Wednesday, 7 May 2025
TheStatesTimes

‘รองฯ กิตติ์รัฐ’ พร้อมคณะ เรียกประชุม ตัดวงจรผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ในปี 2567 เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล

เมื่อวานนี้ (30 ต.ค. 66) เวลา 13.30 น.ที่ กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ถนนวิภาวดีรังสิต แขวงตลาดบางเขน เขตหลักสี่ กทม. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร.(ปป) , พล.ต.ท.นิรันดร เหลื่อมศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร.(ปป 2), พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร. (ปป 3), พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. (ปป 4) และพล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผบช.ภ.6 รรท.ผู้ช่วย ผบ.ตร.(ปป 5) ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยม รับฟัง และมอบนโยบายการดำเนินการป้องกันปราบปราม และสกัดกั้นการแพร่ระบาดยาเสพติด ตามภารกิจเร่งด่วน ตัดวงจรผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ในปี 2567 เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล และ ตร.  

โดยมี พล.ต.ท.คีรีศักดิ์ ตันตินวะชัย ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. รรท.ผบช.ปส. พร้อมด้วย รอง ผบช.ปส. , ผบก.,รองผบก.และ ผกก.ในสังกัด บช.ปส.เข้าร่วมประชุมและบรรยายสรุปผลการปฏิบัติงานสำคัญที่ผ่านมาและแผนที่จะดำเนินการต่อไป ตลอดจนปัญหาข้อขัดข้อง ในการดำเนินมาตรการลดจำนวนผู้เสพยาเสพติด ,มาตรการจับกุมผู้ค้ายาเสพติด และมาตรการสกัดกั้นยาเสพติด อย่างเป็นรูปธรรมและเกิดผลสัมฤทธิ์ต่อไปโดยเสร็จสิ้นการประชุม เวลา 15.30 น.

ตำรวจท่องเที่ยวไอเดียเก๋ ออกคลิป 2 ภาษา แนะนำ 5 ข้อแนะนำ การท่องเที่ยวในวันฮาโลวีนให้ปลอดภัย

วันนี้ (31 ต.ค.66) พล.ต.ต.พงษ์สยาม มีขันทอง รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยวและโฆษกกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว เปิดเผยว่า ปี 2566 นั้น วันฮาโลวีน ตรงกับวันที่ 31 ตุลาคม ซึ่งในประเทศไทย นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ นิยมเที่ยวกันวันฮาโลวีนในลักษณะของงานปาร์ตี้ โดยสถานที่ที่มักนิยมไปเที่ยวกัน มักจะเป็นลักษณะของร้านที่มีการจำหน่ายสุรา ผับ บาร์ เช่น ถนนข้าวสาร เป็นต้น

ด้วยความห่วงใยความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว พล.ต.ต.ศักย์ศิรา เผือกอ่ำ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว จึงได้จัดทำคลิป 5 ข้อแนะนำ ในการเที่ยวฮาโลวีนให้ปลอดภัย ได้แก่ 

1. เตรียมแผนเดินทางล่วงหน้า เพื่อจะได้รู้จักเส้นทาง หากเป็นสถานที่ปิด ก็ควรรู้จักทางออกฉุกเฉิน เผื่อเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น

2. ควรมีเพื่อนไปด้วย เพราะในวันฮาโลวีนบางสถานที่ผู้ที่ไปเที่ยวอาจแต่งหน้าแนวแฟนตาซี ทำให้ไม่รู้ว่าใครเป็นใครหากพบเจอเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ เพื่อนจะจำเราได้ และคอยช่วยเหลือกัน 

3. หลีกเลี่ยงสถานที่แออัด เพื่อป้องกันเรื่องการล้วงกระเป๋า รวมไปถึงการเบียดเสียดกับคนจำนวนมาก เพื่อเวลาฉุกเฉินจะได้เอาตัวเองออกมาจากสถานที่นั้นได้ง่าย

4. หากจำเป็นต้องดื่ม ให้ดื่มอย่างมีสติ และก็ต้องดื่มแล้วไม่ขับ 

5. ปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ หรือมาตรการการรักษาความปลอดภัยของสถาานที่นั้นๆ เช่น ไม่ทำให้เกิดประกายไฟ เป็นต้น

ทั้งนี้ คลิป 5 ข้อแนะนำ ในการเที่ยวฮาโลวีนให้ปลอดภัย กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวได้จัดทำเป็นทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ โดยสามารถชมคลิปนี้ได้ที่เพจเฟซบุ๊ก Tourist Police Bureau กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว หรือ www.facebook.com/1155TPB

'Huawei' ร้อนแรง!! 3 ไตรมาสแรกโกยแหลก ยอดขายแตะ 2.28 ล้านล้านบาท โต 2.4%

(31 ต.ค.66) เพจ 'China Report ASEAN - Thailand' เผยข้อมูลตัวเลขผลประกอบการของ 'หัวเว่ย (Huawei) โดยพบว่า ยักษ์ใหญ่ผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือจีนรายนี้ มีรายได้ 3 ไตรมาสแรก (มกราคม-กันยายน 2566) อยู่ที่ 4.56 แสนล้านหยวน หรือคิดเป็นเงินไทยราว 2.28 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.4% จากช่วงเวลาเดียวกัน มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 16% 

