Monday, 5 May 2025
TheStatesTimes

3 ตุลาคม พ.ศ. 2436 ฝรั่งเศสบังคับสยาม ยอมยกดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง แลกกับเมืองจันทบุรี ในวิกฤตการณ์ ร.ศ.112

วันนี้ เมื่อ 130 ปีก่อน ฝรั่งเศสบังคับสยาม สละพื้นที่ฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง ในวิกฤตการณ์ ร.ศ. 112 นับเป็นการเสียดินแดนครั้งที่ 2 

‘การรบที่ปากแม่น้ำเจ้าพระยา’ จุดเริ่มต้นของ ‘วิกฤติการณ์ ร.ศ. 112’ หรือ ‘กรณีพิพาทไทย-ฝรั่งเศส ร.ศ. 112’ ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เกิดขึ้นเมื่อกองทัพฝรั่งเศสส่งเรือรบ 2 ลำ คือ เรือแองกองสตองต์ และ เรือโกแมต์ โดยมีเรือสินค้า ‘เจ. เบ. เซย์’ เป็นเรือนำร่อง รุกล้ำฝ่าสันดอนปากแม่น้ำเจ้าพระยาเข้ามา 

โดยหมู่ปืนใหญ่ที่ป้อมพระจุลจอมเกล้าและหมู่เรือรบซึ่งเป็นแนวป้องกันของไทยได้ยิงสกัดถูกเรือสินค้าเสียหาย เรือรบของฝรั่งเศสจึงยิงตอบโต้ โดนเรือมกุฎราชกุมารของไทยเสียหาย และทหารไทยเสียชีวิต 8 นาย บาดเจ็บ 40 นาย ส่วนทหารฝรั่งเศสเสียชีวิต 3 นายและบาดเจ็บอีก 3 นาย จากนั้นเรือรบฝรั่งเศสทั้งสองก็แล่นฝ่าเข้ามาที่สถานกงสุลฝรั่งเศส ถนนเจริญกรุง 

โดยผลจากการปะทะกันครั้งนี้ ฝรั่งเศสได้บังคับให้สยามลงนามใน ‘สนธิสัญญาสันติภาพ’ ในวันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2436 ซึ่งเป็นการทำสัญญาสงบศึกระหว่างรัฐบาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส

โดยสาระสำคัญเป็นข้อกำหนดที่ฝรั่งเศสตั้งขึ้นเอง เช่น ให้สยามยอมสละข้ออ้างทั้งปวงว่า มีกรรมสิทธิ์อยู่เหนือดินแดนทั่วไปทางฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขง และบรรดาเกาะทั้งหลายในแม่น้ำนั้น ห้ามมิให้มีเรือติดอาวุธไว้ใช้ หรือเดินไปมาในน่านน้ำของทะเลสาบ และของแม่น้ำโขง และลำน้ำที่แยกจากแม่น้ำโขง ไม่สร้างค่ายหรือที่ตั้งกองทหารไว้ในเมืองพระตะบอง และเมืองนครเสียมราฐ รวมทั้งบนฝั่งขวาแม่น้ำโขงในรัศมี 25 กิโลเมตร 

โดยให้บุคคลสัญชาติฝรั่งเศสก็ดี บุคคลในบังคับหรือในปกครองฝรั่งเศสก็ดี จะไปมาหรือค้าขายได้โดยเสรี ขออารักขาเมืองจันทบุรี ให้ลงโทษบุคคลที่เป็นต้นเหตุแห่งการสูญเสียชีวิตของทหารฝรั่งเศสในคำม่วนโดยมีคนของฝรั่งเศสเข้าร่วมพิจารณาตัดสินด้วย และที่สำคัญในกรณีเกิดความยุ่งยากในการตีความหมายของสัญญานี้ให้ใช้ฉบับภาษาฝรั่งเศสเท่านั้น

นอกจากนี้สนธิสัญญาฉบับดังกล่าวยังกำหนดให้สยามชดใช้ค่าเสียหายให้ฝรั่งเศสเป็นเงินจำนวน 3 ล้านฟรังก์ ตีเป็นเงินไทยประมาณ 1,560,000 บาท ในสมัยนั้น บังคับให้รัฐบาลสยามยอมสละดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง ตลอดถึงเกาะแก่งในแม่น้ำโขงทั้งหมด เป็นพื้นที่ 143,000 ตารางกิโลเมตร และฝรั่งเศสได้ยึดเมืองจันทบุรีไว้ในอารักขานานกว่า 10 ปี (ระหว่างปี 2436-2447) จนกว่าสยามจะชดใช้ค่าเสียหายจนครบ ผลจากกรณีพิพาทกับฝรั่งเศสครั้งนี้ทำให้สยามต้อง เสียดินแดนเป็นครั้งที่ 2 ซึ่งนับเป็นการเสียเนื้อที่ครั้งใหญ่ที่สุด

ทั้งนี้ กรณีพิพาทดังกล่าว ได้กลายเป็นชนวนสงครามความขัดแย้งขึ้นอีกครั้งบนคาบสมุทรอินโดจีนระหว่างไทยกับฝรั่งเศสในกรณีพิพาทอินโดจีนระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยมีจักรวรรดิญี่ปุ่นเข้าร่วมวงศ์ไพบูลย์ด้วย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสงครามมหาเอเชียยบูรพาอีกด้วย

'ผบ.ทบ.' นำ 211 นายพล ถวายสัตย์ปฏิญาณตน ขอรักษาไว้ซึ่งพระบรมเดชานุภาพแห่งพระมหากษัตริย์เจ้า

(2 ต.ค.66) พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นประธานในพิธีแสดงความยินดีแก่นายทหารชั้นนายพล สังกัดกองทัพบก ที่ได้รับพระราชทานเลื่อนยศสูงขึ้น ประจำปี 2566 โดย ผบ.ทบ. ได้กล่าวแสดงความยินดีพร้อมทั้งให้โอวาท เพื่อเป็นสิริมงคลและขวัญกำลังใจแก่นายทหารสัญญาบัตรชั้นนายพล ที่ได้รับพระราชทานเลื่อนยศสูงขึ้นทุกนาย

