Saturday, 3 May 2025
TheStatesTimes

พิษณุโลก กองทัพภาคที่ 3 จัดกิจกรรมน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคต ครบ 7 ปี

วันที่ 11 ตุลาคม 2566 เวลา 07.00 น. พลโท ประสาน  แสงศิริรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 3 เป็นประธานในการจัดกิจกรรมน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคต 13 ตุลาคม 2566 โดยในปีนี้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีมีหนังสือแจ้งให้ทราบว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้กำหนดชื่อวันคล้ายวันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร 13 ตุลาคม ของทุกปีเป็น “วันนวมินทรมหาราช” มีความหมายว่า วันที่ระลึกถึงพระมหาราชรัชกาลที่ 9 ผู้ยิ่งใหญ่ และในปี 2566 นี้เป็นปีแห่งการสวรรคตครบ 7 ปี หรือ “สัตตมวรรษ” โดยมีคณะผู้บังคับบัญชา ข้าราชการหน่วยขึ้นตรงกองทัพภาคที่ 3 ร่วมกิจกรรมซึ่งประกอบด้วย พิธีตักบาตรพระสงฆ์ จำนวน 20 รูป ถวายเป็นพระราชกุศล ณ บริเวณลานพื้นแข็งหน้าสโมสรบันเทิงทัพ ค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช, พิธีสวดพระพุทธมนต์ พระสงฆ์ 10 รูป บริเวณห้องบันเทิงทัพ 3 สโมสรบันเทิงทัพ ค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช, พิธีวางพวงมาลา และกล่าวน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ ห้องสโมสรบันเทิงทัพ 1 ค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และกิจกรรมบริจาคโลหิต ถวายเป็นพระราชกุศล ที่บริเวณข้างห้องบันเทิงทัพ 1 ค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก 

นอกจากนี้ยังได้มีกิจกรรมอื่นๆ ที่กองทัพภาคที่ 3 และหน่วยขึ้นตรงกองทัพภาคที่ 3 ได้จัดกำลังเข้าร่วมกิจกรรม เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลและน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ อาทิเช่น พิธีวางพวงมาลา, การจัดตั้งโต๊ะหมู่ประดิษฐานพระบรมฉายาลักษณ์ พร้อมเครื่องราชสักการะ, กิจกรรมเผยแพร่เกียรติคุณทางเว็บไซต์และสื่อออนไลน์, และการเชิญชวนกำลังพลและครอบครัว รวมถึงเครือข่ายภาคประชาชน ร่วมน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ เนื่องในวันสวรรคต พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร 13 ตุลา อีกทั้งกิจกรรมจิตอาสาบำเพ็ญสาธารณประโยชน์พัฒนาปรับภูมิทัศน์ วัดอรัญญิก อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก และอาสาทำความดี ในรูปแบบและกิจกรรมต่างๆ อีกมากมาย

'ขนส่งชื่อดัง' รับ!! ลดค่าคอมไรเดอร์ เป็นไปตามกลไกอุตสาหกรรม ยัน!! กลุ่มพนักงานอ้างถูกใช้งานเกินขอบเขต ไม่เป็นความจริง

(11 ต.ค.66) กรณี เพจสหภาพไรเดอร์ โพสต์ข้อความ “พนักงาน…..ลาออกเกือบทั้งประเทศ ถูกลดค่าคอม และต้องส่งสินค้าต่อวัน 200-500 ชิ้น และทำงานหกโมงเช้าถึงเที่ยงคืนไม่มี OT”

พร้อมระบุว่า “พนักงานบางท่านถูกลดค่าคอมจาก 8,000 บาท เหลือไม่ถึง 500 บาท และบริษัทออกกฎระเบียบใหม่คือพนักงานต้องทำงาน 92% ต้องส่งสินค้าวันละ 300-500 ชิ้น และจะได้ค่าคอมเพียงแค่ 40-80 ชิ้นท่านั้น ที่เหลือคือทำงานฟรี ไม่มีค่าน้ำมัน ค่าคอมมิชชันก็น้อยลง รวมถึงไม่มีค่า OT ยุคที่ทุนขูดรีดแรงงานได้ตามอำเภอใจ รัฐไทยมั่วทำอะไรอยู่?”

ล่าสุด แหล่งข่าวจากบริษัทขนส่งเอกชนรายนี้ ชี้แจงว่า

“กรณีทางบริษัทมีการปรับลดค่าตอบแทนพนักงานจริง เนื่องจากเป็นไปตามกลไกของอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ที่มีการแข่งขันสูง และเป็นไปตามแผนการดำเนินการของบริษัท

ประกอบกับที่ผ่านมา ทางบริษัทมีการให้ค่าตอบแทนพนักงานสูงกว่าเจ้าอื่นๆ ในตลาด ซึ่งการปรับลดค่าตอบแทน อาจจะนำมาสู่ความไม่พอใจของพนักงานบางส่วน จนตัดสินใจลาออก ทำให้มีอดีตพนักงานบางคนออกมาโจมตีองค์กรผ่านโซเชียลมีเดียในทางเสียหาย โดยประเด็นที่มีการระบุว่า บริษัทให้ทำงานถึง 18 ชม. ไม่ใช่ข้อเท็จจริง และกรณีให้ส่งสินค้า 300-500 ชิ้นไม่เป็นความจริงเช่นกัน

ส่วนประเด็นที่บางโกดังมีพัสดุตกค้าง ยอมรับว่ามีบางจุดที่มีปัญหาจริง จากการที่พนักงานลาออก เช่น พื้นที่ กทม.บางแห่ง ซึ่งบริษัทก็กำลังดำเนินการแก้ปัญหาโดยเร็วที่สุด และยืนยันว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะไม่กระทบภาพรวมการทำงานของทุกสาขา และยังสามารถให้บริการลูกค้าได้เหมือนเดิม

