Thursday, 15 May 2025
NewsFeed

‘จ๊ะ นงผณี’ ซึ้ง!! แฟนเพลงแห่ให้กำลังใจ ปมดรามา ‘ตั๊กแตน’  พร้อมร้องไห้กลางเวที ลั่นคำพูดสั้นๆ แต่ทำเอาซู๊ดปาก

(6 ส.ค. 66) เรียกว่าเป็นมหากาพย์ดรามาสะเทือนวงการ เมื่อนักร้องลูกทุ่งชื่อดังอย่าง ‘ตั๊กแตน ชลดา’ ออกมาโพสต์ฟาดเดือด เรื่องการแทรกคิวของนักร้องสาวรุ่นน้อง ‘จ๊ะ นงผณี’ กระทั่งต่อมาทีมจ้างงานในวันนั้น ได้ออกมาโพสต์ถึงประเด็นดังกล่าว พร้อมยอมรับว่าเกิดจากความผิดพลาดของการประสานงานที่ไม่เคลียร์ จึงทำให้เกิดเรื่องนี้ขึ้น แม้ว่าทุกอย่างจะคลี่คลายลงแล้ว ทว่าดรามาเกาเหลาระหว่างสองนักร้องชื่อดัง ยังคงไม่จบง่ายๆ เพราะด้านสาวจ๊ะเองถึงกับลั่นไว้เลยว่า หากเจอตั๊กแตนจะไม่ขอไหว้ เพราะเลิกนับถือแล้วนั่นเอง

ล่าสุด มีผู้ใช้ติ๊กต็อกรายหนึ่งที่ใช้ชื่อว่า ‘icy_poo’ ได้โพสต์คลิปวิดีโอในงานคอนเสิร์ตของสาวจ๊ะ ซึ่งเป็นช่วงพูดคุย ที่นักร้องดังถึงกับหลั่งน้ำตากลางเวที เนื่องด้วยได้รับกำลังใจจากแฟนเพลงอย่างท่วมท้น โดยเธอกล่าวว่า…

“วันนี้ทุกคนมากอดจ๊ะ แล้วพูดกับจ๊ะว่าเป็นกำลังใจให้จ๊ะ จ๊ะขอบคุณทุกคนมากๆ และจ๊ะก็มีคำพูดอยู่คำเดียวว่า “ใครทำอะไร ขอให้มันได้อย่างนั้น” ขอบคุณทุกคนที่เป็นกำลังใจไปให้กับเอมด้วย ยืนยันคำเดียวใครทำยังไง ขอให้ได้อย่างนั้น แค่นั้นพอวันนี้เพลงชื่อว่าโอเคนะคะ แต่ไม่โอเคเลย ทำเอาเหล่าแดนเซอร์และแฟนๆ ต้องปลอบใจนักร้องสาวกันยกใหญ่”

‘บิ๊กป้อม’ ปลื้ม!! เพื่อนเตรียมทหาร-จปร. ร่วมจัดงานวันเกิดในวัย 78 ปี ด้านเจ้าตัวขอบคุณ พร้อมขอให้ทุกคนรักใคร่กันไว้เป็นของขวัญวันเกิด

(6 ส.ค. 66) เฟซบุ๊ก ‘fc ลุงป้อม’ ได้เผยแพร่คลิปและภาพบรรยากาศงานฉลองวันเกิดครบรอบ 78 ปี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) โดยงานดังกล่าวได้จัดขึ้นเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม ซึ่ง พล.อ.ประวิตรได้นัดพบปะสังสรรค์นักเรียนเตรียมทหาร รุ่น 6 (ปี 2508) และนักเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า รุ่น 17 ‘รุ่นฝนแรก’ (มีที่มาจากการที่ถูกลงโทษช่วงหน้าฝน)

โดยภายในงาน มีการเลี้ยงอาหารและตัดเค้กวันเกิด มี พล.อ.ประวิตรเป็นประธานตัดเค้กที่มีข้อความว่า “สุขสันต์วันเกิดรุ่นฝนแรก เดือนสิงหาคม 66” โดยเพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหาร 6 และคนใกล้ชิดของ พล.อ.ประวิตร เดินทางมาร่วมงานอย่างคับคั่ง พร้อมรับมอบดอกกุหลาบให้กำลังใจและคำอวยพรวันเกิดล่วงหน้าให้ พล.อ.ประวิตรอย่างอบอุ่น (พล.อ.ประวิตร เกิดวันที่ 11 สิงหาคม อายุครบ 78 ปี)