พร้อมทั้งกล่าวชื่นชมว่า การที่ภารกิจของกองทัพบกสำเร็จลุล่วงไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งได้รับการยอมรับว่าเป็นสถาบันที่เป็นรากฐานด้านความมั่นคงของชาตินั้น มีกำลังพลทุกนายเป็นกลไกสำคัญ ในการขับเคลื่อนให้สัมฤทธิ์ผลเป็นรูปธรรม ด้วยความเสียสละ อุทิศตน ปฏิบัติหน้าที่อย่างประสานสอดคล้องกัน โดยยึดถือเอกราชและอธิปไตยของชาติ รวมถึงประโยชน์ของประชาชนเป็นเป้าหมาย ส่งผลให้กำลังพลทุกนายได้รับความเชื่อถือและไว้วางใจจากผู้บังคับบัญชา จนทำให้ได้เลื่อนยศสูงขึ้นในครั้งนี้ และขอให้กำลังพลทุกนายพัฒนาตนเองให้ทันสมัย ก้าวทันเทคโนโลยี เพื่อนำไปพัฒนาระบบงานให้มีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับสถานการณ์ที่มีความเปลี่ยนแปลงในปัจจุบัน

จากนั้น พล.อ.เจริญชัย ได้นำคณะนายทหารชั้นนายพล ที่ได้รับพระราชทานชั้นยศสูงขึ้น กระทำพิธีกล่าวถวายสัตย์ปฏิญาณตน เบื้องหน้าพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 พระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ณ บริเวณลานด้านหน้าพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 5

โดยในปีนี้ นายทหารสัญญาบัตรสังกัดกองทัพบกที่ได้รับพระราชทานชั้นยศสูงขึ้น เป็นพลเอก 15 นาย พลโท 55 นาย พลโทหญิง 1 นาย พลตรี 122 นาย และพลตรีหญิง 18 นาย รวมเป็นจำนวน 211 นาย ซึ่งนายทหารทุกนาย ได้ทุ่มเทปฏิบัติหน้าที่ราชการ ด้วยความวิริยะ อุตสาหะ เสียสละ และมีประสิทธิภาพ จนได้รับการเชื่อถือและไว้วางใจ ส่งผลให้ได้ดำรงยศสูงขึ้นในชั้นนี้

พล.อ.เจริญชัย กล่าวนำถวายสัตย์ปฏิญาณตนว่า ตามที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ พระราชทานยศให้กับนายทหารชั้นนายพลของกองทัพบกนั้น นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ และเป็นเกียรติยศอันสูงยิ่งของการรับราชการ ตลอดห้วงระยะเวลาที่ผ่านมา ปวงข้าพระพุทธเจ้า ต่างสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น ที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้ทรงพระราชทานกำเนิดโรงเรียนนายร้อยแห่งนี้ขึ้น ทั้งยังทรงมีพระเมตตาเปิดโอกาสให้ลูกหลานของประชาชนชาวไทยทั่วไป ได้เข้าศึกษาเล่าเรียน โดยไม่แบ่งชั้นวรรณะ เพื่อให้ได้เข้ารับราชการสนองพระเดชพระคุณ ช่วยกันปกปักรักษาเอกราช อธิปไตย ของประเทศชาติราชอาณาจักรไทยให้อยู่มาจนทุกวันนี้ นอกจากนี้ปวงข้าพระพุทธเจ้ายังได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 ที่ได้ทรงพระราชทานกระบี่ และพระราชทานยศนายทหารสัญญาบัตรมาโดยตลอด

“ห้วงเวลาการรับราชการที่ผ่านมาพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ ที่องค์พระมหากษัตริย์องค์จอมทัพไทย แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์มีต่อปวงข้าพระพุทธเจ้า ปวงข้าพระพุทธเจ้า จักสำนึกและเทิดทูนไว้เหนือเกล้าเหนือกระหม่อม พร้อมทั้งขอถวายสัตย์ปฏิญาณจักจงรักภักดี จักยอมอุทิศตน พร้อมเสียสละเลือดเนื้อและชีวิตเพื่อปกป้องและรักษาไว้ซึ่งอธิปไตยของประเทศชาติราชอาณาจักรแห่งนี้ และจักเทิดทูนรักษาไว้ ซึ่งพระบรมเดซานุภาพแห่งองค์ พระมหากษัตริย์เจ้าพระบรมราชจักรีวงศ์ จนกว่าชีวิตจะหาไม่” ผบ.ทบ. ระบุ

จากนั้นเจ้าหน้าที่ทหารได้สั่งทำความเคารพ และขอให้ทุกคนนั่งคุกเข่าพนมมือ โดย พล.อ.เจริญชัย ได้ให้นายพลกล่าวถวายคำสัตย์ปฏิญาณตน กล่าวคาถาในดวงตรามหาจักรี “ติระตะเน สะกะรัฏเฐ จะ…สัมพังเส จะ มะมายะนัง สะกะราโชชุจิตตัญฺจะ.. สะกะรัฏฐาภิวัฑฒะนังฯ ความนับถือรักใคร่ในพระรัตนตรัยก็ดี ในรัฐของตนก็ดี ในวงศ์ตระกูลของตนก็ดี มีจิตซื่อตรงในพระราชาของตนก็ดี ย่อมเป็นเครื่องทำให้รัฐของตนเจริญยิ่ง ข้าพระพุทธเจ้าจะรักษาไว้ซึ่งพระบรมเดชานุภาพแห่งพระมหากษัตริย์เจ้า และจักธำรงไว้ซึ่งเกียรติยศและศักดิ์ศรีของทหาร”

หลังจากนั้นทั้งหมดเปล่งเสียงกล่าวปฏิญาณพร้อมกัน 3 ครั้ง ความว่า “ข้าพระพุทธเจ้าจะรักษามรดกของท่านไว้ด้วยชีวิต”

'สมศักดิ์' เช็ก 'สุโขทัย' สั่งจังหวัดเฝ้าสถานการณ์ใกล้ชิด หวั่นทะลักพื้นที่ ศก. พร้อมเตรียมเสนอ 'นายกฯ' สร้างที่ระบายน้ำฝั่งขวาแม่น้ำยม ช่วยบรรเทา

