Friday, 9 May 2025
NewsFeed

‘อามินทร์’ เร่งเพิ่มประสิทธิภาพ ใช้ระบบวันสต็อปเซอร์วิส ลดปัญหาแออัดตรวจคนเข้าเมือง หนุนท่องเที่ยวชายแดนใต้

เมื่อวันที่ 20 ก.ค. 66 นายอามินทร์ มะยูโซ๊ะ ส.ส. นราธิวาส เขต 2 อำเภอสุไหงโกลก ตากใบ พรรคพลังประชารัฐ กล่าวหารือถึงในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรว่า ปัจจุบันด่านพรมแดน อำเภอสุไหงโกลก ตั้งแต่วันพฤหัสจนถึงวันเสาร์ที่เป็นวันหยุดของทางมาเลเซีย จะพบว่ามีชาวมาเลเซียเดินทางมาเที่ยวในไทยเป็นจำนวนมาก แต่ด้วยการบริหารจัดการที่ยังไม่ดีเท่าที่ควร ทำให้เกิดความล่าช้าในการบริการ ทั้งในส่วนของหน่วยงานตรวจคนเข้าเมือง และศุลกากร บางครั้งบางเวลา มีนักท่องเที่ยวต่อคิวกันหลาย 100 คน จึงอยากฝากไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้ง 2 หน่วยงาน เพิ่มคุณภาพในการทำงาน และลดกระบวนการเพื่อทำให้เกิดความรวดเร็ว เป็นวันสต็อปเซอร์วิส อำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยว ทำให้เป็นการเพิ่มโอกาสให้ภาคเศรษฐกิจ ในอำเภอเมืองสุไหโกลกด้วย 

นอกจากนี้ ตนได้รับคำร้องเรียนจากกำนันตำบลโกสิ อำเภอตากใบ เนื่องด้วยตำบลโกสิ มี 5 หมู่บ้าน ประชากรมากกว่า 7,500 คน กว่า 1,050 ครัวเรือน ประสบปัญหา น้ำประปาที่ใช้ในการบริโภคอุปโภค ในช่วงหน้าแล้ง เนื่องจากน้ำมีกลิ่นดำ และสนิมเป็นเวลานานมาแล้ว อยากจะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง การประปาส่วนภูมิภาค เข้าไปสำรวจและออกแบบเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว ซึ่งทราบมาว่า ได้ดำเนินการไปแล้วแต่ยังขาดงบประมาณ จึงอยากฝากไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้จัดสรรงบประมาณ เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวด้วย

จับตา!! เศรษฐกิจจีนซบเซา สะเทือนเศรษฐกิจโลก ชี้!! หากหวัง ศก.หวนคืน ต้องปรับท่าทีแบบ 'เติ้ง เสี่ยวผิง

ทีมข่าว THE STATES TIMES ได้พูดคุยกับ อ.พงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ อดีตปลัดกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา อดีตรองปลัดกระทรวงการคลัง และผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์ระดับประเทศ ที่พูดคุยในรายการ Easy Econ ซึ่งออกอากาศทางสถานีวิทยุ ส.ทร. FM93.0 MHz และสื่อออนไลน์ ในเครือ THE STATES TIMES ในประเด็นของเศรษฐกิจจีนที่เริ่มอ่อนแอลง ส่งผลกระทบต่อประเทศไทยหรือไม่อย่างไร โดย อ.พงษ์ภาณุ กล่าวว่า...

นับจากจีนภายใต้การนำของประธานเติ้ง เสี่ยวผิงปฏิรูปและเปิดเสรีประเทศตั้งแต่ปี ค.ศ. 1978 เศรษฐกิจจีนเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยเฉพาะเมื่อจีนเข้าเป็นสมาชิกองค์การการค้าโลก (World Trade Organization: WTO) ในปี ค.ศ. 2001 การค้าการลงทุนระหว่างประเทศได้เป็นเครื่องยนต์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจจีนให้เติบโตไม่ต่ำกว่า 10% ต่อปี ถือเป็นความสำเร็จที่ทำให้จีนกลายเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ เทียบเคียงได้กับสหรัฐอเมริกา จนทำให้ความสัมพันธ์ของสองประเทศนี้ได้เปลี่ยนจากมิตรมาเป็นคู่แข่งและศัตรูอย่างที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้

ความตึงเครียดระหว่างมหาอำนาจทางเศรษฐกิจทั้งสองได้ทวีความรุนแรงขึ้นภายใต้การบริหารประเทศของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง โดยตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา สี จิ้นผิง ดำเนินนโยบายแข็งกร้าวกับตะวันตก และเพิ่มบทบาทภาครัฐและพรรคคอมมิวนิสต์ในการแทรกแซงการทำธุรกิจของภาคเอกชน 

