Saturday, 3 May 2025
TheStatesTimes

'พิธา' ถึงนิวยอร์ก โพสต์ภาพแต่งสูทจัดเต็ม เตรียมร่วมกาลาดินเนอร์ นิตยสาร TIME

(24 ต.ค. 66) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้โพสต์ภาพชุดในเมืองนิวยอร์ก ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Pita Limjaroenrat พร้อมระบุว่า “New York Minute” หลังจากที่ภาพดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป มีคนเข้าไปกดไลก์และแสดงความคิดเห็น รวมทั้งแชร์ต่อออกไปอย่างต่อเนื่อง

โดยก่อนหน้านี้ นายพิธา มีกำหนดการเยือนประเทศสหรัฐอเมริกา ในวันที่ 24-31 ตุลาคมนี้ มีกำหนดการดังนี้ โดยในช่วงเย็นวันที่ 24 ต.ค. (ตามเวลาท้องถิ่น) นายพิธาจะเข้าร่วมงานกาลาดินเนอร์ ซึ่งได้รับเชิญจาก TIME เนื่องในโอกาสที่ได้รับการจัดอันดับเป็นหนึ่งใน TIME 100 NEXT ผู้นำสร้างการเปลี่ยนแปลง ผู้ทรงอิทธิพลแห่งอนาคต

วันที่ 25 ตุลาคม เวลา 13.00-14.00 น. มีกำหนดการพบปะคนไทยในสหรัฐอเมริกา ที่วัดพุทธไทยถาวรวนาราม นครนิวยอร์ก

วันที่ 26 ตุลาคม เวลา 14.00 น. เป็นต้นไป เดินทางไปบรรยายที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เพื่อบรรยายหัวข้อ Moving Forward: Thailand, ASEAN & Beyond (ภาษาอังกฤษ) ที่ Tsai Auditorium, CGIS South Building, 1730 Cambridge Street, Cambridge, MA

วันที่ 28 ตุลาคม เวลา 10.00-12.00 น. ร่วมวง ‘Fireside Chat with Pita Limjaroenrat’ ในฐานะศิษย์เก่า MIT (พูดคุยภาษาไทยเท่านั้น) โปรดสำรองที่นั่งล่วงหน้าได้ที่ http://bit.ly/tim_pita ที่นั่งมีจำนวนจำกัด

‘พาณิชย์ฯ’ เผยตัวเลขส่งออกไทย ก.ย.66 พลิกบวกต่อเนื่องเป็นเดือนที่สอง

(24 ต.ค.66) นายกีรติ รัชโน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทย เดือนกันยายน 2566 ว่า การส่งออก มีมูลค่า 25,476 ล้านดอลลาร์ ขยายตัวร้อยละ 2.1 ซึ่งเป็นการขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 จากตลาดคาดว่า หดตัวร้อยละ 1.75-2.00

ส่วนการนำเข้า มีมูลค่า 23,383 ล้านดอลลาร์ ลดลงร้อยละ 8.3 ส่งผลให้เดือนกันยายน ไทยเกินดุลการค้า 2,093 ล้านดอลลาร์

ขณะที่ในช่วง 9 เดือนแรกปีนี้ (ม.ค.-ก.ย.66) การส่งออก มีมูลค่ารวม 213,069 ล้านดอลลาร์ ลดลงร้อยละ 3.8 การนำเข้า มีมูลค่ารวม 218,902 ล้านดอลลาร์ ส่งผลให้ 9 เดือนแรกปีนี้ ไทยขาดดุลการค้า 5,833 ล้านดอลลาร์

ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า การส่งออกของไทย ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 โดยได้รับแรงหนุนจากการส่งออกสินค้าเกษตร และอุตสาหกรรมเกษตร โดยเฉพาะการส่งออกผลไม้ไปจีน อาทิ ทุเรียน และมังคุด รวมทั้งการส่งออกข้าวที่ขยายตัวได้ดีในตลาดแอฟริกาใต้และอินโดนีเซีย ส่วนสินค้าอุตสาหกรรมดาวรุ่งที่ขยายตัวต่อเนื่อง ยังคงเป็นสินค้าที่เติบโตตามเมกะเทรนด์ เช่น โซลาร์เซลล์ และโทรศัพท์มือถือ

