Saturday, 14 June 2025
PoliticsQUIZ

‘บิ๊กตู่’ ประกาศเจตนารมณ์ต่อต้านการทุจริต-คอร์รัปชัน ย้ำชัด!! ความยุติธรรมที่ล่าช้าคือความไม่ยุติธรรม

‘บิ๊กตู่’ ประกาศเจตนารมณ์ต่อต้านการทุจริต ในวันต่อต้านคอร์รัปชันสากล ยอมรับจุดอ่อนประเทศไทยคือการซื้อขายตำแหน่ง-โยกย้ายข้าราชการระดับสูง-เรียกรับสินบน-จัดซื้อจัดจ้าง ลั่นไม่ยอมให้การทุจริตเป็นมรดกบาป ขอให้เชื่อมั่นตัวผู้นำ บอกความยุติธรรมที่ล่าช้า คือความไม่ยุติธรรม ย้ำถูกสอนมาไม่ให้ทุจริต ไม่งั้นจะเอาหน้าไปเสนอให้คนมองไม่ได้

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประกาศเจตนารมณ์ต่อต้านการทุจริต ในงานวันต่อต้านคอร์รัปชันสากล (ประเทศไทย) ที่สำนักงาน ป.ป.ช. จ.นนทบุรี 

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในวันนี้ทางองค์การสหประชาชาติได้กำหนดให้วันที่ 9 ธันวาคมของทุกปี เป็นวันต่อต้านคอร์รัปชันสากล เพื่อให้ประชาคมโลกตระหนักถึงภัยร้ายแรงจากการทุจริต และเพื่อร่วมกันประกาศเจตนารมณ์ในการรณรงค์ต่อต้านคอร์รัปชันอย่างจริงจัง

สำหรับประเทศไทย ในฐานะประเทศสมาชิกขององค์การสหประชาชาติ ได้ให้ความสำคัญกับการต่อต้านการทุจริตทุกรูปแบบตลอดมา รัฐบาลได้ร่วมกับสำนักงาน ป.ป.ช. สำนักงาน ป.ป.ท. องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ภาคประชาสังคม และภาคีเครือข่าย จัดงานวันต่อต้านคอร์รัปชันสากลขึ้น เพื่อร่วมกันแสดงจุดยืนพร้อม ๆ กับคนไทยทุกภาคส่วน ที่จะ ‘ไม่ทำ ไม่ทน และไม่เพิกเฉย’ ต่อการทุจริตอีกต่อไป ซึ่งไม่ใช่เฉพาะในวันนี้ แต่จะต้องอยู่ในจิตใต้สำนึกของคนไทย ทุก ๆ คน ในทุก ๆ วัน

ทุกคนทราบดีว่าปัญหาคอร์รัปชันส่งผลเสียหายต่อประเทศ ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง โดยองค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ หรือ TI (ที-ไอ) ได้สะท้อนว่าปัญหาการทุจริตที่เป็นจุดอ่อนของประเทศไทยที่สำคัญ คือปัญหาการซื้อขายตำแหน่ง การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูง กระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง การเรียกรับสินบนตลอดจนการใช้ช่องโหว่ทางกฎหมาย การบังคับใช้กฎหมายที่เอื้อประโยชน์ต่อกัน การไม่สามารถแยกแยะผลประโยชน์ส่วนรวม กับประโยชน์ส่วนตน และความไม่โปร่งใสในการใช้งบประมาณ การทุจริตจึงเป็นภัยต่อชาติบ้านเมือง ทั้งในการบริหารจัดการภาครัฐ การพัฒนาเศรษฐกิจ การค้าการลงทุน และการพัฒนาประเทศ ที่สำคัญคือการทำลายภาพลักษณ์ ทำลายความเชื่อมมั่น ในสายตาประชาชนชาวไทย และชาวโลก ซึ่งเราจะต้องไม่ยอมให้การทุจริตเป็นมรดกบาป ตกทอดสู่รุ่นลูก รุ่นหลานอีกต่อไป

หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย เผยคำพูดจากใจ ที่มีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย

