Saturday, 3 May 2025
TheStatesTimes

‘สหรัฐฯ’ เร่งส่ง ‘เรือรบ-เครื่องบินรบ’ ครบชุดให้อิสราเอล หนุนตอบโต้การโจมตีของกลุ่มฮามาสในดินแดนปาเลสไตน์

เมื่อวันที่ 8 ต.ค. 66 สำนักข่าวซินหัว, วอชิงตัน รายงานว่า ‘ลอยด์ ออสติน’ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของสหรัฐฯ หรือ ‘เพนตากอน’ (Pentagon) ระบุว่า กระทรวงฯ กำลังส่งมอบเรือรบและเครื่องบินขับไล่ไปยังภูมิภาคเมดิเตอร์เรเนียนตะวันออก เพื่อแสดงออกถึงการสนับสนุนอิสราเอล ท่ามกลางความขัดแย้งที่เพิ่มขึ้น ระหว่างกองกำลังอิสราเอลและกลุ่มฮามาส (Hamas)

ออสติน กล่าวในแถลงการณ์ว่า เขาได้สั่งการการเคลื่อนไหวของกองเรือบรรทุกเครื่องบินรบยูเอสเอส เจอร์รัลด์ อาร์. ฟอร์ด แคร์ริเออร์ สไตรก์ กรุ๊ป (USS Gerald R. Ford Carrier Strike Group) ซึ่งประกอบไปด้วยเรือบรรทุกเครื่องบิน เรือลาดตระเวนติดขีปนาวุธ และเรือพิฆาตติดอาวุธปล่อยนำวิถี 4 ลำ ไปยังภูมิภาคเมดิเตอร์เรเนียนตะวันออกแล้ว

ออสติน เผยว่า กระทรวงฯ ยังได้ดำเนินการเพื่อเพิ่มฝูงเครื่องบินรบเอฟ-35 (F-35) เอฟ-15 (F-15) เอฟ-16 (F-16) และเอ-10 (A-10) ของกองทัพอากาศสหรัฐฯ ในภูมิภาคดังกล่าว พร้อมเสริมว่า รัฐบาลสหรัฐฯ จะจัดหาอุปกรณ์และทรัพยากรเพิ่มเติม ซึ่งรวมถึงอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ ให้แก่กองกำลังป้องกันอิสราเอลอย่างรวดเร็ว โดยความช่วยเหลือด้านความมั่นคงรอบแรกของสหรัฐฯ ไปยังอิสราเอล เริ่มส่งมอบเมื่อวันอาทิตย์ (8 ต.ค.) และจะถูกส่งถึงในอีกไม่กี่วันข้างหน้า

สื่อท้องถิ่นอิสราเอล อ้างอิงเจ้าหน้าที่รัฐบาล รายงานว่า มติข้างต้นของกระทรวงฯ มีขึ้นขณะความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์ทวีความรุนแรง เมื่อวันเสาร์ (7 ต.ค.) หลังจากที่กลุ่มฮามาสยิงขีปนาวุธหลายพันลูกไปยังอิสราเอล ซึ่งคร่าชีวิตชาวอิสราเอลอย่างน้อย 600 ราย เมื่อนับถึงวันอาทิตย์ (8 ต.ค.)

ขณะที่กระทรวงสาธารณสุขปาเลสไตน์ในกาซา เผยว่ากองทัพอิสราเอลตอบโต้ด้วยการโจมตีทางอากาศในกาซา ซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมโดยกลุ่มฮามาส ส่งผลให้มีชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตอย่างน้อย 313 ราย

เมื่อวันอาทิตย์ (8 ต.ค.) คณะรัฐมนตรีด้านความมั่นคงของอิสราเอล ประกาศอย่างเป็นทางการว่า “อิสราเอลอยู่ในภาวะสงคราม” โดยระบุในแถลงการณ์ว่าจะดำเนิน ‘ปฏิบัติการทางทหารที่มีนัยสำคัญ’ ในกาซาอีกไม่กี่วันข้างหน้า

11 ตุลาคม พ.ศ. 2476 เกิดเหตุการณ์ ‘กบฏบวรเดช’ การก่อกบฏครั้งแรกในหน้าประวัติศาสตร์ไทย

วันนี้ เมื่อ 90 ปีก่อน เกิดเหตุการณ์ "กบฏบวรเดช” ซึ่งเป็นกบฏครั้งแรกในประวัติศาสตร์ไทย อันเป็นผลมาจากความขัดแย้งระหว่างขุนนางเก่าที่นิยมเจ้ากับฝ่ายคณะราษฎร์ผู้ทำการอภิวัตน์การปกครอง 

