Thursday, 15 May 2025
NewsFeed

เปิด 4 ตัวเลือกพรรคภูมิใจไทย สนามเลือกตั้งเขต 8 นครศรีฯ ศึกนี้!! ไม่มีใครหลีกใคร ‘สจ.กระวี-สุนทร’ ตัวเต็ง ตัวตึง

(16 มี.ค. 68) ถ้าผลการตัดสินของศาลอุทธรณ์ในวันที่ 26 มีนาคมนี้ออกมาในทางลบ คดีใบแดงของ “มุกดาวรรณ เลื่องสีนิล” สส.เขต 8 นครศรีธรรมราช พรรคภูมิใจไทย สนามเลือกตั้งนี้จะเป็นสนามเลือกตั้งที่สู้กันดุเดือด ไม่มีใครยอมใครในพรรคร่วมรัฐบาล

คำว่า “ให้เกียรติ์“ เจ้าของพื้นที่เดิม (เขต 8 ประกอบด้วย อ.ฉวาง นาบอน ช้างกลาง และพิปูน)
คงจะไม่ได้ยินแน่นอน เพราะจะเป็นสนามวัดดวง ชี้อนาคตทางการเมืองในภาคใต้ในอนาคต และทุกพรรคจะระดมระดับแกนนำของพรรคลงลุยเต็มอัตราศึกแน่นอน

พรรคประชาธิปัตย์วันนี้ยืนยันจากปากของ ”ชินวรณ์ บุณยะเกียรติ์“เองว่า จะย้ายกลับมาลงสมัครเขต 8 ทวงคืนแชมป์ด้วยตัวเอง ซึ่งตรงกับ ”แทน-ชัยชนะ เดชเดโช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ภาคใต้ก็ยืนยันว่า ส่งพี่ชินลง

พรรคกล้าธรรม “บิ๊กโอ” สจ.ก้องเกียรติ์ เกตุสมบัติ ฐานะหนึ่งคือลูกเจยของชินวรณ์ ที่ช่วงหลังใกล้ชิดกับ รอ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม และ รอ.ธรรมนัส ก็สนับสนุนบิ๊กโอเต็มที่ด้วยบุคคลิก และอะไรที่เข้ากันได้ดี เมื่อจังหวะ และโอกาสมาถึงบิ๊กโอ จึงขอลงสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรคกล้าธรรม

บิ๊กโอ ตั้งใจจะลงสมัคร สส.ตั้งแต่คราวที่แล้ว ในนามพรรคประชาธิปัตย์ แต่การจัดสรรคนไม่ลงตัว เมื่อบุณยเกียรติ์ ลงสมัครถึงสองเขต ทำให้บิ๊กโอพลาดโอกาสนั้นไป ทั้งๆที่ลาออกจาก ส.อบจ.มานั่งรออยู่แล้ว 

สนามเลือกตั้งเขต 8 จะเป็นสนามแรกของพรรคกล้าธรรมในการกรุยศึกเลือกตั้ง เพราะเป็นพรรคใหม่ที่มี สส.จากพรรคพลังประชารัฐย้ายมาสังกัดถึง 23 คน และมี สส.เดิมที่ย้ายมาเช่นกันอีก 1 คน

สนามเลือกตั้งเขต 8 จึงเป็นสนามพิสูจน์ฝีมือ เพื่อเดินหน้าลุยสำหรับการเลือกตั้งปี 70 และสนามเลือกตั้งภาคใต้น่าจะเป็นสนามหลักที่พรรคกล้าธรรม จะเข้ามาหวังเสียบแทนพรรคเก่าที่ค่อยๆอ่อนแอลง โดยเฉพาะในสามจังหวัดชายแดนใต้ 12 ที่นั่ง น่าสนใจยิ่งเมื่อ “วันนอร์-วันมูหะหมัดนอร์ มะทา” ประกาศวางมือทางการเมืองกับวัยที่เริ่มโรยรา

พรรครวมไทยสร้างชาติ ยังพอมีพลังในการสู้สึกกับผลงานของสองขุนพล “พีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค” รมว.พลังงาน และ “ขิง-เอกนัฐ พร้อมพันธ์” รมว.อุตสาหะกรรม ที่จับมือกันสร้างผลงาน สู้กับทุนพลังงาน รื้อโครงสร้างพลังงานใหม่ ถ้าผลงานผ่าน จะช่วยลดค่าใช้จ่ายภาคครัวเรือน ภาคขนส่งลงไปได้มาก สามารถแปรมาเป็นคะแนนเสียงได้

เมื่อสนามเขต 8 ว่างลง ก็ต้องไม่พลาด เล็งไปที่ ดร.คมเดช มัชฌิมวงค์ ที่เคยลงสมัครรับเลือกตั้ง เขต 7 ทุ่งใหญ่ ในนามพรรคพลังประชารัฐ สนใจว่าย้ายมาลงเขตนี้ เนื่องจากเป็นคนพิปูน เคยเป็นนายกฯอบต.อยู่ที่พิปูน และสนใจพรรครวมไทยสร้างชาติด้วย ช่วงหลังเห็นภาพทางโซเขี่ยล ลงพื้นที่ถี่ยิบ

พรรคประชาชน กรรมการบริหารพรรคประชาชน มีมติให้ณัฐกิตต์ อยู่ด้วง ลงสมัครรับเขตเลือกตั้งที่ 8 จ.นครศรีธรรมราช ในนามของพรรคประชาชนไปแล้ว แต่โอกาสของพรรคประชาชนสำหรับพื้นที่ภาคใต้ น่าจะยังยากอยู่ เว้นแต่จะมีผู้สมัครที่โดดเด่นจริงๆ คนยังติดภาพกับการแก้ ม.112 อันเกี่ยวโยงกับสถาบันพระมหากษัตริย์

