Saturday, 10 May 2025
NewsFeed

‘สายลับสหรัฐฯ’ โว รู้แผนก่อกบฏของ ‘วากเนอร์’ ก่อนปูติน ชี้!! สืบพบสัญญาณความผิดปกติได้ตั้งแต่กลางเดือน มิ.ย.

เมื่อไม่นานนี้ สื่อสหรัฐฯ ทั้ง Washington Post และ New York Times รายงานว่า หน่วยข่าวกรองของสหรัฐฯ รับทราบข้อมูลล่วงหน้าที่บ่งชี้ถึงความเป็นไปได้ที่กองกำลัง วากเนอร์จะก่อกบฏภายในรัสเซีย และได้สรุปรายงานนี้ให้กับทั้งทางทำเนียบขาว สภาคองเกรซ และฝ่ายกลาโหมก่อนหน้าจะเกิดเหตุจริงเพียงไม่กี่วัน

สายสืบสหรัฐฯ อ้างว่า สามารถจับสัญญาณการเคลื่อนไหวบางอย่างของเยฟเกนี พริโกซิน และกองกำลังวากเนอร์ในการต่อต้าน นายพลเซอร์เก ชอยกู ผู้นำฝ่ายกลาโหมรัสเซีย ตั้งแต่ช่วงกลางเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา

ถึงแม้จะไม่รู้แน่ชัดว่า พริโกซิน ริเริ่มวางแผนการตั้งแต่เมื่อใด แต่การเคลื่อนไหวที่ผ่านมาของเขาทำให้ทีมข่าวกรองของสหรัฐฯ รับรู้ถึงความไม่ปกติภายใน ว่าน่าจะมีเหตุบางอย่างเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้ ที่อาจนำไปสู่สถานการณ์ขั้นเลวร้ายที่สุด คือ ‘สงครามกลางเมือง’ ได้

เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เชื่อว่า จุดแตกหักของเรื่องนี้ เกิดขึ้นหลังจากมีคำสั่งจากกระทรวงกลาโหมรัสเซีย เมื่อวันที่ 10 มิ.ย. ที่ผ่านมา ให้กองกำลังอาสาสมัครทั้งหมด ต้องมาขึ้นทะเบียน และลงนามข้อตกลงกับกองทัพรัฐบาล ถึงแม้ว่าจะไม่ระบุเจาะจงว่าเป็นกลุ่มกองกำลังวากเนอร์ แต่หลักปฏิบัตินั้นชัดเจนว่า ทหารกองอาสาสมัครทั้งหมด ทุกกลุ่ม ครอบคลุมถึงหน่วยของกองทหารรับจ้างวากเนอร์ ต้องอยู่ภายใต้สังกัดของกระทรวงกลาโหม

นั่นหมายความว่า ฝ่ายกระทรวงกลาโหมรัสเซีย มีเป้าหมายที่จะควบรวมกองกำลังวากเนอร์ เป็นส่วนหนึ่งของกองทัพ จากที่เคยเป็นกองกำลังอิสระ บริหารในรูปแบบบริษัทเอกชน ที่มีเยฟเกนี พริโกซิน เป็นผู้นำ และยังสร้างผลงานโดดเด่นในการสู้รบในยูเครน โดยเฉพาะสมรภูมิในเมืองบัคมุท

เจ้าหน้าที่ฝ่ายการทหารของยูเครนก็ได้จับตา พริโกซิน หลังวันประกาศเมื่อวันที่ 10 มิ.ย. เช่นกัน และเชื่อว่าผู้นำกองกำลังวากเนอร์ เริ่มเคลื่อนพลเพื่อต่อต้านรัฐบาลมอสโกแล้วตั้งแต่วันนั้น และยังแสดงออกชัดเจนว่า ‘ไม่ลงรอย’ กับผู้นำสุงสุดของฝ่ายกลาโหมรัสเซียหลายครั้ง และมั่นใจว่า พริโกซินไม่รู้ตัวว่า ทั้งรัฐบาลยูเครน และหน่วยข่าวกรองสหรัฐกำลังจับตาดูอยู่ อีกทั้งยังมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลลับระหว่างกันอีกด้วย

หน่วยสอดแนมลับของสหรัฐฯ เชื่อว่า แม้กระทั่งปูตินเอง น่าจะเพิ่งรับรายงานแผนการก่อกบฏของพริโกซิน ผู้ซึ่งเคยเป็นสหายคนสนิทของเขา ล่วงหน้าเพียงวันเดียวเท่านั้น ซึ่งพริโกซินก็ดำเนินตามแผนการที่วางไว้อย่างรวดเร็วจนน่าแปลกใจ