ขณะที่รายได้ของ หัวเว่ย ในช่วงครึ่งแรกของปี 66 นั้น อยู่ที่ 3.1 แสนล้านหยวน หรือ ราว 1.55 ล้านล้านบาท) เพิ่มขึ้น3.1% กำไรสุทธิ 15%

โดย หัวเว่ย ระบุด้วยว่า ผลการดำเนินงานโดยรวมสอดคล้องกับความคาดหวังของบริษัทฯ 

'ทรัมป์' ประกาศ!! จะห้ามชาวมุสลิมเข้าสหรัฐฯ หากได้นั่งแท่นประธานาธิบดีอีกครั้ง

(31 ต.ค.66) โดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ รับปากต่อที่ประชุมชาวยิวพรรครีพับลิกันว่า จะนำคำสั่งห้ามชาวมุสลิมเดินทางเข้าสหรัฐฯ กลับมาใช้ หากได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีอีกครั้ง 

ทรัมป์ วัย 77 ปี กล่าวต่อที่ประชุมสุดยอดประจำปีของพันธมิตรชาวยิวพรรครีพับลิกัน (Republican Jewish Coalition) ที่ลาส เวกัส รัฐเนวาดา เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า เขาจะสกัดผู้ก่อการร้ายเคร่งศาสนาอิสลามไม่ให้เข้าสหรัฐฯ ด้วยการนำคำสั่งห้ามเข้าประเทศกลับมาใช้อีกครั้ง 

ทรัมป์ประกาศใช้คำสั่งดังกล่าวอย่างครอบคลุมกับผู้เดินทางมาจากอิหร่าน, ลิเบีย, โซมาเลีย, ซีเรีย, เยเมน, อิรัก และซูดาน 

ตั้งแต่รับตำแหน่งประธานาธิบดีในปี 2017 แม้ว่ามีคนฟ้องศาลว่าเป็นการเลือกปฏิบัติต่อกลุ่มผู้นับถือศาสนา แต่นโยบายนี้ได้รับความนิยมจากฐานเสียงของเขา ต่อมา โจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครต สั่งยกเลิกคำสั่งนี้เมื่อรับตำแหน่งในปี 2021

เวทีนี้เป็นการประชุมของผู้บริจาคชาวยิวที่ทรงอิทธิพลในสหรัฐฯ นอกจากทรัมป์แล้ว ยังมีผู้สมัครเป็นตัวแทนพรรครีพับลิกันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในการเลือกตั้งปี 2024 ขึ้นเวทีอีกหลายคน เช่น รอน ดีแซนทิส ผู้ว่าการรัฐฟลอริดาที่กล่าวว่า เหตุการณ์ที่กลุ่มฮามาสโจมตีอิสราเอลครั้งใหญ่เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม เป็นเหตุโจมตีชาวยิวร้ายแรงที่สุดนับจากเหตุฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิว หรือโฮโลคอสต์

ขณะที่ สว.ทิม สกอตต์ รัฐเซาท์แคโรไลนา ที่กล่าวว่า ต้องมีเคมีบำบัดทางวัฒนธรรมในการต่อสู้กับมะเร็งร้ายอย่างกระแสต่อต้านชาวยิว และ นิกกี เฮลีย์ อดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำสหประชาชาติ ประกาศว่า จะแก้ไขนิยามคำว่าต่อต้านชาวยิวให้ครอบคลุมถึงการไม่ยอมรับสิทธิการดำรงอยู่ของอิสราเอลด้วย

'เมสซี่' เบียด 'ฮาแลนด์-เอ็มบัปเป้' ผงาดคว้าบัลลงดอร์สมัยที่ 8

(31 ต.ค.66) ‘ลิโอเนล เมสซี่’ แข้งซูเปอร์สตาร์โลกได้รับเลือกให้คว้ารางวัลลูกฟุตบอลทองคำหรือบัลลงดอร์ 2023 มาครอง ในพิธีประกาศรางวัลที่ประเทศฝรั่งเศส

เมสซี่เบียดเอาชนะทั้ง เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ กองหน้าตัวเก่งของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่มาพร้อมผลงาน 56 ประตู กับ 3 เเชมป์ และ คีเลี่ยน เอ็มบัปเป้ หัวหอกปารีสแซงต์แชร์กแมง กับผลงาน 1 แชมป์ลีกเอิงและ 1 รองแชมป์โลกกับทีมชาติฝรั่งเศส

แข้งวัย 36 ปีพาเปแอสเชคว้าแชมป์ลีกเอิงโดยทำไป 21 ประตู กับ 20 แอสซิสต์ ใน 41 นัดทุกรายการ ก่อนจะย้ายไป อินเตอร์ ไมอามี่ ในเมเจอร์ ลีก สหรัฐอเมริกา ผลงานชิ้นโบว์เเดงคือพาทีมชาติอาร์เจนติน่า คว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2022 ที่ประเทศกาตาร์มาครอง