(2 ต.ค.66) นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา ตนได้ร่วมประชุมกับหัวหน้าส่วนราชการ เพื่อสรุปสถานการณ์น้ำท่วมและแนวทางการแก้ปัญหา โดยมี นายสุชาติ ทีคะสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย นายมนู พุกประเสริฐ นายก อบจ.สุโขทัย นางพรรณสิริ กุลนาถศิริ สส.สุโขทัย พรรคเพื่อไทย นางสาวประภาพร ทองปากน้ำ สส.สุโขทัย พรรคเพื่อไทย นายชยันต์ เมืองสง รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ หรือ สทนช. นายทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน และหัวหน้าส่วนราชการกระทรวงคมนาคม เข้าร่วมที่จังหวัดสุโขทัย

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ตนได้เน้นย้ำในที่ประชุมให้เฝ้าระวังพื้นที่ในจังหวัดสุโขทัยเป็นพิเศษ เพราะในพื้นที่ ตำบลปากแคว อำเภอเมือง ได้เกิดดินสไลด์ ส่งผลให้น้ำทะลักเข้ามาแล้ว ซึ่งต้องช่วยกันติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยผู้ว่าฯ สุโขทัย ก็คงหลับไม่ได้ ต้องเฝ้าสถานการณ์ตลอดเวลา เพราะหากดินสไลด์เพิ่ม จะส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง ส่วนหลังสถานการณ์คลี่คลาย ก็ต้องมีการเร่งสร้างเขื่อนกันดินสไลด์ในจุดนี้เพิ่ม นอกจากนี้ เป็นที่ทราบกันดีว่า แม่น้ำยม เป็นแม่น้ำสายเดียว ที่ไม่มีเขื่อนรองรับ จึงทำให้น้ำเกิดน้ำท่วม เพราะมวลน้ำที่ไหลมา มีจำนวนมากถึง 400 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จึงทำให้เกิดน้ำท่วมขัง

“ผมไม่กล้าหวังที่จะให้มีการสร้างเขื่อน แม้ว่าพี่น้องประชาชน จะบอกว่ามีแนวโน้มที่ประชาชนส่วนใหญ่จะเข้าใจ แต่หลายครั้งที่เราพูดคุยเรื่องเขื่อน ก็จะมีปัญหา ผมจึงไม่อยากพูด แต่เปลี่ยนไปพยายามแก้ปัญหาในวิธีอื่นแทน อย่างในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง ตั้งแต่จังหวัดอุตรดิตถ์ สุโขทัย และภาคเหนือตอนบน จังหวัดแพร่ เราก็พยายามแก้ปัญหาในพื้นที่ ที่ไม่กระทบกับต้นน้ำแม่น้ำยมก่อน เพื่อลดผลกระทบกับประชาชนให้ได้มากที่สุด เพราะหากย้อนไปดูเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ ปี 2554 สร้างความเสียหายถึง 1.42 ล้านล้านบาท เป็นความเสียหายจากทรัพย์สินทางราชการ และของพี่น้องประชาชน รวมถึงเสียโอกาสในการประกอบอาชีพ ซึ่งในตอนนั้น น้ำมีความสูงถึง 13 เมตร โดยจะเห็นได้ว่า เหตุน้ำท่วมได้สร้างความเสียหายให้กับพี่น้องประชาชนเป็นอย่างมาก” รองนายกรัฐมนตรี กล่าว

นายสมศักดิ์ กล่าวด้วยว่า จากการลงพื้นที่ ประชาชนเริ่มเรียกร้องให้ช่วยเหลือแบบยั่งยืน เพราะจังหวัดสุโขทัย เกิดเหตุน้ำท่วมทุกปี โดยเป็นเรื่องความไม่ปลอดภัย ซึ่งที่ผ่านมา เราพยายามแก้ปัญหาน้ำท่วมอย่างเต็มที่ โดยฝั่งขวาแม่น้ำยม ขณะนี้ ก็ได้มีการดำเนินการออกแบบเพื่อแก้ปัญหาระยะยาวแล้ว ซึ่งหลังจากนี้ ตนจะนำเรียนท่านเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้รับทราบและพิจารณาถึงแนวทางการแก้ปัญหานี้ เพราะจะสามารถช่วยการระบายน้ำได้เป็นอย่างดี และนอกจากช่วยน้ำท่วมแล้ว เวลาน้ำแล้ง เรายังสามารถปิดประตู เก็บน้ำไว้ใช้ได้อีก เพราะในอีก 3 ปี มีการคาดการณ์ว่า จะเกิดภัยแล้งจากเอลนีโญ ดังนั้น ถ้าเราวางแผนแก้ปัญหาแบบเป็นระบบ ก็จะสามารถบริหารจัดการน้ำได้ทั้งหมด

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์น้ำท่วมจังหวัดสุโขทัยตั้งแต่ช่วงเช้าวันนี้ พบว่า มีพื้นที่ 9 อำเภอได้รับผลกระทบแล้ว และมีประชาชน ได้รับผลกระทบเพิ่มเป็น 2,007 ครัวเรือน เป็นพื้นที่กว่า 62,483 ไร่ นอกจากนี้ ยังพบว่า ที่น่าเป็นห่วงเพิ่มเติมคือ ตำบลปากแคว ตำบลยางซ้าย อำเภอเมือง เกิดคันดินคอสะพานขาด พื้นที่อำเภอศรีสำโรง พนังกั้นน้ำบริเวณสะพานสิริปัญญารัตน์ เกิดแยกตัว และพื้นที่อำเภอสวรรคโลก น้ำเอ่อล้นตลิ่งคันคลอง และบริเวณคอสะพานหลายจุด ตนจึงฝากเตือนพี่น้องประชาชน ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา นายสมศักดิ์ ยังได้ลงพื้นที่จุดเสี่ยงเพิ่มเติม คือ บริเวณหน้าจวนผู้ว่าฯ สุโขทัย โดยได้ขึ้นหลังรถกระบะ ถือตลับเมตรปีนขึ้นไปวัดระดับน้ำ พบว่า ปริมาณน้ำเพิ่มสูงขึ้น จากที่พนังกั้นน้ำสามารถรองรับได้ 2.80 เมตร ความหนาของพนังตัวนี้อยู่ที่ 15 เซนติเมตร แต่น้ำขณะนี้ อยู่ที่ระดับ 2.40 เมตรแล้ว มวลน้ำก้อนใหม่ที่มาจากอำเภอวังชิ้น จังหวัดแพร่ ก็กำลังจะไหลมาที่จังหวัดสุโขทัย ซึ่งหากพนังกั้นน้ำได้รับความเสียหายแตกร้าว ก็จะส่งผลให้น้ำไหลทะลักเข้าท่วมตัวเมือง ที่เป็นแหล่งชุมชน และตลาด รวมถึงเรือนจำสุโขทัยด้วย โดยจุดนี้ นายสมศักดิ์ มีความเป็นห่วงอย่างมาก จึงได้กำชับสั่งผู้ว่าฯ สุโขทัย ให้ดูแลใกล้ชิด เพราะไม่อยากให้น้ำทะลักเข้าพื้นที่เศรษฐกิจของจังหวัด