โดย พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า “ปีนี้อายุ 78 ปีเต็ม ย่าง 79 ปีแล้ว ฉะนั้น กิจกรรมบางอย่างของผู้สูงอายุ นอนอาจจะไม่ตื่นก็ได้ในวันพรุ่งนี้ ใครจะไปรู้ ฉะนั้นขอให้ทุกคนรักษาสุขภาพ และรักใคร่กันไว้อย่างนี้ ขอบคุณเพื่อนๆและหลานๆ ทุกคนที่มาอวยพรวันเกิด ขอให้ทุกคนมีความสุขความเจริญยิ่งๆ ขึ้นไป และขอขอบคุณครับ”

จากนั้น พล.อ.ประวิตรก็ได้เดินไปตัดเค้ก ขณะเดียวกันก็มีการเปิดเพลงบ้านเกิดเมืองนอน หรือที่รู้จักกันดี คือ ‘รักกันไว้เถิด’

ทั้งนี้ ระหว่างการตัดเค้กมีการเปิดเพลงรักกันไว้เถิด ซึ่ง พล.อ.ประวิตรได้ร่วมร้องเพลงอย่างอารมณ์ดี

‘ตร.’ แยกสอบ 2 ผัวเมียเจ้าของโกดังพลุระเบิด จ.นราฯ เผย ทั้งคู่มีอาการวิตกกังวล ทั้งยอมรับทั้งปฏิเสธ

(6 ส.ค. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณี นายสมปอง และ น.ส.ปิยุนุช สามีภรรยา เจ้าของโกดังเก็บดอกไม้ไฟ หมู่ 1 ตำบลมูโนะ อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส ได้เกิดระเบิดขึ้นสร้างความเสียหายต่อบ้านเรือนของประชาน รวมทั้งมีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 29 ส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งทั้ง 2 คนถูกจับกุมตัวได้ที่ด่านสะเอดา อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา หลังหนีไปประเทศมาเลเซีย ก่อนนำตัวมาสอบปากคำ

ล่าสุดเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา พ.ต.อ.สุธน สุขวิเศษ รอง ผบก.ภ.จว.นราธิวาส และพนักงานสอบสวน ที่ได้รับการแต่งตั้งจาก พล.ต.ต.อนุรุธ อิ่มอาบ ผบก.ภ.จว.นราธิวาส ได้เบิกตัว 2 สามีภรรยา แยกกับสอบปากคำ โดยมีทนายความที่ได้รับการแต่งตั้งนั่งร่วมสังเกตการการสอบปากคำ 2 สามีภรรยาอย่างใกล้ชิด

ซึ่งคำให้การของ 2 สามีภรรยา โดยภาพรวมยอมรับในบางข้อกล่าวหา และปฏิเสธไม่รู้เห็นในบางข้อกล่าวหา ซึ่งทั้ง 2 คน อยู่ในอาการวิตกกังวลกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จนนำไปสู่การถูกจับกุมดำเนินคดี และการสอบสวนในครั้งนี้หากยังไม่ครบถ้วนกระบวนการภายใน 48 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่จะส่งตัวผลัดฟ้องฝากขัง

ส่วนกรณีเหตุการณ์คาร์บอมบ์ในพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก เมื่อคืนที่ผ่านมา พล.ต.ต.อนุรุธ กล่าวว่า เหตุที่เกิดขึ้นไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีโกดังเก็บดอกไม้ไฟระเบิด ที่มีการกล่าววิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆ นานา และการระเบิดที่เกิดขึ้นไม่ได้รับความเสียหายนั้น เป็นความโชคดีที่คนร้ายได้ซุกซ่อนระเบิดไว้ในรถเก๋ง จำนวน 2 ถัง แต่เกิดระเบิดขึ้นเพียง 1 ถัง ส่วนอีก 1 ถัง กระเด็นออกมาจากตัวรถ ไม่เช่นนั้นบ้านเรือนของประชาชน โดยเฉพาะที่ตั้งฐานจุดตรวจต้องได้รับความเสียหาย ซึ่งเหตุระเบิดไม่ได้มีเจาะจงแต่ในพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก จังหวัดยะลาและปัตตานี ก็มีเหตุลักษณะเดียวกันนี้เหมือนกัน

‘ยงฮวา CNBLUE’ ชิม ‘เอสเพรสโซ่เย็น’ ครั้งแรกแล้วรู้สึกติดใจ!! ถึงกับชวนทุกคนทั่วโลก ให้มาสัมผัสเสน่ห์ ‘กาแฟไทย’ ด้วยกัน

(7 ส.ค. 66) เป็นที่ทราบกันดีในหมู่แฟนคลับแดนเกาหลีว่า ‘จอง ยงฮวา’ (Jung Yong Hwa) ศิลปินชื่อดังวง CNBLUE บินลัดฟ้ามาเปิดคอนเสิร์ตเดี่ยว ‘2023 Jung Young Hwa Live ALL-ROUNDER in Bangkok’ เพื่อมอบความสุขให้กับชาวบอยซ์อย่างเต็มอิ่ม ให้คุ้มค่าสมการรอคอยกันไปแล้ว

