Wednesday, 7 May 2025
TheStatesTimes

'รมว.พิพัฒน์' กระชับความร่วมมือ ILO ลั่น!! คุ้มครองทุกต่างด้าว ส่วน 'ปัญหาค้ามนุษย์-แรงงานประมงผิด กม.' ไม่นิ่งเฉย

(25 ก.ย.66) นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ให้การต้อนรับ นางชิโฮะโกะ อาซาดะ มิยากาวะ (Ms.Chihoko Asada - Miyakawa) ผู้ช่วยผู้อำนวยการใหญ่ และผู้อำนวยการสำนักงานแรงงานระหว่างประเทศประจำภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก องค์การแรงงานระหว่างประเทศ และคณะ ในโอกาสเข้าเยี่ยมคารวะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานภายหลังเข้ารับตำแหน่ง และหารือเกี่ยวกับการจัดทำแผนงานระดับชาติว่าด้วยงานที่มีคุณค่าของประเทศไทยฉบับใหม่ (Decent Work Country Program : DWCP) ระยะที่ 2 พ.ศ. 2566 - 2570 โดยมี นายสิรภพ ดวงสอดศรี ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน, นายภุชงค์ วรศรี ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ประจำกระทรวงแรงงาน, นายอารี ไกรนรา เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน, นายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน พร้อมด้วย ผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน เข้าร่วม ณ ห้องจัตุมงคล ชั้น 6 อาคารกระทรวงแรงงาน

นายพิพัฒน์ กล่าวว่า กระทรวงแรงงานขอขอบคุณ ILO (International Labour Organization: องค์การแรงงานระหว่างประเทศ) ที่มาเยี่ยมและแสดงความยินดีที่ประเทศไทยได้รัฐบาลใหม่ ภายใต้การนำของท่านเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และขอบคุณการสนับสนุนจาก ILO เป็นอย่างดีผ่านโครงการความร่วมมือภายใต้แผนงานระดับชาติว่าด้วยงานที่มีคุณค่าของประเทศไทย ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของท่านนายกรัฐมนตรี ที่ได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาเศรษฐกิจที่ยั่งยืน ที่นำนโยบายเศรษฐกิจ BCG มาเป็นแนวทางเพื่อมุ่งสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน เพื่อสร้างสมดุลระหว่างเป้าหมายเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม 

โดยประเทศไทยพร้อมประกาศความมุ่งมั่นระดับประเทศเพื่อขับเคลื่อน SDGs รวมถึงยกระดับคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชน ในส่วนของแรงงานต่างด้าว ท่านนายกรัฐมนตรี ได้กำชับให้กระทรวงแรงงานดูแลแรงงานต่างด้าวให้ดีที่สุด 

"วันนี้เรามีแรงงานต่างด้าวที่เข้ามาทำงานในประเทศไทย ซึ่งมีทั้งแรงงานที่เข้ามาทำงานอย่างถูกต้องและลักลอบเข้ามาทำงานอย่างผิดกฎหมาย ก็จะต้องทำให้ถูกต้องมากที่สุด ส่วนการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ด้านแรงงานและการแก้ไขปัญหาแรงงานประมงผิดกฎหมายในประเทศนั้น เราได้บูรณาการความร่วมมือกับหลายกระทรวงอย่างต่อเนื่อง อาทิ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์, มหาดไทย, เกษตรและสหกรณ์, การต่างประเทศ เป็นต้น ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานพร้อมสนับสนุนความร่วมมือในการผลักดันกฎหมายแรงงาน เพื่อมุ่งคุ้มครองดูแลแรงงานทุกสัญชาติที่เข้ามาทำงานในประเทศไทยให้สอดคล้องกับมาตรฐานของ ILO ต่อไป" รมว.แรงงาน กล่าว

ด้าน นางชิโฮะโกะ อาซาดะ มิยากาวะ (Ms.Chihoko Asada - Miyakawa) ผู้ช่วยผู้อำนวยการใหญ่ และผู้อำนวยการสำนักงานแรงงานระหว่างประเทศประจำภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก องค์การแรงงานระหว่างประเทศ กล่าวว่า ขอขอบคุณและแสดงความยินดีกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานที่ได้รับตำแหน่ง พร้อมยินดีที่จะสนับสนุนความร่วมมือกับรัฐบาลและกระทรวงแรงงานในประเด็นการคุ้มครองแรงงานข้ามชาติและแรงงานกลุ่มต่างๆ ที่รัฐบาลให้ความสำคัญ รวมถึงความร่วมมือในการผลักดันโครงการความร่วมมือภายใต้แผนงานระดับชาติว่าด้วยงานที่มีคุณค่าระหว่างสองหน่วยงานอย่างใกล้ชิดต่อไปอีกด้วย

OR ผนึก ‘สปสช.-คลินิก’ ดูแลคนท้องในปั๊มปตท. เพิ่มโอกาสเข้าถึงบริการสาธารณสุขผู้ป่วยบัตรทอง

OR ต่อเกมธุรกิจ Health & Wellness จับมือสปสช. - คลินิก เปิดโครงการ ‘โอบอ้อมคลินิก’ คลินิกการพยาบาลและการผดุงครรภ์ ในพีทีที สเตชั่น ตอบโจทย์แนวคิดให้บริการด้านสาธารณสุขรูปแบบใหม่ นำบริการพบแพทย์ทางไกล (Telemedicine)มาใช้ยกระดับการให้บริการด้านสุขภาพ และเพิ่มโอกาสการเข้าถึงบริการด้านสุขภาพขั้นพื้นฐานในประเทศ นำร่องแห่งแรกในพื้นที่สถานีบริการ พีทีที สเตชั่น สาขาหนองแขม

นายดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) (OR) เปิดเผยว่า “OR ต้องการเป็นส่วนหนึ่งในโครงสร้างพื้นฐานด้านสาธารณสุขของประเทศ โดยใช้จุดแข็งของเครือข่าย พีทีที สเตชั่น ที่มีสาขาครอบคลุมทั่วประเทศในการยกระดับการให้บริการด้านสุขภาพ สอดคล้องกับกลยุทธ์ของ OR ในการขยายขอบเขตกลุ่มธุรกิจไลฟ์สไตล์ไปยังธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ Health & Wellness