"ผมขอบคุณมาก เเละอยากเเบ่งปันรางวัลนี้ให้เพื่อนร่วมทีมชาติของผม สตาฟ โค้ช, ทุกคนที่เกี่ยวข้อง ผมดีใจที่ได้มาอยู่ที่นี่อีกครั้งเพื่อจะได้เพลิดเพลินไปกับช่วงเวลานี้ การคว้าเเชมป์ฟุตบอลโลกคือการบรรลุเป้าหมายที่สูงสุดของผม ผมของเเบ่งปันรางวัลนี้ให้กับทุกคนที่มีส่วนร่วม" เมสซี่ขึ้นกล่าวในพิธีรับรางวัล

เมสซี่ยังคงสร้างสถิติคว้ารางวัลนี้มากขึ้นเรื่อยๆ ตัวเลข 8 สมัยมากที่สุดในประวัติการณ์ อันดับ 2 คือ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ได้ไป 5 สมัย เเต่ไม่ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลครั้งนี้ ซึ่งถือเป็นครั้งเเรกในรอบ 20 ปี

>> ส่วนรางวัลอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ไอตานา บอนมาติ ผงาดคว้ารางวัล ‘บัลลงดอร์ เฟมิแน็ง’ หรือลูกฟุตบอลทองคำฝ่ายหญิง จากผลงานพา บาร์เซโลน่าทีมหญิง คว้าแชมป์ลีก และยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก หญิง พร้อมพาสเปน คว้าแชมป์ ฟุตบอลโลกหญิง 2023

เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ กองหน้าตัวเก่งของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้รับเลือกให้คว้ารางวัล กองหน้ายอดเยี่ยม ประจำปี 2023 หรือ ‘แกร์ด มุลเลอร์ โทรฟี่’

จู๊ด เบลลิ่งแฮม กองกลางตัวเก่งของรีล มาดริด สโมสรชื่อดังของศึก ลาลีก้า สเปน ได้รับเลือกให้คว้ารางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยม ประจำปี 2023

เอมิเลียโน่ มาร์ตีเนซ ผู้รักษาประตูแอสตัน วิลล่าเเละทีมชาติอาร์เจนตินา คว้ารางวัล ‘ยาชิน โทรฟี่’ ผู้รักษาประตูยอดเยี่ยมประจำปี 2023
 

'ล่ามญี่ปุ่นชาวไทย' เผยเหตุเศรษฐกิจญี่ปุ่นฟุบยาว โอกาสฟื้นยาก หลากปัญหารุม ทั้ง 'ใน-นอก' ประเทศ

(31 ต.ค.66) จากเฟซบุ๊ก 'ธนากร ใจสุขสกุลดี' ล่ามภาษาญี่ปุ่นชาวไทย ได้โพสต์ข้อความสะท้อนถึงเศรษฐกิจญี่ปุ่นที่กำลังฟุบยาว ระบุว่า...

ผมเห็นทั้งชาวแม่บ้านและเพื่อนคนไทยหลาย ๆ คนที่อยู่ในญี่ปุ่นพยายามมองโลกในแง่ดีในเรื่องของ การแก้ไขปัญหาและฟื้นฟูเศรษฐกิจของญี่ปุ่น 

หลาย ๆ คนมีลูกเกิดในญี่ปุ่น ดังนั้นก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่ทุกคนจะมีความหวังว่า ด้วยความสามารถของชาวญี่ปุ่น สักวันเศรษฐกิจญี่ปุ่นจะต้องกลับมาเข้มแข็งอีกครั้งอย่างแน่นอน 

ผมเองก็รักและผูกพันกับชาวเกาะนี้ไม่น้อยกว่าทุกคนหรอกครับ อยากมองโลกสวยเหมือนกันและพยายามมองข้ามจุดด้อยมานานหลายปีแล้ว

แต่อยากให้ทำใจกันหน่อยว่า มันแทบจะไม่มีหนทางเลยที่จะเป็นไปได้ตามที่เราคาดหวัง เราต้องยอมรับความจริงนะครับว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นฟื้นยากถึงยากมากที่สุด สมัยก่อนที่ผมจะมาอยู่ญี่ปุ่นนะ ผมเคยอ่านบทความจากหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ เขาเขียนคอลัมน์ว่า 'ญี่ปุ่น สังคมที่กลืนกินตัวเอง'

ตอนแรกผมอ่านแล้วก็ผ่าน ๆ ไปแบบไม่เชื่อเท่าไหร่ เพราะคิดว่าคนญี่ปุ่นเก่งและมีดีกว่านั้น ตอนแต่งงานกับภรรยาคนญี่ปุ่นและย้ายทะเบียนบ้านมาอยู่ญี่ปุ่นแรก ๆ ในช่วงปี 2008-2009 ผมยิ่งทึ่งและชื่นชมพวกเขาออกหน้าออกตาจนเพื่อน ๆ หมั่นไส้นะเออ ขอบอก 5555

