Friday, 9 May 2025
NewsFeed

ผช.ผบ.ทร. เป็นผู้แทน ผบ.ทร.ร่วมงานเลี้ยงรับรองเนื่องในวันชาติฝรั่งเศส

พล.ร.อ.สุวิน แจ้งยอดสุข ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือ (ผช.ผบ.ทร.) เป็นผู้แทนผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) พร้อมด้วยคณะผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพเรือ ร่วมงานเลี้ยงรับรองเนื่องในวันชาติฝรั่งเศส ตามคำเชิญของสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐฝรั่งเศส โดยมี นายตีแยรี  มาตู (H.E. Mr. Thierry  MATHOU) เอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทย และภริยา เป็นเจ้าภาพ ณ ห้องบอลรูม โรงแรมสวิสโฮเตล ถ.รัชดาภิเษก กรุงเทพมหานคร

ไทยกับฝรั่งเศส สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการเมื่อ พ.ศ.2399 ผ่านการลงนามสนธิสัญญาเจริญสัมพันธไมตรี โดยประเทศไทยถือเป็นพันธมิตรที่เก่าแก่ที่สุดของฝรั่งเศสในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งนี้ความสัมพันธ์ระหว่างกองทัพเรือไทย และกองทัพเรือฝรั่งเศส เป็นไปด้วยดี โดยฝรั่งเศสมีสำนักงานผู้ช่วยทูตทหาร ฝรั่งเศส/กรุงเทพฯ ในส่วนของกองทัพเรือมีผู้ช่วยทูตทหารเรือ/ปารีส ทั้งนี้ความร่วมมือระหว่างกองทัพเรือกับกองทัพเรือฝรั่งเศส ประกอบด้วย 

- ด้านการศึกษา ซึ่งกองทัพเรือจัดส่งข้าราชการไปศึกษาอบรมหลักสูตรต่างๆ อย่างต่อเนื่อง
- การเยี่ยมเยือนและการเยี่ยมคำนับ เป็นการเยี่ยมเยือนเมืองท่าของเรือรบ ซึ่งเรือรบฝรั่งเศสมีการเยี่ยมเยือนเป็นระยะ และการเข้าเยี่ยมคำนับของผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพเรือ
- การฝึก มีการฝึก PASSEX ซึ่งเป็นการฝึกในโอกาสที่เรือรบของฝรั่งเศสเดินทางผ่านน่านน้ำ หรือแวะเยี่ยมประเทศไทย เพื่อเป็นการเสริมสร้างความสัมพันธ์ของกองทัพเรือทั้งสองประเทศ
- การจัดหายุทโธปกรณ์ กองทัพเรือมีการจัดหาเฮลิคอปเตอร์ลำเลียงแบบ EC-645T2 รวมทั้งยุทโธปกรณ์อื่นอีกหลายรายการ

เป็นไปตามนโยบายผู้บัญชาการทหารเรือในการเสริมสร้างความสัมพันธ์และการมีบทบาทนำด้านความร่วมมือ และความมั่นคงในภูมิภาคให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เตือนภัยออนไลน์ “ระวัง: แอพดูดเงินปลอมอาละวาด ปลอม Google Play และใช้นามสกุลเว็บ .CC”

เนื่องจากในรอบสัปดาห์  มีการรับแจ้งความออนไลน์คดีหลอกให้กดลิงก์แอปพลิเคชันควบคุมโทรศัพท์ แล้วโอนเงินออกไป สร้างความเสียหายให้กับพี่น้องประชาชนเพิ่มมากขึ้น พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.สมพงษ์ ชิงดวง  ที่ปรึกษาพิเศษ ตร. หัวหน้าคณะทำงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันต้านภัยอาชญากรรมทางเทคโนโลยีเป็นห่วงพี่น้องประชาชน ที่อาจจะตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ จึงมอบหมายให้  พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร. พร้อมด้วยคณะทำงาน แถลงข่าวเตือนภัย เมื่อวันที่ 19 ก.ค.2566 เวลา 11.00 น. ณ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ 

พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร. กล่าวว่าในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา (9-15 ก.ค.2566) มีสถิติการรับแจ้งความคดีออนไลน์มากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่  อันดับ 1) คดีหลอกลวงซื้อขายสินค้าหรือบริการ 2) คดีหลอกลวงให้โอนเงินเพื่อทำงานหารายได้พิเศษ 3) คดีหลอกลวงให้กู้เงิน 4) คดีหลอกลวงให้ติดตั้งโปรแกรมควบคุมระบบในเครื่องโทรศัพท์ฯ และ 5) คดีข่มขู่ทางทางโทรศัพท์ให้เกิดความกลัวแล้วหลอกให้โอนเงิน (Call Center) ซึ่งเมื่อช่วงเดือน มีนาคม 2566 - มิถุนายน 2566 สถิติคดีหลอกลวงให้ติดตั้งโปรแกรมควบคุมระบบในเครื่องโทรศัพท์ฯ อยู่ในลำดับที่ 7 แต่ช่วง 2 สัปดาห์นี้สถิติการรับแจ้งความเพิ่มมากขึ้นจนขยับมาอยู่ลำดับที่ 4  มีสถิติการรับแจ้งความออนไลน์ในรอบ 2 สัปดาห์ห้วงวันที่ 2-15 ก.ค.2566 จำนวน 595 เคส ความเสียหาย 90.5 ล้านบาทเศษ เห็นได้ว่าคนร้ายได้พัฒนารูปแบบและวิธีการหลอกลวง ถือเป็นความจำเป็นเร่งด่วนต้องแจ้งเตือนให้ประชาชนทราบ

พล.ต.ต.ชูศักดิ์ ขนาดนิด ผบก.ตอท.บช.สอท. กล่าวว่า “ตำรวจเตือนให้กดโหลดแอปพลิเคชันจาก Google Play Store คนร้ายก็เขียน Google Play ในเว็บไซต์ปลอมตบตา” โดยแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่การไฟฟ้านครหลวงส่ง SMS แจ้งว่า “เนื่องด้วยเจ้าหน้าที่คำนวณค่า FT ไฟฟ้าผิด ทำให้เก็บค่า FT ไฟฟ้ามาเกินให้ติดต่อเจ้าหน้าที่ http://mea.bwz-th.cc” เหยื่อหลงเชื่อกดลิงก์เพิ่มเพื่อนไลน์ ขอชื่อและเบอร์โทรศัพท์ แล้วคนร้ายจะโทรมาพร้อมหลอกให้โหลดแอปพลิเคชันการไฟฟ้านครหลวงปลอมที่ส่งลิ้งมาให้ทางไลน์  ซึ่งเมื่อกดเข้าไปจะมีข้อความและสัญลักษณ์ด้านบนเป็น Google Play เพื่อให้เหมือนว่าเป็นการโหลดจาก Google Play แต่ความจริงเป็น Google Play ปลอม จากนั้นจะหลอกให้กดโหลดแอปพลิเคชั่นควบคุมเครื่องโทรศัพท์  แล้วให้เหยื่อกรอกชื่อ หมายเลขโทรศัพท์ ตั้งรหัสผ่าน 6 ตัว 2 ชุด ที่ไม่ซ้ำกัน กดยืนยันข้อมูล 3 จุดให้เป็นสีน้ำเงิน เพื่อยืนยันตัว จากนั้นหน้าจอจะเกิดข้อความค้าง ขึ้นข้อความว่า “อยู่ระหว่างโหลดข้อมูล” โดยคนร้ายจะหลอกว่าให้โหลดข้อมูลไม่ต่ำกว่า 15% แล้วเงินจะเข้าบัญชี แต่ปรากฏว่าในระหว่างนั้นคนร้ายได้สุ่มนำรหัสที่เราใส่ไป หรือจากวันเดือนปีเกิดเรา หรือจากหมายเลขโทรศัพท์ไปทดลองเข้าแอปธนาคารในโทรศัพท์ โอนเงินออกจากบัญชีเหยื่อไป

