Monday, 12 May 2025
TheStatesTimes

จาก 'คนคลั่งแดง' สู่การ 'ชูสามนิ้วคลั่งส้ม' เปลี่ยนข้างด้วยเหตุผลเดียวในใจคือ 'ไม่เอาสถาบัน'

(4 มี.ค. 68) คุณลองสังเกตคนรอบ ๆ ตัวของคุณดู จะมีจำนวนไม่น้อยที่แต่ก่อนคือคนที่เลือก “พรรคเผาเมือง” หรือพรรคที่เริ่มต้นการ “จาบจ้วงสถาบัน” อยู่เป็นนิจ ถึงกับเคยป่าวประกาศให้คนไทยภาคอิสาน “ปลดรูปในหลวงรัชกาลที่ ๙” ออกจากข้างฝา ยังกล้าเผาห้าง เผาศาลากลางจังหวัด เรียกว่าเผาผลาญประเทศจนย่อยยับ ถูกขับไล่ด้วยข้อกล่าวหาอภิมหาคอรัปชั่นชาติ จนที่สุดหัวหน้าพรรคทั้งสองคน และเป็นอดีตนายกทั้งคู่ ต้องหนีคดีออกนอกแผ่นดินไทย 

เมื่อภาพการ “หนีคดี” เกิดขึ้นซ้ำ ๆ สะท้อนถึงความสั่นคลอน ไม่มั่นคง ภารกิจของ “เศรษฐีล้มเจ้า” ที่น่าจะไปต่อไปจึงค่อย ๆ เฟดลงตาม กลายเป็นภาพการหมอบคลาน การยอมรับความผิด ยอมกลืน “น้ำลายเน่า ๆ" จากคนปากดีที่จะนำ “การล้มเจ้า” เพื่อเปลี่ยนประเทศไทยเป็นระบอบอื่น  กลายเป็น “พรรครักสถาบัน” ขึ้นมาหน้าตาเฉย ทั้งหมดก็เพื่อจะได้ลดทอน “ความเกลียดชัง” ของสังคมคนส่วนใหญ่ที่ยังคงเชิดชูสถาบันไว้สูงสุด กลุ่มคนที่ชังเจ้าชนิดฝังหุ่น ที่เคยกาเลือก “พรรคเผาไทย” มาตลอด จึงต้องหา “พรรคล้มเจ้าพรรคใหม่” ไว้เป็นที่พึ่งทางใจ

คนป่วยเหงาเหล่านี้ “เปลี่ยนจากแดงมาสู่ส้ม” ก็ด้วยเหตุผลเดียวคือ “แอบเป็นคนที่ไม่เอาสถาบัน” แต่ไม่กล้าปริปากบอกใครตรง ๆ ใช้ชีวิตแบบ “ตีสองหน้า” ไปเรื่อย ๆ ไม่ใช่ถอยห่างจาก “พรรคแดง” เพราะปัญหาเรื่องการทุจริตคอรัปชั่น หรือการหนีคดี แต่เพราะได้กลายเป็นพรรคที่ไม่แน่ใจแล้วว่า “จะล้มเจ้า” ได้จริง ๆ จึงเกิดความไม่แน่ใจ เมื่อมี “พรรคส้มสามกีบ” โผล่ขึ้นมา โฆษณาว่าเป็น “คนรุ่นใหม่” มีแผนการร้ายที่จะ “ล้มล้างการปกครอง” กล้าบ้าบิ่นด้วยเล่ห์เพทุบายโฉดชั่ว จึงโดนใจ “คนเกลียดเจ้า” ที่ผิดหวังจาก “พรรคหนีคดี” ต่างกระโจนไปสนับสนุน “พรรคสามนิ้ว” โดยไม่ดูความสามารถในเรื่องการบริหารบ้านเมืองแม้แต่น้อย 

สังเกตดี ๆ พฤติกรรมคนเหล่านี้ ไม่เคยกล้าตำหนิการทุจริตคอรัปชั่น หรือข้อเสียใด ๆ ของ “พรรคเผาเมือง” หรือ “พรรคส้มสามกีบ” ที่ตนเองสนับสนุน มักจะทำเป็นมองไม่เห็น ตราบที่ยังคงยึดแนวทางการ “ล้มล้างการปกครอง” ให้เห็นดังเดิม เพราะแค่นี้ก็เพียงพอสำหรับเหล่า “คนแอบเกลียดเจ้า” ที่แอบซุกตัวใช้ชีวิตอยู่ในสังคมไทยแล้ว

คนไทยที่แอบเกลียดชังสถาบัน และคอยมองหาพรรคการเมืองที่คอยดูหมิ่น จาบจ้วง กัดเซาะ ล้มล้างการปกครอง เพื่อที่จะสนับสนุน ถือเป็นคนไทยที่เป็น “อันตรายต่อชาติ” และต่อ “รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย” ไม่ต่างจาก “พรรคการเมืองล้มล้างการปกครอง” 