พัสดุที่ตกค้าง เรามีการรับคนเพิ่ม ดึงจากสาขาใกล้เคียง ที่ไม่ได้มีผลกระทบเข้าไปเติม ซึ่งกำลังเร่งเคลียร์อยู่ แต่เรื่องพัสดุคงค้างกับเรื่องของค่าที่เขาพูดกัน มันคนละเรื่องกัน ทำให้สังคมมองว่าคุณไม่ดูแลพนักงาน พนักงานก็เลยออก ก็เลยมีคนมาส่งพัสดุ ยืนยันเรื่องทั้งหมดไม่ใช่สาเหตุมาจากน้ำท่วม ไม่เกี่ยวข้องกับสงคราม และไม่ใช่เรื่องน้ำมันแพง”

'อรรถวิชช์' ไขก๊อก!! ลาออกรองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า ลุยงานภาคประชาชน เดินหน้าโปรเจกต์แก้กฎหมายเครดิตบูโร ชวนทุกฝ่ายขับเคลื่อน

(11 ต.ค. 66) ดร.อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี รองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า เปิดเผยว่า ตนจะไปทำโปรเจกต์เสนอร่างแก้ไขกฎหมายเครดิตบูโร ฉบับประชาชน ให้ทันสมัยสามารถเข้าถึงสินเชื่ออย่างเป็นธรรม ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายฝ่าย ทั้งกลุ่มภาคประชาชน เครือข่ายลูกหนี้ ธนาคาร และพรรคการเมืองต่างๆ มาร่วมกันเข้าชื่อเสนอร่างกฎหมาย จึงตัดสินใจยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า โดยได้แจ้งต่อประธานและหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้าแล้ว

"คนจำนวนมาก เกินกว่า 5 ล้านคน ไม่สามารถเข้าถึงเงินกู้ในระบบ ไม่มีเงินทุนกลับมาฟื้นอาชีพ ฟื้นกิจการได้ การแก้ไขกฎหมายเครดิตบูโร จะเป็นกลไกสำคัญในปฏิรูประบบสินเชื่อ การลาออกจากตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า จะทำให้คล่องตัวมากขึ้น ในการแสวงหาความร่วมมือจากทุกฝ่าย ในการขับเคลื่อนร่างแก้ไขกฎหมายนี้ให้สำเร็จ" ดร.อรรถวิชช์ กล่าว

ดร.อรรถวิชช์ กล่าวด้วยว่า ผมได้ร่างกฎหมายแก้ไขพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจข้อมูลเครดิตไว้แล้ว โดยผมได้หารือกับคุณกรณ์ จาติกวณิช ในรายละเอียดกฎหมายแล้ว ท่านก็พร้อมให้การสนับสนุน ผมหวังว่าการลาออกมาเดินสายพูดคุย ชี้แจงกับกลุ่มและพรรคการเมืองต่างๆ จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้

‘สุริยะ’ เร่งสปีดดัน ‘โครงการแลนด์บริดจ์’ เตรียมชง ครม. ต.ค.นี้ พร้อมลุยโรดโชว์ดึงต่างชาติร่วมทุน ลุ้นเดินเรือยักษ์ใหญ่ร่วม

เมื่อวานนี้ (10 ต.ค.66) จากช่องยูทูบ MONAI CHANNEL ได้โพสต์คลิปวิดีโออธิบายเกี่ยวกับ ‘โครงการแลนด์บริดจ์ ระนอง-ชุมพร’ ที่ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้ออกมาให้สัมภาษณ์เอาไว้ว่าพร้อมเดินหน้าโครงการนี้ต่อ โดยระบุว่า…

ณ ปัจจุบันนี้ หนึ่งในเส้นทางการเดินเรือสำคัญของโลกเป็นการเชื่อมกันระหว่างเอเชียตะวันออก ก็คือประเทศจีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น จากนั้นก็มีการอ้อมผ่านทางทะเลจีนใต้ ผ่านแหลมมลายู สิงคโปร์ ไปสู่ที่มหาสมุทรอินเดีย ไปผ่านอินเดียตอนใต้แล้วค่อยไปออกแถวแอฟริกา จากนั้นไปผ่านคลองสุเอซ เข้าไปต่อที่บริเวณแถบยุโรป และนี่คือเส้นทางการเดินเรือสำคัญ หรือจากยุโรปเองจะมีการส่งสินค้ามาก็ผ่านเส้นทางนี้เช่นกัน

แต่ ‘โครงการแลนด์บริดจ์’ ที่สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) มีการศึกษามาเรียบร้อยแล้ว คือเป็นการทำ ‘ชอร์ตคัท’ ไม่ต้องไปอ้อมแหลมมลายูของทางสิงคโปร์ แต่ผ่านบริเวณแผ่นดินของประเทศไทย โดยจุดเชื่อมสำคัญบริเวณ ‘ทะเลอ่าวไทย’ คือ จังหวัดชุมพร และจุดเชื่อมสำคัญของบริเวณ ‘ทะเลอันดา’ คือ จังหวัดระนอง ซึ่งเราจะมีทั้งรถไฟทางคู่และถนนมอเตอร์เวย์ เพื่อที่จะให้เวลาเหลือ มีการเปลี่ยนโหมด ซึ่งพอมาถึงชุมพรจากนั้นก็ใช้เครื่องออโตเมติกหยิบตู้คอนเทนเนอร์ใส่รถไฟ รถไฟก็จะวิ่งข้ามแผ่นดินมาถึงที่จังหวัดระนอง จากนั้นก็มีระบบอัตโนมัติหยิบตู้คอนเทนเนอร์จากรถไฟไปลงเรือ จากเรือไปต่อมหาสมุทรอินเดียแล้วก็ไปส่งของต่อ ซึ่งจะเป็นเอเชียใต้ แอฟริกา หรือยุโรปก็ได้…

ซึ่งตอนแรกสุดเหมือน คุณสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ให้สัมภาษณ์เอาไว้ว่า…อาจจะไม่เดินหน้าโครงการนี้ต่อ แต่ล่าสุด ณ วันที่ 9 ตุลาคม 2566 คุณสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ได้ให้สัมภาษณ์เอาไว้ ซึ่งขออนุญาตหยิบยกมาจากข่าวสด 