OR - สปสช. - คลินิก (Clicknic) จึงได้ร่วมกันเปิดให้บริการ ‘โอบอ้อมคลินิก’ คลินิกการพยาบาลและการผดุงครรภ์ สาขาแรก ณ สถานีบริการ พีทีที สเตชั่น สาขาหนองแขม กรุงเทพมหานคร ที่มุ่งเน้นการให้บริการผู้ป่วยกลุ่มบัตรทองซึ่งเป็นกลุ่มใหญ่ในประเทศ ให้สามารถรับบริการสาธารณสุขปฐมภูมิเพื่อรักษาการเจ็บป่วยเบื้องต้น อาการเจ็บป่วยไม่รุนแรงโดยให้บริการในรูปแบบ Omni-channel ผสมผสานรูปแบบ Offline และ Online อย่างครบวงจร โดยได้รับความร่วมมือจาก สปสช. ในการดูแลสิทธิในการเบิกจ่ายและเชื่อมต่อข้อมูลการเบิกจ่ายค่ารักษาของผู้ป่วยสิทธิบัตรทอง และ Clicknic ซึ่งเป็นผู้นำด้านธุรกิจการให้บริการด้านการแพทย์ทางไกล (Telemedicine) พร้อมทีมแพทย์คุณภาพที่พร้อมให้คำปรึกษาและให้บริการผู้ป่วยได้เป็นอย่างดี”

‘โอบอ้อมคลินิก’ เปิดให้บริการวันจันทร์ถึงวันเสาร์ เวลา 8:00 - 17:00 น. โดยให้บริการทั้งผู้ป่วยทั่วไปและผู้ป่วยบัตรทองโดยพยาบาลวิชาชีพเพื่อการเข้าถึงบริการสุขภาพของประชาชน ให้สามารถรับบริการ การพยาบาลพื้นฐาน และบริการสร้างเสริมสุขภาพ (PP) เช่น บริการทำแผล บริการฝากครรภ์ การตรวจครรภ์ รับยาคุมกำเนิด รับถุงยางอนามัย รวมถึงคัดกรองและประเมินความเสี่ยงสุขภาพกายหรือสุขภาพจิต และการตรวจรักษาโรคเบื้องต้น 

โดยหากเกินศักยภาพของพยาบาลวิชาชีพยังสามารถเชื่อมต่อให้บริการพบแพทย์ทางไกลผ่านแอปพลิเคชั่น Clicknic สำหรับรักษาโรค 42 โรคหรืออาการพื้นฐาน เช่น ไข้ไม่ทราบสาเหตุ กล้ามเนื้ออักเสบ ตาแดงจากไวรัส วิงเวียน ท้องร่วง ลมพิษ และคออักเสบ เป็นต้น รวมถึงให้บริการกิจกรรมสร้างเสริมสุขภาพ

ทั้งนี้ ‘โอบอ้อมคลินิก’ เน้นการให้บริการสาธารณสุขสำหรับบุคคลทั่วไปให้สามารถรับบริการสาธารณสุขปฐมภูมิเพื่อรักษาการเจ็บป่วยเบื้องต้น อาการเจ็บป่วยไม่รุนแรง การให้บริการการพยาบาล และบริการการสร้างเสริมป้องกันสุขภาพ (PP) โดยหากเกินขอบเขตการให้การรักษาของคลินิกพยาบาลและการผดุงครรภ์จะเชื่อมต่อการให้บริการ Telemedicine ในสถานพยาบาล ร่วมกับการประยุกต์เทคโนโลยีการพบแพทย์ทางไกล (Telemedicine & Health Care Platform) โดยมี Clicknic เป็นผู้ให้บริการด้านเวชกรรมผ่านระบบ Telemedicine การดำเนินการในสถานพยาบาลและการส่งยา 

เพื่อช่วยยกระดับการให้บริการด้านสุขภาพ เพิ่มการเข้าถึงระบบสาธารณสุขให้แก่ชุมชนบุคคลทั่วไป ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางในการดำเนินธุรกิจของ OR ที่มุ่งสร้างคุณค่าและให้ความสำคัญกับการดูแลผู้คน ชุมชน และสังคม อีกทั้งยังสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของ OR คือ ‘Empowering All toward Inclusive Growth’ หรือ ‘เติมเต็มโอกาส เพื่อทุกการเติบโต ร่วมกัน’ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และเติบโตอย่างเข้มแข็งยั่งยืน

‘สภาแคนาดา’ ปรบมืออวยทหารผ่านศึกยูเครนวัย 98 แต่หน้าแตก!! เพราะเขาดันเป็นทหารนาซีมาก่อน

ความผิดพลาด จากการรู้เท่าไม่ถึงการณ์ สามารถเกิดขึ้นที่ไหนก็ได้ในโลก แต่ถ้าเกิดขึ้นกลางสภาผู้ทรงเกียรติ ต่อหน้าผู้นำประเทศ แขกบ้าน แขกเมือง และสื่อมวลชนที่กำลังนำเสนอข่าวไปทั่วโลก นั่นอาจไม่ใช่แค่ความผิดพลาด แต่เป็นความหายนะ ที่ไม่มีโอกาสแก้ตัวได้เลย

ดังเช่นเหตุการณ์กลางรัฐสภาแคนาดา เมื่อวันศุกร์ (22 กันยายน 66) ที่ผ่านมา เมื่อคณะรัฐบาลของนาย จัสติน ทรูโดว์ นายกรัฐมนตรีแคนาดาได้เชิญ โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครนมากล่าวปราศรัยในสภาสามัญ เพื่อขอเสียงสนับสนุนและทุนช่วยเหลือให้แก่กองทัพยูเครนในการต่อสู้กับรัสเซีย 

หลังจากที่เซเลนสกีกล่าวจบ นายแอนโธนี โรตา ประธานสภาก็ได้กล่าวแนะนำให้รู้จักกับ ยาโรสลาฟ ฮันกา อดีตทหารผ่านศึกชาวยูเครน ที่วันนี้มีอายุถึง 98 ปีแล้ว และเคยสังกัด The First Ukrainian Division แห่งกองทัพยูเครนในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 มาก่อน 

