Tuesday, 6 May 2025
TheStatesTimes

'ชาดา' สั่ง 'ลูกเขย' ลาออก 'นายกเทศมนตรี' ไม่ใช่อยู่ต่อ ‘ตั้งรักษาการ’ และอ้างคดียังไม่สิ้นสุด

(25 ต.ค. 66) นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ภายหลังชี้แจงต่อ กมธ.การปกครอง สภาผู้แทนราษฎร ว่า "ตนพูดไว้ว่าต้องเก็บกวาดบ้านตัวเองไว้ก่อน เรื่องนี้ในฐานะ รมช.มหาดไทย ได้โทร. หาผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานีว่า ให้สั่งพักปฎิบัติหน้าที่ นายวีระชาติ รัศมี นายกเทศมนตรีตำบลตลุกดู่ จ.อุทัยธานี ได้หรือไม่ ขอให้ฟังดี ๆ และใช้สมองคิด"

นายชาดา กล่าวว่า เมื่อวานลูกเขยตนได้รับการประกันตัว ได้มีการพูดคุย ซึ่งเขาได้ขอโทษแล้ว ตนบอกว่าไม่ต้องพูดอะไร แต่สิ่งที่คุณต้องทำคือการลาออกจากการเป็นนายกเทศมนตรี เพื่อให้จังหวัดจัดการเลือกตั้ง การรอการพักปฎิบัติหน้าที่ ถือว่าเป็นการเอาเปรียบ ปล่อยทิ้งพี่น้องประชาชนในตำบล ดังนั้นหากลาออกกระบวนการจะต้องมีการจัดเลือกตั้งใหม่ ใครจะลงก็ว่าไปตามระบบ ถือเป็นว่ามาตรฐานของสังคมไทยในทางการเมืองท้องถิ่น โดยนายวีระชาติ ลาออก เมื่อเวลาประมาณ 5 ทุ่มของวันที่ 24 ตุลาคมที่ผ่านมา

"คุณ (ลูกเขย) ต้องลาออก เพื่อเดินหน้าสู่การเลือกตั้งนายกเทศมนตรีคนใหม่ ไม่ใช่อยู่ต่อ (ตั้งรักษาการ) และอ้างคดียังไม่สิ้นสุด" รมช.มหาดไทย เสริม

นายชาดา กล่าวอีกว่า "ผมในฐานะพ่อต้องกอดลูกทุกคนด้วยความรักความอบอุ่น และเดินไปด้วยกัน แม้ทางเดินจะเป็นอย่างไรก็ตาม แต่ครอบครัวของผม ผมรัก และผมทำหน้าที่ในฐานะรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเสร็จเรียบร้อยแล้ว ขอร้องว่า อย่าเอาลูกหลานของผมมาโจมตี แอ็กเคาต์อวตาร ขออย่าเอาลูกหลานของผมมาโจมตี เพราะมันจะเกิดสงครามโซเชียล วันนี้คนไทยต้องรักกัน รักสามัคคีกัน สำนึกในกะลาหัวว่าตอนนี้จะเกิดสงครามโลกอยู่แล้ว ออกข่าวทุกวัน ไม่ใช่มาด่ากันในประเทศนี้ อย่าทำอะไรที่มันไม่สร้างสรรค์" นายชาดา กล่าว

'อิทธิพัทธ์' เชื่อ!! 'พีระพันธุ์' เตรียมนโยบายระยะยาวช่วย ปชช. หลังแก้ปัญหาพลังงานระยะสั้น ลด 'ค่าไฟ-น้ำมัน' ราบรื่น

(25 ต.ค. 66) นายอิทธิพัทธ์ เศรษฐยุกานนท์ หรือ ‘บอย’ อดีตผู้สมัคร สส.กทม พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ระบุว่า…

อีกผลงานของท่านพีระพันธ์ุ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ที่ช่วยลดภาระของประชาชน ผลักดันให้ลดราคาน้ำมันเบนซิน โดยการเสนอผ่านการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2566 สุดท้ายมีมติร่วมกันให้ลดราคาน้ำมันเบนซินโซฮอลล์ 91 ลง 2.50 บาท ต่อลิตร เป็นเวลา 3 เดือน ซึ่งคาดว่ามีผลบังคับใช้ในช่วงสัปดาห์หน้า

ผมต้องขอขอบคุณท่านพีระพันธ์ุ และคณะรัฐมนตรีทุกท่านที่ช่วยลดภาระของพี่น้องประชาชนคนไทย จากนี้ไปเราคงเห็นนโยบายที่ช่วยลดภาระพี่น้องประชาชนอีกหลายเรื่องครับ

‘อันโตนิอู กุแตเรซ’ ชี้ ชาวปาเลสไตน์บอบช้ำยาวนาน 56 ปี ต้องทนเห็นแผ่นดิน-บ้านเมือง-เศรษฐกิจ พังยับเยิน สูญสิ้นหนทางแก้ปัญหา