‘พาณิชย์’ ดึงเอกชน จัดมหกรรมลดราคาสินค้า 1.5 แสนรายการ หวังช่วยลดค่าครองชีพ ปชช. - กระตุ้นเศรษฐกิจภาพรวมขยายตัว

(2 ต.ค. 66) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า พาณิชย์ได้ประชุมร่วมกับผู้ผลิตสินค้า ผู้ประกอบการห้างค้าปลีกโมเดิร์นเทรดทั้งในส่วนกลางและผู้ประกอบการห้างท้องถิ่นผู้จัดจำหน่ายสินค้า 288 ราย เตรียมจัดมหกรรมลดราคาสินค้า 151,676 รายการ สูงสุด 87% เริ่มตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2566 คาดว่าจะช่วยลดค่าใช้จ่ายภาระค่าครองชีพของประชาชนได้ประมาณ 2,000-3,000 ล้านบาท โดยกระทรวงพาณิชย์มองว่าการลดราคาสินค้าครั้งนี้จะช่วยให้เศรษฐกิจภาพรวมขยายตัวได้ถึง 5%

สำหรับสินค้าที่จะนำมาร่วมลดราคา ประกอบด้วยสินค้า 3 กลุ่ม คือสินค้าอุปโภคบริโภค ซึ่งแบ่งเป็น 3 กลุ่มคือ อาหารและเครื่องดื่ม 3,058 รายการ ลดราคาสูงสุด 87% สินค้าของใช้ประจำวัน 8,290 รายการ ลดราคาสูงสุด 80% สินค้าวัสดุทางการเกษตร 198 รายการ ราคาสูงสุด 40% กลุ่มบริการ ประกอบด้วยบริการที่เกี่ยวกับยานยนต์ 123 รายการ ราคาสูงสุด 50% บริการทางการแพทย์ 140,000 รายการ ลดราคาสูงสุด 20% บริการเกี่ยวกับผ้าขนส่ง 7 รายการ ลดราคาสูงสุด 9%

และกลุ่มสินค้าแพลตฟอร์มออนไลน์แบ่งเป็นแพลตฟอร์มออนไลน์ด้านอาหารหรือ food delivery ลดสูงสุด 60% และแพลตฟอร์มออนไลน์อีคอมเมิร์ซลดสูงสุด 80% และแต่ละแพลตฟอร์มแจกโค้ดส่วนลดใช้สั่งอาหารและซื้อสินค้าออนไลน์ รวม 1,012,000 รายการ เริ่มตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

“จากการหารือกับผู้ประกอบการกระทรวงพาณิชย์จะมีนโยบายใช้มาตรการในการสร้างสมดุลในการดูแลราคาสินค้า ทิศทางการทำงานของกระทรวงพาณิชย์ก็คือจะหารือกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย หากผู้ประกอบการรายใดที่เข้ามาช่วยลดราคาแล้วประสบปัญหาเรื่องกฎระเบียบที่ค้างคาหรือมีอะไรติดขัดก็ให้อธิบดีกรมการค้าภายในนัดหารือ”

สำหรับต้นทุนการผลิตสินค้าโดยเฉพาะการปรับลดราคาพลังงานทั้งน้ำมันและไฟฟ้ามีผลกับต้นทุนการผลิตสินค้าลดลงไม่มาก มันปรับลดราคาครั้งนี้จะมีส่วนเสริมช่วยให้ห่วงโซ่การผลิตเชื่อมโยงกับอุตสาหกรรมต่าง ๆ ปรับตัวดีขึ้นเศรษฐกิจเติบโตตามเป้าหมายและในที่สุดทุกคนก็จะดีขึ้น

นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า การลดราคาเป็นการกระตุ้นการจับจ่ายในส่วนของผู้บริโภค ประชาชนได้รับอานิสงส์ยังไม่เห็นผลกระทบที่มีนัยสำคัญ

ส่วนผลกระทบต่อเงินเฟ้อในไตรมาส 4 จะมีการประเมินหลังจากนี้เพราะจำนวนสินค้าที่นำมาลดราคาครั้งนี้ในคิดเป็น 70-80 เปอร์เซ็นต์ของรายการสินค้าทั้งหมด น่าจะมีผลตั้งแต่เดือนถัดไป

นายกองเอก เปล่งศักดิ์ ประกาศเภสัช นายกสมาคมการค้าปุ๋ยและธุรกิจการเกษตรไทย กล่าวว่าในส่วนของสินค้าปุ๋ยมีการปรับลดราคา 8% ซึ่งภาคเอกชนมองว่าการลดราคาจะช่วยให้ภาพรวมของเศรษฐกิจดีขึ้น ช่วยดูแลในเรื่องของปัญหาอุปสรรคของภาคเอกชนด้วยนับว่าเป็นรัฐบาลแรกจากที่ผมอยู่ผ่านมาหลายรัฐบาลแล้ว

นายพันธ์ พะเนียงเวทย์ ผู้จัดการทั่วไปบริษัทไทยเพรซิเดนท์ฟู้ด จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปัจจุบันต้นทุนการผลิตมามากซองละ 7 บาทประกอบไปด้วยต้นทุนหลายอย่างทั้งแป้งสาลีน้ำมันปาล์มค่าเดินทางค่าไฟค่าคนค่าห้างสรรพสินค้า แต่ทางมาม่าก็พร้อมที่จะลดราคาเพราะหากทุกฝ่ายช่วยกันลดก็ทำให้ต้นทุนโดยเฉลี่ยลดลงได้

กำลังซื้อในช่วงหลังเลือกตั้งชะลอตัวแต่คาดว่า 3 เดือนหลังจากนี้เมื่อมีการออกมาตรการและนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆก็จะช่วยให้กำลังซื้อปรับตัวดีขึ้น ประชาชนมีความเชื่อมั่นในการใช้จ่ายเพิ่มขึ้น

