Friday, 9 May 2025
NewsFeed

‘แกนนำ 3 นิ้ว’ ที่ลี้ภัยอยู่ ตปท. เศร้า!! หลัง ‘พิธา’ ชวดเก้าอี้นายกฯ พ้อ!! ชีวิตนี้คงไม่ได้กลับไปเหยียบประเทศไทยอีกแล้ว

(20 ก.ค. 66) นายทัตเทพ เรืองประไพกิจเสรี หรือ ‘ฟอร์ด’ ผู้ต้องหาคดีอาญามาตรา 112 แกนนำเยาวชนปลดแอก ซึ่งขณะนี้ลี้ภัยอยู่ในประเทศแคนาดา โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กว่า…

“ประชาธิปไตย มติมหาชน ความยุติธรรมได้ถูกทำลายอย่าป่นปี้ ชีวิตนี้ผมคงไม่อาจกลับไปเหยียบประเทศไทยได้อีกแล้วครับ #โหวตนายกรอบ2 #ศาลรัฐธรรมนูญ”

ก่อนหน้านี้ นายทัตเทพ เรืองประไพกิจเสรี ได้หลบหนีคดี 112 พร้อมกับนายภาณุมาศ สิงห์พรม หรือ เจมส์ แอดมินเพจเฟซบุ๊กเยาวชนปลดแอก โดยเดินทางไปที่ประเทศแคนาดาเมื่อปี 2564

ในขณะที่เพจเฟซบุ๊ก เยาวชนปลดแอก ได้กลับมาเคลื่อนไหวปลุกระดมชุมนุมใหญ่อีกครั้ง หลังจากไม่มีการโพสต์ข้อความใดๆตั้งแต่ช่วงต้นปี 2565

‘เจเจ’ ชมแฟนสาว ‘ต้าเหนิง’ สวยมาก ยัน!! สวยธรรมชาติ ไม่ผ่านมีดหมอ

เป็นคู่รักวัยรุ่นที่ใครๆ ต่างก็อิจฉาสำหรับนักแสดงหนุ่ม ‘เจเจ กฤษณภูมิ พิบูลสงคราม’ ที่มีหวานใจที่ทั้งสวยและเก่งอย่างสาว ‘ต้าเหนิง กัญญาวีร์ สองเมือง’ ที่ทางด้านของหนุ่มเจเจนั้นดูเหมือนจะคลั่งรัก มักชมสาวต้าเหนิงออกสื่ออยู่บ่อย ๆ

ซึ่งก่อนหน้านี้สาวต้าเหนิงได้เปิดเผยว่าเจเจนั้นชอบทำผิดเรื่องเดิม ๆ ในเรื่องนี้เจเจก็ได้เผยว่า "ผมรู้สึกว่าพอเราอยู่ด้วยกันนาน ๆ มันจะมีสิ่งที่เราปรับเข้าหากันได้แล้วก็สิ่งที่มันเป็นนิสัยเราแล้วมันจะปรับค่อนข้างยาก ผมว่าสิ่งเหล่านั้นมันทำให้ผมผิดพลาดเรื่องเดิม ๆ แต่ตัวเราเองก็พยายามทำให้มันดีที่สุดแหละ แต่ผมว่าพี่ก็รู้ว่ามันไม่มีใครเพอร์เฟกต์อะเนอะเราก็ค่อย ๆ พยายามปรับไป ในเรื่องที่เราทำผิดก็ยังมีเฉี่ยว ๆ อยู่บ้าง เรื่องสะสมผมไม่แน่ใจนะครับแต่เรื่องการปรับตัว เราก็พยายามปรับเข้าหากันเรื่อย ๆ อยู่แล้ว เรื่องอักษรย่ออะไรแบบนี้มันไม่มีครับถ้ามีผมจะบอกพี่ๆ เองละกัน"

และเมื่อถามถึงเรื่องความสวยของแฟนสาวต้าเหนิง เจเจได้ตอบเรื่องนี้ว่า “ดีใจแล้วก็ขอบคุณทุกคนที่ชมว่าต้าเหนิงสวย ผมว่าเขาก็คงงงๆ ว่าได้ฉายาสวยเกินคนได้ยังไง เพราะว่าตัวเขาเองก็ไม่ได้มองว่าตัวเองสวยขนาดนั้น แต่เขาก็สวยครับสวยอยู่แล้ว ในเรื่องของฉายาผมไม่ขอพูดดีกว่าให้คนอื่นเขาพูดถ้าผมพูดเองมันจากลายเป็นว่าผมอวยเขา ก็ถ้าพี่ถามผมก็ต้องตอบว่าสวยเพราะถ้าบอกว่าไม่สวยผมก็จะโดน เวลาเราไปเกาหลีเขาก็จะไปคุยเรื่องงาน ไปหาเพื่อนๆ มากกว่าครับ เรื่องทำหน้าเขาไม่ได้ทำครับ เรื่องจิ้มผมไม่แน่ใจ แต่อาจจะเหมือนทุกคนแหละครับก็มีทรีตเมนต์บ้างไปหาหมอหน้าบ้างเพราะเราก็ต้องใช้หน้าในการทำงาน ในส่วนของผมยังไม่ได้ทำหน้า กลัวเจ็บ ฉีดฟิลเลอร์ยังไม่เคยแต่โบท็อกซ์ก็มีบ้าง ถ้ามีโอกาสได้ทำก็คงต้องคิดดูก่อน”