“ประเทศไทยอยู่ได้ เพราะกษัตริย์ นับตั้งแต่รัชกาลที่ 1 ทรงสร้างกรุงเทพมหานคร จนมาถึงรัชกาลที่ 10 ซึ่งเป็นลูกหลานท่าน เพราะฉะนั้นสถาบันกษัตริย์จึงมีบุญคุณกับประเทศไทยอย่างมาก และจะเป็นสถาบันที่สำคัญตลอดไป”

'บิ๊กป้อม' นั่งเก้าอี้ประธานประชุม ครม. หลัง 'บิ๊กตู่' บินบรัสเซลส์-รมต.ลาเพียบ

วันที่ 13 ธันวาคม 65 เวลา 09.00 น. ที่ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) แทน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ที่เข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน - สหภาพยุโรป สมัยพิเศษ เพื่อฉลองวาระครบรอบ 45 ปี ความสัมพันธ์อาเซียน - สหภาพยุโรป (ASEAN - EU Commemorative Summit) ณ กรุงบรัสเซลส์ ราชอาณาจักรเบลเยียม ระหว่างวันที่ 12 - 15 ธันวาคม 2565

โดยเมื่อพล.อ.ประวิตรมาถึงได้มีนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมว.คลัง เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายสุนทร ปานแสงทอง รมช.เกษตรและสหกรณ์ จากกลุ่มปากน้ำ มารอรับถึงประตูรถพร้อมกับคณะทำงาน อย่างไรก็ตามเมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสข่าวกับพล.อ.ประวิตร ถึงกรณี ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ เตรียมลาออกเพื่อย้ายไปสังกัดพรรคการเมืองใหม่ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร รวมถึงที่มีถามว่าจะมอบหมายให้นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค คุมสนามเลือกตั้งในพื้นที่ กทม.ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร หรือจะมอบหมายให้นายสกลธี ภัททิยกุล อดีตรองผู้ว่าฯ กทม.และอดีต กก.บห.พรรคพลังประชารัฐ ทำหน้าที่ โดย พล.อ.ประวิตรไม่ตอบคำถาม เพียงแต่หันมายิ้มให้กับผู้สื่อข่าว

'อนุทิน' ชี้!! ผลโพลชูนั่งนายกฯ แค่กำลังใจ ยัน!! ตัวแปรแท้จริง อยู่ที่ประชาชนตัดสิน

'อนุทิน' กั๊ก!! ส.ส.ย้ายซบภูมิใจไทย อุบ!! ให้รอดู 16 ธ.ค.นี้ เปิดก่อนยื่นสมัครไม่ได้ ชี้!! ผลโพล ปชช.อยากให้เป็นนายกฯ แซง 'บิ๊กตู่' ไม่เท่ากับคำตัดสินของประชาชน

(13 ธ.ค. 65) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า การที่ตนเดินทางเข้ามาที่ทำเนียบรัฐบาล เนื่องจากจะมายื่นใบลาการประชุมคณะรัฐมนตรีด้วยตัวเอง เพื่อเดินทางไปร่วมประชุมคณะกรรมการบริหารโครงการโรคเอดส์แห่งสหประชาชาติ ครั้งที่ 51 ระหว่างวันที่ 13-16 ธ.ค.นี้ ที่จ.เชียงใหม่   

ผู้สื่อข่าวถามถึงการประชุมพรรคภูมิใจไทย และเปิดตัวส.ส.พรรคอื่นที่จะย้ายมาร่วมงานว่า ให้รอวันที่ 16 ธ.ค.นี้ จะมีการประชุมพรรคภูมิใจไทย ส่วนจะมีการเปิดตัว ส.ส. ที่จะย้ายมาร่วมงานหรือไม่นั้น ต้องบอกว่าพรรคเราไม่ได้ปิดกั้นอะไร รอให้ทุกอย่างเรียบร้อยก่อน วันนี้ยังพูดอะไรไม่ได้ เพราะยังไม่ได้เซ็นใบสมัครด้วยซ้ำ ส่วนรายชื่อที่ออกไปนั้น ไม่รู้ว่าออกมาได้อย่างไร มีจริงบ้างไม่จริงบ้างก็คาดเดากันไป ตอนนี้ยังพูดไม่ได้ จะพูดได้ก็ต่อเมื่อตนลงนามในใบสมัครของคนที่จะเข้ามา และวันที่ 16 ธ.ค.นี้จะแจ้งให้ทราบ ส่วนวันนี้มีการรีโนเวทพรรคเพื่อเตรียมการรับการเลือกตั้งของทางพรรคและการประชุมต่าง ๆ เยอะไปหมด