อย่างไรก็ตาม การเติบโตของเศรษฐกิจจีนในระยะหลัง เริ่มลดต่ำเหลือเพียง 5% ต่อปี และยิ่งเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ก็มีการปิดประเทศเกือบ 3 ปี ทำให้เศรษฐกิจจีนอ่อนแอลงอย่างมาก ถึงแม้จะเร่งเปิดประเทศเมื่อต้นปีนี้ จีนก็ไม่สามารถกลับมาเข้มแข็งได้เหมือนเดิม อุตสาหกรรมสำคัญหลายอุตสาหกรรมมีแนวโน้มไม่ดีนัก อาทิ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ตลอดจนปัญหาหนี้สินที่ยังเป็นตัวถ่วงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ หลายฝ่ายเริ่มมีความเห็นว่าจีนน่าจะอยู่ในช่วงขาลงและไม่สามารถคงความยิ่งใหญ่ทางเศรษฐกิจได้อีกต่อไป

อ.พงษ์ภาณุ กล่าวต่อว่า หากจีนจะกลับมาเติบโตเหมือนเดิม และทำให้โลกสามารถลดความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ด้วยได้นั้น จำเป็นที่สี จิ้นผิง จะต้องปรับเปลี่ยนแนวนโยบายของจีนใหม่ ตามแนวที่เติ้ง เสี่ยวผิง และประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีน ก่อนหน้า 2-3 คนได้วางไว้ กล่าวคือ เคารพกฎกติกาสากลและระเบียบโลก รวมทั้งลดการแทรกแซงของภาครัฐและดำเนินนโยบายที่เป็นมิตรกับตลาดมากขึ้น 

ทั้งนี้ในส่วนของประเทศไทยเอง ก็เรียกได้ว่า พึ่งพาจีนค่อนข้างมากเป็นพิเศษ ทั้งในด้านการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว ซึ่งตรงนี้ไทยก็จำเป็นต้องบริหารความเสี่ยง และปรับเปลี่ยนนโยบายการทูต การต่างประเทศให้มีความสมดุลต่อไปด้วย

‘ส.ว.สมชาย’ ชี้!! ‘พิธา’ อธิบายเรื่อง ICC ไม่กระจ่าง

เมื่อวันที่ 13 ก.ค.66 นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) อภิปรายในรัฐสภาเกี่ยวกับเรื่อง ‘ICC’ หรือ 1 ในนโยบายที่พรรคก้าวไกลใช้หาเสียง และจะทำหากได้จัดตั้งรัฐบาล โดยระบุว่า…

"เรื่อง ICC ถามว่าทำไมประเทศไทยลงนามให้สัตยาบรรณไม่ได้ พิธาอธิบายไม่หมดที่ว่า ประเทศที่มีระบบแบบเดียวกับเราก็เข้าร่วมมากมาย ต้องชี้แจงว่าเหตุที่กัมพูชาเข้าร่วม เพราะ ICC จัดการเรื่องเขมรแดง ญี่ปุ่นเข้าร่วมเพราะแพ้สงครามโลกครั้งที่ 2 ส่วนสหรัฐอเมริกา, รัสเซีย, จีน, อินเดีย ไม่เข้าร่วม ICC ดังนั้นต้องบอกประชาชนให้หมด"

สำหรับเรื่อง ‘ICC’ หม่อมหลวงณัฏฐกรณ์ เทวกุล ได้อธิบายไว้แล้ว สามารถตามอ่านได้ที่ https://thestatestimes.com/post/2023072013

‘ดีเจเพชรจ้า’ เปิดใจเล่าชีวิตหลัง ‘โสด’ พร้อมเผยความในใจต่อ ‘นิวเคลียร์ - น้องไทก้า’

ตั้งแต่ขึ้นสถานะโสด ก็เข้าสู้โหมดหนุ่มฮอตทันที สำหรับ ‘ดีเจเพชรจ้า’ เมื่อได้มาเป็นแขกรับเชิญคนพิเศษในรายการ ‘Club Friday Show’ ผลิตโดย ‘CHANGE2561’ ดีเจเพชรจ้า ได้มาเปิดเรื่องราวในชีวิตและเผยความรักแบบทุกซอกทุกมุม

>>แต่ถึงวันที่ นิวเคลียร์ ถึงขั้นโพสต์ในโซเชียลว่า อย่าให้ถึงวันที่ไม่รู้สึก มันคืออะไร ??
ดีเจเพชรจ้า : ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน 

>>ถามตรงๆ เราไม่ค่อยได้คุยกัน 
ดีเจเพชรจ้า : ผมก็คิดว่า น่าจะเป็นที่ผมแหละ!! ผมก็มานั่งคิดว่าผมก็เป็นเวอร์ชันที่ดีที่สุดที่ผมจะมีปัญญาเป็นแล้วอีกนิดนึงก็พระแล้ว ก็ยื้อลองแก้กันดูเราซ่อมอยู่ ซ่อมมั่วไปหมดเพราะเราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเราทำอะไรผิด

>>จะมีวันหนึ่งที่น้องบอกว่าจะเลิก ??
ดีเจเพชรจ้า :  ใช่ครับ เขาบอกว่าพอเถอะพี่เราซ่อมกันมาเป็นพันครั้งแล้ว

>>เคยคิดไหมว่าชีวิตจะเดินมาถึงจุดนี้ในวันหนึ่ง ??
ดีเจเพชรจ้า : ไม่เคยเลยครับ ผมเคยให้คำจำกัดความเลยนะว่า ผู้หญิงคนนี้เหมือนกับผมถูกลอตเตอรี่รางวัลที่หนึ่ง ผู้หญิงคนนี้แม่พระมากเลยแบบแสนดีหาที่ไหนไม่ได้แล้ว

>>ซึ่งตอนที่มานั่งคุยกันตอนนั้นก็ไม่ได้มีสัญญาณแห่งการที่เราเดินไปข้างหน้าไม่ไหว ??? 
ดีเจเพชรจ้า : มีความสุขทุกวันกราฟของผมพุ่งทะยานขึ้นไปเรื่อย ๆ แล้วก็เป็นพลุแตกระเบิดตรงนั้นเลย

>>ช่วงเวลา ดีเจเพชรจ้า หัวใจแตกสลายเป็นอย่างไร ?? 
ดีเจเพชรจ้า : ใจแตกสลาย ไม่มีเวลานอนหลับเลยผมมันคิดแต่ว่ามันเกิดอะไรขึ้น เราทำอะไรผิด เราเหมือนมีความโกรธเราเหมือนแก้ไขปัญหานี้ไม่ได้เลย เราไม่อยากคุยกับเขาเราก็เหมือนกับเป็นธาตุอากาศอยู่ในบ้านก็ผ่านไปสัก 1-2 ปี

>>อยู่บ้านเดียวกันโดยไม่คุยกันเลย ?? 
ดีเจเพชรจ้า : ใช่ครับ!! แรก ๆ ผมหนักกว่านั้นอีก เป็นช่วงที่ผมเป็นตัวของตัวเองที่สุดเลยเลวยังไงก็เลวอย่างนั้น

>>เรามีความร้ายอารมณ์แรง ???
ดีเจเพชรจ้า : ทุ่มทีวี !!! 

>>เห็นว่าในชีวิตช่วงหนึ่งเคยส่องกระจกแล้วงง !! ตัวเองว่าเรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร 
ดีเจเพชรจ้า : ใช่ครับ ชีวิตผมตั้งแต่เกิดจนบัดนี้ไม่เคยมีวันไหนที่เครียดไม่มีเรื่องไหนในโลกที่ทำให้ผมเครียดได้ แต่ตอนนั้น คือ ผมไปไม่ถูกแล้วนอนก็นอนไม่หลับสุดท้ายผมมาจบที่นอนฟังธรรมะครับ ผมนอนฟังธรรมะอยู่เป็นปี ทุกอย่างการคิด การไม่ยึดติด การหลุดพ้น การไม่มีอะไรเป็นของตัวเรา 

>>แล้วตอนนี้สถานะโสดชีวิตเป็นอย่างไรบ้าง
ดีเจเพชรจ้า : ตอนนี้ชีวิตของผมคือ มัน !! มากเลย ชีวิตของผมคือ สุดเหวี่ยง

>>เรากลับมาเป็นนักล่าแต้มเหมือนเดิมหรือยัง ?? 
ดีเจเพชรจ้า : วันนี้ผมย้อนกลับไปเป็นเด็กมหาวิทยาลัยที่มีทุกอย่าง มีเงิน มีรถ มีบ้าน

>>เรามองหาความรักอยู่ไหม ?? 
ดีเจเพชรจ้า : ไม่มองครับ

>>แล้วความสัมพันธ์ระหว่าง เรากับน้องนิวเคลียร์ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง 
ดีเจเพชรจ้า : แฮปปี้มาก !! ก็เรื่องที่ยังไม่เคยได้บอกก็คือ … 

>>มีอะไรอยากพูดถึงลูกชายบ้าง ?? 
ดีเจเพชรจ้า : อยากจะฝากถึงลูกไทก้า ว่ายังไงก็ อย่าให้คำต่าง ๆ ในอนาคตที่จะมีคนมาถาม มาเป็นอุปสรรคในการใช้ชีวิตของไทก้าแล้วกัน เพราะว่าพ่อรักหนูที่สุด และแม่ก็รักหนูที่สุด และเราก็ทำกันเต็มที่มาก ๆ พ่อกับแม่จะสร้างความรักที่สมบูรณ์แบบให้ลูกได้ โดยที่ไม่ขาดตกบกพร่องแน่นอน