‘บีไอจี’ ผนึกกำลัง ‘น้ำมันกุ๊ก’ ร่วมลดปล่อยคาร์บอน ตัดวงจรก่อมลพิษในกระบวนการผลิตน้ำมันพืช

(24 ต.ค.66) นายปิยบุตร จารุเพ็ญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บางกอกอินดัสเทรียลแก๊ส จำกัด หรือ บีไอจี (BIG) เปิดเผยว่า บริษัทได้ดำเนินการร่วมกับบริษัท ธนากรผลิตภัณฑ์น้ำมันพืช จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำมันพืชกุ๊ก ในการวัดและวิเคราะห์แนวทางการลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ในกระบวนการผลิตน้ำมันพืชและกากพืชน้ำมันด้วย Carbon Accounting Platform ที่พัฒนาโดยบีไอจี

ทั้งนี้ เพื่อยกระดับการบริหารจัดการพลังงานในอุตสาหกรรมอาหารอย่างยั่งยืน ตอบรับเป้าหมายของประเทศมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ในปีพ.ศ. 2593 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปีพ.ศ. 2608

“ความร่วมมือดังกล่าวถือเป็นการมุ่งเน้นในการพัฒนานวัตกรรมจาก Climate Technology ในการตรวจสอบและลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ในการกระบวนการผลิตน้ำมันพืชและกากพืชน้ำมัน เพื่อนำไปสู่การกำหนดแนวทางการบริหารจัดการพลังงานอย่างยั่งยืน โดยที่ความร่วมมือดังกล่าวถือเป็นก้าวสำคัญในการต่อยอดการใช้ Carbon Accounting Platform ไปสู่อุตสาหกรรมอาหาร และร่วมผลักดันในพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อมุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero ร่วมกัน”

นายอดุลย์ เปรมประเสริฐ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ธนากรผลิตภัณฑ์น้ำมันพืช จำกัด กล่าวว่า การนำนวัตกรรมรวมถึง Platform ที่เกี่ยวกับการสังเกตและวางแผนการผลิตเพื่อช่วยลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในรูปแบบ Carbon Accounting Platform ที่บีไอจีพัฒนาขึ้น โดยมาใช้ในกระบวนการผลิตน้ำมันพืชและกากพืชน้ำมันที่เป็น Green Industry จะช่วยบริหารจัดการด้านพลังงานอย่างยั่งยืนและช่วยลดการปลดปล่อยคาร์บอนจากกระบวนการผลิตอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยเร่งผลักดัน ตอบรับกับกลยุทธ์ของน้ำมันพืชกุ๊กที่จะมุ่งสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนในปีพ.ศ. 2593 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี พ.ศ. 2608

'อนุทิน' ยัน 320 เสียงพรรคร่วมฯ หนุนดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 แต่หากในอนาคตมีอะไรที่ไม่ชอบมาพากล ก็ต้องตรวจสอบ

(24 ต.ค.66) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกระแสพรรคร่วมรัฐบาลพยายามลอยแพพรรคเพื่อไทย หลังมีกระแสด้านลบเกี่ยวกับเงินดิจิทัล วอลเล็ต 1 หมื่นบาท ว่า ยืนยันว่าไม่มีการลอยแพ ตนเองก็ติดตามเรื่องนี้อยู่ และเชื่อว่าเมื่อถึงเวลาจะมีการหารือในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี แต่หากในอนาคตมีอะไรที่ไม่ชอบมาพากลก็ต้องตรวจสอบ เพราะไม่เช่นนั้นจะมาเป็นนโยบายรัฐบาลไม่ได้ และเมื่อเป็นนโยบายของรัฐบาลพรรคร่วมจะต้องช่วยกันสนับสนุน แต่ก่อนจะออกเป็นนโยบายจะต้องผ่านการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี และการตราเป็นพระราชบัญญัติ อย่างไรก็ตามเมื่อเป็นนโยบายของรัฐบาลที่นายกรัฐมนตรีได้แถลงต่อที่ประชุมรัฐสภาแล้วเราก็มีหน้าที่ในการทำให้นโยบายของรัฐบาลได้รับการผลักดัน พร้อมย้ำว่าไม่มีการลอยแพอยู่แล้ว แต่อยู่ในเรือนแพ

