Wednesday, 7 May 2025
TheStatesTimes

4 ผลพวง 'แลนด์บริดจ์' ดันเศรษฐกิจไทย เจริญไวตามสะพาน

นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า รัฐบาลยังคงเดินหน้าโครงการสะพานเศรษฐกิจภาคใต้เชื่อมฝั่งทะเลอ่าวไทย-อันดามัน (จ.ชุมพร จ.ระนอง) หรือ โครงการแลนด์บริดจ์ ซึ่งเป็นโครงการจากการริเริ่มของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี เพื่อประโยชน์ทางเศรษฐกิจภาคใต้และเศรษฐกิจประเทศ

ทั้งนี้ จากการหารือกับภาคเอกชน อาทิ สภาอุตสาหกรรมจังหวัดชุมพร สภาหอการค้าจังหวัดชุมพร และสภาเกษตรกรจังหวัดชุมพร ได้แสดงความกังวลต่อกระแสข่าวชะลอโครงการแลนด์บริดจ์ดังกล่าว

นอกจากนี้ ได้สั่งการให้การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เร่งศึกษาแนวทางการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่ เพื่อรองรับแลนด์บริดจ์และสอดรับกับระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ หรือเอสอีซี (SEC) 5 จังหวัด ได้แก่ ชุมพร ระนอง สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช

โดยจะเน้น 3 อุตสาหกรรมเป้าหมาย ประกอบด้วย อุตสาหกรรมเกษตรและอาหาร อุตสาหกรรมชีวภาพ และอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ

สำหรับการขับเคลื่อยกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย ประกอบด้วย จังหวัดชุมพร นครศรีธรรมราช พัทลุง สุราษฎร์ธานี และสงขลา กระทรวงอุตสาหกรรมจะมุ่งเน้นการพัฒนา ดังนี้

-การปรับปรุงกฎระเบียบเกี่ยวกับเหมืองแร่และป่าไม้ เพราะแร่บางชนิดอยู่ในพื้นที่ป่าเขา 
-การเพิ่มมูลค่าของผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรในพื้นที่

-การเพิ่มมูลค่าและแก้ไขปัญหาของปาล์มน้ำมันและยางพารา โดยเฉพาะภัยแล้งในพื้นที่ที่ส่งผลต่อคุณภาพของวัตถุดิบ

-เร่งส่งเสริมการพัฒนาผู้ประกอบการให้มีขีดความสามารถในการแข่งขันที่สูงขึ้น โดยการสร้างนักธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมอัจฉริยะทุกจังหวัดทั่วประเทศ

“เอกชนได้สะท้อนถึงอุปสรรคกฎหมายต่อการประกอบธุรกิจ ดังนั้นจะเร่งแก้ไขอุปสรรคต่าง ๆ อาทิ กฎระเบียบ การเข้าถึงแหล่งทุน โดยให้ความสำคัญในกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนเป็นสำคัญเพื่อยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชน รวมถึงการเพิ่มทักษะการประกอบการให้เป็นมืออาชีพ โดยการปั้นนักธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมอัจฉริยะ" นางสาวพิมพ์ภัทรา กล่าว

"มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เสริมสร้าง อนาคตเด็กไทย” มอบทุนการศึกษาทุกระดับปีสุดท้าย และทุนฯ ต่อเนื่องทุกระดับชั้นแก่เยาวชนที่ประพฤติดี แต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ ประจำปี 2566

วันนี้ (วันจันทร์ที่ 25 กันยายน 2566 เวลา 10.00 น.) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการ เป็นประธานในพิธี นายวิชิต ชินวงศ์วรกุล รองประธานกรรมการ  นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ พร้อมด้วย คณะกรรมการมูลนิธิฯ และผู้ช่วยกรรมการมูลนิธิฯ ร่วมในพิธีมอบทุนการศึกษาทุกระดับปีสุดท้าย และทุนการศึกษาต่อเนื่องทุกระดับชั้น ประจำปี 2566  ให้แก่นักเรียน นักศึกษาที่ประพฤติดีแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ จำนวน 156 สถาบัน 910 ทุน รวมงบประมาณ 12,615,000 บาท (สิบสองล้านหกแสนหนึ่งหมื่นห้าพันบาทถ้วน)  เพื่อให้เยาวชนได้รับโอกาสทางการศึกษาอย่างเท่าเทียมโดยไม่ต้องละทิ้งหรือยุติการศึกษาลงเพราะขาดแคลนทุนทรัพย์ เติมเต็มความมุ่งหวังในชีวิต เติบโตพร้อมมีวิชาความรู้ สร้างอนาคตของตนเองและครอบครัว เป็นคนดีของสังคมและประเทศชาติ อีกทั้งยังเป็นการช่วยเหลือแบ่งเบาภาระของผู้ปกครอง โดยมีเยาวชน และผู้แทนจากสถาบันการศึกษา เป็นตัวแทนรับมอบ ณ ห้องประชุมชั้น 2  อาคาร 2 มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พลับพลาไชย กรุงเทพฯ

นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เปิดเผยว่า การมอบทุนการศึกษาแก่นักเรียน นิสิต และนักศึกษา เยาวชนผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์ เป็นหนึ่งในนโยบายหลักในงานสังคมสงเคราะห์ของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ดำเนินการมาแล้วเป็นเวลากว่า 50 ปี เป็นความมุ่งหวัง เพื่อช่วยเหลือปกป้องสังคม สนับสนุนให้เยาวชนมีโอกาสเท่าเทียมทางการศึกษา ไม่ต้องละทิ้งหรือยุติการศึกษาเพราะขาดแคลนทุนทรัพย์ สร้างเยาวชนให้เป็นคนดีของสังคม มีความรู้ สร้างอนาคตตามที่มุ่งหวังของตนเองและครอบครัว เป็นทรัพยากรมีคุณภาพของสังคม ประเทศชาติ โดยเมื่อเดือนมิถุนายน 2566 ที่ผ่านมา มูลนิธิฯ ได้ดำเนินการมอบทุนฯ แก่เยาวชนในระดับชั้นประถมศึกษาไปแล้ว 1,500 ทุน และในวันพฤหัสบดีที่ 5 ตุลาคม 2566 มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง กำหนดลงพื้นที่จังหวัดนครพนม เพื่อมอบทุนการศึกษาในส่วนภูมิภาค (ทุนสัญจร) ให้แก่นักเรียน นิสิต นักศึกษาในพื้นที่จังหวัดนครพนม สกลนคร มุกดาหาร และบึงกาฬ รวม 4 จังหวัด 53 สถาบัน 265 ทุน เป็นลำดับต่อไป

รวมงบประมาณการมอบทุนการศึกษาแก่เยาวชน นิสิต นักศึกษา ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ประจำปี 2566 เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 17,870,000 บาท (สิบเจ็ดล้านแปดแสนเจ็ดหมื่นบาทถ้วน)

ตลอดระยะเวลากว่า 113 ปีที่ผ่านมา มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง  ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ  ศาสนา   เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลาย ๆ ทาง รวมถึงการพัฒนาด้านการศึกษา เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ดังปณิธานมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง “ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”

เครื่องดื่ม ‘ชาสกัดเย็น-ชาลาเต้-ชาชีส’ กำลังฮิตในจีน คาด!! มูลค่าตลาดจ่อทะลุ 9.87 แสนล้านบาท ปี 2025

เมื่อวานนี้ (24 ก.ย. 66) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ทางอุตสาหกรรมที่เผยแพร่ร่วมกันโดยสมาคมร้านสาขาและแฟรนไชส์แห่งประเทศจีน (China Chain Store & Franchise Association) และเหม่ยถวน (Meituan) แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่ของจีน เปิดเผยว่ามูลค่าทางตลาดของเครื่องดื่มชารูปแบบใหม่ของจีนมีแนวโน้มจะทะลุ 2 แสนล้านหยวน (ราว 9.87 แสนล้านบาท) ในปี 2025 โดยคาดว่ามูลค่าของตลาดในปี 2023 จะสูงแตะ 1.49 แสนล้านหยวน (ราว 7.38 แสนล้านบาท)

เครื่องดื่มชารูปแบบใหม่ อาทิ ชาสกัดเย็น ชาลาเต้ ชาผลไม้ และชาชีส มักใช้วัตถุดิบสดใหม่ ปรุงด้วยสูตรที่เป็นนวัตกรรมใหม่และใช้เทคโนโลยีเป็นตัวหนุน พร้อมมุ่งเป้าไปยังกลุ่มผู้บริโภครุ่นใหม่

รายงานดังกล่าวเน้นย้ำถึงการขยายตัวอย่างรวดเร็วของตลาดชากลุ่มนี้ โดยชี้ว่าเมื่อนับถึงสิ้นเดือนสิงหาคม 2023 จีนมีร้านชารูปแบบใหม่ประมาณ 515,000 แห่ง เพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 36 จากจำนวนเมื่อช่วงสิ้นปี 2020

ทั้งนี้ ข้อมูลจากแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ รวมถึงบริษัทเหม่ยถวนเตี่ยนผิง (Meituan Dianping) เผยว่าในเดือนมิถุนายน 2023 ร้านชารูปแบบใหม่ครองสัดส่วนประมาณร้อยละ 57.7 ของร้านเครื่องดื่มทั่วประเทศ

‘บิ๊กโจ๊ก’ ยัน!! ไม่รู้จัก 'มินนี่' เจ้าแม่เว็บพนัน หลังคลิปร้องเพลงคู่ว่อนเน็ต ย้ำ แค่ไปงานเลี้ยงลูกน้องเท่านั้น เชื่อ!! เหตุการณ์นี้เป็นการดิสเครดิตตน

(25 ก.ย. 66) ที่สโมสรตำรวจ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. กล่าวถึงกรณีในโลกโซเซียลได้แชร์คลิปร้องเพลงคู่กันกับ ‘มินนี่’ เจ้าของเว็บพนันออนไลน์รายใหญ่ ว่า ตนนั้นรู้มานานแล้วว่าจะมีการนำเอาคลิปนี้นั้นมาทำการดิสเครดิตตน และบอกว่าตนไม่ได้รู้จักเลย ว่าผู้หญิงที่มาร้องเพลงด้วยนั้นเป็นใคร