อันโตนิอู กุแตเรซ เลขาธิการสหประชาชาติ แสดงความคิดเห็นแทนชาวปาเลสไตน์ในที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอสซี) ถึงชะตากรรมของชาวปาเลสไตน์ ตลอด 56 ปี ภายใต้การยึดครอง ที่มองไปทางไหนก็ไม่เห็นทางออก…ความฝันที่จะแก้ปัญหาก็สลายหายไปพร้อมกับสงคราม

'ศาลฯ' ลงดาบ!! หนุ่มคะนองแชร์คลิปตัดต่ออนาจาร 'ศรีริต้า' คุก 12 เดือน ปรับ 6 หมื่น ชดใช้ค่าเสียหายอีก 1 แสน

(25 ต.ค. 66) ศาลอาญาอ่านคำพิพากษา คดีที่ น.ส.ศรีริต้า เจนเซ่น ณรงค์เดช ดาราสาวชื่อดัง เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง หนุ่มแชร์คลิปตัดต่ออนาจารในสื่อออนไลน์ เป็นเหตุให้เสื่อมเสียชื่อเสียงและได้รับความเสียหาย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 7 ก.ค. 2564

โดยวันนี้ น.ส.ศรีริต้า โจทก์ เดินทางมาฟังคำพิพากษาพร้อมด้วยนายกรณ์ ณรงค์เดช สามี และน.ส.ศรันยา หวังสุขเจริญ หรือ ทนายนิด้า

น.ส.ศรันยา หรือ ทนายนิด้า กล่าวว่า ศาลพิพากษาว่า จำเลยมีความผิด ตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14(4)(5) ลงโทษจำคุก 1 ปี และปรับ 20,000 บาท, ความผิดหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328 ลงโทษจำคุก 1 ปี ปรับ 100,000 บาท และ ทำให้ได้รับความอับอายความ ผิดลหุโทษ มาตรา 397 ลงโทษปรับ 1,000 บาท รวมโทษจำคุก 2 ปี ปรับ 121,000 บาท

จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 12 เดือน ปรับ 60,500 บาท โทษจำคุกให้รอลงอาญาไว้ 2 ปี เนื่องจากจำเลยไม่เคยกระทำความผิด และได้วางเงินชดใช้ค่าเสียหายก่อนที่ศาลจะมีคำพิพากษา โดยให้รายงานตัวพนักงานคุมประพฤติ 4 ครั้งใน 1 ปี ทำงานบริการสังคม 24 ชั่วโมง และให้จำเลยลบ ทำลาย ข้อความอันเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์ ให้โฆษณาคำพิพากษาในหนังสือพิมพ์ 15 วัน และโพสต์คำขออภัยลงในเฟซบุ๊กเป็นเวลา 30 วัน พร้อมกับให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทน 100,000 บาทพร้อมดอกเบี้ย

น.ส.ศรันยา หรือทนายนิด้า กล่าวต่อว่า จำเลยส่งต่อข้อมูลลามกอนาจาร ซึ่งไม่ได้เป็นคนตัดต่อคลิปขึ้นมาเอง หากใครติดตามจะทราบว่าคุณศรีริต้าถูกกล่าวหาว่าไปปรากฏอยู่ในคลิปลามกอนาจาร ทั้ง ๆ ที่ปฏิเสธมาตลอดว่าเป็นคลิปตัดต่อไม่ใช่คุณศรีริต้า แต่จำเลยยังส่งต่อคลิปถือว่ามีความผิดเช่นเดียวกัน

"จากการพูดคุย อ้างว่าไม่ได้ตั้งใจ ทำไปด้วยความคึกคะนอง เมื่อได้รับหมายศาลก็สลดกันทุกคน ตนเองอยากให้ คนที่ทำแบบนี้ตระหนักได้แล้ว อย่างคุณริต้าเองวันนี้ที่ต้องมาศาลก็ต้องเสียทั้งเวลาทั้งเงิน แต่ก็เป็นสิ่งที่จำเป็นต้องทำ"

ด้าน น.ส.ศรีริต้า เจนเซ่น กล่าวว่า ขอบคุณผู้พิพากษา และทนายนิดาที่ทำให้ตนเองได้รับความเป็นธรรม ยอมรับว่าตนเองลำบากใจเพราะไม่อยากทำให้ใครเดือดร้อน ไม่ได้ทำด้วยความโกรธแค้น แต่ตนเองไม่สามารถเพิกเฉยได้จึงตัดสินใจดำเนินคดี เพื่อปกป้องชื่อเสียงศักดิ์ศรีของตัวเอง ครอบครัว โดยเฉพาะลูก ตนเองไม่อยากให้ใครเข้าใจผิดในสิ่งที่ไม่เป็นความจริงที่เข้ามาบั่นทอนชีวิตของตนเองและชื่อเสียง อยากให้เรื่องนี้เป็นกรณีตัวอย่าง เป็นบทเรียนว่าการกระทำแบบนี้สามารถเข้าไปทำลายชีวิตคนอื่นได้จริง ๆ อยากให้คิดก่อนทำ ไม่ว่าจะด้วยความตั้งใจหรือไม่ตั้งใจหรือด้วยความคึกคะนองอะไรก็ตาม อยากให้ฉุกคิดว่ามันจะไปสร้างผลกระทบต่อชีวิตคนอื่น และทำลายชีวิตใครหลาย ๆ คนตามที่เราเห็นข่าวทุกวันนี้จากอาชญากรรมไซเบอร์ อยากให้สังคมรู้ว่าบ้านเมืองมีกฎหมายมีศาล จึงยิ่งทำให้ตนเองไม่สามารถเพิกเฉยกับเรื่องดังกล่าวได้จริง ๆ ถึงแม้จะไม่รู้ว่าใครเป็นคนตัดต่อ แต่วันนี้รู้ว่าใครเป็นคนแชร์คลิป ทั้งที่ปฏิเสธแล้วว่าไม่ใช่ตนเองแต่ก็ยังแชร์คลิปอยู่