แต่ยิ่งอยู่นานเข้าเรื่อย ๆ จนสามารถทำความเข้าใจกับภาษาญี่ปุ่นดีขึ้นเรื่อย ๆ และสามารถอ่านทำความเข้าใจ ศึกษาการเมือง ข้อมูลโครงสร้างสังคม ตลอดจนปัญหาเศรษฐกิจญี่ปุ่นจนเข้าใจอย่างลึกซึ้งถ่องแท้พอสมควรแล้ว ผมต้องยอมรับความจริงว่า ปัญหาของญี่ปุ่นใหญ่โตมากกว่าที่ผมรู้และท่าทางจะแก้ยากมากกกก มันเป็นเหมือนงูกัดกินหางตัวเองจริง ๆ นั่นแหละ

พูดง่าย ๆ เลยคือ รายได้กับรายจ่ายมันไม่สมดุลกันไงครับ แรงงานคนหนุ่มสาวขาดแคลน เพราะอัตราการเกิดต่ำมานานเกินสิบปีแล้ว พอขาดแรงงานทำงานรายได้ก็น้อยลง แต่ตรงกันข้ามคนแก่กลับเพิ่มจำนวนมากขึ้นทุกปี และนั่นทำให้รัฐบาลต้องหาเงินมาอุดหนุนคนแก่เป็นจำนวนมหาศาล พอเงินงบประมาณที่เก็บได้จากภาษีไม่พอก็ต้องยอมเป็นหนี้ออกพันธบัตรแบบขาดทุนเพื่อหาเงินมาโปะกองทุนดูแลผู้สูงอายุ พอเงินไม่พอก็สร้างหนี้วนไปเรื่อย ๆ จนหนี้พอกเป็นก้อนโตถึง 260% ของ GDP แล้วในตอนนี้ !!

แล้วทีนี้นะยังไม่พอนะ ปัญหาที่ใหญ่โตมากกว่านั้นยังมีอีกๆๆๆน้า นั่นคือ โคตรเจ้าพ่อมาเฟียตัวจริงผู้อยู่เบื้องหลังก็คือ อเมริกาที่พยายามกดดันให้ญี่ปุ่นเพิ่มงบประมาณในการป้องกันประเทศ เพราะภัยความมั่นคงที่กดดันมาจากเกาหลีเหนือและจีนนั่นแหละ ซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องโกหกอะไรหรอก ใคร ๆ ก็รู้ ญี่ปุ่นเองก็รู้ตัวว่าตัวเองมีเวรมีกรรมกับประเทศแถวนี้อยู่ไม่น้อยเลยต้องหาเงินมาช้อปอาวุธยุทโธปกรณ์ทันสมัยไฮเทคสารพัดอย่างจากเจ้าพ่ออเมริกาเพื่อป้องกันตัวเองและเพื่อความอุ่นใจไง 

แต่ช้อปยังไงก็ไม่พอ เพราะฝ่ายตรงข้ามก็อัปเดตเทคโนโลยีเหมือนกัน ไหนจะค่าใช้จ่ายในการอุดหนุนฐานทัพอเมริกา ไหนจะต้องอัปเดตกองทัพตัวเอง ทีนี้เงินก็ไม่พอ แล้วจะทำยังไงดี ยิ่งซื้อยิ่งเป็นหนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ แล้วจะให้ทำยังไง

ปัญหาต่อมาคือ พอเงินไม่พอก็ต้องตัดลดงบประมาณรายจ่ายลงทุกอย่าง ทุกกระทรวง และนี่แหละคือคำตอบสุดท้ายที่ว่า ทำไมญี่ปุ่นถึงไม่มีสินค้าหรือนวัตกรรมไฮเทคใหม่ ๆ เจ๋ง ๆ ออกมาสู่ตลาดโลกเท่าไหร่เลย 

ก็ทุกมหาวิทยาลัย ทุกหน่วยงานถูกตัดงบวิจัยเสียเหี้ยนไงครับ 

ผมไปทำงานล่ามให้หน่วยงานราชการไทยที่มาดูงานโรงเรียน มหาวิทยาลัยหลาย ๆ แห่งในญี่ปุ่นมาเลยได้รู้ความจริงว่า รัฐบาลญี่ปุ่นช่างทำไปได้น้อ ตัดงบการศึกษา งบวิจัย จนแทบไม่เหลือและที่ญี่ปุ่นพังก็เพราะอเมริกานี่แหละ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ไง ก็ประเทศแพ้สงครามมาอ่านะ ก็ขนาดน่านน้ำในทะเล น่านฟ้าเหนือสนามบินยังไม่ใช่ของตัวเองทั้งหมดเลยคู้นนนน!!! 

