Monday, 5 May 2025
TheStatesTimes

‘สมศักดิ์’ ลงพื้นที่ตรวจน้ำท่วมสุโขทัย กำชับทุกหน่วยเร่งช่วย ปชช. รับ สถานการณ์ยังน่าห่วง เตรียมเสนอแนวทางแก้ปัญหาระยะยาวต่อ ครม.

(1 ต.ค. 66) นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายชยันต์ เมืองสง รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) และนายทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน ลงพื้นที่จังหวัดสุโขทัย เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำ โดยจุดแรก ได้เดินทางไปตรวจประตูระบายน้ำแม่น้ำยม บ้านหาดสะพานจันทร์ อำเภอสวรรคโลก ร่วมประชุมเพื่อสรุปสถานการณ์และหาแนวทางการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมจังหวัดสุโขทัย กับนายสุชาติ ทีคะสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย นายมนู พุกประเสริฐ นายก อบจ.สุโขทัย นางสาวประภาพรทองปากน้ำ สส.สุโขทัย  นายจักรวาล ชัยวิรัตน์นุกูล สส.สุโขทัย และหัวหน้าส่วนราชการ

โดยนายสุชาติ กล่าวรายงานสรุปว่า สถานการณ์น้ำในจังหวัดสุโขทัย เริ่มมีความน่าเป็นห่วงตั้งแต่ช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา เพราะมีฝนตกเป็นจำนวนมาก รวมถึงมีน้ำป่าไหลมาจากจังหวัดรอบข้าง ส่งผลให้สถานการณ์น้ำในจังหวัดเวลานี้ อยู่ในจุดที่ต้องเฝ้าระวัง โดยขณะนี้ มีพื้นที่ได้รับผลกระทบทั้งหมด 42 ตำบล 165 หมู่บ้าน 1,365 ครัวเรือน รวมถึงมีพื้นที่การเกษตรได้รับความเสียหาย 2,483 ไร่ ซึ่งทางจังหวัดได้เตรียมความพร้อม ในการดูแลช่วยเหลือประชาชนในเบื้องต้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ขอขอบคุณนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ที่สั่งการอย่างเร่งด่วนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อย่าง กระทรวงมหาดไทย ได้เร่งลงพื้นที่แล้ว โดยผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย ได้รายงานสถานการณ์และสรุปในเบื้องต้นให้รับฟังแล้ว ซึ่งขณะนี้ มีประชาชนที่ได้รับผลกระทบ 1,365 ครัวเรือน เป็นพื้นที่กว่า 62,000 ไร่ ส่วนเรื่องการช่วยเหลือชาวสุโขทัย ในเรื่องการอพยพนั้น ยังมีน้อย แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ มวลน้ำ ที่ไหลมาจากจังหวัดแพร่ โดยจากรายงานปริมาณน้ำของวันนี้ เมื่อเทียบกับของเมื่อวานที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่า สูงขึ้น จาก 880 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เพิ่มอีก 350 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที โดยมวลน้ำทั้งหมด จะไหลมารวมอยู่ที่จังหวัดสุโขทัย

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ทางจังหวัดสุโขทัย ก็พยายามปล่อยน้ำออกทางด้านซ้ายของแม่น้ำยมเป็นหลัก ซึ่งสามารถปล่อยได้ 450 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ส่วนในวันพรุ่งนี้ ตนได้รับรายงานว่า น้ำน่าจะเพิ่มขึ้นอีก 350 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที อาจจะส่งผลกระทบให้กับประชาชนเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ในพื้นที่อำเภอเมือง ยังพบดินสไลด์ริมตลิ่ง ความยาวกว่า 100 เมตร โดยผู้ว่าฯได้นำเอาบิ๊กแบ๊คมากั้นเรียบร้อยแล้ว คาดว่า วันนี้จะสามารถหยุดการไหลของน้ำเข้าในพื้นที่ของอำเภอเมืองได้

“หลังจากนี้ ผมและคณะ จะเดินทางไปจังหวัดแพร่ เพื่อติดตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เนื่องจากนายกรัฐมนตรีมีความเป็นห่วงมาก จึงได้กำชับให้ผมรีบลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ส่วนการแก้ปัญหาระยะยาว ในช่วงเย็นวันเดียวกันนี้ ผมจะกลับมาประชุมที่จังหวัดสุโขทัยอีกครั้งหนึ่ง เพื่อสรุปแนวทางทั้งหมด นำไปเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี โดยขอยืนยันว่า ผมทำงานการเมืองมา 40 ปี เห็นปัญหานี้มาโดยตลอด ซึ่งจะพยายามแก้ปัญหาให้พี่น้องประชาชนได้รับผลกระทบน้อยที่สุด” รองนายกรัฐมนตรี กล่าว

‘อนุทิน’ ปลื้ม!! ‘OTOP Midyear 2023’ โกยรายได้ทะลุ 400 ล้าน ชวนซื้อของไทย-ใช้ของไทย หนุนเงินทองหมุนเวียนในประเทศ

(1 ต.ค. 66) ที่อาคารชาเลนเจอร์ 2-3 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย คุณสุภานัน นิราษิท ภริยา เยี่ยมชมและให้กำลังใจผู้ประกอบการ OTOP ในงาน OTOP Midyear 2023 โดยมี นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย ดร.วันดี กุลชรยาคง จุลเจริญ นายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม รองปลัดกระทรวงมหาดไทย หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านพัฒนาชุมชนและส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น นายสมคิด จันทมฤก รองปลัดกระทรวงมหาดไทยด้านบริหาร ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ศศิธร จันทมฤก อุปนายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน นางจิณณารัชช์ สัมพันธรัตน์ ประธานชมรมแม่บ้านพัฒนาชุมชน นายขจร ศรีชวโนทัย อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น พร้อมด้วยผู้บริหารกรมการพัฒนาชุมชน ร่วมให้การต้อนรับและนำชม

นายอนุทิน กล่าวว่า วันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้วสำหรับงาน ‘OTOP Midyear 2023’ โดยตลอด 8 วันที่ผ่านมา ได้รับความเมตตาและการสนับสนุนจากพี่น้องประชาชนร่วมจับจ่ายใช้สอยและเลือกซื้อเลือกหาอุดหนุนสินค้าชุมชนของผู้ประกอบการ จนมียอดจำหน่ายสูงถึง 375 ล้านบาท ทะลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 300 ล้านบาท คาดว่าก่อนปิดงานในช่วง 21.00 น.วันนี้ จะมียอดจำหน่ายไม่น้อยกว่า 400 ล้านบาท

ซึ่งการจัดงาน ‘OTOP Midyear 2023’ ในครั้งนี้ เป็นการกระตุ้นให้คนไทยเชื่อมั่นในสินค้าที่เกิดจากภูมิปัญญาพี่น้องประชาชน ไม่มีอะไรดีหรือประเสริฐไปกว่าคนไทยเราช่วยกัน เงินทองก็ไม่รั่วไหลไปไหน หมุนเวียนอยู่ภายในประเทศ