นายสุริยะกล่าวว่า “โครงการสภาเศรษฐกิจภาคใต้เชื่อมฝั่งทะเลอ่าวไทย อันดามัน ชุมพรกับระนอง หรือแลนด์บริดจ์ คาดว่าจะเสนอให้ครม. พิจารณาเห็นชอบในหลักการภายใน 2 สัปดาห์นี้” ซึ่งก็คือภายในเดือนตุลาคมนี้ 

“ก่อนจะเดินหน้าไปโรดโชว์ต่างประเทศอย่างยุโรป สหรัฐฯ รวมไปถึงตะวันออกกลาง เพื่อชี้แนะรายละเอียดของโครงการประกอบการจูงใจดึงดูดนักลงทุนให้มาร่วมลงทุนในโครงการนี้ด้วย เพราะโครงการนี้ใช้เม็ดเงินลงทุนตัวเลขกลม ๆ ประมาณ 1 ล้านล้านบาท” นายสุริยะกล่าว

แต่เราจะไม่ใช้งบประมาณจะเป็นการลงทุนของภาคเอกชนทั้งหมด และจากนั้นให้สัมปทานไปยาว ๆ 50 ปีด้วยกัน ซึ่งเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ประชาชนต่างถกเถียงกันเป็นอย่างมาก โดยบางส่วนห่วงเรื่องของการจัดทำผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม และบางส่วนบอกว่าจำเป็นต้องเดินหน้าจะเป็นโครงการที่เรียกได้ว่าพลิกโฉมหน้าประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางด้านการค้า การคมนาคมขนส่ง และแลนด์บริดจ์ที่ว่านี้ จะเป็นจิ๊กซอว์สำคัญในการเดินหน้าเขตพัฒนาพิเศษภาคใต้ หรือ SEC โดยปัจจุบันนี้ เรามีเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC จากนี้ไปเราจะมีแต่ละภาคหมด อย่างภาคเหนือจะมี NEC ส่วนภาคใต้ก็จะมี SEC 

ซึ่ง คุณสุริยะ ได้บอกต่อว่า คาดว่าจะเสนอสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ศึกษาเรื่องผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม EIA แล้วเสร็จ ภายในช่วงต้นปี 67 ก่อนจะขับเคลื่อนเรื่องการลงทุนต่อไป เช่นเดียวกับแผนพัฒนาโครงข่ายทางพิเศษระหว่างเมืองและระบบราง ก็จะให้สนข.ผลักดันเช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้น ‘แลนด์บริดจ์’ ยังไม่จบ…และจะมีการเดินหน้าต่อไปอย่างแน่นอน แต่ที่นี่ต้องรอดูว่าครม.จะเห็นชอบหลักการหรือไม่ และถ้าเกิดครม.เห็นชอบหลักการเวลาไปโรดโชว์ต่างประเทศ มีนักลงทุนต่างชาติสนใจหรือเปล่า…เพราะเป้าหมายสำคัญนักลงทุนต่างชาติที่ต้องให้ความสนใจ คือ บริษัทเดินเรือขนาดใหญ่…

‘ฟิวเจอร์พาร์คฯ’ แจงปมเด็ก 4 ขวบถูกบันไดเลื่อนหนีบนิ้วหลุด ยัน!! ไม่นิ่งนอนใจ ย้ำ!! ระบบบันไดเลื่อนเป็นไปตามมาตรฐาน

จากกรณีที่เพจ ‘อยากดังเดี๋ยวจัดให้รีเทริน์ part6’ แชร์โพสต์ของกลุ่มข่าวถึงชาวรังสิตที่ระบุข้อความว่า “รบกวนพี่ ๆ ในกลุ่มนี้หน่อยนะคะ ลูกไปห้างชื่อดังย่านรังสิตกับแม่และพ่อ เหตุเกิดเมื่อประมาณวันเสาร์ที่ 7 ตุลาคม ที่ห้างดังกล่าว มีใครพอมีรูปหรือถ่ายภาพ เห็นผู้ชายอุ้มเด็กเลือดไหลไหมคะ พอดีลูกโดนบันไดเลื่อนที่ห้าง หนีบนิ้วขาด แล้วเด็กแค่ 4 ขวบเองค่ะ วอนพี่ ๆ ใครมีรูปหรือคลิปส่งให้หนูหน่อยนะคะ”

นอกจากนี้ เธอได้ระบุเพิ่มเติมว่า “วอนพี่ ๆ ส่งรูปหรือแชตส่วนตัวก็ได้ค่ะ หนูมีลูกคนเดียว หัวอกคนเป็นแม่ใจจะขาด” พร้อมกับโพสต์รูปเด็กชายวัย 4 ขวบ ที่มีการพันผ้าก๊อซพันแผลที่นิ้วมือข้างขวา

หลังจากที่โพสต์มี การเผยแพร่ออกไป ผู้สื่อข่าว พยายามติดต่อไปยังผู้ปกครองของเด็กชายผู้บาดเจ็บดังกล่าว แต่ไม่สามารถติดต่อได้และได้ไปติดตาม ที่ สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ ก็ไม่พบว่า มีการไปลงบันทึกประจำวันหรือว่าแจ้งความไว้

ล่าสุด ศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์คและสเปลล์ ออกประกาศชี้แจงต่อเหตุการณ์ดังกล่าว ระบุว่า จากภาพที่ปรากฏในสื่อออนไลน์ และสำนักข่าว ณ ขณะนี้ ศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์คและสเปลล์ ขอเรียนแจ้งให้ทราบ ว่าทางศูนย์การค้าฯ เสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นอุบัติเหตุบริเวณบันไดเลื่อน ในวันที่ 7 ตุลาคม 2566 เวลาประมาณ 14.22 น.

