Monday, 19 May 2025
TheStatesTimes

‘พีระพันธุ์’ หารือแนวทางกดค่าไฟเหลือ 3.99 บาท/หน่วย ย้ำ!! เร่งทำงานเต็มที่ เพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้คนไทย

(6 ธ.ค. 66) รายงานข่าวจากกระทรวงพลังงาน แจ้งว่า กรณีคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ประกาศปรับขึ้นค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (เอฟที) งวดแรกของปี คือ มกราคม-เมษายน 2567 ซึ่งจะส่งผลให้ค่าไฟเฉลี่ยเรียกเก็บจากผู้ใช้ไฟทุกประเภทอยู่ที่เฉลี่ย 4.68 บาทต่อหน่วย เป็นไปตามกระบวนการทางกฏหมายที่จะต้องเปิดรับฟังความเห็นก่อนจะมีมติ แต่ยังไม่ถือเป็นการสิ้นสุด

โดย นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน มีอำนาจบริหารจัดการเพื่อไม่ให้กระทบต่อค่าครองชีพประชาชนและดูแลเศรษฐกิจโดยตรง ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาแนวทางที่จะไม่ให้ค่าไฟขึ้นไปถึงระดับ 4.68 บาทต่อหน่วยแน่นอน หากเป็นไปได้จะพยายามตรึงราคา 3.99 บาทต่อหน่วย หรือหากที่สุดต้องปรับขึ้นจะไม่เกิน 4.20 บาทต่อหน่วย

“ขณะนี้คณะทำงานกำลังเร่งหาแนวทางลดค่าไฟฟ้าจากหลายเครื่องมือ อาทิ ให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือ ‘กฟผ.’ แบกรับภาระหนี้บางส่วนออกไป ให้บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) รับภาระส่วนของต้นทุนราคาก๊าซธรรมชาติ รวมไปถึงอาจหาเงินงบประมาณมาสนับสนุน ซึ่งนายพีระพันธุ์จะหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จึงต้องใช้เวลาช่วงเดือนธันวาคมนี้ในการเร่งทำงาน มั่นใจว่าจะเป็นข่าวดีสำหรับประชาชนในช่วงปีใหม่นี้แน่นอน” รายงานข่าวระบุ

สื่อแฉ!! อดีตนายกฯ อังกฤษ คิดใช้กำลังทหารบุกเนเธอร์แลนด์ หวังยึดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า 5 ล้านโดส ในเนเธอร์แลนด์

(6 ธ.ค. 66) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า บอริส จอห์นสัน ขณะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอังกฤษ ร้องขอให้คณะที่ปรึกษาด้านการทหารเตรียมแผนการต่าง ๆ สำหรับจู่โจมโรงงานผลิตวัคซีนโควิด-19 ของเนเธอร์แลนด์ เพื่อยึดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า 5 ล้านโดส ท่ามกลางวิกฤตอุปทานวัคซีนไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ไม่เพียงพอ

รายงานของหนังสือพิมพ์เดลิเมล์ระบุว่า จอห์นสัน มีปัญหาทะเลาะเบาะแว้งกับสหภาพยุโรป (อียู) หลังบรัสเซลส์ ขู่ว่าจะขัดขวางวัคซีนจากโรงงานแห่งนี้ ที่เตรียมส่งไปยังสหราชอาณาจักร ในเดือนมีนาคม 2021

ในช่วงเวลาดังกล่าว อียู มีปัญหาไม่ลงรอยกับบริษัทยาสัญชาติอังกฤษ-สวีเดน เกี่ยวกับการแจกจ่ายวัคซีน โดย แอสตร้าเซนเนก้า เปิดเผยว่ามีปัญหาด้านการผลิต นั่นหมายความว่าพวกเขาสามารถส่งมอบสต๊อกวัคซีนให้แก่อียู ได้เพียงแค่ 1 ใน 4 จากแผนที่วางเอาไว้ และปฏิเสธเบี่ยงเสบียงวัคซีนจากโรงงานต่างๆของพวกเขาในสหราชอาณาจักรไปยังอียู

จุดยืนดังกล่าวกระตุ้นให้ บรัสเซลส์ ขู่แบนส่งออกวัคซีนจากดินแดนของพวกเขาเองเป็นการตอบโต้ ซึ่งทาง อัวร์ซูลา ฟอน แดร์ ไลเอิน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป อ้างว่าเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อรับประกันว่า "ยุโรปจะได้รับส่วนแบ่งที่ยุติธรรม"

รายงานข่าวระบุว่า เมื่อเป็นดังนั้น จอห์นสัน ซึ่งประกาศว่ากลุ่มต่าง ๆ ที่มีความสำคัญลำดับต้น ๆ ในสหราชอาณาจักร จะได้รับวัคซีนครบเข็มในช่วงกลางเดือนเมษายน 2021 จึงร้องขอให้คณะที่ปรึกษาด้านการทหาร เตรียมแผนบังคับยึดวัคซีนที่ผลิตจากโรงงานในเมืองไลเดน ประเทศเนเธอร์แลนด์