ขณะที่นายกรณ์ ณรงค์เดช สามีดาราสาว กล่าวว่า วันนี้ดีใจกับภรรยาและขอบคุณกระบวนการยุติธรรม เพราะเป็นสิ่งที่ภรรยาทุกข์ใจหนักใจมาโดยตลอด หากหลายคนจำได้ตอนที่เกิดเรื่อง ภรรยากำลังตั้งท้อง กระทบจิตใจอย่างรุนแรง และตลอดระยะเวลาที่อยู่ในวงการวางตัวดีมาตลอดไม่เคยมีข่าวเสื่อมเสียใด ๆ วันนี้จะได้เคลียร์ให้ชัดว่าผู้หญิงที่อยู่ในคลิปเป็นการตัดต่อไม่ใช่ภรรยา และถือว่าได้เคลียร์ชื่อเสียง 100% เปอร์เซ็นต์

'จีน' ส่งเทียบเชิญ 'นักบินอวกาศต่างชาติทั่วโลก' ร่วมภารกิจท่องสถานีอวกาศของจีนในปี 2030

(25 ต.ค. 66) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า หลินซีเฉียง รองผู้อำนวยการองค์การอวกาศที่มีมนุษย์ควบคุมแห่งประเทศจีน (CMSA) แถลงข่าวว่าจีนสามารถและพร้อมจะเชิญชวนนักบินอวกาศชาวต่างชาติเข้าร่วมภารกิจการเดินทางสู่สถานีอวกาศของจีน

หลินกล่าวว่ามีการส่งคำเชิญชวนไปทั่วโลก โดยยินดีต้อนรับทุกประเทศและภูมิภาคที่มุ่งมั่นใช้อวกาศอย่างสันติเพื่อร่วมมือกับจีนและเข้าร่วมภารกิจสถานีอวกาศของจีน โดยหลินเสริมว่าในอนาคตจะมีการเชิญชวนนักบินอวกาศชาวต่างชาติเข้าร่วมภารกิจลงจอดบนดวงจันทร์ของจีนด้วย

ทั้งนี้ จีนวางแผนส่งยานอวกาศลงจอดบนดวงจันทร์โดยมีมนุษย์ควบคุมภายในปี 2030 ซึ่งปัจจุบันจีนเดินหน้างานวิจัยและพัฒนาอย่างแข็งขันเพื่อบรรลุเป้าหมายดังกล่าวตามกำหนดการ

หลินเน้นย้ำว่าการดำเนินงานทางวิศวกรรมอวกาศที่มีมนุษย์ควบคุมของจีนมีวัตถุประสงค์เพื่อความสันติโดยเฉพาะ และจีนไม่เคยแสวงหาหรือจะแสวงหาการมีอำนาจนำในอวกาศ โดยจีนยินดีเดินหน้าความร่วมมือและการแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศบนพื้นฐานของการใช้อย่างสันติ ความเท่าเทียม ผลประโยชน์ร่วม และการพัฒนาร่วมกัน

นอกจากนั้นหลินเสริมว่าการทำงานร่วมกันนั้นครอบคลุมการเดินทางสู่อวกาศร่วมกันของนักบินอวกาศ การพัฒนาและการทดลองอุปกรณ์บรรทุก (payload) ในอวกาศ การกำกับดูแลสิ่งแวดล้อมในอวกาศ และการศึกษาวิทยาศาสตร์การบินและอวกาศสำหรับเยาวชน

26 ตุลาคม พ.ศ. 2560  พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ  พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร 

วันนี้ เมื่อ 6 ปีก่อน มีพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ซึ่งเป็นพระราชพิธีที่รัฐบาลไทยจัดขึ้น เพื่อแสดงความอาลัยเป็นครั้งสุดท้าย ภายหลังการเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร จัดขึ้น ณ พระเมรุมาศ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง ระหว่างวันที่ 25 - 29 ตุลาคม พ.ศ. 2560 

วันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2560 เป็นวันถวายพระเพลิง คณะรัฐมนตรีจึงกำหนดให้เป็นวันหยุดราชการเป็นกรณีพิเศษ