‘กบฏบวรเดช’ เป็นการกบฏด้วยกำลังเพื่อล้มล้างรัฐบาลพระยาพหลพลพยุหเสนา การกบฏเริ่มขึ้นเมื่อ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2476 นับเป็นการกบฏครั้งแรกในประวัติศาสตร์ไทยหลังการปฏิวัติสยาม สาเหตุเกิดมาจากความผิดหวังตำแหน่งทางการเมืองของพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบวรเดช และมีความขัดแย้งระหว่างระบอบเก่ากับระบอบใหม่เข้ามาสมทบ

สำหรับสาเหตุนั้นมีข้อมูลระบุว่า ชนวนสำคัญที่สุด คือ ข้อโต้แย้งในเรื่องพระเกียรติยศและพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ในระบอบใหม่ เป็นผลนำไปสู่การนำกำลังทหารก่อกบฏโดยพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบวรเดช อันเป็นที่มาของชื่อ ‘กบฏบวรเดช’

อีกทั้งการกบฏของพระองค์เจ้าบวรเดชในครั้งนี้ เกิดจากความมุ่งหวังอำนาจทางการเมือง นับตั้งแต่สมัยที่ทรงลาออกจากเสนาบดีกลาโหมก่อนการเปลี่ยนแปลงการปกครอง เมื่อทรงพลาดพลั้งจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่ทรงมุ่งหวัง และถูกกีดกันจากอำนาจทางการเมือง จึงเป็นเหตุที่กระตุ้นให้พระองค์ก่อการยึดอำนาจจากคณะราษฎร

โดยในวัน 11 ตุลาคม พ.ศ. 2476 เพียงสิบวันหลังหลวงประดิษฐ์มนูธรรมเดินทางกลับประเทศสยาม พระองค์เจ้าบวรเดชได้นำกำลังเข้าแจ้งต่อข้าราชการหัวเมืองว่า รัฐบาลคณะราษฎรจะเอาระบอบคอมมิวนิสต์มาใช้และจะไม่มีกษัตริย์จึงต้องนำทหารเข้าไปปราบปราม อย่าได้ทำการขัดขวาง โดยพระองค์เจ้าบวรเดชเป็นผู้นำกองกำลังกบฏที่ชื่อว่า คณะกู้บ้านเมือง 

และได้มีการปะทะกันที่อำเภอปากช่อง แล้วคณะผู้ก่อการได้ยกกองกำลังเข้ามาทางดอนเมือง และยึดพื้นที่เอาไว้ โดยเรียกชื่อคณะตัวเองว่า “คณะกู้บ้านเมือง” และเรียกแผนการปฏิวัติครั้งนี้ โดยใช้กองกำลังทหารจากหัวเมืองต่าง ๆ เข้าล้อมเมืองหลวงว่า แผนล้อมกวาง

ในขณะที่ฝ่ายรัฐบาลก็ได้รู้ล่วงหน้าถึงการกบฏครั้งนี้ถึง 2 วัน และพันเอกพระยาพหลพลพยุหเสนา นายกรัฐมนตรี ก็ได้ดำเนินการต่อต้าน โดยประกาศกฎอัยการศึกในวันที่ 12 ตุลาคม 2476 ในพื้นที่จังหวัดใหญ่ทหารบกกรุงเทพ และแต่งตั้งพันโทหลวงพิบูลสงคราม หรือ จอมพล ป. พิบูลสงคราม (ยศขณะนั้น) เป็นผู้บัญชาการกองกำลังผสม พร้อมรถ ปตอ. รุ่น 76 และรถถัง รุ่น 76 บรรทุกรถไฟยกออกไปปราบปรามได้สำเร็จ ขณะที่ยังส่งพันตรีหลวงเสรีเริงฤทธิ์ เข้าเจรจาให้ฝ่ายกบฏเลิกราไปเสีย และจะขอพระราชทานอภัยโทษให้ แต่ทางฝ่ายกบฏได้จับตัวพันตรีหลวงเสรีเริงฤทธิ์ไว้เป็นตัวประกัน

จนกระทั่งเวลาเที่ยงตรงฝ่ายกบฏได้ส่งหนังสือยืนเงื่อนไขทั้งหมด 6 ข้อ แต่ทางฝ่ายรัฐบาลยืนกรานไม่ยินยอม จึงเกิดการต่อสู้กันของทั้งสองฝ่าย ทั้งกำลังทหารปืนใหญ่จากนครสวรรค์, กำลังทหารม้าจำนวน 5 กองร้อยของนครราชสีมา พร้อมปืนกล ไหนจะรถเกราะ ส่งผลให้มีทหารบาดเจ็บล้มตายเป็นอันมากกินเวลาหลายวัน