โดยประธานสภาแคนาดาได้สรรเสริญ ยาโรสลาฟ ฮันกา ว่าเขาเป็นดังฮีโร่ของชาวยูเครน และ ฮีโร่ของชาวแคนาดาเช่นกัน และขอให้ชาวสภาขอบคุณในการอุทิศตนอย่างกล้าหาญเพื่อชาติของเขาด้วย 

หลังกล่าวจบ บรรดาสมาชิกสภาทั้งหมด ลุกขึ้นยืน ปรบมือเป็นเกียรติให้แก่ ทหารเฒ่า ยาโรสลาฟ ฮันกา อยู่นาน กว่าจะมีการตรวจเช็คข้อมูล และพบความจริงอีกด้านว่า กองทหารที่นายฮันกาสังกัดนั้น เป็นหน่วยรบของฝ่ายอักษะ นาซีเยอรมันต่างหาก ไม่ใช่ทหารของฝ่ายสัมพันธมิตร 

จากข้อมูลในประวัติศาสตร์ แม้ชาวยูเครนนับล้านคนจะถูกเกณฑ์เข้าร่วมรบกับกองทัพแดงของสหภาพโซเวียตในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ก็จริง แต่กลับมีเขตพื้นที่เมืองหนึ่งที่ชื่อว่า ‘กาลิเซีย’ ปัจจุบันคือดินแดนคาบเกี่ยวระหว่างประเทศโปแลนด์ และ ยูเครน ซึ่งชาวยูเครนในเมืองนี้นับหมื่นคนตั้งกองกำลังทหารอาสา เข้าร่วมรบให้กับฝ่ายนาซีเยอรมัน และรู้จักภายใต้ชื่อหน่วย 14th Waffen-SS Grenadier Division  หรือเรียกสั้นๆว่า กองทหารกาลิเซีย 

ซึ่งกองทหารกาลิเซียนี้ รบภายใต้แผนยุทธศาสตร์ของกองทัพนาซี ที่นอกจากจะต่อสู้กับกองทัพของสหภาพโซเวียตแล้ว ยังสังหารหมู่ประชาชนชาวโปแลนด์ และ ชาวยิวมากมายในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 

จนกระทั่งสิ้นสุดสงครามหลังความพ่ายแพ้ของฝ่ายนาซี กองทหารกาลิเซียจึงยอมจำนนต่อกองกำลังฝ่ายสัมพันธมิตรในปี 1945 และต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น The First Ukrainian Division ในภายหลัง ซึ่ง ยาโรสลาฟ ฮันกา คืออดีตทหารยูเครนที่สังกัดในหน่วยนี้นั่นเอง 

เมื่อความจริงปรากฏเช่นนี้ จึงเกิดคำถามขึ้นว่า ทำไมประธานสภาแคนาดา ถึงได้แนะนำ ยาโรสลาฟ ฮันกา ต่อหน้ารัฐสภาให้ได้รับเกียรติในฐานะ ‘วีรบุรุษสงคราม’

แม้สื่อแคนาดาจะวิเคราะห์และมองในแง่ดีว่า นาย แอนโธนี โรตา อาจมองในแง่ที่ว่า ยาโรสลาฟ ฮันกา คือ ตัวแทนของทหารยูเครนที่เคยต่อสู้กับกองทัพของสหภาพโซเวียต หรือก็คือ รัสเซียในปัจจุบันมาก่อน และต้องการยกให้เขาเป็นฮีโร่สงครามที่เป็นตำนานในประวัติศาสตร์

แต่ทว่า ปิแอร์ พอยลิเยฟร์ ผู้นำฝ่ายค้าน และ ชุมชนชาวยิวในแคนาดา กลับไม่คิดอย่างนั้น เพราะถึงแม้กองทหารกาลิเซีย จะเคยต่อต้านกองทัพโซเวียตก็จริง แต่ไม่อาจปฏิเสธความจริงที่ว่า The First Ukrainian Division คือหน่วยหนึ่งในสังกัดของกองทัพนาซีเยอรมัน ที่มีส่วนร่วมในการฆ่าล้างเผ่าพันธ์ชาวยิว และ ชาวโปแลนด์ อย่างโหดเหี้ยมในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่เปรียบเสมือนจุดด่างพร้อยที่ไม่สามารถลบออกได้ในหน้าประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ

นั่นจึงทำให้วันนี้ เกิดกระแสด้านลบตีกลับมายังรัฐบาลแคนาดา จน แอนโธนี โรตา ประธานสภา ต้องออกมากล่าวขอโทษอย่างสุดซึ้งต่อชาวยิวในความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของเขา และขอรับผิดชอบความผิดพลาดครั้งนี้แต่เพียงผู้เดียว 

แต่เรื่องคงไม่จบลงง่ายๆ เพราะทีมฝ่ายค้านแคนาดา ได้ตั้งประเด็น โจมตี จัสติน ทรูโดว์ ผู้นำรัฐบาลชุดนี้ เพราะไม่อาจปัดความรับผิดชอบให้ลูกน้องรับแทน โดยอ้างว่า ไม่รู้ ไม่เห็น เรื่องการเชิญอดีตทหารยูเครนเข้าสภาได้ และกดดันให้ผู้นำแคนาดาต้องออกมากล่าวขอโทษประชาชนในการตัดสินใจที่ผิดพลาดของตน จนทำให้ประเทศชาติต้องอับอายชาวโลกในวันนี้ 

จากจุดเริ่มต้นจากความหวังดีของรัฐบาลแคนาดา ที่ต้องการให้พื้นที่สื่อแก่ โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน แต่ทว่า ปรากฏการณ์ฮีโร่ผิดคิวกลางสภาแคนาดา ทำให้วันนี้ ชาวสภาเมืองเมเปิลต้องมานั่งระทมในสถานการณ์ที่ว่า เนื้อก็ไม่ได้กิน หนังก็ไม่ได้รอง แต่ดันเอากระดูกคนอื่นมาแขวนคอตัวเองซะนี่ 

จอดรถอย่างไรให้ถูกใจทุกคน ไม่ละเมิดสิทธิ ไม่ผิดกฎหมาย

ปี 2566 ในประเทศไทยมีรถยนต์ที่จดทะเบียนมากถึง 41 ล้านคัน ต่อจำนวนประชากร 66 ล้านคน โดยเฉลี่ยแล้ว ในประชากร 100 คน มีรถยนต์มากถึง 61 คน ปัญหาที่ตามมานอกจากปัญหามลภาวะ ปัญหาการใช้พลังงาน และที่เป็นปัญหาไม่แพ้กันคือปัญหาที่จอดรถ 

