Thursday, 8 May 2025
NewsFeed

รวบแก๊งแพทย์ทหารนาโต้เก๊หลอกโอนเงินเหยื่อหวังได้อยู่ด้วยกัน ตร.ไซเบอร์โทรหาทำฝันสลาย

สืบเนื่องจาก เมื่อ 19 ก.พ.66 ที่ผ่านมา ผู้เสียหายได้รู้จักกับมิจฉาชีพผ่านแอป Instagram โดยอ้างว่าเป็นแพทย์ทหารชาวเวียดนามปฏิบัติหน้าที่ในองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือ NATO เมื่อพูดคุยกันถูกคอจึงมีการแอดไลน์และได้สนทนากันเรื่อยมาจนผู้เสียหายเกิดชอบพอและหลงรัก

ต่อมา มิจฉาชีพได้พูดจาหว่านล้อมโดยอ้างว่า ต้องการมาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันกับผู้เสียหายที่ประเทศไทย ซึ่งมีแค่ผู้เสียหายคนเดียวที่ช่วยเขาได้ จึงขอให้โอนเงิน จำนวน 10,000 บาท ไปยังบัญชีปลายทาง เพื่อวิ่งเต้นเจ้าหน้าที่ในองค์การสหประชาชาติ (UN) ในการโยกย้ายตำแหน่งมาทำงานที่ประเทศไทย เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อจึงโอนเงินไป ช่วงเวลาต่อมา คนร้ายก็อ้างอีกว่า จำเป็นต้องให้ผู้พิพากษาช่วยในการโยกย้ายตำแหน่งอีก จึงขอให้ผู้เสียหายโอนเงินเป็นค่าดำเนินการ ผู้เสียหายหลงเชื่อ จึงโอนเงินไปยังบัญชีดังกล่าวอีก 25,000 บาท หลังจากนั้น มิจฉาชีพก็อ้างเหตุผลต่างๆ เพื่อหลอกลวงเหยื่อให้โอนเงินค่าดำเนินการไปอีกหลายครั้ง รวมทั้งสิ้น 60,000 บาท

กระทั่งวันที่ 23 มิ.ย.66 เจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์ได้โทรหาผู้เสียหาย เนื่องจากพบว่า เป็นผู้โอนเงินเข้าบัญชีปลายทางดังกล่าวอย่างผิดปกติ โดยบัญชีดังกล่าว เจ้าหน้าที่พบว่าเป็นบัญชีม้าของแก๊ง Romance Scam ที่มีผู้เสียหายคนอื่นโดนหลอกให้รักแล้วโอนเงินเช่นกัน ผู้เสียหายจึงทราบว่าตนเองถูกหลอกแล้ว จากนั้นจึงเข้าแจ้งความเพื่อดำเนินคดี

ต่อมา พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. จึงสั่งการให้ พล.ต.ต.สถิตย์ พรมอุทัย ผบก.สอท.3 จัดเจ้าหน้าที่สืบสวนคดีดังกล่าว และรวบรวมพยานหลักฐานจนสามารถขออำนาจศาลออกหมายจับผู้กระทำผิดที่เกี่ยวข้อง โดย กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.3 ได้ลงพื้นที่เพื่อสืบสวนหาข่าว จนสามารถเข้าควบคุมตัว นายนราธิป อายุ 31 ปี ชาวอุตรดิตถ์ ในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยการแสดงตนเป็นบุคคลอื่น, ร่วมกันโดยทุจริตหรือหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และร่วมกันฟอกเงิน” โดยจับกุมได้บริเวณบ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่การเคหะคลองจั่น แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร

ผลการปฏิบัติภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.สถิตย์ พรมอุทัย ผบก.สอท.3 พ.ต.อ.พงศ์นริทร์ เหล่าเขตกิจ ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท.3 สั่งการให้ พ.ต.ท.ภาคภูมิ บุญเจริญพานิช รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท.3,  พ.ต.ท.เลอศักดิ์ พิเชษฐไพบูลย์ พ.ต.ต.รุ่งเรือง มีสติ และ พ.ต.ต.ธวัช ทุเครือ สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ พร้อมชุดสืบสวนดำเนินการจับกุม

ตำรวจไซเบอร์ เตือนบุคคลมีชื่อเสียงในสื่อสังคมออนไลน์ โฆษณาเว็บพนันออนไลน์มีโทษหนัก ที่ผ่านมามีผู้กระทำผิดซ้ำถูกศาลสั่งจำคุก 10 เดือน ไม่รอลงอาญา

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ โฆษก บช.สอท. กล่าวว่า ในปัจจุบันเว็บไซต์การพนันออนไลน์มีหลากหลายรูปแบบ และแฝงมาในหลากหลายช่องทาง ไม่ว่าจะแฝงมากับเว็บไซต์ภาพยนตร์เถื่อนผิดกฎหมายลิขสิทธิ์ เว็บไซต์ลามกอนาจาร หรือมาจากข้อความสั้น(SMS) หรือจากจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (E-Mail) รวมไปถึงการใช้บุคคลที่มีชื่อเสียง หรือมีอิทธิพลตรงกับกลุ่มเป้าหมาย ประกาศโฆษณาชักชวนประชาชนผ่านสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ เช่น Line, Facebook, Instagram, TikTok เป็นต้น มีการโฆษณามีโปรโมชันเล่นเสียคืนเงิน หรือให้เครดิตจูงใจเพื่อให้มีคนเข้าไปเล่นการพนัน ที่ผ่านมา บช.สอท. ได้เร่งระดมกวาดล้างปราบปรามการลักลอบเปิดเว็บไซต์ออนไลน์ มีการจับกุมผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องหลายราย พร้อมทั้งตรวจยึดของกลางได้เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการดำเนินคดีกับบุคคลที่มีชื่อเสียงในสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งได้ประกาศโฆษณาชักชวนให้ประชาชนทั่วไปเข้าเล่นการพนันออนไลน์ผ่านช่องทางต่างๆ ล่าสุดมีการจับกุมตัวผู้ต้องหา 4 ราย และที่ผ่านมามีการดำเนินคดีในภาพรวมกว่า 10 ราย

การกระทำดังกล่าวอาจจะเข้าข่ายความผิดฐาน “ช่วยประกาศโฆษณา หรือชักชวนโดยทางตรง หรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่นหรือเข้าพนันในการเล่นซึ่งมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน ตาม พ.ร.บ.การพนัน พ.ศ.2478  มาตรา 4 ทวิ, 12 มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ” และกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง 

บช.สอท. โดย พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ได้ขับเคลื่อนตามนโยบายของรัฐบาล โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. ในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมออนไลน์ในทุกรูปแบบ รวมถึงการสร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวข้องกับการเล่นการพนันออนไลน์ในรูปแบบต่างๆ