“ผมกล้าการันตีว่า สินค้า OTOP นี้ดีกว่าสินค้าแบรนด์เนมแน่นอน ดีกว่า ทนกว่า คุ้มค่ากว่า เกิดประโยชน์ เกิดคุณค่ามากกว่า และในด้านการส่งเสริม Soft Power เรามีกรมการพัฒนาชุมชน มีทีมไปเสริมทักษะ เสริมเรื่องคุณค่า คุณภาพ มูลค่าเพิ่มให้กับพี่น้องประชาชน เราช่วยยกระดับทำให้สินค้าของไทยที่ทำด้วยคนไทย ได้รับการเสริมสร้างความรู้ให้เขารู้ว่าตลาดในประเทศและต่างประเทศ ณ เวลานี้เป็นยังไง ดังสโลแกน ‘ทันโลก ทันสมัย ทันท่วงที’ ที่สอดคล้องกับทุกสถานการณ์ ณ วันนี้เรามีผ้าไทยลายแบบไหนที่คนชื่นชมชื่นชอบ ออกแบบยังไง ใช้ยังไง ใช้วัสดุอะไร ใช้เส้นด้ายยังไงที่เหมาะกับสภาพภูมิอากาศคนไทย ใส่แล้วไม่ร้อน ไม่อึดอัด ดูแลรักษาง่าย เรามีกรมการพัฒนาชุมชนไปช่วยในเรื่องของการ สร้างเสริมการเรียนรู้ให้กับชาวบ้าน เพื่อทำให้สินค้า OTOP เป็นสินค้าที่มีคุณภาพ ได้รับความนิยมชมชอบในระดับสากล” นายอนุทิน กล่าว

นายอนุทิน กล่าวด้วยว่า ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนมาร่วมอุดหนุน ร่วมให้กำลังใจ ผู้ประกอบการ OTOP ในงาน ‘OTOP Midyear 2023’ ที่มีร้านค้ามากกว่า 2,000 ร้าน ทั้งของกิน ของใช้ และเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มจากทั่วฟ้าเมืองไทย 76 จังหวัด และกรุงเทพมหานคร ในวันนี้ซึ่งเป็นวันสุดท้ายยังมีของดีๆ อีกจำนวนมาก มีร้านอาหารโซน OTOP ชวนชิม ซึ่งโซนนี้ขอการันตีว่าของกินเด็ดๆ ที่ไม่ต้องซื้อตั๋วเครื่องบินหรือขับรถยนต์ไปกินทั่วประเทศ ได้มารวมที่อิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ เมืองทองธานี และวันนี้เอง พี่น้อง OTOP จะได้จำหน่ายสินค้าในลักษณะ ลด แลก แจก แถม โปรโมชั่นมากมาย โดยสามารถเดินทางมาเลือกซื้อสินค้า OTOP กันได้ถึงเวลา 21.00 น.วันนี้

โดยตลอดการเยี่ยมชมงาน นายอนุทินฯ ได้สาธิตตีขิม และเป่าขลุ่ย บริเวณโซนศิลปิน OTOP และเดินพบปะให้กำลังใจผู้ประกอบการ เลือกซื้อสินค้า พร้อมทั้งทักทาย และขอบคุณพี่น้องประชาชนที่เดินทางมาเที่ยวชมงานด้วยความเป็นกันเอง

เปิดประวัติ ‘โฟร์ท นฤมล’ อดีตนักร้องดังจากยุค 90  สู่นายแบงก์หญิงคนแรกของ ‘ธนาคารซิตี้แบงก์’

(1 ต.ค. 66) หากพูดถึงชื่อ ‘โฟร์ท-นฤมล จิวังกูร’ หลายคนอาจคุ้นเคยในฐานะนักร้องหญิงแห่งค่ายอาร์เอส เจ้าของผลงานเพลงต่าง ๆ ในยุค 90

แต่อีกบทบาทหนึ่ง ซึ่งเป็นบทบาทหลัก คือ การเป็น ‘นายธนาคารหญิง (Banker)’ และเป็นหนึ่งในผู้บริหารธนาคาร กับชั่วโมงบินบนเส้นทางสายการเงินที่เข้าใกล้ 3 ทศวรรษแล้ว

และล่าสุด ธนาคารซิตี้แบงก์ ประกาศแต่งตั้ง นางสาวนฤมล จิวังกูร ขึ้นดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารซิตี้แบงก์ประเทศไทย (Citi Country Officer for Thailand) ดูแลรับผิดชอบการดำเนินธุรกิจภายในประเทศไทย

วันนี้ทางเราได้รวบรวมเรื่องที่น่าสนใจเกี่ยวกับผู้บริหารคนเก่ง ให้ทำความรู้จักกัน

จบปริญญาโทด้านการเงิน ทำงานกับแบงก์ระดับโลก
‘นฤมล จิวังกูร’ หรือ ‘โฟร์ท’ เกิดเมื่อวันที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2515 จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษา จากโรงเรียนเซนต์โยเซฟคอนแวนต์ และระดับอุดมศึกษา ปริญญาตรี จากมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ คณะศิลปศาสตร์ (เอกภาษาอังกฤษ) และปริญญาโทจาก California State University คณะบริหารธุรกิจ (เอกบริหารการเงิน)

เริ่มต้นการทำงาน ด้วยการเป็นนักร้องจากการรวมกลุ่มกับเพื่อนนักร้องหญิง 3 คนคือ โฟร์ท นฤมล จิวังกูร, อัยย์ พรรณี วีรานุกูล และอ๊อด พิรุณ ยิ้มพงษ์ ออกอัลบั้มในนามวง ‘เอ็กซิท (Exit)’ ชื่อชุด ‘ทางออกของความรู้สึก’ ออกวางจำหน่ายเมื่อ เมษายน พ.ศ. 2536

ในปี พ.ศ. 2539 ได้ออกอัลบั้มร่วมกับ ‘ปั่น-ไพบูลย์เกียรติ เขียวแก้ว’ และสามารถ สุขกนิษฐ อัลบั้ม ‘Something in R & B’ ออกวางจำหน่ายเมื่อ กรกฎาคม พ.ศ. 2539 ก่อนที่จะยุบไปหลังจากนั้น

หลังจากยุบวงก็มีผลงานเพลงประกอบละคร ภาพยนตร์ และงานร้องประสานเสียงให้กับศิลปินมากมายหลายคน

และในปีเดียวกัน โฟร์ท นฤมล เริ่มต้นทำงานในสายงานธนาคารในปี 2539 ก่อนเกิดวิกฤตต้มยำกุ้งปี 2540 ในสายงานห้องค้า (Global Markets) ในส่วน Trading ทำให้เธอได้เห็นสภาพการทำงานของตลาดการเงินที่ผันผวนท่ามกลางวิกฤตนั้นที่ต้องการการวิเคราะห์และการตัดสินใจฉับไวในตลาดเงิน

โฟร์ท นฤมล เล่าว่า ความท้าทายในการทำงานช่วงแรก ๆ คือผู้ร่วมงานรอบตัวซึ่งล้วนจบทางด้านวิศวกรรมศาสตร์ เธอต้องใช้ความอดทน ความตั้งใจ พร้อมเรียนรู้และวิ่งเข้าหาโอกาส เพราะเวลาทุกนาทีมีค่าและสำคัญ

จากนั้นได้ย้ายไปทำงานในสายงานอื่น ๆ ใน Global Markets ไม่ว่าจะเป็น Corporate Sale ทำหน้าที่หลักดูแลด้านการบริหารความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน (FX) ของลูกค้าองค์กรต่าง ๆ รวมถึงการคิด Solution ในการบริหารความเสี่ยงที่เกิดจากความผันผวนทางตลาดเงินโดยใช้ด้านตราสารอนุพันธ์

ทำหน้าที่ดูแล หา Solution และเครื่องมือบริหารความเสี่ยงด้านการเงินและการลงทุนให้ลูกค้าองค์กรและสถาบันการเงิน ทำให้ได้ประสบการณ์การทำงานที่หลากหลาย เกิดการเรียนรู้และพัฒนาตัวเอง สิ่งหนึ่งที่ยึดเป็นหลักในการทำงานคือต้องทำให้ดีเพราะนี่คืองานที่ได้รับมอบหมาย

นายแบงก์หญิงคนนี้ เคยเล่าว่า “ค้นหาตัวเองว่าชอบอะไร แล้วขับเคลื่อนตัวเองไปหาสิ่ง ๆ นั้น การเปิดรับความท้าทายใหม่ ๆ จะทำให้เราเรียนรู้ ได้ประสบการณ์ และค้นพบว่าอะไรคือสิ่งที่เราสนใจมากที่สุด”

