Sunday, 11 May 2025
NewsFeed

ผบ.ตร.สั่งย้ำทุกหน่วยคงเข้มเร่งช่วยเหลือประชาชนเหตุแผ่นดินไหวต่อเนื่อง ระดมตำรวจดูแลมิติจราจร งานอาชญากรรมป้องกันมิจฉาชีพซ้ำเติมประชาชนทุกรูปแบบ พร้อมส่งชุดปฏิบัติการพิเศษร่วมค้นหาผู้รอดชีวิต เปิดหน่วยนิติเวช ตรวจDNA เปรียบเทียบ 

(30 มี.ค. 568) พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงความคืบหน้ามาตรการดูแลพี่น้องประชาชนหลังเหตุภัยพิบัติแผ่นดินไหว ว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้สั่งการทุกหน่วยยังคงความเข้มในการดำเนินการบูรณาการร่วมหน่วยงานเกี่ยวข้อง ในการช่วยเหลือ อำนวยความสะดวกการจราจร ตลอดจนการดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน หลังเหตุภัยพิบัติแผ่นดินไหวที่ผ่านมา โดยให้ตั้งศูนย์ปฏิบัติการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) และศูนย์ปฏิบัติการส่วนหน้า (ศปก.สน.) ของกองบัญชาการตำรวจนครบาล เพื่อบริหารจัดการร่วมกับหน่วยต่างๆ  ดังนี้

1) การช่วยค้นหาช่วยเหลือผู้ประสบภัยเหตุตึกถล่ม และการพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล : ได้สั่งการให้หน่วยปฏิบัติการพิเศษ ส่งกำลังพลชุดปฏิบัติการเข้าร่วมช่วยเหลือ ทั้งในส่วนของกองบัญชาการตำรวจนครบาล , กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง , กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน , ตำรวจภูธร รวมทั้งมีสุนัขตำรวจ และโดรนตรวจจับความร้อน ร่วมหน่วยเกี่ยวข้องสำรวจช่วยเหลือผู้ที่ติดอยู่ในภายในตึก ซึ่งขณะนี้ยังร่วมทำงานเข้มข้นต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังสั่งการให้สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ ทำการพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล พร้อมขอฝากประชาสัมพันธ์ญาติผู้ได้รับผลกระทบสูญหายจากเหตุอาคารถล่มเนื่องจากแผ่นดินไหว ให้มาตรวจเก็บ DNA เพื่อตรวจเปรียบเทียบได้ที่สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ  

2) การดูแลอำนวยการจราจร : ได้สั่งระดมตำรวจจราจรทุกพื้นที่ออกให้การจราจรดูแลพี่น้องประชาชน มีกองบังคับการตำรวจจราจรเป็นหน่วยงานในการบริหารจัดการจราจร  มีการจัดกำลังเป็นชุดปฏิบัติรถนำรถพยาบาล ขนย้ายผู้ป่วย ขนย้ายเครื่องมือ กำลังพล เพื่อให้สามารถช่วยเหลือเหตุได้อย่างรวดเร็วทันต่อสถานการณ์ ขณะนี้ภาพรวมการจราจรเริ่มสู่สถานการณ์ปกติ เหลือเพียงจุดด่วนดินแดงที่ยังปิดให้บริการ ซึ่งได้ประสานงานกับเอกชน เพื่อให้สามารถเปิดการจราจรให้เร็วที่สุดและต้องปลอดภัยที่สุดด้วย 

3) การดูแลความปลอดภัย : ได้สั่งการให้ทุกสถานีตำรวจนครบาลที่มีการเปิดสวนสาธารณะ หรือสถานที่อื่นๆ ให้เป็นที่พักชั่วคราวของประชาชน ต้องจัดสายตรวจดูแลความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งการเพิ่มความเข้มป้องกันมิจฉาชีพที่จะฉวยโอกาสซ้ำเติมพี่น้องประชาชน โดยจะต้องเพิ่มวงรอบตรวจตรามากขึ้น รวมทั้งการปฏิบัติการทางสื่อโซเชียล ออนไลน์ โดยมอบหมายให้ตำรวจไซเบอร์เฝ้าระวังการส่ง SMS หรือกลลวงต่างๆ ที่จะไปหลอกหลวงประชาชน หากพบให้รีบดำเนินการจับกุม มิให้เป็นเยี่ยงอย่าง 