ตอนนี้อเมริกาก็ขึ้นดอกเบี้ยแบบขึ้นเอาๆๆๆ ขึ้นแบบไม่สนใจญาติพี่น้องอย่างญี่ปุ่นเลย หรืออเมริกาไม่นับญาติกับญี่ปุ่นวะ...แบบนี้ญี่ปุ่นก็ตายสิครับ นักลงทุนแห่เทขายเงินเยนทิ้งแล้วหันไปซบดอลลาร์แทน ทีนี้ค่าเงินเยนก็เลยร่วงระนาวยาวนานเพราะญี่ปุ่นไม่สามารถขึ้นดอกเบี้ยได้อย่างอเมริกาไง 

ทั้งหมดที่บ่นมามันก็ไม่ใช่ว่าผมมีความรู้เรื่องเศรษฐศาสตร์อะไรหรอก มันเป็นเพียงแค่ความคิดเห็นส่วนตัวของผมเท่านั้นนะเออ ปัญหามันเป็นงูกินหาง ไม่สามารถโทษอเมริกาได้ทั้งหมดหรอกจ้า โทษนายกรัฐมนตรีคนไหน ๆ ก็ไม่ได้ด้วย แต่งบประมาณการวิจัยถูกตัดเหี้ยนจริง ๆ มาตั้งแต่อดีตนายกอาเบะแล้วไม่ได้พูดเล่น นอกจากนั้นค่าเทอมมหาวิทยาลัยในญี่ปุ่นก็แพงมาก เด็กญี่ปุ่นเข้ามหาวิทยาลัยยากมว้าก ไม่รู้จะแพงไปไหน!!

ค่าเทอมแพงบ้าบอ เด็กทำงานเยอะมีรายได้เกินก็ไม่ได้ด้วยนะ ไอ้เรื่องกำแพงรายได้ของผู้ปกครอง

รายได้ภรรยา หรือเด็กถ้าทำงานพาร์ทไทม์เกิน 130 มังแล้วต้องกระทบกับผู้ปกครอง หลุดออกจากฟุโยอะไรนี่ก็เป็นอะไรที่ปัญญา...อ่อนสุด ๆ เลย ทุกคนคิดเหมือนผมไหม แทนที่จะสนับสนุนให้คนออกไปทำงาน นี่อะไรก็ไม่รู้ ห้ามมีรายได้เยอะเกินไปเท่านั้นเท่านี้

โอ้ยยยย เหนื่อยใจ เด็กรุ่นใหม่น่าสงสารมากครับ

สรุปสุดท้ายว่า คนที่จำเป็นต้องอยู่และอยู่มานานแล้วก็ต้องอยู่ต่อไปแต่ต้องปรับตัวนะจ๊ะ และไม่ต้องเอาญี่ปุ่นไปเปรียบเทียบกับประเทศไทยหรอก ที่อยากเน้นคือ เด็กรุ่นใหม่ถ้าไม่ปลื้มวัฒนธรรมญี่ปุ่นจริง ๆ นะ ไม่ต้องมาหรอก มาเที่ยวได้ มาทำงานได้ แต่อย่าคาดหวังว่าจะมารวย หมดสิ้นหนทางรวยแล้วจ้า ผัวรวยก็หายาก ฝันไปเถอะ อยากรวยไปอเมริกาโน่น จบข่าว

อาชีวศึกษา ‘ไทย-จีน’ จับมือพัฒนา ‘โครงการ 210 สาขาวิชา’ หวังบ่มเพาะทักษะวิชาชีพผู้เรียน - เสริมแกร่งภาคอุตสาหกรรม

เมื่อวานนี้ (30 ต.ค. 66) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า การประชุมความร่วมมือทางอุตสาหกรรมและการศึกษาระหว่างประเทศ หัวข้อการสร้างความเป็นดิจิทัลแก่การศึกษา ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงปักกิ่งของจีนเมื่อไม่นานนี้ รายงานแผนการปรับหลักสูตรอาชีวศึกษาของจีน ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายและความต้องการทางอุตสาหกรรมของจีนและไทย เข้ากับระบบอาชีวศึกษาของไทย

รายงานระบุว่าแผนการปรับหลักสูตรอาชีวศึกษาของจีนเข้าสู่ระบบอาชีวศึกษาของไทย จำนวน 210 สาขา มีเป้าหมายช่วยเหลือไทยให้สามารถบ่มเพาะผู้มีความรู้ความสามารถทางทักษะวิชาชีพเพิ่มขึ้น รวมถึงส่งเสริมการยกระดับทางอุตสาหกรรมและการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ

ทั้งนี้ เมื่อวันศุกร์ (27 ต.ค.) มีการจัดพิธีลงนามโครงการความร่วมมือด้านอาชีวศึกษาจีน-ไทย 210 หรือ ‘โครงการ 210 จีน-ไทย’ โดยคณะกรรมการการอาชีวศึกษา สังกัดกระทรวงศึกษาธิการของไทย ได้ลงนามข้อตกลงกับบุคลากรที่เกี่ยวข้องจากสถาบันอาชีวศึกษาของจีน 4 แห่ง และบริษัท ถังเฟิง อินเตอร์เนชันแนล เอ็ดดูเคชัน กรุ๊ป