ทรัมป์ เผยชื่อ 5 สกุลเงินดิจิทัล เพิ่มลงคลังสำรองคริปโต สหรัฐฯ

(3 มี.ค. 68) โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ประกาศรายชื่อ 5 สกุลเงินดิจิทัลที่จะถูกเพิ่มลงในกองทุนสำรองเชิงยุทธศาสตร์ด้านสกุลเงินดิจิทัล สหรัฐฯ ซึ่งประกอบด้วย บิตคอยน์ (BTC), อีเธอเรียม (ETH), XRP, Solana (SOL) และ ADA ของคาร์ดาโน

หลังการประกาศของทรัมป์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ส่งผลให้ในวันเดียวกันเมื่อช่วงบ่าย ราคาบิตคอยน์ ซึ่งเป็นเหรียญคริปโตที่มีมูลค่าตลาดสูงสุดในโลกพุ่งขึ้นกว่า 11% มาอยู่ที่ 94,164 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่อีเธอเรียมก็ราคาพุ่ง 13% มาอยู่ที่ 2,516 ดอลลาร์สหรัฐ

CoinGecko บริษัทรวบรวมข้อมูลสกุลเงินคริปโตอิสระที่ใหญ่ที่สุดในโลก เผยหลังทรัมป์ประกาศดังกล่าวภายในไม่กี่ชั่วโมง ทำให้ตลาดคริปโตเคอร์เรนซี เพิ่มสูงขึ้นประมาณ 10% หรือกว่า 300,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ด้าน เฟเดริโก โบรเคต หัวหน้าฝ่ายธุรกิจในสหรัฐฯ ของ 21Shares ซึ่งเป็นบริษัทด้านการลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัล ระบุว่า “ความเคลื่อนไหวในครั้งนี้ของทรัมป์ เป็นการส่งสัญญาณว่ารัฐบาลสหรัฐฯ กำลังจะเข้ามามีบทบาทเชิงรุกในเศรษฐกิจคริปโต”

ทั้งนี้ ในวันที่ 7 มี.ค. 68 ทรัมป์เตรียมเป็นเจ้าภาพจัด การประชุมสุดยอดคริปโทครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ที่ทำเนียบขาว วอชิงตัน ดี.ซี สหรัฐฯ โดยมีผู้เข้าร่วมเป็น ผู้ก่อตั้ง, CEO และนักลงทุนในอุตสาหกรรมคริปโต รวมถึงสมาชิกจากคณะทำงานด้านสินทรัพย์ดิจิทัลของประธานาธิบดี 

‘จัสติน ทรูโด’ เตรียมเข้าเฝัาฯ คิงชาร์ลส์ ขอให้ช่วย หลัง ‘ทรุมป์’ หลุดปากบ่อยครั้งอยากฮุบ ‘แคนาดา’ เป็นรัฐที่ 51

(3 มี.ค. 68) จัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดาในวันอาทิตย์(2มี.ค.) ว่าเขาเตรียมเข้าเฝ้าฯกษัตริย์ชาร์ลส์ที่ 3 แห่งสหราชอาณาจักร พูดคุยเกี่ยวกับการปกป้องอธิปไตยของแคนาดา หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ส่งเสียงเรียกร้องซ้ำๆให้เข้ามาเป็นรัฐที่ 51 ของอเมริกา

คำพูดซ้ำแล้วซ้ำเล่าของทรัมป์ โหมกระพือเสียงโวยวายในแคนาดา โดยพวกเจ้าหน้าที่ปฏิเสธอย่างหนักแน่น เกี่ยวกับการพูดคุยใดๆกรณีที่พวกเขาจะเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของสหรัฐฯ

ครั้งที่เข้าเฝ้าฯเกษัตริย์ชาร์ลส์ ซึ่งทรงอยู่ในฐานะประมุขแห่งรัฐของแคนาดา ในวันจันทร์(3มี.ค.) ทรูโดเผยว่าเขาหวัง "หารือในประเด็นต่างๆที่มีความสำคัญกับแคนาดาและชาวแคนาดา"

"และผมสามารถบอกกับคุณได้ว่า เวลานี้ไม่มีอะไรสำคัญกับชาวแคนาดามากไปกว่าการยืนหยัดเพื่ออธิปไตยของเราและเอกราชของเรา ในฐานะประเทศหนึ่งๆ" นายกรัฐมนตรีแคนาดาระบุ ระหว่างอยู่ในลอนดอน เพื่อร่วมประชุมซัมมิตเกี่ยวกับยูเครน

ทรัมป์ ยึดติดอยู่กับอธิปไตยของแคนาดาโดยเฉพาะ นับตั้งแต่ได้รับชัยชนะในศึกเลือกตั้งเมื่อเดือนพฤศจิกายน กลับมาดำรงตำแหร่งประธานาธิงบดีสหรัฐฯอีกสมัย

ผู้สำสหรัฐฯพาดพิงแคนาดาบ่อยครั้งในฐานะ "รัฐที่ 51" และดูหมิ่น ทรูโด ด้วยการเรียกเขาว่าเป็น "ผู้ว่าการรัฐ" แทนที่จะเป็น "นายกรัฐมนตรี"