ในบางประเทศเช่น ประเทศญี่ปุ่น มีข้อกฎหมาย กำหนดว่าหากใครต้องการซื้อรถยนต์ต้องมีเอกสารรับรองจากหน่วยงานรัฐว่ามีที่จอดรถ ถึงจะสามารถซื้อรถยนต์ได้ เพื่อเป็นการควบคุมจำนวนและป้องกันปัญหาที่จอดรถยนต์ไม่เพียงพอ 

ในประเทศสิงคโปร์มีกฎหมายจัดเก็บค่าธรรมเนียมการใช้ถนนบางเส้นที่มีการจราจรหนาแน่น และมีการเรียกเก็บภาษีรถยนต์ในอัตราสูง เพื่อเป็นการควบคุมจำนวนรถยนต์

ในประเทศไทยมีแนวคิดการกำหนดอัตราการจัดเก็บภาษีรถยนต์ประจำปี กรณีรถยนต์ที่มีอายุเกินสิบปีเพิ่มขึ้น เพื่อเป็นการควบคุมจำนวนรถยนต์และเหตุผลเรื่องมลภาวะ ซึ่งยังไม่มีการประกาศใช้แต่อย่างใด

อย่างไรก็ตามเมื่อมีรถยนต์แล้ว ลองมาดูกฎหมายที่เกี่ยวข้องว่า เราจะจอดรถอย่างไรให้ถูกใจทุกคน และไม่เกิดปัญหาทางกฎหมาย ซึ่งมีกฎหมายที่เกี่ยวข้อง สองอย่างคือ พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 และ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 397 

พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 เป็นกฎหมายที่มุ่งเน้นเพื่อสร้างความปลอดภัย เนื่องมาจากการใช้รถ จึงกำหนดไว้ว่าห้ามจอดรถในที่ต่างๆ ดังนี้ เช่น ในช่องเดินรถ เว้นแต่หยุดชิดขอบทางด้านซ้ายของทางเดินรถในกรณีที่ไม่มีช่องเดินรถประจำทาง, บนทางเท้า, บนสะพานหรือในอุโมงค์, ในเขตที่มีเครื่องหมายจราจรห้ามหยุดรถ, ตรงปากทางเข้าออกของอาคารหรือทางเดินรถ, ในเขตปลอดภัย หรือในลักษณะกีดขวางทางจราจร หากฝ่าฝืนต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 500 บาท

ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 397 การกระทำการต่อผู้อื่น...ให้เดือดร้อนรำคาญ ต้องระวางโทษ จำคุกไม่เกินหนึ่งเดือนหรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือที่เรียกว่าความผิดลหุโทษ 

กรณีการจอดรถในหมู่บ้านจัดสรร ในซอยแคบ หรือในสถานที่ต่างๆ ในลักษณะที่ขวางทางเข้า-ออก ของเพื่อนบ้าน หรือกีดขวางการสัญจรโดยปกติของประชาชนทั่วไป โดยไม่คำนึงถึงความเดือดร้อนของผู้อื่น จึงอาจถูกดำเนินคดีตามกฎหมายได้ 

อย่างไรก็ตามเนื่องจากกรณีปัญหาจากการจอดรถนี้ หากเกิดขึ้นในหมู่บ้านจัดสรร ที่มีคณะกรรมการนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร ซึ่งมีฐานะเป็นนิติบุคคลตามกฎหมาย สามารถออกกฎหรือระเบียบ การจอดรถเพื่อประโยชน์ร่วมกันของสมาชิกในหมู่บ้านได้  หากมีการฝ่าฝืนกฎหรือระเบียบของหมู่บ้านก็สามารถมีมาตรการดำเนินการได้ตามที่ระเบียบของแต่ละหมู่บ้านกำหนด

แต่หากปัญหาการจอดรถเกิดขึ้นนอกเหนือพื้นที่หมู่บ้านจัดสรร ท่านสามารถแจ้งต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่รับผิดชอบเพื่อบังคับใช้กฎหมายได้ 

แต่ทุกปัญหา สามารถแก้ไขได้ด้วยการหันหน้ามาพูดคุยกัน โดยเอาประโยชน์ของส่วนรวมเป็นที่ตั้งครับ

‘จากสมาคมชาวปักษ์ใต้’ รวมพล 26 ก.ย.สโมสรตำรวจ ร่วมให้กำลัง ‘บิ๊กโจ๊ก’ เชื่อ!! ถูกรังแกจากอิทธิพลมืด

(25 ก.ย.66) สมาคมชาวปักษ์ใต้ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้เขียนจดหมายเปิดผนึก ขอเชิญร่วมให้กำลังใจแก่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล นายกสมาคมชาวปักษ์ใต้ฯ ความว่า…

เรียน ที่ปรึกษา/กรรมการ/อนุกรรมการ/สมาชิกสมาคมชาวปักษ์ใต้ฯ/นายกสมาคมประธานชมรมชาวใต้ทั้ง14จว.ภาคใต้ทุกพื้นที่/เครือข่ายสมาคมชาวปักษ์ใต้ฯ/สมาชิกสมาคมชมรมชาวใต้ทุกพื้นที่/ท่านผู้มีเกียรติทุกท่าน

สมาคมชาวปักษ์ใต้ฯ ขอเชิญทุกท่านร่วมให้กำลังใจ แก่พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล นายกสมาคม ชาวปักษ์ใต้ฯ ปกป้องคนดีที่ถูกรังแกจากอิทธิพลมืด

นัดหมายตามรายละเอียดดังนี้...
พบกันในวันอังคารที่ 26 กันยายน 2566
เวลา 09.00 น. ณ สโมสรตำรวจ ถนนวิภาวดีรังสิต กรุงเทพมหานคร
การแต่งกาย สวมเสื้อสีเหลือง กรรมการสวมสูททับ และติดโลโก้สมาคมชาวปักษ์ใต้ฯ บุคคลทั่วไปสวมเสื้อเหลืองใช้สูททับหรือแต่งกายด้วยชุดสุภาพ (สวมเสื้อเหลือง) สมาคมชมรมชาวใต้ใส่เสื้อเหลือง(สูททับ)หรือสวมเสื้อเหลืองแต่งกายสุภาพ