เส้นทางการเป็นนายแบงก์หญิง ยังคงดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งปี 2558 โฟร์ท นฤมล เข้ารับตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานตลาดเงินตลาดทุน และหลักทรัพย์บริการ ธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทย ซึ่งคือตำแหน่งปัจจุบัน และเป็นผู้หญิงคนแรกในสายงานนี้ขององค์กรในระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ช่วงที่รับตำแหน่งใหม่ ๆ มีคนกล่าวกับเธอว่า “ยินดีต้อนรับสู่เกมของผู้ชาย” แม้จะเป็นคำกล่าวทักทายที่ทำให้ตกใจในครั้งแรกที่ได้ยิน แต่นั่นถือเป็นคำแนะนำและนำมาใช้ในการทำงาน โดยเฉพาะการดึงเอาจุดเด่นและข้อดีของการเป็นผู้หญิงเข้ามาเติมเต็มในการทำงานให้ดียิ่งขึ้น

กระทั่งล่าสุด ‘ธนาคารซิตี้แบงก์’ ประกาศแต่งตั้ง นางสาวนฤมล จิวังกูร ขึ้นดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารซิตี้แบงก์ประเทศไทย (Citi Country Officer for Thailand) ดูแลรับผิดชอบการดำเนินธุรกิจภายในประเทศไทย โดยขึ้นตรงต่อ นายอมล กุปเต ผู้บริหารใหญ่ธนาคารซิตี้แบงก์ ภูมิภาคเอเชียใต้และอาเซียน (Head of South Asia and Asean for Citi) และมีผลตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

‘นายแบงก์’ คืองานหลัก ‘นักร้อง’ คืองานอดิเรก
หลังจากงานหลักของ โฟร์ท นฤมล เปลี่ยนเป็น นายธนาคาร ตามสายที่จบการศึกษามา แต่เส้นทางการเป็นศิลปิน นักร้อง ยังไม่ได้หายไปไหน

โฟร์ท นฤมล ตัดสินใจทำงานเป็นนายธนาคารควบคู่ไปกับการเป็นศิลปิน โดยใช้วันหยุดจากการทำงานที่ธนาคารไปทำงานอดิเรกที่รักคือการร้องเพลงโดยที่ผู้ใหญ่ของทั้งสององค์กรเข้าใจและให้โอกาส

เส้นทางการเป็นศิลปินเดี่ยว เริ่มต้นขึ้นในสังกัด อาร์.เอส.โปรโมชั่น หลังเซ็นสัญญาออกอัลบั้มเมื่อปี 2541 โดยได้มีผลงานอัลบั้มออกมาจำนวนมากในช่วงระหว่างปี 2542-2548 ดังนี้

ปี 2536 : อัลบั้ม Exit
ปี 2539 : อัลบั้ม Something in R&B
ปี 2542 : อัลบั้มเพลงประกอบภาพยนตร์ ‘แตก 4 รัก โลภ โกรธ เลว’
ปี 2542 : อัลบั้ม Fourth
ปี 2543 : อัลบั้ม ธรรพ์ณธร-โฟร์ท Fire&Ice
ปี 2543 : อัลบั้ม Magic Love
ปี 2544 : อัลบั้มพิเศษ ‘The Celebration’
ปี 2544 : อัลบั้มพิเศษ ‘Impression’
ปี 2544 : อัลบั้มพิเศษ ‘Zodiac’
ปี 2545 : อัลบั้ม Fourth Secret
ปี 2545 : อัลบั้มพิเศษ ‘Inspiration’
ปี 2546 : อัลบั้ม ธรรพ์ณธร-โฟร์ท แสงและเงา
ปี 2547 : อัลบั้มพิเศษ ‘DREAMS by Parn Fourth Piano’
ปี 2547 : อัลบั้มพิเศษ ‘Unforgettable’
ปี 2548 : อัลบั้ม Real Me
ปี 2548 : อัลบั้มพิเศษ ‘คิดถึงแม่ เรียงความเรื่องแม่’
ปี 2548 : อัลบั้มพิเศษ ‘All My Life’

โดยผลงานเพลงที่เป็นที่รู้จักอย่างมากมาย อาทิ นาฬิกาทราย, คนที่ใช่ (ในวันที่ผิด), ไม่มีฉันคนนั้นอีกแล้ว, หมายความว่ายังไง และเพลง เหตุผล เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม หลังจากออกอัลบั้มพิเศษ ‘All My Life’ โฟร์ท นฤมล ก็หันหลังให้กับวงการบันเทิง ก่อนจะกลับมาร้องเพลงอีกครั้ง เมื่อปี 2562 ในเพลง ‘เจ็บเพื่อรัก’ ซึ่งเป็นเพลงประกอบละคร เพลิงรักเพลิงแค้น ทางช่อง 3

ความสำเร็จของการเป็น ‘นายแบงก์หญิง’
ตลอดช่วงที่ ‘โฟร์ท นฤมล’ ทำหน้าที่เป็นนายแบงก์หญิง เคยได้รับรางวัล Best Secondary Market Contribution จากกระทรวงการคลัง ในงาน Ministry of Finance Award 2019 (MOF Award) รางวัลที่มอบให้สถาบันการเงินคู่ค้าพันธบัตรของกระทรวงการคลังที่มีบทบาทโดดเด่นในการส่งเสริมสภาพคล่องของพันธบัตรรัฐบาล โดยมีมูลค่าธุรกรรม ซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลในตลาดรองสูงสุดในปี 2019 ถือเป็นรางวัลสำคัญต่อสายงานที่เธอกำลังทำอยู่ อีกทั้งยังเป็นแรงผลักดันให้ทุกคนในองค์กรต้องเดินก้าวไปข้างหน้าอย่างสม่ำเสมอ ไม่หยุดอยู่กับที่ พร้อมพัฒนา ทุกอย่างให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม

ให้ความสำคัญกับทุกคนในองค์กร
ตลอดระยะเวลาการทำงาน เธอเผยว่าจะให้ความสำคัญกับบุคลากรหรือทีมงาน เพราะองค์กรไม่สามารถขับเคลื่อนได้เพียงแค่คนเดียว เนื่องจากโลกและเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงทุกวัน หากมีบุคลากรที่พร้อมก้าวไปข้างหน้าก็จะสามารถนำพาทุกคนและองค์กรไปถึงเป้าหมายที่วางไว้

และไม่ว่าคุณจะเป็นเพศอะไร ทุกคนต้องช่วยกันเติมเต็มสิ่งที่อีกฝ่ายขาด พร้อมเลือกใช้ข้อดีของแต่ละฝ่ายที่มี เพื่อให้เกิดความสมดุล การทำงานต้องไม่กลัวที่จะกล่าวคำปฏิเสธ ต้องกล้าบอกสิ่งที่คิด สิ่งที่รู้สึก หรือความตั้งใจที่จะทำ องค์กรเปิดกว้างและเห็นความสำคัญของบุคลากร สนับสนุนให้พนักงานแสดงความสามารถและมีโอกาสเติบโตในสายงาน

‘สว.สมชาย’ รับไม่ได้!! พนง.ร้านอาหารที่ไอซ์แลนด์ไล่ ‘หมอพรทิพย์’ ทั้งที่ ‘คนยุโรป-ทั่วโลก’ ต่างนับถือชื่นชม สมัยลงไปลุยช่วยสึนามิ

(1 ต.ค. 66) นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) และอดีตผู้อำนวยการร่วมด้วยช่วยกัน โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า...