จุดสังเกตุ  
การเปรียบเทียบของปลอม-ของจริง 
ของปลอม ของจริง
1) ไลน์เป็นชื่อบัญชีส่วนบุคคล สามารถโทรหากันได้ 1) ไลน์เป็นชื่อบัญชี MEA Connect ซึ่งเป็นบัญชีทางการ (Official) ไม่สามารถโทรหากันได้
2) เว็บไซต์ปลอม นามสกุลของโดเมนของ มักลงท้ายด้วย .cc    2) เว็บไซต์ชื่อ www.mea.or.th นามสกุล ของโดเมนคือ .or.th
3) บนหน้าจอระบุหน้าเว็บไซต์ Google Play 
แต่ลิงก์ที่แสดงเป็น http://mea.tw-th.cc 3) เมื่อต้องการ Download App บน Google Play 
ลิงก์ที่แสดงจะระบุ https://play.google.com
4) แอปพลิเคชันของปลอม MEA Smart Life ไม่มีข้อมูลติดต่อของนักพัฒนาซอฟต์แวร์ และแอปฯ ในเครือ 4) แอปพลิเคชันของจริง MEA Smart Life มีข้อมูลติดต่อของนักพัฒนาซอฟต์แวร์ และมีแอปฯ ในเครือ

วิธีป้องกัน 

1) ไม่เปิดอ่านหรือ กดลิงก์ใน SMS แปลกปลอม หรือติดตั้งแอปพลิเคชันที่มิจฉาชีพหลอกให้ติดตั้ง 
2) กรณีมีการส่ง SMS ที่ผิดปกติ ควรโทรศัพท์ตรวจสอบกับการไฟฟ้านครหลวง MEA call center 
โทร. 1130 โดยตรง 
3) หากต้องการติดตั้งแอปพลิเคชันใดๆ ควรโหลดและติดตั้งจาก Google Play store หรือ Apple 
Store เท่านั้น ไม่ควรดาวน์โหลดจากลิ้งค์หรือข้อความที่มีคนส่งให้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอแจ้งเตือนให้พี่น้องประชาชนได้รู้เท่าทัน รูปแบบกลโกงของคนร้ายที่ได้พัฒนาวิธีการหลอกลวง โดยการส่ง sms พร้อมแนบลิงก์ควบคุมเครื่องโทรศัพท์มาด้วย  และมีวิธีการป้องกันง่ายๆ คือ ไม่เปิดอ่านหรือ กดลิงก์ใน sms แปลกปลอม หรือติดตั้งแอปพลิเคชันที่มิจฉาชีพหลอกให้ติดตั้ง หากต้องการติดตั้งแอปพลิเคชันใดๆ ควรโหลดและติดตั้งจาก Google Play store หรือ Apple Store เท่านั้น และเพื่อให้รู้เท่าทันภัยออนไลน์ในรูปแบบใหม่  สามารถติดตามข้อมูลการแจ้งเตือนภัยออนไลน์ได้จาก เว็บไซต์ และเพจ เตือนภัยออนไลน์ หมายเลขโทรศัพท์ 081-866-3000 หรือโทรสายด่วน 1441 

‘รัฐบาล’ เตือน!! มิจฉาชีพหลอกทำบัตร ปชช.ผ่านเฟสบุ๊ก สูญเงินฟรี แถมผิดกฎหมายเข้าข่ายปลอมแปลงเอกสาร

(19 ก.ค. 66) น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเตือนประชาชนว่า อย่าหลงเชื่อมิจฉาชีพหลอกลวงให้ทำบัตรประจำตัวประชาชน และเอกสารปลอมผ่านเพจเฟสบุ๊ก ทำให้สูญเสียเงินเป็นจำนวนมาก ซึ่งจากเมื่อทำการตรวจสอบแล้วปรากฎข้อเท็จจริงว่า การโฆษณา และรับทำเอกสารทางราชการปลอมดังกล่าว มีลักษณะเป็นการหลอกลวงให้ผู้หลงเชื่อโอนเงินไปให้และตัดการติดต่อหลังมิจฉาชีพได้เงินไป กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ในฐานะหน่วยงานหลักในการดำเนินงานด้านทะเบียน และบัตรประจำตัวประชาชน