โดยวันนั้นเป็นงานเลี้ยงลูกน้องของตนโดยมีตนเป็นเจ้าภาพ แต่ว่าการที่ใครจะนำคนนอกเข้ามาในงานนั้นตนไม่ทราบ ยืนยันว่าตนไม่ได้รู้จักหรือมีการติดต่อตัวของ ‘มินนี่’ แต่อย่างใด ส่วนในเรื่องที่มีภาพออกมาว่าลูกน้องของตนนั้นมีการไปโอบกอดตัวของ ‘มินนี่’ อย่างสนิทสนมนั้น ทางลูกน้องนั้นก็ต้องไปตอบให้ได้ว่ามีความเกี่ยวข้องกันอย่างไร หากเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดก็ต้องดำเนินคดี

“ผมนั้นไม่ได้ท้อแท้ ผมก็ยังออกมาทำงานตามปกติ เบื้องต้น สิ่งที่ออกมาในวันนี้ไม่ได้กระทบการทำงานของผม แต่อย่างใดก็ยังคงปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ ตราบใดที่ศาลยังไม่พิพากษา ก็ยังเป็นผู้บริสุทธิ์ ต้องว่าไปตามกระบวนการพยานหลักฐาน ส่วนประเด็นที่นายอัจฉริยะจะออกมาแฉ ถ้าไม่ใช่ความจริงก็จะดำเนินคดีกลับไป ซึ่งตนก็ได้มีการดำเนินการฟ้องนายอัจฉริยะอยู่แล้วที่ศาลอาญาเรื่องของการหมิ่นประมาท” รอง ผบ.ตร.กล่าว

กระบี่-ไทยจับมือ สปป.ลาว ดันปัญหายาเสพติดเป็นวาระระดับภูมิภาค ในการประชุมทวิภาคีไทย - ลาวฯ ครั้งที่ 19 ระดับรัฐมนตรี ที่จังหวัดกระบี่

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 25 ก.ย. ที่โรงแรมโซฟิเทล กระบี่ โภคีธารา กอล์ฟ แอนด์สปา รีสอร์ต จ.กระบี่ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. พร้อมด้วย พล.ต.คำกิ่ง ผุยหล้ามะนีวง รอง รมต.ป้องกันความสงบ และหัวหน้ากรมใหญ่ตำรวจ แห่ง สปป.ลาว พ.อ.อินปง จันทะวงสา เลขาธิการ สนง.คณะกรรมการแห่งชาติเพื่อตรวจตรา และควบคุมยาเสพติด สปป.ลาว ประชุมทวิภาคีไทย-ลาว เรื่องความร่วมมือด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ครั้งที่ 19 ระดับรัฐมนตรี หารือเรื่องมาตรการปราบปรามยาเสพติดตามแนวชายแดน, การส่งผู้ร้ายข้ามแดน, การทำลายแหล่งผลิตยาเสพติด และการสร้างเตาเผายาเสพติดร่วมกัน โดยยกเป็นวาระของภูมิภาคระดับนานาชาติ

พ.ต.อ.ทวี กล่าวหลังการประชุมว่า จากการประชุมหารือร่วมกัน จะเห็นว่าทั้งไทยและลาว มีปัญหาที่ตรงกัน เกี่ยวกับการแพร่ระบาดของยาเสพติด ก่อให้เกิดความเดือดร้อนต่อทั้ง 2 ประเทศ จากข้อมูลที่หารือกันพบปัญหาหลายเรื่องที่ตรงกัน เช่น ผู้ที่ถูกดำเนินคดีอาญาที่อยู่ในเรือนจำของทั้ง 2 ประเทศ อย่างของลาว นักโทษ 90 เปอร์เซ็นต์ เป็นคดียาเสพติด ส่วนของไทยประมาณร้อยละ 85-90 ก็เป็นคดียาเสพติดเช่นกัน จะเห็นได้ว่าปัญหาอาชญากรรมต่างๆ ของทั้ง 2 ประเทศมาจากปัญหายาเสพติดเหมือนกัน ซึ่งที่ผ่านมาก็ยกปัญหายาเสพติดเป็นวาระแห่งชาติเหมือนกัน เราจึงเห็นด้วยกันว่าปัญหายาเสพติด นอกจากจะเป็นวาระแห่งชาติแล้ว ควรยกระดับเป็นวาระในระดับภูมิภาค และระดับนานาชาติ เพราะทุกประเทศทั่วโลก ต่างพบกับปัญหายาเสพติดเหมือนกัน