ก่อนบินกลับ ‘ยงฮวา’ ผู้ที่ชื่นชอบอาหารไทย ไม่ว่าจะเป็นผัดไทย ต้มยำกุ้ง ก็ไม่พลาดที่จะใช้วันพักผ่อนไปเที่ยวกรุงเทพฯ กันสักหน่อย และยังพาทีมงานไปนั่งชิลที่คาเฟ่สุดชิคแถวย่านตลาดน้อย เพื่อลิ้มลองเมนู ‘กาแฟเอสเย็น’ (Es-Yenn) หรือ เอสเพรสโซ่เย็น กาแฟเย็นสูตรลับเฉพาะของชาวไทย

งานนี้อปป้า ‘จอง ยงฮวา’ ได้ชิมแล้วเจ้าตัวถึงกับถ่ายภาพคู่กับกาแฟเอสเพรสโซ่เย็น และอัปโหลดภาพลงอินสตาแกรมส่วนตัว @jyheffect0622 บอกเล่าความประทับใจถึงกาแฟเอสเย็น พร้อมบอกอีกด้วยว่า ทุกคนต้องไปลิ้มลองกาแฟที่ประเทศไทยสักครั้ง ผ่านแคปชันสุดน่ารักว่า

“เป็นครั้งแรกเลยที่ได้ลองกาแฟเอสเย็นของไทย รสชาติมันพิเศษมากแล้วก็หอมเข้มอย่างมีเอกลักษณ์มากกว่ากาแฟที่ผมเคยดื่ม ผมคิดถึงประเทศไทยมากๆ พวกคุณต้องไปลองดื่มกันดูนะครับ #AmazingThailand #EsYenn #EspressoYenn #ThaiEspresso #Thaicoffe #Thailand”

'เศรษฐา' รับ!! เสียใจทวีตในอดีตเขียนเองทั้งหมด  ยัน!! ไม่ลบทุกข้อความ ขอเก็บไว้เป็นเครื่องเตือนใจ

เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 66 จากกรณี นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย (พท.) โพสต์แจ้งมีผู้ไม่ประสงค์ดี แฮกทวิตเตอร์แอคเคานต์ส่วนตัว และทำการแก้ไขข้อความเดิม เพื่อปลุกปั่นและสร้างความเข้าใจผิด โดยยืนยันเอาเรื่องให้ถึงที่สุดนั้น

อย่างไรก็ตาม ไม่นานหลังจากนั้น นายเศรษฐา ทวีตข้อบนทวิตเตอร์ ระบุว่า...

เรื่องความผิดปกติที่ทวิตเตอร์ของผมโดนแฮกเมื่อ 2-3 วันก่อน กำลังให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ

ส่วนข้อความในอดีตทุกข้อความที่ผมเขียนเอง ทุกเรื่องมีที่มาที่ไป ต่างวาระ ต่างอารมณ์ความรู้สึก ที่มีต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ณ เวลานั้น ผมรู้สึกเสียใจต่อข้อความในอดีตที่ส่งผลต่อความรู้สึกของผู้อ่านมาจนถึงปัจจุบัน

"ผมจะไม่ลบข้อความเหล่านั้น เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจว่าในอดีตผมมีความคิด และทัศนคติอย่างไร และควรปรับปรุงแก้ไขให้ดียิ่งขึ้นครับ" นายเศรษฐา ระบุ

‘สาว’ ผวา!! เจอ ‘เบ็ดตกปลา’ พร้อมเอ็น ปนมากับผัดเผ็ดปลาดุก หลังกินไปได้คำเดียว ฟากทางร้านรับผิดชอบคืนค่าอาหารให้ 120 บาท

เมื่อวานนี้ (7 ส.ค. 66) จากกรณีที่ผู้ใช้เฟสบุ๊ครายหนึ่ง โพสต์ภาพและข้อความเตือนภัยว่า "มาแชร์ประสบการณ์เจอเบ็ดตกปลาในอาหารค่ะ สั่งอาหารจากแอปเขียว เป็นร้านอาหารใต้ กำลังจะตักเข้าปากตามองไปเห็นอะไรเป็นเส้น ๆ ตกใจมากค่ะ มันคือ เบ็ดตกปลา!! รีบโทรไปหาร้าน ได้คำตอบว่า ทางร้านก็ล้างดีแล้ว ไม่รู้หลงมาได้ไง เป็นคำตอบที่ไม่โอเคมาก ๆ ค่ะ อันตรายมาก ๆ ถ้ากินเข้าไป เตือนผู้บริโภคไว้เป็นอุทาหรณ์นะคะ จะกินอะไร มองกันดี ๆ ค่ะ"

