Thursday, 15 May 2025
NewsFeed

‘ต่าย ชุติมา’ ควงคู่ ‘น้องพิพิม’ รับรางวัล ‘คุณแม่ดีเด่น-ลูกกตัญญู’ เผย!! ดีใจ ที่ได้รางวัลอีกครั้ง ตนได้แต่ทำหน้าที่โดยไม่ได้หวังอะไร

(7 ส.ค. 66) แม้ช่วงที่ผ่านมาจะเกิดกระแสดรามาหนักหน่วงขนาดไหน แต่การเลี้ยงและดูแลลูกสาวสุดที่รักอย่าง ‘น้องพิพิม ลิ้มเจริญรัตน์’ ของคุณแม่สุดสวย ‘ต่าย ชุติมา ทีปะนาถ’ ก็ไม่เคยขาดตกบกพร่อง ทำให้ล่าสุดเจ้าตัวได้รับรางวัลแม่ดีเด่น ในงานมอบรางวัลคนแห่งแผ่นดิน ประจำปี 2566 ณ ห้องประชุมรัชนีแจ่มจรัส 4 สันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย ซึ่ง ‘น้องพิพิม’ เองก็ได้รับรางวัลลูกกตัญญูในครั้งนี้เช่นกัน ซึ่งสาว ต่าย ก็เผยว่าดีใจและเป็นเกียรติที่ได้รับรางสัลนี้ และถือเป็นครั้งที่ 2 แล้วด้วย

“ได้รับรางวัลแม่ดีเด่นค่ะ (ยิ้ม) เป็นครั้งที่ 2 ค่ะ เคยได้มาแล้วรอบนึง ก็รู้สึกเป็นเกียรติมากเลยค่ะที่ได้รางวัลนี้ เราก็ทำหน้าที่ของเราโดยไม่ได้หวังอะไร แล้วสุดท้ายมีคนเห็นคุณค่าของความเป็นแม่ของเรา ก็ดีใจค่ะ จริง ๆ การเลี้ยงลูกของต่ายก็คือทำอะไรให้เป็นธรรมชาติที่สุดและตามวัยเขา เห็นว่าอะไรเหมาะหรือไม่เหมาะ เราก็พยายามบอก พยายามที่จะเป็นทั้งแม่ ทั้งเพื่อน เป็นทุกอย่างให้เขาค่ะ ตอนนี้ก็ยังไม่ได้วางอะไรให้เขามาก เพราะพอเข้าประถมต้นเราก็รอดแล้ว 3 ปี (หัวเราะ) พอจะขึ้นประถมปลายอาจจะต้องมาคิดว่าจะอยู่โรงเรียนเดิมหรือจะยังไง

เรื่องการดูสื่อโซเชียล เวลาที่เขาเล่นก็จะมีจำกัดเวลาให้อยู่แล้วค่ะ และสื่อที่เขาดูก็ต้องเหมาะสำหรับวัยของเขา ก็อยากให้กำลังใจคุณแม่ทุกคน รู้ว่าเลี้ยงลูกเหนื่อย แต่เราก็จะได้รับความภาคภูมิใจนั้นกลับมาในการเลี้ยงลูกของเรา ถ้าเราเลี้ยงลูกอย่างดีที่สุดค่ะ (ยิ้ม)”

‘เศรษฐา’ มอบทนาย ยื่นฟ้อง ‘ชูวิทย์’ ปมแฉซื้อขายที่ดิน ชี้ เป็นการใส่ความ-มีวาระซ่อนเร้น เรียกค่าเสียหาย 500 ลบ.

(7 ส.ค. 66) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความผู้ได้รับมอบอำนาจจากนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวกรณียื่นฟ้องนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองดัง ในความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาในกรณีที่นายชูวิทย์กล่าวหาว่า บ.แสนสิริ โดยนายเศรษฐาซื้อที่ดินและมีการหลีกเลี่ยงภาษีว่า นายเศรษฐาได้มอบอำนาจให้ตนฟ้องและดำเนินคดีกับนายชูวิทย์ โดยมีสาระสำคัญว่า เมื่อวันที่ 3 ส.ค.จำเลยทราบอยู่แล้วว่า ในวันที่ 4 ส.ค. จะมีการประชุมร่วมกันของรัฐสภา และในวันประชุมรัฐสภาดังกล่าว คาดหมายว่าจะมีการเสนอชื่อในฐานะเป็นบุคคลที่สมควรจะได้รับแต่งตั้งเป็นนายกฯ ของพรรคเพื่อไทยต่อที่ประชุมรัฐสภา

ทั้งนี้ จำเลยจัดแถลงข่าวต่อหน้าสื่อมวลชนและสาธารณชนที่ รร.เดอะเดวิส สุขุมวิท 24 โดยใช้ชื่อว่า ‘แฉเพื่อชาติ EP 1’ ด้วยข้อความอันเป็นเท็จ โดยการป่าวประกาศ ใส่ความโจทก์ต่อหน้าสื่อมวลชวนที่ไปทำข่าว และมีการถ่ายทอดสดเผยแพร่ต่อสื่อออนไลน์ ทั้งสื่อโทรทัศน์ สื่อออนไลน์แพลตฟอร์มต่าง ๆ ในลักษณะใส่ความโจทก์ต่อบุคคลที่สาม เพื่อให้ประชาชนบุคคลทั่วไป รวมทั้งสมาชิกรัฐสภา ทั้งสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา ที่จะต้องลงมติเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบให้โจทก์เป็นนายกฯ

นายวิญญัติ กล่าวว่า รวมทั้งบุคคลทั่วไปที่ได้รับฟังรับชมการแถลงข่าวของจำเลย หลงเชื่อและเข้าใจว่าโจทก์เป็นบุคคลไม่ดี เป็นคนที่ไม่ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และไม่สมควรที่จะได้รับแต่งตั้งให้เป็นนายกฯ ทั้งนี้ ก่อนการแถลงข่าว บ.แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ได้เผยแพร่แถลงการณ์ต่อสาธารณะ หัวข้อ ‘แสนสิริ ชี้แจงซื้อที่ดินถูกต้องตามหลักกฎหมายและธรรมาภิบาล’ ยืนยันว่าบริษัทฯ ยืนยันได้ดำเนินการตามหลักธรรมาภิบาล ถูกต้องตามกฎหมาย โปร่งใสและตรอจสอบได้ จำเลยสามารถตรวจสอบข้อเท็จจริงตามความจริงที่ถูกต้องได้ ทั้งต้องใช้ความระมัดระวังในการเสนอข้อเท็จจริง แต่จำเลยกลับไม่ตรวจสอบให้ดีก่อนมีการแถลงดังกล่าว แต่ยืนยันข้อเท็จจริงและมีเจตนาที่จะไม่ให้สมาชิกรัฐสภาทั้งสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา ที่จะต้องลงมติเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบให้โจทก์เป็นนายกฯ นั้น และจำเลยมีเจตนาให้ประชาชนบุคคลทั่วไปที่ได้รับชมรับฟังการแถลงข่าวของจำเลยดังกล่าว หลงเชื่อ และเข้าใจทันทีว่าโจทก์เป็นบุคคลไม่ดี โกงภาษี ไม่มีธรรมาภิบาล เป็นคนที่ไม่ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ทำให้โจทก์ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง

นายวิญญัติ กล่าวอีกว่า ความจริงผู้ขายได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินโดยการโอนแบ่งคืนให้ผู้ถือหุ้นคนละวันกัน จึงไม่ถือว่าบุคคลดังกล่าวได้กรรมสิทธิ์รวมในที่ดินพร้อมกัน ต่อมาเมื่อมีการขายให้ บ.แสนสิริ จำกัด (มหาชน) บริษัทเดียวโดยต่างคนต่างขายคนละวัน หรือแม้ว่าจะขายในวันเดียวกัน ผู้ขายทั้งหมดก็ไม่ต้องเสียภาษีเงินได้ในฐานะห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล ตามมาตรา 56 แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ป. 100/2543 ลงวันที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ.2543 ข้อ 4 (2) เนื่องจากข้อเท็จจริงกรณีนี้ไม่ได้มีการเข้าถือกรรมสิทธิ์รวมพร้อมกัน จึงให้บุคคลแต่ละคนที่ถือกรรมสิทธิ์รวม เสียภาษีเงินได้ในฐานะบุคคลธรรมดา โดยแยกเงินได้ตามส่วนของแต่ละคนที่มีส่วนอยู่ในอสังหาริมทรัพย์ที่ถือกรรมสิทธิ์รวม

จำเลยยังเป็นการทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายต่อร่างกายและจิตใจ เป็นการกล่าวหรือไขข่าวแพร่หลายข้อความ ซึ่งฝ่าฝืนความจริง เป็นที่เสียหายแก่ชื่อเสียงและเกียรติคุณของโจทก์ หรือเป็นที่เสียหายแก่ทางทำมาหาได้หรือทางเจริญของโจทก์ ทำให้โจทก์ขาดความน่าเชื่อถือจากประชาชน เนื่องจากโจทก์เป็นนักธุรกิจที่มีชื่อเสียงและเป็นบุคคลที่พรรคเพื่อไทยมีมติให้ส่งชื่อกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง เพื่อให้สภาฯ ให้ความเห็นชอบแต่งตั้งเป็นนายกฯ

”ผมขอตั้งข้อสังเกตว่านายชูวิทย์มีเจตนาพูดไม่ครบถ้วน ให้ข้อเท็จจริงในลักษณะให้เกิดความเข้าใจผิด มีวาระซ่อนเร้นที่จะกลั่นแกล้งโจทก์หรือไม่ การใส่ความนายเศรษฐาให้ประชาชน และสมาชิกรัฐสภาเชื่อว่านายเศรษฐากระทำผิดกฎหมาย ขัดธรรมาภิบาล เพื่อหวังผลทางการเมือง และไม่ได้เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชนอย่างที่นายชูวิทย์กล่าว ซึ่งทางโจทก์ได้ยื่นฟ้องพร้อมเรียกค่าเสียหายจากนายชูวิทย์จากการกระทำละเมิดต่อโจทก์ดังกล่าวเป็นเงินจำนวนห้าร้อยล้านบาทถ้วน พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 5 ต่อปีของเงินจำนวนดังกล่าวนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจะชำระเสร็จสิ้นแก่โจทก์” นายวิญญัติ กล่าว

นายวิญญัติ กล่าวว่า ตนทราบว่านายชูวิทย์กำลังป่วย ตนจึงให้กำลังใจในฐานะเพื่อนมนุษย์ แต่ที่ต้องฟ้องไม่ใช่การรังแกคนป่วย เป็นคนละเรื่อง เพราะการกระทำของคุณชูวิทย์ เข้าข่ายเป็นการกระทำความผิดกฎหมาย จะใช้สิทธิละเมิดผู้อื่นมิได้ เราทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกัน หากโดนละเมิดสิทธิ คุณเศรษฐาก็ต้องปกป้องสิทธิของตัวเอง ไม่เช่นนั้นคนทั่วไปและสมาชิกรัฐสภาหรือวิญญูชนย่อมเข้าใจในทางไม่ดีต่อคุณเศรษฐา และยังมีการกล่าวหรือกระทำการให้ร้ายอยู่ต่อไป

แม้คุณชูวิทย์จะบอกว่าตัวเองป่วย ใกล้ตาย มีเวลาไม่นาน แต่ก็ใช่ว่าสิ่งที่พูดจะต้องจริง ทางกฎหมายคือเจตนาใส่ความนั่นเอง เมื่อตนยื่นฟ้องเป็นคดีต่อศาลอาญาแล้ว อยากให้ทุกฝ่ายเข้าใจว่าคดีอยู่ในกระบวนการยุติธรรม ไม่ควรนำไปขยายประเด็นหรือใส่ความอีก เพราะจำเป็นต้องมีการฟ้องดำเนินคดีตามสิทธิ์ กล่าวโดยสรุปนายเศรษฐาเป็นแคนดิเดตนายกฯ ย่อมอาจถูกตรวจสอบได้ แต่ประชาชนที่รับข้อมูลข่าวสารต้องพึงระวังว่าในข้อมูลนั้นและต้องรอบด้าน ไม่ใช่รีบตัดสินเพื่อเชื่อเลยทีเดียว เรื่องนี้เกี่ยวกับเรื่องภาษีและเป็นการดำเนินการตามมาตรการการจัดเก็บภาษีของกรมสรรพากรไม่ใช่เรื่องเลี่ยงภาษีหรือทำให้รัฐเสียหาย

‘รัฐบาล’ หนุน ‘การท่องเที่ยวเชิงรุก’ เจาะตลาด ‘ยุโรป-สหรัฐฯ-ตะวันออกกลาง’ กระตุ้นรายได้จากตลาดต่างประเทศ ตั้งเป้า!! 1.62 ล้านล้านบาท ภายในปี 66