นอกจากนี้ หนุ่มเจเจยังเล่าว่าตนนั้นเพิ่งไปไหว้พระที่ฮองกงมาโดยเผยว่า "เพิ่งจะไปทำงานที่ฮองกง ไป 2 วัน 1 คืน ไปทำงานอย่างเดียวไม่ได้ไปเที่ยว ก็มีช่วงว่างอยู่นิดนึงก็เลยไปไหว้พระมาครับ มีโอกาสก็เลยขอมูนิดนึงเพราะไม่ได้ไปฮองกงนานแล้วตั้งแต่ก่อนโควิด"

'ก้าวไกล' ชงยุบ กอ.รมน. ตั้ง กมธ.สันติภาพ 'ปาตานี' เกมถนัดสั่นคลอน 'กลุ่มอำนาจเดิม-ฝ่ายความมั่นคง'

(20 ก.ค. 66) พลันที่พรรคก้าวไกลใกล้จะสูญเสียอำนาจฝ่ายบริหารอย่างเต็มรูปแบบ ทั้ง ๆ ที่ชนะเลือกตั้ง ได้ ส.ส.มาอันดับ 1

แต่พลาดทั้งตำแหน่งนายกฯ (หมดสิทธิ์ไปแล้วจากการตีตกญัตติโหวตเลือก นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ รอบ 2) และสถานะการเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลกำลังจะหลุดมือ

ไม่นับเก้าอี้ ‘ประธานสภา’ ที่ต้องเสียให้พรรค 9 เสียงอย่างพรรคประชาชาติไปก่อนหน้านี้

ทำให้พรรคก้าวไกลพลิกเกมสู้ เลือกเดินทางถนัด คือจัดหนักเสนอร่างแก้ไขปัญหากฎหมายแนวปฏิรูป ซึ่งจะสั่นคลอนกลุ่มอำนาจเดิม ทั้งทุนใหญ่ผูกขาด กองทัพ และฝ่ายความมั่นคง จองคิวเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร

โดยร่างกฎหมายที่ยื่นล็อตแรกมีทั้งหมด 7 ฉบับ ตามหลักการเปลี่ยนประเทศ- ปฏิรูปกองทัพ โดยมีผู้แทนประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นผู้รับเรื่อง และร่างกฎหมายที่เสนอมาทั้งหมด เมื่อวันที่ 18 ก.ค.66 ที่ผ่านมา

หลังการยื่น 7 ร่างกฎหมายของพรรคก้าวไกล นายรอมฎอน ปันจอร์ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อของพรรค ได้โพสต์เฟสบุ๊กส่วนตัวระบุว่า “การยุบ กอ.รมน. เริ่มนับหนึ่งวันนี้นะครับ ร่าง พ.ร.บ.ยกเลิก พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 พ.ศ. ....ถึงมีประธานแล้ว”

นอกจากนี้ นายรอมฎอน ยังโพสต์ข้อความเพิ่มเติม โดยมีเนื้อหาว่า “ความเคลื่อนไหวสำคัญเกี่ยวกับสันติภาพในชายแดนใต้ / ปาตานี เรื่องแรกคือการริเริ่มตั้งต้นยุบ กอ.รมน. ด้วยการเสนอร่างกฎหมายอย่างเป็นทางการ อีกเรื่องเป็นการเข้าชื่อเสนอญัตติให้สภาผู้แทนฯ ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญว่าด้วยเรื่องการสร้างสันติภาพ ลงนามโดย ส.ส.ก้าวไกล รวม 30 คน

ทั้งสองเรื่องเป็นสิ่งที่พรรคก้าวไกลสัญญาเอาไว้กับประชาชน วางอยู่บนแนวคิดที่ว่าการเผชิญหน้าและรับมือกับความขัดแย้งในชายแดนใต้มาตลอดหลายสิบปีนั้น จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนทิศทาง นั่นคือการลดบทบาทของกองทัพลง และเพิ่มบทบาทของพลเรือนให้มากขึ้น โดยเฉพาะสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งมีความชอบธรรมทางการเมืองในฐานะที่เป็นสถาบันที่ยึดโยงกับประชาชน พื้นที่ของสภาฯ เช่นนี้จะเปิดโอกาสให้เราสามารถดึงเสียงที่แตกต่างหลากหลายมาถกเถียงเรื่องสำคัญๆ ได้อย่างตรงไปตรงมา ซึ่งโดยตัวมันเองก็เป็นกลไกที่จะส่งเสริมการแสวงหาทางออกจากความขัดแย้งโดยไม่ใช้ความรุนแรง

ความขัดแย้งในชายแดนใต้เป็นปัญหาอำนาจรัฐ เป็นเรื่องใหญ่และเรื่องระดับชาติ การมอบหมายให้อยู่ภายใต้กรอบคิดและการดำเนินงานของหน่วยงานความมั่นคงชนิดพิเศษอย่างที่ผ่านมาไม่เพียงพอแล้ว เราต้องการทิศทางที่สร้างสรรค์และเปิดกว้างมากกว่านั้น เพื่อไม่ให้ทิ้งระเบิดเวลาให้กับคนรุ่นถัดไป