เมื่อถามว่า กรณีที่นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย มีความเห็นว่าอยากให้เป็นการใช้เงินเฉพาะกลุ่ม จะมีผลกับเรื่องดังกล่าวหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่ารัฐบาลรับฟังความคิดเห็นของทุกฝ่าย เพื่อนำมาพิจารณาว่าอะไรคือสิ่งที่เหมาะสม ตามรัฐธรรมนูญและทำได้จริง ขออย่าไปมองว่า มีนโยบายอะไรที่เป็นพิเศษขึ้นมา เพราะนโยบายนี้ถือเป็นนโยบายหลักที่พรรคเพื่อไทยใช้หาเสียงอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นต้องมั่นใจว่าการนำไปใช้ ต้องไม่ขัดแย้งกับหลักกฎหมาย ส่วนที่ขณะนี้มีแต่เสียงวิพากษ์วิจารณ์ แต่ยังขาดเสียงสนับสนุนนั้น นายอนุทินกล่าวว่า ในส่วนของรัฐบาล 320 เสียง ต้องสนับสนุน 

เมื่อถามว่า ในฐานะคณะรัฐมนตรีหากในท้ายที่สุดนโยบายนี้มีปัญหาจะต้องรับผิดชอบร่วมกันหรือไม่ นายอนุทิน ย้ำว่า นโยบายนี้ไม่ใช่ว่าจะนำออกมาใช้ได้เลย ยังต้องผ่านขั้นตอนการพิจารณา แต่ในขณะนี้ก็ยังสนับสนุนในฐานะเป็นรัฐบาล แต่หากดูแล้วมีอะไรที่เป็นปัญหาขัดต่อรัฐธรรมนูญ ระเบียบ ก็ต้องคุยกันเพื่อหาทางออกให้ได้

‘YG’ คอนเฟิร์ม ‘จีซู BlackPink-อันโบฮยอน’ เลิกกันแล้ว หลังทั้งคู่เพิ่งประกาศคบกันได้เพียง 2 เดือนเท่านั้น

(24 ต.ค.66) คนในวงการบันเทิงเกาหลีใต้ ได้เปิดเผยกับสื่อท้องถิ่นของที่นั่นว่า “ความสัมพันธ์ของจีซูและอันโบฮยอน เริ่มจะห่าง ๆ กันไปเอง เพราะทั้งคู่ยุ่งกับงานมาก และล่าสุดทั้งสองก็เพิ่งจะเลิกกันไปแล้ว"

ขณะเดียวกัน YG Entertainment ต้นสังกัดของ BLACKPINK ก็ได้ออกมายืนยันข่าวอย่างทางเป็นทางการว่า “เป็นเรื่องจริงที่จีซูและอันโบฮยอนเลิกกัน”

โดยก่อนหน้านี้มีการเปิดเผยว่า ‘จีซู’ และ ‘อันโบฮยอน’ กำลังออกเดตกันเมื่อเดือนสิงหาคม โดย จีซู ในวัย 28 ปี เป็นสมาชิกของเกิร์ลกรุ๊ปที่ดังที่สุดในเกาหลี ส่วนฝ่ายชาย ในวัย 35 ปี เป็นทั้งนายแบบและนักแสดง โดยเริ่มมีผลงานการแสดงเมื่อปี 2014 และเริ่มมีชื่อเสียงจากการเล่นซีรีส์ Itaewon Class (2020) รวมถึงได้รับรางวัล Excellence Award สาขานักแสดงนำชายจากบทบาทของเขาใน Yumi's Cells และ My Name ในงาน APAN Star Awards