รมว.ยุติธรรม กล่าวต่อว่า การจะแก้ปัญหาในประเทศตัวเองจึงไม่สามารถประสบความสำเร็จได้ จำเป็นต้องยกระดับร่วมมือกันระหว่างประเทศในการแก้ปัญหา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรามีข้อมูลตรงกันว่า ยาเสพติดที่แพร่ระบาดอยู่ตอนนี้ เราพบว่าไม่มีการผลิตในประเทศ แต่มาจากแหล่งผลิตในต่างประเทศ เป็นข้อมูลเดียวกันกับ สปป.ลาว จึงตกลงเป็นทวิภาคีร่วมกัน ในเรื่องการป้องกัน การปราบปราม และบังคับใช้กฎหมาย และยังมีความเห็นตรงกันว่า ผู้เสพยาเสพติด หรือผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติด อาจจะมีบางส่วนเป็นผู้หลงผิด เราจึงต้องให้ความสำคัญกับการบำบัดฟื้นฟู หลังการประชุมร่วมกันครั้งนี้ จะนำไปสู่การแก้ปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม โดยกำหนดหัวข้อการแก้ปัญหาที่ตกลงไว้ร่วมกัน 12 ประเด็นหลัก การประชุมครั้งนี้จึงถือเป็นการประชุมครั้งสำคัญที่มีการทำสัญญาร่วมกัน เพราะปัญหายาเสพติดเป็นความทุกข์ของคนทั้ง 2 ประเทศ...

กระบี่///ณัฏฐพงษ์ ศรีปล้อง รายงาน

ยิงสลุต 19 นัด เป็นเกียรติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดเยี่ยมอำลากองทัพเรือในโอกาสเกษียณอายุราชการ

​วันนี้ (25 กันยายน 2566) เวลา 10.00 น. พลเอก เฉลิมพล  ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เดินทางไปเยี่ยมอำลากองทัพเรือ เนื่องในโอกาสเกษียณอายุราชการ บนเรือหลวงจักรีนฤเบศร ซึ่งจอดเทียบภายในท่าเทียบเรือจุกเสม็ด ฐานทัพเรือสัตหีบ จังหวัดชลบุรี โดยมี พลเรือเอก เชิงชาย  ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ และนายทหารชั้นผู้ใหญ่ของกองทัพเรือ ให้การต้อนรับ พร้อมทั้งจัดให้มีพิธีเพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้บัญชาการทหารสูงสุด

เมื่อผู้บัญชาการทหารสูงสุดเดินทางขึ้นเรือหลวงจักรีนฤเบศร ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้เรียนเชิญผู้บัญชาการทหารสูงสุดขึ้นแท่นรับความเคารพ โดยมี เรือหลวงปิ่นเกล้ายิงสลุตเพื่อเป็นเกียรติ จำนวน 19 นัด จากนั้นผู้บัญชาการทหารเรือ ได้เรียนเชิญผู้บัญชาการทหารสูงสุดลงนามในสมุดเยี่ยมพร้อมทั้งกล่าวสดุดีและมอบของที่ระลึกแด่ผู้บัญชาการทหารสูงสุด จากนั้น ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้กล่าวอำลาชีวิตราชการ พร้อมทั้งขอบคุณกองทัพเรือ ที่ได้จัดพิธีเพื่อเป็นเกียรติในวันนี้

การจัดพิธีในวันนี้ มีการจัดกำลังพลจากกองเรือยุทธการ ร่วมกับ กำลังทางเรือเข้าร่วมในพิธี ประกอบด้วย เรือหลวงจักรีนฤเบศร เป็นเรือรับรอง และ เรือหลวงปิ่นเกล้า เป็นเรือยิงสลุต   โอกาสนี้ ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้กล่าวสดุดีผู้บัญชาการทหารสูงสุด ในโอกาสอำลาชีวิตราชการ โดยมีใจความตอนหนึ่งว่า “ตลอดระยะเวลา 3 ปี กองทัพไทยที่อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของท่าน กำลังพลทุกเหล่าทัพได้ร่วมกันปฏิบัติงานด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจอย่างเต็มกำลัง สามารถสนองตอบนโยบายรัฐบาลได้อย่างมีประสิทธิภาพ และที่สำคัญท่านยังเป็นผู้บังคับบัญชาที่เปี่ยมด้วยความเป็นผู้นำ ปฏิบัติหน้าที่โดยยึดถือผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสำคัญ จนเป็นที่ประจักษ์และยอมรับนับถือโดยทั่วกัน กองทัพเรือมีความภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้ปฏิบัติหน้าที่ภายใต้การบังคับบัญชาของท่าน ซึ่งท่านได้สนับสนุนการเสริมสร้าง และพัฒนากองทัพเรือ ทั้งในด้านองค์บุคคลและองค์วัตถุให้มีความพร้อม และมีความเข้มแข็งเป็นอย่างดียิ่ง”

นิราช ทิพย์ศรี /นันทพล  ทิพย์ศรี  อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี 0909535645,0945565622/086-3684323

'มวยไทย' บุก 'กว่างโจว' กระแสตอบรับล้นหลาม แถมจีนช่วยกระพือ สร้างซอฟต์พาวเวอร์สู่นานาชาติ

(25 ก.ย.66) การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.), กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ (NSDF), สถานกงสุลใหญ่ ณ นครกว่างโจว, คณะกรรมการกีฬามวย, สมาคมกีฬามวยไทยสมัครเล่นแห่งประเทศไทยฯ, สมาคมกีฬามวยอาชีพแห่งประเทศไทย และสหพันธ์สมาคมมวยไทยนานาชาติ (IFMA) ร่วมกันจัดกิจกรรมโครงการเผยแพร่ศิลปะมวยไทยในประเทศจีน ระหว่างวันที่ 22-24 กันยายนที่ผ่านมา ที่เมืองกว่างโจว ประเทศจีน