น่าสนใจคือพรรคภูมิใจไทย เจ้าของพื้นที่เดิมจะหยิบใครมาลงสมัคร ที่ใช้คำว่าหยิบ เพราะมีตัวเลือกให้พิจารณาไม่น้อยกว่า 4 คน คนแรกคือ “ไสว เลื่องสีนิล” สามีของ สส.มุกนั้นเอง ที่ผ่านมาก็ทำงานพื้นที่ให้ สส.มุกอยู่ อยู่ที่พรรคว่าจะยังเลือกสกุล “เลื่องสีนิล”ให้ลงสมัครอีกหรือไม่กับตัวเลือกใหม่ ตัวเลือกใหม่ เช่น สุนทร รักษ์รงค์ ที่คราวที่แล้วได้มาอันดับ 2 พ่ายให้กับ สส.มุก เพียงไม่กี่คะแนน ซึ่งสุนทร น่าจะมีคะแนนเป็นกอบเป็นกำในแวดวงชาวสวนยาง ที่สุนทรทำงานคลุกคลีกับชาวสวนยางมานาน

อีกตัวเลือกหนึ่งของพรรคภูมิใจไทย และถือเป็นคนรุ่นใหม่ที่น่าให้การสนับสนุน สจ.กระวี หวานแก้ว ที่เคยลงสมัคร สส.พรรคภูมิใจไทย เขต 5. นครศรีธรรมราช 

มี อ.พิปูน อ.ฉวาง อ.ถ้ำพรรณรา อ.ทุ่งใหญ่ (ปี 2562) แต่ครั้งนั้น สจ.กระวี ยังสอบไม่ผ่าน เพราะยังใหม่กับการเมืองอยู่มาก

สจ.กระวี ปัจจุบันเป็นผู้ชำนาญการประจำตัว สว.ณัฐกิตติ์ หนูรอด สว.นครศรีฯถือเป็นรุ่นใหม่ของพรรคภูมิใจไทย เป็นเด็กนักเรียนนอก 

จบการศึกษาจาก มหาวิทยาลัยแห่งรัฐ นิวเซาท์เวลส์(UNSW) มหาวิทยาลัยชั้นนำของโลก เกิดที่ ต.กะเปียด อ.ฉวาง ผลงานวิจัยเชิงวิชาการมากมาย จบปริญญาตรี วิศวกรรมศาสตร์บัณฑิต อิเล็กทรอนิคส์ ศรีปทุม ปริญญาตรี รัฐศาสตร์บัณฑิตรามคำแหง รุ่น 22 เคยเป็นสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (ส.อบจ.) นครศรีธรรมราช เขต อ.ฉวาง นาน 7 ปี 

ผลงานที่ประจักษ์ และเป็นรูปธรรมมากมาย

ที่มุ่งมั่นมากคือการพัฒนาเขาศูนย์ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวของ อยู่.ฉวาง

อีกตัวเลือกหนึ่งที่เสนอตัวจะขอลงสมัครในนามพรรคภูมิใจไทยเช่นกันคือ นาวาเอกสมเกียรติ์ ทรงสวัสดิ์ ผู้บังคับการหมวดเรือ ศรชล.ภาค 2 นักเรียนเตรียมทหาร รุ่น 30 นักเรียนนายเรือ รุ่น 87 จบปริญญาโทรัฐประศาสนศาสตร์ รุ่น 30 จากสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) มีผ่านการอบรมหลักสูตรต่างๆมากมาย แต่ส่วนใหญ่เกี่ยวกับการทหาร ส่วนประสบการณ์ และงานการเมืองยังถือว่าน้อย แม้จะเคยทำงานอยู่ในพื้นที่นครศรีฯก็ตาม

ถ้าพิจารณาจากโปรไฟล์ของ 4 คนของพรรคภูมิใจไทยแล้ว “สจ.กระวี -สุนทร” น่าสนใจมากที่สุด โดยพิจารณาคู่แข่งร่วมด้วย อีกสิบวันก็จะรู้แล้วว่า อนาคตของ สส.มุกดาวรรณ จะบวกหรือลบ แต่ขออนุญาตรีวิวให้เห็นภาพของการแข่งขันให้เห็นคร่าวๆ ขอจริงรอสนามเปิดครับ

‘ดร.สามารถ’ ลั่น!! พูดได้ไง?? พระราม 2 ถล่ม เป็น ‘เหตุสุดวิสัย’ ชี้!! ‘วสท.’ ต้องเคลียร์ ไม่เปิดช่อง ให้คนผิด ปัดความรับผิดชอบ

(16 มี.ค. 68) ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ฝ่ายโยธาและจราจร สมัยนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับเหตุ ‘พระราม 2’ โดยมีใจความว่า …

เช้ามืดของวันเสาร์ที่ 15 มีนาคม 2568 มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นจากการก่อสร้างทางด่วนพระราม 3-ดาวคะนอง-วงแหวนรอบนอกด้านตะวันตก ซึ่งจะเชื่อมต่อกับมอเตอร์เวย์ที่กำลังก่อสร้างบนถนนพระราม 2 ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บหลายราย 

หลังจากเกิดอุบัติเหตุดังกล่าว ผู้แทนวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) คนหนึ่งได้ไปตรวจดูพื้นที่พร้อมกับให้สัมภาษณ์ โดยสรุปได้ว่าอุบัติเหตุครั้งนี้ “เป็นเหตุสุดวิสัย” ที่เกิดจากสภาพการเปลี่ยนแปลงของดิน ทำให้การรับน้ำหนักปูนกว่า 10 ตันเกิดการเอียง จนตัวแม่แบบหลุดออกมาและถล่ม

ผมในฐานะวิศวกรและสมาชิก วสท. คนหนึ่งไม่เห็นด้วยกับคำให้สัมภาษณ์ดังกล่าว เนื่องจากการอ้างว่า “เป็นเหตุสุดวิสัย” นั้น เป็นการให้สัมภาษณ์โดยที่ยังไม่ได้ตรวจสอบอย่างละเอียดตามหลักวิศวกรรม 

“เหตุสุดวิสัย” หมายถึงสถานการณ์หรือเหตุการณ์ที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของผู้รับผิดชอบ และไม่สามารถหลีกเลี่ยงหรือป้องกันได้ แม้ว่าจะใช้ความระมัดระวังหรือพยายามป้องกันแล้วก็ตาม แต่อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นครั้งนี้ ไม่สามารถหลีกเลี่ยงหรือป้องกันได้จริงหรือ? และผู้รับผิดชอบได้ใช้ความระมัดระวัง หรือได้พยายามป้องกันแล้วจริงหรือ??