สำหรับการดำเนินการพระราชพิธีฯ นั้น คณะทำงานทุกฝ่ายได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง มีการสร้างพระเมรุมาศและอาคารประกอบ เช่น พระที่นั่งทรงธรรม ศาลาลูกขุน เป็นต้น ส่วนการบูรณปฏิสังขรณ์ราชรถ ราชยาน และเครื่องประกอบพระราชพิธีนั้น ได้มีการซ่อมแซมพระมหาพิชัยราชรถ พระยานมาศสามลำคาน ราชรถน้อย และพระที่นั่งราเชนทรยาน เพื่อให้พร้อมใช้ในพิธีจริง

นอกจากนี้ยังมีการจัดสร้างราชรถ ราชยานขึ้นมาใหม่ คือ ราชรถปืนใหญ่และพระที่นั่งราเชนทรยานน้อย รวมทั้งประติมากรรมประกอบพระเมรุมาศในพระราชพิธีครั้งนี้ได้มีการปรับปรุงให้มีความร่วมสมัย โดยมีสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (พระนามาภิไธยในขณะนั้น) ทรงเป็นองค์วินิจฉัยในการจัดสร้างพระเมรุมาศ
 

สอ.รฝ.จัดกิจกรรมจิตอาสาพระราชทาน “เราทำความ ดี ด้วยหัวใจ“ เนื่องในวันปิยมหาราช 23 ตุลาคม 2566

วันพุธที่ 25 ต.ค.66 พลเรือตรี ศุภสิทธิ์ บูรณะโอสถ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง (ผบ.สอ.รฝ.) ร้อยตำรวจเอกหญิง มยุรี บูรณะโอสถ ประธานชมรมภริยา สอ.รฝ. คณะผู้บังคับบัญชาพร้อมด้วย สมาชิกชมรมภริยาหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ร่วมทำกิจกรรมจิตอาสาพระราชทาน “เราทำความ ดี ด้วยหัวใจ“ เนื่องในวันปิยมหาราช 23 ตุลาคม 2566 โดยร่วมกันบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ พัฒนาโรงเรียน เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมก่อนเปิดภาคเรียน และสร้างความสัมพันธ์อันดีกับโรงเรียนและประชาชนในพื้นที่ โดยมีโรงเรียนในพื้นที่ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี และอำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง ที่ทำกิจกรรมจิตอาสาพัฒนา ประกอบด้วย โรงเรียนวัดคีรีภาวนาราม โรงเรียนบ้านคลองบางไผ่ โรงเรียนวัดบ้านฉาง อ.บ้านฉาง จว.ระยอง  โรงเรียนบ้านเขาบายศรี โรงเรียนจุกเสม็ด  โรงเรียนบ้าน กม.5 และสถานรับเลี้ยงเด็กปฐมวัย ทร.8 อ.สัตหีบ จว.ชลบุรี

ทั้งนี้ การดำเนินการทำจิตอาสาพัฒนา เป็นไปตามนโยบาย ผู้บัญชาการทหารเรือ ในการดำเนินการ จิตอาสาพัฒนาทำความดี ด้วยหัวใจ ในการร่วมแรง ร่วมใจ พัฒนา บ้าน วัด โรงเรียน (บวร) ซึ่งหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง และจะดำเนินการต่อไป

นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี ชลบุรี 0909535645

‘ธพส.’ ผุด ‘สวนลอยฟ้า’ ย่านแจ้งวัฒนะ-หลักสี่ พื้นที่กว่า 5.4 ไร่ เพิ่มจุดพักผ่อนพื้นที่สีเขียวให้คนเมือง พร้อมเปิดให้บริการปี 67

(25 ต.ค. 66) นายนาฬิกอติภัค แสงสนิท กรรมการผู้จัดการ บริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด (DAD) หรือ ธพส. เผยว่า จากแนวความคิดที่ต้องการเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับพื้นที่ศูนย์ราชการฯ อีกจำนวน 40 ไร่ เพื่อยกระดับศูนย์ราชการฯ ให้เป็นมากกว่าสถานที่ทำงานหรือสถานที่ราชการ แต่เป็นพื้นที่ปอดแห่งใหม่ของกรุงเทพฯ ล่าสุด ธพส. จึงได้จัดสรรพื้นที่ของอาคารจอดรถและซ่อมบำรุง (Depot) ตกแต่งเป็นสวนสาธารณะลอยฟ้า 2 แห่ง รวมพื้นที่กว่า 8,662 ตารางเมตร หรือราว 5.4 ไร่ ใหญ่ที่สุดบนถนนแจ้งวัฒนะและย่านหลักสี่ กรุงเทพฯ

ทั้งนี้ สวนลอยฟ้าแห่งแรกตั้งอยู่บนดาดฟ้าชั้น 11 อาคารจอดรถ Depot ขนาดพื้นที่กว่า 2,789 ตารางเมตร และแห่งที่สองอยู่บนดาดฟ้าที่จอดรถอาคาร A ขนาดพื้นที่ 5,872 ตารางเมตร เชื่อมต่อกับชั้น 2 ของอาคารจอดรถ Depot และเพิ่มความสะดวกของผู้ใช้บริการ