ทั้งนี้ ทรัมป์ ออกคำสั่งรีดภาษีบรรดาคู่ค้าหลีกของสหรัฐฯ ซึ่งมีกำหนดบังคับใช้ในวันอังคาร(4มี.ค.) แต่บอกว่าแคนาดาสามารถหลีกเลี่ยงการถูกรีดภาษีได้ หากกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของอเมริกา

เมื่อเดือนที่แล้ว ทรูโด เตือนว่าการพูดจาอย่างไม่หยุดหย่อนของทรัมป์ เกี่ยวกับการดูดกลืนแคนาดา เพื่อเข้าถึงทรัพยากรธรรมชาตินั้น "เป็นของจริง" 

ชาวแคนาดาบางส่วน ส่งเสียงแสดงความสงสัยว่าทำไมกษัตริย์ชาร์ลส์ถึงไม่ออกมาตรัสอะไรบ้าง เกี่ยวกับการปกป้องแคนาดา อย่างไรก็ตามตามธรรมเนียมประเพณีแล้ว กษัตริย์มีหน้าที่ได้แค่เพียงให้คำแนะนำนายกรัฐมนตรี ในประเด็นต่างๆที่เกี่ยวข้องกับชาติในเครือจักรภพ

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เคียร์ สตาร์เมอร์ นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร เชิญ ทรัมป์ เดินทางเยือนสหราชอาณาจักรแบบรัฐพิธีเป็นครั้งที่ 2 อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ซึ่งอาจเป็นการเปิดโอกาสให้กษัตริย์ชาร์ลส์ทรงหยิบยกประเด็นอธิปไตยของแคนาดาพูดคุยกับทรัมป์ 

ณ ที่ประชุมซัมมิตด้านความมั่นคงของยูเครน ในลอนดอน เมื่อวันอาทิตย์(2มี.ค.) ทรูโด เน้นย้ำว่า แคนาดา ยังคงให้การสนับสนุนยูเครน อย่างหนักแน่นและไม่เปลี่ยนแปลง และได้แถลงมาตรการคว่ำบาตรรอบใหม่เล่นงานรัสเซีย

รู้จัก ‘ชัยโรจน์ มหาดำรงค์กุล’ ช่างภาพ Pictorial Art ระดับโลก ผู้รังสรรค์ศิลปะผ่านเลนส์กับนิยาม ‘แสงสะท้อนชีวิต และเงาที่ซ่อนเรื่องราว’

(3 มี.ค. 68) “แสงและเงา” คือหัวใจของการถ่ายภาพ ศิลปินที่แท้จริงต้องความสามารถใช้แสงกับเงาเพื่อสร้างความลึกซึ้งให้กับเรื่องราว และถ้ามีใครสักคนที่สามารถดึงอารมณ์ออกมาผ่านแสงและเงาได้อย่างทรงพลัง ‘ชัยโรจน์ มหาดำรงค์กุล’ ก็คือหนึ่งในนั้น

70 ปีบนเส้นทางศิลปะภาพถ่าย ชัยโรจน์ได้สร้างผลงานที่สะท้อนอารมณ์ ความรู้สึก และจิตวิญญาณของผู้คน ทว่าชื่อของเขาในฐานะผู้สร้างสรรค์ผลงานอันทรงคุณค่ากลับเป็นที่รู้จักในระดับโลกมากกว่าประเทศบ้านเกิด วันนี้ถึงเวลาที่แสงของเขาจะต้องส่องมาถึงที่นี่ เพื่อให้วงการศิลปะไทยตระหนักถึงคุณค่าของชายผู้นี้ ในฐานะศิลปินผู้ควรค่าแก่การยกย่อง

จุดเริ่มต้นของเส้นทางสายเกียรติยศสายที่ 2
จากเด็กชายผู้หลงใหลในเงาสู่ศิลปินแห่งแสง ชัยโรจน์ เกิดเมื่อวันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2480 ในครอบครัวนักธุรกิจที่บุกเบิกวงการนาฬิกาไทย แต่แทนที่จะเติบโตมาพร้อมตัวเลขและกำไรเท่านั้น เขายังหลงใหลในภาพถ่าย ความอยากรู้อยากเห็นว่ากล้องจะสามารถ “หยุดเวลา” ได้จริงหรือไม่ ทำให้เขาหยิบกล้องฟิล์มตัวแรกขึ้นมา และนั่นคือจุดเริ่มต้นของทุกสิ่ง

“ภาพถ่ายไม่ใช่แค่การบันทึกความจริง แต่มันเป็นศิลปะ เป็นวิธีที่เราสามารถเล่าเรื่องราวโดยไม่ต้องพูด”

เส้นทางของเขายิ่งชัดเจนขึ้นเมื่อได้เดินทางไปศึกษาต่อที่ London University สาขาวิศวกรรมศาสตร์ พร้อมทั้งเรียนศิลปะการถ่ายภาพที่ Saint Martin’ s School of Art ที่อังกฤษ ที่นั่นเขาได้ฝึกฝนการใช้กล้อง ตั้งแต่วิวทิวทัศน์ใน Hyde Park ไปจนถึงภาพถ่ายบุคคลที่สะท้อนอารมณ์ลึกซึ้ง และถ่ายทอดมันด้วยหัวใจ และนี่คือจุดสำคัญที่ทำให้เขากลายเป็นศิลปิน
เส้นทางสู่ช่างภาพระดับโลก เมื่อเงาใหญ่กว่าชื่อเสียงในบ้านเกิด