"นายกรัฐมนตรีโกรธมาก" แหล่งข่าวทางการทูตเปิดเผยกับเดลิเมล์ "เขาสั่งให้พวกเจ้าหน้าที่มองหาทุกทางเลือกสำหรับตอบโต้ และรวมถึงขอให้หน่วยงานด้านความมั่นคงมองหาดูว่า มีหนทางใด ๆ หรือไม่ สำหรับการใช้กำลังและยึดวัคซีนจากเนเธอร์แลนด์ แล้วนำวัคซีนเหล่านั้นมาที่นี่"

เดลิเมล์ อ้างแหล่งข่าวคนที่ 2 ระบุว่า "อียูคงไม่ยอมรับข้อเท็จจริงที่ว่า เราได้เจรจาต่อรองข้อตกลงที่ดีกว่ากับแอสตร้าเซนเนก้า มันเท่ากับเป็นการขโมยวัคซีน"

อย่างไรก็ตาม แนวคิดดังกล่าวถูกตีตกไป หลังจาก จอห์นสัน ได้รับคำปรึกษาว่าปฏิบัติการด้านการทหารเพื่อยึดวัคซีน จะบ่อนทำลายร้ายแรงต่อความสัมพันธ์กับอียู และเสี่ยงส่งผลกระทบต่ออุปทานวัคซีนจากที่อื่นๆในกลุ่มอียู ในอนาคต" ตามรายงานของเดลิเมล์

คาดหมายว่า จอห์นสัน จะพาดพิงถึงประเด็นพิพาทกับอียูนี้ ครั้งที่เขาให้หลักฐานต่อการสืบสวนโควิด-19 ของอังกฤษในวันพุธ(6ธ.ค.) โดยที่เดอะไทม์ส เคยรายงานก่อนหน้านี้ว่า อดีตนายกรัฐมนตรีรายนี้จะยอมรับว่าตนเอง "ทำผิดพลาดอย่างไม่ต้องสงสัยเลย" ในการทำหน้าที่ผู้นำของเขาในช่วงโรคระบาดใหญ่ อย่างไรก็ตามเขาเตรียมอ้างเช่นกันว่า มาตรการต่างๆของเขาได้ปกป้องประชาชนหลายแสนชีวิต

สื่อมวลชนไทย-มาเลเซีย-อินโดนีเซีย พร้อมเป็นตัวกลางผสานความร่วมมือ ผลักดันความเชื่อมโยงในทุกมิติ เพื่อกระตุ้นเขตเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยวระหว่างประเทศ (IMT-GT) ให้แนบแน่น

เมื่อเร็วๆนี้ ที่ ห้องประชุมโรงแรมบีพี แกรนด์ทาวเวอร์ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา นายมาหะมะพีสกรี วาแม รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ให้การต้อนรับผู้เข้าร่วมงานสัมมนาเชิงปฏิบัติการ “ความร่วมมือและการพัฒนาการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจ IMT-GT โดยมีนายนาวาเอก จักรพงษ์ อภิมหาธรรม ผู้อำนวยการกองส่งเสริมและสนับสนุนงานพัฒนาฝ่ายพลเรือน เป็นประธานการประชุม นายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล นายกสมาคมหนังสือพิมพ์ภาคใต้แห่งประเทศไทย กล่าวรายงาน พร้อมด้วยคณะสื่อมวลชน ผู้ประกอบการท่องเที่ยวจากประเทศมาเลเซีย ประเทศอินโดนีเซีย และสื่อไทยในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เข้าร่วม

นายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล นายกสมาคมหนังสือพิมพ์ภาคใต้แห่งประเทศไทย กล่าวว่า สมาคมหนังสือพิมพ์ภาคใต้แห่งประเทศไทย ได้ดำเนินงานสร้างความสัมพันธ์กับสื่อมวลชนของประเทศมาเลเซียและประเทศอินโดนีเซียมาอย่างยาวนาน ทางสมาคมจึงได้จัดโครงการสานสัมพันธ์สื่อมวลชนและผู้ประกอบการท่องเที่ยวคาบสมุทรมลายู ครั้งที่ 1 ระหว่างวันที่ 27 พฤศจิกายน ถึงวันที่ 3 ธันวาคม 2566 เพื่อประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ ให้เป็นที่รู้จักในกลุ่มนักท่องเที่ยวมาเลเซียและอินโดนีเซีย โดยเฉพาะเขตพัฒนาเศรษฐกิจ IMTGT เชื่อมสัมพันธ์และกระชับมิตรระหว่างสื่อมวลชนมาเลเซีย อินโดนีเซีย และสื่อมวลชนไทยในพื้นที่ จชต. และแลกเปลี่ยนแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น

นอกจากนี้ ภายในงานยังมีการจัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการ เรื่อง “ความร่วมมือและการพัฒนาการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจในเขตพื้นที่เศรษฐกิจ IMT-GT” โดยมี Mr. Suargana Pringganu กงสุลใหญ่อินโดนีเซีย ประจำจังหวัดสงขลา พร้อมด้วย Mr. Ahmad Fahmi Ahmad Sarkawi กงสุลใหญ่มาเลเซีย ประจำจังหวัดสงขลา , ดาโตะฮัจยี โมฮัมมัด ซาและฮ์ ไซดิน ผู้อำนวยการการท่องเที่ยว วัฒนธรรม และผู้ประกอบการ รัฐเคดาห์ , ผู้แทนแทนนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา, ดร.สิทธิพงษ์ สิทธิภัทรประภา นายกสมาคมโรงแรมหาดใหญ่-สงขลา, นายสมพล ชีววัฒนาพงศ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดสงขลา และ น.ส.อัยดา กูเจะ นายกสมาคมการค้าการท่องเที่ยวฮาลาลไทย-อาเซียน