ที่จริงแล้ว การยุบ กอ.รมน. ไม่ได้วางอยู่บนเหตุผลแค่เรื่องสันติภาพในดินแดนใต้สุดเท่านั้น แม้ในช่วงการฟื้นตัวก่อกำเนิดขึ้นมาอีกครั้งในปี 2551 จะอิงกับเหตุการณ์ความไม่สงบที่นั่น ปัญหาของหน่วยงานรัฐซ้อนรัฐนี้ปรากฏอยู่ทั่วทั้งประเทศ การแทรกแซงเข้าไปในกิจกรรมทางการเมืองของประชาชน มองหาภัยคุกคามและข้าศึกอยู่ตลอดเวลาเช่นนั้นไม่เป็นผลดีต่อพัฒนาการของประชาธิปไตยในระยะยาว

เรื่องนี้เป็นหนึ่งในกฎหมาย 5 ฉบับที่เกี่ยวข้องกับการปฏิรูปกองทัพ แต่ละเรื่องนับเป็นหัวใจสำคัญของหลักการควบคุมกองทัพด้วยรัฐบาลพลเรือนแทบทั้งสิ้น ชวนทุกท่านติดตามและถกเถียงถึงพัฒนาการของกระบวนการสันติภาพในรัฐสภาไทยอย่างใกล้ชิด”

นอกจากโพสต์ข้อความ นายรอมฎอนยังโพสต์ภาพเอกสารร่าง พ.ร.บ.ยกเลิก พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 เพื่อดำเนินการยุบ กอ.รมน. และภาพเอกสาร ขอเสนอญัตติด่วน เรื่องขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษา ติดตามและส่งเสริมการสร้างสันติภาพในจังหวัดชายแดนภาคใต้ / ปาตานี โดยเอกสารทั้ง 2 ฉบับมีนายรอมฎอน ปันจอร์ ลงชื่อเป็นผู้เสนอ

เป็นที่น่าสังเกตว่า เอกสารการขอเสนอญัตติ พิจารณาตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาติดตามและส่งเสริมการสร้างสันติภาพในจังหวัดชายแดนภาคใต้ / ปาตานี มีการใช้คำว่า ‘ปาตานี’ ซึ่งเป็นวาทกรรมที่ถูกสร้างขึ้นมาจากขบวนการชาตินิยมปัตตานี ที่ผ่านมามักถูกใช้โดยฝ่ายที่เห็นต่างจากรัฐและกลุ่มขบวนการก่อความไม่สงบ แต่ ส.ส.พรรคก้าวไกล ซึ่งเป็น ส.ส.ของปวงชนชาวไทย ซึ่งหมายถึงคนไทยทั้งประเทศ นำมาใช้ห้อยท้ายชื่อของคณะกรรมาธิการฯ ที่ตนเองเสนอ

ทั้งนี้ ยังไม่ชัดเจนในเจตนาว่าเป็นความต้องการสะท้อนความแตกต่างหลากหลาย หรือเป็นการยอมรับคำกล่าวของคู่เจรจา ซึ่งบางส่วนใช้อาวุธต่อสู้กับรัฐไทยกันแน่

นายทหารระดับสูงใน กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า (ขอสงวนนาม) แสดงทัศนะหลังได้เห็นการโพสต์ข้อความในสื่อสังคมออนไลน์ของนายรอมฎอนว่า “อย่านำความมั่นคงของรัฐมาเป็นเครื่องมือทางการเมือง”

สำหรับร่างกฎหมายทั้งหมด 7 ฉบับ ที่ ส.ส.พรรคก้าวไกล เสนอแก้ไข แบ่งเป็น 2 ชุด

ชุดที่ 1 ชุดกฎหมายปฏิรูปกองทัพ (Demilitarize) จำนวน 5 ฉบับ เพื่อทำให้กองทัพมีประสิทธิภาพ โปร่งใส และอยู่ใต้รัฐบาลพลเรือน ประกอบด้วย

1) ร่าง พ.ร.บ.รับราชการทหาร เพื่อยกเลิกการบังคับเกณฑ์ทหารในยามปกติ และเปลี่ยนเป็นระบบสมัครใจ 100%
2) ร่าง พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม เพื่อตัดอำนาจสภากลาโหม ให้พลเรือนอยู่เหนือกองทัพ
3) ร่าง พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ เพื่อเพิ่มความโปร่งใสเรื่องภาระค่าใช้จ่ายและเงินนอกงบประมาณทั้งหมดของรัฐ
4) ร่าง พ.ร.บ.ยกเลิก พ.ร.บ. การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 เพื่อดำเนินการยุบกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.)
5) ร่าง พ.ร.บ.ยกเลิกประกาศ คสช. และคำสั่งหัวหน้า คสช. เพื่อยกเลิกประกาศและคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ละเมิดสิทธิเสรีภาพ

ชุดที่ 2 ชุดกฎหมายปิดช่องทุนผูกขาด (Demonopolize) จำนวน 2 ฉบับ เพื่อส่งเสริมการแข่งขันทางการค้าที่เป็นธรรม และยกระดับขีดความสามารถของเศรษฐกิจไทย ประกอบด้วย

1) ร่าง พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต หรือร่าง “สุราก้าวหน้า” เพื่อปลดล็อกการผลิตสุราของผู้ผลิตรายย่อยและสุราชุมชน
2) ร่าง พ.ร.บ.การแข่งขันทางการค้า เพื่อสร้างกติกาแข่งขันทางการค้าที่เป็นธรรม ปฏิรูปคณะกรรมการแข่งขันทางการค้า และออกกฎ “คนฮั้ววงแตก” ในการป้องกันการฮั้วประมูลของบางบริษัทที่ร่วมมือกันผูกขาดหรือลดการแข่งขัน