เพื่อเป็นการส่งเสริมกีฬามวยไทย ซึ่งเป็นซอฟต์พาวเวอร์ ของประเทศไทยให้เผยแพร่ไปสู่ระดับนานาชาติ และกำหนดมาตรฐานมวยไทย One Standard Muaythai (OSM) โดยมี ดร.เช้า วาทโยธา และผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อนันต์ เมฆสวรรค์ 2 ครูมวยไทยนานาชาติชื่อดัง รวมถึง ปิ่นเพชร บัญชาเมฆ นักมวยไทยเชื้อสายปกาเกอะญอจากจังหวัดแม่ฮ่องสอน ร่วมคณะเปิดคลินิกสอนทักษะมวยไทยให้กับผู้เข้ารับการอบรมทั้งภาคทฤษฎี และภาคปฏิบัติ ซึ่งได้รับการตอบรับจากชมรม และสมาคมมวยไทยของประเทศจีน ในการส่งนักกีฬามวยไทยเข้ารับการอบรมอย่างล้นหลาม

โครงการดังกล่าวจัดขึ้นตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ซึ่งได้ให้ความสำคัญกับการกีฬา และนันทนาการบนพื้นฐานวิทยาศาสตร์การกีฬา เพื่อเป็นเครื่องมือในการส่งเสริมพัฒนากีฬา พัฒนาทรัพยากรมนุษย์ พัฒนาคุณภาพชีวิต สร้างชื่อเสียง และเกียรติภูมิของประเทศ รวมถึงการส่งเสริมอุตสาหกรรมกีฬา การท่องเที่ยวเชิงกีฬาเพื่อสร้างคุณค่า และมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับประเทศไทย ดังนั้นสมาคมกีฬามวยอาชีพแห่งประเทศไทยที่มีบทบาทหน้าที่ในการดำเนินกิจกรรมกีฬามวยอาชีพในการส่งเสริม และเผยแพร่กีฬามวยไทยอาชีพให้เป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติ

รวมทั้งการส่งเสริมอุตสาหกรรมมวยไทยทั้งในรูปแบบสินค้า และบริการเพื่อเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจด้วยธุรกิจอุตสาหกรรมมวยไทย สร้างรายได้ให้บุคลากรมวยไทย จึงจัดโครงการเผยแพร่ศิลปะมวยไทยในประเทศจีนขึ้นเพื่อนำกีฬามวยไทยไปเผยแพร่ และยังเป็นการเชื่อมความสัมพันธ์ของไทย-จีน ให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น

กิจกรรมที่เมืองกว่างโจว ประเทศจีน แบ่งกิจกรรม เป็น 2 ส่วน 1.กิจกรรมเทรนนิ่ง ที่ Sport Hall จัด 2 วัน และ 2.กิจกรรมการแสดงศิลปะมวยไทยและศิลปวัฒนธรรม ที่ห้างสรรพสินค้า Wanda Mall เป็นการเผยแพร่มวยไทย การไหว้ครู มวยโบราณ แม่ไม้มวยไทย การแสดงศิลปวัฒนธรรม 4 ภาค การสอนพื้นฐานมวยไทย เพื่อเป็นการเผยแพร่วัฒนธรรมการกีฬามวยไทย ให้ชาวต่างชาติภายในงานได้มีการรับรู้ กิจกรรมฝึกสอนมวยไทยขั้นพื้นฐาน

ซึ่งถือเป็น One Standard มาตรฐานหนึ่งเดียวของมวยไทย ไปเผยแพร่องค์ความรู้สู่นานาชาติ บรรยากาศภายในงานมีชาวจีนทั่วไป รวมทั้งเยาวชนให้ความสนใจเรียนรู้หลักสูตร และศิลปะแม่ไม้มวยไทยกันอย่างเป็นจำนวนมาก โดยเป็นเรื่องน่ายินดีอย่างยิ่งที่ชาวจีน และเยาวชนจาก South China Normal University ให้ความสนใจร่วมกิจกรรมจำนวนมาก

โครงการเผยแพร่ศิลปะมวยไทยในประเทศจีน ยังเป็นการประชาสัมพันธ์กีฬามวยไทย ส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม อันเป็นอัตลักษณ์ของความเป็นไทยให้เป็นที่รู้จักแพร่หลายยิ่งขึ้นในประเทศจีน อีกทั้งยังเป็นการเชื่อมความสัมพันธ์ทางการฑูตด้วยการเผยแพร่กีฬามวยไทย ศิลปวัฒนธรรมไทย