ภาพและข้อความนี้มีความหมายยิ่งครับ

ก่อนหน้านั้นผมไม่เคยรู้จัก ‘คุณหญิงหมอพรทิพย์ โรจนสุนันท์’ เป็นการส่วนตัวมาก่อน เพิ่งพบเจอกันครั้งแรกเมื่อช่วงเหตุการณ์สึนามิ เมื่อปี 2547

คุณหญิงหมอพรทิพย์ ลงไปลุยทำงานสึนามิ ระดมสรรพกำลังช่วยตรวจสอบพิสูจน์อัตลักษณ์ ศพนิรนามทั้งคนไทยและชาวต่างชาติมากมาย หลายพันศพ

คนยุโรปและทั่วโลกนับถือคุณหมอ ซึ่งเป็นทั้งญาติผู้สูญหายและในระดับรัฐบาลขอบคุณและชื่นชมในความทุ่มเทเสียสละของคุณหญิงหมออย่างยิ่ง

ผมจำเหตุการณ์สึนามิในครั้งนั้นได้ดี เพราะเป็นผู้นำทีมร่วมด้วยช่วยกันลงไปร่วมช่วยผู้ประสบภัย ค้นหาศพ และร่วมสร้างบ้านน็อกดาวน์ ฯลฯ

จึงได้พบและรู้จักกับคุณหมอครั้งแรกที่นั่น ที่วัดย่านยาว ซึ่งคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นศพนิรนามที่ต้องรอการพิสูจน์อัตลักษณ์หลายร้อยหลายพันศพ

ช่วงนั้นทราบข่าวจากสื่อว่า คุณหมอและทีมพิสูจน์อัตลักษณ์ ต้องการกล้องถ่ายรูปความคมชัดสูง10 หรือ 20 ล้านพิกเซล (ในสมัยนั้น)

ผมจึงได้ประสานกับผู้บริหารยูคอมและร่วมด้วยช่วยกัน เพื่อจัดหาและร่วมส่งมอบให้ทีมงานนิติวิทยาศาสตร์ของคุณหมอ ร่วมสนับสนุนงานดังกล่าวด้วยความศรัทธาในทันที

วันนี้เห็นสิ่งที่คุณหมอเสียสละทำงานเพื่อประเทศชาติและโลกแล้ว ถูกกระทำเช่นนี้แล้ว รับไม่ได้ครับ

เพราะเทียบชั้นกันไม่ได้เลยกับเด็กทำครัวคนหนึ่งที่ไอซ์แลนด์ ไม่เคยสร้างผลงานใดๆ ให้ประเทศชาติ กลับมีพฤติกรรมต่ำๆ ออกมาในคลิปที่คุกคามขับไล่ออกจากร้าน ด้วยความคลั่งไคล้การเมืองสุดโต่งแบบนั้น

ส่วนตัวผมถือว่าหยาบคายต่ำชั้นมากครับ
เพราะถ้านับคุณค่าคนกันแล้ว  
คนละระดับ คนละโลกกันเลยครับ

‘กทม.’ เปิดประชาพิจารณ์ ร่างข้อบัญญัติฯ ค่าขยะใหม่ ต.ค.นี้ หมู่บ้าน-ชุมชนจ่าย 60 บ. หากแยกขยะแล้ว จ่าย 20 บ. เท่าเดิม

(2 ต.ค. 66) นายจักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงความคืบหน้าการจัดเก็บค่าธรรมเนียมการจัดการสิ่งปฏิกูลและมูลฝอยของกรุงเทพมหานครอัตราใหม่ ว่า หลังจากสภากรุงเทพมหานครได้เห็นชอบขยายเวลาจัดเก็บออกไปอีก 1 ปี ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนประกาศประชาพิจารณ์ ร่างข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่องค่าธรรมเนียมการให้บริการในการจัดการสิ่งปฏิกูลหรือมูลฝอยตามกฎหมายว่าด้วยการสาธารณสุข พ.ศ. ... ในเว็บไซต์กรุงเทพมหานคร ในเดือนตุลาคม 2566 เป็นเวลา 30 วัน เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้ามาดูรายละเอียดของร่างข้อบัญญัติฯ แสดงข้อคิดเห็น จะมีความคิดเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยก็วิพากษ์วิจารณ์ได้ เนื่องจากข้อบัญญัติฯ นี้เป็นร่างกฎหมายที่กระทบกับประชาชนทั่วไป ถ้าประชาพิจารณ์ประชาชนเห็นด้วยไม่มีปัญหาอะไร ผู้บริหารกรุงเทพมหานครจะนำเข้าสภากรุงเทพมหานครพิจารณาร่างข้อบัญญัติฯ นี้ เมื่อสภาเห็นชอบแล้วจึงจะประกาศในราชกิจจานุเบกษา โดยกรุงเทพมหานครจะออกข้อบังคับระเบียบรองรับ น่าจะใช้บังคับได้ในปี 2567 

“ร่างข้อบัญญัติฯ ฉบับใหม่นี้โดยหลักการค่าขยะจะลดลง จากข้อบัญญัติฯ เดิมที่ออกมาปี 2562 ที่อัตราขึ้นไปเยอะ (80 บาท) ซึ่งได้มีการขยายเวลาออกไปมาหลายปี ร่างใหม่นี้ราคาจะต่ำลงทั้งการเก็บขนและการกำจัด ขณะเดียวกันกรณีประชาชนได้ลงทะเบียนเพื่อแยกขยะ ก็จะเสียค่าขยะต่ำลงไปอีก ทั้งนี้ หากประชาพิจารณ์ผ่านประชาชนเห็นด้วย ไม่มีปัญหาอะไร ก็น่าจะนำเข้าสภากทม.พิจารณาได้เดือนพฤศจิกายน เมื่อสภาฯ เห็นชอบ ก็จะประกาศใช้ข้อบัญญัติฉบับใหม่ ยกเลิกของปี’62 ไป” นายจักกพันธ์ุกล่าว

สำหรับร่างข้อบัญญัติฯ ใหม่มีอัตราค่าธรรมเนียมในส่วน ค่าเก็บและขนมูลฝอยทั่วไป แยกเป็น 

1. ค่าเก็บและขนมูลฝอยทั่วไป เป็นรายเดือน กรณีที่มีปริมาณวันหนึ่งไม่เกิน 20 ลิตรเดือนละ 30 บาท, กรณีที่มีปริมาณวันหนึ่งไม่เกิน 20 ลิตร และปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่กรุงเทพมหานครกําหนด เดือนละ 10 บาท, กรณีที่มีปริมาณวันหนึ่งเกิน 20 ลิตร แต่ไม่เกิน 1 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ให้คิดเป็นหน่วยทุก ๆ 20 ลิตรในอัตราต่อหน่วย หน่วยละ 60 บาทและกรณีที่มีปริมาณวันหนึ่งเกิน 1 ลูกบาศก์เมตร ให้คิดเป็นหน่วยทุก ๆ 1 ลบ.ม. ในอัตราต่อหน่วย หน่วยละ 3,250 บาท 

2. ค่าเก็บและขนมูลฝอยทั่วไป เป็นครั้งคราว กรณีที่มีปริมาณไม่เกิน 500 ลิตร ครั้งละ 125 บาท, กรณีที่มีปริมาณเกิน 500 ลิตร แต่ไม่เกิน 1 ลบ.ม. ครั้งละ 180 บาท และกรณีที่มีปริมาณเกิน 1 ลบ.ม. ให้คิดเป็นหน่วย ทุก ๆ 1 ลบ.ม. อัตราหน่วยละ 245 บาท