(7 ก.ค. 66) น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลปรับแผนยุทธศาสตร์การทำงานเพื่อให้เป็นไปตามสถานการณ์ตลาดอย่างต่อเนื่อง ตามนโยบาย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) วางแผนสนับสนุนตลาดนักท่องเที่ยวระยะไกล (Long haul) โดยเฉพาะ จากยุโรป อเมริกา และตะวันออกกลางให้เข้ามาท่องเที่ยวประเทศไทยมากขึ้น กระตุ้นรายได้ตลาดการท่องเที่ยวจากต่างประเทศให้ถึงเป้าหมายที่คาดการณ์ มูลค่ารวม 1.62 ล้านล้านบาท ในปี 2566

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ประเทศไทยได้ดำเนินนโยบายด้านการท่องเที่ยว เพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์ สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น แบ่งเป็นตลาดการท่องเที่ยวระยะใกล้ และ ตลาดการท่องเที่ยวระยะไกล โดยในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2566 มีนักท่องเที่ยวยุโรปเดินทางเข้าไทย 2,933,660 คน อเมริกา 620,474 คน ตะวันออกกลาง 231,206 คน ซึ่งจากสถิติที่ผ่านมา ตลาดนักท่องเที่ยวระยะไกล (Long haul) จากยุโรป อเมริกา และตะวันออกกลาง นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้มีค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยว รวมถึงเวลาที่พำนักอยู่มากกว่ากลุ่มอื่น ๆ

โดยจากข้อมูลการวิเคราะห์พฤติกรรมนักท่องเที่ยวระหว่างประเทศปี 2566 ในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2566 (มกราคม-มีนาคม) พบว่านักท่องเที่ยวจากยุโรป มีวันพักเฉลี่ย 19.40 วัน ใช้จ่ายเฉลี่ยคนละ 71,718 บาทต่อทริป นักท่องเที่ยวจากตะวันออกกลาง มีวันพักเฉลี่ย 16.17 วัน ใช้จ่ายเฉลี่ยคนละ 99,172 บาทต่อทริป และนักท่องเที่ยวจากอเมริกา มีวันพักเฉลี่ย 15.26 วัน ใช้จ่ายเฉลี่ยคนละ 76,297 บาทต่อทริป ด้วยปัจจัยการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวและเที่ยวบินระหว่างประเทศที่เพิ่มมากขึ้นในช่วง เมษายน-ตุลาคม ปีนี้ นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้จึงเป็นอีกกลุ่มเป้าหมายที่สำคัญ และคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวจากตลาดนักท่องเที่ยวระยะไกล จำนวนเกิน 7 ล้านคน ในปี 2566 สร้างมูลค่า 6.6 แสนล้านบาท 

นอกจากนี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยวางแผนเปิดสำนักงานใหม่ที่ เมืองชิคาโก สหรัฐอเมริกา เพิ่มเติมจากเดิมที่มีสำนักงานอยู่ที่เมืองนิวยอร์ก และเมืองลอสแอนเจลิส โดยทำการตลาดด้านการท่องเที่ยวเพิ่มเติมในตอนกลางของอเมริกา และพื้นที่ตลาดแคนาดา เพื่อดึงดูดการท่องเที่ยวแบบเช่าเหมาลำมากขึ้น และตลาดในภูมิภาคตะวันออกกลางจะเปิดสำนักงานใหม่ ที่กรุงริยาด ซาอุดีอาระเบีย เพื่อรุกทำตลาดนักท่องเที่ยวซาอุดีฯ อย่างเต็มที่ พร้อมดูแลและประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวในพื้นที่ใกล้เคียง เช่น แอฟริกาตอนเหนือ ซึ่งมีความใกล้เคียงกันในเชิงวัฒนธรรมกับตลาดซาอุดีฯ ทั้งนี้ ตลาดซาอุดีอาระเบีย ถือเป็นตลาดที่มีศักยภาพ โดยสถิติในช่วงวันที่ 1 มกราคม-10 กรกฎาคม 2566 มีจำนวนนักท่องเที่ยวสะสม 75,652 คน มากเป็นอันดับ 1 ของภูมิภาคตะวันออกกลาง ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องจากการฟื้นความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทย-ซาอุดีอาระเบีย โดยนายกรัฐมนตรี เมื่อปี 2565

“รัฐบาลไทยดำเนินนโยบายเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างเต็มที่มาอย่างต่อเนื่อง ประเมินตลาด ปรับเปลี่ยนการทำงาน พร้อมทั้งจัดกิจกรรมและนิทรรศการ ที่รองรับกับความต้องการของนักท่องเที่ยว เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวและและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องตลอดทั้งปี ทั้งนี้ เพื่อให้ไทยอยู่ในกระแสความนิยมของนักท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งรวมถึงพัฒนาแนวทางการท่องเที่ยวอย่างสมดุล และยั่งยืน ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม ระบบนิเวศ ของประเทศอีกด้วย” น.ส.รัชดาฯ กล่าว

‘สืบนครบาล’ รวบ ‘เอส คอลาย’ ลักพาตัวลูกเลี้ยงวัย 12 ปี บังคับเสพยาก่อนข่มขืน ล้างสมองให้เกลียดแม่

(7 ส.ค. 66) พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. สั่งการให้ พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร. / ผอ.ศอ.ปส.ตร., พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น., พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น., พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. / หัวหน้าชุดป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ปฏิบัติการที่ 5 พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รอง ผบก.สส.บช.น., พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น., พ.ต.อ.พัชรดนัย การินทร์ ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.บช.น., พ.ต.อ.ธนากร อ่อนทองคำ ผกก.สส.4 บก.สส.บช.น., พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ, ร.ต.อ.ศิวัช ยังอุ่น สืบสวน 110 โดย ร.ต.อ. มนตรี เฉลิมวัฒน์, ร.ต.อ. จิรศักดิ์ ว่องไว, ร.ต.อ. ชัยวิทย์ หาญญ์สุวรรณนทีวิทย์, ร.ต.ท. อนันตชัย สัจจพงษ์, ร.ต.ท. เดชาธร ชมศิริ, ส.ต.ท.จิรวัฒน์ ศรีมั่นมีชัย ร่วมกับเจ้าหน้าที่ชุด PCT5, สืบนครบาล และเหล่านักเรียนอบรมหลักสูตรสืบสวนคดีอาญา รุ่นที่ 110 ร่วมกันสืบสวนติดตามจับกุมตัวนายวีรยุทธ แสนชัย หรือ ‘เอส คอลาย’ อายุ 29 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาธนบุรีที่ 113/2566 ลงวันที่ 25 พ.ค. 66 ข้อหา ‘ความผิดเกี่ยวกับเพศ’ จับกุมตัวได้ที่ ภายในซอยตลาดวังหลัง แขวงศิริราช เขตบางกอกน้อย จ.กรุงเทพฯ จับกุมตัวเมื่อ 6 ส.ค. 66 เวลาประมาณ  10.50 น. ที่ผ่านมา