ขณะที่ นาวาเอก จักรพงษ์ อภิมหาธรรม ผู้อำนวยการกองส่งเสริมและสนับสนุนงานพัฒนาฝ่ายพลเรือน ศอ.บต. กล่าวว่า จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นพื้นที่ที่มีลักษณะเฉพาะแตกต่างจากภูมิภาคอื่นๆ ของประเทศไทย โดยประชากรมากกว่าร้อยละ 80 นับถือศาสนาอิสลาม ซึ่งรัฐบาลไทยได้ตระหนักถึงความพิเศษของวิถีชีวิต และความศรัทธาของผู้ที่นับถือศาสนาอิสลามในพื้นที่ จึงได้จัดให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่พิเศษ และมีนโยบายการพัฒนาที่ตอบสนองต่อวิถีชีวิต และความต้องการของประชาชนในพื้นที่ รวมทั้งส่งเสริมให้ประชาชนมีสิทธิและเสรีภาพในการดำเนินชีวิตตามอัตลักษณ์และความเชื่อของตนเอง

นอกจากนั้น วานนี้ (1 ธ.ค.) ทาง ศอ.บต. ยังได้เปิดเวทีให้ผู้ประกอบการไทยในพื้นที่ จชต. ได้จัดแสดงสินค้า พร้อมจับคู่ธุรกิจ Business Matching คู่ค้าจากประเทศมาเลเซีย และสิงคโปร์ ในมหกรรมเชื่อมสัมพันธ์ด้านการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคมและการศึกษาระหว่างประเทศ คาบสมุทรมลายูภาคใต้ฯ ณ โรงแรมคริสตัลหาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา โดยมี นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี ร่วมปาฐกถาพิเศษ "ทิศทางการพัฒนา จชต."

อีกทั้งงานดังกล่าว ยังเป็นการเปิดตลาดสินค้าบริการฮาลาลของ จชต. ให้สามารถกระจายสินค้าได้ทั้งใน และต่างประเทศ ส่งเสริมความสัมพันธ์ด้านการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และการศึกษา ระหว่างคาบสมุทรมลายูภาคใต้ อนุภูมิภาคไทย-มาเลเซีย-สิงคโปร์ พร้อมสร้างการรับรู้ และความเข้าใจต่อทิศทางการพัฒนาเศรษฐกิจ ตามระเบียงเศรษฐกิจฮาลาล จชต. แนวทางยุทธศาสตร์และนโยบายการพัฒนาพื้นที่ของรัฐบาล

นายปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์ / หาดใหญ่ จ.สงขลา

เปิด 5 ชาติ เดินทางเข้าไทยสูงสุด (ช่วงวันที่ 1 ม.ค.-3 ธ.ค.66)

สำนักงานปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา อัปเดตสถานการณ์ท่องเที่ยวล่าสุด พบว่าตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 3 ธันวาคม 2566 ที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทย ทั้งสิ้น 25,081,212 คน สร้างรายได้จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้ว 1,067,513 ล้านบาท

โดยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ มาเลเซีย จีน เกาหลีใต้ อินเดีย รัสเซีย 

'แด๊ดดี้พิธา' โพสต์ภาพคู่ 'ตารางงาน-List เพลง' วง BABYMONSTER ด้านชาวเน็ตติง ไม่เหมาะสม ล่าสุดเจ้าตัวขอโทษ-ลบแล้ว

(6 ธ.ค.66) เพจ 'วันนี้ก้าวไกลโกหกอะไร' ได้โพสต์ข้อความพร้อมภาพถึงกรณีที่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ได้โพสต์ตารางงานศิลปินดัง ไว้ว่า...

#ทุกคนคะ ไม่ทันขาดคำ แด๊ดดี้สร้างเรื่องอีกแล้วค่ะ

โพสต์ภาพคู่ตารางงานและ List เพลง ของวงเบม่อน (Baby Monster) ที่เป็นความลับของค่าย YG ลงโซเชียล ล่าสุดลบแล้วค่า

ภายหลังจากเป็นกระแสวิจารณ์ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ได้โพสต์ข้อความในทวิตเตอร์ (X) ระบุว่า…

“ต้องขอบคุณ YG Entertainment ที่ให้เวลาและความรู้กับผม และต้องขอโทษที่สื่อสารข้อมูลที่ผิดพลาดออกไป ตอนนี้ลบออกและขอโทษผู้บริหารและศิลปินโดยตรงแล้ว ต้องขออภัย YG ศิลปิน และ แฟนคลับ มา ณ ที่นี้ด้วยครับ”

สตม.รวบหนุ่มออสซี่ ระดับแกนนำแก๊ง HELLS ANGELS ใช้หนังสือเดินทางผู้อื่นเข้าไทยพบพัวพัน  คดียาเสพติดและอาวุธปืนหลายคดี

ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม.,  พล.ต.ต.ประพันธ์ศักดิ์ ประสานสุข ผบก.สส.สตม.,พล.ต.ต.ประสาธน์ เขมะประสิทธิ์ ผบก.ตม.1, พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติคุณ รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.แดนไพร แก้วเวหล รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.สุรศักดิ์ สุรินทร์แก้ว รอง ผบก.สส.สตม., 

พ.ต.อ.ชิตเดชา สองห้อง รอง ผบก.สส.ภ.7 ปฏิบัติราชการ บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ระพีพัฒน์ อุตสาหะ รอง ผบก.ตม.1, พ.ต.อ.พิสิษฐ์ ศรีอ่อน ผกก.2 บก.สส.สตม., พ.ต.อ.รัฐพงษ์ แก้วยอด ผกก.4 บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชย พานะกิจ ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม., พ.ต.อ.กาจภณ ปฐมัง ผกก.สส.บก.ตม.1 ร่วมแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญ ดังนี้

1. สตม.รวบหนุ่มออสซี่ ระดับแกนนำแก๊ง HELLS ANGELS ใช้หนังสือเดินทางผู้อื่นเข้าไทยพบพัวพันคดียาเสพติดและอาวุธปืนหลายคดีและประวัติอาชญากรรมเพียบ บก.สส.สตม. จับกุม MR.ELICES หรือเอเลียส (นามสมมติ) อายุ 31 ปี สัญชาติออสเตรเลีย ในความผิดฐานใช้หนังสือเดินทางของผู้อื่นโดยมิชอบ ในประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ส่งพนักงานสอบสวน บก.สส.สตม. ดำเนินคดีตามกฏหมาย

สืบเนื่องจาก บก.สส.สตม. ได้สืบทราบว่ามีบุคคลสัญชาติออสเตรเลีย ได้ใช้หนังสือเดินทางของคนต่างชาติ สัญชาติอิตาลี เดินทางเข้ามาในประเทศไทย ทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจึงได้ทำการประสานงานกับทางสถานทูตออสเตรเลียประจำประเทศไทยและได้ร่วมทำการสืบสวน โดยพบว่า ได้มีชาย สัญชาติออสเตรเลีย ชื่อ นายเอเลียส สัญชาติออสเตรเลีย ได้ใช้หนังสือเดินทางประเทศอิตาลี ชื่อ MR.GJINI เช่าเครื่องบินส่วนบุคคลเดินทางเข้ามาที่ประเทศไทย โดยทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้นำฐานข้อมูลลายพิมพ์นิ้วมือของบุคคลที่ใช้หนังสือเดินทางประเทศอิตาลี ชื่อ MR.GJINI ส่งเปรียบเทียบกับฐานข้อมูลประเทศออสเตรเลีย พบว่าลายพิมพ์นิ้วมือ นั้นตรงกับบุคคลที่ชื่อ นายเอเลียส และจากการตรวจสอบรูปภาพในระบบสารสนเทศ ตม. พบว่าบุคคลที่ใช้หนังสือเดินทางของประเทศอิตาลี ชื่อ MR.GJINI คือ นายเอเลียส จริง โดยได้เดินทางเข้าประเทศไทย ด้วยวีซ่าประเภท ผ.30 ซึ่งเป็นวีซ่านักท่องเที่ยวที่สามารถอยู่ในประเทศไทยได้ไม่เกิน 30 วัน อีกทั้งนายเอเลียส ยังเป็นผู้ต้องหารายสำคัญของประเทศออสเตรเลีย ซึ่งเป็นแกนนำของแก๊ง HELLS ANGELS ที่เป็นเครือข่ายจำหน่ายยาเสพติด ลักลอบนำเข้ายาเสพติดและอาวุธปืนโดยมีหมายจับที่เป็นการกระทำความผิดจำนวน 38 กระทง โดยเป็นความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืนจำนวน 36 กระทง ความผิดเกี่ยวกับการนำเข้ายาเสพติดเมทแอมเฟตามีน จำนวน 14 กิโลกรัม จำนวน 1 กระทง และมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ จำนวน 1 กระทง อีกทั้งยังมีประวัติอาชญากรรมเกี่ยวกับการทำร้ายเจ้าหน้าที่และการปล้นทรัพย์ด้วย
ชุดสืบสวนได้ทำการสืบสวนจนทราบว่า นายเอเลียส ได้หลบหนีไปพักอาศัยอยู่ที่คอนโดหรูแห่งหนึ่งย่านทองหล่อ จึงได้นำกำลังและเข้าทำการตรวจสอบพบ นายเอเลียส และจากการตรวจสอบห้องพัก พบหนังสือเดินทางประเทศออสเตรเลียของ นายเอเลียส และพบหนังสือเดินทางประเทศอิตาลี ของ MR.GJINI สอบถาม นายเอเลียส ยอมรับว่าได้หลบหนีออกมาจากประเทศออสเตรเลียจริง โดยได้ใช้หนังสือเดินทางของของ MR.GJINI เข้ามาที่ประเทศไทยและเคยยื่นขอต่อการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรไทย หลังจากนั้นทราบว่าทางตำรวจประเทศออสเตรเลียได้ทำการประสานกับทางตำรวจตรวจคนเข้าเมืองประเทศไทย จึงได้พยายามหลบหนีมาโดยตลอด เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้แจ้งข้อหาและสิทธิตามกฎหมายให้ทราบ นำตัวส่ง พนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

นายกสมาคมนิสิตเก่าจุฬาฯ ออกโรงโต้ ม.ธรรมศาสตร์ หลังโดนกล่าวหา ‘ต้นเหตุ’ ทำบอลประเพณี เลื่อน!!

