Saturday, 3 May 2025
TheStatesTimes

สมาคมหนังสือพิมพ์เวียดนามให้การต้อนรับคณะสมาคมนักหนังสือพิมพ์ภูมิภาคแห่งประเทศไทย ในการแลกเปลี่ยน วัฒนธรรม ข่าวสาร และ การท่องเที่ยว

เมื่อวันที่ 20 ต.ค. ที่ผ่านมา คณะกรรมการบริหารสมาคมนักหนังสือพิมพ์ภูมิภาคแห่งประเทศไทย (สนพท.)โดยนายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล นายกสมาคมฯได้นำคณะกรรมการบริหารและที่ปรึกษาฯ จำนวน 9 คน ประกอบด้วยนางวิลาสินี เจริญสุข เลขาธิการฯ,นายปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์ อุปนายก ,นายนพดล แสงวิลัย,นายชัชวาล คำไท้ ,นายณรงค์ ภัยกำจัด กรรมการบริหาร ,นางอารยา ณ วงศ์ดี ผช.เลขาธิการ ,นายบุญสืบ แก้วกล้า และนายนิรุทธ์ ลี้ปัทมากุล 2 ที่ปรึกษาสมาคมฯ ซึ่งเป็นนักธุรกิจ นำเข้า-ส่งออก สินค้า

คณะของ สนพท, เดินทางโดยสายการบินไทยจากสนามบินสุวรรณภูมิมายังสนามบินโหน่ยบ่าย กรุงฮานอย เมืองหลวงของประเทศเวียดนาม โดยมีนาย บุย ง็อก กวาง นายกสมาคมนักข่าวนิญบิ่ญ (ninh Binh) และคณะกรรมการสมาคมฯให้การต้อนรับ ก่อนที่จะนำคณะของ สนพท.เดินทางไปยังเมืองซาปา จังหวัดลาวกาย ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวสำคัญของเวียดนามตอนเหนือติดชายแดนประเทศสาธรณรัฐประชาชนจีน เพื่อให้คณะของ สนพท.ได้สัมผัสกับบรรยากาศของเมืองท่องเที่ยว เป็นการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม และการท่องเที่ยว โดยเดินทางไปชมความสวยงามของทิวทัศน์ด้วยการนั่งกระเช้าไฟฟ้าสู่ยอดเขาฟานซีปัน และเดินทางไปสัมผัสอากาศหนาวบนสกายวอล์คที่สวยงามและอลังการ ซึ่งทั้งยอดเขาฟานซีปันและสกายวอล์ค เป็นสถานที่ซึ่งนักท่องเที่ยวจากประเทศต่าง โดยเฉพาะคนไทยเดินทางไปเที่ยวเป็นจำนวนมาก 2 คืนที่เมืองซาปา ทำให้คณะของ สนพท.ได้สัมผัสกับบรรยากาศการท่องเที่ยว การแสดงของชนเผ่า ที่เป็นวัฒนธรรมของเมืองซาปาและได้ลิ้มรสอาหารพื้นเมือง เป็นการแลกเปลี่ยนข่าวสารวัฒนธรรมของทั้งสองสมาคมอย่างใกล้ชิด

หลังจากนั้นในวันที่ 22 ตค,คณะของ สนพท.ก็ได้เดินทางออกจากเมืองซาปามายังจังหวัดนิญบิ่ญ โดยเข้าพักโรงแรม BAI DINH ซึ่งเป็นโรงแรมที่รัฐบาลเวียดนามใช้ในการต้อนรับแขกบ้าน แขกเมือง  และได้เลี้ยงรับรองอาหารเย็นคณะ สนพท.ก่อนที่จะนำไปเยี่ยมชมและไหว้พระที่เจดีย์ไบดิงห์ ซึ่งมีพระพุทธรูปทองคำองค์ใหญ่ และมีพระบรมสารีริกธาตุบรรจุอยู่ ณ ยอดเจดีย์ชั้นสูงสุด

วันที่ 23 ต.ค.คณะเจ้าภาพจากสมาคมนักข่าวนิญบิ่ญ ได้นำคณะของ สนทพ.ไปล่องเรือเพื่อชมทิวทัศน์ตรังอัน( TRANG AN) หรือที่คนไทยเรียกว่า "ฮาลองบก"ที่สวยงาม และตอนบ่ายวันเดียวกันได้นำคณะของ สนพท.ล่องเรือชมทิวทัศน์ตามก๊อก-บิชดง (TAM COC -  BICH DONG )  สร้างความตื่นตาตื่นใจและประทับใจแก่คณะ สนพท.เป็นอย่างยิ่ง หลังจากนั้นได้เข้าพักที่โรงแรม THE REED HOTEL นายกสมาคมนิญบิ่ญ พร้อมคณะกรรมสมาคมฯได้เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารค่ำแก่คณะของ สนพท.ส่วนในวันที่ 24 ต.ค. คณะเจ้าภาพจะได้นำคณะของ สนพท.เดินทางไปเยี่ยมชมอาสนวิหารพัทเดียม (PHAT DIEM STONG CATHEDRAL ) และตอนเย็นจะไปเยี่ยมชมเมือง tUYET TiNH COC และเมืองหลวงโบราณ HOA  LO

โดยในวันที่ 25 ต.ค. คณะเจ้าภาพจะได้นำคณะของ สนพท.เดินทางไปยังจังหวัดฮานาม ซึ่งนายกสมาคมนักข่าวจังหวัดฮานาม จะทำหน้าที่เป็นเจ้าภาพให้การต้อนรับ และนำคณะไปเยี่ยมชมเจดีย์ TAM CHUC ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และมีความเก่าแก่ที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวของ จังหวัดฮานาม ในในตอนเย็นจะได้มีการสนทนาแลกเปลี่ยนระหว่างสมาคมทั้งสามสมาคม เพื่อประโยชน์ในการเดินทางมาเยือนในครั้งนี้

'ก.อุตฯ' เผย!! โครงการศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ ฉะเชิงเทรา รุดหน้า!! เตรียมพาอุตฯ ยานยนต์ไทยทะยาน หลังได้ผู้รับเหมาครบ 'ตอบโจทย์-ราคาเหมาะสม'

เมื่อวันที่ 23 ต.ค. 66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากที่นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ได้ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าการก่อสร้างโครงการศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ เมื่อวันที่ 10 ก.พ. 66 ที่ผ่านมา ซึ่งสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เป็นผู้ดำเนินโครงการดังกล่าว โดยดำเนินอยู่บนพื้นที่ 1,235 ไร่ บริเวณเขตสวนป่าลาดกระทิง ตำบลลาดกระทิง อำเภอสนามชัยเขต จังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งอยู่ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) โดยการลงทุนของภาครัฐทั้งหมดภายใต้กรอบวงเงิน 3,705.7 ล้านบาท