สืบเนื่องจากชุดสืบสวนนครบาล สืบทราบว่า นายวีรยุทธ แสนชัย หรือ ‘เอส คอลาย’ เดนทรชรในคราบ ‘พ่อเลี้ยง’ ก่อเหตุลูกติดเด็กหญิงอายุ 12 ปี และครอบครัว หลังคบกับแม่ของเด็กหญิงดังกล่าวตั้งแต่ปี 2562 แม่เด็กสังเกตเห็นพฤติกรรมลูกสาวมีสนิทสนมกับสามีมากเกินกว่าพ่อเลี้ยงกับลูกเลี้ยง มีการหยอกล้อในเชิงชู้สาวกับลูกเลี้ยงดังกล่าวอยู่เป็นประจำ จนกระทั่งปี 2565 พาลูกเลี้ยงไปอยู่แบบสามีภรรยา ล้างสมองให้เกลียดแม่ตัวเอง ให้ลาออกจากโรงเรียน และให้ตกเป็นธาตุกามอารมณ์ของตนเองโดยไม่สนอนาคตของเด็กแต่อย่างใด ไม่เรียนหนังสือและออกเร่ร่อนไปกับพ่อเลี้ยงดังกล่าว ล่าสุดเดนทรชนรายนี้ได้พาตัวเด็กหญิงออกไปจากบ้านอีกครั้งและพาไปเร่ร่อนบังคับเสพยาเสพติดและลงมือกระทำชำเรา

ผู้เป็นแม่ทราบเรื่องถึงกับใจสลาย ทั้งพยายามติดต่อ ตามหา แต่พ่อเลี้ยงเดนทรชนก็ยังนำโทรศัพท์มือถือของเด็กหญิงดังกล่าวแต่กลับไปขายเพื่อนำมาซื้อยาเสพติดเสพ แม่ไร้ทางออกโพสต์ข้อความประกาศตามหาลูกจนกลายเป็นไวรัล ซึ่งประชาชนต่างช่วยกันแชร์และติดตาม ซึ่งเรื่องนี้ก็ถึงหู พล.ต.ต.ธีรเดช หรือ ผู้การจ๋อ รายงานให้ พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร. / ผอ.ศอ.ปส.ตร.ทราบ พร้อมส่งมือดีชุดสืบนครบาล และสืบ 110 ติดตามไล่ล่าเดนทรชนรายนี้ทันที โดยทราบเพียงเบาะแสว่า เดนทรชนรายนี้ได้พาเด็กหญิง มาเสพยาภายในชุมชนแห่งหนึ่งย่านธนบุรี

พล.ต.ต.ธีรเดช ส่งกำลังลงพื้นที่ชุมชนต้องสงสัยแบบราบเป็นหน้ากลอง แต่ด้วยสมรภูมิที่คนร้ายได้เปรียบจึงสามารถหลบหนีชุดสืบสวนไปได้ทันควัน เล่นเอาชุดสืบสวนต้องคว้าน้ำเหลวในค่ำคืนแรก หากแต่ชีวิตของเด็กหญิงคนหนึ่งกับอีกหนึ่งครอบครัวที่เฝ้ารอความหวังจากเจ้าหน้าที่ ชุดสืบสวนไล่ล่าติดตามร่องรอยเดนทรชนจนพบเบาะแสจากพลเมืองดีรายหนึ่งในตลาดวังหลังซึ่งเห็นคนร้ายเดินกับเด็กหญิงสาวโดยเด็กผู้หญิงมีบาดแผลตามร่างกายจนกระทั่งไปจับกุมตัวได้ที่ ตลาดวังหลัง แขวงศิริราช เขตบางกอกน้อย จ.กรุงเทพฯ และสามารถช่วยเหลือเด็กหญิงดังกล่าวได้ก่อนจะถูกคนร้ายพาหนีลงไปทางภาคใต้ และจากการตรวจสอบประวัติต้องโทษคดีอาญา 13 คดี เช่น เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1, ครอบครองยาเสพติดให้โทษประเภท 1, ลักทรัพย์, ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน, ชิงทรัพย์, วิ่งราวทรัพย์ และกระทำพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจาร

จากการสอบสวนนายเอส คอลาย ผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า “ตนเองลงมือกระทำชำเราลูกเลี้ยงวัย 12 ปี จริง โดยกระทำโดยไม่ได้สวมถุงยางอนามัย และตนได้ไปต่ออวัยวะเพศของตนเองมา เมื่อเวลามีเพศสัมพันธ์ลูกจะบอกว่าเจ็บตลอด และที่ทำไปเพราะความรัก ตอนแรกแค่แอบชอบ แต่พอพูดคุยแหย่กันไปมาก็เริ่มมีความรู้สึกรัก ตอนนี้ไม่ได้รักแม่ของเด็กแล้ว แต่มารักเด็กแทน โดยที่ผ่านมาตนเองเคยถูกจับกุมตั้งแต่วัยเด็ก โดยรวมทั้งหมดถึงปัจจุบันกว่า 13 ครั้ง ในข้อหา เสพยาบ้า, ครอบครองยาบ้า, ครอบครองยาไอซ์, ขับเสพฯ, ร่วมกันชิงทรัพย์ ชิงโทรศัพท์มือถือเด็กนักเรียน, ลักทรัพย์, ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน, ร่วมกันวิ่งราวทรัพย์, พรากผู้เยาว์อายุ 13 ปี ไปเพื่อการอนาจารฯ และล่าสุดโดนข้อหา อนาจารเด็กและอยู่ระหว่างการประกันตัว ตนเองได้ถูกติดกำไร EM แต่ได้ถอดทิ้งไปเพื่อหลบหนีจะไม่ไปฟังคำพิพากษาของศาล เพราะไม่พร้อมที่จะติดคุก ฝากขอโทษครอบครัวของลูกเลี้ยง ทำให้เกิดเป็นปมด้อยเป็นตราบาปกับเด็ก และยอมรับว่าไม่ได้ไปทำแบบนี้กับเด็กคนอื่นอีกแน่นอน หากเจ้าหน้าที่เผยแพร่ใบหน้าตนไปแล้วมีเหยื่อมาชี้ยืนยัน ยินดีให้เจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาเพิ่มเติมได้เลย”