เปิดหมดทุกช่วงเวลาชีวิต ‘ดีเจเพชรจ้า’ ในสถานะชีวิตโสด พร้อมเปิดทุกมุมเรื่องความสัมพันธ์กับ ‘นิวเคลียร์’ ในรายการ Club Friday Show รับชมพร้อมกันวัน เสาร์ ที่ 22 กรกฎาคม นี้ เวลา 11.00 น. ทางช่องวัน31

‘ก.คลัง’ แนะหั่นเบี้ยคนสูงวัยที่ร่ำรวย พุ่งเป้าช่วยคนรายได้น้อย-ลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น

เมื่อไม่นานมานี้ นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดว่า กระทรวงการคลังได้จัดเตรียม ‘แผนการปฏิรูปภาษี’ ให้กับรัฐบาลใหม่พิจารณา ประมาณ 20 รายการ เพื่อลดรายจ่าย เพื่อให้เกิดความยั่งยืนทางการคลังในระยะยาวมากขึ้น

พร้อมกับเพิ่มรายได้ให้รัฐบาลมีงบประมาณเพียงพอต่อการจัดทำมาตรการที่เหมาะสม เนื่องจากตัวรายได้จัดเก็บภาษีของรัฐบาล ปัจจุบันคิดเป็นเพียง 14% ของจีดีพี เท่านั้น ซึ่งมาตรฐานที่ควรจะเป็นอยู่ที่ 15-16% ด้วยการให้สิทธิพิเศษ การดูแลเป็นวงกว้างมากเกินไป

หนึ่งในแนวทางที่มีการพูดถึง คือ การตัดงบผู้สูงอายุ ของกลุ่มที่ร่ำรวยอยู่แล้ว ไม่มีความจำเป็น ปรับไปใช้นโยบายที่พุ่งเป้าช่วยกลุ่มผู้มีรายได้น้อย จำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือจริงๆ ให้ถูกฝาถูกตัวไม่เหวี่ยงแห ซึ่งจะช่วยลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นออกไป แต่แนวทางนี้อาจไม่เป็นที่ยอมรับจากรัฐบาลต่างๆ เนื่องจากกระทบคะแนนเสียงของพรรคการเมือง

สำหรับงบประมาณที่ต้องใช้กับเบี้ยผู้สูงอายุเป็นรายเดือนนั้น ปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องตามจำนวนผู้สูงอายุในปัจจุบันใช้งบสูงถึง 90,000 ล้านบาทต่อปี จากเดิมเพียง 50,000 ล้านบาทต่อปี ซึ่งหากตัดการจ่ายให้ผู้สูงอายุที่ร่ำรวยออกไป คาดว่าสามารถลดรายจ่ายงบประมาณได้มากถึงครึ่งหนึ่ง

‘ส.ส.เดโมแครต’ จี้!! หน่วยงานไทยเคารพเสียงของประชาชน หยุดปฏิเสธประชาธิปไตย หวั่น ยุบ ‘ก้าวไกล’ กระทบเสถียรภาพ

‘ส.ส.เดโมแครต’ จี้ หน่วยงานไทยเคารพผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ออกโรงเตือนความพยายามยุบพรรคก้าวไกล พรรคอื่น ๆ จะเป็นอันตรายต่อเสถียรภาพไทย ขณะนักวิเคราะห์ออสเตรเลีย ชี้ ‘กลุ่มอนุรักษ์นิยม’ กำลังทำลายผลการเลือกตั้ง ส่งผลให้การต่อสู้ลงสู่ถนน ขณะรอง ‘ผอ.ฮิวแมนไรท์ วอช’ เตือน ‘ศาล-รธน.-กกต.’ ควรหยุดใช้กฎหมายเป็นอาวุธ ปฏิเสธประชาธิปไตยไทย

เมื่อวันที่ 20 ก.ค. 66 รายงานข่าวความเคลื่อนไหวต่างประเทศเกี่ยวกับสถานการณ์การเลือกตั้งในประเทศไทย หลังจากที่ที่ประชุมรัฐสภาได้เห็นชอบกรณีที่มีสมาชิกรัฐสภาเสนอคัดค้านว่า การเสนอโหวตนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคก้าวไกลให้นายกรัฐมนตรีดังกล่าวขัดกับ ข้อที่ 41 ของข้อบังคับการประชุมรัฐสภา 2563 เพราะว่าเป็นญัตติซ้ำ ประกอบกับศาลรัฐธรรมนูญก็ได้มีคำสั่งให้นายพิธาหยุดปฏิบัติหน้าที่ เนื่องจากต้องดำเนินการวินิจฉัยในกรณีที่นายพิธาถือครองหุ้นไอทีวี 42,000 หุ้น