โฆษก บช.สอท. กล่าวเพิ่มเติมว่า ฝากไปยังบุคคลที่มีชื่อเสียงในสื่อสังคมออนไลน์ที่ยังมีพฤติกรรมในลักษณะดังกล่าวอยู่ ให้หยุดการกระทำนั้นเสีย จะอ้างว่าไม่รู้ว่าเป็นความผิดไม่ได้ จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายทุกราย ไม่มีละเว้นอย่างเด็ดขาด และผู้นั้นอาจจะถูกยึดทรัพย์ตาม พ.ร.บ.การป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน อีกด้วย นอกจากนี้แล้วการโฆษณาต่างๆ ยังทำให้ผู้ที่หลงเชื่อเข้าเล่นการพนันอาจจะถูกกลโกงของมิจฉาชีพหลอกลวงเอาทรัพย์สิน หรือเสี่ยงถูกนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้ในทางทุจริต ซึ่งปรากฎเป็นข่าวกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สอท.5 บช.สอท. ได้จับกุมผู้ต้องหาประกาศขายฐานข้อมูลส่วนบุคคลจากเว็บไซต์พนันออนไลน์กว่า 2 ล้านรายชื่อ เป็นต้น อย่างไรก็ตามหากผู้นั้นเคยกระทำผิดมาแล้ว และศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุกจำเลย โดยโทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ก่อน แต่ผู้นั้นได้มากระทำความผิดในคดีนี้ซ้ำอีกภายในระยะเวลาที่ศาลกำหนด โทษจำคุกที่รอการลงโทษจะถูกนำมาบวกเข้ากับโทษในดังกล่าวด้วย ซึ่งปรากฎเป็นอุทาหรณ์ในสื่อสังคมออนไลน์ผู้ต้องหารายหนึ่งถูกศาลตัดสินจำคุกกว่า 10 เดือน ไม่รอลงอาญาแต่อย่างใด

‘สุวินัย’ เห็นด้วย หลัง ‘แสนดี’ ออกมาวิจารณ์พรรคก้าวไกล

เมื่อวานนี้ (17 ก.ค. 66) สุวินัย ภรณวลัย ประธานยุทธศาสตร์วิชาการ สถาบันทิศทางไทย อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์เฟซบุ๊ก ‘Suvinai Pornavalai’ ถึงกรณีนายแสนปิติ สิทธิพันธุ์ แสดงความคิดเห็นต่อพรรคก้าวไกล ระบุว่า…

“คุณแสนดีพูดได้ตรงประเด็นมาก ทุกข้อเลย เหมือนตีแสกหน้าพรรคก้าวไกลด้วยไม้หน้าสาม โพสต์นี้ของคุณแสนดี คือการจับพรรคก้าวไกลออกมาเปลือยกลางแจ้ง อย่างล่อนจ้อน ผมดีใจที่คนรุ่นใหม่อย่างคุณแสนดี มีความคิดและเท่าทัน ความคิดไม่ซื่อ และคิดไม่ชอบของก้าวไกล”

อ่านความคิดเห็นของนายแสนปิติ สิทธิพันธุ์ ที่กล่าวถึงพรรคก้าวไกลได้ที่ >> https://thestatestimes.com/post/2023071740

‘แสนดี’ ขอโทษ ‘พรรคก้าวไกล-ผู้สนับสนุน’ จากใจจริง เผย ยังไม่เข้าใจการเมืองไทยมากพอ ย้ำ ต่อไปจะไตร่ตรองให้ดี

(18 ก.ค. 66) นายแสนปิติ สิทธิพันธุ์ หรือ ‘แสนดี’ บุตรชายของนายชัชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ชี้แจงเพิ่มเติม จากกรณีที่โพสต์อินสตาแกรมส่วนตัว วิพากษ์วิจารณ์พรรคก้าวไกล อย่างดุเดือดนั้น ล่าสุดพบว่า นายแสนปิติ ได้ลบภาพออกจากอินสตาแกรมส่วนตัวทั้งหมด และโพสต์ข้อความระบุว่า…

“เพื่อต่อยอดจากคำขอโทษก่อนหน้านี้ของผม

สิ่งที่ผมทำนั้นไม่สามารถให้อภัยได้และไม่เหมาะสม ผมขอโทษสำหรับการใช้ภาษาที่ไม่สุภาพและหยาบคาย เพื่ออธิบายให้กลุ่มคนบางกลุ่ม

ผมยอมรับว่าการกระทำของผมทำให้เกิดความเจ็บปวดอย่างนับไม่ถ้วน และก่อให้เกิดความเกลียดชัง ผมยอมรับว่าสิ่งที่เขียนไปในวันนี้ได้ทำร้ายผู้คนอย่างไม่อาจแก้ไขได้ ในฐานะบุคคลสาธารณะ

ผมตระหนักดีว่าผมได้ทำให้ทุกคนผิดหวังกับสิ่งที่ได้ทำลงไป และมันขึ้นอยู่กับผมที่จะทำให้ดีขึ้นในฐานะปัจเจกบุคคล

ผมเป็นหนี้บุญคุณอย่างเต็มที่ว่าผมได้รับสิทธิพิเศษและชนชั้นนำอย่างมาก ผมไม่มีประสบการณ์และไม่มีการศึกษาเกี่ยวกับการเมืองไทยหรือการเมืองไทยพอ ไม่เหมาะสมและไม่สมควรอย่างยิ่งที่ผมจะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการเมือง ทั้งๆ ที่ตัวผมเองก็มีสิทธิในการแสดงความคิดเห็นอย่างเสรี แต่ผมไม่มีคุณสมบัติ (Qualified)

ผมจะใช้เวลาในการไตร่ตรองการกระทำและความประพฤติของตัวเอง ในช่วงเวลานี้ ผมจะทบทวนตัวเองถึงวิธีที่ผมจะใช้ประสบการณ์นี้เพื่อเติบโต และเป็นผู้ใหญ่ในฐานะคนหนุ่มสาว ประสบการณ์ของผมแตกต่างจากคนอื่นๆ อย่างมาก ผมได้รับผลประโยชน์และสิทธิพิเศษบางอย่างที่ลดทอนและกีดกันผู้คนและคนหลายกลุ่มชุมชน

ผมได้ประโยชน์และใช้ประโยชน์จากภูมิหลังของตัวเอง เพื่อความก้าวหน้าในสังคม สิ่งนี้บ่งบอกถึงระดับความเหลื่อมล้ำและความเหลื่อมล้ำที่แพร่หลายในประเทศไทย ผมรู้ว่า พรรคก้าวไกล และฝ่ายสนับสนุนประชาธิปไตยอื่นๆ กำลังทำเพื่อคนเหล่านี้ และแม้ว่าผมจะคิดเห็นต่างกัน แต่ผมก็เคารพความคิดเห็นของพวกเขา