นอกจากนี้ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ผบ.ตร.ได้เน้นย้ำกับกำลังพลทุกภาคส่วน “ทุกวินาทีมีค่า” ตำรวจจะต้องทำงานอย่างหนักและต่อเนื่องในห้วงนี้ ร่วมกับหน่วยงานเกี่ยวข้อง เร่งสนับสนุน ช่วยเหลือค้นหาผู้ประสบภัย รักษาชีวิต จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย รวมทั้งการปกป้องรักษาความปลอดภัยให้กับพี่น้องประชาชน การดูแลอำนวยความสะดวกการจราจรอย่างเต็มกำลัง รวมทั้งได้สั่งการให้ผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้น ลงไปตรวจสอบดูแลอาคาร ที่พัก ความปลอดภัยของข้าราชการตำรวจ ดูแลสวัสดิการความเป็นอยู่ของผู้ใต้บังคับบัญชา และช่วยเหลือทุกด้าน

ทั้งนี้ หากพี่น้องประชาชนต้องการความเหลือสามารถติดต่อที่หมายเลข 191 หรือ 1599 หรือติดต่อสอบถามการจราจรที่สายด่วนกองบังคับการตำรวจจราจรกลาง 1197 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

กองทัพเรือสาธารณรัฐประชาชนจีน จัดงานเลี้ยงรับรองกำลังพลหมู่เรือฝึกผสม Blue Strike 2025 บนเรือรบจีน

(31 มี.ค. 68) บนเรือรบจีน บริเวณท่าเทียบเรือ Maxie เมืองจ้านเจียง สาธารณรัฐประชาชนจีน กองทัพเรือสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้จัดงานเลี้ยงรับรองกำลังพลหมู่เรือฝึกผสม Blue Strike 2025 บนเรือรบจีน ในโอกาสที่เดินทางเข้าร่วมการฝึกผสม Blue Strike 2025  

โดยมี พลเรือโท กรวิทย์ ฉายะรถี รองผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ ผู้แทนกองทัพเรือ และพลเรือตรี วีระชัย หลีค้า รองผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ผู้แทน ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน พร้อมด้วยคณะผู้บังคับบัญชา และกำลังพลหมู่เรือฝึกผสม Blue Strike 2025 รวมทั้งนักเรียนนายเรือ ได้เข้าร่วมงานเลี้ยงรับรองบนเรือรบจีน บริเวณท่าเทียบเรือ Maxie เมืองจ้านเจียง สาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อเป็นการเชื่อมความสัมพันธ์ไมตรี เสริมสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ และพัฒนาความร่วมมือในการรักษาสันติภาพและความมั่นคงในภูมิภาค

นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี รายงาน 0909535645

เปิดการฝึกผสม BLUE STRIKE 2025 ณ สาธารณรัฐประชาชนจีน 

(29 มี.ค. 68) พลเรือตรี วีระชัย  หลีค้า รองผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ผู้แทน ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน กองทัพเรือไทย เข้าร่วมพิธีเปิดการฝึกผสม BLUE STRIKE 2025 การฝึกผสม BLUE STRIKE เป็นการฝึกแบบทวิภาคี ระหว่างกองทัพเรือไทย และกองทัพเรือจีนมีวงรอบการฝึกทุก 2 ปี และผลัดเปลี่ยนกันเป็นเจ้าภาพในแต่ละครั้ง การ ฝึกนับเป็นโอกาสอันดีในการกระชับความสัมพันธ์แลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน อีกทั้งยังเป็นการสะท้อนความมีมิตรภาพที่ ดีระหว่างกันที่มีมาอย่างยาวนาน ตั้งแต่อดีตมาจนปัจจุบันให้แน่นแฟ้นมากยิ่ขึ้น นับตั้งแต่ได้มีการฝึกผสมครั้งแรก เมื่อ คริสต์ศักราช 2010 หรือ 15 ปี ที่ผ่านมา

โดยมี พลเรือโท หม่าลี่ ซิน รองผู้บัญชาการทหารเรือ สาธารณรัฐประชาชนจีน ผู้อำนวยการฝึกผสม BLUE STRIKE 2025 เป็นประธานในพิธีฯ 