ส่วนการขึ้นค่าแรงมองว่ายังไม่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจแต่จะส่งผลดีกับแรงงานที่จะมีรายได้มากขึ้น และจะทำให้มีการเพิ่มการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น

นายสมเกียรติ มรรคยาธร นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ผลิตข้าวถุงไทย เผยว่ากลุ่มผู้ประกอบการเข้าถุงมีการปรับลดราคาประมาณ 20-30% ในส่วนของข้าวหอมมะลิซึ่งมองว่าผลผลิตในปีนี้น่าจะได้รับผลดีจากปริมาณน้ำฝนที่เพิ่มขึ้นมาก ข้าวหอมมะลิเป็นข้าวที่ชอบน้ำแต่ในส่วนของข้าวขาวก็ยังต้องรอดูประเมินสถานการณ์อีกระยะหนึ่งเพราะว่ามีการสั่งซื้อเข้ามามาก อย่างไรก็ตาม มองว่าเป้าหมายการส่งออกในปีนี้ 8 ล้านตันสามารถทำได้

สำหรับผู้ประกอบการ 288 ราย ประกอบด้วย ผู้ผลิตสินค้า ของกินของใช้จำเป็น รวม 88 ราย ผู้จำหน่าย ทั้งห้างโมเดิร์นเทรด ห้างท้องถิ่น และห้างขายอุปกรณ์ตกแต่งบ้านและอุปกรณ์ช่าง รวม 83 ราย ผู้ให้บริการ เช่น โรงพยาบาล ศูนย์บริการรถยนต์ และบริษัทขนส่งสินค้า/พัสดุ รวม 110 ราย แพลตฟอร์ม 7 ราย

'อินโดนีเซีย' ได้ฤกษ์ เปิดตัว 'Whoosh' รถไฟหัวกระสุนสายแรกในอาเซียน

อินโดนีเซีย ตัดริบบิ้น เปิดตัว Whoosh รถไฟความเร็วสูงหัวกระสุนสายแรกของภูมิภาคอาเซียน เส้นทางจาการ์ตา - บันดุง ด้วยความเร็วเต็มสปีด 350 กิโลเมตร/ชั่วโมง ขึ้นแท่นรถไฟความเร็วสูงที่วิ่งเร็วที่สุดในอาเซียน 

Whoosh ถือเป็นโครงการพัฒนาเส้นทางรถไฟ ระดับเมกาโปรเจกต์ ที่ใช้งบประมาณสูงถึง 7.3 พันล้านดอลลาร์ ที่ได้รับทุนสนับสนุนจากรัฐบาลจีน และเป็นส่วนหนึ่งในโครงการ Belt and Road Initiative ด้วยเช่นกัน

โดยเส้นทางรถไฟความเร็วสูงสายแรก เชื่อมต่อกรุงจาการ์ตา กับ บันดุง เมืองเศรษฐกิจสำคัญทางเกาะชวาตะวันตก ที่ได้รับฉายาว่าเป็น ซิลิคอน วัลลีย์ แห่งอินโดนีเซีย รวมระยะทางกว่า 150 กิโลเมตร ที่สามารถย่นเวลาเดินทางจากเดิม 3-3.5 ชั่วโมง เหลือเพียง 40 นาทีเท่านั้น

และนับเป็นโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระดับเรือธงของประธานาธิบดี โจโค วิโดโด แห่งอินโดนีเซีย ที่เคยตั้งเป้าว่าจะเร่งให้แล้วเสร็จภายในปี 2019 แต่เนื่องด้วยปัญหาการจัดสรร เวนคืนที่ดิน วิกฤติ Covid-19 และ ค่าเงินที่ทำให้งบประมาณบานปลาย ทำให้โครงการล่าช้ากว่าเป้าหมายมาก 

กลูฮุท บินซาร์ ปันด์จัยตัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงประสานงานกิจการทางทะเลอินโดนีเซีย กล่าวว่า เส้นทางรถไฟหัวกระสุน จาการ์ตา - บันดุง ได้เปิดให้บริการแบบทดลองฟรีแล้วตั้งแต่ช่วงกลางเดือนกันยายน จนถึงกลางเดือนตุลาคมปีนี้ ก่อนจะเปิดให้บริการเต็มรูปแบบในเดือนหน้า

เส้นทางรถไฟความเร็วสูงสายนี้ ถือเป็นการยกระดับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างอินโดนีเซีย และจีน ซึ่ง นายกรัฐมนตรีจีน หลี่ เฉียง และ โจโค วิโดโด ผู้นำอินโดนีเซีย เคยได้มาร่วมทดลองนั่งรถไฟหัวกระสุนรุ่นล่าสุดในช่วงงานประชุมอาเซียน ที่อินโดนีเซียเป็นเจ้าภาพมาแล้ว ด้านผู้นำอินโดนีเซียเปรยว่า อาจใช้ขบวนรถไฟหัวกระสุนนี้ต้อนรับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ที่จะมีกำหนดการมาเยือนอินโดนีเซียในไม่ช้านี้ 

ส่วนค่าโดยสารรถไฟสายนี้ ยังไม่ยืนยันตัวเลขแน่ชัด แต่คาดว่าราคาตั๋วเที่ยวเดียว น่าจะอยู่ที่ราคา  2.5 - 3.5 แสนรูปียะฮ์ (590 - 830 บาท) เมื่อเทียบกับค่ารถโดยสารในเส้นทางปกติ ต่อเที่ยว ราคา 46,600 รูเปียะห์  (110 บาท) นับว่าค่าโดยสารรถไฟหัวกระสุนยังมีราคาแพงอยู่มากสำหรับชาวอินโดนีเซียทั่วไป 

แต่ทั้งนี้ รัฐบาลอินโดนีเซียคาดหวังว่า เส้นทางรถไฟความเร็วสูงนี้จะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของประชาชน ที่ช่วยประหยัดเวลา ปลอดภัย เชื่อถือได้ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังเชื่อม 2 เมืองเศรษฐกิจหลักของอินโดนีเซียเข้าด้วยกันอย่างไร้รอยต่อ 