ผมไม่เชื่อว่า อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นครั้งนี้จะไม่สามารถหลีกเลี่ยงหรือป้องกันได้ ถ้าผู้รับผิดชอบได้ใช้ความระมัดระวัง หรือพยายามป้องกันอย่างเต็มที่ตามหลักวิศวกรรม

ด้วยเหตุนี้ การฟันธงลงไปว่า “เป็นเหตุสุดวิสัย” ในทางกฎหมายอาจถูกใช้เป็นข้ออ้างเพื่อยกเว้นความผิด หากมีการระบุไว้ในสัญญาว่า กรณีเกิดเหตุสุดวิสัย ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดอาจไม่ต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น

วสท.เป็นสมาคมวิชาชีพด้านวิศวกรรมที่มีความสำคัญ เป็นที่เชื่อถือและยอมรับของสังคม ดังนั้น การแสดงความคิดเห็นในนาม วสท. จะต้องใช้ความเป็นมืออาชีพ ต้องยึดหลักวิศวกรรมเป็นสำคัญ สร้างความน่าเชื่อถือ ต้องไม่ทำให้สังคมเกิดความคลางแคลงใจ

ทั้งหมดนี้ ด้วยความหวังดีต่อ วสท. อยากให้ วสท.เป็นที่เชื่อถือและยอมรับจากสาธารณชนตลอดไป
 

Stephen Capus ซีอีโอของ RFE/RL ลั่น!! ‘อเมริกา’ ส่งของขวัญชิ้นโตให้ ‘ศัตรู’ เหตุ!! ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ หั่นงบ ‘USAID’ มอง!! สื่อเสรีภาพ ต้องได้รับการสนับสนุน

(16 มี.ค. 68) โดมิโน่สื่อสายทุนจบเห่! RFE/RL โดนหั่นงบฯ หลัง USAID เดี้ยงด้วยน้ำมือทรัมป์

เมื่อวานเดินเล่นไถฟีดไปเรื่อยๆ เจอข่าวชวนตะลึงเข้าให้—Radio Free Europe/Radio Liberty (RFE/RL) ออกมาคร่ำครวญว่าถูกตัดงบสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐฯ แบบสายฟ้าแลบ! อ่านแล้วก็อดสะกิดใจไม่ได้ว่านี่มันอีกหนึ่งโดมิโน่เอฟเฟ็คจากการที่ USAID ถูกทรัมป์ซอยเละตั้งแต่ยุคแรกๆ แล้วนี่นา

RFE/RL นี่ไม่ใช่ใครที่ไหน สื่อที่ได้กินอิ่มกินดีจากงบประมาณของรัฐสหรัฐฯ มาตลอด 75 ปี เป็นกระบอกเสียงเสรีประชาธิปไตยสไตล์วอชิงตันที่ส่งตรงไปถึงประเทศแถบยุโรปตะวันออก รัสเซีย จีน และตะวันออกกลาง ตอนสงครามเย็นก็ทำหน้าที่ตีแผ่ความจริง (ในเวอร์ชันที่สหรัฐฯ อยากให้โลกเห็น) ใส่พวกคอมมิวนิสต์ และแม้ว่าสงครามเย็นจะจบไปนานแล้ว RFE/RL ก็ยังคงมีงบให้ได้โลดแล่นต่อไปภายใต้ข้ออ้างว่า “สื่อเสรีภาพต้องได้รับการสนับสนุน”

แต่พอทรัมป์กลับมาทวงคืนเวทีการเมือง ปฏิบัติการสับงบฯ ก็ตามมาเป็นของแถม ซึ่งไม่ใช่แค่เรื่องนี้ USAID ก็โดนฟันมาก่อนหน้าแล้ว จะให้เหลืออะไรอีกล่ะ?

RFE/RL ลั่น: ตัดงบเรา = ของขวัญให้จีน-รัสเซีย

Stephen Capus ซีอีโอของ RFE/RL รีบออกมาจุดพลุทันที บอกว่าการถูกตัดงบนี้ เป็นเหมือนการส่งของขวัญชิ้นโตให้ศัตรูของอเมริกา ไม่ว่าจะเป็น จีน รัสเซีย อิหร่าน หรือผู้นำเผด็จการแห่งมินสก์ เพราะพวกนั้นคงจะฉลองกันยกใหญ่ที่สื่อขาประจำของวอชิงตันกำลังล้มระเนระนาด

Capus ไม่ได้พูดเล่น เพราะที่ผ่านมาสื่อสายทุนเหล่านี้ก็มีบทบาทชัดเจนในการเล่นเกมสงครามข้อมูลข่าวสาร ไล่ขุดแฉรัฐบาลฝ่ายตรงข้ามของสหรัฐฯ ตั้งแต่เรื่องสิทธิมนุษยชน ยันการทุจริตแบบข้ามชาติ แต่พอโดนตัดงบเอง ดันออกมาโอดครวญซะอย่างนั้น

อ่านมาถึงตรงนี้ก็อดคิดไม่ได้ว่า เฮ้ย แล้วตอนที่ไปเจาะข่าวประเทศอื่นเขา ทำไมไม่พูดถึงแหล่งทุนของตัวเองบ้าง? พอตัวเองโดนบ้าง กลับมาเรียกร้องเสรีภาพซะงั้น!