ผู้สื่อข่าวถามกรณีที่ซูเปอร์โพล เปิดเผยผลสำรวจความนิยมของประชาชน โดยระบุว่านายอนุทิน นำมาเป็นอันดับหนึ่งที่อยากให้มาเป็นนายกฯ แซงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม นายอนุทิน กล่าวว่า "อยู่ที่ประชาชน จะเป็นอะไรก็แล้วแต่หลังเลือกตั้งเราต้องพร้อม และประชาชนเป็นคนตัดสิน เราตัดสินนักการเมืองเองไม่ได้ แต่ส่วนตัวต้องเตรียมความพร้อม จะประมาทไมได้ ของตายมีที่ไหนในโลก ทุกอย่างจะประสบผลสำเร็จหรือจะออกมาอย่างไร อยู่ที่การทำงานของแต่ละคน ถ้าไม่ขยันคงทำอะไรไม่ได้"

'พิชัย' ซัด!! เศรษฐกิจไทยเติบโตต่ำกว่าศักยภาพ ชี้!! นโยบายเพื่อไทยช่วยได้ ไม่สร้างหายนะ

'พิชัย' ชี้ ค่าแรง 600 บาท แสดงถึงความสำเร็จของรัฐบาลในการกระจายรายได้ และ พัฒนาไทยให้หลุดพ้นประเทศรายได้ปานกลาง มั่นใจ ทุกนโยบายทำได้จริง รวมถึงการลดราคาน้ำมัน, ไฟฟ้า และ ก๊าซหุงต้ม แนะ ต้องทำหลาย ๆ ด้านไปพร้อม ๆ กัน 

(13 ธ.ค. 65) นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทยด้านเศรษฐกิจ กล่าวว่า ตามที่นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยได้ประกาศนโยบายของพรรคเพื่อไทยหลายด้าน โดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจ อยากให้ประชาชนมั่นใจได้ว่า นโยบายของพรรคเพื่อไทย สามารถทำได้จริงตามที่ได้ประกาศอย่างแน่นอน และเป็นการคิดใหญ่ ทำเป็น เพราะเคยทำสำเร็จมาแล้วทุกนโยบายในอดีต เรียกได้ว่าพรรคเพื่อไทย เป็นพรรคการเมืองเดียวที่ประกาศนโยบายแล้วทำได้จริง ไม่เหมือนหลายพรรคที่ประกาศนโยบายแต่ทำไม่ได้ หรือทำไม่เป็น เป็นต้น

ทั้งนี้ อยากตอกย้ำนโยบายที่สำคัญเช่นการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศไทยหากพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลจะทำให้เศรษฐกิจขยายได้เฉลี่ยปีละ 5% ซึ่งสามารถทำได้จริง และเป็นศักยภาพที่ประเทศไทยควรจะขยายให้ได้อยู่แล้ว โดยทั้ง ธนาคารโลก ไอเอ็มเอฟ ต่างก็บอกตรงกันว่าประเทศไทยขยายตัวต่ำกว่าศักยภาพมาโดยตลอด อีกทั้งประเทศกำลังพัฒนาอย่างประเทศไทยจะต้องขยายตัวปีละ 5-6% เป็นอย่างน้อยเพื่อพัฒนาให้หลุดพ้นจากกับดักการเป็นประเทศรายได้ปานกลาง และจะเพิ่มการจ้างงาน และการหารายได้เพื่อใช้หนี้สาธารณะอีกด้วย โดยตลอดหลายปีเศรษฐกิจของประเทศไทยขยายตัวได้ต่ำมาก ขนาดในปีนี้ที่ประเทศต่างๆ ในอาเซียนขยายตัวได้สูง เช่น ใน 9 เดือนแรก มาเลเซียขยายได้ 9.36% เวียดนาม 8.8% ฟิลิปปินส์ 7.76% และอินโดนีเซีย 5.39% แต่ไทยกลับขยายตัวได้ต่ำมาก เพียง 3.1% เท่านั้น 