"เราทำความดีด้วยหัวใจ"
เกิดมาต้องตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน

ขอแสดงความนับถือ
ดร.อนันต์ ชูรักษ์
ผอ.สำนักอำนวยการ เลขาธิการ
สมาคมชาวปักษ์ใต้ฯ
0813508549

รศ.(พ)ดร.เชวงศักดิ์ ลักษณะวิลาศ
อุปนายกฝ่ายประชาสัมพันธ์
ผู้แจ้งข่าว/ประสานงาน 0628539645

หมายเหตุ...
ขอความกรุณาช่วยส่งต่อข่าวนี้ไปยังสายงานของท่านด้วย

‘พล.ต.ท.ไตรรงค์’ ขยายผลหลังกวาดล้างเครือข่ายแก๊งพนันออนไลน์ พบตร.8 นาย ตั้งแต่ยศ ‘พล.ต.ต.-พ.ต.อ.’ เข้าไปเอี่ยว-รับผลประโยชน์

(25 ก.ย.66) ที่ บก.น.5 พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการสำนักงานกฎหมายและคดี เปิดเผย กรณีที่ได้มีการระดมกำลังกวาดล้างเครือข่ายแก๊งพนันออนไลน์ ที่ได้เข้าค้นรวม 30 จุดใน 6 จังหวัดทั่วประเทศ ว่าการเข้าตรวจค้นครั้งนี้เป็นไปตามกระบวนการ

หลังการขยายผลเว็บพนันออนไลน์เบ็ตฟลิกซ์รอยัลดอทคอม และเว็บพนันอื่นๆ รวม 12 เว็บไซต์ของตำรวจ PCT สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่จับกุมผู้ต้องหา 3 ราย เมื่อกรกฎาคมที่ผ่านมา ก่อนขยายผลผู้ที่เกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์ จนออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องเพิ่มเติมอีก 23 คน ในจำนวนนี้เป็นตำรวจ 8 นาย จากการพฤติการณ์พบว่าขบวนการนี้แบ่งหน้าที่กันทำชัดเจน ออกเป็น 4 กลุ่มความผิด 

1.บริหารจัดการเว็บพนันออนไลน์ 
2.จัดหาบัญชีม้า
3.จัดการธุรกรรมการเงินและบัญชี และ 4.ผู้ได้รับผลประโยชน์จากบัญชีม้าดังกล่าว

โดยตำรวจได้มีการสืบสวนจากหลักฐานที่บ่งชี้ชัดเจนว่า 8 นายตำรวจบางนายมีพฤติการณ์ลักษณะเป็นผู้บริหารเว็บไซต์พนันออนไลน์หรือเสมือนเป็นเจ้าของ ส่วนบางนายก็มีผลประโยชน์เชื่อมโยงในแต่ละกลุ่ม บางคนก็มีหลายพฤติการณ์ โดยพบว่าได้กระทำผิดมานานกว่า 2 เดือนแล้ว แต่จะมีจำนวนเงินหมุนเวียนเชื่อมโยงกับตำรวจเท่าใดนั้นยังไม่สามารถเปิดเผยได้ แต่ยืนยันว่ามีตำรวจยศพลตำรวจตรีถึงพันตำรวจเอกเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง

ส่วนการเข้าตรวจค้นเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เป็นการตรวจค้นเพื่อจับกุมบุคคลตามหมายจับ หลังสืบสวนพบว่าบุคคลดังกล่าวพักอาศัยที่บ้านหลังนี้ โดยไม่ทราบว่าที่ตำรวจชั้นผู้ใหญ่อยู่ที่บ้านหลังดังกล่าวด้วย เพราะชื่อตามทะเบียนบ้านเป็นของบุคคลอื่นซึ่งเป็นพลเรือน ยืนยันไม่ได้เป็นการกลั่นแกล้งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาตินายดังกล่าว ซึ่งขณะนี้สามารถจับกุมได้ 15 คน และในจำนวนนี้เป็นตำรวจอย่างน้อย 1 คน และจะทยอยนำตัวผู้ที่เกี่ยวข้องมาสอบปากคำที่ บก.น.5

ส่วนจะเชื่อมโยงกับรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนดังกล่าวหรือไม่นั้น ณ ขณะนี้ยังไม่พบ แต่ก็ต้องมีการขยายผลตรวจสอบอย่างละเอียด เพราะนอกเหนือจากหลักฐานที่นำมาใช้ขอศาลออกหมายจับผู้ต้องหาไปก่อนหน้านี้ ตำรวจยังมีพยานหลักฐานให้เชื่อได้ว่าบ้านหลังดังกล่าวเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดด้วย

'ศิริกัญญา' เฉลย!! เงินดิจิทัลกู้จากแบงก์ออมสิน ไม่นับเป็นหนี้สาธารณะ แต่เบียดบังงบพัฒนาชาติ

(25 ก.ย.66) นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความผ่านสื่อโซเชียล โดยระบุว่า “ปริศนาทุกอย่างกระจ่างแล้ว ที่มาของงบ Digital Wallet จะมาจากการกู้แบงก์รัฐ (ออมสิน) โดยการขยายกรอบวินัยการเงินการคลังขึ้นไปเป็น 45% ของงบปี 67 จากเดิม 32% ไม่ได้มาจากงบประมาณตามที่ได้หาเสียง

ข้อดี : หนี้แบงก์รัฐจะไม่ถูกนับเป็นหนี้สาธารณะตามกฎหมาย

ข้อเสีย :1) แต่เป็นหนี้ยังไงก็ต้องจ่ายคืน ทุกวันนี้ต้องจ่ายคืนปีละเกือบแสนล้านบาทให้กับ ธ.ก.ส. และรัฐวิสาหกิจอื่นๆ อยู่แล้ว ถ้าจ่ายคืนออมสินปีละ 5 หมื่น ก็เป็นภาระไปอีก 10 ปี รวมแล้วงบประมาณต้องใช้คืนหนี้ทั้งหมดก็จะพุ่งไปราว 5 แสนล้าน เบียดบังงบประมาณที่ต้องใช้พัฒนาประเทศอื่นๆ