ส่วนค่ากําจัดมูลฝอยทั่วไป แยกเป็น 

1. ค่ากําจัดมูลฝอยทั่วไป เป็นรายเดือน กรณีที่มีปริมาณวันหนึ่งไม่เกิน 20 ลิตร เดือนละ 30 บาท, กรณีที่มีปริมาณวันหนึ่งไม่เกิน 20 ลิตร และปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่กรุงเทพมหานครกําหนด เดือนละ 10 บาท, กรณีที่มีปริมาณวันหนึ่งเกิน 20 ลิตร แต่ไม่เกิน 1 ลบ.ม. ให้คิดเป็นหน่วยทุก ๆ 20 ลิตร ในอัตราต่อหน่วย หน่วยละ 60 บาท และ กรณีที่มีปริมาณวันหนึ่งเกิน 1 ลบ.ม. ให้คิดเป็นหน่วยทุก ๆ 1 ลบ.ม. ในอัตราต่อหน่วย หน่วยละ 4,750 บาท 

2. ค่ากําจัดมูลฝอยทั่วไป เป็นครั้งคราว กรณีที่มีปริมาณไม่เกิน 500 ลิตร หน่วยละ 130 บาท, กรณีที่มีปริมาณเกิน 500 ลิตร แต่ไม่เกิน 1 ลบ.ม. หน่วยละ 190 บาท และ กรณีที่มีปริมาณเกิน 1 ลบ.ม. ให้คิดเป็นหน่วย ทุกๆ 1 ลบ.ม. หน่วยละ 250 บาท 

รองผู้ว่าฯ จักกพันธ์ุกล่าวสรุปว่า บ้านเรือนทั่วไป หรือ หมู่บ้านจัดสรร/ชุมชนต่าง ๆ จะคิดค่าธรรมเนียมใน 2 รูปแบบ คือ คิดค่าเก็บขน 30 บาท และค่ากำจัด 30 บาท รวม 60 บาท แต่หากบ้านเรือนมีการคัดแยกขยะ หมู่บ้าน/ชุมชน มีที่พักรวมและคัดแยกขยะตามเงื่อนไข จะคิดเท่าเดิมคือ 20 บาท ซึ่งเมื่อเทียบกับอัตราที่กำหนดไว้ในข้อบัญญัติฯปี’62 ที่คิดค่าเก็บขน 40 และค่ากำจัด 40 รวม 80 บาท ก็จะลดลงแต่หากประชาชนร่วมกันคัดแยกขยะบ้านไหนหมู่บ้านชุมชนไหนทำตามเงื่อนไข กรุงเทพมหานครก็เก็บอัตราเดิม 20 บาท โดยจะต้องมีการลงทะเบียนถูกต้องกับสำนักงานเขตทั้งนี้ ประชาชนสามารถเข้าไปดูรายละเอียดร่างข้อบัญญัติฯ ใหม่ได้ในเดือนตุลาคม 2566

‘วู้ดดี้’ เปิดใจหลังชม ‘ลิซ่า’ โชว์คาบาเรต์ ยอมรับ!! เธอคือ ‘Super Power’ เหตุทำให้ Crazy Horse กลับมาแจ้งเกิด-เข้าถึงเจนใหม่ทั่วโลกชั่วข้ามคืน

เมื่อวานนี้ (1 ต.ค.66) นายวุฒิธร มิลินทจินดา หรือ ‘วู้ดดี้’ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ‘Woody’ โดยระบุว่า…

ชาตินี้ วด. คงไม่ได้มาเหยียบ Crazy Horse ที่ปารีสถ้าไม่ได้มาดูลิซ่า

ตอนรู้ข่าวก็รู้ทันทีว่าโชว์นี้ไม่ธรรมดา เพราะนี่คือสิ่งที่ลิซอยากลองทำ ไม่มีใครสั่ง ไม่มีใครกำกับ แต่มาจากการเป็น FC Crazy Horse (ได้ข่าวว่าแอบมาดูส่วนตัวหลายรอบ) แล้วเห็นว่าคงจะท้าทายตัวเองไม่น้อยถ้าได้ขึ้นแสดงเป็นหนึ่งในสาว Crazy Horse...วู้ดดี้พอจะรู้ว่า Crazy Horse คือโชว์ที่อยู่คู่ปารีสมายาวนาน เรียกว่าเป็นสถาบันเลยก็ว่าได้ เพราะมันคือโชว์ที่สะท้อนความเปิดเผยทางใจและกายอย่างมี Art แฝงความขี้เล่นที่ sexy แบบสุดขอบแต่ไม่หลุดกรอบ

ด้วยวัย 26 ของลิซ คิดว่าลิซคงมองว่า timing อายุตอนนี้คือเหมาะที่สุดที่จะทำอะไรแบบนี้ วัยรุ่นกว่านี้คงไม่เหมาะ อายุมากกว่านี้อาจดูไม่เข้า ตอนนี้เลยเป็นเวลาที่ดีที่สุดที่ Lisa จะ X กับ Crazy Horse

Lisa จับอะไรสิ่งนั้นก็กลายเป็นของ Hot ทันที คนมักจะโยงกับความเป็นไทยให้น้องเป็น Soft Power ของประเทศไทย แต่หลังจากวันนี้ที่วู้ดดี้มาดูลิซที่ปารีส สรุปกับตัวเองแล้วว่าเธอไม่ใช่ Soft Power แต่เป็น Superpower ของโลก ผู้บริหาร Crazy Horse บอกว่า เพราะ Lisa มาโชว์ ทำให้ Crazy Horse กลับมาแจ้งเกิดอีกครั้ง และเข้าถึง Gen ใหม่ทั่วโลกภายในข้ามคืน หลังจากนี้ใครมาปารีสก็จะขอแวะมาดูโชว์ที่ Lisa มาร่วมแสดง เพราะอยากรู้ว่ามันมีอะไรดีถึงทำให้ลิซทุ่มเทขนาดนี้ พนักงานที่ให้บริการเรายังแอบกระซิบเลยว่า ตั้งแต่ทำงานที่นี่มา ไม่เคยเห็น Crazy Horse คึกคักขนาดนี้ “เพราะลิซ่าเลย…อยากให้ลิซ่ากลับมาอีก ที่นี่จะได้มีสีสันอีกครั้ง”

วด. ได้มีโอกาสนั่งดูโชว์จากที่นั่งหลังสุด มาดูกับแฟน น้องๆ และคุณแม่ เดินเข้ามาเห็นแฟนๆ ลิซ่าจากทั่วโลกที่เดินทางมาให้กำลังใจลิซก็ชื่นใจแทนน้อง สัมผัสถึงพลังแห่งความตื่นเต้นของทั้งโรงการแสดง ที่รอคอยดูศิลปินที่เขารักที่สุด perform แบบอิสระที่สุดในชีวิต

โชว์เริ่ม! Lisa โผล่หัวมาหน้าม่านทำเอาทุกคนร้องเฮอย่างสนั่นแล้วกลับไป ม่านเปิดออกมาเป็นสาวๆ Crazy Horse ยืนเรียงหน้ากระดานเต้นเป็นจังหวะเดียวกัน และเผยร่างช่วงบนให้เห็นถ้วนหน้า เรามองคนกลางที่เราเข้าใจว่าเป็น Lisa แล้วแอบคิดโอ้โห้ น้องจัดเต็มมาก!! แต่พอดูๆ ไป อ้าวเขาแค่หน้าเหมือน Lisa ตัวจริงไม่โชว์ให้เห็นอะไรเลย มากสุดก็ใส่ชุดแนว Lingerie หรือ Bikini เราก็ลุ้นทั้งโชว์ว่าลิซจะ perform ยังไง แล้วลุคจะเป็นยังไง ปรากฏว่าลิซออกมาแสดงหลายซีนอยู่ ไม่ได้เป็นนักแสดงสมทบเบาๆ อย่างที่หลายคนคิด โอเค บางซีนก็โผล่มาสั้นจริงๆ โดยเฉพาะช่วงแรก สั้นแบบ นับ 1-5 ก็หายไปจากเวทีแล้ว ดูไปก็ลุ้นไปว่าจะโผล่ออกมาตอนไหนอีก