จนวันที่ 15 ตุลาคมฝ่ายปฏิวัติพ่ายแพ้จนพระองค์เจ้าบวรเดชขึ้นเครื่องบินหนีออกนอกประเทศไปยังเมืองไซ่ง่อน และฝ่ายรัฐบาลสามารถปราบปรามฝ่ายปฏิวัติได้สำเร็จในที่สุด

จากนั้นในวันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2479 ได้มีพิธีเปิดอนุสาวรีย์ปราบกบฏหรือ “อนุสาวรีย์พิทักษ์รัฐธรรมนูญ” ที่บริเวณหลักสี่ บางเขน ซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นที่สู้รบ เพื่อเป็นอนุสรณ์ระลึกถึงเหตุการณ์ปราบกบฏบวรเดชเพื่อพิทักษ์รัฐธรรมนูญ แต่ได้มีการย้ายอนุสาวรีย์หลีกเส้นทางรถไฟฟ้า กระทั่งถึงปัจจุบันยังไม่ทราบว่าได้นำไปไว้ที่ใด

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ห่วงใยประชาชนในส่วนภูมิภาค จัดงบประมาณเพิ่มเติมอีก 2 ล้านบาท ขยายพื้นที่แจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภคหลังงานประเพณีทิ้งกระจาดในพื้นที่อีก 5 จังหวัด

ระหว่างวันที่ 28 กันยายน – 10 ตุลาคม 2566 มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง โดย นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการ ห่วงใยประชาชนในส่วนภูมิภาค จัดทีมสาธารณภัย ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ นำโดย นางศิริพร กระจ่างหล้า ผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ นายรัชพร ประสงค์ทรัพย์ หัวหน้าแผนกสาธารณภัย และนายชุมพล บุญภักดี ผู้ช่วยหัวหน้าแผนกสาธารณภัย ลงพื้นที่แจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภค ประกอบด้วย ข้าวสาร บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป น้ำมัน น้ำปลา ปลากระป๋อง และขนม แก่ประชาชนในพื้นที่ 5 จังหวัด ได้แก่ สระแก้ว ปราจีนบุรี ราชบุรี สุพรรณบุรี และ สระบุรี จังหวัดละ 1,000 ชุด รวมเป็นจำนวน 5,000 ชุด คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 2,000,000 บาท (สองล้านบาทถ้วน) โดยมี ผู้แทนจากหน่วยงานรัฐ ร่วมในพิธี พร้อมด้วยสมาคม /มูลนิธิประจำจังหวัด เป็นผู้ประสานงานและร่วมในพิธี

ตลอดระยะเวลากว่า 113 ปี มูลนิธิฯ ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ  ศาสนา  เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลาย ๆ ทาง เพื่อเป็นองค์กร สาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ดังปณิธาน “มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”

ติดตามข่าวสารกิจกรรม การช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung

ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้ที่ เว็บไซต์ www.pohtecktung.org และ
เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung 

#มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”
#แอปพลิเคชัน และ #สายด่วน ป่อเต็กตึ๊ง1418
#ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน

‘โย สันต์ทวีสุข’ ปลื้ม!! สวมบทบาท ร.4 ในละครเพลง The King & I นักแสดงคนแรกของไทย ผงาด!! รับบทสำคัญใน West End

เมื่อวานนี้ที่อังกฤษ ประวัติศาสตร์หน้าใหม่แห่งวงการละครเพลงต้องบันทึกไว้ เมื่อคนไทยได้ขึ้นเล่นบทบาทสำคัญอย่าง King Mongkut หรือรัชกาลที่ 4 ในละครเพลง The King & I ซึ่งตลอด 72 ปีที่เปิดการแสดงมาทั่วโลก ยังไม่มีคนไทยแท้ๆ ได้เล่นบทนี้เลย

‘Sam Yo’ หรือ โย สันต์ทวีสุข (Yo Santhaveesuk) นักแสดงเชื้อชาติไทยที่เกิดและโตที่อังกฤษ เป็นนักแสดงที่โรงละคร West End มาตั้งแต่ปี 2000 ได้ร่วมเป็นนักแสดงในละครเพลงอย่าง Anything Goes, Aladdin และยังเป็นหนึ่งในนักแสดง The King & I โปรดักชัน Revival ที่เปิดตัวใน West End เมื่อปี 2015 (โปรดักชันเดียวกับที่ แก้ม - กุลกรณ์พัฒน์ ได้ร่วมแสดง) เขาประกาศว่าจะกลับมาร่วมแสดงกับโปรดักชัน UK Tour ในเดือนกันยายนที่ผ่านมากับบทบาท Kralahome และเมื่อวันเสาร์ที่ 7 ตุลาคมที่ทัวร์เดินทางไปแสดงในเมือง Oxford เขาก็ได้แจ้งข่าวว่าจะได้ขึ้นเล่นบท The King of Siam ซึ่งเป็นบทที่เขาเป็นนักแสดงแทนหรือ Understudy อยู่