หลังได้ศึกษาและฝึกฝนการถ่ายภาพอย่างจริงจัง กระทั่งรังสรรค์ผลงานอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ที่เรียกว่า Pictorial Art หรือ “ศิลปะเชิงภาพ” ด้วยเทคนิคการถ่ายภาพที่ผสมผสานความคลาสสิกและความร่วมสมัย การใช้แสงและเงาสร้างมิติของภาพให้ดูเหมือนจิตรกรรม เทคนิคนี้ทำให้ภาพของเขามีความนุ่มนวล ทรงพลัง และสามารถเล่าเรื่องราวโดยไม่ต้องพึ่งพาคำบรรยาย กลายเป็นผลงานที่มีความโดดเด่นและเป็นที่ยอมรับทั้งในประเทศ โดยเฉพาะในระดับสากล

ชัยโรจน์ มหาดำรงค์กุล ได้สร้างสรรค์ผลงานภาพถ่ายอันทรงคุณค่ามากมาย ทั้งภาพถ่ายบุคคล วิถีชีวิต ภาพทิวทัศน์ และวัฒนธรรม ผลงานของเขาได้รับการจัดแสดงในนิทรรศการทั้งในประเทศและต่างประเทศ และได้รับรางวัลจากสถาบันต่างๆ ทั่วโลก อาทิ
รางวัลถ้วยพระราชทานชนะเลิศประเภทภาพถ่ายดิจิทัล จากการแข่งขันถ่ายภาพทั่วประเทศ ครั้งที่ 1 พ.ศ. 2543
.
รางวัลดาว 5 ดวง จากสมาคมถ่ายภาพแห่งอเมริกา (P.S.A.) ในปี พ.ศ. 2552
ติดอันดับ World Top Ten หลายครั้ง

โดยผลงานของเขาได้รับการยอมรับจากเวทีระดับโลกเป็นครั้งแรกเมื่อเขาส่งภาพเข้าประกวดใน PSA Gold Medal ซึ่งทำให้เขากลายเป็นศิลปินไทยที่วงการศิลปะภาพถ่ายทั่วโลกจับตามอง หลังจากนั้นรางวัลและเกียรติยศก็ทยอยเข้ามาไม่ขาดสาย ไม่ว่าจะเป็น FIAP Gold Medal (ฝรั่งเศส) , Tokyo International Photography Awards และ Grand Award จาก Asia Photo Awards

“เวลาผมไปต่างประเทศ นักวิจารณ์ศิลปะพูดถึงงานของผมในเชิงปรัชญา พวกเขาบอกว่าผมสามารถใช้แสงและเงาเล่าเรื่องราวได้ลึกซึ้ง แต่ในไทยกลับมีคนรู้จักผมน้อยกว่าที่ควรจะเป็น”

Pictorial Art – ศิลปะผ่านเลนส์
แสงสะท้อนชีวิต และเงาที่ซ่อนเรื่องราว
ชัยโรจน์ ไม่ได้ถ่ายภาพเพื่อความสวยงามเพียงอย่างเดียว แต่เขาใช้มันเป็นเครื่องมือสื่อสารทางศิลปะ ผลงานของเขามักสะท้อนถึงชีวิต ความเป็นมนุษย์ และอารมณ์ที่ไม่สามารถถ่ายทอดเป็นคำพูดได้ “ผมไม่ต้องการให้คนแค่ดูภาพของผม ผมต้องการให้พวกเขารู้สึกถึงมัน”

หนึ่งในผู้ที่ให้ความสำคัญกับงานของ ชัยโรจน์ มากที่สุด คือ เกรซ มหาดำรงค์กุล ลูกสาวของเขา ในปี 2565 เธอได้จัดนิทรรศการ “ย้อนเวลาผ่านเลนส์” เพื่อให้คนไทยได้รู้จักและเข้าใจในคุณค่าของศิลปะของบิดา ซึ่งไม่เพียงเป็นการแสดงภาพถ่าย แต่เป็นการส่งเสียงให้วงการศิลปะไทยตระหนักถึงคุณค่าของ ชัยโรจน์

“ผลงานของคุณพ่อไม่ใช่แค่ภาพถ่าย แต่เป็นบันทึกของยุคสมัยเป็นศิลปะที่ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น” เกรซกล่าวในวันเปิดนิทรรศการ

อย่าปล่อยให้เงากลืนกินชื่อ ชัยโรจน์
ส่องแสงมาเพื่อให้ “โลกจารึก”
ชัยโรจน์ มหาดำรงค์กุล คือศิลปินที่ใช้แสงและเงาเป็นภาษาของเขา ส่งผ่านให้มันคงอยู่ตลอดกาลผ่านงานศิลปะ สร้างผลงานที่ได้รับการยอมรับจากต่างประเทศมากมาย แต่กลับไม่เป็นที่จดจำในประเทศไทยเท่าที่ควร กระทั่งมีความพยายามให้เขาได้รับการเสนอชื่อเป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (ภาพถ่าย) ซึ่งเป็นสิ่งที่สมควรเกิดขึ้นนานแล้ว