ในครั้งนี้ เป็นการฝึกครั้งที่ 6 มีวัตถุประสงค์ เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจ และแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างกองทัพเรือไทยกับกองทัพเรือสาธารณรัฐประชาชนจีน ในด้านการฝึกการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม และบรรเทาภัยพิบัติ (HADR) และการปฏิบัติการทางเรือ รวมทั้งการฝึกปฏิบัติการทางยุทธวิธีของนาวิกโยธิน แบบหน่วยทหารขนาดเล็ก ตลอดจนเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างกัน โดยมีกำลังพลที่เข้าร่วมฝึกทั้งในส่วนของกำลังทางเรือ และกำลังนาวิกโยธิน ระหว่าง 18 มีนาคม - 10 เมษายน 2567 

#กองทัพเรือ
#นาวิกโยธิน 
#กองพลนาวิกโยธิน
#กองพันรถถังกองพลนาวิกโยธิน
#BLUESTRIKE2025
#เมื่อรบต้องชนะ
#นำดีตามดี
#SmartMarines
#จงรักภักดี_รู้หน้าที่_มีวินัย
#กองทัพเรือที่ประชาชนเชื่อมั่นและภาคภูมิใจ
#เทิดทูนสถาบัน_ป้องกันรัฐ_พัฒนาชาติ_ราษฎร์ศรัทธา
#MONARCHY_COUNTRY_GOVERNMENT_PEOPLE

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสมาคมแม่บ้านตำรวจ ไม่ทอดทิ้งตำรวจเสียสละอุทิศตนเลือกประชาชนจนได้รับบาดเจ็บ ล่าสุดเยี่ยมให้กำลังใจและช่วยเหลือตำรวจฮีโร่ที่บาดเจ็บจากการเข้าระงับเหตุที่เทอร์มินอล 21 และตำรวจอีโอดีที่บาดเจ็บจากเหตุระเบิดใน จ.ยะลา

(31 มี.ค. 68) เวลา 10.30 น. พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย คุณนภัสนันท์ วุฒิจรัสธำรงค์ กรรมการบริหารสมาคมแม่บ้านตำรวจ ระดับ ตร./ประธานที่ปรึกษาโครงการครอบครัวตำรวจ เราไม่ทิ้งกัน (ด้านตำรวจทุพพลภาพ) , คุณสมฤทัย บุญสม ประธานชมรมแม่บ้านตำรวจนครบาล ,
พล.ต.ต.วรศักดิ์ พิสิษฐบรรณกร ผู้บังคับการกองสารนิเทศ/รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ , พ.ต.อ.เด่นหล้า รัตนกิจ รองผู้บังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ (รอง ผบก.สปพ.) , ว่าที่ พ.ต.อ.อาทิตย์ วงษ์จันนา ผกก.ต่อต้านการก่อการร้าย บก.สปพ. ,พ.ต.ท.เชษฐพร บัวจันทร์ รอง ผกก.ต่อต้านการก่อการร้าย บก.สปพ. , พ.ต.อ.มนัส รุ่งนาค หัวหน้าสำนักงานสมาคมแม่บ้านตำรวจ และคณะแม่บ้านตำรวจฯ เข้าเยี่ยมให้กำลังใจ "จ.ส.ต.กฤษดา  การุญ" ผบ.หมู่ กองร้อยปฏิบัติการพิเศษที่ 2 กองกำกับการต่อต้านการก่อการร้าย กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ ตำรวจฮีโร่ที่บาดเจ็บสาหัสจากการถูกคนร้ายยิงเข้าที่ศีรษะ ขณะเข้าระงับเหตุที่ห้างเทอร์มินอล 21 จ.นครราชสีมา เมื่อปี 2563 ณ บ้านพักอิสระกองบินตำรวจ โดย พล.ต.ท.ธนายุตม์ฯ และ คุณนภัสนันท์ฯ เป็นผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสมาคมแม่บ้านตำรวจ มอบสิ่งของและเงินช่วยเหลือให้แก่ จ.ส.ต.กฤษดา การุญ เพื่อเป็นขวัญกำลังใจ และยกย่องในความกล้าหาญ ถือเป็นแบบอย่างของการปฏิบัติหน้าที่ของ “ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” อย่างแท้จริง จากนั้นคณะได้เยี่ยมชมและอุดหนุนสินค้าจากร้านของครอบครัว จ.ส.ต.กฤษดาฯ ที่เปิดขายบริเวณหน้าบ้านพัก เพื่อหารายได้พิเศษด้วย 