(6 ธ.ค. 66) กลายเป็นดรามาหนักมากในโลกออนไลน์ เมื่อเพจเฟซบุ๊ก ‘ชุมนุมเชียร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์’ โพสต์ภาพพร้อมข้อความระบุว่า... 

‘งานบอล 75 ถูกเลื่อนไม่มีกำหนด เหตุสมาคมศิษย์เก่าจุฬาฯ ไม่พร้อมจัดงาน’

ตามที่ชุมนุมเชียร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และองค์การบริหารสโมสรนิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้มีการประชาสัมพันธ์เรื่องการกลับมาจัดการแข่งขันงานฟุตบอลประเพณีธรรมศาสตร์-จุฬาฯ ครั้งที่ 75 ในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ในวันศุกร์ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566 ที่ผ่านมานั้น

เนื่องจากสมาคมนิสิตเก่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยฯ ได้มีหนังสือแจ้งขอให้ทางสมาคมธรรมศาสตร์ฯ ซึ่งเป็นเจ้าภาพในการจัดการแข่งขันงานฟุตบอลประเพณีฯ ครั้งที่ 75 พิจารณาเลื่อนการแข่งขันงานฟุตบอลประเพณีฯ ครั้งที่ 75 ออกไปก่อน โดยให้มีการหารือร่วมกันเพื่อกำหนดวันที่เหมาะสมในการจัดการแข่งขันงานฟุตบอลประเพณีฯ ครั้งที่ 75 อีกครั้งหนึ่ง ทำให้ได้ข้อสรุปว่างานฟุตบอลประเพณีธรรมศาสตร์-จุฬาฯ ครั้งที่ 75 คาดว่าจะไม่ถูกจัดภายในปีการศึกษา 2566

ชุมนุมเชียร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และองค์การบริหารสโมสรนิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในฐานะนิสิตนักศึกษาผู้ได้รับมอบหมายให้จัดงานฟุตบอลประเพณีฯ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เข้าใจดีว่า งานฟุตบอลประเพณีฯ เป็นกิจกรรมที่ได้รับความสนใจและติดตามจากประชาคมชาวธรรมศาสตร์ ประชาคมชาวจุฬาฯ และผู้เกี่ยวข้องทุกท่าน แต่เมื่อมีเหตุดังกล่าวขึ้น ชุมนุมเชียร์ฯ และองค์การบริหารสโมสรนิสิตฯ จึงมีความจำเป็นต้องเรียนแจ้งให้ทุกท่านทราบว่า การแข่งขันงานฟุตบอลประเพณีธรรมศาสตร์-จุฬาฯ ครั้งที่ 75 จะไม่ถูกจัดขึ้นภายในปีการศึกษา 2566

ทั้งนี้ ชุมนุมเชียร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และองค์การบริหารสโมสรนิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ต้องขออภัยผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกท่านในความไม่สะดวกนี้ และหวังว่าในอนาคต กิจกรรมงานฟุตบอลประเพณีฯ จะได้รับการสนับสนุนจากทุกท่านดังเช่นที่ผ่านมา จึงประกาศมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน

ล่าสุด น.ส.อัจฉรินทร์ พัฒนพันธ์ชัย นายกสมาคมนิสิตเก่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า…

เห็นมีข่าว ประกาศที่ออกโดยชุมนุมเชียร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ว่างานบอลประเพณี ธรรมศาสตร์-จุฬาฯ ครั้งที่ 75 ถูกเลื่อนออกไป เพราะสมาคมนิสิตเก่าจุฬาฯ ขอเลื่อน

ขอให้ข้อมูลที่ถูกต้องกับสังคม งานบอลประเพณี จุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ เป็นงานที่จัดโดยสมาคมนิสิตเก่าจุฬาฯ (สนจ.) และ สมาคมธรรมศาตร์ฯ (สมธ.) โดยปกติจะจัดปลายเดือน ม.ค.- ต้น ก.พ.