จากโพสต์ดังกล่าว เมื่อเวลา 21.00 น. วันที่ 6 สิงหาคม ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบผู้โพสต์คลิปดังกล่าวเพื่อสอบถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยได้พบกับ น.ส.อิสรีย์ แสงอนันต์ขจร หรือ จูน อายุ 31 ปี พนักงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ย่าน อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ซึ่งเป็นผู้โพสต์คลิปแจ้งเตือนภัย

คลิปจากกล้องมือถือเป็นภาพอาหารในช้อนที่ตักพร้อมรับประทาน พบเบ็ดตกปลาขนาดความยาวประมาณ 1 ซม. กว่าติดอยู่กับไส้ปลา น.ส.จูนจึงใช้มือแกะออกมาและยกให้เพื่อนอีกคนเป็นคนถ่ายคลิปเหตุการณ์ไว้เป็นหลักฐาน โดยพบมีที่ตัวเบ็ดตกปลายังมีสายเอ็นเบ็ดติดมาด้วย จึงได้นำไปวางลงในชามอาหารเพื่อให้ถ่ายชัดเจนขึ้น

น.ส.อิสรีย์ แสงอนันต์ขจร หรือ จูน เปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคมที่ผ่านมา เนื่องจากในช่วงบ่ายตนได้สั่งอาหารผ่านแอปพลิเคชันเจ้าหนึ่ง โดยได้สั่งอาหารเป็นเมนูผัดเผ็ดปลาดุกใบยี่หร่าพร้อมข้าวเปล่า ส่วนของเพื่อนเป็นข้าวปลาแกะจากร้านอาหารปักษ์ใต้ร้านหนึ่ง

เมื่อตนได้รับอาหารมา แล้วนำมาแกะถุงเพื่อจะกินอาหารพร้อมกันกับเพื่อน ตนได้แกะถุงผัดเผ็ดปลาดุกใบยี่หร่าเพื่อตักแบ่งออกมาจากถุงส่วนหนึ่ง ส่วนที่เหลือจะเก็บไว้กินในมื้อเย็น ปรากฎว่าหลังจากตนตักกินไปได้ 1 คำ และกำลังจะตักคำที่สองมากินต่อ โดยเลือกตักส่วนพุงปลาเพราะตนเองชอบกินพุงปลามาก ระหว่างที่ตนตักพุงปลาพร้อมกับข้าวเพื่อกำลังจะเอาเข้าปาก มองหันไปเห็นอะไรแปลก ๆ ในช้อนข้าวตัวเองว่ามีอะไรแปลก ๆ เป็นเส้นเงา ๆ อยู่ในช้อนข้าวพอดี ซึ่งในตอนนั้นตนยังคิดในใจว่าน่าจะเป็นเครื่องในปลาหรือเส้นเลือดปลา จึงลดช้อนลงมาดู

จากนั้นจึงใช้ช้อนซ้อมเขี่ยดู จึงเห็นว่าสิ่งที่ตนเห็นเป็นเส้น ๆ นั้น สายเอ็นกับตัวตะขอเบ็ดตกปลา ซึ่งทำให้ตนตกใจมากจึงรีบบอกเพื่อนที่นั่งกินข้าวอยู่ด้วยกันว่าเจอเบ็ดตกปลาในพุงปลาดุก เพื่อนก็งงว่ามาได้ยังไง

จากนั้นเพื่อความแน่ใจจึงนำเบ็ดตกปลาที่เจอ มาวางลงชามเพื่อดูให้แน่ใจอีกทีว่าใช่เบ็ดตกปลาจริง ๆ หรือไม่ จึงก็พบว่ามันคือเบ็ดตกปลาที่มาพร้อมเส้นจริง ๆ

น.ส.จูน กล่าวต่อว่า หลังจากนั้นตนจึงถ่ายคลิปกับรูปไว้เป็นหลักฐาน และรีบโทรติดต่อกลับไปแจ้งทางร้านอาหารที่ตนสั่งมา ให้รับรู้ว่าตนเจอตะขอเบ็ดตกปลาในอาหารที่สั่งจากร้านเขามากิน ซึ่งทางเจ้าของร้านเองก็ตกใจว่าเป็นไปได้อย่างไร พร้อมกับยืนยันว่าทางร้านได้ทำความสะอาดปลาที่นำมาทำอาหารดีแล้ว ทำให้ตนต้องถามย้ำทางร้านกลับไปว่า มั่นใจว่าได้ล้างทำความสะอาดดีหรือเปล่า ทำให้ทางร้านตอบกลับตนมาว่ายินดีที่จะทำผัดเผ็ดปลาดุกมาให้ใหม่ แต่ตนไม่สะดวกใจที่จะกินอาหารจากทางร้านอีกเพราะยังไม่หายตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงไม่รับอาหารชุดใหม่ ทำให้ทางร้านแสดงความรับผิดชอบ ด้วยการโอนเงินคืนค่าผัดเผ็ดปลาดุกใบยี่หร่า มาให้ตนในราคา 120 บาทแทน