ปัจจุบันได้ดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จกว่า 55% ใช้งบประมาณไปแล้ว 2,038 ล้านบาท คงเหลือการดำเนินงานอีก 45% ในวงเงินประมาณ 1,667.69 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2569 หากแล้วเสร็จสมบูรณ์ศูนย์ทดสอบแห่งนี้จะกลายเป็นฮับการทดสอบมาตรฐานอันดับ 1 ในอาเซียน และอันดับที่ 11 ของโลก

การก่อสร้างศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ (ATTRIC) เป็นส่วนหนึ่งของการส่งเสริมและยกระดับคุณภาพผลิตภัณฑ์ยานยนต์ ชิ้นส่วนยานยนต์ และยางล้อของไทย ไปสู่การเป็นซูเปอร์คลัสเตอร์ (Super Cluster) อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ และเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของรัฐบาล ที่ต้องการผลักดันให้ประเทศไทยเปลี่ยนผ่านจากการเป็นฐานการผลิตยานยนต์สันดาปภายในเป็นยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่สำคัญ ในภูมิภาคอาเซียนมีบุคลากรที่มีความรู้และความสามารถในด้านผลิตภัณฑ์ยานยนต์ ชิ้นส่วนยานยนต์ และยางล้อ สามารถทดสอบและรับรองได้เองในประเทศ เป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ประกอบการในประเทศที่ไม่ต้องส่งผลิตภัณฑ์ไปทดสอบที่ต่างประเทศ

สำหรับงบประมาณที่ได้รับอนุมัติมาในปี 2566 อีก 1,667.69 ล้านบาทนั้น จะใช้สำหรับการก่อสร้าง ได้แก่

1. สนามทดสอบสมรรถนะและความเร็ว และการป้องกันดินสไลด์สู่สนามทดสอบยางล้อตามมาตรฐาน UN R117  
2. สถานีสำหรับเตรียมสภาพรถ (Work Shop) 
3. ทางวิ่ง (Run-In) ส่วนต่อขยายจากสนามทดสอบยางล้อเพื่อการทดสอบมาตรฐาน UN R117
4. LAB ทดสอบการชน 

รวมทั้งจัดซื้อชุดเครื่องมือทดสอบ 3 รายการ ได้แก่ ชุดเครื่องมือทดสอบการยึดเกาะถนนขณะเข้าโค้ง  ชุดเครื่องมือทดสอบอุปกรณ์เลี้ยวสำหรับยานยนต์ และชุดเครื่องมือทดสอบการป้องกันผู้โดยสารเมื่อเกิดการชนด้านหน้าและด้านข้าง

ทั้งนี้ ตามแผนที่วางไว้ศูนย์ทดสอบฯ นี้จะกลายเป็นฮับการทดสอบมาตรฐานอันดับ 1 ในอาเซียน และอันดับที่ 11 ของโลก คาดว่าศูนย์ทดสอบฯ จะมีรายได้ไม่น้อยกว่าปีละ 968 ล้านบาท รวมทั้งช่วยให้ผู้ประกอบการประหยัดค่าใช้จ่าย และลดระยะเวลาในการส่งผลิตภัณฑ์ไปทดสอบที่ต่างประเทศประมาณ 30-50% และสร้างเม็ดเงินสะพัดในพื้นที่ไม่ต่ำกว่า 148 ล้านบาทต่อปี

ล่าสุดสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เปิดให้มีการประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ โครงการประกวดราคาจ้างก่อสร้างสนามทดสอบความเร็วและสมรรถนะ และการป้องกันดินสไลด์สู่สนามทดสอบยางล้อ ตามมาตรฐาน UN R117 ต.ลาดกระทิง อ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา โดยมีข้อมูลอยู่ในระบบอีบิดดิ้ง มีผู้แข่งขัน 2 รายและมีผู้รับการคัดเลือกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยบริษัทผู้รับคัดเลือกมีราคาต่ำสุดอยู่ที่ 844,230,000 บาท โดยคาดว่าจะมีการประกาศรายชื่อบริษัทที่ชนะการประกวดราคาทางอิเล็กทรอนิกส์เพื่อเดินหน้าก่อสร้างโครงการดังกล่าวในเร็ว ๆ นี้ ให้สามารถดำเนินโครงการในแต่ละระยะให้แล้วเสร็จทั้งโครงการและเปิดใช้บริการได้ในปี 2569 ตามกรอบเวลาของโครงการทั้งหมดได้

‘สรรเพชญ’ เชื่อ!! วิกฤตเศรษฐกิจปีหน้าหนักหนาสาหัส แนะรัฐบาลหาทางรับมือ พร้อมแก้ปัญหาปากท้อง-ครัวเรือน

เมื่อวันที่ 22 ต.ค.66 นายสรรเพชญ บุญญามณี ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ร่วมทำโพล มติชน x เดลินิวส์ สอบถามประชาชนว่าอยากให้รัฐบาลเศรษฐา แก้ปัญหาอะไรก่อนระหว่างเศรษฐกิจและการเมือง ซึ่งสามารถโหวตได้จนถึงวันที่ 31 ตุลาคม ว่า ในส่วนการทำงานของรัฐบาล อย่างที่รัฐบาลได้แถลงนโยบายต่อสภาฯ หลังจากนี้ก็คงจะเป็นกระบวนการของการจัดทำงบประมาณปี 67 ซึ่งแน่นอนที่สุดว่าพี่น้องประชาชนก็ฝากความหวังไว้กับรัฐบาลชุดนี้มากพอสมควร ที่จะเข้ามาแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชน ซึ่งปัญหาที่เร่งด่วนที่สุดก็คือเรื่องของปากท้อง เศรษฐกิจ ที่เราต้องยอมรับว่าอยู่ในช่วงของวิกฤตเศรษฐกิจที่คิดว่ารุนแรงครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ อาจจะยังไม่เห็นผลกระทบ ณ วันนี้ แต่ตนเชื่อว่าปีหน้าเราอาจจะได้เห็นการเกิดวิกฤตทางเศรษฐกิจที่ค่อนข้างรุนแรงกว่าปีนี้ เพราะฉะนั้นตนก็อยากเห็นรัฐบาลมีการเตรียมตัวรับมือกับภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง

นายสรรเพชญ กล่าวต่อว่า พี่น้องประชาชนก็อยากจะเห็นรัฐบาลเข้ามาแก้ไขปัญหาปากท้องให้ในหลาย ๆ เรื่องด้วยกัน เรื่องแรกคือการลดภาระค่าครองชีพภาคครัวเรือน ลดค่าน้ำมัน ขณะเดียวกันก็ต้องมีการแก้ไขปัญหาเรื่องหนี้ครัวเรือนที่กำลังพุ่งสูงขึ้น และสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เพราะฉะนั้นตนคิดว่าเรื่องนี้รัฐบาลต้องให้ความสำคัญอย่างจริงจัง โดยเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชน รวมไปถึงนโยบายที่รัฐบาลจะแจกเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท เพราะถึงขณะนี้ก็ยังไม่ทราบแน่ชัดว่ารายละเอียดของโครงการจะเป็นอย่างไร ตนไม่ได้บอกให้ยกเลิก แต่ถ้ารัฐบาลยืนยันว่าจะทำเงินดิจิทัลต่อไปก็ขอให้มีการทบทวนหรืออาจจะต้องปรับหลักเกณฑ์ สำคัญที่สุดคือรัฐบาลต้องตอบพี่น้องประชาชนให้ได้ว่าเงินดิจิทัล ที่รัฐบาลจะนำมาแจก คือ

1.แหล่งที่มาของเงิน 
2.หลักเกณฑ์ในการแจกต้องแจกทุกคนหรือไม่ 
3.ทำไมต้องเป็นเงินดิจิทัล ทำไมไม่แจกเป็นเงินสด ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลยังไม่ให้ความชัดเจน

“ผมจึงอยากให้นายกฯ หรือผู้ที่เกี่ยวข้องออกมาให้ความกระจ่างในเรื่องนี้ต่อพี่น้องประชาชน เพราะผมเชื่อว่าพี่น้องประชาชนก็มีสิทธิที่จะรับรู้ รับทราบ เพราะสุดท้ายแล้วการที่รัฐบาลเอาเงินมาแจกได้ก็ขึ้นอยู่กับภาษีของพี่น้องประชาชนและภาระของพี่น้องประชาชนที่จะต้องจ่ายในอนาคต” นายสรรเพชญ กล่าว

นายสรรเพชญ กล่าวด้วยว่า ขณะเดียวกันการปฏิรูปประเทศ การปฏิรูปสังคม การทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นไปตามโรดแม็บที่ได้ตกลงกันไว้ก็เป็นสิ่งที่สำคัญ ซึ่งตนเชื่อว่าต้องดำเนินควบคู่กันไป ขณะเดียวกันก็อยากเห็นฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน ทำงานร่วมมือกันอย่างเข้มข้น เราสงวนจุดต่าง แสวงจุดร่วม เพื่อที่จะทำงานร่วมกันในการผลักดันกฎหมายต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์กับพี่น้องประชาชน และครอบคลุมสิ่งที่ส่งผลกระทบต่อพี่น้องประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ เชื่อว่าพี่น้องประชาชนตั้งความหวังอยากจะให้สภาฯ ชุดนี้ได้ช่วยกันแก้ไขและออกกฎหมายดี ๆ ที่ช่วยเหลือพี่น้องประชาชน และลดผลกระทบของปัญหาต่างๆ  ทั้งภาคประชาชนและภาคธุรกิจ จึงขอฝากประเด็นนี้ให้รัฐบาลได้พิจารณาด้วย

นายสรรเพชญ กล่าวว่า ดังนั้นขอเชิญชวนพี่น้องประชาชน ท่านใดมีความคิดเห็นอย่างไร ก็สามารถที่จะเข้าไปในคิวอาร์โค้ด สแกนเข้าไปแสดงความคิดเห็นทำโพลเพื่อสะท้อนให้กับรัฐบาลและสภาฯ ได้รู้ เพราะเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่ประชาชนสามารถร่วมกันแสดงความคิดเห็นต่อรัฐบาลได้

‘อนุทิน-ชาดา’ หารือ ‘สมาคมสมาชิกรัฐสภาไทยฯ’ ร่วมมือสร้างความเข้มแข็งให้ประเทศ-ประชาชน

เมื่อไม่นานมานี้ ที่กระทรวงมหาดไทย นายอนันตชัย คุณานันทกุล นายกสมาคมสมาชิกรัฐสภาไทยและคณะกรรมการ ได้เข้าพบ นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และ นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เพื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนการบริหารราชการทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค การวางผังเมือง การพัฒนาชุมชน รวมถึงการส่งเสริมความร่วมมือของอดีตสมาชิกรัฐสภาจังหวัดต่างๆ

นายอนุทิน กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยมีภารกิจสร้างความเข้มแข็งให้กับประเทศ ปกป้องสถาบันหลักของชาติให้เป็นที่เคารพบูชาเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทย มุ่งบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้แก่ประชาชน พร้อมประสาน ความร่วมมือทุกภาคส่วน เพื่อยกระดับการให้บริการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนได้อย่างรวดเร็ว

ขณะที่นายชาดา กล่าวว่า ตนได้รับมอบหมายดูแลเรื่องการขึ้นบัญชีผู้มีอิทธิพลทั้งประเทศ พร้อมประสานบูรณาการความร่วมมือของทุกภาคส่วนแก้ปัญหานี้อย่างจริงจัง "แม้จะยาก แต่ก็ทำอย่างเต็มที่" เพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับพี่น้องประชาชน

ซึ่งกระทรวงมหาดไทยพร้อมรับคำแนะนำและประสานความร่วมมือกับทางสมาคมสมาชิกรัฐสภาไทย ที่เป็นผู้มีประสบการณ์ ทั้งอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและอดีตสมาชิกวุฒิสภา เพื่อช่วยกันรับฟังปัญหาของประชาชนนำมาสู่การแก้ไข

ขณะเดียวกันสมาคมสมาชิกรัฐสภาไทย นำโดย นายอนันตชัย และคณะกรรมการสมาคม ประกอบด้วย นายสันติภาพ อินทรพัฒน์ นายสามารถ รัตนประทีปพร น.ส.เสาวลักษณ์ สุริยาทิพย์ รศ.สุชาติ นวกวงษ์ นายเกียรติ์อุดม เมนะสวัสดิ์ นพ.ประสิทธิ์  พิทูรกิจจา นายสิงห์ชัย ทุ่งทอง นายนิเวศ พันธุ์เจริญวรกุล นายสุทธิ ปัญญาสกุลวงศ์ นายเอกสิทธิ์ คุณานันทกุล จุรีลักษณ์ รัตนประทีปพร และนายปรพล อดิเรกสาร ได้ร่วมแสดงความยินดีในโอกาสรับตำแหน่งของรัฐมนตรีด้วย