เรียกได้ว่าเป็นประวัติศาสตร์ของละครเพลงเรื่องนี้เลยที่มีคนไทยได้เล่นบทบาทสำคัญนี้ และนอกจากนี้ยังมี ‘Kitt Pakapom’ นักแสดงคนไทยที่เพิ่งแสดง WATERFALL a new musical และได้เป็นหนึ่งในนักแสดงหมู่มวลในโปรดักชันนี้ตั้งแต่เดือนตุลาคมเป็นต้นไป

‘Sam Yo’ นอกจากจะเป็นนักแสดงแล้ว เขายังเป็นฟิตเนสโค้ชของ Peloton Interactive ในปี 2019 และเคยดูแลคอมมูนิตี้ “Thai UK Football” ที่พ่อของเขาเป็นผู้ก่อตั้ง เพื่อเป็นสะพานเชื่อมความสัมพันธ์คนไทยและอังกฤษ และยังพาเด็กไทยในถิ่นทุรกันดารมาเล่นฟุตบอลในสเตเดี้ยมใหญ่ๆ ในอังกฤษ

The King and I ละครเพลงอิงเนื้อหาจากหนังสือ Anna and the King of Siam เล่าประสบการณ์ชีวิตของแอนนา ลีโอโนเวนส์ หญิงสาวชาวอังกฤษที่เป็นครูสอนภาษาอังกฤษแก่พระราชโอรสและธิดาในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว นอกจากการดัดแปลงเป็นละครเพลง ยังมีภาพยนตร์และการ์ตูนแอนิเมชันอีกด้วย

‘สำนักจุฬาราชมนตรี’ ขอ ‘รบ.ไทย’ แสดงจุดยืนเป็นกลาง หลัง ‘อิสราเอล-ปาเลสไตน์’ สู้รบ ชี้!! อ่อนไหว-ซับซ้อน

(10 ต.ค. 66) สำนักจุฬาราชมนตรี แถลงการณ์สำนักจุฬาราชมนตรี เรื่อง เหตุการณ์ความรุนแรงระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ ระบุว่า สำนักจุฬาราชมนตรี ขอแสดงความเสียใจต่อกรณีการเสียชีวิตของชาวไทยที่เกิดขึ้นจากการปะทะกันระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ และขอให้รัฐบาลไทยดำเนินมาตรการในการปกป้องให้ความช่วยเหลือต่อประชาชนชาวไทยที่ถูกจับกุมตัว และบางส่วนที่ยังอยู่ในพื้นที่การปะทะอย่างเร่งด่วน สำนักจุฬาราชมนตรีขอเป็นกำลังใจและหวังเป็นอย่างยิ่งว่ารัฐบาลไทยจะสามารถช่วยเหลือประชาชนชาวไทยให้พ้นจากภัยอันตรายจากสถานการณ์เฉพาะหน้าที่กำลังเกิดขึ้น

สำนักจุฬาราชมนตรีขอแสดงความเสียใจต่อความสูญเสียของประชาชนผู้บริสุทธิ์ทั้ง 2 ฝ่ายจากความรุนแรง และขอเรียกร้องให้คู่ขัดแย้งทั้ง 2 ฝ่ายยุติความรุนแรงและการสู้รบกัน และมีความจำเป็นที่จะต้องหันหน้าเข้ามาเจรจากันเพื่อคืนความสงบให้กับประชาชนผู้บริสุทธิ์

สำนักจุฬาราชมนตรีขอเรียกร้องให้รัฐบาลไทยรักษาความเป็นกลางทางการเมืองร่วมกับประชาคมระหว่างประเทศ ต่อกรณีความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ เพราะความขัดแย้งนี้มีความซับซ้อน มีรากเหง้าทางประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน และกระทบต่อวิถีชีวิตของชุมชนชาวยิว คริสต์ และมุสลิมทั่วภูมิภาค

ทั้งนี้ สำนักจุฬาราชมนตรีสนับสนุนการแสดงจุดยืนที่ชัดเจนต่อความจำเป็นในการช่วยเหลือประชาชนชาวไทยที่ได้รับผลกระทบให้มีความปลอดภัยและให้ได้รับการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ในสถานการณ์เฉพาะหน้าในครั้งนี้อย่างเร่งด่วนที่สุด