ทางศูนย์ฯ มิได้นิ่งนอนใจ เมื่อได้รับการแจ้งเหตุก็ได้รีบเข้าไปให้การช่วยเหลือทันที พร้อมทั้ง ประสานส่งตัวเด็กเข้ารับการรักษายังโรงพยาบาลเปาโล โดยมีเจ้าหน้าที่ทางศูนย์ฯ เข้าไปดูแลอำนวยความสะดวกและได้ดูแลค่ารักษาพยาบาลเด็กอย่างต่อเนื่องตั้งแต่วันเกิดเหตุ

ทางศูนย์ฯ ตระหนักและคำนึงถึงความปลอดภัยของลูกค้าทุกท่านเป็นสำคัญ โดยมีมาตรการในการตรวจสอบและบำรุงรักษาอุปกรณ์การใช้งานต่าง ๆ อย่างสม่ำเสมอโดยบริษัทผู้เชี่ยวชาญ กรณีที่เกิดเหตุได้มีการประสานไปยังบริษัท ที่ดูแลเพื่อทำการตรวจเช็กระบบการทำงานซึ่งได้รับการยืนยันว่าการทำงานเป็นไปตามมาตรฐาน ‘ไม่ได้เกิดจากตัวอุปกรณ์แต่อย่างใด’

กรณีที่ทางศูนย์ฯ มิได้นำภาพวิดีโอขณะเกิดเหตุมาเผยแพร่ต่อสาธารณชน ด้วยศูนย์ฯ คำนึงถึงสิทธิเด็ก และสภาพจิตใจของครอบครัวที่ได้รับอุบัติเหตุในครั้งนี้

ทางศูนย์การค้าฯ ขอน้อมรับทุกความคิดเห็นและขอบคุณในคำแนะนำอันเป็นประโยชน์ เพื่อนำไปปรับปรุงและพัฒนาในการให้บริการในครั้งต่อไป    

‘นิสสัน’ เปิดแคมเปญ ช่วยลูกค้าประสบภัยน้ำท่วม ถึงสิ้นปี 66 มอบส่วนลดค่าอะไหล่-อุปกรณ์ 30% พร้อมบริการยกรถส่งศูนย์ฟรี

(11 ต.ค.66) ‘นิสสัน ประเทศไทย’ เปิดแคมเปญ ช่วยเหลือลูกค้าประสบภัยรถยนต์เสียหายจาก น้ำท่วม ลดค่าอะไหล่ อุปกรณ์ตกแต่ง ถึงสิ้นปี 2566

แคมเปญ ‘นิสสันร่วมใจช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม’ จะจัดขึ้นถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2566 โดยจะมีส่วนลดพิเศษสูงสุด 30% สำหรับค่าอะไหล่, เคมีภัณฑ์, น้ำมันหล่อลื่น และอุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์

นอกจากนี้ยังมีบริการยกรถที่ประสบภัยน้ำท่วม ไปยังศูนย์บริการนิสสันที่ใกล้ที่สุดฟรี เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระลูกค้าที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยที่กำลังเกิดขึ้นในหลายๆ พื้นที่ของประเทศ

“แคมเปญช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมตอกย้ำความมุ่งมั่นของนิสสันในการดูแลเอาใจใส่ลูกค้าตลอดระยะเวลาการเป็นเจ้าของรถยนต์นิสสัน มีจุดมุ่งหมายเพื่อมอบความช่วยเหลือในช่วงเวลาวิกฤติ และแบ่งเบาภาระของลูกค้าให้สามารถดำเนินชีวิต และใช้รถยนต์นิสสันได้ตามปกติโดยเร็วที่สุด” อิซาโอะ เซคิกุจิ ประธาน นิสสัน ประเทศไทย และนิสสัน อาเซียน กล่าว

ทั้งนี้ รถยนต์ที่จะได้รับสิทธิครอบคลุมรถยนต์นิสสันทุกรุ่น ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยที่เกิดขึ้นภายในระยะเวลาแคมเปญ และสำหรับลูกค้านิสสันที่รับผิดชอบค่าใช้จ่ายด้วยตัวเองเท่านั้น ไม่รวมลูกค้าที่ได้รับผลประโยชน์ความคุ้มครองจากบริษัทประกันภัย หรือบริษัทประกันภัยเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย

ตร. ตีแผ่ “HOT” หลักคิดในการสังเกตวัตถุต้องสงสัยที่อาจเป็นระเบิด 

วันนี้ (11 ตุลาคม 2566) พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ได้มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนที่อาจได้รับความเสียหายจากอาชญากรรมรูปแบบต่าง ๆ ซึ่งอาชญากรรมรูปแบบหนึ่งที่สร้างความเสียหายให้กับพี่น้องประชาชนเป็นจำนวนมาก ทั้งในด้านชีวิตร่างกาย และทรัพย์สิน ตลอดจนกระทบต่อความปลอดภัยสาธารณะ สร้างความหวาดกลัวขึ้นในสังคม และเกิดขึ้นเป็นระยะ ๆ ซึ่งเหตุการณ์ล่าสุดคือ เหตุการณ์กราดยิงในห้างสรรพสินค้า แต่ยังมีอีกเหตุการณ์หนึ่ง แม้จะเกิดขึ้นได้ยาก แต่ก็สร้างความเสียหายได้เป็นจำนวนมาก นั่นก็คือเหตุการณ์วางระเบิดในที่สาธารณะ

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงขอมาตีแผ่หลักคิดในการสังเกต ว่าอะไรคือวัตถุต้องสงสัยที่อาจเข้าข่ายเป็นวัตถุระเบิด โดยใช้หลัก HOT ดังนี้

“H – Hidden” หรือ ถูกซุกซ่อน หมายถึง สิ่งของดังกล่าวถูกวางไว้ในจุดที่มองเห็นได้ยาก หรือถูกซุกซ่อนไว้โดยมีเจตนาอำพรางไม่ให้มองเห็น

“O - Obviously Suspicious” หรือ น่าสงสัย หมายถึง การพบสายไฟ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ หรือชิ้นส่วนที่คล้ายระเบิด อยู่ที่สิ่งของดังกล่าว