ไทย สมายล์ โบ้ท เปิดตัวเรือใหม่ 9 ลำ เพิ่มความถี่รับผู้โดยสารชั่วโมงเร่งด่วน คล่องตัวขึ้นให้บริการได้ทุกสภาวะอากาศแม้ระดับน้ำสูงขึ้น

นางสาวกุลพรภัสร์ วงศ์มาจารภิญญา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ไทย สมายล์ กรุ๊ป ได้นำคณะผู้บริหารและพนักงานของบริษัทในเครือ ทำพิธีมงคลเพื่อเปิดตัวเรือรุ่นใหม่จำนวน 9 ลำ ในรุ่น 19M Electric Catamaran Ferry เรือโดยสารพลังงานไฟฟ้า 100% เข้ามาเติมฟีดเรือที่ให้บริการในแม่น้ำเจ้าพระยา พร้อมกับทำพิธีมงคล ในวันฤกษ์งามยามดี เพื่อความเป็นสิริมงคลก่อนการนำเรือไปให้บริการพี่น้องประชาชน

สำหรับการเสริมฟีดเรือครั้งนี้ ส่งผลให้ บริษัท ไทย สมายล์ โบ้ท จำกัด มีเรือโดยสารให้บริการเพิ่มขึันเป็น 35 ลำ เป็นเรือคาตามารันรูปแบบใหม่ขนาด 19 เมตร จำนวน 9 ลำ บรรทุกผู้โดยสารได้ 150 คน/เที่ยว มีความคล่องตัวมากขึ้น เหมาะกับแม่น้ำเจ้าพระยา สามารถให้บริการในทุกสภาวะอากาศ เช่น ช่วงปริมาณน้ำขึ้นสูง ดังนั้นตัวเรือใหม่ที่มีความกระทัดรัดย่อมเข้ามาตอบโจทย์การให้บริการทั้ง 3 เส้นทางในแม่น้ำเจ้าพระยา ได้แก่ City Line / Metro Line และ Urban Line

ขณะที่ศักยภาพของเรือยังคงเป็นเรือพลังงานไฟฟ้า 100% ไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งยังช่วยลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ได้เป็นอย่างมาก / โดยเรือลำใหม่เหล่านี้จะเริ่มให้บริการอย่างเป็นทางการในเดือนพฤศจิกายน 2566 เพิ่มรอบความถี่เรือที่ให้บริการ รองรับการเดินทางของพี่น้องประชาชนสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ทั้งยังจ่ายในราคาเดิมเพียง 30 บาทตลอดสาย ใช้การแตะจ่ายได้ทั้ง Hop Card และรูปแบบเงินสด

ป่อเต็กตึ๊งซับน้ำตาช่วยผู้เหลือประสบอัคคีภัยชาวชุมชนตรอกสาเก 

เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ 2566 เวลา 09.30 น. มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดยคุณอรัณย์  โตทวด ผู้จัดการใหญ่ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง และคุณรัชพร ประสงค์ทรัพย์ หัวหน้าแผนกสาธารณภัย ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ ร่วมกับ มูลนิธิฯ/สมาคมจีนต่างๆได้ลงพื้นที่สงเคราะห์ผู้ประสบอัคคีภัย บริเวณชุมชนตรอกสาเก ถนนราชดำเนินกลาง แขวงบวรนิเวศ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร จำนวน 15 ครอบครัว 22 คน ตามรายละเอียดดังนี้

1. มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง สงเคราะห์เป็นเงินสดคนละ 3,000 บาท จำนวน 22 คน เป็นเงิน 66,000 บาท (หกหมื่นหกพันบาทถ้วน) พร้อมมอบเครื่องอุปโภคบริโภครายบุคคลจำนวน 19 ชุด ชุดละ 1,500 บาท เป็นเงิน 28,500 บาท (สองหมื่นแปดพันห้าร้อยบาทถ้วน) และเครื่องอุปโภคบริโภครายครอบครัวจำนวน 3 ชุด ชุดละ 2,500 บาท เป็นเงิน 7,500 บาท (เจ็ดพันห้าร้อยบาทถ้วน) รวมสงเคราะห์ทั้งสิ้น 102,000 บาท (หนึ่งแสนสองพันบาทถ้วน)
2. มูลนิธิไกรสิทธิการกุศล มอบเงินสด คนละ 400 บาท จำนวน 22 คน เป็นเงิน 8,800 บาท
3. มูลนิธิส่งเสริมศีลธรรมสงเคราะห์ มอบเงินสด ครอบครัว ละ 400 บาท จำนวน  15 ครอบครัว เป็นเงิน 6,000 บาท
4. พุทธสมาคมปทุมรังษี มอบข้าวสาร คนละ 10 กก. จำนวน  22 คน รวม 220 กก. เป็นเงิน 3,300 บาท

รวม 4 องค์กร รวมสงเคราะห์ให้แก่ผู้ประสบอัคคีภัยเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 120,100 บาท (หนึ่งแสนสองหมื่นหนึ่งร้อยบาทถ้วน) 
โดยมีนายโกศล  สิงหนาท ผู้อำนวยการเขตพระนคร มาร่วมในพิธีมอบ ณ  บริเวณที่เกิดเหตุ 
หมายเหตุ เกิดเหตุเมื่อวันที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2566 เวลา 09.12 น.

25 ตุลาคม พ.ศ. 2473 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานปริญญาบัตรครั้งแรกแห่งกรุงสยาม

วันนี้ เมื่อ 93 ปีก่อน พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 เสด็จพระราชดำเนินพระราชทานปริญญาบัตรแก่บัณฑิต ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นับเป็นพิธีพระราชทานปริญญาบัตรครั้งแรกแห่งกรุงสยาม

วันที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2473 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี เสด็จฯ พระราชทานปริญญาบัตรเวชศาตรบัณฑิต (ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นแพทยศาสตรบัณฑิต) ณ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งนับเป็นครั้งแรกของไทยที่มีการพระราชทานปริญญาบัตร ณ ห้องประชุมตึกบัญชาการ (ตึก 1 คณะอักษรศาสตร์ปัจจุบัน) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระบรมราชินีเสด็จพระราชดำเนินเข้าสู่ห้องประชุม พระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยลาภพฤฒิยากร-เสนาบดีกระทรวงธรรมการ ทูลเกล้าฯ ถวายฉลองพระองค์ครุยบัณฑิตพิเศษแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จากนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานครุยกิตติมศักดิ์แก่ข้าราชการของมหาวิทยาลัย 2 ท่าน คือ

1.บัณฑิตชั้นโท (มหาบัณฑิตในปัจจุบัน) ทางวิทยาศาสตร์แก่พระยาภะรตราชา (หม่อมหลวงทศทิศ อิศรเสนา) ผู้บัญชาการ (อธิการบดีในขณะนั้น)

2.บัณฑิตชั้นเอก (ดุษฎีบัณฑิตในปัจจุบัน) แก่ศาสตราจารย์ น.พ. A.G.Ellis คณบดีคณะแพทยศาสตร์ (ต่อมาเป็นอธิการบดีของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระหว่าง พ.ศ. 2478-2479)

จากนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานประกาศนียบัตร (ปริญญาบัตรในปัจจุบัน) แก่เวชบัณฑิตชั้นตรี จำนวน 29 คน ประกอบด้วยผู้สอบได้บัณฑิตชั้นตรีในปี 2471 จำนวน 18 คน และปี 2472 จำนวน 16 คน