ดังนั้น การเร่งการขยายตัวทางเศรษฐกิจจึงเป็นความจำเป็นระดับแรก ซึ่งจะต้องมีนโยบายหลายๆด้านออกมาพร้อมๆ กัน เช่นในปี 2555 เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้ถึง 7.2% เป็นต้น ฉะนั้นการสร้างรายได้ใหม่ในหลายด้านและส่งเสริมให้มีการลงทุนจากในประเทศและจากต่างประเทศจะเป็นแนวทางที่จะเพิ่มจีดีพีให้ขยายตัวได้มากขึ้น รวมถึงการทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมของอาเซียนให้คนฉลาด ๆ และคนเก่ง ๆ มาอยู่ประเทศไทยและช่วยกันพัฒนาเศรษฐกิจไทย

'บิ๊กป้อม' วอน ส.ส.พรรคร่วม เข้าประชุมสภา ช่วยทำหน้าที่ผู้แทนประชาชนอย่างมีเกียรติ

พล.อ.ประวิตร ขอความร่วมมือ ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล ผ่าน ครม. ให้เข้าประชุมสภาฯ เพื่อทำหน้าที่ผู้แทนประชาชนอย่างมีเกียรติ และความต่อเนื่องของสภาฯ 

(13 ธ.ค. 65) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานการประชุม ครม.ในวันนี้ เนื่องจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปปฏิบัติราชการประชุมสุดยอด อาเซียน -สหภาพยุโรป สมัยพิเศษ ณ กรุงบรัสเซลส์  ประเทศเบลเยี่ยม ระหว่าง 12-15 ธ.ค.65 

'ศักดิ์สยาม' แง้ม!! รอดู 16 ธันวาคม ส.ส.ตบเท้าเข้า ภท.ไม่ต่ำกว่า 43 คน

(13 ธ.ค. 65) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ฐานะเลขาธิการพรรคภูมิใจไทยให้สัมภาษณ์ กล่าวก่อนประชุมคณะรัฐมนตรีกรณีที่มีส.ส.จากหลายพรรค ทั้งพรรคพลังประชารัฐและพรรคเพื่อไทย เตรียมย้ายไปอยู่พรรคภูมิใจไทย และเตรียมเปิดตัวเร็ว ๆ นี้ ว่า ให้รอดูวันที่ 16 ธ.ค.นี้

ทั้งนี้มีรายงานข่าวว่า ขอให้จับตาในวันที่ 16 ธ.ค.นี้ จะ มี ส.ส.ที่ชัดเจนมาร่วมเปิดตัว 37 คน และ ยังมี ส.ส. ที่อยู่ระหว่างการดีล เจรจาใน ‘ทางลับ’ อีกประมาณ 5-6 คน ก็จะมาร่วมสังเกตการณ์ภายในงานด้วย และบางคนอยู่ระหว่างการตัดสินใจขั้นสุดท้ายว่าจะย้ายมาอยู่พรรคภูมิใจไทยหรือไม่ โดยเฉพาะ ส.ส.กทม. และส.ส.จังหวัดปริมณฑล บางคน ที่ช่วงแรกได้รับการทาบทามให้ย้ายไปอยู่กับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ตอนนี้ก็เกิดอาการลังเลกับท่าทีของพล.อ.ประยุทธ์ ที่ยังไม่ขัดเจน ขณะที่แกนนำพรรคภูมิใจไทยต้องการความชัดเจน เพื่อวางตัวผู้สมัคร ส.ส.