ต่อมาตำรวจได้นำตัวนำส่งศาลอาญาธนบุรีเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ทางด้านพล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวว่า ประวัติคนร้ายรายนี้ถือว่าโชกโชนมากไม่ว่าจะเป็น ยาเสพติด, ชิงทรัพย์, อนาจาร ยาวเป็นหางว่าว เป็นภัยสังคม และจากแผนประทุษกรรมในคดีล่าสุดนี้เรียกได้ว่าไม่เหลือศีลธรรมในจิตใจ กระทำกับเด็กผู้หญิงวัยเพียง 12 ปีที่เป็นลูกเลี้ยงของตนเองได้ และที่ผมรับไม่ได้คือการบังคับให้เด็กเสพยาเสพติดก่อนลงมือกระทำชำเราเด็ก ผมไม่ต้องการให้คนเช่นนี้เพ่นพ่านในสังคม จึงขอประชาสัมพันธ์ไปยังประชาชน หากพบว่าบุตรหลานของท่านเคยตกเป็นเหยื่อ หรือมีแนวโน้มที่จะถูกคนร้ายรายนี้กระทำมิดีมิร้าย โปรดแจ้งเบาะแสมาที่เราทางเพจเฟซบุ๊ก สืบนครบาล IDMB เรามีเจ้าหน้าที่ตลอด 24 ชั่วโมง และแม้จะไม่ใช่คดีอุกฉกรรจ์ แต่หากเป็นความเดือดร้อนของประชาชน เราทำทันที ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ธิติ สงสว่าง ผบช.น.

อัญชัน เทอเรส ร้านอาหารไทยสไตล์โฮมเมด หลากหลายเมนู กับสูตรลับเฉพาะที่ต้องลองชิม

อัญชัน เทอเรส ร้านอาหารไทยรสจัดจ้าน ย่านพุทธมณฑล สาย 2 ร้านนี้เน้น ความเป็นโฮมเมดสไตล์ไทยๆ ชื่อ “อัญชัน” ดอกไม้ริมรั้วเติบโตง่ายสื่อถึงความเรียบง่ายและยังเป็นดอกไม้กินได้ด้วย เมนูในร้านอัญชันจึงเป็นอาหารที่ทำจากดอกอัญชัน และเพิ่มเติมเมนูอาหารที่หากินได้ยากเพื่อสร้างเอกลักษณ์ที่ชัดเจนยิ่งขึ้น อาทิ หมูกรอบคั่วน้ำปลา ที่รับประกันความกรอบฟู ราดน้ำซอสเค็มหวานสูตรเฉพาะของร้าน

ผัดสามเหม็น จานขายดีที่รวมเอาสะตอ ชะอม กระเทียมโทน ผัดใส่วุ้นเส้นและไข่ไก่ ผัดเกรียมๆ รสชาติเข้มข้น ได้ความมันของสะตอข้าวอ่อนๆ หอมกลิ่นกระทะ อร่อยครบเครื่อง

ไข่ตุ๋นหน้ากระเทียมฉ่า เมนูที่ทุกคนชื่นชอบ ไข่ตุ๋นนุ่มๆ เนื้อเนียน โรยหน้าด้วยกระเทียมฉ่ากับน้ำปลากลิ่นหอมมาก

ไข่พะโล้แก้มหมู เมนูนี้เป็นสูตรเฉพาะของทางร้านที่เปลี่ยนจากหมูสามชั้นที่มันเยอะเป็นแก้มหมูที่ให้รสสัมผัสของเนื้อและมีมันแทรกน้อยๆ ต้มข้ามวันจนน้ำพะโล้รัดตัวไข่ และแก้มหมูนิ่มนุ่มกลิ่นหอมน่าลิ้มลอง

แกงเขียวหวานลูกชิ้นปลากราย เป็นสูตรเครื่องแกงที่ตำเอง ซึ่งสีจะไม่เขียวเหมือนแกงเขียวหวานทั่วไป แต่รสชาติถึงเครื่อง กินพร้อมเนื้อปลากรายเด้งๆ รับรองติดใจ

ข้อมูลเพิ่มเติม
ที่ตั้ง : 5/10 แขวงทวีวัฒนา เขตทวีวัฒนา กรุงเทพฯ

ติดต่อ : 082-205-9899

เวลาเปิด - ปิด : 11.00-22.00 น. ทุกวัน

‘อดีตผู้ช่วยอธิการบดี มธ.’ ฝากถึงทุกคนที่ห่วงใย มธ. ไม่ต้องกลัวสถาบันตกต่ำ เพราะมีเด็กสมัครเกินโควตาเสมอ

(7 ส.ค. 66) ผู้ใช้เฟซบุ๊ก ‘Boonsom Akkarathammakul’ ของนายบุญสม อัครธรรมกุล อดีตผู้ช่วยอธิการบดี มธ. โพสต์รูปภาพ พร้อมข้อความ ระบุว่า..

“ขอบคุณที่ห่วงธรรมศาสตร์ กลัวสถาบันจะตกต่ำ จะตกต่ำเพราะเรื่องนี้จริงหรือ??? เห็นแต่ละคณะยังมีเด็กสมัครเกินจำนวนที่นั่งกันเยอะเลย ในขณะที่…ที่อื่นสถานการณ์ตรงกันข้าม”

ทั้งนี้ภาพที่โพสต์เป็นข้อความคำพูดของนักวิชาการหลายท่านที่แสดงถึงความห่วงใยในสถาบันธรรมศาสตร์ หลังได้เชิญ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ขึ้นพูดในวันปฐมนิเทศนักศึกษาปีที่ 1 เช่น

คำพูดของ ดร.เสรี วงษ์มณฑา ศิษย์เก่าดีเด่น คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อาจารย์ และ คณบดีคณะวารสารศาสตร์ฯ ที่ระบุว่า “รู้สึกเศร้าใจมาก เมื่องานรับเพื่อนใหม่ของธรรมศาสตร์ มีการเชิญ 'พิธา' ไปเป็นผู้บรรยาย ให้นักศึกษาปีที่ 1 ฟัง เชิญนักการเมืองที่มี agenda คนที่ทำกิจกรรมด้วยตรรกะผิด ๆ บิดเบือนไม่เหมาะสม..ต้องยอมรับว่า ธรรมศาสตร์ช่วงนี้ตกต่ำจริง ๆ ..อย่าให้มหาวิทยาลัยของเรา ตกต่ำไปกว่านี้เลย”