“ในวันนั้นโชคดีที่ตนมองไปเห็นเบ็ดตกปลาเข้าเสียก่อน ไม่อยากคิดต่อไปว่าถ้าวันนั้นตนเผลอกลืนเบ็ดตกปลาลงไปแล้ว อะไรจะเกิดขึ้นกับตนบ้าง ไม่รู้ว่าเบ็ดตกปลาจะไปตกอยู่ตรงจุดไหนของร่างกาย มันเป็นสิ่งแปลกปลอมที่เป็นตะขอมีความแหลมคม สุดท้ายคงจะต้องไปผ่าตัดเพื่อเอาออกแน่นอน ถือว่าตนโชคดีที่รอดจากเบ็ดตกปลามาได้หวุดหวิด เพราะโดยปกติแล้วระหว่างนั่งพักกินข้าว ตนก็จะเปิดโทรศัพท์ดูไปด้วยเป็นประจำ” 

“ตนก็อยากฝากไปถึงร้านอาหารต่าง ๆ ด้วยว่า ให้คำนึกถึงความสะอาดและตรวจสอบคุณภาพวัตถุดิบที่นำมาทำอาหารให้ลูกค้าดี ๆ เพราะลูกค้าที่ตัดสินใจสั่งซื้ออาหารก็ใช้เงินที่เขาทำงานมาแลกซื้อ เมื่อซื้ออาหารมาแล้วก็อยากจะกินอาหารแบบสบายใจ ไม่ต้องมานั่งระแวงความปลอดภัยแบบนี้ ส่วนตัวลูกค้าซึ่งผู้บริโภคเองก็ต้องเพิ่มความระมัดระวังด้วย เพราะอาจมีสิ่งแปลกปลอมติดมาได้เสมอ ก็อย่าประมาท”

“ตนยอมรับว่าหลังเหตุการณ์เจอตะขอเบ็ดตกปลาในพุงปลาแล้ว ทำให้ตนกลายเป็นคนแพนิค หวาดระแวงกับอาหารที่สั่งมากิน จนทุกวันนี้ต้องเขี่ยอาหารให้กระจายออกทุกครั้งก่อนที่จะตักเข้าปาก โดยเฉพาะกับอาหารที่เป็นเมนูปลาต่าง ๆ ตนไม่กล้าสั่งมากินหรือซื้อกินอีกเลยนับตั้งแต่เจอเหตุการณ์ในวันนั้น เพราะภาพเบ็ดตกปลามันยังอยู่ในหัวตน” น.ส.จูน กล่าว

สำหรับเหตุการณืดังกล่าวคาดว่า ตะขอเบ็ดตกปลาที่พบว่าติดมากับพุงปลานั้น น่าจะเป็นเพราะปลาตัวดังกล่าว คงไปหลงกินเหยื่อที่มีคนตกปลานำมาเบ็ดมาตกไว้ แต่ปลาได้กลืนเบ็ดลงท้องไป ทำให้คนตกปลาใช้วิธีตัดสายเอ็นออกแทน ก่อนที่ปลาจะถูกจับนำมาขายแล้วทางร้านซื้อมาทำอาหารขายต่อให้กับลูกค้าอีกที

‘ดิว อริสรา’ ควักเงินซื้อคอนโดหรูใจกลางกรุงหมดทั้งชั้น ลั่น!! ไม่ได้ตั้งใจอวดรวย ชอบเพราะถูกโฉลก อยู่แล้วปัง

(7 ส.ค. 66) ชีวิตปังไม่ไหวจริง ๆ สำหรับนักแสดงสาว ‘ดิว อริสรา’ ล่าสุดได้ควักกระเป๋าซื้อคอนโดใหม่ใจกลางเมือง แต่ในครั้งนี้เธอเล่นเหมาทั้งชั้นไปเลย เพราะว่าลูกชาย ‘น้องไซลาส’ เริ่มโตแล้ว ก็เลยอยากขยับขยาย และเธอก็เพิ่งจัดพิธีทำบุญขึ้นบ้านใหม่ไปหมาด ๆ นี้เอง

ล่าสุด ‘ดิว อริสรา’ ก็ได้ออกมาเปิดใจถึงเรื่องซื้อคอนโดยกชั้น โดยระบุว่า ตอนนี้ยังไม่เข้าไปอยู่ แต่ฤกษ์คือต้องทำบุญขึ้นบ้านใหม่วันนั้น ตอนนี้ก็คือการรีโนเวทยังไม่ได้เข้าอยู่ ยังไม่เสร็จเลย ส่วนที่หลายคนสงสัยว่าทำไมไม่ซื้อบ้านเป็นหลังอยู่ไปเลย คือเราก็ลงทุนด้วย แล้วก็ถ้าเป็นบ้านวันหนึ่งเราต้องขายดิวว่ามันง่าย แล้วก็เราชอบที่นั่นแล้วก็ถูกโฉลกเรา อยู่แล้วเฮงอยู่แล้วดีอยู่แล้วปังอะไรแบบนี้ 