ตลอดวันที่ผ่านมา ผมได้อ่านความคิดเห็นที่ทำร้ายจิตใจเกี่ยวกับรูปร่างภายนอก (Physical Stature) ความฉลาด และภูมิหลังของผม

ในขณะที่ทุกคนมีสิทธิ์แสดงความคิดเห็นของตัวเอง ผมยอมรับว่านี่คือผลของการกระทำของผมเอง และผมก็ยอมรับสิ่งนี้ ผมต้องแสดงความเห็นอกเห็นใจและมีน้ำใจต่อผู้อื่น ผมยอมรับว่าผมไม่ได้เก่งด้านนี้ แต่ในอนาคต หวังว่าจะใช้สิ่งนี้เป็นโอกาสในการพัฒนาทักษะดังกล่าวเพื่อให้เป็นคนที่รอบรู้และเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น

มีบางความคิดเห็นที่เกินเลยมากเกินไป จนถึงขั้นเป็นความเกลียดชังและการเลือกปฏิบัติ ผมจะไม่ขอยุ่งกับพวกเขา ผมขอพูดว่า “ความเกลียดรังแต่จะทำให้เกิดความเกลียดชังเพิ่มมากขึ้น ถ้าให้นึกย้อนถึงตัวผมในฐานะคนๆ หนึ่ง หวังว่าทุกคนคงจะคิดเหมือนกันกัน ว่าเราสามารถปฏิบัติต่อคนอื่นให้ได้ดีขึ้นและอดทนต่อความคิดเห็นที่แตกต่างได้อย่างไร”

รักมาก

แสนดี

‘คริส พีรวัส’ เผย สัตว์เลี้ยงช่วยฮีลใจ จากโรคแพนิก พร้อมบอก “เป็นแฟนผม ก็ต้องรักแมวผมด้วย”

(18 ก.ค. 66) หนุ่มหล่อผู้ที่ตกเป็นทาสแมว ‘คริส พีรวัส แสงโพธิรัตน์’ มีน้องแมวถึง 4 ตัวด้วยกัน  ตัวแรกคือแมวเพศผู้พันธ์สฟิงซ์ผสมวิเชียร์มาศชื่อ ‘น้องพูลโต’ แสบและซนที่สุดในบ้านและเป็นนายคนแรกของคริส จะมีความตื่นคนมากเพราะไม่ค่อยได้เจอใครเท่าไหร่ ซึ่งอยู่กับคริสมา 4 ปีแล้ว เลยจะติดคริสมาก เวลาจะอาบน้ำก็จะมาเฝ้าหน้าประตู น้องจะเป็นแมวที่นิสัยเหมือนสุนัข และแสนรู้ เป็นสัตว์เลี้ยงที่ช่วยฮีลใจจากอาการป่วยโรคแพนิกได้ดีมาก ๆ

หนุ่มคริสเป็นคนที่รักแมวมากขนาดนี้ เปิดใจพูดดัง ๆ ไปเลยว่า เป็นแฟนฉันก็ต้องรักแมวฉันด้วย น้องแมวตัวถัดมาชื่อ ‘น้องไข่ดาว’ จะไม่ค่อยชอบให้ใครอุ้มเพราะว่าน้องเป็นผู้หญิงจะหวงเนื้อหวงตัวนิดหนึ่ง ซึ่งเป็นลูกของ ‘มัฟฟิน’ น้องไข่ดาวจะเป็นพันธ์บริติชกับสก็อตติช เพราะมัฟฟินเป็นพันธ์สก็อตติช คริสได้เอาไปผสมกับพ่อพันธ์บริติช เพื่อให้เขาแข็งแรงขึ้น ตัวสุดท้ายชื่อ 
‘น้องไข่หวาน’ เป็นลูกของมัฟฟินเหมือนกัน จะมีนิสัยขี้อ้อนและติดคน

‘ส.ส.จุลพันธ์’ ให้กำลังใจ ‘แสนดี’ เผย ไม่ควรตัดสินการเห็นต่างว่าถูกหรือผิด วอนสังคม ‘หยุดใช้คำหยาบคาย-คุกคามสภาพทางกาย’ ชี้!! เป็นสิ่งที่ไม่ควร

(18 ก.ค. 66) จากกรณีที่ ‘แสนดี แสนปิติ สิทธิพันธุ์’ บุตรชายนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ที่ออกมาเขียนวิจารณ์พรรคก้าวไกล และต่อมาได้ขอโทษไปแล้วนั้น

ล่าสุด นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ได้โพสต์ข้อความให้กำลังใจนายแสนดี โดยมีใจความว่า “เป็นกำลังใจให้น้องแสนดีครับ การแสดงความเห็นไม่ควรถูกตัดสินว่าถูกหรือผิด แต่มีการพูดคุยแลกเปลี่ยนกันอย่างสร้างสรรค์การที่ใครจะแสดงความเห็นแย้งเป็นสิทธิที่ทำได้ แต่การคุกคามด้วยถ้อยคำหยาบคายและกระทบถึงสภาพทางกายน้องเป็นเรื่องไม่ควรอย่างยิ่ง

หากเคยคุยกับ อ.ชัชชาติเรื่องลูก จะทราบว่าครอบครัวนี้ผ่านอะไรมาเยอะมาก กว่าจะมาถึงวันนี้ซึ่งไม่ง่ายเลย อยากให้สังคมให้โอกาสน้องคนนึง หยุดพฤติกรรมทำลายผู้เห็นต่าง เปิดโอกาสให้เสียงในสังคมที่มีความแตกต่างได้พูดได้คิดบ้าง แล้วเราจะเข้าใกล้ ปชต.ที่สมบูรณ์ที่ทุกคนฝันไปอีกนิด อีกนิด”

‘สหรัฐฯ’ เผยความกังวลต่อสถานการณ์ระบบ กม.ไทย หลัง ‘พิธา-ก้าวไกล’ ส่อโดนเชือดจนอาจชวดเก้าอี้นายกฯ

(18 ก.ค. 66) สหรัฐฯ มีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในระบบกฎหมายของไทย จากความเห็นของนายแมทธิว มิลเลอร์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ในวันจันทร์ (17 ก.ค.) หลังมีคำร้อง 2 คดีแยกกัน เล่นงานเอาผิดกับหัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่คว้าเก้าอี้ได้มากที่สุดในศึกเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคมที่ผ่านมา