‘กรมประมง’ ชวนเจ้าของเรือโหลดแอปพลิเคชัน ‘Fisheries Touch’ ชี้ สามารถติดตามเรือได้ทุกที่ทุกเวลา ล่าสุดเข้าระบบแล้ว 3,000 ลำ

(2 ต.ค. 66) นายบัญชา สุขแก้ว รองอธิบดีกรมประมง รักษาการในตำแหน่งอธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า กรมประมงพัฒนาแอปพลิเคชันขึ้นมาชื่อว่า Fisheries Touch ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันที่กรมประมงทำขึ้นเพื่อให้ชาวประมงใช้สำหรับติดตามแสดงตำแหน่ง ทิศทาง ความเร็ว และสถานะของเรือได้อย่าง Real-Time ตลอด 24 ชั่วโมง บนแผนที่อิเล็กทรอนิกส์ทางทะเลก่อนเข้าเขตห้ามทำการประมงต่าง ๆ

เช่น เขตทะเลชายฝั่ง เขตปิดอ่าว เขตอุทยานแห่งชาติ และเขตน่านน้ำประชิดประเทศเพื่อนบ้าน เป็นต้น ระบบจะแสดงแนวกันชน (Buffer Zone) หรือแนวแจ้งเตือนในระยะ 0.5 ไมล์ทะเลด้านนอกของเขตที่ห้ามทำการประมงดังที่กล่าวมา

โดยชาวประมงสามารถเรียกดูเส้นทางการเดินเรือของตัวเองในตลอดเวลาย้อนหลังได้ตามช่วงเวลาที่ต้องการ หากชาวประมงที่มีเรือในกรรมสิทธิ์อยู่หลายลำ และมีการติดตั้งระบบติดตามเรือประมงกับบริษัทผู้ให้บริการต่างบริษัทกัน ก็สามารถดูเรือทุกลำภายในบัญชีผู้ใช้งานเดียวกันได้ ช่วยให้ชาวประมงสามารถติดตามเรือของตนเองผ่านทางออนไลน์ได้จากทุกที่ทุกเวลา

และสามารถแจ้งเตือนไปยังผู้ควบคุมเรือเพื่อแก้ไขปัญหาความสุ่มเสี่ยงที่อาจจะเกิดการทำประมงผิดกฎหมายได้อีกด้วย ถือเป็นการลดการกระทำผิดด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ได้อย่างมากซึ่งสอดรับกับนโยบายรัฐบาล

ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า) ที่พยายามผลักดันการฟื้นฟูชีวิตอุตสาหกรรมประมงให้กลับมาเป็นแหล่งรายได้ ด้วยการอำนวยความสะดวกและลดอุปสรรคในการทำการประมง

สำหรับปัจจุบัน (ข้อมูล ณ วันที่ 15 กันยายน 2566) มีเรือประมงที่ได้เข้าใช้งานแอปพลิเคชัน Fisheries Touch จำนวน 3,323 ลำ จากเรือประมงที่ต้องติดตั้งระบบติดตามเรือทั้งหมด 5,082 ลำ และมีเรือที่ยังไม่ได้ใช้แอปพลิเคชันดังกล่าวนี้อีกมากถึงจำนวน 1,759 ลำ ประกอบกับในห้วงที่ผ่านมา กรมประมงพบว่ามีการรายงานข้อมูลที่มีชาวประมงมีโอกาสสุ่มเสี่ยงที่จะเข้าไปทำการประมงในเขตห้ามทำการประมงต่าง ๆ

ดังนั้น กรมประมงจึงขอแจ้งประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้เรือประมงที่ยังไม่ได้เข้าใช้แอปพลิเคชันดังกล่าวให้ดาวน์โหลดและลงทะเบียนเข้าใช้งาน เพื่อป้องกันการทำประมงผิดกฎหมาย

ทั้งนี้ แอปพลิเคชัน Fisheries Touch สามารถใช้งานบน Smart Phone ทั้งระบบ IOS ของ iPhone และ iPad ที่ใช้ Version IOS ขั้นต่ำ 5.0 และระบบ Android ของ Smart Phone และ Tablet ใช้ Version ขั้นต่ำ 4.0.3 ซึ่งใช้งานง่าย สะดวก รวดเร็ว โดยชาวประมงสามารถเข้าไปดาวน์โหลดได้ที่ App Store หรือ Play Store และติดต่อขอรหัสใช้งานได้ที่เจ้าหน้าที่ศูนย์ VMS โทร. 0-2561-3132, 0-2561-2296, 0-2561-2297 หรือทาง Line ID : @114velss

‘ชาวเน็ต’ วิจารณ์ ‘ลิซ่า’ ไร้ขอบเขต-ใช้คำหยาบคาย-เกลียดชัง ลามปามถึงคุณแม่ หลังร่วมแสดงที่ ‘Crazy Horse Paris’

ทำเอาแฟนคลับของ ‘ลิซ่า ลลิษา มโนบาล’ หรือ ‘ลิซ่า BlackPink’ ออกอาการหัวเสียทีเดียวเมื่อพบว่า ‘คุณแม่จิตทิพย์ มโนบาล’ ได้ลบอินสตาแกรมเป็นที่เรียบร้อยแล้วหลังเจอชาวเน็ตพากันมาถล่มคอมเมนต์ไม่หยุด

ก่อนหน้าที่คุณแม่จิตทิพย์ จะเดินทางไปชมโชว์ Crazy Horse ไอจี @chitthipbruschweiler ของคุณแม่ ก็โดนชาวเน็ตยกโขยงพาทัวร์มาลงอย่างมากมาย โดยแสดงความคิดเห็นไปในทางเกลียดชัง

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่มีรายงานว่า คุณแม่ ได้เดินทางไปชมโชว์รอบสุดท้ายของ ลิซ่า บนเวที Crazy Horse ด้วยตนเอง คุณแม่ของลิซ่า ก็โดนชาวเน็ตต่างชาติที่ไม่พอใจการตัดสินใจขึ้นโชว์ของ ลิซ่า พากันมาถล่มหนักกว่าเดิม พร้อมแสดงความคิดเห็นต่อต้านต่าง ๆ นานา