โครงการ 210 จีน-ไทย มุ่งร่วมสร้างสาขาวิชาอาชีวศึกษาอันทันสมัย จำนวน 210 สาขา ภายใต้การทำงานร่วมกันของคณะกรรมการการอาชีวศึกษาของไทย และบริษัทฯ เพื่อส่งเสริมความร่วมมือเชิงลึกระหว่างกลุ่มสถาบันอาชีวศึกษาของสองประเทศในการกำหนดหลักสูตร การฝึกอบรมครูอาจารย์ และการผลิตนักศึกษาวุฒิคู่ขนาน

สาขาวิชาส่วนหนึ่งของโครงการ 210 จีน-ไทย ซึ่งจะถูกปรับใช้เป็นชุดแรก ได้แก่ การผลิตเครื่องจักรกลและระบบอัตโนมัติ เทคโนโลยีและการประยุกต์ใช้ความร้อนจากแสงอาทิตย์ เทคโนโลยียานยนต์พลังงานใหม่ เทคโนโลยีการประยุกต์ใช้อินเทอร์เน็ตแห่งสรรพสิ่ง (IoT) เทคโนโลยีการซ่อมบำรุงทางรถไฟความเร็วสูงแบบครบวงจร อีคอมเมิร์ซ ฯลฯ

สมพร ปานดำ รองเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษาของไทย กล่าวว่าอาชีวศึกษามีนัยสำคัญต่อการพัฒนาประเทศอย่างมาก โดยความร่วมมือด้านอาชีวศึกษาระหว่างจีนและไทยนี้เกื้อหนุนการสร้างความเป็นดิจิทัล รวมถึงแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีของไทย ทั้งเชื่อมโยงกับแผนริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (BRI) อย่างลึกซึ้ง

นอกจากนั้นความร่วมมือระหว่างสถาบันอาชีวศึกษาและผู้ประกอบการจะช่วยให้ภาคอาชีวศึกษาสามารถตอบสนองความต้องการของตลาดได้ดีขึ้น ก่อให้เกิดการบ่มเพาะผู้มีความรู้ความสามารถในไทยเพิ่มขึ้น ยกระดับความสามารถทางการแข่งขันด้านการจ้างงานและรายได้ของเยาวชนไทยรุ่นใหม่ มีส่วนส่งเสริมการพัฒนาและเสถียรภาพของสังคมไทย

iPhone อาจแพ้ไปยาวๆ ให้ Huawei ในจีน หลังยอดขายร่วงลง 6% แรงหนุนจากคนในชาติ ที่อยาก 'ไล่ล่า-แซงหน้า-หักหน้า' มะกัน

อะไรคือเหตุผลที่ทำให้ iPhone ของ Apple พ่ายแพ้ให้ Huawei ในจีน หลังยอดขาย iPhone ร่วงลง 6% แต่ยอดขาย Huawei เพิ่มขึ้น 2 เท่าในเดือนที่เปิดตัว

แม้จะไม่ใช่ภาพรวมตลาดโลก แต่จีนก็ถือเป็นตลาดใหญ่ของไอโฟน เพราะรายได้ของ Apple ประมาณ 20% มาจากประเทศจีน ซึ่งมากกว่าในสหรัฐฯ ด้วยซ้ำ

ไม่นานมานี้ สำนักข่าวบลูมเบิร์ก ได้เผยถึงหลักฐานที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ว่า ไอโฟน รุ่นล่าสุดของ Apple กำลังอยู่ในช่วง ‘ขาลง’ เมื่อเทียบกับค่ายโทรศัพท์มือถือชั้นนำจากจีนอย่าง Huawei ซึ่งถือเป็นความพ่ายแพ้ครั้งสำคัญของ ไอโฟน ที่มีจีนเป็นตลาดสำคัญ 

โดยยอดขายสมาร์ตโฟนซีรีส์ ไอโฟน 15 ลดลง 6% ในเดือนที่เปิดตัวเมื่อเทียบกับปีก่อน ตามข้อมูลจากผู้วิจัยตลาด GfK (จีเอฟเค) ซึ่งครอบคลุมยอดขายของผู้บริโภคปลายทางในทุกช่องทาง 

ขณะที่ IDC บริษัทผู้ติดตามอุตสาหกรรมมือถือ ประมาณการว่า การจัดส่งสินค้าของ Apple อาจลดลง 4% ในไตรมาสที่ 3

ทั้ง GfK และ IDC ระบุไปในทิศทางเดียวกันด้วยว่า การกลับมาสู่สปอตไลต์ในวงการมือถือของ Huawei หนนี้ นับเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ Apple ต้องสัมผัสกับความพ่ายแพ้ในตลาดจีน 

อย่างไรก็ตาม หากวิเคราะห์ลงไปถึงสาเหตุที่ทำให้ Apple พ่ายแพ้ Huawei ในจีนครั้งนี้นั้น ทางด้านนักวิเคราะห์ของ เจฟเฟอรีส์ ได้มองว่า มีตัวแปรมาจากแรงหนุนของยอดขายที่แข็งแกร่งในตัวเลขระดับ 2 หลักจากสมาร์ตโฟนแอนดรอยด์ในจีน ซึ่งในที่นี้นำโดย หัวเว่ย / เสียวหมี่ และออเนอร์ 