DAD ยังได้สร้างทางเดิน Skywalk ระยะทาง 213 เมตร เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีชมพู สถานีศูนย์ราชการ และเพิ่มความร่มรื่นด้วยการจัดให้มีพื้นที่สวนสาธารณะด้านหน้าอาคารอีก 1,701 ตารางเมตร บริเวณด้านหน้าของอาคาร โดยทั้งหมดที่ DAD พัฒนา จะเปิดกว้างให้ประชาชนทั่วไป ผู้มาใช้บริการและผู้ที่ทำงานในศูนย์ราชการฯ ได้เข้ามาใช้บริการได้

บริเวณชั้น 2 ของอาคารจอดรถ Depot เตรียมจัดวางเป็นพื้นที่สันทนาการ แบ่งเป็นสโมสรหรือคลับเฮ้าส์สำหรับนัดพบปะพูดคุยสังสรรค์ ลานสำหรับจัดกิจกรรม และอีกส่วนหนึ่งจะจัดเป็นศูนย์การเรียนรู้ โดยได้ประสานกับสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) หรือ OKMD เพื่อมาให้บริการ ซึ่งเร็ว ๆ นี้จะดำเนินการลงนามในบันทึกข้อตกลง หรือ MOU ร่วมกัน

สำหรับอาคารจอดรถ Depot ตั้งอยู่ด้านหน้าทางเข้าศูนย์ราชการ เป็นอาคาร 11 ชั้น รองรับรถยนต์ได้ 1,632 คัน มีจุดหัวชาร์จรถ EV รองรับได้จำนวน 30 คัน ด้านล่างของอาคารมีรถ EV Shuttle Bus จอดให้บริการรับ-ส่ง ผู้มาใช้ติดต่อศูนย์ราชการฯ และผู้ใช้บริการต่าง ๆ การออกแบบก่อสร้างเป็นอาคารประหยัดพลังงาน โดยติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์จำนวน 324 แผง ผลิตไฟฟ้าได้ 74,163.60 กิโลวัตต์ต่อเดือน ประหยัดพลังงานได้ 11.03% ต่อเดือน ซึ่งสวนสาธารณะลอยฟ้า และอาคารจอดรถ Depot คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ภายในปี 2567

“สิ่งที่ DAD มุ่งมั่นดำเนินการมาโดยตลอด เพื่อให้ศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ เป็นส่วนหนึ่งของชุมชนย่านหลักสี่ แจ้งวัฒนะ จึงผลักดันสองเรื่องสำคัญมาโดยตลอด คือการจัดการจราจร เพื่อลดความแออัด และการจัดการด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งนอกจากเราจะใช้นวัตกรรมในการสร้างอาคารที่ลดการใช้พลังงาน การจัดการน้ำเสียให้นำกลับมาใช้ประโยชน์ การจัดการน้ำฝนให้นำไปใช้ประโยชน์ได้ตลอดปี DAD ยังมุ่งมั่นที่จะเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้มากกว่าเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนด เพื่อให้ศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ เป็นทั้งสถานที่ทำงาน แหล่งสันทนาการและสถานที่พักผ่อน ที่ประชาชนสามารถเข้ามาใช้ประโยชน์เพื่อสร้างความสุขได้อีกทางหนึ่ง” กรรมการผู้จัดการ DAD กล่าว

นอกจากนี้ แนวคิดการเพิ่มพื้นที่สีเขียว DAD ยังเตรียมปรับปรุง (Renovate) พื้นที่บริเวณ อาคาร B เพื่อเพิ่มความร่มรื่นและลดความแออัดจากจำนวนอาคารและประชาชนที่จะเข้ามาทำงานและติดต่อหน่วยงานราชการ โดยเตรียมปรับพื้นที่เพิ่มการปลูกต้นไม้รอบอาคารและเพิ่มพื้นที่สวนสาธารณะบริเวณอาคาร B และทางเชื่อมต่อกับอาคาร C โดยจะดำเนินการควบคู่ไปกับการพัฒนาและการจัดการระบบการจราจร ได้แก่ การสร้างอุโมงค์ทางลอดขนาด 4 ช่องทางการจราจร และทางเชื่อมต่ออาคารระหว่างอาคาร B กับ อาคาร C โดยเมื่อโครงการเสร็จสมบูรณ์ ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 จะมีพื้นที่สีเขียวรวมทั้งสิ้นกว่า 145 ไร่ จากพื้นที่ทั้งหมด 449 ไร่ นับเป็นพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ฝั่งตะวันออกของกรุงเทพ

สดช. เดินหน้าต่อยอดความสำเร็จ ‘กองทุนดีอี’ พร้อมโชว์ 10 โครงการเด่น ยกระดับดิจิทัลเพื่อสังคม