การแข่งขันครั้งที่ 75 นี้ ทาง สมธ.เป็นเจ้าภาพจัดงาน ซึ่ง สมธ. แจ้งเลื่อนการจัดงานมาตั้งแต่ปี 2564 – 2566 และเมื่อเดือนตุลาคมนี้ ก็ยังแจ้งโดยวาจาว่าจะไม่จัดงานในต้นปี 2567

แต่ทาง สมธ. มีจดหมายลงวันที่ 15 พ.ย. แจ้ง สนจ. ว่าจะจัดงานในวันที่ 30 มี.ค.67 และขอให้ สนจ. ไปร่วมประชุมและแถลงข่าวการจัดงานในวันที่ 28 พ.ย. คือ บอกล่วงหน้าแค่ 10 วัน ไม่มีการหารืออะไรกันก่อนเลย

ทาง สนจ. จึงได้ประชุมและสรุปว่าหากจัดงานบอลประเพณี วันที่ 30 มี.ค. 67 จะชนกับงานประจำปีของ สนจ. คืองานวันสถาปนาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วันที่ 26 มี.ค. จึงตอบว่าไม่พร้อมร่วมจัดงาน

แต่คนที่ออกมาออกประกาศในสื่อ Social Media กลับกลายเป็น ชุมนุมเชียร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งไม่ใช่ผู้รับผิดชอบในการจัดงานบอลประเพณี และเขียนเหมือนกับ สนจ. เป็นต้นเหตุที่ทำให้งานเลื่อนออกไป อยากให้ สมธ. ออกมาชี้แจงให้ชัดเจน ทำไม พูดกลับไปกลับมา ทำไมแจ้ง สนจ. กะทันหัน อย่าให้น้อง ๆ ออกมาวุ่นวายเลย

หากนิสิต นักศึกษาทั้งสองสถาบัน อยากจะจัดเตะบอลเชื่อมความสัมพันธ์กัน ก็ทำได้ ไม่ต้องใช้ชื่อ งานบอลประเพณี ธรรมศาสตร์-จุฬาฯ ครั้งที่ 75 หรอก (แต่อาจหาสปอนเซอร์ได้ไม่มาก)

สตม.บุกรวบสองหนุ่มแดนปลาดิบ ก่อเหตุลักทรัพย์ อยู่เกินอนุญาต พ่วงประวัติอาชญากรรมเพียบ

บก.ตม.1 จับกุม นายมาซาโอะ (นามสมมติ) อายุ 36 ปี สัญชาติญี่ปุ่น ในความผิดฐาน ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน และจับกุม นายซูซูกิ (นามสมมติ) อายุ 24 ปี สัญชาติญี่ปุ่น ในความผิดฐาน เป็นบุคคลต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด ส่งพนักงานสอบสวน สน.คลองตัน ดำเนินคดีตามกฏหมาย

สืบเนื่องจาก บก.ตม.1 ได้สืบสวนหาข่าวกรณีบุคคลต่างด้าวที่มีพฤติกรรมเป็นภัยสังคม มีประวัติการก่ออาชญากรรม หรือมีส่วนพัวพันกับองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ จนกระทั่งทราบจากสายลับว่ามีกลุ่มชาวญี่ปุ่นกลุ่มหนึ่งซึ่งมีพฤติกรรมที่น่าเชื่อว่าเกี่ยวข้องกับยาเสพติดหรืออาชญากรรมประเภทอื่นๆ โดยมักจะเช่าบ้านอยู่รวมกันหลายๆ คน และเปลี่ยนที่พักไปเรื่อยๆ ใช้รถยนต์เป็นยานพาหนะที่จดทะเบียนในชื่อของบุคคลอื่น จึงได้ให้สายลับหาข้อมูลจนกระทั่งพบว่า กลุ่มดังกล่าวนี้ไปพักอยู่ที่บ้านหลังหนึ่งในหมู่บ้านหรูย่านพัฒนาการ โดยมีสมาชิก 4-5 คนผลัดเปลี่ยนกันเข้าๆออกในบ้านดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้สืบสวนหาข่าวเรื่อยมาจนทราบชื่อสมาชิกรายหนึ่งของกลุ่ม ได้แก่ นายมาซาโอะ เนื่องจากชุดสืบสวนได้ทราบข้อมูลจากสายลับว่า เมื่อช่วงเดือนที่ผ่านมานายมาซาโอะได้ยึดโทรศัพท์ของแม่บ้านรายหนึ่งไว้ เนื่องจากไปพบคลิปวิดิโอและภาพถ่ายที่เป็นหลักฐานการกระทำความผิดของตนในบ้านหลังดังกล่าวหลายภาพ ซึ่งต่อมาผู้เสียหายได้ไปแจ้งความดำเนินคดีกับนายมาซาโอะในความผิดฐานลักทรัพย์ในเวลากลางคืน จนกระทั่งพนักงานสอบสวน สน. คลองตัน ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาพระโขนงขออนุมัติหมายจับนายมาซาโอะ 

ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ตม.1 ได้นำกำลังไปเฝ้าสังเกตการณ์ที่หมู่บ้านดังกล่าวจนได้ข้อมูลว่ามีบุคคลต่างด้าวสัญชาติญี่ปุ่น มีตำหนิรูปพรรณตรงตามหมายจับ กำลังเล่นกับสุนัขอยู่ที่สวนหน้าบ้านหลังหนึ่ง จึงนำกำลังไปแสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และได้แสดงสำเนาหมายจับให้ดู ผู้ถูกจับยืนยันว่าตนเองคือนายมาซาโอะ ตรวจสอบเอกสารหนังสือเดินทางพบว่า นายมาซาโอะเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรเมื่อ 22 พ.ย. 66 ทางท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ด้วยวีซ่าประเภท ผ.30 อนุญาตถึง 21 ธ.ค. 66 การอนุญาตยังไม่สิ้นสุด และยืนยันว่าเป็นบุคคลตามหมายจับจริงเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงแจ้งข้อกล่าวหาและแจ้งสิทธิ์ของผู้ถูกจับให้ทราบ นอกจากนี้ในบริเวณที่เกิดเหตุยังพบนาย ซูซูกิ (นามสมมติ) สัญชาติญี่ปุ่น อายุ 24 ปี เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรเมื่อ 6 ต.ค. 66 ทางท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ด้วยวีซ่าประเภท ผ.30 ครบกำหนดอนุญาต 4 พ.ย. 66 การอนุญาตสิ้นสุดแล้ว 24 วัน จึงได้จับกุม โดยกล่าวหา เป็นบุคคลต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด นำตัวส่งพนักงานสอบสวนเจ้าของคดี ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป 

