึ้น ก็แปลว่าท่านหวังพึ่งดีมานด์จากนักพนันไทยอยู่พอสมควร

สรุปแล้ว ท่านต้องการอะไรกันแน่? ทำไมทุกอย่างดูมั่วไปหมดแบบนี้?

ตำรวจไซเบอร์จับ ‘มินนี่’ เครือข่ายพนันออนไลน์รอบสอง หลังเคยถูกจับและเชื่อมโยงสะเทือนถึงนายตำรวจใหญ่

(4 มี.ค. 68) เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เปิดปฏิบัติการทลายเครือข่ายพนันออนไลน์ ‘มินนี่’ รอบสอง หลังจากที่เคยถูกจับแต่ไม่เข็ดหลาบ

เมื่อเช้าวันที่ 4 มีนาคม 2568 ตำรวจกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (สอท) หรือตำรวจไซเบอร์ นำกำลังตรวจค้น 9 จุด ทั้งในกรุงเทพมหานคร / จังหวัดเลย และ จังหวัดใกล้เคียง จับตัว น.ส.ธันยนันท์ สุจริตชินศรี หรือ มินนี่ ไว้ได้ และควบคุมผู้ต้องหาตามหมายจับในเครือข่ายพนันออนไลน์"มินนี่"กว่า 30 หมายจับ นำตัวไปดำเนินคดี

สำหรับ น.ส.ธันยนันท์ สุจริตชินศรี เคยตกเป็นข่าวดัง ถูกจับในคดีพนันออนไลน์ ฟอกเงิน เมื่อสองปีก่อน โดยคดีที่ถูกจับส่งผลกระเทือนถึงตำรวจใหญ่ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จนถูกให้ออกจากราชการไว้ก่อน เนื่องจากมีภาพสนิทสนมใกล้ชิดกัน และ มีเส้นเงินพัวพัน ขณะนี้ คดีอยู่ในขั้นอัยการ

คดีแรกยังไม่ทันตัดสินต้องมาถูกดำเนินคดีที่สองอีก โดยตำรวจไซเบอร์ สืบสวนพบว่าเครือข่ายพนันมินนี่ยังคงมีการลักลอบ ดำเนินการเปิดเว็บพนันออนไลน์อีก โดยไม่เกรงกลัวกฎหมายบ้านเมือง เพราะถือว่ามีคนในเครื่องแบบหนุนหลัง ครั้งนี้ เครือข่ายมินนี่มีการเพิ่มความระมัดระวังตัวในการดำเนินกิจการอย่างมาก

แต่ไม่พ้นสายตาของเจ้าหน้าที่ เมื่อตำรวจพบเบาะแส จึงได้สืบสวนแกะรอย พบพยานหลักฐานสามารถพิสูจน์ความผิด นำไปสู่การขอออกหมายค้นและออกหมายจับมินนี่กับพวก ดำเนินคดีเป็นคดีใหม่อีกคดี

ผบ.ทบ. ต้อนรับเอกอัครราชทูตรัสเซียประจำประเทศไทย เข้าหารือและร่วมมือในด้านทางทหาร พัฒนายุทโธปกรณ์

(4 มี.ค. 68) พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก ให้การต้อนรับ นายเยฟเกนี โตมีฮิน (Evgeny Tomikhin) เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำประเทศไทย ในโอกาสเข้าเยี่ยมคารวะเพื่อแนะนำตัว และได้เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์กองทัพบกเฉลิมพระเกียรติ ซึ่งเป็นสถานที่จัดแสดงประวัติความเป็นมา รวมถึงยุทโธปกรณ์ที่สำคัญของกองทัพบกไทย ก่อนเข้าหารือข้อราชการกับผู้บัญชาการทหารบก ณ ห้อง จปร. อาคารพิพิธภัณฑ์กองทัพบก

ผู้บัญชาการทหารบกได้กล่าวชื่นชมความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยกับรัสเซียที่มีมาอย่างยาวนาน 128 ปี ที่มีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นในทุกมิติ ทั้งด้านการเมือง ความมั่นคง สังคมและวัฒนธรรม รวมถึงความร่วมมืออย่างใกล้ชิดด้านเศรษฐกิจ 