‘ประเสริฐ’ ยก ‘อุ๊งอิ๊ง’ มีความรู้-ภาวะผู้นำ เหมาะนั่ง ‘หน.พรรค’ ชี้!! ถึงยุคของคนรุ่นใหม่ ขับเคลื่อน ‘เพื่อไทย’ ไปข้างหน้า

(24 ต.ค. 66) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมวิสามัญพรรคเพื่อไทย วันที่ 27 ตุลาคม ที่มีกระแสข่าวว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย จะขึ้นเป็นหัวหน้าพรรค และนายสรวงศ์ เทียนทอง สส.สระแก้ว พรรคเพื่อไทย จะขึ้นเป็นเลขาธิการพรรค ว่า ขอให้รอดูว่ากรรมการพรรคชุดใหม่จะเป็นใครบ้าง ขอให้รอดูการลงคะแนนเสียงของสมาชิกพรรค ว่ากรรมการบริหารพรรคชุดใหม่จะเป็นใครบ้าง

เมื่อถามย้ำถึงกระแสข่าวที่ออกมา นายประเสริฐกล่าวว่า เป็นกระแสข่าวสมาชิกหลายท่าน เห็นว่า น.ส.แพทองธารมีความเหมาะสมเป็นหัวหน้าพรรค มีภาวะความเป็นผู้นำ และมีองค์ความรู้ในการขับเคลื่อนพรรค จึงขอให้รอดูการโหวตของสมาชิกพรรค

เมื่อถามว่า ในฐานะรักษาการเลขาฯ หากได้รับการเสนอชื่อจะรับตำแหน่งหรือไม่ หรือจะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของนายสรวงศ์ตามกระแสข่าว นายประเสริฐกล่าวว่า ขณะนี้คงเป็นเวลาของคนรุ่นใหม่ในการเข้ามาทำงาน ตนรับตำแหน่งเลขาฯ มา 3 ปี ตอนนี้คงเป็นช่วงเวลาที่พรรคเพื่อไทยจะสร้างคนรุ่นใหม่เข้ามาทำงาน ตอนนี้น่าจะเป็นคนรุ่นใหม่ ไม่ใช่ตนแล้ว ส่วนทิศทางการเดินของพรรคเพื่อไทย หลังได้กรรมการบริการพรรคชุดใหม่ จะมีสิ่งใหม่ ๆ เกิดขึ้น ทั้งกระบวนการทำงาน การวางยุทธศาสตร์เพื่อเตรียมพร้อมในการเลือกตั้งครั้งถัดไป

‘นายกฯ’ ซัด!! นายจ้างอิสราเอลหัวหมอ ใช้เงินล่อให้อยู่ต่อ วอน!! คนไทยรีบกลับ พร้อมโทรเคลียร์ทูตอิสราเอลให้

(24 ต.ค. 66) สื่อต่างประเทศรายงานว่ากองทัพ อิสราเอลเดินหน้าโจมตีฉนวนกาซา อย่างหนัก ทำให้ชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตจำนวนมาก โดยอิสราเอลยกระดับการโจมตีในช่วงสองคืนที่ผ่านมา ซึ่งทางกลุ่มฮามาส ระบุว่ามีบ้านเรือนพังทลายไปกว่า 30 หลัง และมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 80 คน จากการโจมตีพื้นที่ตอนกลางของฉนวนกาซา ที่ห้องเก็บศพ ของโรงพยาบาลเต็มไปด้วยร่างของผู้เสียชีวิต ซึ่งมีเด็กรวมอยู่ด้วยเป็นจำนวนมาก เวลานี้ห้องเย็นเก็บศพ ของโรงพยาบาลมีพื้นที่ไม่เพียงพอที่จะเก็บศพ เพื่อรอการพิสูจน์อัตลักษณ์ได้ ทำให้มีศพจำนวนมากที่ถูกนำไปฝัง โดยที่ยังไม่มีการตรวจพิสูจน์

ขณะที่สำนักงานของสหประชาชาติเพื่อผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์ก็เปิดเผยว่า การโจมตีของอิสราเองช่วง 2 วันที่ผ่านมา ทำให้มีเจ้าหน้าที่สำนักงานเสียชีวิตไปถึง 29 คน

ด้าน นายโยอาฟ กัลแลนต์ รัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล เตือนว่า สงครามบดขยี้กลุ่มฮามาส จะต้องใช้เวลานานหลายเดือน ซึ่งอิสราเอลจะโจมตีไปจนกว่ากลุ่มฮามาส จะไม่เหลือซาก ท่ามกลางความกังวลของหลายฝ่ายที่เกรงว่าการสู้รบจะขยายวงกว้างออกไป และเมื่อวานนี้การโจมตีของอิสราเอลเกิดความผิดพลาด ทำให้กองกำลังป้องกันชายแดของอียิปต์หลายนายได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ซึ่งอิสราเอลกล่าวยอมรับ และได้ขอโทษทางการอียิปต์แล้ว

>> โรงพยาบาลขาดเชื้อเพลิง

ส่วนการจัดส่งสิ่งของบรรเทาทุกข์เข้าไปในฉนวนกาซา เมื่อวานนี้ มีการจัดส่งเพิ่มอีก 17 คันรถ หลังจากเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมามีการจัดส่งลอตแรกจำนวน 20 คันรถ ทางการอียิปต์เปิดเผยว่าในวันนี้จะมีการจัดส่งเพิ่มอีก 40 คันรถ ขณะที่สหประชาชาติระบุว่าจะต้องจัดส่งถึงวันละ 100 คันรถ จึงจะเพียงพอต่อความต้องการของชาวปาเลสไตน์ 2.4 ล้านคนในฉนวนกาซา และจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีการจัดส่งเชื้อเพลิงเข้าไปเลย ขณะที่โรงพยาบาลในกาซา จะมีเชื้อเพลิงใช้ในการปั่นไฟได้อีกเพียง 3 วันเท่านั้น