จากเหตุการณ์ดังกล่าว จึงทำให้หลาย ๆ คนเชื่อว่าน่าจะเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ คุณแม่จิตทิพย์ ตัดสินใจปิดอินสตาแกรมลงทันที เพราะคุณแม่ ได้ชื่อว่าเป็นแรงกำลังใจสำคัญที่ผลักดันให้ ลิซ่า ได้ทำในสิ่งที่ตนรัก และยังไปร่วมชมโชว์ของลูกสาวที่ปารีส

ลิซ่า ได้ก้าวข้ามข้อจำกัดของศิลปินเค-ป็อป ด้วยการขึ้นโชว์บนเวที Crazy Horse ที่ชาวเน็ตจีนต่างมองว่าเป็นเวทีที่ไม่เหมาะสม

ทางด้านนักแสดงสาวชาวจีน ‘สวีเจียว’ ผู้เคยแสดงเป็นลูกชายของโจวซิงฉือเรื่อง CJ7 คนเล็กของเล่นใหญ่ เมื่อปี 2008 และแสดงเป็นพี่สาวของจ้าวลู่ซือในซีรีส์ ดาราจักรรักลำนำใจ (Love Like the Galaxy) ก็ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นในเชิงตำหนิและไม่เห็นด้วยกับโชว์ของลิซ่า 

สวีเจียว แชร์ภาพหน้าจอที่รีวิวการแสดงของลิซ่า ในช่วงที่ทำการแสดงเพลง ‘Crisis? What Crisis?’ โดยเป็นฉากที่ลิซ่าปรากฏตัวด้วยชุดพนักงานออฟฟิศหญิง เชิ้ตขาว กระโปรงสั้นสีดำ ใส่เนกไทและแว่นตา กำลังทำหน้าเครียดที่หุ้นตก แต่หลังจากนั้นก็ปลดปล่อยความเครียดด้วยการถอดชุดข้างนอกออกจนเหลือแต่ชุดชั้นในสีดำแล้วเต้น โดยในรีวิวที่เธอแชร์โพสต์มาระบุว่า เป็นชุดชั้นในบางๆ

สวีเจียวแชร์โพสต์รีวิวในส่วนนั้นแล้วแสดงความคิดเห็นว่า "我只看到被性化的职业女性” (​​​ฉันเห็นผู้หญิงทำงานถูกทำให้เป็นวัตถุทางเพศ) ทำให้มีแฟนคลับของเธอ แฟนคลับลิซ่า และคนจีนทั่วไปเข้าไปแสดงความคิดเห็นกันมากมาย บางส่วนเห็นด้วยกับคำพูดของเธอโดยบอกว่าเธอมีความกล้าที่จะพิมพ์ความเห็นนี้ออกมาจริง ๆ แต่บางส่วนก็ไม่เห็นด้วย และเตือนเธอว่า เธอเองก็เป็นบุคคลสาธารณะ เธอควรรับผิดชอบกับคำพูดของเธอ และการพิมพ์แสดงความเห็นเช่นนี้อาจส่งผลกระทบถึงตัวเธอด้วย ควรระมัดระวังมากกว่านี้ เพราะก่อนหน้านี้เธอก็เคยถูกวิจารณ์หลังทำผมสีชมพู ใส่ชุดว่ายน้ำสีฟ้า ถ่ายรูปริมทะเลมาแล้ว

กลับกัน ทางด้านนักแสดงสาว ‘แองเจลา เบบี้’ ที่เดินทางไปชมโชว์ของลิซ่าด้วย ก็ถูกชาวเน็ตจีนโจมตีอย่างหนักเพราะมองว่าเวทีดังกล่าวไม่ต่างจากเวทีระบำเปลื้องผ้า ซึ่งการแสดงลักษณะนี้ถูกแบนในเมืองจีน จากเหตุดังกล่าว แองเจล่า เบบี้ ได้รับผลกระทบเพราะสื่อจีนได้ลบโพสต์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับแองเจล่า เบบี้ ออก เป็นการบอกเป็นนัยถึงการโดนแบนไปทั่วประเทศ

อย่างไรก็ตามชาวเน็ตจำนวนมากที่สนับสนุนการตัดสินใจของลิซ่า ได้ออกมาระบุว่า ชาวเน็ตจีนควรมีสติ แยกแยะ ไม่ควรไปโจมตีหรือคุกคามสมาชิกคนอื่น ๆ ในครอบครัวของศิลปิน

‘นายกฯ เศรษฐา’ ร่วมอัปเดตเศรษฐกิจ ‘ผู้ว่าแบงก์ชาติ’ ยัน!! ไม่มีความขัดแย้ง ต่างฝ่ายต่างรับฟังกันด้วยเหตุผล

(2 ต.ค. 66) ที่กระทรวงการคลัง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้เดินทางมาเข้ากระทรวงการคลัง หลังจากก่อนหน้านี้ ได้หารือ กับ นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ทำเนียบ เมื่อเวลา 12.30 น. ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ การเข้ากระทรวงการคลังนั้น นายเศรษฐา ได้มีคำสั่งเรียกหน่วยในกระทรวงการคลังมาพูดคุยเรื่องเศรษฐกิจ และนโยบายรัฐบาล รวมทั้ง เรียกพบหน่วยงานอื่น ๆ อาทิ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กรมชลประทาน เข้าพบ เพื่อติดตามสถานการณ์เรื่องอุทกภัย และน้ำแล้งที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวัน (อีอีซี) ด้วย

โดยนายเศรษฐา กล่าวถึงกรณีที่ได้หารือ กับนายเศรษฐพุฒิ ว่าเป็นการพบกันธรรมดาในฐานะผู้บริหารสูงสุด ในฐานะนายกก็ต้องรับฟังความเห็นผู้บริหารเป็นธรรมดา โดยเน้นเรื่อง เศรษฐกิจโดยรวม ส่วนเรื่องนโยบายก็รับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ ส่วนรายละเอียดนั้นขอไม่เปิดเผย

“ยืนยันว่าคุยกันด้วยดี และจะมีการนัดพบกันอย่างต่อเนื่อง ไม่มีประเด็นเรื่องความขัดแย้ง ไม่มีแน่นอน นอกจากนี้ ยังมีการประเมินภาพรวมเศรษฐกิจร่วมกัน ได้คุยกันในทุกเรื่อง แน่นอนว่าหลังจากนี้ ต่างฝ่ายจะนำข้อมูลกลับไปทบทวน ไม่เช่นนั้นจะเรียกมาพบทำไม ไม่ได้เรียกมาจัดฉากเพื่อทะเลาะกัน แต่เรียกมาพูดคุยกันเพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ ซึ่งผู้ว่า ธปท. ก็ดูแลสภาพการเงินการคลังของประเทศ ถ้าผมเชิญท่านมา ก็ต้องให้ความสำคัญกับท่าน ส่วนตัวผมกังวลมีข้อกังวลทุกเรื่องที่เกี่ยวกับปากท้องของประชาชน” นายเศรษฐา กล่าว