และความร่วมมือทางทหารอันยาวนานระหว่างไทย-รัสเซียความตกลงระหว่างรัฐบาลไทยกับรัสเซียว่าด้วยความร่วมมือด้านการทหาร (Agreement Between the Government of The Kingdom of Thailand and The Government of The Russians Federation on Military Corporation) ตั้งแต่ พ.ศ. 2559 

โดยมีพัฒนาการอย่างต่อเนื่อง อันเป็นพื้นฐานสำคัญต่อการขยายขอบเขตกิจกรรมความร่วมมือระหว่างกันให้มีพลวัตมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ได้มีการหารือเรื่องความร่วมมือด้านการฝึกศึกษาที่กระทรวงกลาโหมรัสเซียให้การสนับสนุนการฝึกและที่นั่งศึกษารวมถึงความร่วมมืออื่นๆ อันจะเป็นประโยชน์ในการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ ของกำลังพล อาทิ หลักสูตรนักเรียนนายร้อย, หลักสูตรเสนาธิการร่วม หลักสูตรภาษารัสเซียทั่วไป 

ปัจจุบันมีกำลังพลกองทัพบกเข้ารับการศึกษาในสถาบันศึกษาทางทหารในประเทศรัสเซีย ในหลักสูตรนักเรียนนายร้อย จำนวน 5 นาย อีกทั้งที่ผ่านมา กองทัพบกได้มีโครงการจัดหาอาวุธโธปกรณ์จากรัสเซียในหลายรายการ ซึ่งนับว่ามีส่วนสำคัญในการพัฒนาศักยภาพด้านการฐานของกองทัพบกเป็นอย่างยิ่ง นอกจากนี้ได้มีการหารือเกี่ยวกับความร่วมมือในอนาคตในด้านไซเบอร์ (Cyber Security) การข่าวกรอง และการต่อต้านการก่อการร้าย อีกด้วย

การเดินทางเยือนกองทัพบกของเอกอัครราชทูตรัสเซียประจำประเทศไทยในครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสดีในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและหารือในประเด็นต่างๆ ซึ่งกองทัพบกพร้อมสานสัมพันธ์และเสริมสร้างความร่วมมือทางทหารเพื่อการพัฒนาในหลายมิติอย่างยั่งยืน

‘กัณวีร์’ โชว์จดหมายชาวอุยกูร์ ยันเป็นฉบับจริง จี้ รัฐบาลเปิดหลักฐานชาวอุยกูร์สมัครใจกลับจีนจริงหรือไม่?

‘กัณวีร์’ เปิดจดหมาย ‘อุยกูร์’ โชว์สื่อ แจงตราประทับเป็นลายน้ำ ไม่ใช่ตราปั๊ม ขออย่าหลงประเด็น สิ่งสำคัญคือ ‘ชาวอุยกูร์’ อยากกลับจีนจริงหรือไม่ ชี้ไม่เกี่ยวกันหลัง ‘ภูมิธรรม’ บอกช่วยลดเหตุการณ์รุนแรง

(4 มี.ค. 68) ที่รัฐสภา นายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม แถลงกรณีกรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม ขอหนังสือชี้แจงหลังเปิดเผยจดหมายที่อ้างว่าได้จากชาวอุยกูร์ โดยกรมราชทัณฑ์ยืนยันว่าไม่ใช่หนังสือร้องเรียนจากกลุ่มชาวอุยกูร์ที่ถูกกักตัว และเป็นหนังสือร้องเรียนปลอม ว่า  ตนไม่อยากให้หลงประเด็นการผลักดันชาวอุยกูร์กลับประเทศต้นทาง ซึ่งเป็นประเด็นที่ใหญ่กว่าว่าจดหมายร้องเรียนจริงหรือไม่ แต่สิ่งที่จำเป็นคือคำตอบจากรัฐบาลไทยว่าชาวอุยกูร์เหล่านั้นสมัครใจกลับ จริงหรือไม่ และอยากถามกลับว่าไม่มีประเทศอื่นจะรับตัวคนเหล่านี้ไปตั้งถิ่นฐานเลยหรือ