และทันทีที่กลุ่มวากเนอร์ ข้ามชายแดนยูเครนเข้ามาในรัสเซียในช่วงวันศุกร์ที่ 23 มิ.ย. ก็บุกยึดกองบัญชาการกองทัพรัสเซียในเมืองรอสตอฟได้ทันทีในวันเสาร์ และประกาศบุกมอสโกต่อในวันอาทิตย์ สร้างความปั่นป่วนโกลาหลไปทั่วกรุงมอสโก ก่อนที่จะเยฟเกนี พริโกซิน จะยอมรับเงื่อนไขของทางรัฐบาลรัสเซีย ลี้ภัยไปเบลารุส และให้กลุ่มวากเนอร์ ถอยกลับไปประจำในฐานที่มั่นของตน

แม้ว่าเหตุการณ์จะสงบแล้ว แต่กองทัพรัสเซียคงไม่อาจไว้วางใจกองกำลังวากเนอร์ได้อีกต่อไป แม้ปูตินจะยอมรับว่า ทหารวากเนอร์ส่วนใหญ่ถือเป็นนักรบผู้กล้าที่ต่อสู้เพื่อประเทศชาติ แต่หลังเหตุการณ์ความไม่สงบที่ผ่านมา จำเป็นที่จะต้องสลายกลุ่มวากเนอร์ โดยปูตินยื่นข้อเสนอว่า กองกำลังวากเนอร์มีทางเลือก 3 ทาง คือ เข้าประจำการในกองทัพรัสเซีย, กลับบ้าน หรือลี้ภัยไปเบลารุสเท่านั้น

จากคำกล่าวอ้างของเยฟเกนี พริโกซิน มีกองกำลังวากเนอร์ ที่ประจำการพร้อมรบอยู่ราว 25,000 คน และมีกองหนุนสำรองอีกนับหมื่นคน

ผู้บริหารจีน รีบร้อน จูบดูดดื่มกับหญิงที่ไม่ใช่ภรรยา ในที่สาธารณะ สุดท้ายเลยต้องกลายเป็น จำเลยของสังคม

เพจเฟซบุ๊ก ไทยคำจีนคำ ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับกรณีที่มี รองเลขาธิการของวิทยาลัยแห่งหนึ่งในนครหนานจิง แสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสม จูบดูดดื่มกับหญิงที่ไม่ใช่ภรรยา ในที่สาธารณะ โดยระบุว่า ...

ทำไมใจร้อนขนาดนี้?

จนกลายเป็นเรื่องขึ้นมา กับข่าวฉาวของ "หยางจ่งสเว" 杨种学 รองเลขาธิการของวิทยาลัยแห่งหนึ่งในนครหนานจิง

ซึ่งถือว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ถูกกล้องวงจรปิดภายในลิฟท์และโถงทางเดินของอาคาร จับภาพจูบดูดดื่มกับหญิงสาว ที่สื่อคาดว่าไม่ใช่ภรรยาของตนเอง 

ก่อนที่ทั้งสองคนจะจูงมือกันเข้าห้องไป

งานนี้หลายสำนักจึงออกมาแฉพร้อมเปิดชื่อและตำแหน่งอย่างกระจ่างชัด เพื่อจี้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำการตรวจสอบ

จริง ๆ แล้วการจูบ หรือแสดงความรักต่อกันในที่สาธารณะไม่ใช่สิ่งผิด หรือไม่ได้แปลกอะไร เพราะในเรื่องนี้ สังคมเปิดกว้างกว่าเมืองไทยด้วยซ้ำไป

แต่การ "นอกใจ" ภรรยา/สามี ถือเป็นเรื่องใหญ่ โดยเฉพาะข้าราชการ หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ ย่อมต้องได้รับการคาดหวังจากสังคมมากเป็นพิเศษ

เนื่องด้วยเป็นสายงานที่ต้องดูแลความเป็นอยู่ของประชาชน และผลประโยชน์ของสาธารณชน

โดยชาวจีนส่วนใหญ่เชื่อว่า หากไม่สามารถซื่อสัตย์กับคนในบ้านได้ แล้วจะมาเสียสละเพื่อประเทศชาติได้อย่างไร

งานนี้ท่านรองฯ ไวไฟน่าจะงานงอกอย่างหนัก ชาวเน็ตหลายคนแอบสงสัย ไม่รู้หรือไงว่าในลิฟท์มีกล้องวงจรปิดหรือไง?