เมื่อ USAID เดี้ยง สื่อสายทุนก็ขาลง

มองย้อนกลับไปหน่อย USAID ไม่ใช่แค่หน่วยงานพัฒนา มันเป็น ท่อส่งเงินของรัฐบาลสหรัฐฯ ในการสนับสนุนสื่อ นักเคลื่อนไหว และ NGOs ทั่วโลก ซึ่งก็ไม่ต้องบอกนะว่าเงินไหลไปไหนบ้าง พอ USAID โดนทรัมป์ฟันงบ ก็เหมือนปิดก๊อกน้ำ ทำให้สื่อหลายเจ้าที่เคยพึ่งพางบนี้ต้องดิ้นรนหาแหล่งทุนใหม่

RFE/RL ก็คือหนึ่งในนั้น และตอนนี้ดูเหมือนว่าวิกฤตนี้จะมาถึงจุดที่พวกเขาเองก็ ต้องเผชิญความเป็นจริงว่าหากไม่มีรัฐอุ้ม ก็อยู่ลำบาก
คำถามสำคัญที่น่าสนใจคือ สื่อเสรีแบบนี้ หากไม่มีงบจากรัฐ ยังเสรีได้อยู่ไหม? หรือจริงๆ แล้วมันคือ “สื่อเสรีภาพที่มีเงื่อนไข” มาตลอด
โดมิโน่ต่อไปจะเป็นใคร?

VOA (Voice of America) ก็คงมีเสียวๆ อยู่บ้าง เพราะเป็นอีกเจ้าที่ใช้งบสนับสนุนจากรัฐสหรัฐฯ เช่นกัน จะว่าไปแล้ว ในยุคที่โซเชียลมีเดียครองเมือง สื่อที่อาศัยทุนรัฐเพื่อทำข่าวนโยบายต่างประเทศ อาจต้องเตรียมใจเผชิญยุคที่ “อเมริกาต้องมาก่อน” อย่างเต็มตัวแล้วจริงๆ
ว่าแต่… หรือพวกเขาจะหาทางออกใหม่โดยไปขอทุนจากที่อื่นแทน? หรือถ้าหมดยุคของสื่อสายทุน รัฐบาลสหรัฐฯ จะใช้ช่องทางไหนในการขยายอิทธิพลทางข้อมูลข่าวสาร? คำตอบอาจอยู่ในอนาคตที่กำลังใกล้เข้ามา…

‘Elon Musk’ เรียกร้อง ให้ปิดสื่อของรัฐบาลสหรัฐฯ ทั้ง ‘Radio Free Europe’ และ ‘Voice of America’

(16 มี.ค. 68) Elon Musk ผู้บริหารของสำนักงานเสริมสร้างประสิทธิภาพในภาครัฐ (D.O.G.E.) ระบุว่า ทั้ง 2 หน่วยงานนี้เป็นเพียง ‘กลุ่มคนหัวรุนแรงฝ่ายซ้ายที่วัน ๆ เอาแต่พูดกับตัวเอง’   

Elon Musk อภิมหาเศรษฐีด้านเทคโนโลยีในฐานะผู้นำของ D.O.G.E. ได้เรียกร้องให้ปิดสถานีวิทยุของรัฐบาลสหรัฐฯ ทั้ง Radio Free Europe/Radio Liberty (RFE/RL) และ Voice of America (VOA) เขากล่าวว่าสถานีวิทยุเหล่านี้ใช้เงินภาษีของประชาชนอย่างฟุ่มเฟือยและไม่ได้ทำงานที่เกี่ยวข้องกับพันธกิจอีกด้วย

Radio Liberty (RL) เริ่มออกอากาศเมื่อวันที่ 1 มีนาคม 1953 โดยมุ่งเป้าไปที่ผู้ชมในสหภาพโซเวียตโดยเฉพาะ ทั้งสององค์กรได้รวมกันเป็น RFE/RL ในปี 1976 โดยรวมการดำเนินงานของทั้งสองเข้าด้วยกัน

ส่วน VOA ก่อตั้งขึ้นในช่วงทศวรรษปี 1940 เพื่อต่อต้านการโฆษณาชวนเชื่อของนาซี และเปลี่ยนจุดเน้นมาที่สหภาพโซเวียตในปี 1947 ปัจจุบัน VOA ยังคงได้รับเงินทุนจากรัฐสภา และการบริหารจัดการอยู่ภายใต้การควบคุมโดยตรงจากรัฐบาลสหรัฐฯ โดยหน่วยงานที่ชื่อว่า สำนักงานสื่อโลกของสหรัฐฯ (USAGM) ซึ่งดูแลทั้ง VOA และ RFE/RL เป็นหน่วยงานของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ

Musk ตอบความคิดเห็นของ Richard Grenell ผู้แทนพิเศษของประธานาธิบดี Donald Trump  ของสหรัฐฯ ซึ่งได้วิจารณ์สื่อเหล่านี้ทางช่อง X “Radio Free Europe และ Voice of America เป็นสื่อที่จ่ายเงินโดยผู้เสียภาษีชาวอเมริกัน เป็นสื่อของรัฐ แต่สื่อเหล่านี้เต็มไปด้วยนักเคลื่อนไหวฝ่ายซ้ายจัด ผมทำงานกับนักข่าวเหล่านี้มาหลายสิบปีแล้ว มันเป็นสิ่งตกค้างจากอดีต เราไม่ต้องการสื่อที่รัฐบาลต้องจ่ายเงินให้” Grenell กล่าว