จากนั้น พล.ต.ท.ธนายุตม์ฯ พร้อมด้วย คุณนภัสนันท์ฯ , คุณจิดาภา ปุระธนานนท์ รักษาการประธานชมรมแม่บ้านตำรวจภูธรภาค 7 , พล.ต.ต.ไพศาล พฤกษจำรูญ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 , พล.ต.ต.วัชรินทร์ ประสพดี ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุพรรณบุรี , พ.ต.อ.มนัส รุ่งนาค หัวหน้าสำนักงานสมาคมแม่บ้านตำรวจ , คณะข้าราชการตำรวจ และคณะแม่บ้านตำรวจฯ เข้าเยี่ยมให้กำลังใจ ร.ต.ท.ยุทธนา เทพสถิต รอง สว.กก.ตชด 14 เจ้าหน้าที่ชุดอีโอดี ค่ายพระมงกุฎ ซึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัสจากเหตุระเบิดที่ ต.กาตอง ต.บาโร๊ะ จ.ยะลา เมื่อปี 2560 ปัจจุบันพักรักษาตัวที่บ้านพักใน จ.สุพรรณบุรี โดย พล.ต.ท.ธนายุตม์ฯ และ คุณนภัสนันท์ฯ เป็นผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสมาคมแม่บ้านตำรวจ มอบสิ่งของและเงินช่วยเหลือให้แก่ ร.ต.ท.ยุทธนาฯ เพื่อเป็นขวัญกำลังใจ ตามนโยบายของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ คุณกนกวรรณ พันธุ์เพ็ชร์ นายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ ตามโครงการ “ครอบครัวตำรวจ เราไม่ทิ้งกัน” 

สบส.จัดสัมมนาพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการและสถาบันการศึกษาด้านการบริการเพื่อสุขภาพเสริมมาตรฐานการเรียนการสอน

กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กระทรวงสาธารณสุข จัดสัมมนาพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการ ในสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ สถาบันการศึกษาภาครัฐและเอกชน เดินหน้าพัฒนา ควบคุม กำกับมาตรฐาน การจัดการเรียนการสอนด้านการบริการเพื่อสุขภาพ รวมถึงสร้างความรู้ ความเข้าใจในการเป็นแหล่งฝึกปฏิบัติทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติที่มีคุณภาพ พร้อมส่งบุคลากรด้านการบริการเพื่อสุขภาพสู่การทำงานจริง ทันตแพทย์อาคม ประดิษฐสุวรรณ รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กล่าวว่า จากแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 (2566-2570) หมุดหมายที่ 4 ไทยเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์และสุขภาพมูลค่าสูง

ซึ่งกรม สบส. มีนโยบายในการดำเนินงานเพื่อตอบรับกับแผนชาติ ด้วยการส่งเสริม พัฒนาควบคุม กำกับมาตรฐานสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ บุคลากร และมาตรฐานการจัดการเรียนการสอนหลักสูตรด้านการบริการเพื่อสุขภาพของสถาบันการศึกษา หน่วยงาน หรือองค์กรต่าง ๆ  ซึ่งปัจจุบันมีสถานประกอบการที่ผ่านการอนุญาต 17,093 แห่ง แบ่งเป็น กิจการสปา 1,153 แห่ง กิจการนวดเพื่อสุขภาพ 14,673 แห่ง กิจการนวดเพื่อเสริมความงาม 233 แห่งและกิจการการดูแลผู้สูงอายุหรือผู้มีภาวะพึ่งพิง 1,034 แห่ง และมีสถาบันการศึกษาที่ผ่านการรับรองหลักสูตรฯ 

จากกรม สบส. 621 สถาบัน ได้แก่ หลักสูตรนวดสปา 419 แห่ง หลักสูตรผู้สูงอายุหรือผู้มีภาวะพึ่งพิง 202 แห่ง
และเพื่อเป็นการส่งเสริมพัฒนา ควบคุม กำกับมาตรฐานสถาบันการศึกษาและสถานประกอบการเพื่อสุขภาพให้มีมาตรฐานตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดตามพระราชบัญญัติสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ พ.ศ. 2559 และยกระดับมาตรฐานการศึกษาและการฝึกปฏิบัติการทำงานจริงไปพร้อมกับการเรียนรู้ให้มีคุณภาพสูงขึ้น ตอบสนองต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติอย่างยั่งยืน จึงได้จัดสัมมนาพัฒนาศักยภาพสถาบันการศึกษา หน่วยงานหรือองค์กรต่างๆ ที่จัดการเรียนการสอนด้านการบริการเพื่อสุขภาพ และสถานประกอบการเพื่อสุขภาพขึ้น