หลายประเทศเท่าทัน เริ่มถอนตัวจากศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) หลังอำนาจออก 'หมายเรียก-หมายจับ' ละเมิดอธิปไตยของชาติผู้ร่วมภาคี

(20 ก.ค. 66) ผู้ใช้งานติ๊กต็อกชื่อ ‘factnotfeeling’ ได้โพสต์วิดีโอเกี่ยวกับการลงนาม ICC หรือ ศาลอาญาระหว่างประเทศ ที่พรรคก้าวไกลมีนโยบายจะเข้าร่วมหากได้เป็นรัฐบาล โดยอ้างอิงจากคำพูดของ ‘หม่อมหลวงณัฏฐกรณ์ เทวกุล’ ที่ระบุว่า…

“หลังจากที่มีการกวาดต้อนให้หลาย ๆ ประเทศไปลงนามในสนธิสัญญาฉบับนี้ ให้เป็นภาคีต่อธรรมนูญกรุงโรม ในที่สุดแล้วหลาย ๆ ประเทศ เขาค่อยค่อยทยอยถอนตัวออกมา เพราะว่าเขาเริ่มตื่นรู้ แล้วเขาเริ่มตระหนักแล้วว่าในที่สุดแล้วอํานาจในการออกหมายเรียกและอํานาจในการออกหมายจับจากศาลอาญาระหว่างประเทศหรือ ICC มันเป็นขั้นตอนซึ่งเกิดขึ้นโดยที่เป็นการ ‘ละเมิดอํานาจอธิปไตย’ ของประเทศซึ่งไปเป็นภาคี 

ประเทศไทยพลาดมากที่ไปลงนามในปี 2543 แต่ยังไม่พลาดท่าถึงขั้น ‘ให้สัตยาบัน’ เอาจริง ๆ เรื่องนี้ไทยต้องอยู่ห่าง ๆ เลย ถ้ามันดีนักดีหนาอินเดียกับจีน เขาจะไม่เอาตั้งแต่แรกเหรอ ถ้าดีนักดีหนา ทําไมอเมริกา อิสราเอล รัสเซีย ฟิลิปปินส์ เขารู้เขาก็ถอย เขาถอนตัวหมด 

เขารู้ว่าถึงเวลามันเป็นศาลที่ให้มีการเดินเรื่องเพื่อออกหมายจับ-หมายเรียกได้ ถ้าคุณต้องการให้ประเทศใดประเทศหนึ่งไปลงนามเป็นภาคีต่อกระบวนการยุติธรรม แล้วกระบวนการยุติธรรมนั้นจะอยู่เหนือกระบวนการยุติธรรมของกระบวนการยุติธรรมภายในประเทศ เสร็จแล้วกระบวนการยุติธรรมนั้น จะสามารถดําเนินคดีกับบุคคลซึ่งไม่สามารถถูกดําเนินคดีในประเทศซึ่งไปลงนามเป็นภาคีได้ 

เจตนารมณ์ของการไปลงนามคืออะไร?? มันร้ายแรงนะ เรื่องนี้คือเรื่องคอขาดบาดตาย ทําไม่ได้นะ อย่าไปคิดว่ากลไกระหว่างประเทศ มันเป็นกลไกบริสุทธิ์ผุดผ่อง กลเกมและกลไกระหว่างประเทศ มันเต็มไปด้วยการเมืองระดับโลก”

‘ดิม Tattoo’ ยิ้มกว้าง ภรรยาคลอดลูกชายแล้ว ตั้งชื่อ ‘น้องไทม์’ เผยที่มาของชื่อลึกซึ้งมาก!!

(20 ก.ค. 66) กลายเป็นเป็นคุณพ่อป้ายแดงเต็มตัวแล้ว สำหรับนักร้องหนุ่ม ‘ดิม หรินทร์ สุธรรมจรัส’ หรือ ‘ดิม Tattoo Colour’ เมื่อล่าสุดภรรยาสาว ‘กวาง กวิสรา’ ได้คลอดลูกชายคนแรกแล้ว พร้อมตั้งชื่อว่า ‘น้องไทม์’ ณ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ เมื่อวันพุธที่ 19 กรกฎาคม 2566 ที่ผ่านมา

โดย คุณพ่อดิม ได้โพสต์ภาพอวดลูกน้อย พร้อมหน้าพร้อมตาพ่อแม่ลูก ผ่านอินสตราแกรมส่วนตัวและแคปชันสุดซึ้งว่า

“ที่ตั้งชื่อว่าไทม์ คือเขามาได้ตรงเวลา ทันเวลา ตอนที่พ่อกับแม่เขาพร้อมที่สุดที่จะมีเขา อยากมีเขามาตั้งแต่คุกเข่าขอแม่เขาแต่งงาน พร้อมตั้งแต่ขออากงเค้าว่าจะรักและสร้างครอบครัวให้เร็วที่สุด ดีใจที่ได้บอกกับปู่ย่าเขาว่า จะมีคนสืบสกุลเพิ่มอีกคนแล้วนะ และคำว่า ‘เวลา’ คือ ของมีค่าที่สุดเหมือนกับเขาที่เป็นของขวัญที่มีค่าที่สุดของพ่อกับแม่”

ท่ามกลางเพื่อน ๆ ในวงการ และแฟนคลับต่างเข้ามาแสดงความยินดีพร้อมต้อนรับ ‘น้องไทม์’ กันอย่างล้นหลาม