ทำไมถึงใจเร็วด่วนได้ขนาดนี้ ไม่อดใจรออีกสักหน่อย สุดท้ายคุณเลยต้องกลายเป็นจำเลยของสังคม รอโดนพิพากษาผิดถูกจากหน่วยเหนือได้เลย! 

เปิด 10 อันดับแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง รายการกีฬาต่อสู้ รายใหญ่ที่สุดของโลก

จากการจัดอันดับฐานข้อมูลด้านสมาชิกของ 10 แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งรายใหญ่ของโลก ซึ่งมีการถ่ายทอดสดรายการกีฬาการต่อสู้สู่บรรดาสมาชิกทั่วโลก ปรากฏว่า Prime video (ไพร์มวิดีโอ) สัญชาติอเมริกัน นำมาเป็นอันดับ 1 ด้วยจำนวนสมาชิกมากถึง 200 ล้านแอ็กเคานต์ ได้จับมือเป็นพันธมิตรกับ ONE เริ่มถ่ายทอดสดรายการ ONE Fight Night นัดแรก ตั้งแต่วันที่ 27 ส.ค.65 เป็นต้นมาจนปัจจุบัน 

ตามมาด้วยสองค่ายยักษ์จากจีนคือ Tencent (เทนเซนต์) และ iQIYI (อ้ายฉีอี้) ซึ่งมีฐานสมาชิกทั่วโลก 124 ล้านแอ็กเคานต์ และ 108 ล้านแอ็กเคานต์ ต่างก็เป็นพันธมิตรถ่ายทอดสดรายการของ ONE เช่นเดียวกันกับอันดับ 4-7 อันได้แก่ ABEMA (อะเบมา) จากญี่ปุ่น, beIN Sports (บีอิน สปอร์ตส) จากกาตาร์, Disney+ Hotstar (ดิสนีย์พลัส ฮอตสตาร์) จากอินเดีย, Globoplay (โกลโบเพลย์) จากโปรตุเกส ซึ่งมีฐานสมาชิกรวมกัน 218 ล้านแอ็กเคานต์ 

จากข้อมูลข้างต้นจะเห็นว่ารายการ ONE มีศักยภาพที่จะเข้าถึงกลุ่มผู้ชมได้สูงถึง 650 ล้านแอ็กเคานต์ จากฐานสมาชิกของแพลตฟอร์มสตรีมมิงที่เป็นพันธมิตร
ส่วนอีก 3 ค่ายที่ติดอันดับท็อป 10 ได้แก่ ESPN+ (อีเอสพีเอ็นพลัส) สัญชาติอเมริกัน, CANAL+ (เคเนลพลัส) จากฝรั่งเศส ซึ่งมีฐานสมาชิกรวมกัน 49 ล้านแอ็กเคานต์ เป็นพันธมิตรถ่ายทอดสดรายการ UFC ด้านสตรีมมิงสัญชาติอังกฤษอย่าง DAZN (ดะโซน) ก็เพิ่งประกาศเป็นพันธมิตรกับรายการ RWS เมื่อไม่นานมานี้ 

ข้อมูลอ้างอิงจาก Nielsen และ FlixPatrol

สวธ. ชวนชมละครเพลงเรื่อง “หัวใจอภัยมณี” Heart of Stone The Musical รำลึกกวีเอกสุนทรภู่ สืบสานการใช้ภาษาไทย ระหว่างวันที่ 19-20 กรกฎาคม นี้ ที่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย

(26 มิถุนายน 66) เนื่องในโอกาสวันสุนทรภู่ ซึ่งตรงกับวันที่ 26 มิถุนายน ของทุกปี และวันภาษาไทยแห่งชาติ ซึ่งตรงกับวันที่ 29 กรกฎาคม กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ร่วมกับ สภาวัฒนธรรมเขตปทุมวัน จัดงานแถลงข่าวละครเพลงเรื่อง “หัวใจอภัยมณี” หรือ Heart of Stone the Musical ณ ห้องนิทรรศการหมุนเวียนศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย

นายโกวิท ผกามาศ อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กล่าวว่า กรมส่งเสริมวัฒนธรรม เป็นองค์กรหลักในการส่งเสริมงานวัฒนธรรม การส่งเสริมการสืบทอดการแสดงพื้นบ้าน ผลักดันให้ไปสู่การเป็น Soft Power ซึ่งเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของไทย เพื่อให้วัฒนธรรมไทยสามารถเสริมสร้างเศรษฐกิจผ่านศิลปะการแสดงแขนงต่าง ๆ และเพื่อสงวนรักษา พัฒนา ต่อยอด เผยแพร่มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมไทยสู่ระดับนานาชาติ การจัดแสดงละครเพลงเรื่อง ‘หัวใจอภัยมณี’ จัดขึ้น เพื่อเป็นการรำลึกถึงและเชิดชูเกียรติ พระสุนทรโวหาร เพื่อเป็นการยกระดับวรรณกรรมพื้นบ้านของไทยสู่สากล ผ่านศิลปะการแสดงในรูปแบบใหม่ อีกทั้ง ยังเป็นการเปิดพื้นที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย เป็น Thailand Cultural Centre : Thailand Soft Power Space อันจะนำไปสู่การพัฒนาที่สร้างสรรค์ต่อไป
 