70 ปีบนเส้นทางศิลปะ ผลงานของเขาได้รับการยกย่องมากมาย สร้างคุณูปการต่อวงการศิลปะภาพถ่ายมาอย่างยาวนาน การได้รับเสนอชื่อเป็นศิลปินแห่งชาติ จึงไม่ใช่เพียงแค่รางวัลสำหรับตัวเขา แต่เป็นรางวัลสำหรับวงการศิลปะไทย ที่ควรให้เกียรติผู้สร้างสรรค์งานระดับโลก
“ภาพถ่ายที่ดีไม่ได้หยุดเวลา แต่มันทำให้เราหวนคิดถึงความหมายของมันตลอดไป”

อย่าปล่อยให้เงากลืนกินชื่อของเขา แต่ควรส่องแสงมาเพื่อให้โลกจารึก “ชัยโรจน์ มหาดำรงค์กุล” ไม่ใช่เพียงศิลปินแห่งภาพถ่าย แต่คือศิลปินแห่งประวัติศาสตร์ไทย ที่ควรได้รับการจารึกชื่ออย่างสมเกียรติ

‘เอกนัฏ’ จ่อถกกรมโยธาฯ แก้ปัญหาผังเมือง รองรับการลงทุน หวังภาคอุตสาหกรรมช่วยดัน GDP ประเทศเพิ่มขึ้นอีก 1%

(3 มี.ค. 68) นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยในระหว่างการประชุมรับฟังความคิดเห็นของผู้พัฒนานิคมอุตสาหกรรม และผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรมสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา

โดยเป้าหมายหลักของการประชุม ได้แก่ การขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมในปีนี้ ตั้งไว้เพิ่ม GDP ขึ้น 1% ให้ได้ภายในปี 2568 ขณะเดียวกันมุ่งเน้นให้เกิดการพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืน โดยเป้าหมายหลักคือลดขั้นตอนการอนุมัติโครงการ เร่งกระบวนการลงทุน และพัฒนาพื้นที่รองรับการลงทุนในอนาคตกว่า 50,000 ไร่

“ผมกำหนดเป้าหมาย KPIs เพิ่ม GDP ขึ้น 1% ภายในปี 2568 มุ่งเน้นลงทุนเพิ่มในอุตสาหกรรมใหม่ และอุตสาหกรรม สีเขียว การให้ความรู้ (knowledge) แก่บุคลากรให้มีทักษะรองรับอุตสาหกรรมเศรษฐกิจใหม่ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน สร้างความยั่งยืน ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม” นายเอกนัฏ กล่าว

นายเอกนัฏ กล่าวอีกว่า เตรียมร่างกฎหมายฉบับใหม่เพื่อบริหารจัดการกากอุตสาหกรรม และขยะอิเล็กทรอนิกส์อย่างเป็นระบบ แก้ปัญหาการลักลอบนำเข้าสินค้าผิดกฎหมายและขยะพลาสติก ซึ่งหากประชาชนพบปัญหาเกี่ยวกับโรงงานเถื่อน หรือโรงงานที่ก่อให้เกิดความเดือดร้อน สามารถแจ้งเรื่องได้ตลอด 24 ชั่วโมง ผ่านแอปพลิเคชันไลน์ 'แจ้งอุต' 

ทั้งนี้ เมื่อได้รับแจ้งกระทรวงฯ จะส่งทีมเฉพาะกิจ 'ตรวจสุดซอย'ลงพื้นที่ตรวจสอบการประกอบกิจการที่ฝ่าฝืนกฎหมายทันทีและจะดำเนินคดีอย่างเด็ดขาดกับผู้กระทำความผิดและผู้เกี่ยวข้อง เพื่อจัดการกับธุรกิจสีเทาและส่งเสริมผู้ประกอบการที่ปฏิบัติตามกฎหมาย 

นายสุเมธ ตั้งประเสริฐ กรรมการ กนอ.รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าการ กนอ. กล่าวว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้มอบหมายให้ กนอ. ปรับปรุงกระบวนการอนุมัติจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม จากเดิม 9 ขั้นตอนเหลือเพียง 8 ขั้นตอน เพื่อลดความเสี่ยงและความไม่แน่นอนในการดำเนินโครงการ รวมทั้งให้เร่งการอนุมัติโครงการโดยอนุญาตให้ประกาศพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมได้ ก่อนรายงาน EIA จะเห็นชอบ 

ปัจจุบันมีพื้นที่อุตสาหกรรมพร้อมขาย 23,662.45 ไร่ และมีพื้นที่เสนอจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมใหม่ 4,959 ไร่ รวมถึงโครงการที่คาดว่าจะจัดตั้งหรือขยายในอนาคตอีก 27 โครงการ ในพื้นที่ EEC 71,243 ไร่  