ขณะเดียวกัน ด้วยสถานการณ์เศรษฐกิจในจีนที่ยังทรงๆ ส่งผลให้กำลังซื้อในจีนอ่อนแอลง ซึ่งนั่นก็มีผลอย่างมากต่อการเปิดตัวไอโฟน 15 ซึ่งยังมีราคาสูง และไม่เห็นถึงลูกเล่นอะไรที่ใหม่กว่าเดิม

อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการวิเคราะห์ถึงมุมมองด้านราคา ว่าจะเป็นตัวชี้วัด ต่อยอดขายในตลาดจีนมากน้อยแค่ไหนนั้น อาจจะต้องบอกว่า ไม่เกี่ยวกันเสียทีเดียว เพราะอันที่จริง ราคาของสมาร์ตโฟนส่วนใหญ่ของ Huawei ก็ไม่ได้มีการกดต่ำลงนัก

หากแต่เป็นเป้าหมายของแบรนด์จีนรายนี้ที่ดูจะไม่อยากยอมแพ้สหรัฐฯ และพยายามพัฒนาสินค้าออกมาสู้ในเชิงของความเป็นชาตินิยมแบบเต็มตัว

ทั้งนี้ บรรดาสื่อใหญ่ต่างประเทศหลายแห่ง ทั้ง Nikkei Asia และ Gizmo China รวมถึงเว็บไซต์ข่าวในจีนอย่าง DoNews ได้รายงานไปในทิศทางเดียวกันอีกด้วยว่า Huawei ตั้งเป้าโกยยอดขายในตลาดมากถึง 70 ล้านเครื่องในปี 2024 หรือถ้าคิดเป็นยอดขายมือถือที่ยักษ์ใหญ่ผู้ผลิตจากจีนรายนี้ตั้งเป้าไว้นั้น จะเท่ากับเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่าเมื่อเทียบกับเป้าหมายในปี 2022 ที่ผ่านมา 

โดยปัจจัยสำคัญที่ทำให้ Huawei กล้าเพิ่มเป้าหมายยอดขายโทรศัพท์มือถือในปีหน้าก็คือ ปรากฏการณ์ของโทรศัพท์ในรุ่น Mate 60 Pro ซึ่งได้รับความนิยมในประเทศจีนอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของราคา หรือแม้แต่ประสิทธิภาพ ซึ่งมียอดขายเกือบ 1.5 ล้านเครื่องแค่ในช่วงเดือนที่เปิดตัว 

นอกจากนี้ อีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ Mate 60 Pro ได้รับความนิยม เชื่อว่า มาจากการที่ Huawei ไม่ได้พึ่งพาชิ้นส่วนจากบริษัทในสหรัฐอเมริกา และพัฒนา-ผลิตชิ้นส่วนสำคัญอย่าง 'ชิป' ด้วยเทคโนโลยี 7 นาโนเมตรในประเทศจีน ภายใต้ SMIC ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปสัญชาติจีนสู่ Mate 60 Pro ได้เอง ซึ่งถือเป็นการผงาดด้านนวัตกรรมเทคโนโลยีชิปครั้งใหญ่จากจีน

และนั่นก็ทำให้การออกวางจำหน่ายโทรศัพท์ในรุ่น Mate 60 Pro ในช่วงที่ผ่านมา เปรียบเสมือนการสะท้อนสัญลักษณ์ของความเป็นจีน ที่ไม่ยอมแพ้สหรัฐอเมริกา ประเทศที่มักจะชอบออกมาตรการมาคว่ำบาตรหลายบริษัท ไม่ว่าจะเป็น SMIC หรือแม้แต่ตัวของ หัวเว่ย เอง

เรียกว่าเป็นการสร้างความสามัคคีในชาติต่อการเติมเชื้อกระแสบริโภคนิยมในจีนก็ไม่ผิด เพราะในขณะเดียวกัน ทาง อิริค สวี (Eric Xu) รองประธานของ Huawei ก็เคยออกมาเติมเชื้อไฟเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย ว่า "ถ้าหากจีนจะต้องการไล่ทันคู่แข่งในเรื่องชิป คนจีนจะต้องสนับสนุนการใช้ชิปที่ผลิตในประเทศจีน" ซึ่งคำพูดดังกล่าว เกิดขึ้นหลังจากการเปิดตัว Mate 60 Pro ไม่นาน

จากเหตุผลที่กล่าวมาทั้งหมด ก็คงจะพอคลายข้อสงสัยได้ว่า ทำไมวันนี้ Huawei สามารถผงาดขึ้นมาครองตลาดมือถือในจีนได้สำเร็จ และทำไมถึงเชื่อได้ว่า ต่อจากนี้ผู้บริโภคชาวจีน จะสนับสนุนแบรนด์ Huawei มากขึ้นไปอีก