แต่ละ set ที่ออกมาก็ใส่ชุดและวิกที่ต่างกันไป บางทีก็ไม่ใส่วิกเลย ถ้าจะว่าไปโชว์ที่ sexy มากๆ แทบไม่มี Lisa เลย! แต่จะบอกว่าทุกคนที่แสดงคือที่สุด แสง สี เสียง คือ creative มาก ไอ้คนที่ไม่ได้อินกับเรือนร่างผู้หญิงอย่างเราก็แอบกลายเป็นหยุดยิ้มไม่ได้ หุ่นน่าดูทุกคนจริงๆ แล้วบางทีจากที่เราเห็นแค่ หน้าอก กับ บั้นท้าย ก็กลายเป็นภาพหลายมิติที่ดูล้ำสมัยมาก แบบที่เราตามไม่ทัน ในใจคิด Crazy Horse ไม่ใช่โชว์ที่ส่ออย่างที่เราเข้าใจมาก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง ที่สำคัญเห็นมากสุดก็แต่หน้าอกจริงๆ อ้าวพูดถึงคนอื่นจนลืมลิซ่า 555

ลิซทำให้ วด. อึ้งสุดกับ 2 โชว์ยาวๆ ที่เธอฉายเดี่ยว ลิปซิงค์ไปเต้นไป โชว์แรกขอเรียกว่าโชว์ผลุบๆโผล่ๆ คือเธอวิ่งเข้าวิ่งออกประตูสามบานที่มีผ้ากึ่งโซ่ให้เธอห้อยไปมา เธอทำได้เต็มที่ในการโชว์ความเป็นนักเต้นที่เร้าร้อนเชื้อเชิญ แต่เราอดคิดไม่ได้ว่ากำลังดูน้องป๊อกแป๊ก (ชื่อแรกเกิดของเธอ) วิ่งเข้าวิ่งออก ดูยังไงก็ตลกน่ารักน่าฟัดสำหรับเรา แม่หันมาบอกเห็นด้วย “ใช่เลย ป๊อกแป๊กคือป๊อกแป๊ก!”

ส่วนโชว์ที่ต้องยอมนางคือโชว์ Crisis What Crisis ที่ Lisa เล่นเป็นสาวเทรดหุ้นที่จากเดิมสวมเสื้อผ้าเต้นไปมาบนโต๊ะ แต่ค่อยๆ ถอดออกทีละชิ้นจนเหลือชุด lingerie จะว่าชุดชั้นในก็ไม่ใช่ เพราะมันดูแพงกว่านั้นหลายเท่า เอาเป็นว่าดูสวยโคตร sexy ตามสไตล์ Lisa ที่เราคุ้นเคย เธอไม่เพียงเต้นแบบจัดเต็มใน set นี้ แต่มาด้วยพลังอันร้อนแรงที่ วด. ไม่เคยสัมผัสแม้แต่ในคอน BlackPink เชื่อว่าแฟนๆ ที่มาดูได้ดูอะไรที่หาดูได้ยากจริงๆ นั่นคือการที่ได้เห็น Lisa ทำอะไรที่ดูมีความสุขนอก comfort zone เหมือนจะประกาศให้โลกรู้ผ่านโชว์นี้ว่า ต่อจากนี้ ตามมาให้ทัน ฉันจะพาทุกคนไปที่ๆ ไม่มีใครกล้าฝัน กล้าคิด แต่ I will show you!

สุดท้ายโชว์ปิดด้วย Lisa ออกมาโค้งพร้อมสาวๆ คนอื่นโบกมือลาทุกคน แล้วม่านปิด...อีกไม่ถึง 10 วิ ม่านเปิดออกอีกครั้ง ให้นักแสดงขอบคุณอีกรอบ มีอยู่ตอนหนึ่ง Lisa มองลงไปที่คนดูแล้วเห็นใครไม่รู้แล้วดูตกใจ แต่ยิ้มดีใจว่าเธอมา (วด.ไม่รู้เป็นใครในตอนนั้น แต่มารู้ตอนหลังที่หลังเวที ตอนเธอคนนั้นเข้ามา shake hand แล้วพูดว่า Hi. I’m Jennie. กรูจะเป็นลม)

แต่ไม่ว่าใครจะกรี๊ดขนาดไหนก็คงไม่ดังต่อเนื่องเท่าเสียงคุณแม่ที่กรี๊ด วู้ววววว ให้ลูกตลอดทั้งโชว์ แม่มีความสุขจริงๆ แถมกระซิบตอนท้ายว่า “แม่นึกว่าจะ sexy กว่านี้!!!”

ขอบคุณที่อ่านถึงจุดนี้ แสดงว่ารักกันจริง!

(ฝากเพื่อนๆ ดูหน่อยนะครับ กลัวคนเอาไปแปลผิดๆ แล้วจะบิดเบือนไป)

I truly hope that the English translation of this piece doesn’t become lost in translation.

เพจ ธ.ออมสิน เขตสุโขทัย แสดงจุดยืนรัก ‘ชาติ ศาสนา กษัตริย์’ หลังเจอทัวร์ลง เหตุโพสต์ภาพคนสวมเสื้อมีโลโก้พรรคต่อต้านสถาบัน

(2 ต.ค.66) ผู้ใช้งานเฟซบุ๊ก ‘Kawin Kankeow’ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า…

จากประเด็นการโพสต์ภาพคนสวมเสื้อซึ่งมีสัญลักษณ์คล้ายพรรคการเมืองพรรคหนึ่งปรากฏในเพจของธนาคารออมสิน เขตสุโขทัย ผมได้มีโอกาสพูดคุยกับผู้บริหารธนาคารออมสิน เขตสุโขทัยแล้ว ท่านรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และยืนยันว่าท่านมีความจงรักภักดีต่อสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ส่วนผมก็ได้แสดงจุดยืนว่าการแสดงทัศนคติทางการเมืองในนามบุคคลเป็นเรื่องปกติ แต่ในนามองค์กรโดยเฉพาะอย่างยิ่งธนาคารออมสินซึ่งมีจุดกำเนิดมาจากสถาบันพระมหากษัตริย์ การแสดงสัญลักษณ์ซึ่งดูเหมือนเป็นตัวแทนของการต่อต้านสถาบันฯ เป็นสิ่งที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง และเป็นสิ่งที่กระทบกระเทือนจิตใจของคนรักสถาบันฯ อย่างผมและคนไทยอีกเป็นจำนวนมาก

กรณีนี้เข้าใจว่าผู้ที่เกี่ยวข้องหลายคนอาจไม่ค่อยได้ติดตามข่าวสารบ้านเมืองจนไม่ได้ตระหนักถึงความอ่อนไหวในประเด็นนี้ หลังจากการพูดคุยกันแล้วผมได้รับการตอบรับที่ดีว่าต่อไปนี้ทางธนาคารฯ จะระมัดระวังในการสื่อสารสาธารณะให้มากยิ่งขึ้น และจะปฏิบัติตามปรัชญาของธนาคารออมสินอย่างเคร่งครัดครับ

ส่วนทางด้านเฟซบุ๊ก ธนาคารออมสิน เขตสุโขทัย ก็ได้โพสต์ข้อความระบุว่า…

ในฐานะของผู้บริหารสูงสุดของสาขาเขตรู้สึกเสียใจ และขอน้อมรับความผิดพลาดที่เกิดขึ้นทั้งหมด และขอยืนยันว่าธนาคารออมสินซึ่งถือกำเนิดโดยพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า เจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 6 มีนโยบายให้พนักงานธนาคารทุกคนจงรักภักดีต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ และแสดงออกทางการเมืองอย่างเป็นกลาง ภายใต้ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุข ธนาคารออมสินพร้อมที่จะให้บริการประชาชนทุกคนอย่างเท่าเทียมกันโดยไม่เลือกชนชั้นวรรณะและความเชื่อ และจะดำรงตนเป็นแบบอย่างตามรอยพระราชจริยวัตรอันงดงามยิ่งของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชบรมนาถบพิตร และพระบาทสมเด็จพระปรเมนทร รามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว 