จากการประสานข้อมูลกับทางการญี่ปุ่น ทำให้ได้ทราบข้อมูลเชิงลึกว่า นายมาซาโอะ มีประวัติเกี่ยวพันคดีอาญาถึง 18 คดี เช่น คดียาเสพติด คดีทำร้ายร่างกาย และคดีอุกฉกรรจ์อื่นๆ โดยเป็นอดีตสมาชิกแก๊งองค์กรอาชญากรรมที่มีความเชื่อมโยงกับอดีตแก๊งยากูซ่า ส่วนนายซูซูกิผู้ถูกจับรายที่ 2 นั้นก็มีประวัติเกี่ยวพันคดีปล้นทรัพย์  โดยใช้กำลังประทุษร้ายที่ญี่ปุ่น จำนวนถึง 3 คดี สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่าง ๆ รวมถึงการเฝ้าระวังบุคคลทั้งสัญชาติไทยและสัญชาติอื่น ๆ ที่มีหมายจับ และการเดินทางเข้า-ออกประเทศไทย หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง อาคารเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระชนมพรรษา 60 พรรษา เลขที่ 904 หมู่ที่ 6 ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จว.นนทบุรี 11120 หรือติดต่อตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดในพื้นที่ หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง

อัศจรรย์ผลการรักษา 'วินัย ไกรบุตร' ร่างกายเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ หลัง 'ขมากรรม-อโหสิกรรม' บุคคล 5 คน ตามขั้นตอนพิธีบุญ

(6 ธ.ค.66) ‘หนุ่ม คงกระพัน’ เผยคลิปล่าสุด ‘วินัย ไกรบุตร ไปลำพูนรับชื่อเจ้ากรรม 2 คนสุดท้าย’ โดย ‘เอ๋ อรชัญญาช์’ ภรรยา ‘เมฆ วินัย ไกรบุตร’ ทำหน้าที่เป็นตัวแทนสามี เดินทางไปหา อ.ไพศาล แสนไชย ที่ จ.ลำพูน อีกครั้ง

โดยขณะนั่งรถไป หนุ่ม คงกระพัน ได้อัปเดตอาการ ‘เมฆ วินัย’ ซึ่ง ‘เอ๋’ ได้อัปเดตอาการสามีสัญญาณดีขึ้น หลายคนสังเกตผิวเริ่มสีชมพู จากที่ดำๆ เขียวๆ ที่บางคนบอกเหมือนศพ ตอนนี้สีผิวสีหน้าก็ดีขึ้น รูปหน้ากลับเข้ารูปเดิม

ย้อนการรักษาเกือบ 5 ปี ทดลองรักษามาหลายขนาน ยาที่ใครลองแล้วหาย หรืออย่างน้อยเสมอตัว แต่ ‘วินัย ไกรบุตร’ ลองแล้วอาการยิ่งแย่ โดย ‘หนุ่ม คงกระพัน’ กล่าวว่า คนอื่นหายหมด ยาระดับโลก นวัตกรรมใหม่ คนอื่นถึงไม่หายไม่ดีขึ้น แต่ก็ไม่เคยแย่ลง แต่ ‘วินัย ไกรบุตร’ แย่ลง มันแปลก

‘เอ๋’ เผยว่า อาจารย์หมอประวิตร (อาจารย์หมอที่จุฬาฯ ผู้รักษาวินัย ไกรบุตร) ซึ่งเข้าใจคนไข้มาก และเราปรึกษาอาจารย์หมอทุกอย่าง และทำในสิ่งที่ไม่กระทบการรักษา อาจารย์เคยพูดคนที่เป็นเหมือนพี่เมฆเข้ามาหาอาจารย์หายหมดแล้ว บางคนเดือนหนึ่ง บางคนสิบปี พอเราได้มาหา อ.ไพศาล ทิศทางดีขึ้น ก็ดีใจมาก ล่าสุดอาจารย์หมอถอยยาแล้ว

ซึ่งทุกครั้งที่ถอยยา ตุ่มขึ้นอย่างน้อยๆ เป็นพัน ต้องจับมือสู้ เพราะ 7-14 วันมันถึงจะเริ่มสงบ ช่วงทรมานคือ 14 วัน - 1 เดือน หลังปรับยา แต่รอบนี้ไปปรับยามาเป็นอาทิตย์เหมือนกัน นิ่ง ตุ่มไม่ขึ้น (หนุ่ม คงกระพัน ถึงกับลั่นว่า อัศจรรย์) จนถ้าวันหนึ่งร่างกายเราผลิตสเตอรอยด์ได้เอง เราถึงจะไม่ต้องใช้ยา (รายการยังเปิดภาพที่ ‘เมฆ วินัย’ เคยป่วยช่วงพีกๆ อาการรุนแรงผิวหนังเป็นตุ่มไปหมดด้วยมีเลือดออก)