อันนี้คือทั้งฟลอร์เลย แต่เดี๋ยวหนูโดนด่าว่าอวด มันเหมือนเพนท์เฮาส์ ส่วนสามีเขาแฮปปี้อยู่แล้วแต่คุณสามีเขาตอนนี้อยู่ในช่วงรีโนเวทก็จะค่อนข้างเหนื่อย มันยังไม่เสร็จพอทำบ้านมันก็มีรายละเอียดเยอะ

ที่นั่นก็ค่อนข้างปลอดภัย ดิวเลือกจากความถูกโฉลกกับดิวค่ะ แล้วก็ให้ซินแสมาดูแล้วเรารู้อยู่แล้ว เรารู้สึกได้ว่าเราอยู่ที่นั่นเราแฮปปี้แล้วมีแต่เรื่องดี ๆ เราเลยอยู่ที่นั่น ห้องดิวมันได้ทุกทิศทางอยู่แล้ว คือมันเป็นแม่น้ำล้อมรอบ เพราะดวงดิวถูกกับแม่น้ำ ตามฉายาเน็ตไอดอลภาคพื้นทะเล พอมีน้ำล้อมรอบที่อยู่ของดิวก็คือดี

ถามว่าอยู่แล้วปังยังไง คือตั้งแต่ดิวอยู่ที่นั่น ชีวิตดิวค่อนข้างเปลี่ยนไปเยอะ แล้วเราก็มีแต่เรื่องดี ๆ เข้ามาในชีวิต พอเราจะขยับขยายเราก็หาที่ ๆ มันเป็นที่เดิมก็อาจจะใหญ่ขึ้นหน่อย

‘EA’ จับมือ ‘กรมอนามัย’ หนุนการใช้รถยนต์ EV ติดตั้งสถานีชาร์จแห่งแรกในกระทรวงสาธารณสุข

บจก.พลังงานมหานคร บริษัทย่อยในกลุ่ม บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) จับมือกับกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ผลักดันการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าในประเทศไทย พร้อมจัดตั้งสถานีชาร์จไฟฟ้าสำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้าแห่งแรกในกระทรวงสาธารณสุข เพื่อเป็นองค์กรภาครัฐต้นแบบในการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำ

เมื่อวันนี้ 4 ส.ค. 66 นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า “ในการเป็นประธานลงนามความร่วมมือโครงการสถานีชาร์จไฟฟ้าสำหรับรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าระหว่างกรมอนามัย และ บริษัท พลังงานมหานคร จำกัด ณ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ว่า จากรายงาน Biennial update report ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในปี 2565 พบว่า ก๊าซเรือนกระจกและมลพิษทางอากาศในประเทศไทยประมาณร้อยละ 70 มาจากภาคพลังงานและภาคขนส่ง โดยเฉพาะ PM2.5 ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และก๊าซไนโตรเจนออกไซด์ ทั้งนี้กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข จึงให้ความสำคัญในการรักษาสิ่งแวดล้อมของประเทศ พร้อมสนับสนุนการเป็นสังคมคาร์บอนต่ำ ซึ่งนโยบายรถไฟฟ้า (EV : Electric Vehicle) ถือเป็นมาตรการหนึ่งที่สำคัญของประเทศในภาคพลังงานและขนส่ง เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ลดมลพิษทางอากาศ และลดผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในระยะยาว”

“กรมอนามัย จึงได้ร่วมมือกับ บริษัท พลังงานมหานคร จำกัด วางโครงสร้างพื้นฐานยานยนต์ไฟฟ้า เพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน รวมทั้งจัดตั้งสถานีอัดชาร์จสำหรับรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าแห่งแรกของกระทรวงสาธารณสุข เพื่ออำนวยความสะดวกให้บุคลากรในกระทรวงสาธารณสุข และประชาชนทั่วไป ได้ใช้ยานยนต์ไฟฟ้าที่ใช้พลังงานสะอาดมากขึ้น ก่อนนำไปสู่การขยายผลให้ครอบคลุมพื้นที่อื่น ๆ รองรับการใช้งานของประชาชนในอนาคต ที่จะช่วยกันลดปัญหาสิ่งแวดล้อม สร้างอากาศที่บริสุทธิ์ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของคนไทยต่อไป” กล่าวปิดท้าย

นายสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) กล่าวว่า “กลุ่มพลังงานบริสุทธิ์ ได้มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจ ‘Green Product’ โดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมพลังงานสะอาด มากกว่า 15 ปี ทั้งด้านพลังงานทดแทน พลังงานหมุนเวียน และปัจจุบัน EA ซึ่งเป็นบริษัทไทยบริษัทแรกที่มีการเริ่มต้นพัฒนานวัตกรรมพลังงานไฟฟ้าด้วยฝีมือคนไทย ทั้งธุรกิจแบตเตอรี่และยานยนต์ไฟฟ้า รวมทั้งสถานีชาร์จ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของยานยนต์ไฟฟ้า โดยปัจจุบัน EA เป็นผู้นำด้านการให้บริการสถานีชาร์จรถไฟฟ้า ภายใต้ชื่อ EA Anywhere มากกว่า 5 ปี เปิดให้บริการแล้วกว่า 490 สถานี รวม 2,460 หัวชาร์จ ทั้งสถานีระบบ Normal Charge และ EA ได้คิดค้นนวัตกรรมการชาร์จที่มีประสิทธิภาพสูง ใช้เวลาเพียง 15 - 20 นาที ด้วยเทคโนโลยี Ultra-Fast Charge เพื่อตอบสนองต่อความต้องการ ในการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น สร้างระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้า (EV ECOSYSTEM) ที่มีประสิทธิภาพเทียบเท่าระดับสากล

ดังนั้น โครงการดังกล่าว จึงถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญ ที่ EA และ กรมอนามัย หน่วยงานราชการที่มีเจตนารมณ์เดียวกันกับบริษัทฯ ในการร่วมเดินหน้าส่งเสริมสถานีชาร์จสําหรับรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าภายในพื้นที่กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุขอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรมพลังงานสะอาด  ช่วยลดปัญหามลภาวะทางอากาศ และฝุ่น PM 2.5 ให้กับชุมชนและสังคม สร้างสุขภาพอนามัยที่ดีต่อทุกคน ทั้งยังส่งเสริมให้มีการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า อันจะทำให้ประเทศไทยสามารถก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาคได้เร็วยิ่งขึ้น สนับสนุนขับเคลื่อนให้เกิดเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ สังคม และคุณภาพสิ่งแวดล้อมไทยที่ยั่งยืน

'นันทนา' ปลื้ม!! อธิการ มธ. เชิญ 'พิธา' ปาฐกถารับปี 1  ชี้!! มีคุณสมบัติเหมาะสม เป็น idol ของคนรุ่นใหม่

(7 ส.ค. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รศ.ดร.นันทนา นันทวโรภาส คณบดีวิทยาลัยสื่อสารการเมือง มหาวิทยาลัยเกริก โพสต์ข้อความผ่านเพจ ‘ดร.นันทนา นันทวโรภาส’ ระบุว่า

“ในฐานะศิษย์เก่าธรรมศาสตร์ 3 ปริญญา
ปริญญาตรี : ศิลปศาสตรบัณฑิต (ประวัติศาสตร์)
ปริญญาโท : รัฐศาสตรมหาบัณฑิต (การเมืองการปกครอง)
ปริญญาเอก : ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต ( สื่อสารมวลชน)

ขอสนับสนุนและยกย่อง ท่านอธิการบดีและคณะผู้บริหารมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่ได้เชิญคุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ มาปาฐกถาต้อนรับนักศึกษาใหม่ ปีการศึกษา 2566 นี้

คุณพิธา เป็นลูกแม่โดม จากคณะบัญชี ที่เรียนเก่งจนต่อยอดไปจบปริญญาโทจาก มหาวิทยาลัยชั้นนำของโลก อย่าง Harvard และ MIT  มีจิตวิญญาณธรรมศาสตร์ ยึดมั่นในอุดมการณ์ประชาธิปไตย อุทิศตนรับใช้ประชาชน จนประสบความสำเร็จในทางการเมือง เป็นหัวหน้าพรรคที่ชนะเลือกตั้งเป็นอันดับหนึ่ง ด้วยคะแนนเสียงบริสุทธิ์กว่า 14 ล้านเสียง และหากเป็นประเทศที่เป็นประชาธิปไตยแบบอารยะ คุณพิธา ก็คือนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 ของประเทศไทยแล้ว!