ชี้แจงว่า การดำเนินการใดๆ ที่เกี่ยวกับงานทะเบียนและบัตรประจำตัวประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีบุคคลผู้ไม่มีสถานะทางทะเบียน ต้องดำเนินการทางกฎหมายอย่างรัดกุม ชัดเจน โดยเจ้าหน้าที่รัฐ ทุกกรณี ทั้งนี้ ดำเนินการได้ ณ สำนักทะเบียนท้องถิ่นหรือสำนักทะเบียนอำเภอเท่านั้น เพื่อป้องกันมิให้ผู้ใดเข้าไปเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดอาญา โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์

น.ส.รัชดา กล่าวว่า รัฐบาลได้กำชับเจ้าหน้าที่ของรัฐทุกฝ่ายป้องกันและปราบปราม และสร้างการรับรู้ให้ประชาชน โดยให้เน้นย้ำในเรื่องสำคัญ ดังนี้

1.) ผู้ที่จ้างหรือสั่งทำเอกสารปลอมข้างต้น ถือเป็นตัวการสำคัญในการกระทำความผิดอาญาฐานปลอมเอกสารสิทธิและเอกสารราชการ สำหรับผู้ที่จ้างต้องรับโทษทางอาญาเช่นเดียวกับผู้รับจ้างที่ทำเอกสารปลอม ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 264 265 หรือ 266 แล้วแต่กรณี ซึ่งมีระวางโทษสูง ต้องจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 10 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

2.) ผู้ที่จ้างหรือสั่งทำเอกสารปลอมข้างต้น หรือผู้ใดนำเอกสารปลอมไปใช้หรืออ้างให้ผู้อื่นเชื่อว่าเป็นเอกสารจริงโดยทุจริตและปกปิดข้อเท็จจริง มีความผิดฐานใช้เอกสารปลอมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 ต้องระวังโทษเช่นเดียวกับข้อ 1 ข้างต้น ซึ่งมีระวางโทษสูง ต้องจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 10 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

“การดำเนินการใดๆ เกี่ยวกับงานทะเบียนและบัตรประจำตัวประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีบุคคลผู้ไม่มีสถานะทางทะเบียน ต้องดำเนินการทางกฎหมายอย่างรัดกุม ชัดเจน โดยเจ้าหน้าที่รัฐทุกกรณี ซึ่งจะดำเนินการโดยกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ในฐานะหน่วยงานหลักในการดำเนินงานด้านทะเบียน และบัตรประจำตัวประชาชนของคนไทย ขอประชาชนอย่าหลงเชื่อคำชักชวน หลอกหลวงผ่านสื่อต่างๆ” น.ส.รัชดา กล่าว

'ช่อ' อ้าง!! ฝ่ายอนุรักษ์พร้อมหักได้ทุกดีล  ชี้!! ก้าวไกลถอย 112 จะได้เป็นนายกฯ จริงหรือ?

(19 ก.ค. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเกิดกระแสการรีทวีตคลิปการให้สัมภาษณ์ในตอนหนึ่งของนางสาวพรรณิการ์ วานิช หรือ ช่อ แกนนำคณะก้าวหน้า ซึ่งให้สัมภาษณ์ ‘มติชนทีวี’ เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยตอบคำถามในประเด็นมาตรา 112 กับพรรคก้าวไกล

นางสาวพรรณิการ์กล่าวว่า ตนขอถามจริงๆ จากใจ ว่าเชื่อจริง ๆ ใช่หรือไม่ ว่าถ้าพรรคก้าวไกลถอนจากการผลักดันแก้ไข ม.112 แล้ว นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค จะได้เป็นนายกรัฐมนตรี

“ดิฉันถามจริง ๆ ทุกท่านมองตาดิฉันนะ ถามจริง ๆ จากใจ ท่านเชื่อจริง ๆ หรือ ว่าถ้าก้าวไกลถอน ม.112 แล้วจะได้เป็นนายกฯ ท่านเชื่อจริง ๆ ใช่ไหม ตอนพรรคอนาคตใหม่ ถูกกระทำสารพัดขนาดไหน ตอนนั้นยังไม่มีเรื่อง 112 คุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ โดนระงับการปฏิบัติหน้าที่ โดนตัดสิทธิ ยังไม่มีเรื่อง 112