โดยที่ผ่านมาพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม มีการขยายธุรกิจและการลงทุนเพื่อเพิ่มศักยภาพการทำงานและสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจมากขึ้น โดย กนอ. ได้เร่งรัดกระบวนการขออนุญาตเรื่องการประกาศเขตเพื่อให้สามารถขายสินค้าได้เร็วขึ้น 

อย่างไรก็ตาม กนอ. พร้อมเป็นกลไกขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรม โดยจะประสานความร่วมมือกับกรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย เพื่อแก้ไขปัญหาและอำนวยความสะดวกในการดำเนินโครงการต่างๆ ให้กับผู้พัฒนานิคมอุตสาหกรรม และผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรม เพื่อสร้างการเติบโต GDP ของภาคอุตสาหกรรมอย่างน้อย 1% ในปี 2568

รัสเซียบอกลาฤดูหนาว จัดงาน ‘เทศกาลแพนเค้ก’ พร้อมเดินหน้าเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ อย่างเป็นทางการ

เมื่อวันที่ 1-2 มีนาคม 2025 ที่ผ่านมา ชาวรัสเซียในเมืองเซนต์ปีเตอส์เบิร์กและมอสโก ได้ร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลมาสเลนนิตซา (Maslenitsa) หรือเทศกาลแพนเค้ก เพื่อบอกลาฤดูหนาวที่หนาวเย็นและต้อนรับการกลับมาของฤดูใบไม้ผลิที่เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา 

สำหรับเทศกาลดังกล่าวจัดขึ้นทุกปีในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ จนถึงต้นเดือนมีนาคม และเป็นวันหยุดตามประเพณีของประเทศรัสเซีย ซึ่งถือเป็นหนึ่งในประเพณีสำคัญ มีรากฐานจากความเชื่อดั้งเดิมในศาสนาคริสต์ออร์โธด็อกซ์ 

โดยภายในงานจะมีการแสดงศิลปะพื้นบ้าน การละเล่นประเพณี รวมกิจกรรมสนุกสนานมากมาย เช่น การแข่งขันเกมพื้นบ้าน การแสดงของศิลปินในชุดพื้นเมือง และบางพื้นที่มีการจุดไฟกองไฟขนาดใหญ่ พร้อมด้วยการรับประทานแพนเค้ก (Blini) อาหารที่เปรียบเสมือนดวงอาทิตย์ สื่อถึงความอบอุ่นและการเริ่มต้นใหม่

ทั้งนี้ ข้อมูลจากเว็บไซต์ mushroomtravel ระบุว่า ฤดูใบไม้ผลิของรัสเซียจะเริ่มตั้งแต่เดือน มีนาคม – พฤษภาคม โดยในช่วงนี้อากาศจะเย็นสบาย ไม่หนาวจัดเหมือนในฤดูหนาวที่เพิ่งผ่านมา อุณหภูมิประมาณ 5 – 15 องศาเซลเซียส 

ตรงกันข้ามกับฤดูหนาว (ธันวาคม-กุมภาพันธ์) อุณหภูมิประมาณ -10 องศาในเดือนธันวาคม อีกทั้งมีหิมะตกหนักในช่วงกลางเดือนมกราคมถึงเดือนกุมภาพันธ์ ส่วนเดือนที่หนาวที่สุดคือเดือนกุมภาพันธ์ อุณหภูมิเฉลี่ย -15 ถึง -30 องศาเซลเซียส 

ร้านกาแฟแคนาดา ขึ้นป้ายเมนู Canadiano แทน Americano หลังไม่พอใจถูกคุกคามอธิปไตยไม่หยุด แถมร้องถอนสัญชาติ ‘อีลอน มัสก์’

(3 มี.ค. 68) ภัทร จินตนะกุล บรรณาธิการข่าวต่างประเทศ TNN 16 โพสต์คลิปในช่อง Tiktok ปุ้ย จินตะ ถึงกระแสคนแคนาดา ออกมาต่อต้าน ประธานาธิบดี โดนัลป์ ทรัมป์ ที่ต้องการฮุบแคนาดา เข้าเป็นรัฐที่ 51 ของสหรัฐ อเมริกา โดยระบุว่า ขณะนี้เกิดกระแสการต่อต้านสหรัฐอเมริกา เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ยกตัวอย่างเช่น ร้านกาแฟในแคนาดาหลาย ๆ ร้าน  เริ่มทยอยเปลี่ยนชื่อเมนู Americano เป็น Canadiano เนื่องจากไม่พอใจที่ ประธานาธิบดี ทรัมป์ คุกคามอธิปไตยอยู่บ่อยครั้ง

ขณะเดียวกัน ชาวแคนาดา กว่า 2 แสนคน ได้ร่วมลงชื่อเพื่อเรียกร้องให้ จัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดา ถอนสัญชาติแคนาดาของนาย อีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีอันดับ 1 ของโลก โทษฐานกระทำการต่อต้านผลประโยชน์ของและมีพฤติกรรมที่ไม่เป็นมิตรกับแคนาดา

สำหรับ อีลอน มัสก์ ได้สัญชาติแคนาดา เนื่องจากมารดาของเขาเป็นชาวแคนาดา นอกจากนี้ เขายังถือสัญชาติอเมริกัน และแอฟริกาใต้อีกด้วย