นายกัณวีร์ กล่าวว่า วันนี้ตนไม่อยากออกมาแถลง แต่สังคมแคลงใจว่าเป็นจดหมายจริง หรือจดหมายปลอม ซึ่งมันไม่ใช่สารัตถะสำคัญ เรื่องสำคัญคือการที่ผู้ลี้ภัยอยู่ในห้องกักขังมา 11 ปีแล้ว จนกระทั่ง 27 ก.พ. 68 ที่มีการส่งตัวกลับประเทศต้นทาง

ระหว่างแถลงนายกัณวีร์ ได้เปิดจดหมายโชว์ให้สื่อมวลชนดูว่าตราสัญลักษณ์มุมล่างขวาของกระดาษไม่ใช่ตราปั๊ม แต่เป็นลายน้ำจากกรมราชทัณฑ์ ซึ่งกระดาษแผ่นนี้สามารถหาได้จากกรมราชทัณฑ์ มีขายในราคาแผ่นละ 1 บาท

“ผมไม่เคยพูดว่าจดหมายฉบับนี้ออกมาอย่างถูกระเบียบจากรมราชทัณฑ์ แต่บอกว่าได้รับมาจากผู้ต้องกักที่ สตม.สวนพลู ซึ่งผมได้ตั้งข้อสังเกตว่าการผลักดันชาวอุยกูร์ครั้งนี้ เป็นการพูดคุยกันระหว่างนายกรัฐมนตรีกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง อีกทั้งช่วงเวลานี้ เป็นการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ พวกเขาถูกกักขังลืมเป็นเวลากว่า 10 ปี ทำไมเราไม่เคยได้ยินว่า ผู้ต้องกักมีความสมัครใจมากน้อยแค่ไหนว่า เขาต้องการกลับบ้าน จนปลายเดือน ก.พ. ที่รัฐบาลบอกว่า ทุกคนสมัครใจกลับ ซึ่งในความเป็นจริงคงเป็นไปไม่ได้” นายกัณวีร์ กล่าว

นายกัณวีร์ กล่าวว่า ในฐานะตนเป็น สส.พยายามจะสร้างภาพลักษณ์ของประเทศ หากรัฐบาลมีหลักฐานใด ที่ระบุได้ว่า ชาวอุยกูร์เหล่านี้สมัครใจจะกลับประเทศจีนจริง ขอให้เอาออกมาแสดงให้สังคมและเวทีระหว่างประเทศ มั่นใจว่า เราไม่มีการผลักดันคนเข้าสู่หลักประหารอีกครั้ง ซึ่งประเทศไทยต้องรับแรงปะทะในเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะถ้าถูกถาม เราจะตอบได้หรือไม่ ส่วนในมุมความชอบธรรม ตนมองว่านี่เป็นการติดกระดุมผิดตั้งแต่ต้น

5 มีนาคม ของทุกปี 'วันนักข่าว' หรือ วันสื่อสารมวลชนแห่งชาติ จุดเริ่มต้นจากการก่อตั้ง สมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทย

วันนักข่าว หรือ วันสื่อสารมวลชนแห่งชาติในประเทศไทย ตรงกับวันที่ 5 มีนาคม ของทุกปี ซึ่งตรงกับ วันสถาปนา สมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทย หรือ สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ในปัจจุบัน

สมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทย ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 5 มีนาคม พ.ศ.2498 โดยนักข่าวรุ่นบุกเบิก จำนวน 16 คน จากหนังสือสำคัญ ระบุว่า "โดยที่ได้พิจารณาเห็นว่า หนังสือพิมพ์ได้มีการพัฒนาการก้าวหน้ามาเป็นลำดับและผู้ประกอบวิชาชีพหนังสือพิมพ์ก็ได้เพิ่มพูนเป็นปึกแผ่นแน่นหนาขึ้นทุกที จึงเป็นการสมควรที่จะได้กำหนดวันที่ระลึกขึ้นสักวันหนึ่ง เพื่อแสดงออกถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของผู้ร่วมวงการ จึงตกลงกันให้ถือเอาวันที่ 5 มีนาคม เป็นวันนักข่าวและหนังสือพิมพ์รายวันทุกฉบับจะถือเอาวันนี้ เป็นประเพณีแห่งการหยุดงานประจำปี ตั้งแต่วันที่ 5 มีนาคม 2510 เป็นต้นไป"