โดยในครั้งนั้นพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานพระบรมราโชวาท ตอนหนึ่งความว่า "ข้าพเจ้ามีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้มีโอกาสมาให้ปริญญาแก่นักเรียนมหาวิทยาลัยเป็นครั้งแรกในวันนี้ นับว่า เป็นวันสำคัญสำหรับประวัติการของมหาวิทยาลัย และโดยเหตุนั้น นับว่าเป็นวันสำคัญในประวัติการของประเทศสยามด้วย เพราะว่า ไม่ว่าประเทศใด ๆ ความเจริญของประเทศนั้นย่อมวัดด้วยความเจริญของการศึกษานั้นอย่างหนึ่ง ในประเทศสยามนี้ ต้องนับว่า การมหาวิทยาลัยยังล้าหลังอยู่มาก ที่เป็นเช่นนั้นก็ด้วยเหตุผลหลายประการคือ การที่จะตั้งมหาวิทยาลัยให้ใหญ่โตนั้น ถ้าเอาเงินถมลงไปก็อาจทำได้ แต่ถ้าวิชาที่สอนนั้นประชาชนยังไม่ต้องการ หรือสอนไปไม่เป็นประโยชน์ในทางอาชีพของเราแล้ว การที่จะตั้งเช่นนั้นก็หาเป็นประโยชน์"

‘นายกฯ เศรษฐา’ ห่วงคนไทยในอิสราเอล ยกหูคุย ‘ทูตฯ อิสราเอล’ ยอมรับพูดแรง ปมนายจ้างเอาเงินล่อแรงงานไทยให้อยู่ต่อ

(24 ต.ค. 66) ที่ห้องประชุม 501 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยวันเดียวกันนี้นายกฯ เปลี่ยนใช้รถ RANGE ROVER ทะเบียน 4 ขถ 8832 กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นรถยนต์ส่วนตัว เคยใช้มาแล้วช่วงก่อนเป็นนายกฯ ส่วนรถยนต์เลกซัส ทะเบียน 3 ขส 30 กรุงเทพมหานคร ที่ใช้ประจำอยู่ระหว่างนำไปซ่อมบำรุง

ทั้งนี้ ก่อนการประชุม นายกฯ กล่าวถึงกรณีแรงงานไทยในอิสราเอล ว่า ก็ยังเป็นห่วงอยู่เหมือนเดิมเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 23 ต.ค. ได้มีการโทรศัพท์พูดคุยกับเอกอัครราชทูตอิสราเอล ประจำประเทศไทย ไปแล้ว จากปัญหาที่มีการเพิ่มเงินเป็นแรงจูงใจให้แรงงานไทยอยู่ทำงานต่อ เราก็พูดแรงในเชิงบอกว่าแบบนี้ไม่ได้ เรื่องนี้ไม่ได้ เอาเงินมาล่อ เรื่องแบบนี้ไม่ได้ ตนคิดว่ามันไม่ถูกต้อง เขาบอกว่าไม่ทราบเรื่องเลย แต่เขาจะไปสืบทราบและจะแจ้งให้รับทราบโดยเร็ว เพราะเขาก็เป็นห่วงเหมือนกัน และอีกเรื่องการเลื่อนจ่ายเงินเดือนแรงงานไปวันที่ 10 พ.ย. เขาบอกว่าไม่ทราบเรื่อง แต่ตนก็ยืนยันไปและพูดเสียงหนักแน่นว่าต้องดูให้เรา

เมื่อถามว่า มีรายงานว่าจะมีการปล่อยตัวประกัน 50 คน ในส่วนนี้มีคนไทยด้วยหรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า ยังไม่ทราบเรื่อง ขอไปติดตามเรื่องนี้ก่อน 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกันนี้ มี ครม.แจ้งลาการประชุม 2 คน ได้แก่ นางสาวศุภมาส อิศรภักดี รมว.อุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และ นายอนุชา นาคาศัย รมช.เกษตรและสหกรณ์

‘การละเมิดอำนาจศาล’ พฤติกรรมน่าละอายที่ไม่ควรกระทำ ‘วิวาท-โวยวาย-ดูหมิ่น-ฝ่าฝืนกฎ’ เสี่ยงนอนคุกนาน 6 เดือน

ประชาชนทั่วไป ถ้าไม่มีความจำเป็นจริง ๆ คงไม่มีใครอยากไปศาล ถึงขนาดมีคำกล่าวที่ว่า ‘ให้กินของไม่ดียังดีกว่าเป็นความหรือมีคดี’ อาจจะเพราะความเชื่อที่ว่า ไปศาลจะได้พบกับบรรยากาศที่น่ากลัว เข้มขลัง มีกฎระเบียบมากมาย หากไปเผลอทำผิดกฎต่าง ๆ ก็อาจจะมีความผิด