มาวันนี้ท่านเชื่อจริง ๆ หรือว่า ถ้าพรรคก้าวไกลยอมถอยเรื่อง ม.112 จะทำให้เขาได้เป็นรัฐบาล ดิฉันอาจจะมองโลกในแง่ร้ายก็ได้ แต่วันใดที่พรรคก้าวไกลถอยเรื่อง 112 คุณจะไม่เหลืออะไรเลย เพราะคุณถูกบังคับให้ทรยศต่อประชาชน คุณถูกฝ่ายอนุรักษนิยมบังคับ หลอกล่อ หรืออะไรก็ตามให้กลายเป็นหนึ่งในพรรคที่ไม่ทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชนในการเลือกตั้ง แล้วไม่มีอะไรการันตีได้ คุณเห็นมากี่ครั้งแล้วว่า อนุรักษนิยมสามารถหักทุกดีลได้ ไม่ว่าเขาจะเคยพูดหรือสัญญาอะไรไว้ คุณเห็นมากี่ครั้งแล้วในการเมืองไทย เขาพร้อมที่จะหลอกให้คุณทรยศประชาชน และสุดท้ายเขาก็ทรยศคุณอีกต่อหนึ่ง ไม่มีอะไรแน่นอนไปกว่าความไว้วางใจที่ประชาชนมีต่อเรา และความเชื่อมั่นศรัทธาที่เราและประชาชนมีต่อกัน” นางสาวพรรณิการ์กล่าว

‘V’ สมาชิกวง BTS บอยแบนด์ชื่อดังแดนกิมจิ ขึ้นแท่นแบรนด์แอมบาสเดอร์คนล่าสุดของ ‘Cartier’

(19 ก.ค. 66) แบรนด์ ‘คาร์เทียร์’ (Cartier) แบรนด์เครื่องประดับหรูสัญชาติฝรั่งเศส ได้ประกาศออกมาอย่างเป็นทางการว่า ‘วี’ หรือ ‘คิม แทฮยอง’ สมาชิกวง BTS ได้เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์คนใหม่ล่าสุดของแบรนด์ โดยวีได้เปิดตัวในแคมเปญ ‘Panthère de Cartier’

ลุคนี้ ‘วี BTS’ สวมแหวน และ สร้อยคอ ‘ปองแตร์ เดอ คาร์เทียร์’ (Panthère de Cartier) นอกจากความหรูหราที่ปรากฏผ่านเครื่องประดับแล้ว ด้วยใบหน้าและสายตาของวียังได้สะท้อนเสน่ห์ที่ดึงดูดใจ เต็มไปด้วยพลังและอำนาจ ที่เป็นภาพลักษณ์ของ ‘เสือแพนเตอร์’ ไอคอนซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของแบรนด์ได้อย่างแท้จริง

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เป็นประธานพิธีปิดโครงการสัมมนาขับเคลื่อนกลไกการส่งต่อระดับชาติ (NRM) 

วันนี้ (19 ก.ค.66) เวลา 11.30 น. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ในฐานะ ผอ.ศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง (ศพดส.ตร.) ได้เป็นประธานในพิธีปิดโครงการสัมมนาขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการว่าด้วยกลไกการส่งต่อระดับชาติ การบริหารจัดการคดีและการช่วยเหลือคุ้มครองผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์และการบังคับใช้แรงงานหรือบริการ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ณ ศูนย์ฝึกอบรมพัฒนาบุคลากรและสวัสดิการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ อ.บางละมุง จว.ชลบุรี โดยมีข้าราชการตำรวจฝ่ายสืบสวนและสอบสวนในระดับรองสารวัตรถึงระดับสารวัตร จาก น., ภ.1-9, ก., สตม. และ สอท. จำนวนกว่า 120 นาย เข้าร่วมการสัมมนาในครั้งนี้