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า รัฐสภาของไทยกำลังเตรียมการสำหรับลงมติรอบ 2 ในวันพุธ (19 ก.ค.) ว่านายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล หัวก้าวหน้า จะได้ก้าวขึ้นมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหรือไม่

ในการโหวตรอบแรกเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ความพยายามของนายพิธา ซึ่งต้องการดึงทหารออกจากการเมืองและขุดรากถอนโคนธุรกิจผูกขาด เช่นเดียวกับการเปลี่ยนแปลงอื่นๆ ถูกตีตกโดยวุฒิสภาที่ได้รับการแต่งตั้งจากกองทัพ ตามหลังรัฐประหารปี 2014

ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ แทบไม่ส่งเสียงใดๆ เลย เกี่ยวกับสถานการณ์หลังการเลือกตั้งในไทย พันธมิตรทหารเก่าแก่ในภูมิภาคหนึ่งๆ ซึ่งวอชิงตันมีความกังวลเกี่ยวกับอิทธิพลที่เติบโตขึ้นเรื่อยๆ ของจีน

อย่างไรก็ตาม ล่าสุด เมื่อถูกถามระหว่างแถลงสรุปประจำวันเกี่ยวกับสถานการณ์ในไทย นายมิลเลอร์ ตอบว่า วอชิงตันไม่มีผลลัพธ์ที่ชอบในศึกเลือกตั้งของไทย แต่สนับสนุนกระบวนการหนึ่งที่สะท้อนเจตนารมณ์ของคนไทย

“เราจับตาสถานการณ์หลังการเลือกตั้งใกล้ชิดอย่างมาก ในนั้นรวมถึงพัฒนาการเมื่อเร็วๆ นี้ในระบบกฎหมาย ซึ่งเป็นสิ่งที่น่ากังวล” มิลเลอร์ กล่าว

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ศาลรัฐธรรมนูญของไทยรับคำร้องวินิจฉัยนายพิธา และพรรคก้าวไกล เกี่ยวกับแผนแก้กฎหมายที่ห้ามหมิ่นพระบรมเดชานุภาพสถาบันเบื้องสูง นอกจากนี้ คณะกรรมการการเลือกตั้งยังยื่นคำร้องต่อศาลเดียวกัน ให้พิจารณาคุณสมบัติของนายพิธา เกี่ยวกับการถือครองหุ้นในบริษัทสื่อมวลชนแห่งหนึ่ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดกฎหมายเลือกตั้ง ทั้ง 2 คดี ก่อความกังวลว่าศาลอาจชี้ว่านายพิธา ขาดคุณสมบัติสำหรับดำรงตำแหน่งหรือยุบพรรคก้าวไกล แบบเดียวกับครั้งที่พรรคอนาคตใหม่โดนในปี 2020

เมื่อสอบถามความเห็นเกี่ยวกับความเป็นไปได้เหล่านี้ นายมิลเลอร์ กล่าวว่า “ผมไม่ขอคาดเดาว่าเราจะมีปฏิกิริยาอย่างไรต่อเหตุการณ์ที่ยังไม่เกิดขึ้น แต่เน้นย้ำว่าสถานการณ์เมื่อเร็วๆ นี้มีความน่ากังวล” 

‘หมาก-คิม’ เปิดใจ ตื่นเต้นใกล้ถึงวันแต่งงาน แง้มราคาเรือนหอบ่าวสาว ทะลุ 100 ล้าน

ใกล้ถึงวันแต่งงานเข้ามาทุกทีแล้ว สำหรับ คู่รักคู่จิ้น ‘หมาก ปริญ สุภารัตน์’ และ ‘คิมเบอร์ลี่ แอน โวลเทมัส’ ที่ทั้งคู่ควงกันมาในงาน COWAY Just Drink Day ที่สยามพารากอน พร้อมอัปเดตถึงงานแต่งงานที่ใกล้จะเกิดขึ้น รวมถึงเรือนหอ และแพลนมีทายาท

>>พูดถึงการเตรียมงานที่อิตาลีหน่อย เตรียมไปถึงไหน หายแพนิกยัง?
คิมเบอร์ลี่ “ยังค่ะ มันก็จะมาเป็นวูบๆ เนอะ แต่ตอนนี้ก็ประมาณ 90% แล้ว อีก 10% เหลือเรื่องของดอกไม้”

หมาก “เพราะว่าเปลี่ยนเรื่อยๆ เลย”
คิมเบอร์ลี่ “เปลี่ยนเรื่อยๆ เพราะราคาขึ้นเรื่อยๆ เลย เราก็ต้องตัดออก”

>>ดอกอะไรที่ต้องเป็นไฮไลท์?
คิมเบอร์ลี่ “คือที่นู่นอ่ะ มันค่อนข้างเป็นซีนนอก บ้านเราปลูกง่ายมาก บ้านเราคือหาดอกไม้ได้ตลอดทั้งปี”

หมาก “เขาอยากได้ดอกไม้ที่ไม่มีในฤดูนั้น”
คิม “มันหมดฤดูไปแล้ว ดอกไม้มันก็เลยเหลือให้เลือกน้อยมาก”

>>คิมเป็นคนออกไอเดีย แล้วหมากก็สนับสนุน?
คิมเบอร์ลี่ “ถ้าเป็นเรื่องรายละเอียด ส่วนใหญ่จะออกไอเดีย และก็มีถามเขาบ้างค่ะ”
หมาก “ตามใจเขา อย่างที่เขาบอก ผมก็ไม่ต้องทำอะไรด้วยซ้ำ เขาควบคุมงบให้ด้วย เขาทำให้หมดเลย

คิมเบอร์ลี่ “ซึ่งตอนนี้บานปลายมาก (หัวเราะ) แต่ก็จะไม่ได้ มันหงุดหงิดถ้ามันเกินงบเมื่อไหร่ก็ต้องตัดอะไรบางอย่างก่อน”

>>ใครต้องปาดเหงื่อระหว่างคนคิดกับคนจ่าย?
หมาก “ต้องคนนี้เลย เขาคิดเยอะ”

>>เสนองบไปแล้วมีผ่านมั้ย หรือว่าต้องเบรก?
คิมเบอร์ลี่ “เขาก็เบรกนะ พอเขาบอกว่าเอาสิ เราก็รู้สึกไม่ดีเอง ก็เลยไม่เอา เราก็ตัดออก คือแค่ไปแต่งที่นี่มันก็เกินฝันแล้วอ่ะ เราก็รู้สึกว่าสถานที่ก็สวยแล้ว ก็ไม่ต้องอะไรมาก แค่แบบอยู่กับคนที่เรารัก เราก็แค่คิดว่าวันนี้จะเป็นวันที่เราได้แต่งงานกับคนที่เรารัก แค่นั้นเราก็แฮปปี้แล้วค่ะ”