“T - Not Typical” หรือ ผิดปกติ หมายถึง เป็นสิ่งของที่ปกติไม่ควรอยู่ในสถานที่ดังกล่าว หรืออยู่ในบริเวณที่หากมีการระเบิด จะเป็นอันตรายร้ายแรง

โดยหากพี่น้องประชาชนพบเห็นสิ่งของหรือวัตถุใด ที่เข้าข่ายอย่างใดอย่างหนึ่งข้างต้น ให้สงสัยไว้ก่อนว่าวัตถุดังกล่าวเป็นวัตถุต้องสงสัยที่อาจเป็นวัตถุระเบิด ให้หลีกเลี่ยงการสัมผัส เว้นระยะห่าง และแจ้งให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทราบทันที

สุดท้ายนี้ แม้ว่าเหตุระเบิดในประเทศไทยจะเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก แต่ถือเป็นเหตุที่ก่อให้เกิดความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินได้อย่างร้ายแรง พี่น้องประชาชนจึงควรที่จะศึกษาและทำความเข้าใจเกี่ยวกับหลักปฏิบัติในเมื่อเจอวัตถุต้องสงสัย เพื่อเป็นการสร้างสังคมที่ปลอดภัย และลดความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้น ทั้งนี้หากพี่น้องประชาชนพบเห็นวัตถุต้องสงสัย ให้แจ้งให้ผู้รับผิดชอบสถานที่ดังกล่าวทราบโดยเร็ว หรือโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ที่ สายด่วน 191 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

จับตา!! อาการปากกล้าขาสั่น 'รัฐบาลเศรษฐา' อาจยอมลดทิฐิ ก่อนปม 5.6 แสนล้านมาจากไหน? ทำไมต้อง 'ดิจิทัล โทเคน'? ลาม

สามสี่วันก่อน 'เล็ก เลียบด่วน' เขียนถึงระเบิด 3 ลูกของรัฐบาล คือ เงินดิจิทัล วอลเลต, การแก้ไขรัฐธรรมนูญ และการนิรโทษกรรมคดีการเมือง…วันนี้ก็เลยต้องขอตามไปดูอีกนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งนโยบายเติมเงินดิจิทัล วอลเล็ต ให้ผู้ที่อายุ 16 ปีขึ้นไปคนละหมื่นบาท…วงเงินงบประมาณ 5.6 แสนล้านบาท

ก็ต้องวิเคราะห์และสรุปอย่างตรงไปตรงมาว่า…แม้รัฐบาลจะยืนกระต่ายขาเดียว ยืนยันว่าจะเดินหน้า แต่ก็เริ่มออกอาการปากกล้าขาสั่นกันบ้างแล้ว…หลังจากที่กระแสต่อต้านด้วยหวั่นเกรงว่าจะนำพาประเทศชาติเสียหาย สะท้านสะเทือนนโยบายทางการคลัง ซ้ำรอยเดียวกับโครงการรับจำนำข้าว...

อาจารย์เมธี ครองแก้ว นักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์ อดีตกรรมการ ปปช. ถึงกับออกบทความยาว 4 หน้า สะกิดเตือนแรงๆ พร้อมเสนอแนะให้ ปปช.ทักท้วงไปยังรัฐบาล แบบเดียวกับที่ทักท้วงรัฐบาลยิ่งลักษณ์กรณีโครงการรับจำนำข้าว...แต่ครั้งนั้นยิ่งลักษณ์ไม่นำพา จนถูกดำเนินคดีผิดกฎหมายอาญามาตรา 157 ต้องหลบลี้อยู่ต่างแดนจนวันนี้...

เมื่อวันที่ 10 ต.ค.ที่ผ่านมา ปปช.ไปชี้แจงรายงานผลงานในรอบปี และ สว.สมชาย แสวงการ ก็หยิบยกเรื่องดิจิทัล วอลเล็ต ฝากให้ ปปช.ตลอดจน กกต. และกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน ร่วมกันตรวจสอบโครงการนี้เสียแต่เนิ่นๆ โดยได้เอ่ยอ้างถึงรัฐธรรมนูญ มาตรา 245...

เพื่อความงดงามตามท้องเรื่อง 'เล็ก เลียบด่วน' ขออนุญาตยกมาตรา 245 มาให้ดูเต็มๆ ครับ

“มาตรา 245 เพื่อประโยชน์ในการจะระงับหรือยับยั้งความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นแก่การเงินการคลังของรัฐ ให้ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินเสนอผลการตรวจสอบการกระทำที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยวินัยการเงินการคลังของรัฐและอาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่การเงินการคลังของรัฐอย่างร้ายแรง ต่อคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน...

...ในกรณีที่คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินเห็นพ้องด้วยกับผลการตรวจสอบดังกล่าว ให้ปรึกษาหารือร่วมกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หากที่ประชุมร่วมเห็นพ้องกับผลการตรวจสอบนั้น ให้ร่วมกันมีหนังสือแจ้งสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา และคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบโดยไม่ชักช้า และให้เปิดเผยผลการตรวจสอบดังกล่าวต่อประชาชนเพื่อทราบด้วย”    

ครับ!! แม้ดูเหมือนข้อเสนอนี้ อาจจะเร็วไปบ้างเล็กน้อย เพราะรัฐบาลยังไม่แถลงให้เป็นเรื่องเป็นราวว่าจะเอางบประมาณโครงการ 5.6 แสนล้านบาทมาจากไหน...ทำไมไม่ใช่แอปฯ เป๋าตัง...แต่ใช่หรือไม่ว่าคำถามและข้อเสนอที่ดูเหมือนจะเร็วไปบ้างนี่เองที่จะทำให้รัฐบาลได้คิดหรือลดทิฐิลง...