"ขอให้วันนักข่าวจงเป็นวันแห่งความแช่มชื่นเบิกบาน เป็นวันแห่งความสามัคคี กลมเกลียวกัน เพื่อธำรงไว้ซึ่งศักดิ์ศรีและความเจริญก้าวหน้าของอาชีพหนังสือพิมพ์"

สำหรับบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ร่วมลงนาม ประกอบด้วย
- หนังสือพิมพ์เกียรติศักดิ์
- หนังสือพิมพ์ข่าวพาณิชย์
- หนังสือพิมพ์ข่าวสยาม
- หนังสือพิมพ์ซินเสียง
- หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
- หนังสือพิมพ์ตงฮั้ว
- หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
- หนังสือพิมพ์ประชาธิปไตย
- หนังสือพิมพ์พิมพ์ไทย
- หนังสือพิมพ์หลักเมือง
- หนังสือพิมพ์ศิรินคร
- หนังสือพิมพ์สยามนิกร
- หนังสือพิมพ์สยามรัฐ
- หนังสือพิมพ์สากล
 - หนังสือพิมพ์บางกอกเวิลด์
 - หนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์

ส่วนนายกสมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทย สมัยนั้นคือนายโชติ มณีน้อย

วอร์เรน บัฟเฟตต์ ส่ายหัวนโยบายขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าของทรัมป์ ชี้สุดท้ายแล้วผู้บริโภคต่างหากที่เป็นผู้แบกรับภาษีเหล่านี้

(4 มี.ค. 68) สำนักข่าวเอ็นบีซี รายงานว่า วอร์เรน บัฟเฟตต์ (Warren Buffett) หนึ่งในนักลงทุนที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก ให้สัมภาษณ์กับ CBS News เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดยระบุถึงกรณีที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ได้ใช้มาตรการเก็บภาษีศุลกากรเป็นเครื่องมือต่อรองกับหลายประเทศ

บัฟเฟตต์ ในวัย 94 ปี ระบุว่า “จริงๆ แล้วภาษีศุลกากรนั้น เรามีประสบการณ์กับเรื่องนี้มามากมาย มันเป็นการกระทำที่เปรียบดั่งสงครามในระดับหนึ่ง, เมื่อเวลาผ่านไป ภาษีเหล่านั้นก็คือภาษีสินค้านั่นแหละ ในที่สุดแล้วผู้บริโภคต่างหากที่เป็นผู้แบกรับภาระภาษีนำเข้าเหล่านี้ ไม่ใช่เทวดานางฟ้าที่ไหน”

เอ็นบีซี รายงานอีกว่า นี่นับเป็นครั้งแรกที่ บัฟเฟตต์ ออกมาแสดงความเห็นต่อสาธารณะเกี่ยวกับนโยบายการค้าของทรัมป์ ซึ่งล่าสุดมีการประกาศเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากเม็กซิโกและแคนาดาในอัตรา 25% และเพิ่มภาษีอีก 10% สำหรับสินค้านำเข้าจากจีน โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 4 มี.ค.นี้

ทั้งนี้ วอร์เรน บัฟเฟตต์ เชื่อว่าการเก็บภาษีจาก บริษัท ขนาดใหญ่และบุคคลที่ร่ำรวยจะลดภาระภาษีที่ชาวอเมริกันที่ต้องเผชิญ รวมถึงการปรับสมดุลระบบภาษีจะช่วยให้สหรัฐฯจัดการการขาดดุลทางการเงินที่เพิ่มขึ้นและให้เงินทุนเพียงพอสำหรับการบริการสาธารณะและโครงสร้างพื้นฐาน