Musk ตอบความคิดเห็นของ Richard Grenell กลับทางช่อง X โดยระบุว่า “ใช่ ปิดพวกเขาเลย ตอนนี้ยุโรปเป็นอิสระแล้ว (ไม่นับรวมบริหารรับบาลที่ยังกดขี่) ไม่มีใครฟังพวกเขาอีกแล้ว เพราะเป็นเพียงกลุ่มคนหัวรุนแรงฝ่ายซ้ายที่บ้าคลั่งพูดแต่กับตัวเอง ในขณะที่เผาเงินภาษีของประชาชนสหรัฐฯ มูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์ต่อปี”

เดิมที RFE/RL มีชื่อว่า ‘Radio Liberation from Bolshevism’ (การปลดปล่อยวิทยุจากลัทธิบอลเชวิค) ต่อมาสถานีดังกล่าวเปลี่ยนชื่อเป็น ‘Radio Liberation’ ในปี 1956 และต่อมาใช้ชื่อปัจจุบันคือ Radio Liberty หลังจากเปลี่ยนนโยบายที่เน้นที่ “การปล่อยให้เสรี” มากกว่าเพียง “การปลดปล่อย” ในปี 2020 รัสเซียกำหนดให้ RFE/RL เป็น “สื่อตัวแทนต่างชาติ” และสั่งห้ามในปี 2022 โดยอ้างถึง “การเผยแพร่สื่อที่มีข้อมูลเท็จ” เกี่ยวกับความขัดแย้งในยูเครน Current Time ซึ่งเป็นบริษัทในเครือร่วมกับ VOA ถูกขึ้นบัญชีดำในรัสเซียในปี 2024

ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ทั้ง Musk และ Grenell ต่างก็แสดงความไม่เห็นด้วยกับเงินทุนของรัฐบาลที่มอบให้กับองค์กรสื่อ โดยให้เหตุผลว่าไม่ควรใช้เงินภาษีของประชาชนเพื่อสนับสนุนองค์กรเหล่านี้ Musk ได้วิพากษ์วิจารณ์การจ่ายเงินของรัฐบาลกลางให้กับองค์กรสื่อต่าง ๆ เช่น Politico, Associated Press และ New York Times โดยมองว่าเป็นการใช้เงินภาษีของประชาชนอย่างไม่มีประสิทธิภาพ ทีมงานของ Musk กำลังดำเนินการเพื่อยกเลิกการจ่ายเงินเหล่านี้ ตามคำกล่าวของ Karoline Leavitt โฆษกทำเนียบขาว รัฐบาลจ่ายเงินมากกว่า 8 ล้านดอลลาร์ในการอุดหนุน Politico

ในทำนองเดียวกัน Grenell ได้ประณามการใช้จ่ายของรัฐบาลในการอุดหนุนสื่อต่าง ๆ โดยสะท้อนจุดยืนของ Musk ที่ว่าควรยุติการระดมทุนนี้ทันที Grenell โพสต์บน X ว่า “รัฐบาลสหรัฐฯ ต้องหยุดจ่ายเงินสำหรับการอุดหนุนสื่อ เดี๋ยวนี้”

VOA มีงบประมาณ 267.5 ล้านดอลลาร์สำหรับปี 2024 ในขณะที่ RFE/RL ดำเนินงานด้วยเงิน 142.2 ล้านดอลลาร์ สำหรับปี 2025 USAGM ขอเงินทุนทั้งหมด 950 ล้านดอลลาร์ โดยอ้างว่าเข้าถึงผู้ชมรายสัปดาห์ 427 ล้านคนใน 64 ภาษาในกว่า 100 ประเทศ

อ่าน: รู้จัก ‘สำนักงานเสริมสร้างประสิทธิภาพในภาครัฐ (D.O.G.E.)’ หน่วยงานระดับกระทรวงล่าสุดภายใต้รัฐบาล Trump ชุดใหม่ https://thestatestimes.com/post/2024122102

รัฐบาลไทย วอน!! นานาประเทศเข้าใจ การแก้ไขปัญหา ส่ง ‘อุยกูร์’ กลับ ขอให้มั่นใจ ทำตามสิทธิมนุษยชนเต็มที่

(16 มี.ค. 68) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตนพร้อมด้วย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วย พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ พล.ต.อ. ไกรบุญ ทรวดทรง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมคณะสื่อมวลชน 9 คนจากหลากหลายสำนักทั้งหนังสือพิมพ์ วิทยุและโทรทัศน์ รวมทั้งสื่อโซเชียลมีเดีย รวมทั้งคณะ 25 คน มีกำหนดการเดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันอังคารที่ 18 - 20 มีนาคม 2568 ที่มณฑลซินเจียง สาธารณรัฐประชาชนจีน

โดยในวันอังคารที่ 18 มีนาคม 2568 เวลา 23.30 น. คณะจะออกเดินทางจากกองบิน 6 ท่าอากาศยานดอนเมือง ไปยังท่าอากาศยานเมืองคาซือ มณฑลซินเจียง โดยใช้เวลาเดินทางประมาณ 7 ชั่วโมงบินโดยจะถึงเมืองคาซือ ในวันพุธที่ 19 มีนาคม เวลาประมาณ 07.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งเร็วกว่าเวลาประเทศไทย 1 ชั่วโมง คณะมีกำหนดการเดินทางไปเยี่ยมชาวจีน อุยกูร์ ที่เมืองคาซือ มณฑลซินเจียง และร่วมรับประทานอาหารกลางวันร่วมกันพร้อมกับผู้นำท้องถิ่นในช่วงเช้าและบ่าย