>>ระหว่างเตรียมงานภาพมันชัดขึ้นมั้ย?
คิม “ชัดขึ้นค่ะ ภาพเริ่มชัดขึ้นไปอีก เพราะมันเหลืออีกแค่เดือนกว่าเองค่ะ”

>>ความตื่นเต้นเริ่มมากแล้วหรือยัง?
คิมเบอร์ลี่ “ตื่นเต้น ตื่นเต้นตลอดเวลา”

>>ได้ยินว่าไปเข้าคอร์สเจ้าสาวแล้ว?
คิมเบอร์ลี่ “มีบ้างนิดนึง ไปดูแลผิว พี่หมากก็ไปด้วย เขาถามมีอะไรดีเหรอ ทำบ้างดิ่(หัวเราะ)”

>>ถึงตอนนี้ยังมีกังวลอะไรอยู่ไหม?
คิมเบอร์ลี่ “มันก็จะมีตื่นกลางดึกบ้างวันเสาร์ อาทิตย์ เป็นเวลาพักผ่อน เพราะว่าแพลนดิ้ง เขาหยุด แต่ถ้าวันจันทร์ ถึงศุกร์ เราจะต้องคุยกับเขา”
หมาก “เหมือนทุกวันนี้โปรแกรมมันว่างนะ แต่ทุกวันนี้เหมือนมันไม่ว่างเลย อะไรบ้างก็ไม่รู้ มีอะไรเข้ามาเรื่อยๆ ให้เราได้คิดตลอดเลย”

>>มันเป็นเพราะเรากลัวมันไม่สมบูรณ์แบบอย่างที่เราคิด ทำให้เราเครียด?
คิมเบอร์ลี่ “ไม่ได้เป็นอย่างนั้น ตอนนี้สิ่งที่กลัวก็ไม่มี เพราะมีคนมาช่วยเรา แล้วเวดดิ้งแพลนเนอร์เขาช่วยเรา เราแค่ต้องสื่อสารกับเขาให้รู้เรื่องแค่นั้น”

>>หลายคนรอชมปาร์ตี้สละโสดจะขนาดไหน?
คิมเบอร์ลี่ “พี่หมากพร้อมมาก เราจัดวันเดียวกันแต่คนละที่ค่ะ แยกกัน”

>>จะดุเดือดขนาดไหน?
คิมเบอร์ลี่ “เราไม่รู้เรื่องอะไรเลย รู้แค่วันว่าวันไหน เราไม่รู้สถานที่ ไม่รู้ว่าเพื่อนๆ จะจัดอะไรให้เรา”

>>ลุ้นไหมว่าเพื่อนๆ จะจัดอะไรให้เรา?
คิมเบอร์ลี่ “ลุ้นมาก เพราะว่าอย่าง ญาญ่า แล้วทางพี่หมากก็มี พี่แบร์แบบนี้ ไม่รู้ว่าจะเจออะไร(หัวเราะ) ตัวตึงทั้งคู่”

>>ได้ปรามเพื่อนไว้ก่อนไหม?
หมาก “เขาบอกว่า don’t say no คือต้องทำ ต้องทำทุกอย่าง เราก็โอ้..”
คิมเบอร์ลี่ “ของคิมจะเขียนบอกเพื่อนว่าจะไม่ทำอะไรบ้าง (เพื่อนอ่านหรือยัง?) ไม่รู้ แต่ก็มีบ้างที่หลอกถาม แต่อีกคนโป๊ะแล้ว ตลกดี”

>>มีบอกญาญ่าบ้างไหม ว่าถ้างานนี้เล่นแรงเดี๋ยวถึงงานเขา เราจะเอาคืน?
คิมเบอร์ลี่ “คิมคิดว่าเขาคิดไว้อยู่แล้ว”
.
>>เรือนหอ ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?
หมาก “ตอนนี้เดินหน้าไปเรื่อยๆ ผมเชื่อมั่นในฝีมือช่างของเราว่าเขาจะทำให้ตรงตามกำหนดนะครับ(หัวเราะ) (บอกช่างหรือบอกใคร?) บอกช่างครับ(หัวเราะ)”
คิมเบอร์ลี่ “เราตั้งไว้ว่าอยากให้เสร็จก่อนวันที่ 20 สค.นี้ แต่ตอนนี้บ้านยังไม่มีไฟฟ้านะคะ แล้วก็มีพวกงานหินที่ยังไม่ได้แปะ”

>>ทำไมต้องให้เสร็จภายใน 20 ส.ค. นี้?
หมาก “มันมีกิจกรรมเล็กๆ น้อยๆ ที่เราจะทำที่บ้านก่อนที่เราจะไปที่อิตาลี ฝากพี่ไปบอกช่างด้วย(หัวเราะ) สิ่งสำคัญที่เราเป็นห่วงในตอนนี้คือเรื่องไฟฟ้า ถ้ามันไม่มีไฟฟ้า เราก็ไม่สามารถเทสเครื่องใช้ไฟฟ้าอะไรไม่ได้เลย เราอยากจะเร่งนะ ตอนนี้มันอยู่ในกระบวนการที่เขาไปเดินเรื่องอยู่ เราไปเร่งเข้ามากไม่ได้ เราก็เกรงใจ แต่ภายใน 20 สค.นี้ เราต้องใช้บ้านแล้ว”

>>บ้านเป็นไปแบบที่เราดีไซน์ไหม?
หมาก “ร้อยเปอร์เซ็นต์แบบที่เราต้องการ ทุกอย่างเป๊ะมาก มีความคืบหน้าตลอด”
.
>>ได้เตรียมห้องไว้ให้ลูกๆ ไหม?
คิมเบอร์ลี่ “มีห้องเดียวค่ะ (ยิ้ม)”
หมาก “เตรียมไว้ห้องเดียวๆ”

>>สมมติถ้ามา 2 ละ?
คิมเบอร์ลี่ “ไม่น่านะ (ยิ้ม)”
หมาก “ย้ายบ้าน ล้อเล่นๆ (หัวเราะ) ก็มี แต่เราตั้งใจไว้มีแค่คนเดียวครับ”

>>งบสร้างบ้านเกิน 100 ไหม?
คิมเบอร์ลี่ “เกินมานิดนึง”
หมาก “เกินมาไม่เยอะถือเป็นอะไรที่รับได้ครับ ไม่ได้บานปลาย”