โดยธนาคารออมสินจะยึดมั่นในการทำหน้าที่ธนาคารที่จะสร้างความสุขให้พี่น้องคนไทยและนำพาความเจริญเพื่อประเทศชาติพัฒนาในทุกด้านสืบต่อไป

‘นิด้าโพล’ เผยผลสำรวจคนไทย 44% ไม่อยากมีลูก เหตุไม่อยากเพิ่มค่าใช้จ่าย-กังวลต่อสภาพสังคมปัจจุบัน

เมื่อวานนี้ (1 ต.ค.66) นิด้าโพล เผยเหตุผลสำคัญที่ทำให้คนไทยไม่อยากมีลูก 2 ประการ คือ 1.ไม่อยากเพิ่มค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงลูก และ 2.ความเป็นห่วงว่าลูกจะอยู่อย่างไรในสภาพสังคมปัจจุบัน โดยมีสัดส่วนเท่ากัน 38.32% สาเหตุรองลงมา 37.72% ไม่อยากมีภาระในการดูแลลูก ตามด้วย 33.23% ต้องการชีวิตที่เป็นอิสระ ขณะที่ 17.66% กลัวจะเลี้ยงลูกไม่ได้ดีเท่าที่ควร ส่วนอีก 13.77% อยากให้ความสำคัญกับงานมากกว่า, 5.39% ตนเองหรือคู่ครองมีปัญหาเรื่องสุขภาพ, 2.10% กลัวจะเป็นพ่อพันธุ์-แม่พันธุ์ที่ไม่ดี ทำให้ลูกที่เกิดมาไม่ดีตามไปด้วย และ 0.90% กลัวกรรมตามสนองเนื่องจากเคยทำไม่ดีไว้กับพ่อแม่

สำหรับผู้ที่ยังไม่มีลูก 53.89% ระบุว่าอยากมี รองลงมา 44.00% ระบุว่า ไม่อยากมี ที่เหลืออีก 2.11% ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ โดยกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ 50.53% ไม่มีความกังวลต่อจำนวนเด็กเกิดใหม่ในอนาคตว่าจะมีน้อยมาก รองลงมา 23.13% ไม่ค่อยกังวล ที่เหลืออีก 17.79% ค่อนข้างกังวล และ 8.55% กังวลมาก

มาตรการที่รัฐควรสนับสนุนเพื่อให้คนไทยมีลูก 65.19% โดยสนับสนุนการศึกษาฟรีในประเทศจนถึงขั้นสูงสุดสำหรับคนมีลูก รองลงมา 63.66% ให้อุดหนุนค่าเลี้ยงดูลูกจนถึงอายุ 15 ปี ตามด้วย 30.00% ลดภาษีเงินได้สำหรับคนมีลูก, 29.47% เพิ่มวันลาให้แม่และพ่อในการเลี้ยงดูลูก, 21.91% มีเงินรางวัลจูงใจที่สูงสำหรับเด็กแรกเกิด, 19.92% อุดหนุนทางการเงินแม่-พ่อเลี้ยงเดี่ยว และ 17.18% พัฒนาและอุดหนุนการเงินให้ศูนย์เลี้ยงเด็กเล็ก, 9.85% มีบริการศูนย์ผู้มีบุตรยากฟรี, 7.48% เพิ่มภาษีเงินได้สำหรับคนไม่มีลูก, 5.50% เปิดช่องทางในการอุ้มบุญมากขึ้น, 4.89% มีหน่วยงานจัดหาคู่ให้กับคนไทย, 2.75% รัฐไม่จำเป็นต้องมีมาตรการใดๆ และ 0.76% ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

สถานะการแต่งงานและการมีลูกของกลุ่มตัวอย่าง 29.39% เป็นโสดและไม่มีแฟน รองลงมา 26.57% แต่งงานจดทะเบียนสมรสและมีลูกแล้ว ตามด้วย 20.92% เป็นโสดแต่มีแฟนแล้ว, 10.99% แต่งงานแต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสและมีลูกแล้ว, 4.58% แต่งงานจดทะเบียนสมรสแล้วแต่ไม่มีลูก, 2.52% เป็นแม่-พ่อเลี้ยงเดี่ยว (หม้ายที่มีลูกแล้ว โสดและมีลูกแล้ว) , 1.98% แต่งงานแต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสแต่ไม่มีลูก และมีคู่ครองอยู่ด้วยกันแต่ไม่ได้แต่งงาน และมีลูกแล้ว ในสัดส่วนที่เท่ากัน และ 1.07% มีคู่ครองอยู่ด้วยกันแต่ไม่ได้แต่งงานและไม่มีลูก

ทั้งนี้ ศูนย์สำรวจความคิดเห็น ‘นิด้าโพล’ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) สำรวจความคิดเห็นของประชาชนเรื่อง ‘มีลูกกันเถอะน่า’ ในช่วงวันที่ 26-28 ก.ย.ที่ผ่านมา จากการสุ่มกลุ่มตัวอย่างที่มีอายุระหว่าง 18-40 ปี กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ทั่วประเทศ จำนวน 1,310 ราย

รัฐบาลสหรัฐฯ รอดชัตดาวน์ รัฐสภาอนุมัติงบฯ ใช้จ่าย 45 วัน หลังร่างที่อนุมัตินี้ไร้เงินหนุนยูเครนทำสงครามกับรัสเซีย

เมื่อวานนี้ (1 ต.ค. 66) ตามเวลาไทย ซึ่งตรงกับวันที่ 30 กันยายนตามเวลาสหรัฐ มติชนรายงานว่า รัฐบาลสหรัฐสามารถหลีกเลี่ยงการชัตดาวน์ระบบของรัฐได้ในนาทีสุดท้าย หลังสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาเห็นพ้องกับข้อตกลงงบประมาณระยะสั้น ที่จะทำให้รัฐบาลมีเงินสำหรับใช้จ่ายไปจนถึงกลางเดือนพฤศจิกายนนี้ ซึ่งไม่มีการเพิ่มงบช่วยเหลือให้กับยูเครนแต่อย่างใด

ร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวดังกล่าวซึ่งจะใช้สำหรับเวลา 45 วัน ได้รับการอนุมัติในวุฒิสภาด้วยคะแนน 88 ต่อ 9 เสียง เสนอโดยนายเควิน แมคคาร์ธี (Kevin McCarthy) ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐจากพรรครีพับลิกัน หลังจากที่ความพยายามครั้งแรกถูกสมาชิกรีพับลิกันขวาจัดในสภาล่างคว่ำไปก่อนหน้านี้

ในบ่ายวันที่ 30 กันยายน ตามเวลาในสหรัฐ สภาผู้แทนราษฎรได้ผ่านร่างงบประมาณชั่วคราว ซึ่งจะทำให้รัฐบาลมีงบประมาณในการดำเนินงานต่อไปอีก 45 วัน แต่ไม่มีการกำหนดกรอบวงเงินค่าใช้จ่ายในประเด็นหลักใด ๆ 

ร่างงบประมาณดังกล่าวได้รับเสียงสนับสนุนจากสมาชิกพรรคเดโมแครตในสภาล่างมากกว่าสมาชิกพรรครีพับลิกัน ซึ่งลงมติคัดค้านมากถึง 90 เสียง และยังส่งผลกระทบต่อกลุ่มขวาจัดของพรรครีพับลิกันในสภาผู้แทนราษฎรที่ดึงดันจะให้มีการดำเนินการในการปรับลดค่าใช้จ่ายโดยไม่สนใจที่จะประนีประนอมใด ๆ