“เฉลิมชัย” เปิดงานวันสัตว์ป่าและพืชป่าโลก ชูแนวคิด "การเงินสำหรับการอนุรักษ์สัตว์ป่าและพืชป่า ลงทุนเพื่อปกป้องมนุษยชาติและโลก" กรมอุทยานฯ ปลุกกระแสอนุรักษ์ พร้อมภาคีอนุสัญญา CITES ทั่วโลก

(3 มี.ค.68) - ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานเปิดงานวันสัตว์ป่าและพืชป่าโลก (World Wildlife Day) ประจำปี 2568 กล่าวว่า ปีนี้เป็นโอกาสพิเศษที่ประเทศไทยได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเฉลิมฉลองความสวยงามของธรรมชาติ ซึ่งประเทศไทยได้จัดงานนี้มาอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 12 โดยงานในปีนี้มีแนวคิดหลัก คือ "Wildlife Conservation Finance: Investing in People and Planet" หรือ "การเงินสำหรับการอนุรักษ์สัตว์ป่าและพืชป่า ลงทุนเพื่อปกป้องมนุษยชาติและโลก" โดยมุ่งเน้นการลดช่องว่างด้านงบประมาณและเสริมสร้างการมีส่วนร่วมของภาคเอกชนด้านการอนุรักษ์ทรัพยากร จึงขอเชิญชวนประชาชนร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติของประเทศไทยและของโลก ด้วยการบอกเล่าถึงความสำคัญของทรัพยากรเหล่านี้ไปยังคนรอบข้าง ร่วมกิจกรรมการอนุรักษ์ หรือสนับสนุนโครงการต่าง ๆ ตามความเหมาะสม เพื่อส่งต่อทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์สู่คนรุ่นหลังต่อไป

ทั้งนี้ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้ยกระดับการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติของไทยสู่เวทีโลกจัดงานวันสัตว์ป่าและพืชป่าโลก (World Wildlife Day) ประจำปี 2568 ภายใต้แนวคิด "Wildlife Conservation Finance: Investing in People and Planet" หรือ "การเงินสำหรับการอนุรักษ์สัตว์ป่าและพืชป่า ลงทุนเพื่อปกป้องมนุษยชาติและโลก" มุ่งแก้วิกฤตขาดแคลนงบประมาณด้านการอนุรักษ์ พร้อมดึงภาคเอกชนร่วมลงทุน หวังสร้างระบบนิเวศการเงินที่ยั่งยืนเพื่ออนาคตของทรัพยากรธรรมชาติ  

โดย นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กล่าวว่า วันสัตว์ป่าและพืชป่าโลกเกิดขึ้นจากข้อเสนอของประเทศไทยในการประชุมภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (ไซเตส) ครั้งที่ 16 เมื่อปี 2556 ณ กรุงเทพมหานคร โดยเสนอให้วันที่ 3 มีนาคมของทุกปี ซึ่งตรงกับวันลงนามรับรองอนุสัญญาไซเตส เป็น "วันสัตว์ป่าและพืชป่าโลก"  การจัดงานในปีนี้ประกอบด้วย 2 ส่วนสำคัญ ได้แก่ กิจกรรมด้านวิชาการ การเสวนาและนิทรรศการให้ความรู้ด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ จากหน่วยงานพันธมิตรและผู้สนับสนุนกว่า 20 แห่ง กิจกรรมด้านการมีส่วนร่วมของสาธารณชน อาทิ การประกวดงูบอลไพธอนสวยงาม ซึ่งนำมาจัดแสดงหลากหลายลวดลาย และการแสดงผลงานจากการประกวดภาพวาดสัตว์ป่าและพืชป่าในบัญชีไซเตส ที่มีเยาวชนส่งผลงานเข้าร่วมกว่า 190 ชิ้น สะท้อนพลังและความคิดสร้างสรรค์ของคนรุ่นใหม่ต่อการอนุรักษ์ นอกจากนี้ กรมอุทยานฯ ยังได้จัดกิจกรรมมอบรางวัลประกวดภาพวาด มอบเข็มพิทักษ์ทรัพยากรป่าไม้ กิจกรรมตอบคำถามชิงรางวัล และกิจกรรมสำรวจสัตว์ป่า เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมและความตระหนักในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติให้กับผู้เข้าร่วมงานกว่า 300 คน 

4 มีนาคม ของทุกปี วันสถาปนาไทยอาสาป้องกันชาติ (ทสปช.) รำลึกวีรกรรมหญิงกล้า ‘ท้าวสุรนารี’ วีรสตรีของไทย