>> บุกช่วยตัวประกัน

พลเรือตรีแดเนียล ฮาการี โฆษกกองทัพอิสราเอล แถลงยืนยันมีทหารอิสราเอลสิ้นชีพหนึ่งศพ และบาดเจ็บอีก 3 นาย ขณะพยายามบุกช่วยตัวประกันที่ถูกกลุ่มฮามาสควบคุมตัวไว้ที่เมืองข่านยูนิส ในดินแดนฉนวนกาซา และสาเหตุมาจากถูกกลุ่มฮามาสโจมตีด้วยจรวดต่อต้านรถถัง

ก่อนหน้านี้ กลุ่มฮามาสเปิดเผยว่า ได้มีการปะทะกับกองกำลังทหารอิสราเอลใกล้เมืองข่านยูนิส ทางตอนใต้ของฉนวนกาซา และกลุ่มฮามาสสามารถทำลายรถถังของกองทัพอิสราเอลไปได้ 1 คัน และรถแทรกเตอร์เกลี่ยดินอีก 2 คันในการสู้รบกัน

สำหรับความพยายามบุกช่วยตัวประกันในครั้งนี้ของทหารอิสราเอล เป็นส่วนหนึ่งของภารกิจบุกช่วยตัวประกันที่ถูกกลุ่มฮามาสบุกลักพาตัวไปกว่า 200 คน ตั้งแต่ 7 ตุลาคม ที่ผ่านมา ขณะกลุ่มฮามาสระดมยิงจรวดหลายพันลูกมาโจมตีอิสราเอลอย่างไม่ทันตั้งตัว ทำให้มีผู้เสียชีวิตในอิสราเอลกว่า 1,300 ศพ ในขณะที่สงครามระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาสที่ดำเนินมาอย่างดุเดือด ทำให้มีผู้เสียชีวิตรวมกว่า 6,000 ศพแล้ว

>> แฉนายกจ้างยิวยื้อจ่ายค่าจ้าง

เวลา 15.07 น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและคลัง เป็นประธานการประชุมศูนย์ประสานงานสถานการณ์ฉุกเฉินความไม่สงบในอิสราเอล-กาซา เพื่อติดตามความคืบหน้าในการช่วยเหลือแรงงานไทยที่ประสงค์เดินทางกลับประเทศ โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชุมอย่างพร้อมเพียงกัน โดยใช้เวลาในการประชุมเพียง 20 นาที

ต่อมา นายเศรษฐา ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมว่า วันนี้เป็นการประชุมติดตามความคืบหน้าของสงครามฮามาสกับอิสราเอล ข้อมูลปัจจุบันมีผู้แสดงความประสงค์จะกลับไทย 8,500 คน และถึงวันนี้มาได้ประมาณ 3 พันกว่าคน ขีดความสามารถในการนำคนไทยกลับมาได้ประมาณ 800 คนต่อวัน และสามารถเพิ่มได้อีก แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นคือ การที่มีคนเปลี่ยนใจไม่กลับมาเยอะพอสมควรเหมือนกัน เหตุผลหลักคือ ทางนายจ้างอิสราเอลดึงเรื่องการจ่ายเงินไปเป็นวันที่ 10 พ.ย. และมีการอัพค่าจ้างออกไปเพื่อเป็นแรงจูงใจให้แรงงานไทยอยู่ แต่ทางเราได้ประชุมกันแล้ว ทุกฝ่ายไม่ว่าจะเป็นฝ่ายความมั่นคง ฝ่ายการทหาร ฝ่ายการต่างประเทศ เรายืนยันว่าแม้ว่าข่าวเรื่องการถล่มจะเบาบางลงไป แต่จริงๆ แล้วความเข้มของสงครามไม่ได้ลดลงไปเลย มีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้น และอาจจะขยายวงอีกบางประเทศที่ใกล้เคียงด้วย

>> ห่วงคนไทยยังไม่ยอมกลับ

“ตรงนี้เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงจริงๆ เป็นอะไรที่เรามั่นใจว่าคงจะเลวร้ายลงไป นี่ขนาดเรียกว่ายังไม่มีเรื่องของการปฏิบัติการภาคพื้นดินเลย ซึ่งมีข่าวว่าจะมีการปฏิบัติการภาคพื้นดินในอีก 2-3 วันนี้ ตรงนี้อยากขอเตือนพี่น้องว่ากลับมาเถอะครับ หากญาติพี่น้องอยู่ที่นี่ ขอให้บอกไปที่ญาติพี่น้องที่ทำงานที่นั่นให้กลับมา ต้องขอให้กลับมา เพราะช่วงนี้เป็นช่วงที่ยังกลับได้อยู่ ถ้าเกิดมีการปฏิบัติการภาคพื้นดินเกิดขึ้น การกลับเข้ามาก็จะลำบาก เรื่องการเดินทางเข้าสู่ศูนย์อพยพเพื่อที่จะไปสนามบินก็จะลำบาก อันนี้รัฐบาลเห็นตรงกัน เป็นเรื่องที่เราจำเป็นต้องพูดและสื่อสารให้พี่น้องทุกคนได้ทราบ”นายเศรษฐา กล่าว

>> เร่งนำตัวกลับบ้านเกิด

นายเศรษฐา กล่าวว่า ในที่ประชุมตนได้มอบหมายให้ รมว.แรงงาน ซึ่งรับปากจะไปดูแลแรงงานที่กลับเข้ามา โดยเพิ่มแรงจูงใจให้รีบกลับเข้ามา เพราะคนที่กลับเข้ามาได้วันละประมาณ 15,000 บาท ก็จะมีการเพิ่มค่าแรงให้อีก เพื่อให้กลับเข้ามาได้อีกเป็นจำนวนที่มากขึ้น ขณะที่ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ก็เป็นห่วงและช่วยคิดวิธีการที่เวลาแรงงานไทยกลับเข้ามาแล้วจะให้ทำงานอะไร ซึ่งแรงงานไทยที่ไปทำงานอิสเราเอลส่วนมากเป็นแรงงานภาคเกษตร ใช้เทคโนโลยีชั้นสูง ฉะนั้น การกลับเข้ามา ทางกระทรวงเกษตรฯ อาจจะมีความต้องการที่จะใช้แรงงานตรงนี้ จึงพยายามประกาศออกไปให้ทราบว่าถ้ากลับมาก็มีงานให้ทำอยู่ จะได้รีบๆ กลับมา