สำหรับในวันพฤหัสบดีที่ 20 มีนาคม 2568 คณะจะเดินทางไปมณฑลซินเจียงที่อยู่ห่างไกล และจะเดินทางไปเยี่ยมชมศูนย์บังคับใช้กฎหมายและการจัดการคดีของสำนักงานความมั่นคงสาธารณะ ที่เมืองคาซือ มณฑลซินเจียง จากนั้นคณะจะเดินทางไปที่มัสยิดอิดกะฮ์ (Id Kah) พูดคุยสนทนากับผู้นำศาสนา และร่วมรับประทานอาหารค่ำกับตัวแทนผู้นำศาสนาในท้องถิ่น ก่อนที่รองนายกรัฐมนตรีและคณะจะออกเดินทางจากท่าอากาศยานเมืองคาซือ มณฑลซินเจียง ในเวลาประมาณ 20.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น โดยจะเดินทางถึงประเทศไทย ในวันศุกร์ที่ 21 มีนาคม 2568 เวลาประมาณ 01.00 น. ณ กองบิน 6 ท่าอากาศยานดอนเมือง

นายจิรายุ กล่าวว่า การเดินทางครั้งนี้เพื่อทำความจริงให้ปรากฏในข้อกังวลของนานาอารยประเทศ และให้เข้าใจประเทศไทยถึงการแก้ไขปัญหาซึ่งรัฐบาลไทยได้ดำเนินการอย่างตรงไปตรงมาและมีข้อตกลงสำคัญต่อรัฐบาลของทั้งสองประเทศ ที่ต้องคืนชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีในยุคโลกปัจจุบัน ให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นและมีสิทธิเสรีภาพ ซึ่งถือว่ารัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นอย่างมากถึงขั้นตอนการตรวจสอบรายละเอียดนานหลายเดือนก่อนจะส่ง ชาวจีนอุยกูร์ กลับสู่มาตุภูมิ เพื่อให้มั่นใจว่าการส่งชาวจีนกลับสู่บ้านเกิดจะต้องได้รับความปลอดภัยและเป็นไปตามสิทธิมนุษยชน ซึ่งการเดินทางครั้งนี้เป็นเพียงครั้งแรก โดยรัฐบาลไทยจะกำหนดการเดินทางเป็นระยะๆเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับการแก้ไขปัญหาระหว่างประเทศต่อนานาอารยะประเทศต่อไป

‘ต.ตุลยากร’ เผย!! ‘มาร์โค รูบิโอ’ ออกนโยบายข้อจำกัดเกี่ยวกับ ‘วีซ่า’ บีบ!! ‘ประเทศไทย’ ให้ถอยห่างจาก ‘จีน’ ซึ่งเป็นศัตรูการค้า ของสหรัฐฯ

(16 มี.ค. 68) หลังจากทรัมป์ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี ก็ได้แต่งตั้ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ มาร์โค รูบิโอ เป็นรักษาการผู้อำนวยการองค์การเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐอเมริกา (United States Agency for International Development: USAID) เหตุผลคือ ทรัมป์มองว่า “เงินทุนของ USAID โดยส่วนใหญ่ไม่สอดคล้องกับผลประโยชน์หลักแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา” [1]

ผลคือ รูบิโอ ตัดทิ้งโครงการช่วยเหลือกว่า 83% [2]

เหลือโครงการอีกประมาณ 17% ที่มีความสอดคล้องกับกรอบนโยบาย “America First” ของทรัมป์ และคาดว่าโครงการที่เหลือคงต้องดำเนินงานตามแนวทางของ รูบิโอ อย่างไม่มีบิดพริ้ว 

ถ้าไม่ทำตามก็ตัดเงินทุน ว่างั้นเถอะ

หลังจากเก็บกวาดหลังบ้านตัวเองเรียบร้อย จะเห็นว่าช่วงนี้สหรัฐฯและผองเพื่อนปล่อยหมัดใส่ไทยรัวๆเลย

หมัดแรก รัฐสภาอียูลงมติประณามไทยกรณีส่งกลับชาวอุยกูร์กลับประเทศจีนเมื่อปลายเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา

หมัดที่สอง องค์กร Freedom Houseในสหรัฐ ปรับลดสถานะของประเทศไทยจากประเทศมีเสรีภาพบางส่วน กลายเป็นประเทศไม่เสรีอีกครั้ง (ขณะที่ Freedom House กำหนดสถานะอิสราเอลเป็นประเทศที่เสรี)

หมัดที่สาม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ มาร์โค รูบิโอ ออกแถลงการณ์ว่าด้วยนโยบายข้อจำกัดเกี่ยวกับวีซ่าเพื่อตอบโต้กรณีผลักดันชาวอุยกูร์กลับประเทศจีน

เข้าใจว่าเป็นการส่งสัญญาณบีบไทยให้ถอยห่างจากอิทธิพลของจีน ซึ่งสหรัฐฯกำลังทำสงครามการค้าด้วย

ข้อสังเกตุคือ ในปี 2023 Freedom House นั้นรับเงินอุดหนุนจาก USAID กว่า 63 ล้านเหรียญ [3]

ในขณะที่ทางยุโรปนั้น คณะกรรมาธิการยุโรปยอมรับว่าสหภาพยุโรปไม่สามารถเข้ามาแทนที่เงินทุน USAID ได้อย่างเต็มที่ [4]

ผมมองว่า โครงการ 17% ที่เหลือของ USAID นั้น จะช่วยให้ รูบิโอ สามารถกำหนดทิศทางของการดำเนินงานขององค์กรที่ได้รับเงินทุนได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น 

นั่นคงเป็นเหตุผลที่เห็นภาพหลายองค์กรหลายทิศทาง ออกมาขย่มไทยในแนวทางเดียวกัน ซึ่งสืบไปสืบมาก็คงไม่แคล้วไปเกี่ยวพันทางใดทางหนึ่ง กับ USAID ภายใต้การนำของ รูบิโอ

หันมาดูในส่วนขององค์กรภายในประเทศ ก็ได้แต่สงสัยว่า คนบางกลุ่มบางพวกที่ออกมาโจมตีประเทศของตัวเองในทิศทางที่สอดคล้องกับ “ผลประโยชน์หลักแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา”

คนพวกนี้มีความเกี่ยวพันกับ USAID อย่างไรบ้าง??