ทั้งนี้ เนื่องจากสมาชิกสภาคองเกรสส่วนใหญ่ต้องการหลีกเลี่ยงการชัตดาวน์ ร่างงบประมาณที่ผ่านการรับรองโดยวุฒิสภาจึงมีข้อเรียกร้องหลักในประเด็นเดียวกับที่ฝ่ายต่าง ๆ เห็นพ้อง นั่นคือการไม่ตั้งงบประมาณอุดหนุนการทำสงครามต่อต้านรัสเซียของยูเครนอยู่ในนั้น

เดิมทีนายแมคคาร์ธีลังเลอย่างมากที่จะอาศัยคะแนนเสียงจากพรรคเดโมแครตในการผ่านร่างกฎหมายของสภาผู้แทนราษฎรจนถึงนาทีสุดท้าย เพราะรู้ดีว่าจะทำให้สมาชิกพรรครีพับลิกันฝ่ายอนุรักษนิยมโกรธเคือง

อย่างไรก็ตาม ในร่างงบประมาณชั่วคราวนี้ พรรคเดโมแครตก็ไม่ได้รับทุกสิ่งที่ต้องการเช่นเดียวกัน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้มีการชัตดาวน์เกิดขึ้น สุดท้ายเดโมเครตก็ยอมละทิ้งความหวังที่จะจัดเงินเพื่อให้ความช่วยเหลือทางทหารเพิ่มเติมแก่ยูเครน

เจ้าหน้าที่ในรัฐบาลของประธานาธิบดีโจ ไบเดน (Joe Biden) เตือนว่า ในระยะสั้นความพยายามในการทำสงครามของยูเครนอาจหยุดชะงัก และแสดงความคาดหวังว่าแมคคาร์ธีซึ่งสนับสนุนการให้เงินอุดหนุนยูเครนในการต่อสู้กับรัสเซียจะนำร่างกฎหมายแยกต่างหากในเรื่องดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาในเร็ว ๆ นี้

เปิดใจ ‘ผบ.ตร.’ เคลียร์ใจ ‘บิ๊กโจ๊ก’ มีอะไรให้ใช้สติ บอก "ถ้าขาดพี่ จะหาคนจริงใจอีกไม่ได้แล้ว"

(2 ต.ค.66 พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ให้สัมภาษณ์รายการ ‘เจาะลึกทั่วไป อินไซต์ไทยแลนด์’ เกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้นภายในองค์กรสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.)

>> ปัญหาที่เกิดขึ้นใน ตร.เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา จะเยียวยาอย่างไร?

“กำลังจัดวางตำแหน่งรอง ผบ.ตร.และการแต่งตั้งโยกย้ายระดับนายพลให้เป็นระบบคุณธรรม อยากสร้าง ตร.ให้เป็นโฮม ซึ่งอยู่ที่น้องๆ ช่วยกัน ผมใช้คำว่า พี่ น้อง เรื่องนี้ต้องเริ่มจากผู้บังคับบัญชาที่ดี การแต่งตั้งหน้างาน ผมอยากให้รอดู ขณะนี้กำลังจัดวาง ถ้าไม่เอาผู้ช่วยฯ ขึ้นมาด้วย จะไม่พอพิจารณา ทุกระดับต้องมีบอร์ดหมด”

>> การแต่งตั้งครั้งนี้ ทั้งระดับ รอง ผบ.ตร.ถือเป็นการเยียวยาองค์กรใช่หรือไม่?

“ทุกคนเราคุยกันหมด เราทำงานเพื่อ ตร.ผมมีเวลาแค่ 1 ปี ตอนนี้ผ่านไป 2 วันแล้ว จะเอาเวลามาทะเลาะกัน มดงานก็คาดหวังจาก ผบ.ตร.หมด ก็จะเร่งทำ ขอให้เราได้ทำงานก่อน ขอเวลานิดนึง”

>> แสดงว่าการแต่งตั้งรอง ผบ.ตร.จะเป็นการเยียวยา แล้ว พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร.จะได้ดูงานเดิมหรือไม่?

“เดิมดูอาวุโส ตอนนี้ให้ทุกคนดูเลยว่าใครอยากได้งานอะไร ให้เลือกตามอาวุโส คือ รองฯ รอยได้เลือกก่อน ตามด้วยรองฯ โจ๊ก (พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล) จากนั้นเป็น ผช.ผบ.ตร.จะเป็นใครขึ้นมาปฏิบัติหน้าที่ จะมอบภาระงานให้เลย เพราะรอไม่ได้ ใครจะมาช่วยรอง ผบ.ตร.คนไหน โดย บก.1 บก.2 บก.3 บก.4 ก็ต้องเลือกคนที่ทำงานได้ด้วย จะต้องคุยกันหมด เพราะไม่ใครจะเก่งทุกเรื่อง กรณีรองฯ โจ๊ก ต้องให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย ไม่ใช่แถลงกันไปมา แล้วคนก็มโนทั้ง 2 ฝ่าย”

>> วันนั้น ใครส่งหน่วยปฏิบัติการพิเศษ คอมมานโด หรือพีซีที ไปบ้านบิ๊กโจ๊ก?

“พีซีทีดูแลเรื่องเว็บพนันออนไลน์ เป็นเรื่องของ ตร.ไม่เกี่ยวกับการขอกำลังเข้าค้นทั่วไป ถ้าผมรู้ผมต้องไปแล้ว วันนั้นผมเข้าเวรอยู่ ไม่ได้ไป ท่านรองฯ โจ๊กโทรมา ผมก็ยังงงๆ อยู่ ผมไม่รู้จริงๆ เราอยู่กับพี่น้อง เป็นเรื่องของพีซีที ขึ้นตรงกับ ตร.วันนั้นผมเป็นรอง ผบ.ตร.ไม่ใช่ ผบ.ตร.ผมก็เช็กให้ ไม่ใช่ไม่คุย หรือไม่รับสาย”

>> คืนที่มีภาพกอดเอวถ่ายรูปกับรองฯ โจ๊ก ผบ.ตร.เรียกพบ หรือรองฯ โจ๊กขอเข้าพบ?

“ผมเรียกรองฯ โจ๊กมาพบ ว่ามีเรื่องอะไร ผมรับทราบนโยบายของนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน มาด้วย ว่าอยากให้แก้ปัญหาภาพรวมขององค์กร ตร.ถ้า ตร.ทะเลาะกัน เด็กๆ จะมองเราอย่างไร เราอาจจะไม่ได้ทะเลาะกัน แต่อาจมีคนไม่หวังดี ผมก็บอกน้องว่าเราอย่าทะเลาะกัน มีคนไม่หวังดี เรื่องนี้อาจมีคนนอกมองว่าองค์กร ตร.ทะเลาะกันหรือเปล่า อาจเป็นเพราะมีคดีเกิดขึ้นในช่วงนั้นหลายคดี นายกฯ บอกถ้าไม่ได้ทะเลาะกันก็ไปแก้ปัญหา เป็น ผบ.ตร.แล้ว ไปแก้ปัญหา”

>> คืนวันนั้นคุยอะไรกัน?

“คืนนั้นคุยกันว่า ในชีวิตผมเคยบอกโจ๊กเสมอว่า ถ้าขาดพี่ไปแล้ว จะหาคนจริงใจแบบผมไม่ได้ ผมเป็นคนไม่มีเล่ห์เหลี่ยม ไม่ทำใครข้างหลัง ถ้าเอากันก็เอากันซึ่งหน้า ผมก็บอกว่าถ้ามีอะไร ให้ใช้สติ อย่าแก้ปัญหาด้วยอารมณ์ แต่ทุกวันนี้แก้ปัญหากันด้วยอารมณ์ ผมโดนมาเยอะ แต่ผมนิ่ง ใช้อุเบกขา คิดว่าให้เวลาเป็นตัวเล่าดีกว่า”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top