วันที่ 4 มีนาคม ของทุกปี เป็นวันสถาปนาไทยอาสาป้องกันชาติ (ทสปช.) โดยความเป็นมาของวันไทยอาสาป้องกันชาติสืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2369 บรรพชนของไทยได้สร้างวีรกรรมอันยิ่งใหญ่ โดยได้สละชีวิต เลือดเนื้อ และหยาดเหงื่อ เข้าปกป้องเอกราชอธิปไตยของแผ่นดิน กล่าวคือ ท้าวสุรนารี วีรสตรีของไทย ได้รวมพลังประชาชนหญิงชายชาวนครราชสีมาจับอาวุธเข้าต่อสู้ขับไล่อริราชศัตรูอย่างเข้มแข็ง แม้จะเป็นเพียงประชาชนพลเมือง และมีอาวุธยุทโธปกรณ์ที่น้อยกว่า แต่ด้วยจิตใจที่แกร่งกล้าและอุดมการณ์อันแน่วแน่ที่จะรักษาเอกราชไว้ ทำให้สามารถขับไล่ข้าศึกจนแตกพ่ายไป เหตุการณ์นั้นนับเป็นวีรกรรมที่เสียสละอย่างแท้จริงของประชาชน ที่รวมพลังกันลุกขึ้นต่อสู้กับศัตรูจนได้รับชัยชนะ ทางราชการจึงได้ประกาศ ให้วันที่ 4 มีนาคมของทุกปีเป็น “วันไทยอาสาป้องกันชาติ” หรือ วัน ทสปช.

ในส่วนของการจัดตั้งไทยอาสาป้องกันชาติ หรือ ทสปช. เกิดขึ้นเมื่อลัทธิคอมมิวนิสต์ได้แผ่ขยายอำนาจเข้ามาในประเทศไทย ราษฎรชาวไทยที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลจากการช่วยเหลือของทางราชการ จึงได้ผนึกกำลังเป็นกลุ่มอาสาสมัครต่าง ๆ ขึ้นต่อต้าน โดยรวมตัวกันในรูปแบบและเรียกชื่อต่าง ๆ กัน เช่น ไทยอาสาป้องกันตนเอง (ทสป.) อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (อปพร.) ราษฎรอาสาสมัครพัฒนาท้องถิ่นและป้องกันปราบปรามอาชญากรรม (รส.พป.) ราษฎรอาสาและป้องกันชายแดน ราษฎรอาสาสมัครป้องกันผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ เป็นต้น

และเพื่อให้กลุ่มราษฎรต่าง ๆ เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และให้เกิดการจัดตั้งการฝึกอบรม การควบคุมดูแลเป็นไปด้วยความเรียบร้อย รัฐบาลจึงได้ออกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยไทยอาสาป้องกันชาติ พ.ศ.2521 เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติตั้งแต่ 4 กันยายน 2521 โดยให้กลุ่มราษฎรอาสาสมัครต่าง ๆ รวมเข้าเป็นรูปแบบเดียวกันเรียกว่า “ไทยอาสาป้องกันชาติ” โดยเรียก ชื่อย่อว่า “ทสปช.”

‘ตี๋ลี่เร่อปา’ นางเอกระดับท็อปของวงการบันเทิงจีน ปัจจุบันขึ้นแท่นนักแสดงฝ่ายหญิงที่มีค่าตัวสูงสุด

(3 ก.พ. 68) เพจ WorldPulse โลกเล่าเรื่อง โพสต์ข้อความถึงนางเอกสาวชาวจีน เชื้อสายอุยกูร์ ‘ตี๋ลี่เร่อปา’ ว่า อุยกูร์ในมุมที่ฉีกออกไปบ้าง

ตี๋ลี่เร่อปา (Dilireba) เป็นศิลปินชาวจีน เชื้อสายอุยกูร์ โลดแล่นในวงการบันเทิงได้หมดทั้งนักแสดงมือรางวัล นักร้อง นักเต้น และนางแบบ

ตี๋ลี่เร่อปา หรือ ชื่อจริง ดิลราบา ดิลมูรัต (Dilraba Dilmurat) สามารถพูดได้ 5 ภาษา คือ ภาษาอุยกูร์, จีนถิ่นซินเจียง, จีนกลาง, อังกฤษ และเกาหลี

เธอมีแฟนคลับติดตามใน Weibo มากกว่า 80 ล้านคน 

Dilireba เกิดและเติบโตในเมืองอูรุมชี เขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ ลืมตาดูโลกเมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 1992 ปัจจุบัน อายุ 33 ปี เป็นนักแสดงหญิงที่มีค่าตัวสูงที่สุด ในวงการบันเทิงจีน รับค่าตัวต่อเรื่อง 80-100 ล้านหยวน หรือราว 400-500 ล้านบาท 

ในปี 2019 เธอรับเป็นพรีเซนเตอร์ให้แบรนด์ต่าง ๆ ทั้งในประเทศ แบรนด์ระดับโลกถึง 35 แบรนด์ รวมรับค่าตัวทั้งหมด 3,700 ล้านหยวน (17,325,000,000 บาท)

แฟนคลับคนหนึ่ง เคยเขียนบรรยายความน่ารักจิตใจงามของตี๋ลี่เร่อปาว่า เธอมักซื้อขนมนมเนย ให้แฟนคลับที่มารอหลายชั่วโมงเพื่อเจอเธอ

ปัจจุบัน 
แปลโดย : วัชรินทร์ เศรษฐกุดั่น
ข้อมูลจาก : South China Morning Post
Who is Dilraba Dilmurat?


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top