เราจะร่วมกันลดฝุ่นโรงงาน โรงไฟฟ้า ไฟป่า ไฟไร่ ฝุ่นเมือง และฝุ่นการจราจร ช่วยเพื่อนบ้าน ลดฝุ่นข้ามแดน แบบไม่ชี้นิ้วใส่ใคร โดยไม่รู้จักทิศทางของลม

ไทยเราควบคุมให้ลดจุดความร้อนได้ดีขึ้นเรื่อยๆ

แต่เราคงต้องช่วยเพื่อนๆให้มากๆขึ้นด้วย

สภาลมหายใจภาคประชาชนในทุกท้องที่ท้องถิ่น จะเป็นทางออกที่เจ้าของปอด เข้าถึงความรู้ความรอบและความจริง รายสัปดาห์

เพราะว่าลมใหญ่เปลี่ยนทิศทาง
ลมย่อยประจำถิ่นก็เปลี่ยนตามบริบทของตัวเอง

ช่วยกันเชียร์ให้สถาบันการศึกษาประจำพื้นที่โดดเข้ามาเป็นแกนช่วยเหลือทางหลักวิชา
เชิญให้สื่อประจำพื้นที่ได้เข้ามาติดตามรายงานเผยแพร่ต่อ

เพื่อปลุกและแนะให้เจ้าของปอดทุกคน มีความรู้และสู้ร่วมกันอย่างมีความหวังและเท่าทัน

ใช้สูตร 1เดือนหลังฤดูฝุ่นมาถอดบทเรียนว่าเราน่าจะทำอะไรในพื้นที่ให้เกืดผลที่ดีขึ้นในฤดูฝุ่นหน้า

แล้วลงมือลุยทำไปต่อตลอด8เดือนถัดมา

เมื่อ3เดือนแห่งฝุ่นขึ้นฟ้ามาอีกครั้ง

เราจะได้ลดค่าความอันตรายลงไปได้ต่อเนื่องทุกๆปีนับแต่นี้

สูตรทำงานสู้ฝุ่น #1-3-8

เราจะร่วมกันลดฝุ่นโรงงาน โรงไฟฟ้า ไฟป่า ไฟไร่ ฝุ่นเมืองและฝุ่นการจราจร

และช่วยเพื่อนบ้านลดฝุ่นข้ามแดนแบบไม่ชี้นิ้วใส่ใครโดยไม่รู้จักทิศทางของลม

วีระศักดิ์ โควสุรัตน์
ประธานสภาลมหายใจกรุงเทพฯ

เปิดโผ 43 ประเทศ ‘ทรัมป์’ เตรียมระงับวีซ่า ห้ามเดินทางเข้าสหรัฐฯ

(16 มี.ค. 68) เปิดโผรายชื่อ 43 ประเทศ ‘ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์’ เตรียมสั่งระงับวีซ่า ออกข้อจำกัดการเดินทางเข้าประเทศสหรัฐฯ เช็ครายละเอียดของประเทศต่าง ๆ รวมไว้ทั้งหมดที่นี่

ขณะนี้รัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐอเมริกา กำลังพิจารณาออกข้อจำกัดการเดินทางที่เข้มงวดสำหรับพลเมืองของหลายสิบประเทศ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งภายใต้คำสั่งห้ามฉบับใหม่

สำหรับการเตรียมออกข้อจำกัดการเดินทางเข้าประเทศสหรัฐ ครั้งนี้ อ้างอิงแหล่งข่าวและบันทึกภายในระบุรายชื่อประเทศแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ทั้งกลุ่มที่จะถูกระงับวีซ่าสหรัฐโดยสมบูรณ์ กลุ่มที่จะถูกระงับวีซ่าบางประเภท และกลุ่มที่อาจถูกระงับการออกวีซ่าสหรัฐบางส่วน 

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ในการเตรียมออกข้อจำกัดการเดินทางเข้าประเทศสหรัฐครั้งนี้ ในเบื้องต้นจะประกอบไปด้วยประเทศต่าง ๆ รวมทั้งหมด 43 ประเทศ 

‘กรมราชทัณฑ์’ แจง!! ‘แยม’ กดไลก์ IG น้องชาย เป็นคนอื่นที่รู้รหัส ยัน!!อยู่ในคุก ถูกควบคุมเข้มงวด

(16 มี.ค. 68) กรมราชทัณฑ์ได้ออกเอกสารชี้แจง กรณีผู้ต้องขังสามารถกดไลก์อินสตาแกรมของน้องชาย โดยมีรายละเอียด ระบุว่า “ราชทัณฑ์ แจง กรณีผู้ต้องขัง ย. กดไลค์ ไอจี น้องชาย” วันที่ 15 มีนาคม 2568 จากกรณีที่เพจ Facebook ใช้ชื่อว่า บิ๊กเกรียน ได้โพสต์ข้อความ “ย. (เป็นผู้หญิง) ติดคุก แต่เล่น Social media ได้ไหม เห็นกด Like ใน Instagram น้องชาย ทาง อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ เห็นแล้ว” โดยตีความว่าอาจเป็น “แยม ธมลพรรณ์” ซึ่งเป็นผู้ต้องขังที่ถูกควบคุมตัวอยู่ในทัณฑสถานหญิงกลางนั้น