ดังเช่นตอนนี้รัฐบาลเริ่มขาสั่นยอมทบทวนในบางประเด็นแล้ว เช่น ประเด็นขยายพื้นที่การใช้จ่าย และที่สำคัญระบุว่าคนที่จะใช้จ่ายต้องแสดงตัวตน...ซึ่งประเด็นนี้จะเท่ากับลดจำนวนเงินงบประมาณไปได้บ้าง เพราะคนที่ไม่ไปแสดงตนก็คงมีจำนวนหนึ่ง...

อย่างไรก็ตาม...ประสา 'เล็ก เลียบด่วน' ก็ฟันธงว่า  ประเด็นสำคัญที่จะนำไปสู่ความร้อนฉ่าและฉาวโฉ่ในอนาคตของโครงการนี้น่าจะอยู่ที่ผลประโยชน์อันเป็นวาระซ่อนเร้นเกี่ยวกับวิธีการใช้จ่ายผ่าน...ดิจิทัล โทเคน ที่มีจะมีค่าบริการและค่าออกโทเคน  ซึ่งคนที่มีความรู้เรื่องนี้ดีคนหนึ่งก็คือคนชื่อ 'เศรษฐา' นั่นเอง...

ว่ากันว่า...ถ้ารัฐบาลยังขาไม่สั่นในประเด็น 'ดิจิทัล  โทเคน' และจะเดินหน้าต่อไป...มหกรรมการแฉข้อมูลชุดใหญ่ไฟกะพริบที่จะโยงไปถึงผู้หลักผู้ใหญ่ในทำเนียบรัฐบาลจะออกมาเต็มคาราเบล...

พรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ ไม่คิดจะช่วยนายกฯ เศรษฐากันบ้างหรือครับ..!!??

'กรมทางหลวง' พร้อม!! ปิดตำนานถนน 7 ชั่วโคตร เปิดใช้ฟรี 'มอเตอร์เวย์บ้านแพ้ว' 8 กม.กลางปี 67

(11 ต.ค. 66) นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) เปิดเผยภายหลังพิธีลงนามในข้อตกลงคุณธรรมร่วมกับองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ในโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) หมายเลข 82 (M82) สายทางยกระดับบางขุนเทียน-บ้านแพ้ว ระยะทาง 24.7 กิโลเมตร (กม.) สำหรับการให้เอกชนร่วมลงทุน (PPP) ในการดำเนินงานและบำรุงรักษา (O&M) เมื่อวันที่ 10 ต.ค.2566

สำหรับการลงนามข้อตกลงคุณธรรมในครั้งนี้ เป็นไปตามข้อกำหนดภายใต้ประกาศสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ เรื่อง แนวทางปฏิบัติสำหรับการนำข้อตกลงคุณธรรมมาใช้กับโครงการร่วมลงทุนที่ดำเนินการตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ.2562 และ 2564 เพื่อสร้างความร่วมมือในการป้องกันการทุจริตในโครงการร่วมลงทุน ส่งผลให้กระบวนการคัดเลือกเอกชนเป็นไปด้วยความสุจริต โปร่งใส และได้รับการยอมรับจากทุกภาคส่วน

นายสราวุธ กล่าวว่าแผนการดำเนินโครงการ O&M มอเตอร์เวย์ M82 นั้น วงเงิน 15,724 ล้านบาท สัญญาสัมปทาน 32 ปี แบ่งเป็น ค่างาน O&M วงเงิน 14,687 ล้านบาท ระยะเวลา 30 ปี และ ค่าก่อสร้างงานระบบ วงเงิน 1,037 ล้านบาท ระยะเวลา 2 ปี เบื้องต้นได้แต่งตั้งคณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 36 และ ทล. จัดทำร่างเอกสารประกาศเชิญชวนให้เอกชนร่วมลงทุน (RFP) แล้วเสร็จ อยู่ระหว่างเตรียมเสนอโครงการฯ ต่อคณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 36 พิจารณาเห็นชอบต่อไป

นายสราวุธ กล่าวต่อว่า ทล.มีแผนจะประกาศเชิญชวนเอกชนร่วมลงทุน และจำหน่ายเอกสารการคัดเลือกเอกชน (RFP) ในไตรมาส 1/2567 โดยจะเปิดให้เอกชนยื่นข้อเสนอฯ ในช่วงไตรมาส 3/2567 ก่อนจะสรุปผลการคัดเลือกเอกชน และเสนอไปยังคณะกรรมการอัยการสูงสุด พร้อมลงนามในสัญญาภายในปลายปี 2567 หลังจากนั้นจะเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบผลการคัดเลือกในช่วงไตรมาส 1/2568 ต่อไป 

ส่วนความคืบหน้าการก่อสร้างงานโยธานั้น ตอนที่ 1 หรือสัญญาที่ 1-3 ช่วงบางขุนเทียน-เอกชัย ระยะทาง 8.3 กม. วงเงิน 10,477.386 ล้านบาท ณ ก.ย. 2566 มีความคืบหน้าอยู่ที่ 86.45% จะแล้วเสร็จในช่วงกลางปี 2567 และจะเปิดให้บริการทดลองใช้ฟรีทันที เชื่อมต่อการเดินทางกับโครงการทางพิเศษสายพระราม 3-ดาวคะนอง-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันตกของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) แบบไร้รอยต่อ 

นายสราวุธ กล่าวว่าขณะที่ ตอนที่ 2 อีก 10 สัญญา ช่วงเอกชัย-บ้านแพ้ว ระยะทาง 16.4 กม. ปัจจุบันผลงานคืบหน้า 33.94% ได้เร่งรัดให้ดำเนินการแล้วเสร็จภายในกลางปี 2568 จากแผนจะแล้วเสร็จในปลายปี 2568 ซึ่ง ทล. จะพิจารณาเปิดใช้งานโยธา ควบคู่การส่งมอบพื้นที่ให้กับเอกชน เพื่อเข้าพื้นที่ไปดำเนินการโครงการ O&M โดยคาดว่า จะแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการเต็มรูปแบบในปี 2569