สำนักจุฬาราชมนตรี ขอประทานพรจากอัลลอฮ์ พระผู้เป็นเจ้า ได้โปรดให้ความขัดแย้งที่กำลังเกิดขึ้นได้ยุติลงโดยเร็วและนำสันติภาพและความสงบสุขมาสู่ประชาชนผู้บริสุทธิ์ในเร็ววันต่อไป

‘รมว.แรงงาน’ ชูนโยบายเร่งด่วน แก้ปัญหาขาดแคลนแรงงานท่องเที่ยว พร้อมอัดฉีดงบอัปสกิล ‘ภาษา-การบริการ’ มั่นใจ!! มีงานทำ-รายได้สูง

(10 ต.ค. 66) นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า นโยบายด้านพัฒนาทักษะแรงงานในระยะเร่งด่วนตอนนี้ คือการ Upskill แรงงานภาคการท่องเที่ยว เพราะขาดแคลนแรงงานทางด้านนี้มาก จึงต้องเร่งฝึกทักษะและอบรมในสิ่งต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับภาคการท่องเที่ยวและบริการ

อีกทั้ง ในช่วงที่ผ่านมานายกรัฐมนตรี ท่านเศรษฐา ทวีสิน ได้ไปต้อนรับนักท่องเที่ยวจีนเที่ยวบินแรก หลังการประกาศนโยบาย ‘วีซ่าฟรี’ แสดงความพร้อมของไทยในการเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยว มุ่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมท่องเที่ยว โดยรัฐบาลคาดการณ์รายได้ที่จะเข้าประเทศกว่า 2.38 ล้านล้านบาท โดยกระทรวงแรงงานในฐานะหน่วยงานหลักในการดูแลกำลังแรงงานของประเทศ ได้ดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลในการผลักดันการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว มุ่งเน้นการพัฒนาศักยภาพแรงงาน ส่งเสริมให้แรงงานในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเป็นแรงงานที่มีผลิตภาพสูง มีทักษะสอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน

นายพิพัฒน์ กล่าวต่อไปว่า การ Upskill และ Reskill ให้แรงงานมีทักษะที่จำเป็นในการทำงาน โดยเติมเต็มทักษะด้านภาษาต่างประเทศ และส่งเสริมนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาใช้ในธุรกิจท่องเที่ยวและบริการ หลักสูตรฝึกอบรม เช่นภาษาอังกฤษ ภาษาญี่ปุ่น ภาษาจีน เพื่อการทำงาน, การสร้างสื่อมัลติมีเดียเพื่อการท่องเที่ยว, นวดแผนไทย สปา, งานบริการอาหารและเครื่องดื่ม นักส่งเสริมสุขภาพแบบองค์รวม, สปาตะวันตก, การจัดการด้านอาหารและโภชนาการบนเรือ, การบริหารจัดการด้านการท่องเที่ยวอย่างมืออาชีพ

โดยบูรณาการกับหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชนด้านการท่องเที่ยวและบริการ เพื่อสำรวจความต้องการแรงงานและการพัฒนาทักษะฝีมือในส่วนที่แรงงานยังขาดแคลน เพื่อพัฒนากำลังแรงงานภาคท่องเที่ยวให้ตรงกับความต้องการของสถานประกอบกิจการ ในปี 2566 กำลังแรงงานภาคการท่องเที่ยวและบริการเข้ารับการพัฒนาทักษะฝีมือแรงงาน ทั้งในส่วนที่ภาครัฐและภาคเอกชนดำเนินการรวมจำนวน 288,438 คน เป็นผู้มีงานทำร้อยละ 93.20 ผู้ผ่านการพัฒนาฝีมือแรงงาน สามารถรักษาฐานรายได้คิดเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจ 51,450.19 ล้านบาท/ปี

สำหรับในปีนี้ ได้สั่งการให้กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน เร่งผลิตและเพิ่มทักษะแรงงานภาคท่องเที่ยวและบริการ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยว เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ และสร้างรายได้ให้ประเทศอย่างเร่งด่วน

ทางด้านของนางสาวบุปผา เรืองสุด อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนที่กรมดำเนินการเอง ได้วางเป้าหมายและงบประมาณไปยังหน่วยฝึกที่มีทั่วประเทศ เพื่อพัฒนาทักษะให้แก่แรงงานภาคการท่องเที่ยว รวมกว่า30,000 คน โดยเฉพาะกลุ่มจังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว เช่น กระบี่ ภูเก็ต พังงา พัทยา เชียงใหม่ เชียงราย กรุงเทพฯเป็นต้น