สดช. แถลงผลการดำเนินงานกองทุนดีอี มีโครงการแล้วเสร็จไปกว่าร้อยละ 89.93 ทุกโครงการเดินหน้าขยายผลโครงการเพื่อสร้างประโยชน์ให้กับสังคม พร้อมจัดแสดงนิทรรศการแสดงผลงาน 10 โครงการเด่น 

(25 ต.ค. 66) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นประธานเปิดกิจกรรมสัมมนาและนิทรรศการผู้รับทุนกองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ประจำปี พ.ศ. 2566 (กองทุนดีอี) โดยมีศาสตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ร่วมเป็นเกียรติเข้าร่วมกิจกรรมฯ และนายภุชพงค์ โนดไธสง เลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวรายงานและแถลงผลการดำเนินงานในภาพรวมของการให้ทุนสนับสนุนจากกองทุนฯ ณ โรงแรมเซ็นทรา บาย เซ็นทารา ศูนย์ราชการและคอนเวนชันเซ็นเตอร์ กรุงเทพฯ 

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวว่า วัตถุประสงค์ของกองทุนดีอี คือ การส่งเสริม สนับสนุน หรือให้ความช่วยเหลือหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และบุคคลทั่วไปในการดำเนินการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โดยการให้ทุนอุดหนุนการวิจัยและพัฒนาที่เกี่ยวกับการพัฒนาดิจิทัลฯ มีบทบาทผลักดันนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่จะช่วยพัฒนาประเทศ ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน ช่วยให้ความรู้ สร้างสิ่งใหม่แก่สาธารณชน โดยรัฐบาลได้เล็งเห็นความสำคัญในเรื่องการพัฒนาระบบ Digital ของประเทศ ซึ่งมีความจำเป็นต่อโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัล เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงบริการต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น การเพิ่มขีดความสามารถด้านดิจิทัลในการสร้างข้อได้เปรียบทางการแข่งขันของประเทศ การสร้างความมั่นคงและปลอดภัยของเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล และการเพิ่มศักยภาพทุนมนุษย์ด้านดิจิทัลของประเทศ เพื่อเป็นแนวทางในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลของประเทศในระยะถัดไป โดยเรื่องแรกที่จะดำเนินการ คือ Go Cloud First ซึ่งได้วางกรอบในการขยายเชิงโครงสร้างพื้นฐานให้แก่ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน

ทั้งนี้ รัฐบาลยังมีโครงสร้างดึงบริษัทชั้นนำทั่วโลกเข้ามาลงทุนด้าน Cloud Data Center ในประเทศไทย ในส่วนของ Digital ID มีกรอบที่ชัดเจนมากขึ้นและขณะนี้กฎหมายได้มีมาตรฐานที่รับรองไว้แล้ว สำหรับเรื่องเมืองอัจฉริยะ (Smart City) การพัฒนาพื้นที่หรือระดับเมือง ได้ส่งเสริมการนำข้อมูล Big Data เข้ามาใช้เพื่อเป็นประโยชน์ โดยเชื่อมโยงข้อมูลเมืองในแต่ชั้นข้อมูล พร้อมวิเคราะห์ผลผ่านแพลตฟอร์มข้อมูลเมือง (City Data Platform : CDP)

นอกจากนี้ รัฐบาลยังจะนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อความโปร่งใสในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ โดยมีความมุ่งมั่นที่จะนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาช่วยสร้างความโปร่งใสและตรวจสอบได้ ได้แก่ การจ่ายเงินภาครัฐผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ การติดต่อราชการผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ การติดต่อราชการผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ในรูปแบบ One Stop Service และการนำระบบ Blockchain มาใช้เพิ่มความโปร่งใสในการทำธุรกรรมกับภาครัฐ เพื่อขับเคลื่อนสู่การเป็น Digital Government ต่อไป

ด้านนายภุชพงค์ โนดไธสง เลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวว่า
ผลการดำเนินงานของกองทุนดีอี ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ที่ผ่านมากองทุนฯ ได้นำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการเปิดรับข้อเสนอขอรับทุนสนับสนุน และระบบสนับสนุนภายในทั้งทางด้านการวิเคราะห์โครงการ และด้านการติดตามและประเมินผลโครงการ โดยมีการนำเอาผลสำรวจความพึงพอใจของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย มาจัดทำเป็นแผนปรับปรุงคุณภาพการให้บริการ เพื่อพัฒนาและปรับปรุงการให้บริการแก่ผู้ขอรับทุนมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น สำหรับการจัดกิจกรรมฯ ในครั้งนี้ กองทุนดีอีมีเป้าหมายที่จะนำเสนอความคืบหน้าการดำเนินงานของผู้รับทุน พร้อมรับฟังปัญหาอุปสรรค และเสนอแนะแนวทางการยื่นขอรับทุน รวมทั้งมีการจัดนิทรรศเพื่อการแสดงผลการดำเนินงานของโครงการที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เพื่อเป็นไอเดียสำหรับผู้สนใจที่จะขอรับทุนต่อไป โดยมีการนำโครงการที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนพัฒนาดิจิทัลมาจัดแสดงในงานนิทรรศการแสดงผลงาน จำนวน 10 โครงการ ได้แก่

1. โครงการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีอากาศยานไร้คนขับและเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เสนอขอโดยสำนักงานปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในมาตรา 26 (1) ซึ่งได้รับการสนับสนุนในการใช้อากาศยานไร้คนขับ ในการสำรวจทางอุทยานแห่งชาติและชายฝั่ง ซึ่งในวันนี้กระทรวงฯ ได้มานำเสนอการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมโดยใช้อากาศยานไร้คนขับในการลาดตระเวนสำรวจพื้นที่ และจัดทำแผนที่อุทยานแห่งชาติในรูปแบบภาพถ่ายทางอากาศ

2. โครงการโปรแกรมการชมพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ดิจิทัล เสนอขอโดยสำนักวิชาการพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ ในมาตรา 26 (1) เป็นการจัดทำโปรแกรมการชมพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ดิจิทัล (Digital Science Museum Guides program) เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับประชาชนและเยาวชนของชาติ ด้วยการเพิ่มทางเลือกในการเรียนรู้นอกห้องเรียนให้กับผู้เข้าชมพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์อีกทางหนึ่ง

3. โครงการจัดหาระบบการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล (DOPA-Digital ID) และระบบเปรียบเทียบภาพใบหน้า (Face verification System) เสนอขอโดยกรมการปกครอง ในมาตรา 26 (1) เป็นการจัดทำระบบการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล (Digital ID) และระบบพิสูจน์และยืนยันตัวตนด้วยใบหน้าทางดิจิทัล (Face Verification Service: FVS) ของประเทศเพื่อให้บริการแก่หน่วยงานภาครัฐ และเอกชน โดยมีฟังชั่นก์ที่ให้บริการ อาทิ 

(1) แสดงบัตรประชาชน 
(2) แสดงข้อมูลทะเบียนบ้าน 
(3) ข้อมูลการฉีดวัคซีน โควิด-19 
(4) การคัดและรับรองเอกสารงานทะเบียน พร้อมทั้งยังมีระบบต่าง ๆ ที่เชื่อมต่อกับระบบหลัก เช่น ระบบ Health link ระบบ Lands Maps ระบบจองหมายเลขทะเบียนรถยนต์ และระบบยื่นภาษีออนไลน์

4. โครงการพัฒนาการรักษาโรคหลอดเลือดสมองเฉียบพลัน โดยใช้รถโมบายสโตรคยูนิตเชื่อมต่อกับระบบปรึกษาทางไกลและการส่งต่อผู้ป่วยแบบครบวงจรสำหรับทุกคน เสนอขอโดยคณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ในมาตรา 26 (1) ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนฯ 2 ระยะ เป็นการพัฒนาแพลตฟอร์มต้นแบบที่ใช้ในการรักษาบนรถโมบายสโตรคยูนิตรวมทั้งระบบการปรึกษาทางไกลของผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองผ่านระบบ Telestroke และพัฒนาระบบส่งต่อข้อมูลทางการแพทย์ ก่อนนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาล โดยมีการขยายพื้นที่เป้าหมายใน 6 จังหวัดนำร่อง คือ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ราชบุรี กรุงเทพมหานคร ชลบุรี เชียงราย และนครพนม 

5. โครงการให้บริการรายการข้อมูลภาครัฐ เสนอขอโดยบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) 
ในมาตรา 26 (1) เป็นการให้บริการรายการข้อมูลและให้คำปรึกษาแก่หน่วยงานภาครัฐ ในการจัดทำรายการข้อมูลภาครัฐ Data Catalog และ Data Government สำหรับ 50 หน่วยงาน โดยเป็นการเชื่อมต่อแหล่งข้อมูล และเว็บไซต์ของหน่วยงานภาครัฐที่ติดตั้งอยู่ในระบบคลาวด์กลางภาครัฐ (GDCC)

6. โครงการระบบดิจิทัลเพื่อการบริหารจัดการเชิงรุกคลัสเตอร์เส้นใยธรรมชาติเพื่อการสร้างมูลค่าเพิ่มและยกระดับวิสาหกิจชุมชนไปสู่วิสาหกิจนวัตกรรม เสนอขอโดยภาควิชาวิทยาการสิ่งทอ คณะอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในมาตรา 26 (1) เป็นการพัฒนาระบบ เพื่อสร้างความเชื่อมโยงและสร้างเครือข่ายธุรกิจในการจัดหาวัตถุดิบ การผลิต การพัฒนาผลิตภัณฑ์ และการตลาดระหว่างกลุ่มวิสาหกิจชุมชนและธุรกิจอุตสาหกรรมต่าง ๆ รวมทั้งส่งเสริมความร่วมมือระหว่างเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนไปสู่ห่วงโซ่ อุปทานของอุตสาหกรรมขนาดใหญ่