2) ใช้งบประมาณสูงมากโดยไม่ต้องผ่านสภา ใช้แค่มติ ครม. ก็สามารถกู้เงินได้ทันที ไม่ต้องมีการตรวจสอบใดๆ การกู้ผ่าน ม.28 ไม่มีการเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะทั้งจำนวน หน่วยงานเจ้าหนี้ และภาระการคืนเงินต้นและดอกเบี้ย

3) กระทบกรอบวินัยการเงินการคลัง ที่ต้องการจำกัดการใช้เงินนอกงบ และนโยบายกึ่งการคลังให้น้อยลง

4) สภาพคล่องของออมสินอาจมีปัญหา ทั้งจากการระดมทุนเวลานี้ และหากรัฐไม่ใช้คืนตามสัญญา (ธ.ก.ส.เจอมาตลอด) จะบริหารเงินสดได้ยากลำบาก

อยากถามนายกฯ ในฐานะประธานคณะกรรมการการเงินการคลังของรัฐว่าท่านรู้ตัวไหมว่ากำลังทำอะไร”

สอ.รฝ.จัดพิธีส่งกำลังพลชุดผลัดเปลี่ยนหน่วยเฉพาะกิจ หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง

พลเรือตรี ศุภสิทธิ์ บูรณะโอสถ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง เป็นประธานในพิธีส่งกำลังพลชุดผลัดเปลี่ยนหน่วยเฉพาะกิจ หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง โดยมีผู้บังคับบัญชาหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่งร่วมพิธีฯ 

หน่วยเฉพาะกิจฯ ที่จะผลัดเปลี่ยนกำลังพล จำนวน 10 หน่วย มีกำลังพล จำนวน 254 นาย เพื่อไปผลัดเปลี่ยนกำลัง ตามวงรอบการปฏิบัติราชการ ของหน่วยเฉพาะกิจที่หน่วยบัญชาการ ต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ณ กองบัญชาการหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี

ทั้งนี้ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ได้ให้โอวาทและแนวทางในการไปปฏิบัติราชการ โดยขอให้กำลังพลร่วมแรง ร่วมใจกันปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเข้มแข็ง อดทน และมีระเบียบวินัย การไปปฏิบัติราชการในพื้นที่ต่างๆ ยังมีความเสี่ยงในการปฏิบัติงาน ขอให้กำลังพลทุกนายปฏิบัติหน้าที่ด้วยความระมัดระวังอย่าอยู่ในความประมาท ขอให้มีสติอยู่ตลอดเวลา พร้อมทั้งต้องปฏิบัติหน้าที่ ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต หลีกเลี่ยง การกระทำในสิ่งใดๆ ที่ไม่ถูกต้องตามระเบียบกฎเกณฑ์ หรือผิดกฎหมายบ้านเมือง และให้เชื่อฟังผู้บังคับบัญชาโดยเคร่งครัด และที่สำคัญพึงระลึกอยู่เสมอว่า ท่านคือทหารหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง หากประสบปัญหาระหว่างการปฏิบัติงาน ให้รายงานผู้บังคับบัญชาทราบโดยทันที เพื่อสนับสนุนและแก้ไขปัญหาให้ต่อไป 

พร้อมทั้ง ขอให้กำลังพลและครอบครัว จงประสพแต่ความสุข ความเจริญ  มีสุขภาพ พลานามัยที่สมบูรณ์ กำลังใจเข้มแข็ง ที่จะไปปฏิบัติราชการเพื่อนำความเจริญมาสู่ หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง กองทัพเรือ และประเทศชาติต่อไป

‘ปานปรีย์’ เผย ‘นายกฯ เศรษฐา’ เตรียมเยือนกัมพูชา 28 ก.ย.นี้ นับเป็นอาเซียนประเทศแรก ก่อนเยือนซาอุฯ กระชับความสัมพันธ์

(26 ก.ย. 66) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเตรียมเดินทางเยือนประเทศกัมพูชาเป็นประเทศแรกในอาเซียน ในวันที่ 28 ก.ย.นี้ หลังจากรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของประเทศไทย เนื่องจากเป็นประเทศเพื่อนบ้านใกล้ชิดกับประเทศไทย และจะพยายามเดินทางไปยังประเทศในกลุ่มอาเซียนให้ได้มากที่สุด ตามธรรมเนียมปฏิบัติ เพื่อนแนะนำตนเองและกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

นายปานปรีย์ กล่าวว่า สำหรับการเดินทางเยือนประเทศซาอุดีอาระเบียของนายกรัฐมนตรีนั้น ด้วยความสัมพันธ์อันดีมายาวนาน แม้จะหยุดชะงักชั่วระยะหนึ่ง แต่ขณะนี้กลับมาดำรงความสัมพันธ์แล้ว ซึ่งระหว่างเข้าร่วมการประชุมสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 78 ที่สหรัฐอเมริกา ได้มีโอกาสหารือทวิภาคี กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของซาอุดีอาระเบีย ได้รับการตอบรับอย่างดี แต่การเยือนของนายกรัฐมนตรี ยังไม่ได้กำหนดวันที่ชัดเจน แต่นักลงทุนของซาอุดีอาระเบีย สนใจที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทยอย่างมาก ซึ่งไทยต้องเตรียมการอย่างดี

นายปานปรีย์ กล่าวว่า ส่วนเรื่องการลงสมัครสมาชิก ‘Human Rights Council’ (HRC) ของไทย นั้นถือว่าเรื่องสิทธิมนุษยชนเป็นเรื่องสำคัญเพราะเป็นหนึ่งในเสาหลักของสหประชาชาติ โดยไทยเคยดำรงตำแหน่งประธาน HRC มาแล้ว เมื่อปีค.ศ. 2012 ส่วนในวาระปี ค.ศ. 2025-2027 ไทยยืนยันความประสงค์ ที่จะกลับเข้าเป็นสมาชิกอีกรอบ

‘อิงฟ้า’ ไหว้ขอโทษ ‘มิสแกรนด์แคมโบเดีย’ ปมใช้เท้าเขี่ยชุด หวั่นมงฯ ร่วง-ชุดแหวกอกก้มเยอะไม่ได้ รับภาพที่เห็นเลยดูไม่น่ารัก