พร้อมได้กำชับให้หน่วยฝึกคัดเลือกหลักสูตรที่มีความจำเป็นต้องใช้ในการให้บริการ อาทิ การฝึกด้านภาษาต่างประเทศ กรณีที่เป็นแรงงานที่อยู่ในกลุ่มวิสาหกิจชุมชนที่ต้องรองรับนักท่องเที่ยว มีการจัดหลักสูตรเกี่ยวกับการแปรรูปผลิตภัณฑ์ของชุมชน การออกแบบผลิตภัณฑ์เพื่อเป็นฝากของที่ระลึก ส่วนหนึ่งเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับตัวสินค้าและผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในชุมชน เพื่อให้แรงงานในกลุ่มวิสาหกิจชุมชนมีรายได้เพิ่มขึ้น สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศได้ตั้งแต่ระดับชุมชน

ทั้งนี้ ได้แจ้งให้หน่วยฝึกไปสำรวจความต้องการแรงงานจากผู้ประกอบกิจการในพื้นที่ด้วย สำหรับผู้ที่สนในเข้าฝึกอบรมในหลักสูตรต่างๆ ที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว สามารถสมัครได้ที่สถาบันและสำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงานทั่วประเทศ หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 1506 กด 4

‘YG’ ยืนยัน ‘BABYMONSTER’ พร้อมสมาชิก 2 สาวไทย เตรียมเดบิวต์ พ.ย.นี้ ขึ้นแท่นเกิร์ลกรุ๊ปวงใหม่ในรอบ 7 ปี

สิ้นสุดการรอคอย เมื่อ วายจี เอ็นเตอร์เทนเมนต์ ได้ออกมาประกาศเดบิวต์ เกิร์ลกรุ๊ปวงใหม่ ‘เบบี้ มอนสเตอร์’ (BABYMONSTER) ว่าจะเปิดตัวในเดือนพฤศจิกายนนี้ โดยมีรายงานว่า ขณะนี้กำลังเตรียมการสำหรับการถ่ายทำมิวสิกวิดีโอ ในช่วงปลายเดือนตุลาคม

โดยการประกาศในวันนี้ วายจีได้โพสต์ลงในแอคเคาต์อย่างเป็นทางการของวง และว่า “เร็วๆ นี้” จึงเป็นการยืนยันอย่างเป็นทางการว่า BABYMONSTER จะเปิดตัวในวงการเพลงเร็วๆ นี้

ในแถลงการณ์ดังกล่าว วายจีบอกว่า “เราพิถีพิถันในการเลือกเพลงเดบิวต์ โดยมีเป้าหมาย เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดที่จะเป็นไปได้ เราขอความเข้าใจเกี่ยวกับความล่าช้าเล็กน้อย จากวันเปิดตัวครั้งแรกในเดือนกันยายน ซึ่งเป็นผลจากกระบวนการที่เต็มที่กับมัน”

ปัจจุบันนี้ สมาชิกของ BABYMONSTER กำลังซ้อมท่าเต้นสำหรับการแสดงเปิดตัวของพวกเธอโดยเฉพาะ และมีกำหนดจะเริ่มถ่ายทำมิวสิกวิดีโอในช่วงปลายเดือนตุลาคม

มีรายงานว่า ทีมงานทั้งหมดของวายจี ทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เพื่อให้แน่ใจว่าจะประสบความสำเร็จ

วายจีเพิ่มความคาดหวังในหมู่แฟนๆ เคป็อปทั่วโลก

“การเตรียมการทั้งหมดเสร็จสมบูรณ์แล้ว หลังจากเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนพฤศจิกายน เราสัญญาว่าจะรักษาแรงผลักดันนี้ และก้าวต่อไปอย่างเต็มที่ ขอความสนใจและการสนับสนุนจากคุณ”

สำหรับสมาชิกทั้ง 7 คน ประกอบด้วย

1.) อาฮยอน (AHYEON) สัญชาติเกาหลี อายุ 15 ปี

2.) รุกะ (RUKA) สัญชาติญี่ปุ่น อายุ 20 ปี

3.) ชิกิต้า (CHIQUITA) หรือ ‘แคนนี่-ริรชา พรเดชาพิพัฒ’ สัญชาติไทย อายุ 13 ปี

4.) ฮารัม (HARAM) สัญชาติเกาหลี อายุ 15 ปี

5.) ภริตา (PRITA) หรือ ‘แพร-ภริตา ชายคง’ สัญชาติไทย อายุ 17 ปี

6.) โรร่า (RORA) สัญชาติเกาหลี อายุ 14 ปี

7.) อาสะ (ASA) สัญชาติญี่ปุ่น อายุ 17 ปี

นอกจากนี้ แม้ BABYMONSTER ยังไม่ได้เดบิวต์แต่ความนิยมถล่มทลาย โดยได้ทำสถิติวงการ K-POP ใหม่ด้วยการมียอดสมาชิกบนยูทูบทะลุ 2 ล้านคน โดยใช้เวลาสั้นที่สุดเพียง 129 วัน หลังเปิดตัวเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2565