‘มาดามเดียร์ - ฉาย บุนนาค’ อู้ฟู่ 536 ล้าน ด้าน ‘นราพัฒน์’ แจ้งมีทรัพย์สิน 1.5 พันล้าน

ป.ป.ช. เปิดเซฟ 2 อดีต ส.ส. ‘มาดามเดียร์ - ฉาย บุนนาค’ อู้ฟู่ 536 ล้าน หนี้ 126 ล้าน หนี้เพิ่มหลังพ้น ส.ส. 44 ล้าน ขณะที่ ‘นราพัฒน์’ แจ้งมีทรัพย์สิน 1.5 พันล้าน แต่ตรวจสอบพบเพียง 206 ล้าน

เมื่อวันที่ (13 ธ.ค. 65) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) เปิดเผยบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของ น.ส.วทันยา บุนนาค กรณีพ้นจากตำแหน่ง ส.ส. เมื่อวันที่ 16 ส.ค. 2565 โดย น.ส.วทันยา พร้อมด้วยนายฉาย บุนนาค คู่สมรส รวมทั้งบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ แจ้งว่ามีทรัพย์สินทั้งสิ้น 536,032,740 บาท หนี้สิน 126,439,294 บาท แบ่งเป็นทรัพย์สินในส่วนของ น.ส.วทันยา 240,075,840 บาท ประกอบด้วย เงินสด 4,200,000 บาท เงินฝาก 2,071,816 บาท เงินลงทุน 7 รายการ มูลค่ารวม 11,736,412 บาท ส่วนใหญ่เป็นเงินลงทุนในกองทุนเปิด เงินให้กู้ยืม 45,362,249 บาท โดยระบุชื่อผู้กู้คือ นายภควันต์ วงษ์โอภาสี น้องชายของ น.ส.วทันยา ที่ดิน 4 รายการ มูลค่ารวม 32,077,500 บาท โดยอยู่ในพื้นที่บางกะปิ 3 โฉนด พื้นที่บึงกุ่ม 1 โฉนด โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 4 รายการ มูลค่ารวม 111,206,460 บาท โดยรายการที่มูลค่าสูงสุดแจ้งว่าเป็นห้องชุดเพนท์เฮ้าส์ แขวงคลองตันเหนือ 92,000,000 บาท นอกนั้นเป็นห้องชุด ทาวน์เฮ้าส์ และบ้านเดี่ยว ยานพาหนะ 2 รายการ มูลค่ารวม 2,818,900 บาท โดยเป็นรถจักรยานยนต์ 1 คัน และรถยนต์ Volkswagen 1 คัน สิทธิและสัมปทาน 10,173,084 บาท ส่วนใหญ่เป็นสิทธิในกรมธรรม์ประกันภัย กองทุนผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภา และที่น่าสนใจคือสิทธิในสมาชิกแปซิฟิกคลับ ซิตี้ (ไม่แจ้งมูลค่า) ทรัพย์สินอื่น 20,429,372 บาท ส่วนหนี้สินแจ้งว่าเป็นเงินกู้จากธนาคารและสถาบันการเงินอื่น 45,149,407 บาท 

ขณะที่ทรัพย์สินในส่วนของคู่สมรส 285,301,840 บาท ประกอบด้วย เงินสด 250,000 บาท เงินฝาก 5,182,208 บาท เงินลงทุน 11 รายการ มูลค่ารวม 4,178,925 บาท ส่วนใหญ่เป็นเงินลงทุนในกองทุนเปิด ที่ดิน 3 รายการ มูลค่ารวม 117,565,000 บาท โดยอยู่ในพื้นที่บางกะปิ 2 โฉนด พระโขนง 1 โฉนด โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 3 รายการมูลค่ารวม 8,736,620 บาท โดยเป็นห้องชุด บ้านเดี่ยว และทาวน์เฮ้าส์ ยานพาหนะ 4 รายการ มูลค่ารวม 11,998,000 บาท โดยที่น่าสนใจคือรถยนต์ Mercedes Benz ทะเบียน ฉบ 999 จำนวน 1 คัน มูลค่า 2,068,000 บาท รถยนต์ Lexus 1 คัน มูลค่า 5,500,000 แจ้งว่าได้มาเมื่อ 24 เม.ย.2564 สิทธิและสัมปทาน 7,525,666 บาท ส่วนใหญ่เป็นสิทธิในกรมธรรม์ประกันภัย กองทุนผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภา และที่น่าสนใจคือสิทธิในสมาชิกแปซิฟิกคลับ ตลอดชีพ (ไม่แจ้งมูลค่า) ทรัพย์สินอื่น 129,865,420 บาท ส่วนหนี้สิน 81,289,886 บาท แบ่งเป็นเงินกู้จากธนาคารและสถาบันการเงินอื่น 15,048,957 บาท หนี้สินที่มีหลักฐานเป็นหนังสือ 3,240,929 บาท หนี้สินอื่น 63,000,000 บาท ระบุชื่อเจ้าหนี้ คือ นายยุทธ ชินสุภัคกุล ประธานกรรมการ บมจ.อีสเทอร์น พาวเวอร์ กรุ๊ป (EP) บิดาของนายฉาย นอกจากนั้นยังแจ้งว่าบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ มีทรัพย์สินเป็นเงินฝาก และสิทธิและสัมปทาน รวม 10,655,058 บาท 