ขณะเดียวกัน ยังเป็นการส่งเสริมอุตสาหกรรมมวยไทยสู่ประเทศจีนอย่างครบวงจร และสามารถต่อยอดสินค้ามวยไทยได้อย่างแพร่หลาย ทั้งในรูปแบบสินค้า และบริการด้านมวยไทยอย่างเป็นรูปธรรม เกิดความร่วมมือ และประสานงานกับองค์กรเครือข่ายกีฬามวยไทยทั้งในประเทศ และต่างประเทศอีกด้วย โดยกิจกรรมตลอด 3 วัน มีการถ่ายทอดสดผ่านสื่อออนไลน์ซึ่งมีผู้ติดตามชมกว่า 7.5 ล้านคน รวมไปถึงมีรายการโทรทัศน์ ของมณฑลกวางตุ้ง มาถ่ายทำรายการเพื่อนำภาพศิลปะมวยไทยไปออกอากาศ จากการนำกิจกรรมครั้งนี้

นางจิราพร สุดานิช กงสุลใหญ่ ณ นครกว่างโจว เปิดเผยว่า สำหรับงานมวยไทยซอฟต์พาวเวอร์ที่มาจัดที่นครกว่างโจว ถือว่าประสบความสำเร็จด้วยดี ทั้ง 3 วัน มีผู้ชมชาวจีนมาเข้าชม ทั้งร่วมในการฝึกทักษะมวยไทยกับเรา รวมถึงมาชมการแสดง และแลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับเรื่องของศิลปะมวยไทย

กิจกรรมดังกล่าวถือว่าเป็นกิจกรรมที่ช่วยกระตุ้นและดึงดูดคนในเมืองกว่างโจว และเมืองใกล้เคียง มาร่วมชมและร่วมกิจกรรมกันเป็นจำนวนมาก ถือว่าประสบความสำเร็จด้วยดี ทำให้มวยไทยกลับมามีพื้นที่ด้านกีฬาอีกครั้งในเมืองกว่างโจวหลังผ่านพ้นสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งมวยไทยในนครกว่างโจวมีสถานที่ฝึกซ้อม มีโรงยิมเนเซียมมวยไทยมากมาย

"เราจะเห็นได้ว่า คนที่เข้าร่วมกิจกรรมได้รับองค์ความรู้ที่แท้จริง และลึกซึ้งด้านกีฬามวยไทย ซึ่งกีฬามวยไทยเป็นตัวเชื่อมที่ดีที่ผู้คนชาวจีน และชาติต่างๆ จะฝึกฝน เรียนรู้ร่วมกันได้ ถือว่าประสบความสำเร็จน่ายินดีเป็นอย่างยิ่ง" กงสุลใหญ่ ณ นครกว่างโจว กล่าว

ดร.ปัญญา หาญลำยวง คณะกรรมการติดตามการใช้จ่ายงบประมาณของกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ เปิดเผยว่า โครงการเผยแพร่ศิลปะมวยไทยในประเทศจีน ระหว่างวันที่ 22-24 กันยายน เรามีวัตถุประสงค์เพื่อให้มวยไทยได้เผยแพร่ทั่วทุกมุมโลกโดยให้มีขนบธรรมเนียมประเพณีของประเทศไทย ที่สำคัญที่สุดการทำให้มวยไทยสร้างรายได้เข้าประเทศ เรื่องของแม่ไม้มวยไทย ศิลปะมวยไทย พร้อมทั้งนำเอาศิลปะของการแสดงของประเทศไทยแต่ละภาคมาโชว์

"ขณะนี้ทั่วโลกโดยเฉพาะเมืองกว่างโจว ประเทศจีน ให้ความสนใจกับกิจกรรมมวยไทย การแสดงพื้นบ้าน และสินค้าจากประเทศไทยอย่างมาก ต้องถือว่าเราประสบความสำเร็จอย่างสูงในการนำมวยไทยมาเผยแพร่ ที่นครกว่างโจว เชื่อว่าในอนาคตมวยไทยจะแพร่กระจายไปทั่วทุกมุมโลก ที่สำคัญคือเป็นเรื่องของซอฟต์พาวเวอร์จะสร้างรายได้เข้าประเทศไทยจำนวนมาก ขณะเดียวกันสถานกงศุล ณ นครกว่างโจว ได้ร่วมบันทึกวิดีโอนำไปเผยแพร่ทั่วประเทศจีน และส่งต่อไปยังกระทรวงการต่างประเทศเพื่อส่งต่อไปยังทุกๆ ชาติทั่วโลก ขอชื่นชมทุกฝ่าย ทุกหน่วยงานที่ร่วมมือกันผลักดันมวยไทยไปทั่วโลก และหวังว่าจะได้เห็นมวยไทยมีมาตรฐานเดียวกันทั่วโลก"

สำหรับครั้งต่อไปประเทศไทย จะเดินทางไปจัดโครงการเผยแพร่ศิลปะมวยไทย ที่เขตปกครองพิเศษฮ่องกง ช่วงเดือนพฤศจิกายน 2566

‘ไทยทิคเก็ตฯ’ แถลง หลัง ‘แบมแบม’ จี้ตรวจสอบปมบัตร VVIP เหตุมีคนกดได้หลายใบ ล่าสุดเรียกคืนบางส่วน-เตรียมเปิดขายอีกครั้ง