>>รวมๆ แล้วบานปลายเท่าไหร่?
หมาก “ไม่ขนาดนั้น เราเชื่อมั่นในการคุมงบของเขาแล้วก็เชื่อมั่นในช่างของเรา”
คิมเบอร์ลี่ “จริงๆ บางอย่างมันไม่ต้องแพงก็ได้เพื่อที่จะให้มันดูแพง”
หมาก “เพราะว่าต่างคนต่างมีบ้านของตัวเองมาก่อนแล้วเราเคยทำบ้านกี่หลังแล้วไม่รู้”
คิมเบอร์ลี่ “ใช่เรารู้ว่าไทม์ไลน์ของเรามันจะพังเมื่อไหร่เราก็เอาไปสิอะไรแบบนี้”

>>ถือว่าโชคดีที่ได้ช่างไม่บานปลาย?
หมาก “ใช่ โชคดีมากทีมเก่งมาก แค่เราเร่งแค่นั้นเอง”

>>หลังแต่งงานให้คิมคุมบัญชีบ้านเลยไหม?
คิมเบอร์ลี่ “คิมขอไม่ทำนะคะ (หัวเราะ) คิมขอลาออก (ทำไม?) เหนื่อย (ยิ้ม) คิมตกเลขนะแต่ตอนนี้คือคำนวณยูโรเป็นไทย ไทยเป็นยูโร เครียดแล้ว (คุมงานแต่งมาคุมบ้าน?) ไม่ค่ะ ทำได้แค่เวลาสั้นๆ พอแล้ว”.
>>แต่เป็นหน้าที่ของแม่บ้านที่ต้องดูแลเรื่องเงิน?
คิมเบอร์ลี่ “พี่หมากเขาบอกว่าเขาจะเป็นคนจ่ายตลาด”

>>แล้วเราทำอะไร?
คิมเบอร์ลี่ “เรารอกิน (หัวเราะ)”
หมาก “ใช่ บ้านใหม่ผมจะทำอาหารบ่อยมากๆ”
คิมเบอร์ลี่ “เขาจะลงไปล้างสระเอง”
หมาก “ใช่ ผมจะไปตักใบไม้ งมใบไม้ ตัดหญ้า ไม่มีตังเหลือจ้างใครแล้วครับ (หัวเราะ) เดี๋ยวรอดูเลย”

>>ตื่นเต้นไหมจะเริ่มต้นคำว่าครอบครัวแบบจริงๆ จังๆ?
หมาก “ตื่นเต้นมาก ทุกครั้งที่เราไปดูที่บ้านเราก็รู้สึกนี่คือบ้านในฝันของเราจริงๆ คือที่ๆ เราจะอยู่ด้วยกันจริงๆ 2 คน”

>>น้ำตาไหลไหม?
คิมเบอร์ลี่ “ก็มีบางนะคะ มันก็จะแบบ เฮ้ย มันเริ่มเป็นจริงแล้วมันเริ่มเป็นชิ้นเป็นอัน สมมุติบ้านเราเราสร้างตั้งแต่เป็นป่ารก เราสร้างจากศูนย์เลย พอมันขึ้นมาแบบนี้มันก็ชื่นใจมาก”

>>ฝากถึงแฟนๆ ที่เชียร์คู่เรามาตั้งแต่ต้น?
คิมเบอร์ลี่ “ก็ขอบคุณนะคะทุกกำลังใจพี่ๆ สื่อด้วยที่อยู่กับเรามาตั้งนานตั้งแต่จีบกัน (หัวเราะ) ก็เป็นกำลังใจให้เราตลอด ซัพพอร์ตเรามาตลอดเลยรู้สึกแฮปปี้มากแล้วตอนนี้ก็ใกล้ถึงวันมากๆ แล้วเดี๋ยวเราจะมาบอกพี่ๆ อีกทีแล้วก็ขอบคุณแฟนๆ ด้วยค่ะ (ยิ้ม)”

>>บนเวทีบอกว่าพูดทุกคืนพูดตลอดพูดว่าอะไร?
หมาก “เอ้า..ก่อนนอนรักเขาก็ต้องพูดมีคำๆ นึงอยู่แล้วถูกไหมก่อที่เราจะนอนจริงๆ เรามีกิจกรรมหนึ่งอย่างคืออ่านหนังสือ ผมอ่านให้ฟังอะไรแบบนี้แล้วก็ปิดไฟปุ๊บผมก็จะไปหอมแก้มเขา (ยิ้ม) แล้วก็กู๊ดไนท์ครับแล้วก็นั้นแหละครับ นี่ก็หลับใส่ (ยิ้ม)”

‘นิพนธ์’ พร้อมดัน ‘สงขลา’ สู่ศูนย์กลางปลูกทุเรียนในไทย ควบคู่แลกเปลี่ยนความรู้แก่เกษตรกร ช่วยให้ผลผลิตมีคุณภาพ

เมื่อวานนี้ (17 ก.ค. 66) นายนิพนธ์ บุญญามณี อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมวิชาการ ‘การทำทุเรียนฉบับขั้นเทพ’ โดยมีอาจารย์ ไพโรจน์ ทางธรรม ผู้จัดการพัฒนาตลาดและผลิตภัณฑ์ นายไพบูลย์ แก้วกันหา ผู้จัดการสื่อการตลาด และเจ้าหน้าที่บริษัทเทพวัฒนา กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ตำบลท่าช้าง สมาชิกสหกรณ์การเกษตรบางกล่ำ และเกษตรกรชาวสวนทุเรียนเข้าร่วมประชุม ณ ศูนย์การเรียนรู้สหกรณ์การเกษตร ตำบลท่าช้าง อำเภอบางกล่ำ จังหวัดสงขลา

เนื่องด้วยปัจจุบันทุเรียนเป็นพืชตัวหนึ่งที่สามารถสร้างรายได้ให้กับพี่น้องเกษตรกรชาวสวนทุเรียนอย่างมากจากการจำหน่ายทั้งในประเทศและส่งออกไปต่างประเทศ ในปัจจุบันมีการขยายพื้นที่การปลูกมากขึ้นอย่างมากโดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดสงขลา มีการขยายตัวอย่างมาก

บริษัท เทพวัฒนา จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรร่วมกับร้านตัวแทนจำหน่ายคือร้านชูพันธ์เกษตรฟาร์มและพันธมิตรได้แก่ บริษัทไฮโดรไทย (ปุ๋ยเรือใบไข่มุก) บริษัท แอดวานส์ เฟอร์ติไลเซอร์ต้องการใช้โอกาสนี้ในการให้ความรู้ที่ถูกต้องในเรื่องการจัดการ การใช้ปุ๋ยใช้ยาในการปลูกทุเรียนให้ได้ผลผลิต ที่ดีมีคุณภาพจึงได้เชิญวิทยากรจากบริษัทเทพวัฒนาคือ อาจารย์ ไพโรจน์ ทางธรรม มาบรรยายให้ความรู้ ในครั้งนี้ เพื่อเกษตรกรจะได้ต้นทุเรียนที่สวยงดงาม และให้ผลผลิตแก่เกษตรกร ซึ่งจะสามารถสร้างรายได้ และสร้างมูลค่าให้กับเกษตรกร