กรมราชทัณฑ์ ได้รับรายงานจากทัณฑสถานหญิงกลาง แจ้งว่า น.ส.แยม ธมลพรรณ์ คดีร่วมกับพวกฟอกเงินและชักชวนให้ผู้อื่นเข้าเล่นพนันออนไลน์ ซึ่งเป็นผู้ต้องขังที่อยู่ระหว่างพิจารณาคดี ยังคงอยู่ในการควบคุมตัวอยู่ภายในทัณฑสถานฯ ไม่สามารถใช้เครื่องมือสื่อสาร หรือสื่อโซเชียลใดๆ ได้ เนื่องจากทางทัณฑสถานฯ มีมาตรการอย่างเข้มงวด และไม่มีเครื่องสื่อสารซึ่งถือเป็นสิ่งของต้องห้ามเข้าภายในทัณฑสถาน รวมถึงคอมพิวเตอร์ภายในทัณฑสถานฯ จะใช้สําหรับการเยี่ยมญาติผ่านแอปพลิเคชั่นไลน์เท่านั้น โดยมีเจ้าหน้าที่ควบคุมขณะการใช้งานตลอดเวลา ซึ่งการกระทําในครั้งนี้ สันนิษฐานว่าอาจเกิดจากบุคคลอื่นที่รู้รหัสผ่านเข้าบัญชี Instagram ของ น.ส.แยมฯ หรือสามารถเข้าถึงข้อมูลในมือถือของ น.ส.แยมฯ ได้ จึงขอยืนยันว่า น.ส.แยมฯ ไม่สามารถกระทําการดังกล่าวได้อย่างแน่นอน

ทั้งนี้ การใช้เครื่องมือสื่อสารหรือสื่อโซเชียลใดๆ ไม่สามารถเข้าภายในเรือนจํา/ทัณฑสถานได้ ซึ่งถือเป็นสิ่งของต้องห้าม นอกเสียจากการนําไปใช้ในด้านการศึกษาหรือเพื่อการเยี่ยมญาติผ่านระบบแอปพลิเคชั่นไลน์เท่านั้น และการเยี่ยมญาติดังกล่าว ก็มีกฎระเบียบที่ต้องถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด เพื่อมิให้เกิดเหตุการณ์ที่จะส่งผลกระทบสร้างความเสียหายให้กับทางราชการได้

ศาลสหรัฐฯ สั่ง!! ‘สตาร์บัคส์’ จ่าย 1.6 พันล้านบาท เหตุ ‘ชาร้อน’ หกใส่ตักลูกค้า ทางบริษัทออกแถลงการณ์!! แสดงความเสียใจ แต่ยืนยัน จะยื่นอุทธรณ์

(16 มี.ค. 68) พนักงานขับรถส่งของได้รับเงิน 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 1,677 ล้านบาท จากคดีฟ้องร้องของลูกค้าที่ได้รับบาดเจ็บจากการถูกน้ำร้อนลวกอย่างรุนแรง เมื่อเครื่องดื่มสตาร์บัคส์หกใส่ตักของเขาที่ร้านไดรฟ์ทรูในแคลิฟอร์เนีย

เมื่อวันศุกร์ที่ 14 มีนาคมผ่านมา คณะลูกขุนของลอสแองเจลิสเคาน์ตี้ตัดสินให้ไมเคิล การ์เซีย ที่ต้องเข้ารับการปลูกถ่ายผิวหนังและขั้นตอนอื่นๆ ที่อวัยวะเพศ หลังจากเครื่องดื่มชาร้อนหกใส่เขาทันทีหลังจากที่เขามันจากร้านในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2563 เขาได้รับบาดแผลที่ทำให้เกิดความพิการถาวรและมันเปลี่ยนแปลงชีวิตไปตลอดกาล ตามคำกล่าวของทนายความของการ์เซีย

การฟ้องร้องในคดีประมาทเลินเล่อดังกล่าว การ์เซียกล่าวหาพนักงานของสตาร์บัคส์ว่าไม่ได้ใส่เครื่องดื่มร้อนให้แน่นพอในถาดจนทำให้เขาเกิดอาการบาดเจ็บขึ้น

“คำตัดสินของคณะลูกขุนในครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการเอาผิดสตาร์บัคส์กรณีละเลยความปลอดภัยของลูกค้าอย่างโจ่งแจ้ง และยังล้มเหลวที่จะแสดงความรับผิดชอบ” นิค โรว์ลีย์ หนึ่งในทนายความของการ์เซียกล่าวในแถลงการณ์

ด้านสตาร์บัคส์ออกแถลงการณ์แสดงความเห็นใจกับการ์เซีย แต่ก็ยืนยันว่าบริษัทมีแผนที่จะยื่นอุทธรณ์ เพราะเราไม่เห็นด้วยกับคำตัดสินของคณะลูกขุนที่ว่าพวกเราเป็นฝ่ายผิดในเหตุการณ์นี้ และเชื่อว่าค่าเสียหายที่ได้รับนั้นสูงเกินไป พร้อมย้ำว่าเรามุ่งมั่นในมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุดในการจัดการกับเครื่องดื่มร้อน

ทั้งนี้ ร้านอาหารในสหรัฐเคยเผชิญคดีฟ้องร้องกรณีลูกค้าถูกน้ำร้อนลวกมาก่อน

หนึ่งในคดีที่มีชื่อเสียงในช่วงทศวรรษ 1990 คือคดีที่คณะลูกขุนในรัฐนิวเม็กซิโกตัดสินให้ผู้หญิงคนหนึ่งได้รับค่าเสียหายเกือบ 3 ล้านดอลลาร์ จากเหตุเธอถูกลวกจนมีแผลไหม้ขณะพยายามงัดฝาแก้วกาแฟที่ช่องบริการไดรฟ์ทรูของแมคโดนัลด์ ต่อมาผู้พิพากษาได้ลดค่าเสียหายลง และสุดท้ายคดีก็ยุติลงด้วยเงินที่ไม่เปิดเผยที่ต่ำกว่า 600,000 ดอลลาร์


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top