“โครงการมอเตอร์เวย์ M82 ที่จะวิ่งลงสู่ภาคใต้นั้น ผมได้เร่งรัดให้งานโยธาแล้วเสร็จภายในกลางปี 68 จากเดิมกำหนดแล้วเสร็จภายในปลายปี 68 ซึ่งจะถือว่า เป็นการปิดตำนานถนนเจ็ดชั่วโคตรบนถนนพระราม 2 จบแน่นอน ส่วนต่อขยายจากบ้านแพ้ว ไปยังปากท่อ ซึ่งอยู่ในแผนฯ ของ ทล.นั้น คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในปี 71 ซึ่งในช่วงดังกล่าว ยังมีปริมาณการจราจรไม่มากนัก และรอความชัดเจนของนโยบายรัฐบาลในระยะต่อไป“ นายสราวุธ กล่าว

นายสราวุธ กล่าวอีกว่า ส่วนความคืบหน้าโครงการ O&M มอเตอร์เวย์ หมายเลข 6 (M6) สายบางปะอิน–นครราชสีมา และหมายเลข 81 (M81) สายบางใหญ่–กาญจนบุรี โดยกลุ่มกิจการร่วมค้า BGSR ซึ่งประกอบด้วย บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) บมจ.ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น (STECON) และ บมจ.ราช กรุ๊ป (RATCH) เป็นผู้ได้รับการคัดเลือกนั้น 

ทั้งนี้ ในส่วนของโครงการ M6 มีความคืบหน้าการดำเนินการล่าช้ากว่าแผน 19% เหตุจาก ทล. ส่งมอบพื้นที่ล่าช้า เนื่องจากขณะนี้ อยู่ระหว่างการก่อสร้าง 12 ตอน ภายหลังได้รับการเพิ่มวงเงินจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 6 ก.พ. 2566 โดยในปี 2566 จะก่อสร้างแล้วเสร็จ 2 ตอน, ปี 2567 แล้วเสร็จ 6 ตอน และจะแล้วเสร็จอีก 4 ตอนครบตลอดสายทางภายใน มิ.ย. 2568 ขณะที่ โครงการ O&M M81 ล่าช้ากว่าแผน 16% อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า ไม่กระทบต่อแผนการดำเนินโครงการอย่างแน่นอน

สำหรับโครงการมอเตอร์เวย์ M82 จะใช้ระบบจัดเก็บค่าผ่านทางในรูปแบบไร้ไม้กั้น (M-Flow) เต็มรูปแบบ 100% ทั้งนี้ ทล. คาดการณ์ปริมาณจราจรในปีแรกที่เปิดให้บริการอยู่ที่ 64,203 คันต่อวัน และมีปริมาณจราจรตลอดระยะเวลา 30 ปีที่ได้รับสัมปทานรวม 1,548,539,113 คัน ส่วนการคาดการณ์รายได้ค่าธรรมเนียมผ่านทางปีแรกที่เปิดให้บริการอยู่ที่ 1,272.71 ล้านบาท และมีรายได้ค่าผ่านทางตลอดสัญญาสัมปทาน 30 ปี อยู่ที่ 116,954.15 ล้านบาท

ระบบสกัดกั้นขีปนาวุธอัจฉริยะ เกราะป้องกันภัยหมื่นล้านของ ‘อิสราเอล’ ตรวจจับอันตรายด้วยเรดาร์ พร้อมหน่วยยิง Tamir คล่องตัว-แม่นยำสูง

‘Iron Dome’ เกราะป้องกันขีปนาวุธของอิสราเอล… ทำงานอย่างไร?

ในท้องฟ้ายามค่ำคืนมองเห็นจรวดที่ยิงจาก Beit Lahiya ทางตอนเหนือของฉนวน Gaza ไปยังอิสราเอล เส้นแสงที่โค้งไปมาคือ ‘ระบบสกัดกั้น’ (Iron Dome)

ความรุนแรงที่เลวร้ายที่สุดในรอบหลายปี ระหว่างอิสราเอลและฮามาสที่ปกครองฉนวน Gaza ทำให้เกิดการเผชิญหน้าอันน่าตื่นตะลึง โดยฮามาสและกลุ่มติดอาวุธปาเลสไตน์อื่น ๆ ยิงจรวดถล่มใส่อิสราเอลมากกว่า 5,000 ลูก ในช่วงไม่กี่วันผ่านมา แต่จรวดของฮามาสและกลุ่มติดอาวุธปาเลสไตน์อื่น ๆ ยิงประมาณ 90% ถูกสกัดกั้นโดย ‘ระบบป้องกันขีปนาวุธ’ (Iron Dome) จากแถลงการณ์ของกองทัพอิสราเอล 

‘ระบบป้องกันขีปนาวุธ’ (Iron Dome) ได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อป้องกันภัยคุกคามจากจรวดและปืนใหญ่ ในระยะตั้งแต่ 4 กม. ถึง 70 กม. (2.5 ไมล์ ถึง 43 ไมล์) ซึ่งกำลังได้รับการพัฒนาเพื่อขยายระยะไปถึง 250 กม.

ระบบนี้เกิดจากการที่อิสราเอลสู้รบกับ ‘ขบวนการฮิซบอลเลาะห์’ (Hezbollah) กลุ่มติดอาวุธในเลบานอนในปี 2006 มีการยิงจรวดหลายพันลูกเข้าสู่อิสราเอล ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างใหญ่หลวง มีการอพยพผู้คนจำนวนมาก และมีผู้เสียชีวิตหลายสิบราย หลังจากนั้น อิสราเอลจึงเริ่มการพัฒนาเกราะป้องกันจรวดขึ้น