คำว่า ‘ศาล’ ในที่นี้มีความหมาย 2 อย่าง หมายถึงตัวผู้พิพากษา และยังหมายถึงสถานที่อันเป็นที่ตั้งของที่ทำการศาลยุติธรรม

การละเมิดอำนาจศาลนั้น หมายถึงการกระทำใด ๆ ที่ไปทำให้ เกิดความวุ่นวาย หรือความไม่เป็นระเบียบเรียบร้อย ตามที่กฎหมายได้กำหนดไว้ ซึ่งอาจจะเกิดภายในบริเวณศาล หรือเกิดขึ้นภายนอกบริเวณศาล แต่ส่งผลให้เกิดความวุ่นวาย หรือความไม่เรียบร้อยต่อกระบวนการพิจารณาคดีของศาล

กฎหมายเรื่องการละเมิดอำนาจศาล มีขึ้นเพื่อให้การใช้อำนาจตุลาการ มีประสิทธิภาพ เป็นธรรม และรวดเร็ว

โดยมีการกำหนดไว้ว่าศาลอาจออกข้อกำหนดสำหรับคู่ความหรือบุคคลที่มาอยู่ต่อหน้าศาล หรือการละเมิดอำนาจศาลของหนังสือพิมพ์หรือสิ่งพิมพ์ เช่น การสั่งห้ามโฆษณา ซึ่งข้อความที่เกี่ยวข้องกับคดี ซึ่งอาจทำให้การพิจารณาคดีเสียความยุติธรรม หากผู้ประพันธ์ บรรณาธิการ ผู้พิมพ์ ฝ่าฝืนก็จะมีความผิด

บทลงโทษสำหรับข้อหาละเมิดอำนาจศาล มีทั้งการไล่ออกจากบริเวณศาล หรือลงโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน ปรับไม่เกินห้าร้อยบาท หรืออาจจะลงโทษทั้งสองวิธีการ 

อย่างไรก็ตามศาลอื่น ๆ เช่น ศาลปกครอง ศาลรัฐธรรมนูญ หรือศาลทหาร ต่างมีข้อกำหนดหรือกฎหมายในเรื่องละเมิดอำนาจศาลเป็นการเฉพาะของแต่ละศาล แต่ก็มีหลักการคล้าย ๆ กันกับศาลยุติธรรม

ตัวอย่างของการกระทำที่ถือว่าเป็นการละเมิดอำนาจศาล เช่น อ้างว่าจะเอาเงินไปให้ผู้พิพากษา, นำยาบ้าไปส่งมอบให้ผู้ต้องหาในศาล, ฝ่าฝืนข้อกำหนดของศาล, พกพาอาวุธเข้าไปในบริเวณศาล, ทะเลาะวิวาทชกต่อยกันในห้องพิจารณาคดี, ลงข้อความในสิ่งพิมพ์เปรียบเปรยว่าผู้พิพากษาให้เลื่อนคดีโดยไม่เป็นธรรม, ปลอมลายมือชื่อมาขอประกันตัว ฯลฯ

เนื่องจากในบริเวณพื้นที่ศาลเป็นสถานที่ซึ่งประชาชนทั่วไปผู้มีอรรถคดีเดินทางมาเพื่อแสวงหาความยุติธรรมให้กับตนเอง ซึ่งถือเป็นสถานที่สำคัญ แม้เป็นสถานที่สาธารณะ แต่ก็ต้องมีกฎระเบียบ เพื่อให้การอำนวยความยุติธรรมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย หากมีการประพฤติตน ในบริเวณศาล ซึ่งมีลักษณะไม่เรียบร้อย ตะโกนด่าทอด้วยเสียงดัง อันมีลักษณะเป็นการสร้างความวุ่นวาย และมีผลกระทบต่อประชาชนทั่วไป ก็อาจถูกลงโทษฐานละเมิดอำนาจศาลได้ ตามที่กฎหมายกำหนด


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top