นั่นก็เพราะความหวังที่จะดันให้อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของชาติตน (ชิป) ไล่ตามคู่แข่งทัน หรือแซงหน้าได้นั้น สามารถหักหน้าสหรัฐฯ ได้เต็มๆ นั่นเอง

‘อิสราเอล’ ยืนยัน ‘ชานี ลุค’ สาวเยอรมันเหยื่อฮามาส เสียชีวิตแล้ว หลังถูกจับแห่รอบเมือง ชี้ พบเพียงกะโหลกศีรษะ ระบุตัวตนจาก DNA

(31 ต.ค.66) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า กระทรวงกิจการต่างประเทศของอิสราเอลออกมายืนยันว่า น.ส.ชานี ลุค พลเมืองเยอรมันเชื้อสายอิสราเอลวัย 23 ปี ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ที่ถูกกลุ่มฮามาส ลักพาตัวจากงานเทศกาลดนตรีโนวา ระหว่างการโจมตีครั้งใหญ่เมื่อ 7 ต.ค. เสียชีวิตแล้ว

กระทรวงการต่างประเทศอิสราเอล ได้โพสต์ข้อความว่า “เราเสียใจเป็นอย่างยิ่งที่ต้องแจ้งว่ามีการพบและระบุตัวตนของ ชานี ลุค ชาวเยอรมัน-อิสราเอล วัย 23 ปีแล้ว ซึ่งถูกลักพาตัวจากเทศกาลดนตรีและถูกกลุ่มฮามาสทรมาน นำร่างแหไปรอบๆ ฉนวนกาซา เราขอร่วมไว้อาลัยกับเพื่อนและครอบครัวของ ชานี ลุค”

ด้านแม่ของ ชานี ลุค บอกว่า ยังไม่พบศพลูกสาวของเธอ แต่พบเศษกระดูกกะโหลกศีรษะ และ เก็บตัวอย่าง DNA ซึ่งนำไปสู่การระบุตัวตนที่สันนิษฐานว่า ลูกสาวของเธอเสียชีวิตตั้งแต่วันที่ 7 ต.ค.

ก่อนหน้านี้ ครอบครัวของ ชานี ลุค ได้รับรายงานและสันนิษฐานว่า เธอได้รับบาดเจ็บสาหัสยังมีชีวิตอยู่ และเป็นตัวประกันของกลุ่มฮามาส จนครอบครัวของเธอรณรงค์เพื่อปล่อยตัวประกันทั้งหมด

ทั้งนี้ ตอนนี้ยังมีตัวประกันทั้งชาวอิสราเอลและต่างชาติถูกฮามาสจับตัวเอาไว้สูงสุดไม่เกิน 239 คน ตามการเปิดเผยของ พลเรือตรี แดเนียล ฮาการี โฆษกกองทัพอิสราเอลเมื่อวันอาทิตย์ ต่อมาในวันจันทร์ กองทัพอิสราเอลยืนยันว่า ทหารหญิงคนหนึ่งที่ถูกฮามาสลักพาตัวเมื่อ 7 ต.ค. ได้รับการช่วยเหลือระหว่างปฏิบัติการโจมตีภาคพื้นดินในกาซา

'ชาดา' แจงเหตุช่วยหญิงสูงอายุในเหตุไฟไหม้ในอุทัยฯ ไม่กลัว!! รู้วิธีการดับไฟ และวิธีการเข้าไปช่วยผู้สูงอายุ

(31 ต.ค.66) ที่ทำเนียบ นายชาดา​ ไทย​เศรษฐ์​ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงเหตุการณ์การช่วยหญิงสูงอายุติดในห้องที่ไฟไหม้ ​กลางเมืองอุทัยธานี​ เมื่อวานนี้ว่า​ เมื่อวันที่ 30 ต.ค. ระหว่างอยู่ในงานตักบาตรเทโว มีคนแจ้งว่าเกิดเหตุการณ์ไฟไหม้ ซึ่งตนก็ได้เข้าไป และพบนายเจเศรษฐ์​ ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี เขต 1 พรรคภูมิใจไทย ซึ่งเป็นหลานชายอยู่ในที่เกิดเหตุ​ เมื่อตนอยู่ในเหตุการณ์​ พบว่าควันและไฟไหม้มากตนจึงรีบไปนำตัวผู้สูงอายุที่ป่วย​และอาศัยอยู่บนชั้น 2 ของอาคาร โดยอุ้มลงมาเพื่อไปส่งยังโรงพยาบาล​

"ผมได้เข้าไปโดยไม่เกรงกลัว​ เพราะเป็นอดีตนายกเทศมนตรีเมืองอุทัยธานี รู้วิธีการดับไฟ และวิธีการเข้าไปช่วยผู้สูงอายุ และเรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องผิดปกติอะไร เพราะเวลาเกิดเหตุเพลิงไหม้ในจังหวัดอุทัย ผมก็เข้าไปช่วยอยู่เสมอ" นายชาดา กล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top