‘Iron Dome’ ซึ่งสร้างขึ้นโดย ‘Rafael Advanced Defense Systems’ บริษัทอิสราเอล ร่วมกับ ‘Israel Aerospace Industries’ โดยได้รับการสนับสนุนทางการเงินและทางเทคนิคจากสหรัฐฯ เริ่มประจำการในปี 2011 Iron Dome ถือเป็นระบบป้องกันจรวดที่ทันสมัยที่สุดในโลก ใช้เรดาร์เพื่อตรวจจับ ประเมิน และสกัดกั้นเป้าหมายระยะสั้นที่หลากหลาย เช่น จรวด ปืนใหญ่ และปืนครก รวมถึงภัยคุกคามที่เข้ามาก่อนที่จะสร้างความเสียหาย เช่น จรวดที่ยิงจากฉนวน Gaza ระบบป้องกันขีปนาวุธ Iron Dome ใช้งานได้ทั้งกลางวันและกลางคืน ตลอดจนถึงในทุกสภาพอากาศ รวมถึงเมฆต่ำ ฝน พายุฝุ่น และหมอก 

‘Iron Dome’ ใช้งบประมาณในการพัฒนาสูงมาก แต่ผู้ผลิตกล่าวว่ามีความคุ้มค่า เนื่องจากเทคโนโลยีที่ใช้มีความสามารถในการแยกความแตกต่างระหว่าง จรวดที่มีแนวโน้มที่จะโจมตีพื้นที่ที่จะสร้างความเสียหาย และไม่สกัดกั้นจรวดที่จะตกในพื้นที่ที่ไม่สร้างความเสียหาย ขีปนาวุธจะถูกยิงเพื่อสกัดกั้นสิ่งใดก็ตามที่ถูกระบุความว่า ‘สร้างความเสียหายจนเป็นอันตราย’ เท่านั้น

Iron Dome มีส่วนประกอบหลัก 3 อย่าง :
1.) เรดาร์ตรวจจับและติดตาม : ระบบเรดาร์สร้างโดย Elta ของอิสราเอล และบริษัทในเครือของ Israel Aerospace Industries และ IDF

2.) การจัดการการรบและการควบคุมอาวุธ (BMC) : ศูนย์ควบคุมถูกสร้างขึ้นสำหรับ Rafael โดย mPrest Systems ซึ่งเป็นบริษัทซอฟต์แวร์ของอิสราเอล

3. ) หน่วยยิงขีปนาวุธ : หน่วยยิงขีปนาวุธสกัดกั้น Tamir ซึ่งติดตั้งเซ็นเซอร์ไฟฟ้าออปติกและครีบบังคับเลี้ยวหลายอันเพื่อความคล่องตัวสูง ขีปนาวุธนี้สร้างโดย Rafael โดย EL/M-2084 เรดาร์ของระบบจะตรวจจับการปล่อยจรวดและติดตามวิถีของมัน BMC จะคำนวณจุดผลกระทบตามข้อมูลที่รายงาน และใช้ข้อมูลนี้เพื่อพิจารณาว่าเป้าหมายถือเป็นภัยคุกคามต่อพื้นที่ที่กำหนดหรือไม่ เฉพาะเมื่อมีการระบุภัยคุกคามแล้ว ขีปนาวุธสกัดกั้นจะถูกยิงเพื่อทำลายจรวดที่เข้ามาก่อนที่จะถึงพื้นที่ที่คาดการณ์ไว้ว่าจะชน

กว่าหนึ่งทศวรรษนับตั้งแต่ Iron Dome เข้าประจำการ ปัจจุบันอิสราเอลมีชุดยิงของ Iron Dome 10 ชุดที่ประจำการอยู่ทั่วประเทศ โดยแต่ละชุดยิงของ Iron Dome ประกอบด้วย 20 ท่อยิงขีปนาวุธ ซึ่งสามารถสกัดกั้นจรวดได้ราว 1 ต่อ 5 โดยมีความแม่นยำราว 96.5% ระบบ Iron Dome สามารถเคลื่อนย้ายได้สะดวกมากและใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงในการติดตั้ง และขีปนาวุธสกัดกั้น Tamir มีความคล่องตัวสูง มีความยาว 3 เมตร (เกือบ 10 ฟุต) มีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 6 นิ้ว (15 ซม.) และมีน้ำหนัก 90 กิโลกรัม (198 ปอนด์) แต่ค่าใช้จ่ายในการใช้งาน Iron Dome อาจเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

ในขณะที่จรวดของฮามาสแม้ว่าจะดูหยาบและไม่มีระบบนำทาง แต่จำนวนที่แท้จริงและต้นทุนที่ต่ำของจรวดเหล่านี้ก็เป็นข้อได้เปรียบเมื่อเทียบกับ Iron Drome ด้วยจรวดของฮามาสอาจมีราคาเพียงไม่กี่ร้อยดอลลาร์ แต่ราคาขีปนาวุธที่ใช้ในระบบ Iron Drome แต่ละลูกมีราคาประมาณ 40,000 เหรียญสหรัฐฯ ดังนั้น การสกัดกั้นจรวดที่เข้ามานับพันลูก อิสราเอลจึงมีค่าใช้จ่ายมหาศาล ที่ผ่านมารัฐบาลสหรัฐฯ ได้ทุ่มเงินกว่า 1.6 พันล้านดอลลาร์ให้แก่อิสราเอล เพื่อสนับสนุนโครงการ Iron Dome มาแล้ว

เวอร์ชันกองทัพสหรัฐฯ ในปี 2019 กองทัพสหรัฐฯ ได้ประกาศความตั้งใจที่จะซื้อระบบ Iron Dome 2 ชุดยิง เพื่อเติมเต็มความต้องการความสามารถในการป้องกันจรวด ด้วยความสนใจในความสามารถเฉพาะตัวของ Iron Dome ของสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่น ๆ ‘Raytheon’ จึงได้เปิดตัวระบบ SkyHunter โดยความร่วมมือกับ ‘Rafael’ ด้วยพื้นฐานจาก Iron Dome ทำให้ SkyHunter สามารถผลิตได้ในสหรัฐอเมริกา เพื่อขยายความพร้อมใช้งานและขีดความสามารถสำหรับสหรัฐอเมริกาและพันธมิตร ระบบเหล่านี้ป้องกันระดับพื้นฐาน โดย Raytheon ยังร่วมมือกับ Rafael ในระบบ David's Sling System ซึ่งป้องกันในระดับที่มีความก้าวหน้ากว่า


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top