การสัมมนาในครั้งนี้ สืบเนื่องจากผลการประชุมคณะกรรมการประสานและกำกับการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ (ปกค.) โดยมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นรม.เป็นประธาน มีมติเห็นชอบให้มีแผนปฏิบัติการว่าด้วยกลไกการส่งต่อระดับชาติ (National Referral Mechanism: NRM) และการช่วยเหลือคุ้มครองผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์และการบังคับใช้แรงงาน พ.ศ.2565 ซึ่งเป็นการยกระดับมาตรฐานการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ และยึดหลักผู้เสียหายเป็นศูนย์กลาง (Victim-Centric) การสัมมนาในครั้งนี้จึงจะเป็นคุณประโยชน์ต่อผู้เข้ารับการอบรม ให้มีความรู้ความเข้าใจและความเชี่ยวชาญในการปฏิบัติตามกลไกการส่งต่อระดับชาติ และการช่วยเหลือคุ้มครองผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า การสัมมนาครั้งนี้ถือเป็นโครงการที่จะเป็นประโยชน์ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับปฏิบัติซึ่งจะต้องเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการปฏิบัติในกลไกการส่งต่อระดับชาติ (NRM) ซึ่งถือเป็นกลไกสำคัญที่จะใช้ในการช่วยเหลือคุ้มครองผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ การสัมมนานี้จะช่วยสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะส่งผลให้เป็นการยกระดับมาตรฐานในการป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ของประเทศไทย ให้อยู่ในระดับสากล

‘โรม’ ไม่เห็นด้วย หลังศาลรัฐธรรมนูญ สั่ง ‘พิธา’ หยุดปฏิบัติหน้าที่

(19 ก.ค. 66) นายรังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวในรัฐสภาฯ วาระโหวตเลือกนายกฯ ครั้งที่ 2 หลังศาลรัฐธรรมนูญลงมติสั่งให้ ‘นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ แคนดิเดตนายกฯ และ ส.ส. พรรคก้าวไกล หยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. จนกว่าจะมีคำวินิจฉัย ว่า…

“การพยายามตีความข้อบังคับ เพื่อตัดไม่ให้แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ถูกเสนอชื่อ เพื่อลงมติรอบที่ 2 ได้นั้น เห็นได้ว่า มีข้อปัญหาที่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ ซึ่งผมไม่อาจเห็นด้วยกับการตีความแบบนี้”

‘พิธา’ ลุกขึ้นกล่าวอำลา หลัง ศาล รธน. สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว ชี้!! ตั้งแต่ 14 พ.ค. ประเทศไทยไม่เหมือนเดิม

(19 ก.ค. 66) หลัง ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเอกฉันท์รับคำร้องวินิจฉัยคุณสมบัติ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี จากเหตุมีชื่อถือครองหุ้นสื่อบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) จำนวน 42,000 หุ้น พร้อมมีคำสั่งให้นายพิธาหยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. ตั้งแต่วันที่ 19 ก.ค.66 จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย

ในช่วงบ่วยวันเดียวกัน มีหนังสือจาก นายวรวิทย์ กังศศิเทียม ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ส่งถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อแจ้งให้ทราบว่าศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ผู้ถูกร้องหยุดปฎิบัติหน้าที่ ส.ส. ชั่วคราว นับตั้งแต่วันที่ 19 กรกฎาคม 2566 จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัย

ล่าสุด ที่รัฐสภา นายพิธา ขออนุญาตประธานสภาฯ ลุกขึ้นพูด ระบุว่า ตอนนี้มีเอกสารจากศาลรัฐธรรมนูญ มีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ คงจะขออนุญาตพูดว่ารับทราบคำสั่ง และจะปฏิบัติตามจนกว่าจะมีคำวินิจฉัยเป็นอื่น

นายพิธา กล่าวต่อว่า ขอใช้โอกาสนี้อำลาท่านประธานจนกว่าเราจะพบกันใหม่ และขอฝากเพื่อนสมาชิก ในการใช้รัฐสภาดูแลพี่น้องประชาชน คิดว่าประเทศไทยเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว

ตั้งแต่วันที่ 14 พ.ค. 66 ที่ผ่านมา ถ้าเกิดประชาชนชนะมาแล้วครึ่งทาง เหลืออีกครึ่งทาง ถึงแม้ว่าผมจะไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่แต่ขอให้เพื่อสมาชิกทุกคนช่วยกันดูแลประชาชนต่อไป