โดยล่าสุดทางด้านคณะกรรมการกิจการต่างประเทศ พรรคเดโมแครตของสหรัฐอเมริกา มีการนำเสนอถ้อยแถลงของนายเกร็กกอรี่ มีกส์ ส.ส.พรรคเดโมแครต จากรัฐนิวยอร์ก ระบุว่า “ผมขอเรียกร้องให้หน่วยงานในไทยเคารพเจตจํานงของผู้มีสิทธิเลือกตั้งชาวไทย

การเคลื่อนไหวใด ๆ เพื่อยุบพรรคก้าวไกล หรือพรรคอื่น ๆ จะกัดกร่อนประชาธิปไตยของไทยและเป็นอันตรายต่อเสถียรภาพและความเจริญรุ่งเรืองในประเทศไทย”

ส่วนความเคลื่อนไหวอื่น ๆ นั้นมีรายงานว่าทางด้านของนายนาธาน รูเซอร์ สถาบันนโยบายยุทธศาสตร์ออสเตรเลีย (Australian Strategic Policy Institute : ASPI) ได้ออกมาทวีตข้อความกรณีนายพิธาระบุว่า ผู้ที่ถูกแต่งตั้งโดยเผด็จการทหาร ได้ทำลายประชาธิปไตยลงด้วยการประกาศว่า ผู้นำพรรคร่วมที่ได้คะแนนเสียงมากกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ของผู้มีสิทธิเลือกตั้งนั้นไม่มีความเหมาะสมในฐานะ ส.ส.

กลุ่มผู้อนุรักษ์นิยมนั้นได้ทำลายผลการเลือกตั้งลง ทำให้พวกเขาต้องไปฟังสิ่งที่อยู่บนถนน

ทางด้านของนายฟิล โรเบิร์ตสัน รองผู้อำนวยการฮิวแมนไรท์วอช ประจำภาคพื้นเอเชียได้ทวีตข้อความหลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งใจความว่า ไอทีวีไม่ได้ออกอากาศเป็นระยะเวลา 15 ปีแล้ว ตลาดหลักทรัพย์ของประเทศไทยได้เพิกถอนหุ้นไปเมื่อปี 2557 หุ้นของพ่อของนายพิธานั้นก็มีจำนวนที่น้อง ไม่มีผลต่อการดำเนินการของบริษัทแต่อย่างใด ศาลรัฐธรรมนูญและคณะกรรมการการเลือกตั้งควรหยุดดำเนินการใช้กฎหมายเป็นอาวุธ เพื่อปฏิเสธสิทธิประชาธิปไตยของประชาชนคนไทย

“วันมูหะมัดนอร์ มะทา” กระชับสัมพันธ์รัฐสภาไทย-ซาอุดีอาระเบีย ให้คำมั่นคืบหน้า “ศูนย์กลางอิสลามฯ” ที่ปัตตานี

ที่ห้องรับรองพิเศษ 205 ชั้น 2 (โซนกลาง) อาคารรัฐสภา นายวันมูหะมัดนอร์  มะทา ประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้การรับรอง  H.E. Dr. Abdullah Mohammed Ibrahim Al-Sheikh (ดร.อับดุลเลาะห์  โมฮัมเหม็ด อิบราฮิม  อัล-ชีค) ประธานสภาที่ปรึกษาแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างรัฐสภาไทยกับราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียในโอกาสเดินทางมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ในฐานะแขกของวุฒิสภา โดยมีพลอากาศเอก ประจินต์  จั่นตอง สมาชิกวุฒิสภาและประธานกลุ่มมิตรภาพสมาชิกรัฐสภาไทย-ซาอุดีอาระเบีย, พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร, นายจัตุรงค์ เสริมสุข สมาชิกวุฒิสภาและสมาชิกกลุ่มมิตรภาพสมาชิกรัฐสภาไทย-ซาอุดีอาระเบีย, นายอารีเพ็ญ อุตรสินธุ์ ที่ปรึกษาประธานสภาผู้แทนราษฎร, นายมุข  สุไลมาน เลขานุการประธานสภาผู้แทนราษฎร, นางพรพิศ เพชรเจริญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, นางสาวสตีจิตร ไตรพิบูลย์สุข รองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร และนายอาพล  นันทขว้าง ผู้อำนวยการสำนักความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ร่วมให้การรับรอง

นายวันมูหะมัดนอร์  มะทา ประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎรกล่าว ต้อนรับด้วยความยินดีในวันที่รัฐสภาไทยกำลังอยู่ในระหว่างการลงมติเลือกบุคคลที่สมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีและกล่าวถึงความสัมพันธ์ไทย-ซาอุดีอาระเบียที่ดำเนินไปอย่างก้าวหน้าและแข็งแกร่งอย่างรวดเร็ว ภายหลังจากที่ฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างกันแล้ว นอกจากนี้ ยังได้กล่าวถึงความประทับใจที่ซาอุดีอาระเบียให้การต้อนรับอย่างอบอุ่นเมื่อครั้งที่เดินทางไปเยือนอย่างเป็นทางการในฐานะรองประธานสภาผู้แทนราษฎรเมื่อปี 2535 พร้อมขอบคุณที่ซาอุดีอาระเบียดูแลชาวไทยมุสลิมที่ไปทำพิธีฮัจญ์และนักศึกษาไทยที่ไปศึกษาต่อที่ซาอุดีอาระเบียเป็นอย่างดี