(25 ก.ย.66) จากกรณี แบมแบม-กันต์พิมุกต์ ภูวกุล หนึ่งในสมาชิกวง GOT7 ที่กำลังมีคอนเสิร์ต 2023-2024 BamBam THE 1ST WORLD TOUR [AREA 52] อยู่ในขณะนี้ ได้ออกมาโพสต์ข้อความเรียกร้องให้ไทยทิคเก็ตเมเจอร์ ตรวจสอบการขายบัตรหลังการเปิดขายบัตรคอนเสิร์ตรอบที่ 2 วันที่ 23 กันยายน ที่ผ่านมานั้น

ล่าสุด บริษัท ไทยทิคเก็ตเมเจอร์ จำกัด ได้ออกเอกสารชี้แจงกรณีปัญหาเรื่องการกดบัตรโซน VVIP คอนเสิร์ต 2023-2024 BAMBAM THE 1ST WORLD TOUR [AREA 52] IN BANGKOK โดยระบุว่า “ทางบริษัทฯ ตระหนักถึงปัญหาและขอน้อมรับความผิดพลาดที่เกิดขึ้นต่อผู้ที่ได้รับผลกระทบ ผู้จัด (iMe TH) ศิลปิน (BamBam) และแฟนคลับ (อากาเซ่) โดยขอชี้แจงเป็น 2 กรณี ดังนี้

1. กรณีมีแฟนคลับกังวลใจเกี่ยวกับปุ่มกดบัตร VVIP ที่ไม่สามารถกดเลือกจำนวนบัตรเพื่อซื้อบนหน้าเว็บไซต์ได้ ทางบริษัทฯ ขอยืนยันว่า เราได้มีการจำหน่ายบัตรทางเว็บไซต์จริงตามปกติ แต่เนื่องจากมีผู้กดบัตรพร้อมกันเป็นจำนวนมาก

จึงทำให้บัตรถูกจำหน่ายหมดทุกที่นั่งในระยะเวลาอันรวดเร็ว เนื่องจากเปิดจำหน่ายบัตรทุกช่องทาง หลังจากบัตรจำหน่ายหมดเราจึงนำโซน VVIP ออกจากระบบทันที ทำให้ไม่มีจำนวนบัตรให้ท่านเลือกซื้อ

2. กรณีมีผู้กดบัตรโซน VVIP ได้เป็นจำนวนมาก และนำบัตรมาขายต่อในราคาที่สูงขึ้นกว่าราคาปกติ ทางบริษัทฯ ได้ตรวจสอบ และเห็นถึงความผิดปกติ เราจึงทำการเรียกบัตรโซน VVIP คืนเข้าสู่ระบบบางส่วนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยจะแจ้งเวลาเปิดจำหน่ายให้ทราบอีกครั้ง

ในนามตัวแทนจัดจำหน่าย ทางบริษัทฯ ต้องขออภัยเป็นอย่างสูงต่อผู้ที่ได้รับผลกระทบทุกฝ่าย และทางบริษัทฯ ขอยืนยันว่าเราไม่ได้สนับสนุนมิจฉาชีพ แต่เป็นเรื่องยากที่จะตรวจสอบหน้าสาขาในวันที่และเวลาที่เปิดจำหน่ายบัตร ว่าใครคือบุคคลที่ซื้อบัตรเพื่อสนับสนุนศิลปินอย่างแท้จริง หรือซื้อบัตรเพื่อไปจำหน่ายต่อ

โดยเบื้องต้นบุคคลที่มากดบัตรหน้าเคาน์เตอร์ มาในลักษณะของลูกค้าตามปกติ (ซื้อคนละ 4 ใบ แต่ทำงานเป็นทีม) ทำให้เราไม่สามารถปฏิเสธการให้บริการได้ เพราะฉะนั้นขอให้แฟนๆ ระวังมิจฉาชีพที่มาในทุกรูปแบบ ทั้งการซื้อบัตรจากบุคคลภายนอก หรือผู้ที่แอบอ้างว่าเป็นตัวแทนจำหน่าย หากไม่ซื้อบัตรที่จำหน่ายในราคาสูงเกินกว่าราคาปกติเท่ากับไม่สนับสนุนมิจฉาชีพ

สุดท้ายนี้ เราระลึกอยู่เสมอว่า แฟนๆ ตั้งใจซื้อบัตรเพื่อไปสนับสนุนศิลปินที่รัก ทางบริษัทฯ ขอขอบพระคุณจากใจจริงเสมอมา และไม่ได้นิ่งนอนใจต่อความรักของทุกท่าน และเราจะพยายามพัฒนาระบบการขายเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับทุกท่านต่อไป”

สำหรับกรณีที่เกิดขึ้นนี้ แบมแบมระบุว่า มีผู้ประกาศว่ามีบัตร VVIP อยู่ในมือหลายใบ และขายต่อในราคาที่สูงกว่ามูลค่าหน้าบัตรหลายเท่า รวมถึงที่แฟนคลับที่รอคอยการกดบัตรนั้นต่างพากันแจ้งข้อมูลว่า ไม่เห็นแม้กระทั่งปุ่มให้กดซื้อบัตรโซน VVIP เลยด้วยซ้ำ
ทำให้เกิดกระแสวิจารณ์มากมายบนโลกออนไลน์ ส่งผลให้  #BamBamAREA52inBKK2ndShow และ #กดบัตรแอเรีย52แบมแบมรอบ2 ทะยานขึ้นอันดับ 1 ในเทรนด์ทวิตเตอร์ (X) อย่างรวดเร็ว