จีน เปิดฉากประชุมสองสภา จับตานโยบายเศรษฐกิจ และการต่างประเทศ

ปักกิ่ง, 4 มี.ค. (ซินหัว) -- 'การประชุมสองสภา' ซึ่งเป็นการประชุมทางการเมืองระดับชาติที่สำคัญของจีนที่จะกำหนดทิศทางนโยบายของประเทศ มีกำหนดเริ่มจัดขึ้นที่กรุงปักกิ่งสัปดาห์นี้ ท่ามกลางฉากหลังของสภาพแวดล้อมอันสลับซับซ้อนและท้าทายในจีนและทั่วโลก

การประชุมประจำปีของคณะกรรมการแห่งชาติประจำสภาที่ปรึกษาทางการเมืองแห่งประชาชนจีน (CPPCC) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ปรึกษาทางการเมืองระดับสูงสุดของจีน เริ่มขึ้นในวันอังคาร (4 มี.ค.) ส่วนการประชุมของสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติ (NPC) ซึ่งเป็นสภานิติบัญญัติระดับสูงสุด จะเริ่มขึ้นในวันพุธ (5 มี.ค.)

นายกรัฐมนตรีของจีน สมาชิกสภานิติบัญญัติระดับสูง ที่ปรึกษาทางการเมืองระดับสูง รวมถึงหัวหน้าศาลประชาชนสูงสุดและอัยการประชาชนสูงสุดจะนำเสนอรายงานการปฏิบัติงาน โดยสมาชิกสภานิติบัญญัติจะทบทวนงบประมาณประจำปีและแผนการพัฒนาของรัฐบาล พร้อมพิจารณาแก้ไขร่างกฎหมายว่าด้วยสมาชิกสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติและสภาผู้แทนประชาชนท้องถิ่น

เป้าหมายการเติบโตสำหรับปี 2025

ปกติแล้วเป้าหมายการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของจีนที่กำหนดไว้ในรายงานการปฏิบัติงานของรัฐบาลถือเป็นหนึ่งในตัวเลขที่ถูกจับตามองมากที่สุด โดยจีดีพีไม่ใช่เพียงตัวชี้วัดเศรษฐกิจ แต่ยังถือเป็นตัวบ่งชี้สำคัญขณะที่เศรษฐกิจของจีนกำลังเปลี่ยนผ่านสู่การพัฒนาที่มีคุณภาพสูง

เมื่อปี 2024 จีนบรรลุเป้าหมายการเติบโตราวร้อยละ 5 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลมาจากชุดมาตรการมหภาคที่สำคัญที่มีการบังคับใช้เพื่อชดเชยแรงกดดันจากแนวโน้มเศรษฐกิจขาลง

นโยบายการเปลี่ยนแปลงแบบค่อยเป็นค่อยไป

จีนจะออกนโยบายแบบเจาะจงเป้าหมายมากขึ้นเพื่อกระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจและบรรลุเป้าหมายการเติบโต ซึ่งคาดว่ารายงานการปฏิบัติงานของรัฐบาลจะประกาศมาตรการนโยบายเพื่อรับรองการบรรลุเป้าหมาย

จีนได้ส่งสัญญาณการเปลี่ยนแปลงด้านเศรษฐกิจมหภาคไปแล้ว โดยในการประชุมงานด้านเศรษฐกิจส่วนกลางประจำปีเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา คณะผู้กำหนดนโยบายได้ให้คำมั่นว่าจะออกนโยบายเศรษฐกิจมหภาคเชิงรุกมากขึ้นในปี 2025 และตัดสินใจดำเนินนโยบายทางการเงินแบบผ่อนคลายในระดับปานกลาง ซึ่งถือเป็นการปรับเปลี่ยนอย่างมีนัยสำคัญจากนโยบายการเงินแบบระมัดระวังในช่วง 14 ปีที่ผ่านมา