‘บุ๋ม ปนัดดา’ ปลื้ม!! ‘น้องแพรวา’ เรียนจบ ป.ตรี คว้าปริญญาวิทย์ฯ ฉุกเฉินการแพทย์ ม.มหิดล

ทำเอาหญิงแกร่งคนเก่ง อย่าง ‘บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี’ ปลาบปลื้มมากที่ ‘น้องแพรวา’ ลูกสาวบุญธรรมเรียนจบปริญญาตรี วิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาฉุกเฉินการแพทย์ จากมหาวิทยาลัยมหิดล โดยรับพระราชทานปริญญาไปวานนี้ (9 ต.ค.) 

โดยล่าสุด ‘บุ๋ม ปนัดดา’ ได้ออกมาโพสต์ภาพลูกสาวสวมชุดครุยและใบปริญญา ด้วยแคปชั่นว่า “เมื่อลูกเรียนจบแล้วพ่อแม่ปลื้มใจเป็นแบบนี้นี่เอง”

และแคปชันว่า

“น้องแพรวทำตามสัญญาได้แล้วค่ะ หนูจะใส่ชุดครุยมาหาแม่ ตอนที่เห็นเค้าเดินมาหาครั้งแรกน้ำตาใหลเลยค่ะ ภูมิใจในตัวเขาและดีใจที่ได้ดูแลเด็กคนนี้จนวันนี้ค่ะขอให้หนูมีอนาคตที่ดี ขอให้หนูเข้มแข็งและแข็งแกร่ง ขอให้มีแต่คนรักหนู และขอให้หนูมีแต่ความเจริญในหน้าที่การงานนะคะ”

‘คลัง’ เตรียมเปิดลงทะเบียนร้านค้าร่วม ‘เงินดิจิทัล’ พ.ย.นี้ ยัน!! จ่าย 1 หมื่นครั้งเดียว-ไม่แบ่งงวด ใช้จริง ก.พ. 67

(10 ต.ค. 66) นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนนโยบายเติมเงิน 10,000 บาทผ่านดิจิทัลวอลเล็ต เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ประมาณเดือนพฤศจิกายน 2566 จะเริ่มเปิดลงทะเบียนร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ ส่วนประชาชนที่จะเข้าร่วมโครงการ คาดว่าจะสามารถเข้าร่วมโครงการได้หลังจากนี้

ดังนั้นจึงยืนยันว่า นโยบายเติมเงิน 10,000 บาทผ่าน Digital Wallet สามารถดำเนินการได้ทัน ที่จะเปิดใช้อย่างเป็นทางการเดือนกุมภาพันธ์ 2567

ทั้งนี้โครงการรัฐที่ผ่านมามีประชาชนยืนยันตัวตนมาแล้ว 40 ล้านคน ที่มีอยู่ในระบบฐานข้อมูลของรัฐ แต่ยังมีผู้ที่ยังไม่อยู่ในระบบฐานข้อมูลอีกประมาณ 10 ล้านคน ด้วยกฎหมายที่กำหนด ทั้งรัฐบาลยืนยันจะเติมเงินดิจิทัลให้ทุกคนที่มีสิทธิครั้งเดียว 10,000 บาท โดยไม่มีการแบ่งจ่ายเงินเป็นงวด ๆ แน่นอน แม้ที่ผ่านมาจะมีข้อเสนอให้เปลี่ยนเงื่อนไขแบ่งเป็นงวด เพราะเห็นว่าจะเกิดประโยชน์มากกว่า แต่ที่ผ่านมามีข้อเสนอให้แบ่งจ่ายเป็นงวดเข้ามาจริง

สำหรับนโยบายการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท จำเป็นต้องเปิดให้ลงทะเบียน แต่การลงทะเบียนในโครงการ ไม่เกี่ยวข้องกับการลดจำนวนโครงการเพื่อไม่ให้โครงการต้องใช้เงินมากถึง 5.6 แสนล้านบาทใช่หรือไม่

รมช.คลังบอกว่า ไม่เกี่ยวกันเนื่องจากเมื่อมีการเดินหน้าโครงการนี้แล้วรัฐบาลก็ต้องหาแหล่งเงินมาเพื่อรองรับโครงการอยู่แล้วโดยไม่ได้รอว่าจะมีจำนวนการลงทะเบียนจำนวนเท่าไหร่ในการทำโครงการ โครงการนี้จะใช้งบประมาณเป็นหลัก เนื่องจากขณะนี้มีตัวเลือกให้กับรัฐบาลหลายทางเลือก แต่จะใช้ทางเลือกที่ดีที่สุด คือการเกลี่ยงบประมาณและปรับลดงบประมาณที่ไม่จำเป็น และขณะนี้เป็นช่วงการจัดทำ พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567