ทันตแพทย์อาคม รองอธิบดีกรม สบส. กล่าวต่อว่า การสัมมนาครั้งนี้นับเป็นการขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจสุขภาพ สร้างกระบวนการพัฒนาบุคลากรและการให้บริการที่เป็นมาตรฐาน ตลอดจนถือเป็นการคุ้มครองผู้บริโภค ด้านการบริการเพื่อสุขภาพ ทำให้ผู้รับบริการในสถานประกอบการได้รับการบริการและการดูแลที่มีคุณภาพมาตรฐานจากบุคลากรที่มีคุณภาพ เพื่อให้เศรษฐกิจสุขภาพเติบโตอย่างยั่งยืน

เจนกิจ นัดไธสง รายงาน

เอกอัครราชทูตจีนแสดงความเสียใจ พร้อมหนุนไทยหาสาเหตุอาคารถล่ม

(1 เม.ย. 68) นายหาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย กล่าวแสดงความเสียใจต่อผู้เสียชีวิต และยืนยันว่าทางการจีนจะร่วมมือกับไทยในการสืบหาสาเหตุ เนื่องจากมีบริษัทจีนเกี่ยวข้องกับการก่อสร้างอาคารนี้ โดยรัฐบาลจีนได้สั่งให้บริษัทผู้ก่อสร้างให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ พร้อมทั้งให้ความเชื่อมั่นว่าการสอบสวนของทางการไทยจะเป็นไปอย่างยุติธรรม

ขณะที่ นายอนุทินกล่าวขอบคุณทางการจีนที่ให้การสนับสนุนช่วยเหลือประเทศไทยเมื่อเกิดเหตุสาธารณภัยมาโดยตลอด โดยเฉพาะเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งนี้ ซึ่งสร้างความเสียหายรุนแรงที่สุดที่อาคาร สตง. แห่งใหม่ที่พังถล่ม 

ส่วนอาคารอื่น ๆ ทั้งในกรุงเทพมหานครและจังหวัดอื่น ๆ ได้รับความเสียหายเพียงเล็กน้อยและยังสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ทางการไทยจึงเร่งสืบหาสาเหตุของการถล่ม เนื่องจากอาคารดังกล่าวเพิ่งสร้างเสร็จและถูกออกแบบให้ทนต่อแผ่นดินไหว กระทรวงมหาดไทยจึงแต่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง โดยให้รายงานผลภายใน 7 วัน

ไต้หวันถอนทีมกู้ภัยที่เตรียมเดินทางไปเมียนมา เหตุวิกฤติการเมืองภายในยังคงรุนแรง กองทัพกบฏยังทิ้งระเบิดไม่เลิก

(1 เม.ย. 68) สำนักข่าว Focus Taowan รายงานว่า นายหลิว ซื่อ ฟาง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยของไต้หวัน แถลงเมื่อวันจันทร์ที่ 31 มีนาคม 2568 ว่ารัฐบาลได้ตัดสินใจยุบทีมกู้ภัยที่เตรียมเดินทางไปยังเมียนมาเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากแผ่นดินไหวขนาด 7.7 ริกเตอร์ ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อช่วงบ่ายวันศุกร์ที่ผ่านมา

นายหลิวระบุว่า การตัดสินใจดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากกระทรวงมหาดไทยไต้หวันได้พิจารณาสถานการณ์ด้านความปลอดภัยอย่างรอบคอบ โดยเฉพาะความขัดแย้งทางทหารที่ทวีความรุนแรงขึ้นระหว่างกองทัพเมียนมาและกลุ่มกบฏในพื้นที่ ทำให้การส่งทีมกู้ภัยเข้าไปปฏิบัติงานในพื้นที่ประสบภัยอาจเป็นอันตรายอย่างมาก

“แม้เราต้องการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม แต่สถานการณ์ความขัดแย้งที่ยังดำเนินอยู่ทำให้เราต้องตัดสินใจเช่นนี้เพื่อความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่” นายหลิวกล่าว

ขณะที่ รายงานของสื่อระหว่างประเทศระบุว่า กองทัพเมียนมายังคงโจมตีพื้นที่บางส่วนในประเทศที่กำลังอยู่ในภาวะสงคราม ซึ่งเป็นช่วงหลังจากเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในประเทศ จนถึงขณะนี้มีรายงานว่าคร่าชีวิตผู้คนไปแล้วกว่า 1,700 ราย โดยสหประชาชาติได้กล่าวถึงการโจมตีครั้งนี้ว่า “เป็นสิ่งที่น่ารังเกียจและไม่สามารถยอมรับได้อย่างสิ้นเชิง”