นายนิพนธ์ กล่าวช่วงหนึ่งว่า วันนี้ได้เห็นกลุ่มเกษตรกรชาวสวนทุเรียนที่มีความตั้งใจที่จะหาความรู้ในเชิงวิชาการ การทำทุเรียนตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงการเก็บเกี่ยวที่ถูกต้องตามหลักวิชาการ ถือเป็นนิมิตหมายอันดีที่พี่น้องเกษตรกรชาวสวนทุเรีบนได้มองเห็นโอกาสร่วมกัน ซึ่งเห็นบรรยากาศแล้ว ผมเชื่อว่าการเดินหน้าให้สงขลาเป็นเมืองทุเรียนไม่ใช่เป็นเรื่องเพ้อฝัน จากความตั้งใจของพี่น้อง และความสนใจของพี่น้องเกษตรกร เชื่อว่าสงขลามีศักยภาพในการที่จะทำให้สงขลาเป็นเมืองทุเรียน เพราะสงขลาเรามีพื้นที่ค่อนข้างจะมาก ซึ่งเดิมสงขลาเราปลูกยางพารา และถือเป็นลำดับต้น ๆ ของประเทศไทย

วันหนึ่งเราเห็นว่าพืชทุเรียนเป็นพืชที่มีโอกาสทางเศรษฐกิจตัวใหม่ของประเทศไทย ขณะนี้เราส่งทุเรียนไปจำหน่ายต่างประเทศ เฉพาะประเทศจีนประเทศเดียวปีที่แล้วแสนกว่าล้าน นั่นคือคนจีนยังทานทุเรียนไม่ถึง 10% ของพลเมืองประเทศจีน ประเทศจีนมีประชากรประมาณ 1400 ล้านคน ขณะที่คนทานทุเรียนยังไม่ถึง 100 ล้าน ซึ่งผมได้มีโอกาสไปพบกับผู้ใหญ่ที่ดูแลธุรกิจในประเทศไทยคือท่านธนินทร์ เจียรวานนท์ ท่านเจ้าสัวซีพี ให้ข้อมูลกับผมว่าพื้นที่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ตั้งแต่สงขลาลงไป เป็นพื้นที่ที่เหมาะกับการปลูกทุเรียน

ซึ่งทุเรียนเป็นพืชที่ชอบน้ำแต่ไม่ชอบน้ำขัง แต่พืชทุเรียนขาดน้ำไม่ได้ ซึ่งธุรกิจทุเรียนถือเป็นธุกิจแสนล้านหรือสองแสนล้านได้ในอนาคต แต่จุดอ่อนของบ้านเราท่านบอกว่า ที่ผ่านมาเราไม่สามารถแก้ปัญหาในเรื่องตัวหนอนในเมล็ดทุเรียนได้ ท่านจึงส่งเจ้าหน้าที่ของซีพีมากับมูลนิธิปิดทองหลังพระ ลงมาเพื่อแก้ปัญหาในพื้นที่จังหวัดยะลา เพื่อปิดจุดอ่อนในเรื่องของปัญหาตัวหนอนในเมล็ดได้ แล้วทำให้จังหวัดยะลา เป็นฮับทุเรียน ตั้งแต่วันนั้นมาผมจึงเริ่มสนใจการปลูกทุเรียนมากขึ้น เพราะท่านเป็นผู้ชี้แนะอะไรหลายอย่าง และท่านพูดแล้วก็ไม่ต้องไปศึกษาตำราที่ไหน ผมเชื่อว่าความคิดของท่านที่บอกว่า ในประเทศนี้ธุรกิจที่น่าทำคือพลังงาน แต่คนส่วนใหญ่เข้าใจว่าพลังงานคือน้ำมัน นั่นคือพลังงานเครื่องจักร แต่ท่านบอกว่าคงลืมไปว่าพลังงานของคนคืออาหาร ตราบใดที่มีคนหก เจ็ดพันล้านคนในโลกนี้ตราบนั้นคนต้องกินอาหารเพื่อใช้เป็นพลังงาน จากคำพูดนั้นนั่นก็คือเป็นสิ่งที่ทำไมซีพีจึงผลิตอาหารเลี้ยงคน

ดังนั้นวันนี้อนาคตของประเทศไทยคือทุเรียน และพื้นที่ภาคใต้ก็เป็นพื้นที่ที่มีโอกาส ทำอย่างไรเราจะปิดช่องว่างจุดอ่อนของทุเรียนภาคใต้ นั่นคือการแก้ไม่ให้แมลงเข้าไปวางไข่ในทุเรียน อย่าให้มีหนอนในเมล็ดทุเรียนได้ แล้วอนาคตก็จะดี ดังนั้นการให้ความรู้จึงเป็นสิ่งที่ดีที่สุด วันนี้การทำเกษตรบ้านเราจะทำตามยถากรรมย่อมไม่ได้ การทำการเกษตรต้องมีหลักวิชา และเชื่อว่าเราจะสร้างอาชีพใหม่ได้แน่นอน ถ้าเกษตรกรคนใดมีสองอย่างคือทั้งยางพาราและสวนทุเรียน ซึ่งยางพารานั้นเก็บรายได้ทุกวัน เก็บเป็นค่าใช้จ่ายในครัวเรือน แต่ถ้าท่านปลูกทุเรียนไปด้วยทุเรียนจะถือเป็นโบนัสประจำปี สามารถสร้างกำไรเลี้ยงครอบครัวได้ ซึ่งถ้าเรามีโอกาสดีมีทั้งสวนยางพาราและสวนทุเรียนไว้บ้าง แต่สิ่งที่ขาดไม่ได้คือองค์ความรู้ ผมเชื่อว่าคงไม่มีใครรู้เรื่องของ ทุเรียนดีซะทุกอย่าง การรวมกลุ่มแลกเปลี่ยนประสบการณ์ นี่คือสุดยอดวิชา ใครมีปัญหาก็พูดคุยกัน และไม่ให้ปัญหาเหล่านั้นเกิดกับคนอื่นอีก หรือไม่เกิดขึ้นซ้ำอีก ซึ่งก็จะไม่ก่อให้เกิดความเสียหายที่จะเกิดขึ้น