โดยหลังพูดจบมี ส.ส.จาก 8 พรรค ลุกขึ้นปรบมือให้กำลังใจนายพิธา

‘กัณวีร์’ เผยความรู้สึก หลังศาล รธน. สั่ง ‘พิธา’ หยุดปฏิบัติหน้าที่ ลั่น!! ไม่ยอมแพ้ ขอเคียงข้าง ‘ก้าวไกล’ พร้อมจับมือสู้ไปด้วยกัน

กัณวีร์ พรรคเป็นธรรม เผยความรู้สึก นั่งอยู่ในสภา หลัง ศาลรธน. สั่ง พิธา หยุดปฏิบัติหน้าที่ ปมถือหุ้นไอทีวี ลั่นอย่ายอมแพ้ขวากหนามขวางกั้น

(19 ก.ค. 66) หลังศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเอกฉันท์รับคำร้องวินิจฉัยคุณสมบัติ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี จากเหตุมีชื่อถือครองหุ้นสื่อบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) จำนวน 42,000 หุ้น พร้อมมีคำสั่งให้นายพิธาหยุดปฏิบัติหน้าที่ส.สตั้งแต่วันที่ 19 ก.ค.66 จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย

นายกัณวีร์ สืบแสง ส.ส.บัญชีรายชื่อ และ เลขาธิการพรรคเป็นธรรม โพสต์ข้อความผ่านทางทวิตเตอร์ กัณวีร์ สืบแสง Kannavee Suebsang ระบุว่า…

“ตัวผมเองนั่งอยู่ในสภาฯ แต่ความรู้สึกคงไม่ต่างจากพี่น้องประชาชนที่อยู่ด้านนอกครับ

อย่างไรก็ตาม อย่ายอมแพ้กับขวากหนามที่มาขวางกั้นประชาธิปไตยของประเทศไทย และกฏเกณฑ์ที่ถูกสร้างมาเพื่อเอื้อให้กับอำนาจนิยม คนไทยยังต้องการเห็นประชาธิปไตยของประชาชนครับ!! จับมือไปด้วยกัน!! ส่งกำลังใจครับ

ขณะเดียวกัน กัณวีร์ ยังได้โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊ก ระบุว่า ความสง่างามทางการเมืองไทย คือการเคารพเสียงมติมหาชนและปฏิบัติตามกฎหมาย ตามครรลองระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง

อย่ายอมแพ้กับขวากหนามที่มันมาขวางกั้น การนำพาประเทศชาติให้หลุดพ้นจากพันธนาการที่ฉุดรั้งประชาธิปไตยของประเทศไทย

อย่าหยุดยั้ง เพราะกฏเกณฑ์ระเบียบที่ถูกสร้างมาเอื้อให้กับอำนาจนิยม ที่จะหยุดการพัฒนาประเทศที่มีประชาชนเป็นเจ้าของอำนาจที่แท้จริง

ให้กำลังใจ คุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หยุดปฏิบัติหน้าที่แค่ชั่วคราว แล้วค่อยกลับมาอย่างสง่างามครับ ประชาชนยังต้องการเห็นประชาธิปไตยที่เป็นของประชาชน

‘อัครเดช’ ชี้ การโหวตนายรัฐมนตรี เมื่อมีการลงมติ ก็ต้องเป็นญัตติ

(19 ก.ค. 66) นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรครวมไทยสร้างชาติ
กล่าวในรัฐสภาฯ วาระโหวตเลือกนายกฯ ครั้งที่ 2 เกี่ยวกับการตีความ การโหวตนายกรัฐมนตรี นั้นจัดเป็นการยื่นญัตติ หรือไม่ โดยมีความเห็นว่า ...

“เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว การที่เราได้มีการเสนอให้มีผู้มาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนั้น มีการลงมติ ฉะนั้น เมื่อมีการลงมติ ตามความหมายของพจนานุกรม มันแปลเป็นอย่างอื่นไม่ได้ นี่คือสิ่งที่เราต้องเคารพ ที่กฎหมายได้ระบุไว้” นายอัครเดช กล่าวที่รัฐสภา


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top