สำหรับเหตุการณ์แผ่นดินไหวดังกล่าวส่งผลกระทบรุนแรงต่อหลายพื้นที่ของเมียนมา โดยมีรายงานความเสียหายเป็นวงกว้าง ขณะที่ประชาคมระหว่างประเทศกำลังเร่งพิจารณาวิธีการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมอย่างเหมาะสมต่อไป

ทั้งนี้ รัฐบาลไต้หวันยืนยันว่าจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และพร้อมให้การสนับสนุนในรูปแบบอื่นที่เหมาะสมโดยไม่กระทบต่อความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่และอาสาสมัคร

ทีมกู้ภัยจากจีน 15 คน เดินทางถึงมัณฑะเลย์แล้ว พร้อมเริ่มปฏิบัติการช่วยเหลือภัยพิบัติแผ่นดินไหวในเมียนมา

(1 เม.ย. 68) สมาชิกจากหน่วยรับมือเหตุฉุกเฉินระหว่างประเทศของสภากาชาดจีนจำนวน 15 คน เดินทางถึงเมืองมัณฑะเลย์ของเมียนมาเมื่อช่วงเช้าวันจันทร์ที่ 31 มีนาคมที่ผ่านมา เพื่อเริ่มปฏิบัติการบรรเทาภัยจากเหตุแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นในพื้นที่

การเดินทางของทีมกู้ภัยครั้งนี้ได้รับการประสานงานจากกระทรวงการจัดการเหตุฉุกเฉินของจีน และสภากาชาดจีน โดยทีมงานจะทำหน้าที่ให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัย พร้อมกับประเมินสถานการณ์และให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวครั้งนี้

เหตุแผ่นดินไหวในเมียนมาร์ครั้งนี้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อหลายพื้นที่ รวมถึงเมืองมัณฑะเลย์ ซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ได้รับความเสียหาย ทีมกู้ภัยจากจีนจะทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นเพื่อค้นหาผู้รอดชีวิต และช่วยเหลือผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าว

“ด้วยความร่วมมือกับสภากาชาดเมียนมา เราเตรียมให้การสนับสนุนฉุกเฉินในด้านต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับที่พักพิง อาหาร และน้ำ การช่วยเหลือทางการแพทย์สำหรับผู้บาดเจ็บ การสนับสนุนการจัดการศพอย่างปลอดภัย การช่วยให้สมาชิกในครอบครัวที่พลัดพรากจากกัน หรือไม่ทราบชะตากรรมและที่อยู่ของคนที่พวกเขารัก ได้กลับมาพบกันอีกครั้ง” เดอ แบ็ก ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (ICRC) ประจำประเทศเมียนมา กล่าว

ทั้งนี้ ทีมกู้ภัยจีนถือเป็นส่วนสำคัญในการเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อรับมือกับภัยพิบัติครั้งนี้ พร้อมทั้งแสดงถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุแผ่นดินไหว
 

เกิดเหตุไฟไหม้ท่อก๊าซปิโตรนาสในเมืองปุตราจายา ไฮท์ส ประเทศมาเลเซีย ส่งผลให้บ้านเรือนพังเสียหายหนัก เจ้าหน้าที่กำลังเร่งช่วยเหลือ-ค้นหาผู้ติดอยู่ใต้ซาก

(1 เม.ย. 68) เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เกิดเหตุเพลิงไหม้รุนแรงที่ท่อส่งก๊าซในเมือง ปุตราจายา ไฮท์ส (Putra Heights) รัฐสลังงอร์ ของประเทศมาเลเซีย ส่งผลให้บ้านเรือนหลายหลังได้รับความเสียหายอย่างหนัก โดยเจ้าหน้าที่กู้ภัยกำลังเร่งค้นหาผู้ที่อาจติดอยู่ใต้ซากอาคาร

เจ้าหน้าที่ดับเพลิงได้รับแจ้งเหตุเมื่อช่วงค่ำ และระดมกำลังเข้าควบคุมเพลิง ขณะที่ยังไม่สามารถระบุจำนวนผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตได้แน่ชัด เนื่องจากเพลิงไหม้กินพื้นที่เป็นบริเวณกว้างและทำให้โครงสร้างอาคารบางส่วนพังถล่ม