โอกาสทอง ‘อุตสาหกรรมบรรจุผลไม้ในน้ำเชื่อมไทย’ ผนึก ‘อาร์เจนฯ’ กระจายต่อ ‘ตะวันตก-ยุโรป’ คล่อง

(25 ก.ย. 66) ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ ‘Trachoo Kanchanasatitya’ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า…

ฝรั่ง งง กันมากกว่า ลูกแพร์ในน้ำเชื่อมทำไมถึงปลูกที่อาร์เจนติน่า แต่ส่งข้ามโลกไปบรรจุที่ไทยแลนด์ แล้วส่งอ้อมโลกมาขายที่อเมริกาและยุโรป ให้มันเสียเวลาเสียต้นทุนไปทำไม ทำไมไม่บรรจุที่อาร์เจนตินาแล้วส่งไปขายเองเลย หรือ ทำไมอเมริกาไม่ปลูกเองบรรจุเองซะเลย

คำตอบ เป็นเรื่องความคิดทางโลจิสติกส์อย่างมาก

1. ลูกแพร์ของอเมริกาไม่อร่อยเท่าปลูกที่อาร์เจนฯ
2. ลูกแพร์ต้องเก็บก่อนสุก 2 สัปดาห์และเกษตรกรต้องเก็บในห้องเย็นตลอดเวลา ซึ่งเปลืองค่าพลังงานมาก หากส่งใส่เรือไปในคอนเทนเนอร์แบบตู้เย็น ต้นทุนค่าทำความเย็นบวกค่าส่ง ถูกกว่า เก็บห้องเย็นที่อาร์เจนฯ เสียอีก
3. การบรรจุผลไม้ในน้ำเชื่อม ไทยแลนด์เก่งมาก เพราะทำส่งขายย่าน South East Asia หลายประเทศ อาร์เจนตินาสู้ต้นทุนไทยไม่ได้
4. รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมด คือ ปลูกที่อาร์เจนฯ แพ็กที่ไทย แล้วส่งไปยุโรป อเมริกา ถูกกว่า

โลจิสติกส์ล้วนๆ 

เรื่องบางเรื่อง เราไม่สามารถใช้ Common Senses ไปตัดสินความถูกต้องเหมาะสม เพราะโลกนี้มีวิธีคิดใหม่ ๆ ซับซ้อนมากกว่า Common Senses ของเรา มันคงมีเหตุผลของมัน แค่ เราไม่รู้เท่านั้น

‘YG’ วุ่น!! เจอสื่อเกาหลีตีข่าวไม่หยุด ปม ‘เจนนี่-จีซู’ จ่อเปิดค่ายของตัวเอง ฟาก ‘โรเซ่’ ต่อสัญญาคนเดียว ส่วน ‘ลิซ่า’ ลุยงานเดี่ยว ไร้เมเนเจอร์คอยคุม

(25 ก.ย.66) ยังเป็นเรื่องในแวดวงบันเทิงเกาหลี ที่หลายคนจับตามองอยู่ไม่น้อย กับกรณีการต่อสัญญาของเหล่าเมมเบอร์ BLACKPINK ที่ก่อนหน้านี้ มีรายงานว่า ‘โรเซ่’ เป็นสมาชิกเพียงคนเดียวของวง ที่ต่อสัญญากับต้นสังกัดเดิมอย่าง YG Entertainment

ล่าสุด สื่อเกาหลี News1 ได้รายงานว่า ‘เจนนี่’ และ ‘จีซู’ เตรียมก่อตั้งค่ายของตัวเอง และรายงานด้วยว่า ขณะนี้เมมเบอร์ BLACKPINK ยังอยู่ระหว่างการเจรจากับ YG Entertainment เรื่องการดำเนินกิจกรรมของพวกเธอในฐานะวง ขณะที่ต้นสังกัดส่วนตัวของเธอนั้น จะดูแลในส่วนของกิจกรรมเดี่ยวของพวกเธอ

หลังรายงานข่าวดังกล่าว YG Entertainment ได้ออกมาตอบประเด็นดังกล่าวว่า “ยังไม่มีการยืนยันเกี่ยวกับการต่อสัญญาของ BLACKPINK และกิจกรรมในอนาคตของพวกเธอ”

นอกจากนี้ ยังมีรายงานพบว่าขณะที่ ‘ลิซ่า’ เดินทางไปกรุงปารีส กลับไร้เงาการ์ดคอยดูแลในสนามบินกรุงโซล เกาหลีใต้ ส่วนเมเนเจอร์เพียงเดินทางมาส่งที่สนามบินเท่านั้น ไม่ได้บินลัดฟ้าไปปารีสด้วยกันแต่อย่างใด เหตุการณ์นี้จะเป็นการตอกย้ำข่าวลือเรื่องไม่ต่อสัญญาหรือไม่ ยังคงเป็นประเด็นที่ทั่วโลกต้องเฝ้าจับตากันต่อไป…


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top