>> ประสานช่วยเหลือทุกทาง

นายกฯ กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม เรื่องการประสานความช่วยเหลือแรงงานไทยในอิสราเอล เราประสานทุกช่องทาง แต่ที่ไม่พูดเพราะเป็นเรื่องของความมั่นคง เราใช้ทุกวิถีทาง ทั้งผ่านนายกฯมาเลเซีย รวมถึงการที่ตนไปร่วมประชุมเข้าร่วมการประชุม ASEAN - GCC Summit ที่ซาอุดีอาระเบีย ตนก็ได้พูดคุยกับกษัตริย์โอมานและบาห์เรน รวมถึงมกุฎราชกุมาร และนายกรัฐมนตรีซาอุดีอาระเบีย ซึ่งทุกท่านตระหนักดี และทราบถึงสถานภาพของคนไทย ซึ่งเราไม่ได้เป็นคู่กรณีหรือคู่ขัดแย้งเลย และเรามีการสูญเสียที่สูงมาก มีตัวประกัน 19 คน ซึ่งต้องยืนยันว่าเวลานี้ยังไม่รู้ชะตากรรม แต่ทุกเส้นทางเราพยายามทำงานกันอยู่ มีเจ้าหน้าที่ชั้นสูงของเราบินออกไป แต่ไม่ขอเปิดเผยว่าบินไปไหน และพบกับใคร แต่ยืนยันว่าเราทำทุกวิถีทางที่สามารถทำได้ พยายามทำอยู่

ผู้สื่อข่าวถามว่า ช่องทางที่จะนำคนไทยกลับ สะดวกมากยิ่งขึ้นใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่มีปัญหา รมช.ต่างประเทศยืนยันว่าเราพาคนกลับได้วันหนึ่ง 800-1,000 คนสบายๆ เพียงแต่ว่าบางคนเปลี่ยนใจ แต่เมื่อมีการเปลี่ยนใจเรื่องการบริหารจัดการเครื่องบินก็มีปัญหา หากจะกลับถึง 1,000 คน เราก็สามารถจัดการได้ และอยากให้แจ้งมา และขอว่าอย่าเปลี่ยนใจเลย วงเงินแค่ไหนก็ไม่คุ้มกับชีวิตหรอก

เมื่อถามย้ำว่า เรื่องการปฏิบัติการภาคพื้นดิน จุดนี้คือสิ่งที่นายกฯห่วงมากใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ถูกต้อง หากมีการปฏิบัติภาคพื้นดินเกิดขึ้น การลำเลียงคนออกมาจากโซนต่างๆ มายังศูนย์พักพิงจะยากยิ่งขึ้น ทีนี้จะทำให้เกิดปัญหา

เมื่อถามถึงกรณีมีแรงงานบางคนเดินทางไปทำงานอย่างไม่ถูกต้อง และไม่กล้ากลับ เพราะกลัวถูกดำเนินคดีนั้น นายกฯ กล่าวว่า เรื่องนี้เรามาพูดกันทีหลังได้ ไม่มีปัญหา จัดการได้หมด ขอให้กลับมา อย่างแรกคือความปลอดภัยของแรงงานไทย ทุกคนต้องกลับมาอย่างปลอดภัย เรื่องอื่นเป็นเรื่องรองหมด อย่าเป็นห่วงในเรื่องนั้น ขอให้เป็นห่วงชีวิตความเป็นอยู่ที่ต้องกลับมาโดยเร็ว และขอยืนยันว่าถ้ามารายงานตัวกลับเจ้าหน้าที่ไทยกลับได้แน่นอน ไม่มีปัญหา

เมื่อถามว่า มีข้อสังเกตถึงรูปแบบการเสียชีวิตของคนไทยที่ดูเหมือนถูกกระทำอย่างโหดเหี้ยม นายกฯ กล่าวว่า ขอสรุปอย่างนี้ดีกว่า ต้องให้เกียรติญาติพี่น้องและครอบครัว การที่จะพูดเรื่องพวกนี้ บางทีจะเป็นการกระทบกระเทือนจิตใจ การสูญเสียครั้งนี้ถือเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของครอบครัวอยู่แล้ว วิธีการที่เสียชีวิตเกิดขึ้นจากสงครามแล้วกัน ตนคิดว่าสรุปตรงนั้นดีกว่า อย่าไปลงรายละเอียดกันเลยว่าเป็นอะไร ต้องเห็นใจครอบครัวผู้เสียชีวิตด้วย อันนี้ต้องขอร้องเลย ข้อมูลเรามี แต่ไม่อยากเปิดเผย และอย่าเปิดเผยเลยดีกว่าตรงนี้ ตอนนี้ยืนยันว่าอยากให้คนไทยกลับประเทศ โดยฝ่ายความมั่นคงและหน่วยงานของรัฐทุกคนยืนยัน ขอให้กลับมา หากญาติพี่น้องที่ฟังการแถลงข่าวอยู่ อยากให้ไปโน้มน้าวจิตใจญาติของตัวเองให้กลับมา เงินเท่าไหร่ก็ไม่คุ้ม ทางเราก็จะพยายามดูแลให้ดีที่สุดก่อนที่สถานการณ์จะเลวร้ายลงไปจนไม่สามารถพากลับมาได้

อย่างไรก็ตาม ภายหลังสัมภาษณ์รอบแรกเสร็จ นายเศรษฐาได้กลับมาให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมอีกครั้งว่า ขอตั้งข้อสังเกตถึงกรณีที่จะมีการจ่ายค่าแรงในวันที่ 10 พ.ย. ทั้งที่การจ่ายเงินควรจะต้องเป็นวันที่ 31 ต.ค. ทำให้ชวนคิดได้ว่าทำไมต้องไปจ่ายวันที่ 10 พ.ย. แสดงว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นก่อนหน้านั้นหรือไม่ เป็นเรื่องที่น่าคิดและเราไม่ทราบเหตุผลว่าทำไม แต่คิดไปก็เป็นแต่เรื่องไม่ดีทั้งนั้น ในฐานะที่เป็นนายกฯหยิบประเด็นนี้มาพูดก็คิดว่าน่าจะเป็นประเด็น แต่ก็ต้องพูด เพราะจะจ่ายเงินวันที่ 10 พ.ย. แล้วถ้าก่อนหน้านั้นมีอะไรเกิดขึ้น จะได้กลับประเทศหรือไม่ ตนจึงขอให้แรงงานไทยคิดดีๆ ว่าจะอยู่หรือกลับ และตนจะโทรศัพท์หาเอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทยเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะเป็นเรื่องที่สำคัญ ละเอียดอ่อน และอย่าเอาเรื่องเงินมาแลกกับชีวิตของคนไทย ต้องขอร้อง และเรื่องนี้ควรจะดูแลเราให้ดีกว่านี้ ถ้าเราอยากจะกลับวันไหนก็ควรจะต้องจ่ายค่าแรง ไม่ใช่เอาเงินมาล่อให้เราอยู่ ถ้ามีการสูญเสียเกิดขึ้นก็เป็นเรื่องใหญ่