(26 ก.ย. 66) จากกรณีดรามา อิงฟ้า วราหะ มิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2022 ใช้เท้าเขี่ยชุดของมิสแกรนด์แคมโบเดีย 2022 ล่าสุด อิงฟ้ามาร่วมงานเปิดตัวภาพยนตร์ The Creator เดอะ ครีเอเตอร์ ที่ ฮอลล์ พารากอน ซีนีเพล็กซ์ สยามพารากอน เธอได้เปิดใจถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และยกมือไหว้ขอโทษอีกฝ่าย พร้อมชี้แจงเจตนาที่ทำแบบนั้น

>> ถามถึงประเด็นดรามาใช้เท้าเขี่ยกระโปรง

“จริงๆ ก่อนอื่นต้องขอโทษก่อนเลยนะคะ (ยกมือไหว้) ขออนุญาตขอโทษทางมิสแกรนด์แคมโบเดีย แล้วก็แฟนคลับที่แคมโบเดียด้วย เพราะว่าจริงๆ ภาพมันก็ออกมาค่อนข้างที่จะดูไม่น่ารักจริงๆ แหละ อันนี้เราก็รู้ตัวนะ แต่ว่าอยากให้เข้าใจเจตนาของเรา ว่าเราไม่ได้มีเจตนาแบบนั้น เราไม่ได้อยากจะมีปัญหากับประเทศแคมโบเดียอยู่แล้ว เพราะเรายังมีงานที่จะต้องไปทำ แล้วก็มีแฟนคลับที่โน่นค่อนข้างเยอะด้วย แล้วกับตัวน้องนาโน มิสแกรนด์แคมโบเดีย จริงๆ มันมีประเด็นมาตั้งแต่เรื่องของการไม่รับไหว้โน่นนี่นั่น ซึ่งต้องบอกจริงๆ ว่า แล้วแต่สถานการณ์ในบางทีอะ เราไม่ได้เจอน้องแค่ช่วงนั้น จริงๆ แล้วเจอตั้งแต่ตอนเริ่มงานแล้ว ก็มีการรับไหว้กัน ก็ต้องขอบคุณที่มีภาพจากแฟนคลับที่ถ่ายไว้ได้ ว่าเราได้รับไหว้ แต่บางทีมุมกล้องก็ทำให้คนเข้าใจผิดได้

พอมันมีภาพที่เราใช้เท้าเขี่ยกระโปรง ก็บอกว่าเราไม่ถูกกับน้องหรือเปล่า คือจริงๆ จะบอกว่าไม่ได้มีปัญหาอะไรกันนะคะ ก็คือถ้าให้อธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถ้าหลายๆ คนได้เห็น ก็จะเห็นว่าฟ้าใส่วิก เราไม่ได้ล็อกมงฯ กับวิกด้วย แล้วมันเป็นการใส่แบบวาง โชว์ที่เดินมันคือฟินนาเล่ เราไม่ได้เดินคนเดียว มันมีคนที่เดินต่อเราติดๆ เลย ถ้าเห็นในคลิป เหมือนมันเป็นเหตุการณ์ที่เราก็ไม่รู้ ว่าเขาจะมีการสะบัดผ้า ถ้าดูในคลิปเราจะมีการฉุกคิดแป๊บเดียว ประมาณ 1-2 วิ ว่าเราจะเอายังไงต่อ ซึ่งถ้าเราก้มคือหนึ่งชุดเราไม่สะดวก เพราะชุดเราแหวกตรงช่วงอก สองคือเรื่องของมงฯ ถ้าเราก้มหรือขยับเยอะ มงฯ เราอาจจะร่วงได้

ซึ่งในหลักการเป็นนางงามแล้ว การออนสเตจก็คือมงฯ เป็นสิ่งสำคัญที่สุด ถ้าสมมติว่าภาพมันออกมาว่ามงฯ ร่วง อันนี้มันจะดูไปว่าเราไม่มืออาชีพ ซึ่งจริงๆ ถ้าหลายคนได้ติดตามเวลาที่ฟ้าเดินชุดยาวๆ ฟ้าจะใช้เท้าสะบัดชุดอยู่แล้ว เป็นปกติสำหรับเรา แต่พอเราใช้กับคนอื่น มันเลยอาจจะดูไม่น่ารัก อันนี้ก็ต้องขอโทษจริงๆ ก็น้อมรับทุกคำติ เราก็จะเก็บไว้ใช้ในครั้งต่อไป ในการแก้ไขในการออนสเตจ ซึ่งเราก็ได้มีการทักไปหาน้องแล้วตั้งแต่มีข่าว เห็นคลิปก็ทักไปหาน้องนาโน ว่าเฮ้ย พี่ไม่สบายใจ อย่างน้อยคือเราห่วงความรู้สึกของน้องก่อน ว่าพี่ขอโทษจริงๆ พี่ไม่ได้มีเจตนาแบบนั้นนะ ซึ่งน้องก็ทักกลับมาเป็นภาษาไทยค่ะ ว่าพี่ฟ้า หนูก็ต้องขอโทษพี่ด้วย เพราะเขาก็ไม่ได้ตั้งใจจะสะบัดมาตรงหน้าเรา เขาก็กลัวเราเสียความรู้สึก เราก็กลัวเขาเสียความรู้สึก ท้ายที่สุดก็ได้คุยกัน ก็บอกว่าไม่ต้องคิดมาก ไว้ร่วมงานกันใหม่”

>> เรารู้สึกยังไงที่คนตัดสินเราจากแค่คลิปสั้นๆ

“หนูไม่ได้เสียใจที่คนว่า แต่หนูแค่ห่วงความรู้สึกของน้องมากกว่า แล้วก็ห่วงความรู้สึกของคนแคมโบเดีย เขาจะคิดว่าเราไม่ให้เกียรติน้องเขาหรือเปล่า แต่จริงๆ เจตนาของเราไม่ได้คิดแบบนั้น มันแค่เป็นการแก้ไขสถานการณ์ช่วง 1-2 วิ อะไรแบบนี้ ภาพมันก็เลยออกมาแบบนั้น”