7. โครงการการพัฒนาห้องปฏิบัติการการทดลองทางเคมีในชุมชนโลกเสมือนจริง (Development of Chemistry Lab in Metaverse) เสนอขอโดยมหาวิทยาลัยเทคโนโลยี พระจอมเกล้าพระนครเหนือ ในมาตรา 26 (2) เป็นการพัฒนาห้องปฏิบัติการการทดลองทางเคมีในชุมชนโลกเสมือนจริง เพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงห้องปฏิบัติการทางเคมีให้กับนักเรียน/นักศึกษาโดยสามารถใช้ซอฟต์แวร์ทำการทดลองทางเคมีแบบมีผู้ใช้งานพร้อมกันได้หลายคนในสภาพแวดล้อมเหมือนห้องปฏิบัติการจริง ประกอบกับลดข้อจำกัดจากการทำห้องปฏิบัติการทางเคมีที่มีค่าใช้จ่ายสูงได้อีกด้วย

8. โครงการศูนย์บริการประชาชน กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เสนอขอโดยกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในมาตรา 26 (1) เป็นการพัฒนาระบบสนับสนุน เพื่อให้บริการประชาชนตั้งแต่รับแจ้ง แก้ไข ป้องกัน บังคับใช้กฎหมายจนคดีถึงที่สุด

9. โครงการพัฒนาแพลตฟอร์มให้บริการการใช้ประโยชน์ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างของประเทศไทย เสนอขอโดยกรมที่ดิน ในมาตรา 26 (1) เป็นการพัฒนาแพลทฟอร์มสำหรับการเชื่อมโยงและให้บริการข้อมูลที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง กับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน ในรูปแบบของแอปพลิเคชัน และแพลทฟอร์ม Data as a Service : DaaS

10. โครงการพัฒนาชุดฝึกอบรมยานยนต์สมัยใหม่ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลเสมือนจริงเพื่อสร้างเสริมอาชีพให้แก่กลุ่มเยาวชนในวัยทำงานที่อยู่นอกระบบการศึกษาลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาและอาชีพในกลุ่มจังหวัดภาคกลาง เสนอขอโดยสำนักวิจัย และ บริการวิชาการ สถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน ในมาตรา 26 (2) เป็นการสร้างชุดฝึกอบรมยานยนต์สมัยใหม่ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลเสมือนจริง เพื่อเตรียมกำลังคนในกลุ่มเยาวชนในวัยทำงานที่อยู่นอกระบบการศึกษาให้มีความรู้ความสามารถ ในด้านยานยนต์ไฟฟ้า พร้อมทั้งใช้ฝึกก่อนการปฏิบัติงานจริง เพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุในขณะที่ปฏิบัติงาน 

“กองทุนดีอีได้สนับสนุนทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 จนถึงปัจจุบัน ได้อนุมัติโครงการมาตรา 26 (1) (2) และ (6) ซึ่งเป็นการให้ทุนในกรณีสถานการณ์โควิด-19 และการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ 5G ไปแล้วจำนวน 244 โครงการ ซึ่งปัจจุบันโครงการได้ดำเนินการเสร็จสิ้นไปแล้วกว่าร้อยละ 89.93 โดยทุกโครงการจะมีการนำไปขยายผลเพื่อสร้างประโยชน์ให้กับประชาชนและประเทศชาติต่อไป” นายภุชพงค์ฯ กล่าวเพิ่มเติม

(สุรินทร์) มทบ.25 ร่วมให้การต้อนรับองคมนตรี ตรวจเยี่ยมเรือนจำอำเภอรัตนบุรี จังหวัดสุรินทร์

วันที่ 25 ตุลาคม 2566 เวลา 10.00 น. พลตรี ชินวิช เจริญพิบูลย์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 25 มอบหมายให้ พันเอกบุญส่ง พรมนิล รองเสนาธิการมณฑลทหารบกที่ 25 ร่วมให้การต้อนรับ พลเอก ไพบูลย์ คุ้มฉายา รองประธานคณะกรรมการมูลนิธิราชทัณฑ์ปันสุข ทำความดี เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ และคณะ ตรวจเยี่ยมเรือนจำอำเภอรัตนบุรี จังหวัดสุรินทร์ โดยมี นายพิจิตร บุญทัน ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ พร้อมทั้งนายแพทย์ สันติชัย  ตันติรัตนานนท์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสุรินทร์ พันตำรวจเอก ธรรมนูญ  ฉิมวงษ์  รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรจังหวัดสุรินทร์ นายวิรัตน์ แดงเถิน ผู้บัญชาการเรือนจำอำเภอรัตนบุรี  และหัวหน้าส่วนราชการต่างๆ ในอำเภอรัตนบุรี จังหวัดสุรินทร์ ร่วมให้การต้อนรับ

โครงการ “ราชทัณฑ์ปันสุข ทำความดี เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์” เป็นโครงการที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี พระราชทานความช่วยเหลือทั้งแก่ผู้ต้องขังและประชาชนทั่วไป ให้สามารถเข้าถึงบริการทางสาธารณสุข

ปุรุศักดิ์  แสนกล้า  ข่าว/ภาพ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top