ผู้สื่อข่าวถามว่า ไม่กลัวว่าจะเกิดเป็นประเด็นดรามาตีกลับในเรื่องนี้หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า “ตีกลับก็ตีกลับ ผมก็ต้องรับ หน้าที่ผมคือดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องคนไทยทุกคน ซึ่งพร้อมน้อมรับ” เมื่อถามว่า จะต้องมีการคุยกับทางการอิสราเอลเพื่อพูดคุยกับนายจ้างด้วยหรือไม่ นายกฯ ย้ำว่า ตนจะโทรไปคุยกับทูตอิสราเอลว่ากรณีนี้ไม่ค่อยถูกต้องเท่าไหร่ ส่วนจำนวนแรงงานที่ถูกยื้อเอาไว้นั้น ยังไม่ทราบว่ามีจำนวนเท่าไหร่ และขอย้ำว่าให้แรงงานไทยตัดสินใจให้แนวแน่ว่าจะเดินทางกลับหรือไม่กลับ เพราะถ้ามีปฏิบัติการภาคพื้นดินเมื่อไหร่ เส้นทางถนนถูกตัดขาด ไม่สามารถจะออกมาได้ เงินเท่าไหร่ก็ไม่คุ้ม

นายจักรพงษ์ แสงมณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าแรงงานไทยที่เสียชีวิต ว่า ตอนนี้เราต้องประสานงานหลายๆ ทาง ซึ่งยังไม่มีความแน่ชัดว่าเป็นใคร คงต้องเริ่มเก็บดีเอ็นเอเพื่อตรวจสอบ ส่วนความยากในการพิสูจน์อัตลักษณ์นั้น เราต้องดึงเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการยืนยันตัวตนของแรงงาน ตนได้คุยกับกับสถาบันนิติเวชที่ไทยแล้ว ซึ่งยอมรับแนวทางการดำเนินการของอิสราเอล

เมื่อถามถึงความท้าทายในการพูดคุยกับเอกอัครราชทูตในเรื่องแรงงานไทย นายจักรพงษ์กล่าวว่า ต้องพยายามคุยกับเขา ว่าแรงงานเราเป็นคนตัดสินใจคนสุดท้าย หากทุดคนที่ประเทศไทยเป็นห่วง ทำให้เขารู้สึกว่าเขาต้องรีบกลับมา ก็น่าจะกลับมาได้

เมื่อถามว่า กลุ่มที่ออกมาสนับสนุนฮามาสในประเทศต่างๆ จะมีผลกระทบต่อประเทศไทยด้วยหรือไม่ นายจักรพงษ์กล่าวว่า ต้องมองหลายส่วน คงต้องสงวนท่าทีไว้

เมื่อถามว่า อีกไม่กี่วันจะมีการปฏิบัติการภาคพื้นดิน ได้เตรียมมาตรการเพื่อโน้มน้าวคนไทยให้เดินทางกลับหรือไม่ เพราะอาจจะส่งผลให้การประสานงานรับกลับยากยิ่งขึ้น นายจักรพงษ์กล่าวว่า ตามที่นายกรัฐมนตรีได้ชี้แจงไป ในเรื่องของรายได้ที่แรงงานยังไม่ได้ ซึ่งได้พูดคุยกับกระทรวงแรงงานแล้ว ว่าต้องพูดคุยกับนายจ้างอีก 10 กว่าบริษัทที่อิสราเอล เพื่อจะได้ไม่นำเรื่องนี้มาเป็นข้ออ้างเพื่อให้แรงงานอยู่ต่อ

‘พม.’ พร้อมเยียวยาจิตใจ-ให้คำปรึกษา ‘เหยื่อก้าวไกล’ หากร้องขอ ปมถูก สส.คุกคามทางเพศ โดยไม่ตัดสินใครเป็นผู้กระทำผิด

(24 ต.ค. 66) เวลา 08.40 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ให้สัมภาษณ์ถึงการเยียวยาจิตใจเหยื่อที่ถูก ส.ส.พรรคก้าวไกล (ก.ก.) คุกคามทางเพศว่า ในแต่ละเคสที่โดนกระทำนั้น หากมีการติดต่อเข้ามาทางกระทรวง พม. เราก็ยินดีเข้าไปให้คำปรึกษาโดยไม่ตัดสินว่า ใครเป็นผู้กระทำ อย่างไรก็ตาม ในแต่ละเคสย่อมมีความกระทบกระเทือนด้านจิตใจ โดยกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว ที่อยู่ภายใต้กระทรวง พม. จะเข้าไปดูแลสภาพจิตใจของเหยื่อผู้เสียหายในแต่ละเคส 

เมื่อถามว่า จะถูกมองว่าเป็นการเมืองระหว่างพรรค ก.ก. และพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) หรือไม่ นายวราวุธ กล่าวว่า ตนไม่คิดเช่นนั้น แต่เมื่อมีการร้องเรียนขึ้นมา ก็เป็นสิทธิของเหยื่อแต่ละคนที่จะดำเนินการ รวมถึงการกระทำเช่นนี้ก็มีขั้นตอนทางกฎหมายอยู่แล้ว ทั้งเรื่องกฎหมายจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง กฎหมายอาญา หรือกฎหมายด้านอื่นๆ โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็จะรับไปดำเนินการต่อไป 

‘ทีมวิศวกร MIT’ ออกแบบระบบใช้ประโยชน์ ‘พลังงานสุริยะ’  ผลิตเชื้อเพลิงไฮโดรเจนสะอาด แทนการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล

เมื่อวานนี้ 23 ต.ค. 66 สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ทีมนักวิจัยของสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (MIT) ในรัฐแมสซาชูเซตส์ของสหรัฐฯ เปิดเผยผลงานการออกแบบใหม่ที่อาจควบคุมและใช้ประโยชน์จากความร้อนของดวงอาทิตย์สูงถึงร้อยละ 40 เพื่อผลิตเชื้อเพลิงไฮโดรเจนสะอาด

ผลการศึกษาที่เผยแพร่ผ่านวารสารโซลาร์ เอ็นเนอร์จี เจอร์นัล (Solar Energy Journal) ระบุว่าทีมวิศวกรของสถาบันฯ ได้ทำการออกแบบระบบที่สามารถผลิตไฮโดรเจนทางอุณหเคมีหรือเคมีความร้อน (thermochemical) จากพลังงานแสงอาทิตย์