และนี่คือสิ่งที่ทุกคนจะประสบความสำเร็จในเรื่องของการปลูกทุเรียนได้ จึงอยากเห็นเกษตรกรได้ทำสิ่งเหล่านี้ และตั้งใจในการที่จะเรียนรู้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ วิชาการถือเป็นสิ่งจำเป็นในการเกษตรโดยเฉพาะเกษตรแปลงใหญ่ ฉะนั้นจากทฤษฎีทั้งหลายที่เราดำเนินการอยู่นี้ ทั้งในส่วนของกระทรวงเกษตร และกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งผมได้มีโอกาสในช่วงสี่ปีที่ผ่านมา เข้าไปเป็นคณะรัฐมนตรี และพรรคประชาธิปัตย์ได้เข้าไปดูแลในกระทรวงเกษตร ผมจึงมีความเข้าใจการสร้างมาตรฐาน หรือมาตรฐานต่างๆที่กระทรวงเกษตรกำหนด หรือแม้แต่ที่กระทรวงพาณิชย์ส่งสินค้าไปขาย

ต่อไปนี้ไม่ใช่ใครมีสินค้าทำอย่างไรก็ได้ การใช้ยาเคมีใช้อย่างไรให้พอดี ใช้ปุ๋ยอย่างไรใช้ให้พอดี เป็นเรื่องที่มีความจำเป็นในเชิงวิชาการทั้งสิ้น และหลักวิชาการเหล่านี้จะทำให้เราประสบความสำเร็จในอาชีพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องทุเรียนเป็นพืชเกษตรตัวใหม่ของประเทศไทย และสงขลายังไม่สายเกินไปที่จะปรับขบวนการเหล่านี้ และร้อยเรียงทำอย่างไรที่จะทำให้ทุเรียนสงขลาเป็นทุเรียนที่มีคุณภาพ เราต้องช่วยกัน สิ่งหนึ่งที่รัฐบาลกังวลอย่างยิ่ง และรัฐบาลจีนไม่ยอมให้เกิดขึ้นนั่นคือ การส่งทุเรียนที่ไม่ได้คุณภาพเข้าประเทศจีน ดังนั้นสิ่งนี้พวกเราต้องระลึกอยู่เสมอว่าต้องไม่ทำลายตัวเราเอง เพราะการที่เราจะทำให้ทุเรียนของเราไม่มีคุณภาพ จะเป็นการตัดราคาตัดโอกาสของเกษตรกร ดังนั้นการทำให้ทุเรียนไม่มีราคา ถ้าเราลองนั่งคำนวณดูจะเห็นว่าไม่มีผลไม้ชนิดไหนแล้วในปัจจุบัน ที่จะส่งออกได้ดีกว่าทุเรียน ดังนั้นเราต้องทำให้สินค้าทุเรียนสงขลาเป็นสินค้าที่มีคุณภาพ ซึ่งมันไม่ใช่สิ่งที่เป็นไปไม่ได้

‘แพนเค้ก’ ตอบชัด!! ไม่พร้อมมีลูกเร็วๆ นี้ ยังสนุกกับการทำงาน ลั่น!! “แค่เลี้ยงหลานก็ปวดหัวแล้ว แต่อนาคตมีแพลนเก็บไข่”

(18 ก.ค. 66) เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งคู่รักที่หลายคนจับตามอง สำหรับนางเอกสาว ‘แพนเค้ก เขมนิจ จามิกรณ์’ และสามี ‘สารวัตรหมี’ หลังจูงมือเข้าประตูวิวาห์กันไปพักใหญ่ แต่ก็ยังขยันอวดความหวานให้ได้เห็นกันอยู่ตลอด ก่อนหน้านี้ก็ทำเอาแฟนคลับหลายคนตื่นเต้น เพราะมีคนตาดีเห็นสาว แพนเค้ก ควงสามีเดินเลือกซื้อของใช้เด็กเล็ก ทำให้สงสัยกันว่าเธออาจจะตั้งครรภ์แล้วหรือเปล่า งานนี้เจ้าตัวออกมาตอบคำถามว่า ยังไม่ได้ท้อง แค่ซื้อของให้กับหลาน ๆ เท่านั้น

ล่าสุดสาว แพนเค้ก ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ถึงแพลนการมีทายาทอีกครั้ง งานนี้เจ้าตัวบอกเลยว่า ตนเป็นสายมู มูทุกที่ แต่ไม่ได้ขอเรื่องลูกเลย “มูทุกที่ค่ะ ไหว้พระทุกที่ พรที่ขอมาตลอดคือ เรื่องสุขภาพและเรื่องงาน ยังไม่ได้ขอเรื่องมีน้อง ยังไม่ได้ขอค่ะ ตอนนี้เพราะยังมีงานที่เราต้องรับผิดชอบอยู่ เป็นช่วงเวลาของการทำงาน คุยกับพี่หมีแล้ว เขาเข้าใจตรงกัน พี่หมีก็ทำงานด้วยแล้วสนุกอยากเดินทางด้วย วางไว้คร่าว ๆ อาจเป็นปีสองปีนี้ ทางผู้ใหญ่ก็โอเคไม่กดดันเรา

แค่ดูหลานที่บ้าน ก็ปวดหัวมากแล้ว แต่ได้เห็นการเจริญเติบโตของหลาน ๆ เรากลับมานึกว่า เราเองต้องมีเวลาที่จะดูแลเขาอย่างเต็มที่จริง ๆ ก็เมื่อถึงเวลาค่ะ คุยกับคุณหมออยู่เหมือนกัน เรื่องฝากไข่ก็เป็นแผนเหมือนกันค่ะ ตอนนี้สุขภาพเราทั้งคู่เข้าใจว่าโอเค เพราะยังออกกำลังกายกันเต็มที่”

เมื่อถามว่ากลัวเรื่องอายุจะส่งผลต่อการมีลูกหรือไม่ เจ้าตัวตอบตรง ๆ ว่าได้ยินมาบ้าง และกังวลเล็กน้อย แพลนหาข้อมูลเพื่อเก็บไข่ และขั้นตอนต่อ ๆ ไป แพนเค้ก เผยว่า “ปาดเหงื่อเลย (หัวเราะ) ก็ได้ข้อมูลมาเหมือนกันค่ะ ถ้าเรารีบทำอะไรไว้ก่อนก็อาจจะดีกว่า เก็บไข่ เป็นสิ่งที่ต้องหาข้อมูลและรีบในขั้นต่อไปค่ะ ถามว่าจะมีทริปกระชับรักเพิ่มไหม เดี๋ยวคงแพลนกันอีกทีหนึ่ง ให้ช่วงเวลางานมันซาลงกว่านี้หน่อย เรื่องความหวานเราก็ดูแลกันตลอดอยู่แล้ว ไม่ต้องหวือหวากว่านี้ คงประมาณนี้ล่ะค่ะ แต่คงว่ากันอีกทีหนึ่ง”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top