ดร.อับดุลเลาะห์  โมฮัมเหม็ด อิบราฮิม  อัล-ชีคประธานสภาที่ปรึกษาฯ กล่าวขอบคุณที่สละเวลาให้คณะเข้าพบในวันนี้และแสดงความยินดีในโอกาสที่ได้รับการโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งประธานรัฐสภา ทั้งนี้ การฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างกัน ทำให้เกิดประโยชน์อย่างยิ่งต่อประชาชนของทั้งสองประเทศและได้ขอเชิญประธานรัฐสภาเดินทางไปเยือนซาอุดีอาระเบียเมื่อโอกาสเอื้ออำนวย พร้อมกล่าวชื่นชมแรงงานไทยในซาอุดีอาระเบียที่เป็นแรงงานที่มีฝีมือและมีระเบียบวินัยสูง นอกจากนี้ มกุฎราชกุมารและนายกรัฐมนตรี ซาอุดีอาระเบียยังได้ฝากความระลึกถึงประธานรัฐสภาในโอกาสนี้ด้วย

นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังได้หารือถึงการให้เงินสนับสนุนการก่อตั้ง “ศูนย์อิสลามกษัตริย์ซัลมาน บิน อับดุลอาซีซ อัลซะอูด” ของมหาวิทยาลัยฟาฏอนีในจังหวัดปัตตานี โดยซาอุดีอาระเบียให้คำมั่นว่า จะติดตามในเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดและจะสำเร็จในเร็ววันอย่างแน่นอน

191 จิตอาสา ร่วมกับ กับโรงพยาบาลพญาไท 3 จัดอบรมการปฐมพยาบาลและช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน CPR เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล รัชกาลที่ 10 เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2566 พล.ต.ต.ภานพ วรธนัชชากุล ผบก.สปพ.เป็นประธานเปิดกิจกรรมกำลังพล จิตอาสา บก.สปพ. ฝึกอบรมการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน CPR   เพื่อช่วยเหลือประชาชนเนื่องในโอกาส วันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่จะถึงวันที่ 28 กรกฎาคม 2566 โดยในงานมี พ.ต.อ.พิทักษ์ สุทธิกุล รอง ผบก.สปพ. นพ.สรพล โล่ห์สิริวัฒน์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพญาไท 3 ให้การต้อนรับกำลังพล สปพ. นพ.อภิชัย โตวณะบุตร ผู้ช่วยผู้อำนวยการแพทย์ คุณดวงพร แหล่งหล้า พยาบาลวิชาชีพ และวิทยากร จากโรงพยาบาลพญาไท 3 ตลอดจนข้าราชตำรวจในสังกัด กว่า 59 นายเข้าร่วมฝึกอบรม

พล.ต.ต.ภานพ กล่าวว่า กองบังคับการสายตรวจและปฎิบัติการพิเศษ มีภารกิจในการปฎิบัติงานป้องกัน และปราบปราม และรักษาความสงบเรียบร้อย ความปลอดภัย เข้าระงับยับยั้ง อาชญากรรม ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และมีความใกล้ชิดกับประชาชน

ดังนั้น การฝึกอมรมการปฐมพยาบาลและช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน จึงมีความสำคัญ และจำเป็นอย่างมาก เพราะข้าราชการตำรวจในสังกัดที่ออกไปปฎิบัติหน้าที่มีโอกาสประสพเหตุบ่อยครั้ง หากสามารถให้การช่วยเหลือในเบื้องต้น ก่อนส่งต่อผู้ป่วยหรือผู้บาดเจ็บไปยังสถานพยาบาลได้ทันท่วงที จะลดการสูญเสียชีวิตของผู้ ป่วยได้อย่างมาก

ผบ.ตร.พร้อมนายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ ลงตรวจเยี่ยม มอบสิ่งของบำรุงขวัญตำรวจอำนาจเจริญ กำชับตำรวจต้องเป็นมืออาชีพ หมั่นตรวจเยี่ยมชาวบ้าน ยกระดับบริการประชาชน แก้ไขปัญหายาเสพติด คดีออนไลน์ สร้างวัคซีนไซเบอร์ ชื่นชมความสำเร็จชมชุมยั่งยืนบ้านนาป่าแซง