ระบบดังกล่าวควบคุมและใช้ประโยชน์จากความร้อนของดวงอาทิตย์เพื่อแยกน้ำโดยตรงและผลิตไฮโดรเจน ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงสะอาดที่สามารถเป็นพลังงานขับเคลื่อนรถบรรทุก เรือ และเครื่องบินในระยะไกลโดยไม่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

อนึ่ง ระบบการผลิตไฮโดรเจนแบบดั้งเดิมพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล แต่ระบบใหม่ใช้เพียงพลังงานแสงอาทิตย์เท่านั้น

อาห์เมด โกเนิม อาจารย์ประจำสาขาวิชาวิศวกรรมเครื่องกลของสถาบันฯ ซึ่งเป็นผู้เขียนผลการศึกษาลำดับแรก เผยว่าไฮโดรเจนถือเป็นเชื้อเพลิงแห่งอนาคต โดยมีความจำเป็นต้องผลิตไฮโดรเจนให้ได้ในต้นทุนที่ถูกและปริมาณมาก

'อนุทิน' ชื่นชมหนัง 'สัปเหร่อ' ยกของดีที่ควรต้องโชว์  ตัวอย่างความสำเร็จซอฟต์พาวเวอร์ผ่านวิถีชาวบ้าน

(24 ต.ค.66) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกระแสภาพยนตร์เรื่อง ‘สัปเหร่อ’ ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ คือตัวอย่างความสำเร็จจากการนำเสนอสิ่งที่เป็นวิถีของชาวบ้าน หลายสิ่งหลายอย่างเราเคยสงสัย หนังเรื่องนี้ เฉลยไว้หมดแล้ว แล้วยังให้แง่คิดเรื่องชีวิต ครอบครัว ความรัก ไว้ด้วย หนังทำให้เราเห็นว่า วิถีไทย ไทยสไตล์ ไม่ว่าจะรูปแบบไหน ก็ต่างมีเสน่ห์ทั้งนั้น ไม่ต้องไปทำตามแบบใครเลย ภูมิใจในความเป็นเรานี่เอง ดีที่สุด ต้องชื่นชมคนนำเสนอที่ภูมิใจในวิถีของตัวเอง กล้านำเสนอ อย่างตรงไปตรงมา กินใจผู้ชม ของอะไรก็ตาม มันมีดี ให้โชว์ทั้งนั้น ขอแค่ภูมิใจ แล้วกล้าโชว์ อย่าไปมองว่า เราด้อยกว่าเขา เราอ่อนกว่าเขาเด็ดขาด กับของไทยๆ สินค้าไทย กับฝีมือคนไทย มั่นใจว่าไม่แพ้ใครในโลก“อย่าง OTOP สำหรับผม ผมว่าหลายอย่างงดงามระดับโลกเลยนะ ผ้าไทย ผมใส่โชว์เลย ก็มันสวย แล้วผมก็เป็นคนที่ภาคภูมิใจในการใช้ของไทยอยู่แล้ว ถ้า

เรากล้าอวดซะอย่าง ของที่เราอวดมันก็มีคุณค่าขึ้นมาแล้ว เหมือนหนังเรื่องไทบ้าน ก่อนที่จะมีสัปเหร่อ คนทำเขากล้า หนังมันก็ได้ฉาย อย่างน้อยที่สุด สมมติ ถ้าไม่ได้กำไร ขาดทุน แต่เรื่องราววิถีไทบ้านที่เขาอยากนำเสนอมันก็ไปถึงคนอื่นๆ แล้ว ใครอยากจะปั้น Soft Power ไทยต้องกล้าทำ กล้าโชว์ก่อน ถ้ามานั่งกล้าๆ กลัวๆ ที่แย่กว่าคือด้อยค่ากันเอง แบบนั้นไปไม่รอด ถ้วยกาแฟใบโปรดของผมก็ซื้อจากงาน OTOP สวยงามมาก ผมยังโพสต์อวดอยู่เลย” นายอนุทิน กล่าว

โซเชียลส่งกำลังใจ 'หมอกฤตไท' เจ้าของเพจ 'สู้ดิวะ' หลังมะเร็งลามไปทั่วร่างกาย ใช้ชีวิตได้ไม่เหมือนเก่า

เมื่อวันที่ 22 ต.ค. เพจ ‘สู้ดิวะ’ ของ นพ.กฤตไท ธนสมบัติกุล หมอหนุ่ม ซึ่งป่วยมะเร็งปอดระยะที่ 4 ปัจจุบันอาจารย์ประจำศูนย์ระบาดวิทยาคลินิกและสถิติศาสตร์คลินิก ภาควิชาเวชศาสตร์ครอบครัว คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้โพสต์ข้อความว่าปัจจุบันมะเร็งได้ลามไปทั่วร่างกายแล้ว

โดยระบุว่า "ข้อความจากแอดมินเพจ สวัสดีทุกท่านครับ หลังจากที่หนังสือสู้ดิวะ ได้วางขายได้ระยะหนึ่งมีผู้อ่านหลายท่านส่งกำลังใจพร้อมข้อคิดที่ได้จากการอ่านหนังสือมาทาง inbox page

แต่ตอนนี้คุณหมออาการไม่ค่อยดีนักครับ มะเร็งมีการลุกลามไปทั่วร่างกาย ทำให้ไม่สามารถใช้ชีวิตได้ปกติเหมือนเก่า จริงๆ คุณหมอวางแผนที่จะไปร่วมงานแจกลายเซ็นที่งานหนังสือ มีการเตรียมการไว้แล้ว แต่เกิดเหตุที่ต้องเข้ารับการรักษาด่วน ทำให้ไม่สามารถเดินทางไปไหว

วันนี้ผมจะมีโอกาสได้เจอคุณหมอครับ จึงอยากให้โพสต์นี้เป็นโพสต์ที่รวบรวมสิ่งที่แต่ละท่านได้รับจากการอ่านหนังสือ ‘สู้ดิวะ’ รวมถึงกำลังใจและพลังบวกที่ทุกท่านต้องการส่งต่อให้กับคุณหมอ สามารถคอมเมนต์ไว้ใต้โพสต์นี้ได้นะครับ ผมอยากให้คุณหมอได้เห็นว่าหนังสือที่คุณหมอทุ่มเทเขียนได้ทำหน้าที่อย่างที่คุณหมอหวังแล้วจริงๆ"


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top