คำพูดของ รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่กล่าวว่า แปลกใจทำไมจึงกล้าเชิญคุณพิธามาแสดงปาฐกถาโดยไม่กลัวข้อครหาใด ๆ สิ่งรับไม่ได้ที่สุดคือ การกล่าวว่าจิตวิญญาณธรรมศาสตร์ เป็นวิถีของก้าวไกล ทั้งที่ความเป็นธรรมศาสตร์แท้จริง จะต้องมีความซื่อสัตย์สุจริต ไม่พูดโกหกเพื่อเอาตัวรอด...ต้องไม่ละเมิดสิทธิ์ 'สถาบันพระมหากษัตริย์' เหมือนก้าวไกล และด้อมส้ม ส่วนคุณพิธา เป็นที่ประจักษ์ว่าพูดไม่จริงและพูดจริงครึ่งเดียวหลายเรื่อง จึงเป็นการเชิญมาโดยไม่พิจารณาคุณสมบัติอื่น ๆ หรือเชิญมาเพื่อเปิดโอกาสให้สร้างคะแนนนิยม เป็นนายกรัฐมนตรีให้ได้

นอกจากนี้ยังมีคำพูดของนายเกษมสันต์ วีระกุล ประธานกรรมการ บริษัท​ ซีเอ็ดยูเคชั่น จำกัด (มหาชน) และ อดีตนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คณะเศรษฐศาสตร์ ที่ระบุว่า ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งที่มธ.เชิญพิธา ไปพูดในงานปฐมนิเทศ นศ.ใหม่ ซึ่งได้มีการกล่าวอ้างว่า "จิตวิญญาณของธรรมศาสตร์ เหมือนกับวิถีก้าวไกล"

ในฐานะศิษย์เก่าคนหนึ่ง ขอยืนยันว่า จิตวิญญาณความเป็นธรรมศาสตร์ที่ผมและศิษย์เก่าจำนวนมากก็มีนั้น ต่างจากวิถีก้าวไกลโดยสิ้นเชิง จิตวิญญาณความเป็นธรรมศาสตร์ไม่เคยสอนให้พวกเราก้าวร้าว ก้าวล่วงและพยายามจะเปลี่ยนแปลงสถาบันหลักของชาติแต่อย่างใด

อีกทั้งพิธาเองยังมีอีกหลายประเด็นที่สังคมสงสัยและกำลังโดนตรวจสอบทั้งในด้านชีวิตส่วนตัว ธุรกิจและการเมือง ดังนั้นพิธาจึงไม่ควรจะเป็นตัวอย่างศิษย์เก่า มธ. ที่ดีจนกว่าจะได้พิสูจน์ตัวเองให้ได้เสียก่อน

ผู้บริหารมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์น่าจะตระหนักให้มากกว่านี้ถึงความละเอียดอ่อนของสถานการณ์ทางการเมืองและความมั่นคงของชาติ รวมถึงความอ่อนไหวของอารมณ์และความรู้สึกของนักศึกษาและประชาชนในปัจจุบัน

คำพูดของ นายนริศโรจน์ เฟื่องระบิล อดีตเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา
กล่าวในฐานะอดีตนักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่ระบุว่า สมัยผมเป็น 'นศ.มธ. เราต่อต้าน จักรวรรดินิยมตะวันตก แต่เด็ก นศ.สมัยนี้ กลายเป็น 'เหยื่อ' และ 'หมากเบี้ยขุน' ให้จักรวรรดินิยมเอาไว้ใช้งาน ดิสเครดิตประเทศบ้านเกิดตัวเอง จิตวิญญาณมันต่างกันจริง ๆ

สุดท้ายเป็นคำพูดของ จิ๊บ ศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ อดีตผู้สมัคร สส.กทม. เขตบางแค ภาษีเจริญ พรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวในฐานะอดีตนักศึกษาคณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน (C38) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่ระบุว่า ฉันรักธรรมศาสตร์ เพราะธรรมศาสตร์สอนให้ฉันรักประชาชน แต่…ธรรมศาสตร์ไม่เคยสอนให้ฉันก้าวร้าว ไม่เคยสอนให้ฉันก้าวล่วง ไม่เคยสอนให้เหยียบย่ำ หยาบคาย กับผู้ที่อาบน้ำร้อนมาก่อน เพียงเพื่อความสะใจ

‘ชาวต่างชาติ’ ประทับใจ ‘พฤติกรรมคนไทย’ เมื่อได้ยินเสียงเด็กร้องในที่สาธารณะ 

เมื่อวานนี้ (6 ส.ค. 66) เพจเฟซบุ๊ก ‘Vee Chirasreshtha’ ได้โพสต์ข้อความถึงพฤติกรรม นิสัยของคนไทยที่ชาวต่างชาติประทับใจ โดยระบุว่า

“ครอบครัวฝรั่งมาเที่ยวไทย พาลูกเล็ก ๆ ขึ้นรถไฟฟ้า เด็ก ๆ ก็เสียงดัง ดื้อ งอแง แม่ก็พยายามดูลูกไม่ให้รบกวนคนอื่น ปรากฏว่า พอลงจากรถ เขาถ่ายคลิปเล่าว่า คนไทยน่ารักมาก ๆ ที่ไม่มีใครมองเขาด้วยสายตาในเชิงต่อว่า หรือแม้แต่บ่นด่า เพราะในหลายประเทศ ถ้าเด็กงอแงหรือดื้อเสียงดังในรถไฟฟ้า เขาคงโดนต่อว่าไปแล้ว แต่ที่เขาแปลกใจกว่าคือ มีผู้โดยสารคนไทยพยายามพูดคุยทำเสียงให้ลูกเล็ก ๆ ที่งอแงของเขาให้หยุดร้องด้วย ซึ่งเขาประทับใจมาก”

'หม่อมปลื้ม' ติง!! ผู้จุดชนวนการกำหนดชะตากรรม ‘ปกครองตนเอง’ หากนํามาปฏิบัติจริง อาจเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคง

(7 ส.ค. 66) ผู้ใช้ TikTok บัญชี @s_garden456 ได้แชร์คลิปวิดีโอ หม่อมหลวงณัฏฐกรณ์ เทวกุล หรือ ‘คุณปลื้ม’ พิธีกร และผู้ดำเนินรายการข่าว ได้พูดถึงประเด็น ‘Self Determination’ หรือสิทธิในการกําหนดชะตากรรมทางด้าน ‘ปกครองของตนเอง’ โดยระบุว่า…

“คุณจุดชนวนเรื่องนี้ขึ้นมา มันเป็นสิ่งที่อันตราย เวลาผมใช้คําว่า ‘คุณ’ ผมไม่ได้ใช้กับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร นักการเมือง หรือพรรคการเมืองไหน แต่ผมใช้กับคนที่ได้ศึกษาเรื่องนี้มา และมาผลักดันเรื่องนี้ แล้วไปหว่านล้อมเมล็ดพันธุ์ทางความคิดต่างๆ เหล่านี้กับชาวบ้าน ทั้งในภาคใต้และในแวดวงทางวิชาการ รวมถึงในกรุงเทพมหานครด้วย สิ่งที่มันอยู่ในรั้วมหาวิทยาลัย สำหรับบางเรื่องโดยคอนเซ็ปต์มันมีไว้ให้เรียนเฉยๆ คุณเคยเรียนเศรษฐศาสตร์ไหม? เสร็จแล้วเวลาคุณเรียนเศรษฐศาสตร์ มันก็จะมีสูตรระบบการเงิน สูตรระบบการค้าการลงทุนต่างๆ บางเรื่องพอนํามาปฏิบัติ มันก็ไม่เวิร์ก Self Determination หรือการปกครองตนเอง เมื่อนํามาปฏิบัติจริง มันเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคง และบูรณภาพแห่งดินแดนของประเทศชาติ ซึ่งตามรัฐธรรมนูญไม่ได้อนุญาตให้ทํา และโดย Spirit ซึ่งควรที่จะมีต่อผืนแผ่นดิน ที่บรรพบุรุษของประเทศชาติได้รวบรวมเข้ามา และสถาปนาอํานาจทางการปกครองขึ้นมา”

“แม้กระทั่งสําหรับคนที่กำลังศึกษาเรื่องรัฐศาสตร์ แล้วก็มีไอเดียเรื่อง Self Determination หรือสิทธิในการกําหนดชะตากรรมทางด้านปกครองของตนเอง สิทธิในการทําตามใจตนเอง เรื่องของอํานาจทางการปกครองเหนือพื้นแผ่นดินที่ตนเองอาศัยอยู่ แม้กระทั่งคนที่เรียนด้านนี้มา น่าจะเข้าใจว่าประเด็นอย่างงี้มันเปราะบางเกินไป ที่คุณจะมานั่งให้คนคิดว่า “อยู่เมืองไทยไม่มีความสุขนะ” เพราะว่าบางทีสถานการณ์ทางด้านเศรษฐกิจและสังคม มันไม่ค่อยเอื้อให้มีการใช้ชีวิตอย่างผาสุขเลย มันมีการหว่านเมล็ดพันธุ์ในลักษณะนี้ แล้วเมื่อคุณไปถามประชาชนว่า อยากปกครองตนเองไหม? มันเป็นไปได้อยู่แล้วตามกิเลสตัณหาของมนุษย์ ที่ในวันหนึ่งอาจจะมีความรู้สึกว่า เอ่อ…ดีนะ ปกครองตนเอง”

“มีกลุ่มคนที่เป็นเน็ตเวิร์กเครือข่ายหมู่พลเมืองที่ไหนในโลกไหม? ที่ไม่อยากมีพื้นที่ที่ตนเองสามารถดูแลปกครองเป็นของตนเองได้ ดังนั้นอํานาจมันเป็นสิ่งที่ไม่เข้าใครออกใคร ในที่สุดแล้วคนที่ต้องการมีอํานาจทางการเมือง ลึกๆ ต้องการมีสิ่งที่เขาเรียกว่า Dominion ของตนเอง”

“มนุษย์เป็นสัตว์ประเสริฐที่ต้องการมี Dominion ของตนเอง เพราะฉะนั้นความที่มนุษย์มีกิเลสตัณหาด้านนั้น ในที่สุดแล้วความต้องการในการปกครองตนเองลึกๆ มันมีอยู่แล้ว แต่มันไม่ใช่ว่าคุณอยู่ในประเทศใดประเทศหนึ่ง คุณตื่นขึ้นมา แล้วมีความรู้สึกว่าประเทศนี้ไม่ค่อยได้ให้เราเท่าที่เราควรได้ เพราะฉะนั้นเราไม่ใช่จะย้ายไปอยู่ที่อื่น ไม่เอา แต่เราจะยึดพื้นที่ที่เราอาศัยอยู่เป็นของเรา โดยที่เราจะสถาปนาตนเองขึ้นมาเป็นผู้นํารัฐใหม่อะไรอย่างงี้…ซึ่งมันไม่ใช่”

‘ก๊อต จิรายุ’ ชำแหละ!! ‘ชาวเน็ต’ ออกเป็น 4 ประเภท พร้อมบอก “ถ้าแยกได้ จะเป็นการช่วยสังคมคัดสรรคน”

(7 ส.ค. 66) นักแสดงหนุ่มคนดัง ‘ก๊อต จิรายุ ตันตระกูล’ ได้เขียนข้อความว่า “เวลาได้ยินคำว่า ‘ชาวเน็ต’ ใช่ว่าจะเหมารวมเอาคนทั้งหมดที่เล่นโซเชียลว่าเป็นชาวเน็ต แต่จริง ๆ เราควรแยกประเภทชาวเน็ตเป็น 4 ประเภท ดังนี้

ประเภทที่ 1 ชาวเน็ตที่ไม่เอากระแสใด ๆ เลยที่ไม่ได้เกี่ยวกับเป้าหมายชีวิตของตน ชาวเน็ตกลุ่มนี้จะใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อสานฝันของตัวเองและปัดออกในสิ่งที่ทำให้ชีวิตล่าช้าจากความฝัน คนกลุ่มนี้เข้าใจธรรมชาติของคำว่ากระแสและสื่อ พวกเขาสามารถปัดสื่อไร้สาระออกจากชีวิตได้ทันทีหากเห็นว่าไม่ทำให้ชีวิตเจริญ คนกลุ่มนี้แม้จะอยู่ในโลกออนไลน์แต่เราอาจจะไม่เห็นพวกเขา