อาห์มัด มุกห์ลิส มุกห์ตาร์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการของหน่วยงานดับเพลิงและกู้ภัยประจำรัฐสลังงอร์ เผยว่าเหตุเพลิงไหม้เกิดขึ้นใกล้กับย่านที่พักอาศัยของประชาชน ซึ่งเจ้าหน้าที่ดับเพลิงพร้อมกับหน่วยงานอื่นๆ ได้อพยพผู้อยู่อาศัยในพื้นที่ดังกล่าวแล้ว โดยส่วนของท่อก๊าซที่มีไฟลุกไหม้นั้นยาวราว 500 เมตร

ล่าสุด เจ้าหน้าที่ที่เกิดเหตุได้ปิดวาล์วแล้วและกำลังรอให้แก๊สหมดจึงจะสามารถดับไฟได้ ตามรายงานของศูนย์ปฏิบัติการ SMART Selangor (SSOC) และรายงานอีกว่ามีคนจำนวนหนึ่งติดอยู่ในบ้านที่ถูกไฟไหม้ใกล้ ปุตราจายา ไฮท์ส หลังจากท่อส่งก๊าซในบริเวณนั้นเกิดไฟไหม้

ตามรายงานของศูนย์ปฏิบัติการ SMART Selangor ระบุว่าบ้านที่ได้รับผลกระทบคือบ้านที่อยู่ใน กัมปง ซุงไก บารู (Kampung Sungai Baru) และสาเหตุของเพลิงไหม้นั้น เกิดจากท่อส่งก๊าซแห่งหนึ่งของปิโตรนาส (Petronas) รั่ว ตามที่ JBPM สลังงอร์ระบุในแถลงการณ์

ทั้งนี้ ประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียงถูกสั่งให้อพยพออกจากจุดเสี่ยง เนื่องจากเกรงว่าจะเกิดการระเบิดซ้ำจากแรงดันก๊าซที่ยังคงค้างอยู่ในระบบ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่กำลังเร่งสืบสวนหาสาเหตุของเหตุการณ์ครั้งนี้

หน่วยฉุกเฉินและทีมกู้ภัยยังคงปฏิบัติภารกิจค้นหาผู้รอดชีวิต ขณะที่เจ้าหน้าที่เตือนให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการเข้าใกล้พื้นที่เกิดเหตุเพื่อความปลอดภัย

สมเด็จพระเจ้าชาลส์ที่ 3 ทรงส่งพระราชสาส์นแสดงความเสียพระราชหฤทัย และความห่วงใยถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หลังแผ่นดินไหวในประเทศไทย

(1 เม.ย. 68) สมเด็จพระเจ้าชาลส์ที่ 3 แห่งสหราชอาณาจักรทรงส่งพระราชสาส์นถึงพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เพื่อแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ ซึ่งส่งผลกระทบต่อประเทศไทย เมียนมา และประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ในพระราชสาส์น พระราชเจ้าชาลส์ที่ 3 ทรงมีพระราชดำรัสว่า “ฝ่าพระบาท หม่อมฉันและพระราชินีรู้สึกเสียใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้ทราบถึงเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ ซึ่งส่งผลกระทบต่อประเทศเมียนมา ประเทศไทย และประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาค หม่อมฉันรับทราบถึงความโศกเศร้าและความสูญเสียที่ประชาชนในประเทศไทยกำลังประสบอยู่ อันเนื่องมาจากภัยธรรมชาติที่สร้างความเสียหายเป็นอย่างมาก”

พระราชสาส์นยังทรงกล่าวเพิ่มเติมว่า ทั้งพระองค์และพระราชินีขอแสดงความเห็นใจอย่างสุดซึ้งและร่วมปวดร้าวไปกับประชาชนไทยที่ได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติในครั้งนี้ 

ทั้งนี้ สมเด็จพระเจ้าชาลส์ที่ 3 ยังทรงยืนยันความพร้อมในการสนับสนุนและให้ความช่วยเหลือทางการบรรเทาภัยพิบัติแก่ประเทศไทยในทุกด้าน

พระราชสาส์นฉบับนี้เป็นการแสดงถึงความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นและการแสดงออกถึงความห่วงใยระหว่างพระราชวงศ์แห่งสหราชอาณาจักรและราชวงศ์ไทยในยามที่มีเหตุการณ์ภัยพิบัติเกิดขึ้น


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top