วันนี้ (20 ก.ค.66) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้เดินทางมาตรวจเยี่ยม ประชุมรับฟังการปฏิบัติหน้าที่ มอบสิ่งของบำรุงขวัญ ทุนการศึกษาให้แก่ข้าราชการตำรวจสังกัด ภ.จว.อำนาจเจริญ โดยมี คุณสุมนา กิตติประภัสร์ นายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ , พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผบช.ภ.3 , พล.ต.ท.นพดล ศรสำราญ ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ตร. , พล.ต.ท.คีรีศักดิ์ ตันตินวะชัย ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. , พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร., พล.ต.ต.ฐากูร นัทธีศรี รอง ผบช.ภ.3 , พล.ต.ต.ระพีพงศ์ สุขไพบูลย์ รอง ผบช.ภ.3 , พล.ต.ต.สถาพร เอมโอษฐ์ ผบก.ภ.จว.อำนาจเจริญ และข้าราชการตำรวจในสังกัด ภ.จว.อำนาจเจริญ , พฐ.จว.อำนาจเจริญ , ตชด.22 , ตม.จว.อำนาจเจริญ , ทล.จว.อำนาจเจริญ ร่วมต้อนรับ ณ ภ.จว.อำนาจเจริญ

โดยก่อนการประชุม ผบ.ตร.พร้อมด้วย นายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ ได้มอบทุนการศึกษาให้แก่ข้าราชการตำรวจสังกัด ภ.จว.อำนาจเจริญ จำนวน 275,000 บาท พร้อมมอบสิ่งของบำรุงขวัญแก่ตำรวจด้วย หลังจากนั้นได้มีการประชุมติดตามนโยบายสำคัญของ ตร. โดย พล.ต.ต.สถาพร เอมโอษฐ์ ผบก.ภ.จว.อำนาจเจริญ ได้นำเสนอสถานภาพกำลังพล ยุทโธปกรณ์ ยาพหานะ ผลงานดำเนินการการยกระดับการให้บริการสถานีตำรวจ งานป้องกันปราบปราม งานจราจร รายงานผลการแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่ ตามโครงการชุมชนยั่งยืนฯ ดำเนินการเอ็กซเรย์พื้นที่ ประชากร 3,097 ราย พบผู้เสพและสมัครใจเข้ารับการบำบัด 169 ราย มีการบำบัดฟื้นฟูผู้ใช้ยาเสพติดโดยชุมชนเป็นผู้ดูแลการบำบัด (CBTx) พร้อมทั้งการฝึกอาชีพ โดย ชุมชนยั่งยืนฯ บ้านนาป่าแซง ของ สภ.ปทุมราชวงศา มีความโดดเด่นในการขับเคลื่อนชุมชนยั่งยืนฯ มีประชากร 898 ราย สามารถเอ็กซเรย์ค้นหาผู้เสพเข้ารับการบำบัดได้ 24 ราย ผ่านกระบวนการบำบัดทางการแพทย์ ฝึกวิชาชีพ ความเข้มแข็งของ 4 เสาหลัก ทั้ง อำเภอ ตำรวจ สาธารณสุข และชุมชน ทำให้การบำบัดผู้เสพทุกรายประสบความสำเร็จ นอกจากนี้มาตรการปราบปรามยังสามารถจับกุมผู้ค้าหลายราย บางรายถูกกดดันหลบหนีออกนอกพื้นที่ ทำให้สามารถส่งต่อความยั่งยืนให้ชุมชนได้ จนทุกฝ่ายเห็นพ้องต้องกันว่า ให้ขยายโครงการไปทุกหมู่บ้าน ครอบคลุมทั้งตำบล

ส่วนผลการขับเคลื่อนการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี จว.อำนาจเจริญ มีสถิติการถูกหลอกลวงแจ้งความ ตั้งแต่ 1 มีนาคม 2565 จำนวน 281 เคสไอดี ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการหลอกซื้อขายออนไลน์ และ แอพพิเคชั่นเงินกู้  มีการสร้างภูมิคุ้มกันไซเบอร์วัคซีนตามโครงการ “ร่วมใจ ต้านภัยไซเบอร์ ไม่เชื่อ ไม่รีบ ไม่โอน รู้ทันกลโกง” ร่วมกับทุกภาคส่วน โดยเฉพาะการทำข้อสอบไซเบอร์วัคซีน 40 ข้อ ประชาชน และตำรวจในพื้นที่ มีการประชาสัมพันธ์ ดำเนินการต่อเนื่อง ซึ่งจากมาตรการการอบรม ประชาสัมพันธ์ไซเบอร์วัคซีนอย่างเข้มข้น ทำให้สถิติคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยีมีแนวโน้มลดลง นอกจากนี้ ยังมีการอบรมให้ความรู้ข้าราชการตำรวจตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.2565 การจัดสรรอุปกรณ์จัดเก็บบันทึกข้อมูล การวางแผนก่อสร้างอาคารที่ทำการของ ภ.จว.อำนาจเจริญแห่งใหม่ ให้แล้วเสร็จภายในปีหน้า