การหารือระหว่างผู้นำ สมาชิกสภานิติบัญญัติ และที่ปรึกษา

ระหว่างการประชุมสองสภา กลุ่มผู้นำจีน ซึ่งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติ จะหารือกับสมาชิกสภาฯ คนอื่นๆ ในการปรึกษาหารือเป็นกลุ่ม และหารือกับคณะที่ปรึกษาทางการเมืองเกี่ยวกับประเด็นร้อนที่มีความสำคัญที่สุดต่อการกำกับดูแลของรัฐ

การปรึกษาหารือเหล่านี้เปรียบเสมือนหน้าต่างสังเกตการณ์ว่าผู้นำส่วนกลางรับทราบสถานการณ์จริงในระดับรากหญ้าอย่างไร สิ่งนี้คือลักษณะเฉพาะของประชาธิปไตยของจีน หรือที่มักเรียกขานในวาทกรรมร่วมสมัยว่าประชาธิปไตยที่ประชาชนมีส่วนร่วมทั้งกระบวนการ

นโยบายการต่างประเทศ

การประชุมสองสภายังช่วยไขกระจ่างเพิ่มเติมเกี่ยวกับนโยบายการต่างประเทศของจีน เนื่องจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศมักแถลงข่าวนอกรอบการประชุม

เมื่อปีที่แล้ว หวังอี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงฯ ตอบคำถาม 21 ข้อระหว่างการแถลงข่าวนาน 90 นาทีที่มีผู้สื่อข่าวจากทั่วโลกเข้าร่วม ซึ่งหวังได้กล่าวถึงประเด็นร้อนระดับภูมิภาคและนานาชาติ เช่น วิกฤตยูเครนและความขัดแย้งปาเลสไตน์-อิสราเอล รวมถึงนโยบายต่างประเทศของจีนที่มีต่อรัสเซีย สหรัฐฯ ยุโรป และกลุ่มประเทศโลกใต้

สำหรับการประชุมประจำปีนี้ ข้อเสนอของจีนเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศจะยิ่งน่าจับตาเป็นพิเศษในบริบทของภูมิทัศน์ระดับโลกที่ปั่นป่วนและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

เอไอ นวัตกรรม

นวัตกรรมทางเทคโนโลยีจะเป็นอีกประเด็นสำคัญในการประชุมสองสภาของปีนี้ โดยอุตสาหกรรมปัญญาประดิษฐ์ (AI) มีแนวโน้มได้รับความสนใจเป็นพิเศษ

ช่วงเดือนที่ผ่านมา ดีปซีก (DeepSeek) สตาร์ตอัปเทคโนโลยีของจีน ได้สร้างความตกตะลึงให้กับอุตสาหกรรมปัญญาประดิษฐ์และตลาดทุนทั่วโลก ด้วยการเปิดตัวแชทบอตแบบโอเพ่นซอร์สยอดนิยม

บริษัทจีนแห่งอื่นๆ เช่น เทนเซ็นต์ (Tencent) ไป่ตู้ (Baidu) และบีวายดี (BYD) ได้เริ่มนำดีปซีกมาใช้กับผลิตภัณฑ์ของตนแล้ว ขณะหน่วยงานท้องถิ่นบางส่วนได้ประกาศความร่วมมือกับโมเดลเอไอดีปซีกเพื่อยกระดับบริการสาธารณะ หรือจัดการฝึกอบรมเพื่อช่วยให้เจ้าหน้าที่และมืออาชีพทางธุรกิจเข้าใจการพัฒนาและการใช้งานดีปซีกและเทคโนโลยีเอไออื่นๆ ได้ดียิ่งขึ้น

นอกจากนี้ การประชุมสองสภายังเป็นเวทีสำคัญสำหรับผู้กำหนดนโยบายและที่ปรึกษาทางการเมืองในการเสนอแนะและส่งเสริมฉันทามติในวงกว้างเกี่ยวกับการพัฒนาประเทศ ซึ่งเจ้าหน้าที่บางส่วนเป็นผู้บริหารองค์กรและนักวิจัยชั้นนำ ดังนั้นข้อเสนอแนะที่พวกเขาจะนำเสนอในด้านเอไอจึงจะเป็นอีกหนึ่งหัวข้อที่น่าจับตา


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top