นายเศรษฐา กล่าวว่า สำหรับข้อเสนอแนะของ นายเศรษฐพุฒิจากที่ได้รับฟัง ก็มีทั้งเรื่องที่เห็นด้วย และไม่เห็นด้วย ซึ่งต่างคนต่างเป็นผู้ใหญ่ จะให้เห็นด้วยกันทุกเรื่องไม่ได้ ต้องคุยกันด้วยเหตุและผล ส่วนการคุยมีผลให้ปรับนโยบายไหมนั้น ยังไม่มี แต่ก็ต้องรับฟังซึ่งกันและกัน และต้องพูดคุยกันต่อเนื่อง

“เดี๋ยวเย็นนี้ จะมีการโทรศัพท์คุยกันอีก ส่วนนัดหารือครั้งต่อไปคืออีก 2-3 อาทิตย์ หรือ อาจจะเร็วกว่านี้ หากมีความต้องการ แต่ก็จะมีการคุยกันให้บ่อยขึ้น และผู้ว่า ธปท. ก็ฝากนโยบายหลายเรื่อง ซึ่งผมก็ไม่ได้คิดไว้เลย แต่ท่านก็ฝากมาว่า น่าจะทำส่วนนี้นะ และนโยบายอนาคตหลายเรื่อง ตนก็ได้เรียนถามท่านไปว่าผมคิดอย่างนี้ ท่านมีความเห็นอย่างไร สรุปคือ ต่อไปนี้ ถ้าผมทำอะไรจะคุยกับท่านบ่อยขึ้น” นายเศรษฐา กล่าว

ปตท. มอบใบประกาศฯ หลักสูตรพลังงานเพื่อชุมชน รุ่น 9 เพื่อเตรียมพร้อมชุมชนเข้าสู่ ‘สังคมคาร์บอนต่ำ’

เมื่อเร็ว ๆ นี้ - ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีปิดและมอบประกาศนียบัตรผู้สำเร็จหลักสูตรพลังงานเพื่อชุมชน (พพช.) รุ่นที่ 9 พร้อมมอบรางวัลโครงงานเชิงปฏิบัติการดีเด่น และบรรยายพิเศษในหัวข้อ ‘พลังงานชุมชนกับการพัฒนาอย่างยั่งยืน’ โดยมี นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) ร่วมแสดงความยินดีและมอบประกาศนียบัตรให้แก่ผู้สำเร็จหลักสูตรฯ จำนวน 58 คน ณ ศูนย์เอนเนอร์ยี่คอมเพล็กซ์ 

ปตท. จัดทำหลักสูตรพลังงานเพื่อชุมชน เพื่อสร้างการพึ่งพาตนเองทางด้านพลังงานทดแทนให้แก่ชุมชน ตั้งแต่ปี 2558 โดยในปีนี้ได้เพิ่มเนื้อหาด้านนวัตกรรมพลังงานที่สามารถนำไปพัฒนาและใช้งานได้จริง เพิ่มเนื้อหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการมุ่งเข้าสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ เพื่อเตรียมพร้อมชุมชนเข้าสู่สังคมคาร์บอนต่ำ ปัจจุบันมีผู้ผ่านการอบรมจนจบหลักสูตรทั้งสิ้น ประมาณ 505 คน

‘เพจดัง’ แจง!! ปมไม่ส่งรางวัลที่หนึ่ง 30 ล้าน ให้ลูกค้า อ้าง!! ติดต่อผู้รับไม่ได้ จึงไม่มีการจัดส่งเกิดขึ้น

(2 ต.ค.66) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณี 2 สามีภรรยาชาวจังหวัดอุทัยธานีซื่อลอตเตอรี่จากเพจชื่อดังเพจหนึ่งชุด 5 ใบหมายเลข 727202 และถูกรางวัลที่ 1 คือจำนวนเงิน 30 ล้านบาท แต่กลับไม่ได้รับเงิน โดยทางแอดมินเพจอ้างว่าติดต่อลูกค้าไม่ได้เลยไม่ส่งลอตเตอรี่ให้ 

ต่อมาทางเพจ ‘เฮง เฮง ลอตโต้’ ได้ออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงดังกล่าวผ่านทางคอมเมนต์ซึ่งมีผู้สอบถามเข้าไปเป็นจำนวนมากว่า…

"สวัสดีครับ ทางร้านจัดส่งลอตเตอรี่หลังจากมีการซื้อขายสำเร็จทุกออเดอร์ครับ ถ้าลูกค้าไม่มีการตอบรับยืนยันการซื้อขายจนสำเร็จการสั่งซื้อ ทั้งการชำระแบบโอนผ่านธนาคารหรือการชำระเงินแบบเก็บเงินปลายทาง ทางร้านจะไม่มีการจัดส่งก่อนครับ ทางร้านติดต่อผู้รับไม่ได้จึงไม่สามารถจัดส่งให้ได้ครับ เพราะบริการเก็บเงินปลายทาง พนักงานจัดส่งต้องโทรหาผู้รับเพื่อนัดวันจัดส่งและเก็บเงินกับผู้รับครับ ซึ่งลูกค้าท่านนี้ไม่ได้ทวงหรือสอบถามก่อนเวลา 16.00 น.ของวันที่ 1 ครับ มีการทักมาเวลา 18.42 น.หลังประกาศผลรางวัลแล้วครับ

ลูกค้าต้องการใช้บริการเก็บเงินปลายทางครับ แต่ทางร้านโทรติดต่อลูกค้าไม่ได้และสอบถามทางลูกค้าไป แต่ไม่มีการตอบกลับมาครับ จึงไม่มีการจัดส่งยังไม่มีการชำระเงินเกิดขึ้นและไม่ตอบกลับในขณะการสั่งซื้อครับ ยังไม่มีการยืนยันการสั่งซื้อครับ"


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top