นี่คือผลผลิต อันน่าภาคภูมิใจ ของชาวธรรมศาสตร์มิใช่หรือนี่คือแบบอย่าง ที่จุดประกายความคิด ให้แก่คนรุ่นใหม่ของธรรมศาสตร์ มิใช่หรือ

เช่นนี้แล้ว พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ คือองค์ปาฐกฯ ที่มีคุณสมบัติเหมาะสม และสอดคล้องกับบริบทในการปฐมนิเทศนี้

พิธานับเป็น idol ของคนรุ่นใหม่ การปรากฏตัวบนเวทีหอประชุมธรรมศาสตร์ เรียกเสียงกรี๊ดตบมือดังสนั่นตลอดเวลา ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันว่ามหาวิทยาลัยเชิญรุ่นพี่มาถูกใจยิ่งนัก

พิธา เป็นผู้ที่มีความมั่นใจในตนเองสูง มีบุคลิกผู้นำ แต่งกายถูกกาละเทศะ กิริยาท่าทางสุภาพ อ่อนโยน ลีลาการนำเสนอเร้าใจ น้ำเสียงมีพลัง จังหวะการพูดกระชับ ฉับไว เนื้อหาการพูด เรียบเรียงมาอย่างเป็นระบบ

‘สาร’ สำคัญ ที่นำเสนอคือ การกระตุ้นให้คนรุ่นใหม่ กล้าคิดใหญ่ กล้าฝันใหญ่ และให้คิดนอกกรอบ พลังของคนรุ่นใหม่ จะเปลี่ยนสังคม การเมืองได้อย่างสมบูรณ์แบบ

สุดท้ายพิธาได้ทำหน้าที่ถ่ายทอดจิตวิญญาณธรรมศาสตร์ ให้รุ่นต่อไป ยืนหยัดต่อสู้ เพื่อประชาธิปไตย เสรีภาพ และ ความยุติธรรมในสังคม ดังปณิธานของชาวธรรมศาสตร์ที่ว่า

“เหลืองของเราคือธรรมประจำจิต แดงของเราคือโลหิตอุทิศให้”

การกล่าวปฐมนิเทศที่น่าประทับใจนี้ ย่อมสร้างแรงบันดาลใจให้แก่เมล็ดพันธุ์รุ่นใหม่ของธรรมศาสตร์ ที่จะผลิดอก ออกผล แห่งการเปลี่ยนแปลงอันยิ่งใหญ่ต่อไป”

'ศุภณัฐ-ก้าวไกล' แจงหน้าที่ สส.ไม่มีอำนาจบริหารน้ำท่วม หลังชาวเน็ตแซะ "ตอนน้ำท่วม ไปอยู่ไหน?"

(7 ส.ค. 66) นายศุภณัฐ มีนชัยนันท์ ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล ทวีตข้อความตอบโต้หลังถูกเข้ามาถามว่า “ทำมาเกินแอ็ค ตอนฝนตกน้ำท่วม ไปอยู่ไหน” ในโพสต์ที่เจ้าตัวลงพื้นที่ ซอยรัชดา 32 รัชดา 36 และ ตลาดเสือใหญ่

นายศุภณัฐ ระบุว่า “คอยติดตามสถานการณ์ และแจ้งหน่วยงานเนี่ยแหละครับ ขออธิบาย รัฐศาสตร์เบื้องต้นนะครับ แต่ละบุคคล แต่ละหน่วยงานมีหน้าที่ต่างกัน

‘ส.ส. ไม่ใช่ ฝ่ายบริหารจัดการน้ำท่วม’ เป็นอำนาจของมหาดไทย กทม. และเขต

ตัว ส.ส. ไม่มีอำนาจในการบริหารน้ำท่วม ไปสั่งเจ้าหน้าที่แทน ผอ.เขต ไม่ได้ เขาต้องทำตามแผนของเขา สั่งเปิดปิดประตูระบายน้ำไม่ได้ สั่งย้ายเครื่องสูบน้ำไม่ได้ สั่งลอกท่อไม่ได้ สั่งเร่งระบายน้ำในคลองไม่ได้ แปรงบลงเขตตัวเองก็ไม่ได้ และเอาจริง ๆ ส.ส. ไม่ใช่ตัวหลักที่ไว้ตรวจสอบ กทม. อันนี้เป็นบทบาทของ สก. (นิติบัญญัติ ระดับท้องถิ่น) ครับ

ผมคือฝ่ายนิติบัญญัติ (ระดับรัฐ) รับฟังความลำบากของประชาชน แล้วนำไปแจ้งให้หน่วยงานต่าง ๆ รับรู้ถึงความลำบาก เร่งให้รีบจัดการแก้ไข ตรวจสอบการทำงานของหน่วยงาน และร่างกฎหมาย ที่จะทำให้การบริหารงานดีขึ้น

สำนักระบายน้ำ มีงบจัดการน้ำ 9,000 ล้าน และ เขต 50 เขต มีงบ 20,000 ล้าน ซึ่งอยู่ภายใต้ กทม. แต่ ส.ส. มีเงินเดือน 1 แสน

ถ้าผมบริหารงบเองได้ แปรงบได้ ผมคงเร่งขยายท่อระบายให้กว้างขึ้นและติด Sensor ตามท่อ เพื่อตรวจสอบ Speed ของการไหล และระดับน้ำในท่อ ตรงไหนตัน ตรงไหนระบายช้า จะได้รู้หมดครับ”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top