‘ชูวิทย์’ คาด 'เพื่อไทย' ดอดเจรจา 'ก้าวไกล' ช่วยถอยเป็นฝ่ายค้าน ชี้!! หากมีการจับขั้วใหม่ นายกฯ อาจมาจากพรรคเสียงข้างน้อย

(20 ก.ค. 66) ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ‘ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์’ ถึงกรณีพรรคเพื่อไทย อาจเจรจาก้าวไกลขอให้ไปเป็นฝ่ายค้าน โดยระบุว่า…

เกมโหดการเมือง
อย่าไปคิดว่าจะได้คะแนนโหวตจาก ส.ว. จนถึง 376 หรือไม่?
เอาแค่ให้พิธาได้โหวตในรอบสอง ยังไม่มีโอกาส

ภาพซ้ำรอยกับธนาธรไปอีก ที่ศาลรัฐธรรมนูญสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.
จากจะเสนอชื่อพิธาเป็นนายกฯ รอบสอง กลายเป็นการอำลากลางสภา

ขั้นต่อไปเข็มทิศพุ่งไปที่การยุบพรรคก้าวไกล
วันนี้เป็นบรรทัดฐานว่า ชื่อนายกฯ เสนอโหวตซ้ำรอบสองไม่ได้
หากเพื่อไทยจะเสนอชื่อเศรษฐา ก็ต้องมั่นใจว่าผ่าน ส.ว. ในครั้งเดียว

จึงถึงเวลาที่ก้าวไกลจะต้องถูกผลักไปเป็นฝ่ายค้านสมบูรณ์แบบ
เพราะหากมีชื่อก้าวไกลในพรรคร่วมรัฐบาลแล้ว แม้เสนอชื่อนายกฯ เพื่อไทยไปก็ไม่ผ่าน
ส.ว. จะมีข้ออ้างในการไม่โหวตให้ เสียของไปอีก

พรรคก้าวไกลได้คะแนนมากเป็นอันดับ 1 ในทางประชาธิปไตยต้องได้จัดตั้งรัฐบาล
แต่กลับไม่ได้ทั้งตำแหน่งประธานสภา นายกฯ และรัฐบาล
ผมเคยเตือนแล้วว่าต้องเอาประธานสภามาให้ได้

เมื่อตำแหน่งประธานสภาไปตกกับคนกลาง อ.วันนอร์ ผลจึงออกมาวันนี้ ต้องโหวตว่าจะเสนอชื่อพิธาเป็นนายกฯ รอบสองได้ไหม ท้ายสุดก้าวไกล ไม่ได้อะไรเลย จากกลเกมการเมืองอย่างเหี้ยม คะแนนประชาชนมาหลังสุด

เคราะห์ซ้ำกรรมซัดวิบัติเป็น
ก้าวไกลพลิกสถานการณ์ไม่ทันจากทะยานพุ่งสู่ฟ้า กลับดิ่งลงเหวโดยฉับพลันทันใด
ลูกบอลเข้าเท้าเพื่อไทยแต่หากเดินไม่ดีมีโอกาสพลาดเช่นกัน

จึงต้องกลืนน้ำลายตัวเอง เอาพลังประชารัฐ รวมไทยสร้างชาติ ภูมิใจไทย มาร่วมรัฐบาล
พลิกขั้วตามที่ผมคาดไว้

‘พลอย เฌอมาลย์’ เคลื่อนไหวผ่านไอจี ลั่น!! “ขอออกมาพูดบ้าง” หลังถูกโยง ‘คลอดีน’ พูดในรายการ สิ่งที่รับไม่ได้ที่สุดคือ ‘นอกใจ’

(20 ก.ค. 66) กลายเป็นประเด็นอยู่ไม่น้อย หลังจากที่นักแสดงสาว ‘คลอดีน อทิตยา เครก’ อดีตหวานใจ ‘พลอย เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์’ ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องราวความรักในรายการ ยังไงไหนเล่า ทางช่อง GoyNattyDream Channel และได้เผยว่าเมื่อ 2 เดือนก่อนที่ทางรายการได้ติดต่อไป แต่เจ้าตัวยังไม่พร้อม ทั้งร่างกายพัง ไม่ดูแลตัวเอง อยากมีเวลาฮีลลิ่งตัวเอง ซึ่งตอนนี้กลับมาแล้ว

ส่วนที่หายไปก็คือไปอยู่ภูเก็ตซึ่งบ้านพ่อแม่อยู่ที่นั่น ไปอยู่มา 2 เดือน เพราะว่าตอนนั้นรู้สึกจัดการชีวิตตัวเองไม่ค่อยได้ นอนไม่ตรงเวลา กินข้าวไม่ตรงเวลา สมองมันคิดมากตลอดเวลาก็เลยอยากไปเข้าแคมป์ดีท็อกซ์ ทำสมาธิ โยคะ อะไรแบบนี้สัก 2 เดือน มันจะได้รีเซ็ตตัวเองใหม่