>> เรากังวลเรื่องปัญหาระหว่างประเทศใช่ไหม

“เราต้องไปร่วมงานกับแคมโบเดียอีกเยอะมากๆ ไหนจะคอนเสิร์ต จะพรีเซ็นเตอร์ และงานต่างๆ ซึ่งเราก็มีแฟนคลับที่โน่นค่อนข้างเยอะ เราก็ห่วงความรู้สึกเขา เพราะว่าบางคนก็เข้าใจ แต่แฟนนางงามบางคนก็อาจจะไม่เข้าใจไปเลย ซึ่งมันก็เป็นภาพลักษณ์ต่อๆ จากเรื่องการไม่รับไหว้โน่นนี่นั่น แต่ก็ได้แต่อธิบายกับสื่อตรงนี้ เราก็เก็บมาหลายวัน เพราะไม่อยากไลฟ์ ไม่อยากพูดถึงประเด็นตรงนี้ แบบอัดคลิปหรือโพสต์อะไร เพราะอยากให้มันดูเป็นการตอบ ที่ดูเป็นทางการที่สุด ซึ่งเราก็อยากจะขอโทษเขาอีกรอบหนึ่ง”

>> ดรามาที่ไม่ดีมาเยอะไหม กับคนที่ไม่เข้าใจเรา

“จริงๆ ก็ไม่เยอะนะคะ เท่าที่หนูเห็นส่วนมากประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์จะเข้าใจเรา ว่ามันเป็นการแก้ไขสถานการณ์ ณ เวลานั้น แล้วทางองค์กรเองเขาก็เข้าใจนางงาม กับการเตะสะบัดผ้า เราต้องเลือกระหว่างมงกุฎกับผ้า ซึ่งเราก็มองว่าเท้ามันก็ไม่ใช่ของต่ำอะไรสำหรับเรานะ เพราะกับนางงาม เท้าเป็นสิ่งที่สำคัญเหมือนกัน เราไม่คิดด้วยไง ว่าสะบัดกระโปรงแล้วกล้องมันจะแพลนมาที่เรา เพราะมันเป็นฟินนาเล่ ก็น้อมรับทุกคำติค่ะ ไม่เป็นไร (ยิ้ม)”

>> กังวลไหมกระดิกตัวนิดหนึ่งก็เป็นดรามา

“ไม่ได้กังวลค่ะ เพราะรู้สึกว่ามันเป็นอย่างนี้มานานมากๆ แล้ว ก็คุ้นชินกับการมีดรามา แล้วก็มีทั้งคนรัก และก็คนที่เขาไม่ชอบ มันเป็นเรื่องปกติ”

>> เวลามีดรามาเข้ามา เรามองมันยังไง

“คือจริงๆ เรามองถึงปัญหาก่อน แล้วพอเราแก้ปัญหา สิ่งแรกที่เราควรจะนึกถึง ก็คือน้องนาโน พอเราทักไปขอโทษเขา แล้วเขาก็เข้าใจเรา เราเข้าใจเขา ก็คือจบแล้ว ส่วนคอมเมนต์หรืออะไร คนที่จะตัดสินเราแค่ช่วงวินาทีสั้นๆ หนูก็รู้สึกว่าปล่อยได้แล้ว”

>> ยิ่งสูงยิ่งหนาว

“อาจจะด้วยค่ะ เพราะว่าหนูเข้าใจนะ คนมันให้ความสำคัญกับทุกเสี้ยวเลย ในการที่เราจะออนสเตจ หรืออยู่ในแสง อาจจะต้องระวังมากขึ้น”

>> ตอนสะบัดไปแล้วคิดไหมว่าจะมีดรามา

“ตอนบนเวทีไม่ได้คิดค่ะ เพราะตากล้องไม่ได้จับ หลังจากสะบัดกระโปรงไปแล้ว เราก็หันไปมองน้อง จริงๆ ก็น่าจะรู้กันตั้งแต่บนเวทีแล้ว ก็มีทีมงานรีบขึ้นมาจัดแจงให้ต่อ ในภาพมันเหมือนหนูเหยียบไว้ แต่จริงๆ เราสะบัดแล้วมันติด มันเกี่ยว ทีมงานก็เลยมาช่วยเอาออกให้”

>> ถ้าเราไม่ใช้เท้าเขี่ยมันจะเกิดอะไรขึ้น

“หนูว่าลื่นแน่นอน เพราะพื้นที่ข้างๆ เรามันไม่มี คนต่อไปเขาเดินติดๆ เราเขยิบก็ไม่ได้ เพราะมีคนอื่นๆ ต่อๆ กัน มันต้องแก้ที่ตัวเราเลย ณ ตอนนั้น เพราะคนอื่นเขารอ”

>> ถ้าต่อไปมันมีแบบนี้อีก เราเตรียมแผนสองไหม

“โห พูดยากเลย ถ้ามันเป็นโชว์เดี่ยว หรือโชว์สองคน มันสามารถมีพื้นที่ในการแก้ได้ แต่พอมันเป็นฟินนาเล่ที่มีหลายคน มันคอนโทรลยากนิดหนึ่งค่ะ แต่ก็จะระวังให้มากขึ้น ถ้าเป็นรอบหน้าก็อาจจะแบบ… แต่ภาพมันก็จะออกมาไม่สวยไง ถ้าเรารอให้ทีมงานมาเขี่ยให้ ภาพมันก็ไม่ได้อีก เพราะจริงๆ เราคิดว่ากล้องมันไม่ได้แพลน เราก็รีบจัด แต่กล้องก็คือรีบเลย (ยิ้ม)”

>> พอได้เคลียร์แล้วสบายใจไหม

“สบายใจค่ะ ก็หลังจากที่เริ่มมีดรามามากขึ้น หนูก็เลือกที่จะไม่อ่านดีกว่า เพราะว่าคนที่ควรจะเข้าใจมากที่สุดคือเราขอโทษไปแล้ว แล้วเขาเข้าใจก็คือจบ ถามว่าบั่นทอนไหมตอนดรามาถาโถม ก็ชินแล้วอะ แต่ก็ถ้าสมมติว่าเราไม่รู้จักตัวเอง เราก็อาจจะมีคิดเหมือนกัน เพราะภาพมันก็ออกมาไม่น่ารักจริงๆ”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top