ยืนยันว่า กระทรวงการคลังไม่มีแนวคิดที่จะขายหุ้นของรัฐวิสาหกิจ หรือลดสัดส่วนการถือหุ้นในรัฐวิสาหกิจลงโดยการขายหุ้นออกมากเพื่อนำเงินมาใช้ในโครงการนี้อย่างแน่นอน โดยเบื้องต้นทางเลือกแรกที่รัฐบาลจะใช้คือการเกลี่ยงบประมาณและปรับลดงบประมาณที่ไม่จำเป็น

อย่างไรก็ตาม หลังจากได้งบประมาณที่เป็นไขมันส่วนเกินแล้วจะนำงบประมาณที่เหลือมาใช้ในการพัฒนาลงทุนในโครงการต่าง ๆ ที่มีความจำเป็นและเกี่ยวเนื่องกับนโยบายของรัฐ ซึ่งสำนักงบประมาณก็จะไปดูในรายละเอียดว่ามีโครงการใดบ้างที่ไม่จำเป็น

ขณะนี้เป็นช่วงการจัดทำ พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 อยู่ระหว่างการทำเรื่องเสนอของบประมาณไปยังสำนักงบประมาณ ดังนั้นโครงการใดที่ไม่จำเป็นหรือเป็นไขมันส่วนเกินที่สามารถปรับลดได้หรือตัดได้ โดยนำงบประมาณที่เหลือมาใช้ในการพัฒนาลงทุนในโครงการต่าง ๆ ที่มีความจำเป็นและเกี่ยวเนื่องกับนโยบายของรัฐ ซึ่งสำนักงบประมาณก็จะไปดูในรายละเอียดว่ามีโครงการใดบ้างที่ไม่จำเป็น

'เชียงราย' ไม่รอด ฉก.ทัพเจ้าตากยึดรถจักรยานยนต์ 42 คันขณะลักลอบลอยน้ำข้ามชายแดนแม่สาย

เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 10 ตุลาคม 2566 เวลา 19.30 นาฬิกา หน่วยเฉพาะกิจทัพเจ้าตาก กองกำลังผาเมือง โดย กองร้อยทหารม้าที่ 3 หน่วยเฉพากิจทัพเจ้าตาก ได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวว่ามีกลุ่มขบวนการลักลอบนำรถจักรยานยนต์ ออกนอกราชอาณาจักร โดยไม่ผ่านพิธีการทางศุลกากร จึงจัดกำลัง 1 ชุดปฏิบัติการ บูรณาการร่วมกับ สถานีตำรวจภูธรแม่สาย , ศุลกากร อำเภอแม่สาย และฝ่ายปกครอง อำเภอแม่สาย ทำการบังคับใช้กฎหมายต่อผู้กระทำผิดตาม พระราชบัญญัติศุลกากร บริเวณ บ้านเลขที่ 646  บ้านเกาะทราย ตำบลแม่สาย อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ซึ่งอยู่ติดกับแม่น้ำสาย (ชายแดนระหว่างไทยกับเมียนมา) 

ตรวจพบกลุ่มขบวนการดังกล่าว กำลังลักลอบนำรถจักรยานยนต์ ข้ามแม่น้ำสายจากฝั่งไทยข้ามไปฝั่งเมียนมา ระหว่างเข้าดำเนินการจับกุม กลุ่มบุคคลดังกล่าวเมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ ได้อาศัยความมืดหลบหนีไปได้ จากการตรวจค้นพบรถจักรยานยนต์ (ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนพร้อมกุญแจติดรถ) ที่เตรียมลักลอบนำข้ามชายแดน จำนวน 42 คัน พร้อมอุปกรณ์/เครื่องมือที่ใช้ในการลำเลียงรถจักรยานยนต์ข้ามแม่น้ำสาย ได้แก่ ห่วงยางที่ดัดแปลงสำหรับใช้บรรทุกรถจักรยานยนต์เพื่อให้ลอยน้ำได้  เชือกและรอก พร้อมอุปกรณ์ดัดแปลง สำหรับชักลาก โดยเจ้าหน้าที่ได้ตรวจยึดของกลางทั้งหมด และทำการขยายผลเพื่อที่จะนำตัวกลุ่มขบวนการที่กระทำผิด มาลงโทษตามกฎหมายต่อไป 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top