ถามว่าตอนนี้อยากมีความรักไหม คลอดีน เผยว่าตอนนี้คิดอยู่ว่าอยากจะโสดให้นานที่สุด เท่าที่จะโสดได้ เพราะเวลาที่เรามีความสัมพันธ์กับใคร เราก็อยากจะให้เขามากที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ แล้วถ้าเราให้ทั้งหมดนั้นไม่ได้ เราก็จะรู้สึกไม่ดี เราก็เลยอยากพร้อมก่อน เพราะตอนนี้ยังรู้สึกไม่พร้อม ทั้งด้านอารมณ์ ด้านจิตใจ ด้านร่างกายด้วย เราอยากจะเป็นตัวเราในแบบที่ดีที่สุดก่อน ก่อนจะเริ่มมีความสัมพันธ์ แต่ถ้ามันจะมาก็มา ก็ต้องรอดูกันต่อไป

และเมื่อถูกพิธีกรถามว่า อะไรเป็นเรื่องที่รับไม่ได้ที่สุดในความสัมพันธ์ คลอดีน ก็ตอบว่า “การนอกใจ แค่นั้น นอกจากนั้นไม่มีอะไรมาก”

ซึ่งหลังคลิปดังกล่าวเผยแพร่ออกไป ทำให้คำว่า ‘นอกใจ’ มีการโยงไปถึง ‘พลอย เฌอมาลย์’ ที่ตอนนี้กำลังอินเลิฟอยู่กับ ‘โต้ง ทูพี’ โดยล่าสุดสาวพลอยก็ได้โพสต์ข้อความผ่านสตอรี่ ระบุว่า “ได้เห็นและรับรู้แล้ว รอฟังจากทางพี่พลอยนะคะ เร็ว ๆ นี้จะได้ออกมาพูดบ้างหล่ะ #notcool”

จับตา!! คู่ชิงหัวหน้าพรรค 'อภิสิทธิ์' ปะทะ 'ดร.เอ้' พร้อมข่าวลือสะพัด 16 ส.ส.หักเห ปันใจซบ 'เสี่ยหนู'

ประชาธิปัตย์เดือด…ลือสะพัด 16 ส.ส.ปันใจให้ภูมิใจไทย ถกร่วมเพื่อไทยตั้งรัฐบาล ศึกชิงหัวหน้าพรรคไม่ลงตัว ขั้ว 'เฉลิมชัย' ขอเปลี่ยนหัวจาก 'นราพัฒน์' เป็น 'ดร.เอ้'

หลังเสร็จภารกิจการชิงเก้าอี้นายกรัฐมนตรีของ 'พิธา ลิ้มเจริญรัตน์' หัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่รัฐสภาตอกฝาโลงไปแล้ว ในสมัยประชุมนี้ไม่สามารถเสนอกลับมาได้อีก เกมจึงเปลี่ยนไปอยู่ในมือเพื่อไทย

หันมาดูศึกในค่ายพระแม่ธรณีบีบมวยผมบ้าง (ประชาธิปัตย์) ที่การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาหอบหิ้วเข้าสภามาได้แค่ 25 คน จุรินทร์ลักษณวิศิษฏ์ รับผิดชอบด้วยการลาออก ที่เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคมที่ผ่านมา มีการล้มการประชุมเลือกตั้งหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ด้วยการล้มองค์ประชุม (องค์ประชุมไม่ครบ) ในช่วงบ่าย อันเป็นเกมที่ถูกกำหนดขึ้นจากฝ่ายที่ส่อว่าจะแพ้โหวต

12 กรกฎาคม มีการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคชุดรักษาการ มีกรรมการบางคนเสนอให้เพิ่มองค์ประชุม เพื่อแก้ปัญหาองค์ประชุมไม่ครบ โดยให้เพิ่มองค์ประชุมอีกภาคละ 25 คน คือเพิ่มอีก 125 ให้รองหัวหน้าพรรคในแต่ละภาคเป็นคนคัดเลือกจากสมาชิกพรรคมาเป็นองค์ประชุม จากเดิมองค์ประชุมมีอยู่ 250 คน เป็น 375 คน รองหัวหน้าพรรคประจำภาคก็เตรียมการคัดสมาชิกพรรค จาก ส.อบจ.บ้าง จากนายกเทศมนตรีบ้างที่เป็นพวกของตัวเองมาเป็นองค์ประชุม

จริงๆ ในการประชุมใหญ่วิสามัญพรรคประชาธิปัตย์เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม ปัญหาไม่ได้อยู่ที่องค์ประชุม เพราะช่วงเช้าองค์ประชุมครบ เพียงแต่ว่าองค์ประชุมเป็นคนของใครมากกว่า เมื่อเช็คจากการประลองกำลังกันสองรอบในตอนเช้า ยังไม่เห็นแววชนะ จึงใช้เกมล้มการประชุมมาแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อน

การเสนอเพิ่มองค์ประชุม กรรมการบริหารพรรคหลายคนอภิปรายแย้ง เพราะยังไม่ใช่เวลา พรรคยังไม่วิกฤติถึงขนาดขาดองค์ประชุมตามข้อบังคับพรรค แต่ท้ายที่สุดกรรมการบริหารพรรคฝ่ายเสียงข้างมากก็ลากไปมีมติพรรคก็ให้เพิ่มองค์ประชุม แต่เวลานี้มีกรรมการบริหารพรรคที่คัดค้าน หรือเห็นแย้งก็ยังไม่ยอมแพ้ 5 กรรมการบริหารพรรคทำหนังสือถึงหัวหน้าพรรค (จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์) และเลขาพรรค (เฉลิมชัย ศรีอ่อน) เช่น สาทิต ปิตุเตชะ รองหัวหน้าพรรค คุณหญิงกัลยา โสภณพาณิชย์ รองหัวหน้าพรรค ผ่องศรี ธาราภูมิ กรรมการบริหารพรรค ให้พิจารณาทบทวน