โดยไปถึงบ้าน อ.ไพศาล เบื้องต้นทราบว่า อาจารย์เปิดบุพกรรม สำหรับเจ้ากรรมนายเวรอีก 2 คนที่เหลือ ก่อนจะได้พบอาจารย์ซึ่งตอนนี้มีคนมาเข้าคิวรอพบอาจารย์พบมาก ได้คุยกับผู้ช่วยอาจารย์ ทราบว่า 2 เจ้ากรรมนายเวรที่เหลือของ ‘เมฆ วินัย’ มีคนใดคนหนึ่งยังมีชีวิตอยู่ และทั้ง 2 คนอยู่ในกรุงเทพฯ ด้วย

‘มาดามแป้ง’ ลงสมัครชิงเก้าอี้นายกสมาคมฟุตบอลไทย พร้อมสานต่องานจาก ‘สมยศ’ เผย มีแล้ว 65 เสียงหนุน

(6 ธ.ค. 66) ‘มาดามแป้ง’ นวลพรรณ ล่ำซำ ผู้จัดการทีมชาติไทย ชุดใหญ่ และประธานสโมสรการท่าเรือ เอฟซี เดินทางไปยื่นใบสมัครลงเลือกตั้งนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ณ ที่ทำการสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ เมื่อวันที่ 6 ธันวาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการยื่นใบสมัครคนแรก หลังจากก่อนหน้านี้ยังไม่มีใครเดินทางไปยื่นอย่างเป็นทางการ

ก่อนหน้านี้ ‘มาดามแป้ง’ แถลงข่าวเปิดตัวทีมงานสภากรรมการ 18 ราย เมื่อ 4 ธันวาคมที่ผ่านมา นำทัพโดย ปวิณ ภิรมย์ภักดี, อรรณพ สิงห์โตทอง, อดิศักดิ์ เบ็ญจศิริวรรณ, ดร.ชาญวิทย์ ผลชีวิน, วิลักษณ์ โหลทอง ในตำแหน่งอุปนายก โดยมีตัวแทนจากอีกหลายสโมสรที่เข้าร่วมเป็นกรรมการกลาง รวมถึง ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน อดีตกองหน้าทีมชาติไทย

โดย นวลพรรณ ล่ำซำ กล่าวว่า “ก็มีหลายเรื่องที่ตนจะต้องทำ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทีมชาติหรือเรื่องอื่นๆ เราต้องก้าวไปให้ได้ มันมีหลายสิ่งที่ต้องปรับปรุงแก้ไข และมันก็มีหลายปัจจัยจากทั้งตัวสโมสร หรืออื่นๆ รวมถึงเรื่องเงินสนับสนุนฟุตบอลลีก T2, T3 ก็เป็นประเด็นที่ทุกคนพูดถึง เช่นเดียวกับลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสด”

“ก่อนหน้านี้สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ภายใต้การบริหารงานของ พล.ต.อ.สมยศ ก็ทำไว้ดีในหลายๆเรื่อง แป้งเองถ้ามีโอกาสก็จะเข้ามาสานต่อในหลาย ๆ เรื่อง และพัฒนาให้ดีขึ้น มันมีหลายมิติ มีหลายภาคส่วนที่จะต้องเข้าไปทำงาน ไม่ว่าจะต้องทำงานกับผู้สนับสนุนหลาย ๆ ราย กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, การกีฬาแห่งประเทศไทย แม้กระทั่งกองทุนพัฒนากีฬา เราต้องปรับปรุงมาตรฐานของหลายๆภาคส่วน อย่างที่บอกไปสโลแกนของเรา คือ Better Together ก็คงจะต้องรวบรวมความเห็นของคนที่จะมาทำงานร่วมกัน ทำให้ทุกอย่างขับเคลื่อนไปด้วยดี”

“อย่างที่แป้งได้เรียนไปเมื่อได้เห็นหน้าสภากรรมการของแป้งแล้วก็จะเห็นได้ว่าเรารวบรวมคนที่รักฟุตบอลอย่างแท้จริง ที่ผ่านมาอาจจะเห็นว่าบางคนอยู่ขั้วนั้นขั้วนี้ แต่ตอนนี้เราทำให้เห็นว่าทุกคนต้องรวมใจกัน เชื่อว่าทุกคนจะมาร่วมทำงานจริงๆ เพราะฉะนั้น คงไม่มีใครแสดงเจตจำนงที่มาร่วมกับทีมของแป้ง” มาดามแป้ง กล่าวทิ้งท้าย

ขณะเดียวกัน นวลพรรณ ล่ำซำ ยังเปิดเผยอีกว่าเวลานี้มีเสียงสนับสนุนจากสโมสรมากถึง 65 สโมสร จากทั้งหมด 73 สโมสร ที่มีสิทธิ์เลือกตั้งนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย คนใหม่ โดยจะมีการเลือกตั้งในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2567


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top