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ฯ กล่าวว่า “ได้สั่งการเน้นย้ำนโยบาย การขับเคลื่อนยกระดับการให้บริการประชาชนของสถานีตำรวจ ตำรวจต้องเป็นมืออาชีพให้ได้ หมั่นฝึกทบทวนการปฏิบัติทางยุทธวิธีให้พร้อมอยู่เสมอ ให้ผู้บังคับบัญชาและข้าราชการตำรวจ หมั่นลงตรวจเยี่ยมประชาชน เพื่อพบ สอบถามปัญหา ให้ได้ข้อมูล นำมาแก้ไขความเดือดร้อนสามารถช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงที 

ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหายาเสพติดซึ่งเป็นปัจจัยหลักของความเดือดร้อนของประชาชน เน้นการแก้ปัญหาที่ต้นตอคือ ผู้เสพ มีการเอ็กซเรย์ลงพื้นที่ ให้ได้ข้อมูล ข้อเท็จจริง จนนำไปสู่การจับกุมผู้ค้ารายย่อย กดดันจนไม่มีผู้ค้าในพื้นที่ จะทำให้ผู้เสพ ไม่กลับมาเสพอีก โดยร่วมมือกับชุมชน เกิดความยั่งยืน

สำหรับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีที่สร้างปัญหาให้ชาวบ้านในปัจจุบันและต่อเนื่องไปยังอนาคต ต้องสร้างภูมิคุ้มกัน สร้างวัคซีนไซเบอร์ ขยายการอบรมครูไซเบอร์ให้ครอบคลุม แล้วออกให้ความรู้ ประชาสัมพันธ์ให้ครบทุกกลุ่มอาชีพ ให้ประชาชนทำข้อสอบวัคซีนให้ได้มากที่สุด มีการติดตามรูปแบบกลโกงต่างๆให้ทันต่อสถานการณ์  แล้วนำมาให้ความรู้ประชาชนในพื้นที่ เพื่อจะได้แก้ปัญหาได้ถูกจุด รวมทั้งมีการจับกุมบัญชีม้า ซิมม้า อย่างต่อเนื่อง 

วันนี้ ดีใจที่มีโอกาสมาตรวจเยี่ยมบำรุงขวัญตำรวจ ในสังกัด ภ.จว.อำนาจเจริญ ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งเป็น ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดคร้้งแรก ขอชื่นชมและขอบคุณข้าราชการตำรวจทุกนาย ที่ร่วมมือ ร่วมแรง ร่วมใจ ปฏิบัติหน้าที่ ขับเคลื่อนนโยบายด้านต่างๆของ ตร. ได้เป็นอย่างดี ทำให้เกิดความผาสุกแก่ประชาชน”

เหตุผลที่ทำให้ประเทศไทยติด 1 ใน 10 ประเทศ ที่ ‘ชาวต่างชาติ’ อยากมาใช้ชีวิตอยู่มากที่สุดในโลก

(21 ก.ค.66) ดร.วิริยะ ฤาชัยพาณิชย์ ได้โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊ก ระบุว่า...

ประเทศไทยติดหนึ่งใน 10 ประเทศที่ ‘ชาวต่างชาติ’ อยากมาใช้ชีวิตอยู่มากที่สุดในโลก 

มีแฟนเพจถามว่า สถิติพวกนี้จริงหรือ? ประเทศเราดีขนาดนั้นจริงหรือ?

เรื่องนี้จริงครับ คนต่างประเทศที่อยากย้ายถิ่นมาอยู่เมืองไทยมีมากขึ้นเรื่อย ๆ ครับ 

ไม่ใช่แค่ ชาวยุโรป หรือชาวอเมริกัน

แม้แต่ จีน เมียนมา ลาว เวียดนาม ที่มีเงินก็มาซื้อคอนโดมิเนียมในไทยมากขึ้นเรื่อย ๆ ครับ 

จากประสบการณ์ที่ผมเคยไปอยู่มาหลายประเทศ ผมคิดว่าประเทศไทยน่าอยู่มาก เมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ เพราะว่า...

1.) คนไทยใจดี
2.) ค่าครองชีพไม่สูงเลย เมื่อเทียบกับสาธารณูปโภค น้ำ ไฟ อินเตอร์เน็ต ซึ่งดีมาก 
3.) ความปลอดภัยสูง ไม่มีแผ่นดินไหว พายุไต้ฝุ่น ภูเขาไฟระเบิด น้ำท่วม หรือภัยธรรมชาติแบบรุนแรง 
4.) และที่ ดีมากๆ คือ สาธารณสุขดีเยี่ยมครับ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top