ทั้งนี้ สำหรับทรัพย์สินอื่นที่น่าสนใจ ของ น.ส.วทันยา และคู่สมรส อาทิ กระเป๋าแบรนด์เนมชื่อดัง ทั้ง Hermes, Chanel, Celine, Bottega Veneta, Christian Dior รวม 30 รายการ นาฬิกาหรู ทั้ง Patek Philippe, Rolex, Breguet, Hublot รวม 11 รายการ ทองคำรูปพรรณ น้ำหนักรวม 68 บาท มูลค่า 1,347,760 บาท ทองคำแท่งน้ำหนักรวม 31 บาท  สร้อยคอไข่มุก Mikimoto มูลค่า 860,000 บาท พระเครื่องหลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์ 18,150,000 บาท พระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่ 45,200,000 บาท พระเครื่องซุ้มกอ 10 ล้านบาท พระพุทธรูปอู่ทอง หน้าหนุ่ม 20,000,000 บาท พระพุทธรูปปางลีลา สุโขทัย 8,000,000 บาท หลวงปู่ทวดเนื้อว่าน วัดช้างไห้ 1,000,000 บาท

น.ส.วทันยา ยังแจ้งว่ามีรายได้ต่อปี 4,963,378 บาท ส่วนใหญ่มาจากดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืม 2,215,000 บาท เงินประจำตำแหน่ง 854,760 บาท นอกจากนั้นยังแจ้งว่าได้ทรัพย์สินจากมารดา 505,000 บาท ได้ทรัพย์สินจากคู่สมรส 353,000 บาท และยังมีรายได้จากการขายกองทุน 429,137 บาท ส่วนคู่สมรสแจ้งว่ามีรายได้ต่อปี 26,829,714 บาท ส่วนใหญ่มาจากเงินประจำตำแหน่ง 14,800,000 บาท เงินได้จากมารดา 10,000,000 บาท เป็นต้น  ส่วนค่าใช้จ่ายต่อปีของ น.ส.วทันยา 15,845,100 บาท ส่วนใหญ่เป็นค่าผ่อนบ้านและค่าใช้จ่ายอุปโภคบริโภค ขณะที่ค่าใช้จ่ายคู่สมรส 35,086,229 บาท ส่วนใหญ่เป็นค่าผ่อน.บ้านและค่าใช้จ่ายอุปโภคบริโภค ค่าผ่อนรถ ค่าท่องเที่ยว และเงินบริจาค นอกจากนี้ยังมีค่าเล่าเรียนบุตรต่อปี 2,220,000 บาท

รอดูของจริง!! ‘อนุทิน’ ตอบปม 37 ส.ส.จ่อเข้าภูมิใจไทย ย้ำ พรรคการเมืองเป็นของทุกคน การย้ายเข้าออกเป็นเรื่องปกติ ยัน ไม่ประมาท แม้โพลยกตัวเต็งนายกฯ ‘จะเป็นอะไร ให้ดูหลังเลือกตั้ง’