ประเภทที่ 2 เป็นชาวเน็ตที่แม้จะได้ยินสิ่งที่เป็นกระแส แต่ก็ไม่เชื่อไว้ก่อน เพราะมีสติปัญญารู้ว่าสื่อมักเล่ามุมเดียวจากที่มุมสื่อประสบมา ชาวเน็ตประเภทนี้จะแยกออกระหว่างสื่อกับเสี้ยม โดยชาวเน็ตกลุ่มนี้มักจะคัดสรรข้อมูลที่เข้าตัวมากกว่าที่จะรับทุกอย่างเข้าชีวิตอย่างไม่คิด

คนกลุ่มนี้แม้จะอยู่ในโลกออนไลน์แต่เราอาจจะเห็นเขาได้น้อย

ประเภทที่ 3 ชาวเน็ตที่เผลอเชื่อกระแสโคมลอยในโลกออนไลน์ แต่สามารถหยุดและตั้งสติได้เพื่อพิจารณาในมุมอื่น ๆ คือเป็นกลุ่มคนที่คล้อยตามกระแสที่มาไวไปไว แต่มีการฉุกคิดเห็นมุมต่าง มองมุมอื่นและพาตัวเองออกจากกระแสที่พิจารณาแล้วเห็นว่าไร้ประโยชน์ต่อตน

คนกลุ่มนี้อาจจะเห็นเขาปรากฏในคอนเทนต์ที่เป็นกระแส

ประเภทที่ 4 เป็นชาวเน็ตที่เชื่อทุกอย่างที่โลกออนไลน์ประเคนให้ โดยไม่สามารถใช้ความคิดวิเคราะห์ได้ เป็นกลุ่มคนที่ปราศจากสติในการวิเคราะห์ เป็นนักเชื่อที่มีนิสัยด่วนสรุป ไม่สามารถคัดกรองข่าวสารใด ๆ ได้ และมักทำตัวเป็น ‘ผู้รู้ดีในสิ่งที่ตนไม่รู้จริง’

ธรรมชาติของชาวเน็ตประเภทนี้ คือ จะส่งเสียงดังเพราะควบคุมตัวเองไม่ได้ และมักเห็นว่าเรื่องของทุกคนเป็นเรื่องของตนเอง คนกลุ่มนี้ไม่ใช้ศักยภาพสมองและอวดการไม่ใช้ศักยภาพอย่างภาคภูมิใจ

คนกลุ่มนี้พบอยู่มากในโลกออนไลน์ที่เป็นกระแส จะว่าไปคนกลุ่มนี้สามารถยกระดับจิตใจของตัวเองขึ้นได้ แต่มันต้องเริ่มจากการตั้งสติและแทนที่การด่วนสรุปด้วยการใช้ความพยายามเข้าใจในชีวิตของผู้อื่นมากขึ้น

สื่อหลายที่มักเหมารวมเอาคนทั้งหมดที่เล่นโซเชียลว่าเป็นชาวเน็ต แท้จริงหากมีการแยกประเภทก็ช่วยสังคมได้เป็นอย่างมากในการคัดสรรคน #คอมเมนต์อย่างผู้เจริญ #ชาวเน็ตประเภท4อาจไม่พอใจสิ่งนี้

'มือเศรษฐกิจจุลภาค' ชี้!! เหตุผลที่หลากแบรนด์หรูคู่กำลังซื้อคนรวย เพราะมีจุดแข็งด้าน Self Esteem ที่ 'สินค้า-บริการไทย' ยังไม่มี

(7 ส.ค. 66) นายพลัฏฐ์ ศิริกุลพิสุทธิ์ มือเศรษฐกิจจุลภาค อดีตเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก 'Ta Plus Sirikulpisut' ในหัวข้อ 'Self Esteem' ระบุว่า...

สินค้าที่ตั้งราคาแพง ๆ ที่เราเรียกว่า Ultra Luxury เขาขายอะไร และมีกระบวนการอย่างไรถึงทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อ

ลูกค้าที่ยืนรอหน้าร้าน Louis Vuitton, Hermes, Chanel ล้วนแต่มีฐานะ และกำลังซื้อดี บางครั้งต้องยืนรอหน้าร้านตากฝน ตากลมหนาวครั้งละนาน ๆ เพื่อเข้าไปเยี่ยมชม

Porsche, Ferrari, Rolls Royce กว่าจะได้ครอบครองแต่ละคัน ต้องจองนานมากๆ

Prof.Dennis Morrison อดีต CEO Amarni & Pierre Balmain ผู้สอนวิชา Luxury Management ที่มหาวิทยาลัย Essec ฝรั่งเศส ถามผมว่า คุณซื้อรถแพง ๆ พวกนี้คุณซื้อ อะไร...

Ferrari, Lambor = Dream
Rolls Royce = Success

Fer, Lambor เป็นรถในฝันของหนุ่ม ๆ ที่อยากมีประสบการณ์ขับขี่ อยากอวดสาว

Rolls Royce คือรถที่คนซื้อจะเป็นเจ้าของธุรกิจที่ประสบความสำเร็จสูง ไม่มี CEO มืออาชีพใช้ Rolls Royce พวก CEO, MD มืออาชีพ ไปใช้ BMW, Benz แต่จะไม่ใช่ Rolls Royce เขาสร้างขึ้นมาให้ เจ้าของ ให้ราชวงศ์

ทั้งหมดนี้เขาขาย Self Esteem

ภาพประกอบ กระเป๋าจาก Moynat brand อายุกว่า 100 ปีของฝรั่งเศส ถูก LVMH ซื้อกิจการมาบ่มเพาะจนกลายเป็น กระเป๋าหรูที่คนรวยตามหาเพราะคนทั่วไปเขาถือ Chanel, LV 

แต่คนใช้ Moynat หายากเพราะชั้นอยากไม่เหมือนใคร

สมองคนรวยนี่ซับซ้อนมากครับ บางครั้งอยากนอนโรงแรมแนวพระราชวังแบบ St.regis, Ritz carlton บางครั้งต้องการเรียบง่ายสงบแบบ Aman, Sovena

ประเทศไทยของเรามีสินค้าที่ขาย Self Esteem บ้างไหมครับ

ต๊ะ พลัฏฐ์ ศิริกุลพิสุทธิ์

บทความทางวิชาการ เป็นความเห็นส่วนตัว ไม่เกี่ยวข้องกับต้นสังกัดของข้าพเจ้า


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top