เข้าใจว่าการทำหนังสือโต้แย้งน่าจะมีผลให้ต้องเลื่อนการประชุมใหญ่วิสามัญออกไปก่อน จากเดิมที่กำหนดไว้เป็นวันอาทิตย์ที่ 23 กรกฎาคม แต่การเลื่อนการประชุมพรรคประชาธิปัตย์ ยังไม่ได้แจ้งต่อสมาชิกอย่างเป็นทางการ

สำหรับศึกชิงหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เมื่ออาทิตย์ที่แล้วคาดว่าจะเป็นการแข่งกันระหว่าง 'อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ' อดีตหัวหน้าพรรค กับ 'นราพัฒน์ แก้วทอง' รองหัวหน้าพรรคภาคเหนือ แต่เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนขั้ว 'เฉลิมชัย' จึงขอเปลี่ยนตัวเล่น เป็น 'ดร.เอ้' สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ลงชิงแทน โดยมีติ่ง มัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ร่วมแจม ด้วย

แต่คู่ชิงน่าจะมีเพียง 2 คนนี้ คือ 'มาร์ค' อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีต หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์, อดีตนายกรัฐมนตรี และ 'ดร.เอ้' ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ประธานคณะทำงานนโยบาย กทม. พรรคประชาธิปัตย์ อดีตประธานที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย และอดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีลาดกระบัง (สจล.)

ศึกชิงหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ก็ถือว่าเป็นข่าวใหญ่ที่ต้องติดตาม 77 ปี ย่าง 78 ปี ก็ถือว่าเป็นพรรคที่มีของดี มีประวัติ มีความเป็นมามีผลงานเป็นที่ยอมรับระดับหนึ่งให้คนได้กล่าวขาน ถึงอยู่ยงคงกระพันมาได้ สู้คดียุบพรรคมาแล้ว 2 ครั้ง และรอดมาได้ ผ่านหัวพรรคมาแล้ว 8 คน กำลังจะเลือกคนที่ 9 สร้างคน สร้างนักการเมืองมามาก สร้างนายกรัฐมนตรี สร้างประธานสภามาแล้ว นัดการเมืองในบางพรรคก็เกิดจากท้องประชาธิปัตย์

แต่พลันที่พิธาตกสวรรค์ กลับมาข่าวลือสะพัดหนาหูว่า การประชุม ส.ส.ประชาธิปัตย์ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เห็นพ้องต้องกันว่า จะเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย แต่การจะเข้าร่วมรัฐบาลหรือไม่ ต้องเป็นมติกรรมการบริหารพรรค และน่าจะรอผลการเลือกตั้งหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ประชาธิปัตย์มีข่าวลือหนักกว่านั้น คือเพจของพรรคโพสต์ว่า มี 16 ส.ส.ภาคใต้ ปันใจให้ภูมิใจไทยไปแล้ว มีนักการเมืองสงขลาคนหนึ่งเป็นคนเปิดดีล และรับผิดชอบเลี้ยงดูกันอยู่ 

อนาคตประชาธิปัตย์จะก้าวเดินไปอย่างไร หรือจะขุดหลุมฝังตัวเอง น่าสนใจติดตามยิ่งในสถานการณ์เปลี่ยนผ่านนี้

‘ชาวเน็ต’ แฉ!! ติ่งส้มไล่ด่าคนเห็นต่าง-ใช้คำพูดหยาบคาย ซัด!! เรียกร้องสิทธิของตัวเอง แต่ไม่เคารพสิทธิคนอื่น

เมื่อไม่นานนี้ ได้มีผู้ใช้ติ๊กต็อกรายหนึ่ง ชื่อ ‘benzsan1996’ หรือ ‘คุณเบนซ์’ ได้โพสต์คลิปวิดีโอตอบกลับความคิดเห็นที่มีชาวเน็ตเข้ามาคอมเมนต์ไว้ว่า “ทีแรกก็ติ่งส้มแต่เราเห็นต่างเรื่อง ม.112 เราโดนรุมด่าหนักมาก อยู่ดี ๆ ก็ได้เป็นสลิ่มเฉยเลย”

เจ้าของช่องติ๊กต็อกได้ตอบกลับคอมเมนต์นี้ โดยกล่าวว่า…

“ใช่ค่ะ โดนแบบนี้กันเยอะมาก ซึ่งเบนซ์ก็เป็นหนึ่งในนั้น ตอนแรกเบนซ์ก็เห็นดีด้วยนะ กับการออกมาประท้วงเรื่องการไล่ลุงตู่ เพราะตอนแรกเบนซ์ไม่ชอบลุงตู่ เพราะเราไม่เห็นผลงานเขาไง เลยคิดว่าจะอยู่ต่อไปทําไมก็ไม่รู้ แต่พอไป ๆ มา ๆ กลายเป็นว่านอกจากไล่ลุงตู่อย่างเดียว ก็เริ่มมาจาบจ้วงสถาบันฯ วิจารณ์กันรุนแรงมาก จะมาอ้างว่าไม่เคยจาบจ้วง ไม่เคยเอาพระมหากษัตริย์มาโหนไม่ได้นะคะ เพราะพวกคุณทําจริงๆ แต่พวกคุณไม่ยอมรับความเป็นจริงว่าพวกคุณทําจริง ๆ”