(13 ธันวาคม 2565) ที่ทำเนียบรัฐบาล กรุงเทพมหานคร นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกระแสข่าว 37 ส.ส.จากการเมืองต่าง ๆ เตรียมสมัครเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทยในวันที่ 16 ธันวาคม นี้ ว่า  

วันนั้นจะมีประชุมพรรค พรรคไม่ได้เป็นพรรคที่ปิดกั้น แต่รอให้ทุกอย่างเรียบร้อยก่อน ไม่อยากพูดอะไรมาก เพราะยังไม่เซ็นใบสมัครให้ใคร ซึ่งในนั้น ตามที่เป็นข่าว มันก็มีจริงบ้าง ไม่จริงบ้าง ตนพูดไม่ได้ จะพูดเมื่อลงนามรับใบสมัครของใครก็ตามที่เป็นสมาชิก ที่เราต้องรีโนเวตพรรค เพราะที่เก่าก็มีอายุมาก และจะมีการปรับปรุงสถานที่เพื่ออำนวยความสะดวกให้นักข่าวไปจนถึงการจัดสถานที่ เตรียมการเลือกตั้ง เพราะต้องมีการประชุมกิดขึ้น มันต้องรีโนเวต แต่เค้าโครงเดิม

เมื่อถามถึงการที่บางโพลยกให้เป็นตัวเต็งนายกรัฐมนตรี นายอนุทิน ตอบว่า อยู่ที่ประชาชน จะเป็นอะไรก็แล้วแต่ ต้องดูหลังเลือกตั้ง ที่สุดแล้ว ประชาชนจะเป็นคนตัดสิน แน่นอนว่า เราตั้งอยู่บนความไม่ประมาท เพราะของตายไม่มีในโลก มันก็ต้องขยัน ถ้าไม่ขยัน ก็นำพาอะไรไม่ได้

‘เอกชัย’ ชี้!! 8 ปี การเกษตรไทยไม่พัฒนา เชื่อ!! หากเป็นเพื่อไทย เกษตรไทยก้าวกระโดด

นายเอกชัย ทรงอำนาจเจริญ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอุบลราชธานี ระบุว่าเพื่อไทยความหวังของเกษตรกร ทุกครั้งที่เพื่อไทยมาเป็นรัฐบาล เกษตรกรสามารถลืมตาอ้าปากได้ เพราะ พวกเราแก้ปัญหาที่ฐานรากทางเศรษฐกิจ สร้างแรงจูงใจ ให้ความรู้ หาตลาด เพิ่มผลผลิต ลดต้นทุน กระจายรายได้ ขยายโอกาส เพิ่มผลผลิตเกษตรกร ดูแลปัจจัยในการผลิต สนันสนุนทุนในการทำงาน 

ที่ผ่านมา 8 ปีเกษตรกรยากลำบากมาพอแล้ว รายได้ไม่พอรายจ่าย ปัจจัยการผลิต ปุ๋ย น้ำมันแพงหมด เกษตรกรเป็นหนี้สินอยู่ด้วยความยากลำบาก แต่ราคาสินค้าเกษตรไม่เพิ่มขึ้น ซ้ำยังตกต่ำลง ชลประทานไม่ได้รับการปรับปรุงพัฒนาเท่าที่ควร การเกษตรทั้วโลกเปลี่ยนไปหมดแล้ว คุณภาพ ผลผลิต ราคา ทุกประเทศต่างแข่งขันกันพัฒนา เราหยุดนิ่งไม่ได้ วันนี้ไทยเสียแชมป์ส่งออกข้าวให้อินเดีย ผลผลิตต่อไรต่ำกว่าเวียดนามสองเท่า คุณภาพข้าวหอมผกาลำดวลของกัมพูชาพัฒนาจนได้รับรางวัลอันดับหนึ่งแซงข้าวหอมมะลิไปเรียบร้อย เราเสียแชมป์ ทั้งคุณภาพ ราคา และ ผลผลิตต่อไร เพราะรัฐบาลไม่มีฝีมือ ไม่น่าแปลกใจเลยที่ผ่านมาในรัฐบาลนี้เศรษฐกิจเราโตต่ำที่สุดในภูมิภาคตลอด


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top