“จะบอกไว้ให้นะคะ ว่าคนที่เป็นแบบเบนซ์ ที่เขาเคยเห็นด้วยกับกลุ่มผู้ชุมนุม พอเขาคิดต่างเรื่อง ม.112 เขากลับโดนด่าแบบสาดเสียเทเสีย ซึ่งมีเยอะมากค่ะ ถ้าคุณจะไล่ลุงตู่ แล้วคุณไม่ไปต้องแตะต้องเรื่องพระมหากษัตริย์ คุณอาจจะทําให้ลุงตู่ออกจากเก้าอี้ไปตั้งนานแล้วก็ได้ และการที่หลาย ๆ คนเขาถอยออกมาจากม็อบกันเยอะ ๆ เพราะพวกคุณทั้งนั้นเลย เมื่อมีคนเห็นต่าง คุณก็ว่าเขาโง่ มีคนคิดเห็นไม่เหมือนกับคุณ คุณก็ว่าเขาเป็นสลิ่ม คุณเรียกร้องประชาธิปไตย แต่ประชาธิปไตยของคุณเป็นวิธีแบบ ‘เผด็จการ’ และคุณใช้คําพูดหยาบคายมาก ๆ ซึ่งไม่เข้าใจว่าทำแบบนั้นทําไม? เวลาคุณจะพูดหรือจะโต้แย้งกับใคร คุณคิดได้แค่คําหยาบคายหรือ? ใช้คําพูดที่มีเหตุผลไม่ได้หรือ เอาเหตุผลมาคุยกันไม่ได้หรือ?”

“เบนซ์เคยอยู่ในจุดที่เห็นด้วยนะคะ และสงสารคนที่โดนตํารวจฉีดน้ำใส่หรือถูกจับกุม เบนซ์เคยอยู่ ณ จุดนั้น แต่พอเราเห็นเขาแตะต้อง ม.112 เขาแตะต้องพระมหากษัตริย์ เรารู้สึกไม่โอเคเลย แล้วเมื่อเราไปพูดคุยเรื่องนี้ด้วยเหตุผล ก็โดนแย้งกลับมาว่า แล้วสถาบันพระมหากษัตริย์มีไว้เพื่ออะไร สําคัญอะไร? คือคุณไม่มีเหตุผลแล้วอะ ความคิดของคุณมันไม่โอเคแล้ว และเมื่อเราเห็นว่าความคิดของเราไม่เหมือนกันแล้ว เราเลยถอย พอเราถอยเราก็ถูกคุณด่าเสียๆ หายๆ อีก เพราะฉะนั้น คุณควรจะคิดดีๆ ว่าสิ่งที่คุณต้องการคืออะไรกันแน่ พอเราออกมาบอกว่า เราเคยอยู่ในจุดที่เคยเป็นติ่งส้มนะ พวกคุณก็มาก้าวก่ายความคิดของเรา มากล่าวหาว่า การที่เรามีความคิดแบบนี้ เราไม่เคยมาเป็นติ่งส้มจริง ๆ หรอก หาว่าเราอยู่ฝั่งลุงตู่”

“นี่คือตัวตนของฉัน ความคิดของฉัน มันไม่ใช่ตัวของคุณ แค่นี้คุณยังไม่เคารพสิทธิคนอื่นเลย ต้องการเรียกสิทธิของตัวเอง แต่ไม่เคารพสิทธิคนอื่น นี่หรือคือ ‘ประชาธิปไตย’ คิดดีๆ นะจ๊ะ”

‘ตั๊กแตน ชลดา’ อวดลุคใหม่ สนามบินแทบร้อนฉ่า สวยเกือบจำไม่ได้!! แฟนคลับแห่อวยกันยกใหญ่

(20 ก.ค. 66) ที่ผ่านมาพัฒนาการความเปลี่ยนแปลงของ ‘ตั๊กแตน ชลดา’ (พบพร ภาคินทร์) กลายเป็นที่พูดถึงอย่างมาก โดยล่าสุดตั๊กแตนได้มากับลุคสนามบินที่นอกจากจะผอมแล้ว ยังมากับชุดที่หลายคนคาดไม่ถึงด้วย 

โดยตั๊กแตนได้โพสต์รูปจากสนามบิน พร้อมแคปชันว่า “ทำงานกันต่อไป…” ซึ่งคราวนี้แฟน ๆ ได้เห็นภาพหุ่นปัจจุบันของตั๊กแตน ที่ผอมลงจากวันวานอย่างชัดเจน 

ซึ่งโพสต์ของตั๊กแตนก็มีแฟน ๆ เข้ามาพูดถึงลุคสวยกันอย่างพร้อมเพรียง และหลาย ๆ คนได้ส่งความรู้สึกผ่านอิโมจิหัวใจสีต่าง ๆ ในโพสต์ของตั๊กแตนกันด้วย 

สำหรับปี 2565 ที่ผ่านมา ตัวของ ‘ตั๊กแตน ชลดา’ มีผลงานเพลงออกมาถึง 16 ซิงเกิลในลิขสิทธิ์ตัวเอง ซึ่งพอเปิดปีใหม่ไม่กี่วันเธอก็ปล่อยเพลงดรามา ‘กอด’ ที่เพิ่งทะลุล้านวิวออกมาให้แฟน ๆ ได้ฟังด้วย รวมถึงเป็นที่พูดถึงจากการแสดงในละคร โปงลางฮักซอนออน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top