ด้าน รศ.ดร.จารุณี หงส์จารุ อาจารย์ประจำภาควิชาศิลปะการละคร คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ทางคณะสร้างสรรค์ผลงาน มองเห็นความหลากหลายมิติของวรรณคดีไทยเรื่องนี้และได้นำบางช่วงบางตอนของวรรณคดีไทย เรื่อง พระอภัยมณี มาตีความใหม่ผ่านมุมมองใหม่จากคนรุ่นใหม่ เพื่อต้องการจะสื่อสารและเชื่อมโยงกับคนในยุคปัจจุบัน อีกทั้งยังเล่าผ่านในมุมมองของตัวละครที่ชื่อว่า นางผีเสื้อสมุทร จะเป็นครั้งแรกที่ผู้ชมจะได้ชมการเดินทางของตัวละครผ่านละครเพลง ขณะที่ นางศศิชา นิยมสันติ ประธานสภาวัฒนธรรมเขตปทุมวัน กล่าวว่า สภาวัฒนธรรมเขตปทุมวัน ได้เล็งเห็นถึงคุณค่าและความสำคัญของวัฒนธรรมไทยด้านภาษาและวรรณคดีไทย จึงได้จัดโครงการสร้างสรรค์วรรณกรรมสุนทรภู่ สู่ละครเพลง “ หัวใจอภัยมณี ” เพื่อเป็นการยกย่องและเชิดชูเกียรติพระสุนทรโวหาร ซึ่งเป็นบุคคลที่องค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ UNESCO  ยกย่องให้เป็นบุคคลสำคัญของโลก ด้านงานวรรณกรรม เนื่องจากผลงานของท่านเป็นต้นแบบของการประพันธ์ และมีการใช้ภาษาไทยที่สละสลวย สามารถใช้เป็นตัวอย่างที่ดีในการอนุรักษ์ สืบสาน และต่อยอดภาษาไทยให้แก่เยาวชน นักเรียน นิสิต นักศึกษา และประชาชนผู้สนใจ ได้เป็นอย่างดี 

การแสดงละครเพลงเรื่อง “หัวใจอภัยมณี” หรือ  Heart of Stone the Musical ใช้นักแสดง นักดนตรีและทีมงานกว่า 70 ชีวิต  เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวเกี่ยวกับวรรณคดีชิ้นเอกของสุนทรภู่ ครูกวีของไทย หรือ "มหากวีแห่งรัตนโกสินทร์" หรือ "เชกสเปียร์แห่งประเทศไทย" ได้ประพันธ์เรื่องพระอภัยมณี ไว้อย่างสนุกสนาน ล้ำลึก โดยมีตัวละครที่น่าสนใจมากมาย และหนึ่งในตัวละครที่มีเป็นที่รู้จักและมีเรื่องราวที่น่าสนใจมากที่สุดตัวหนึ่งคือ นางผีเสื้อสมุทร ซึ่งแสดงโดย คุณปุณยนุช พรสกุลไพศาล นักแสดงละครเวทีมากประสบการณ์ในเวทีระดับนานาชาติ และการร้อยเรียงและถ่ายทอดเรื่องราว โดยผู้กำกับการแสดง คุณภัสสร์ภวิศา จิวพัฒนกุล ต้องการพาผู้ชมเข้าไปในโลกของผีเสื้อสมุทร เพื่อให้ได้เห็นและเข้าใจชีวิตตัวละครผีเสื้อสมุทรในอีกด้านหนึ่ง  มุมที่เป็นผู้หญิง ที่มีความรักอย่างสุดหัวใจ จนลืมนึกถึงคุณค่าของตนเองไป การเลือกเล่าเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างพระอภัยมณีและผีเสื้อสมุทรให้ชัดเจน ทำให้สามารถถ่ายทอดประเด็นทางสังคมต่าง ๆ ที่ได้รับความสนใจในสังคมปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นประเด็นเรื่องมาตรฐานความงาม (Beauty Standard) คุณค่าในตนเอง (Self-worth) ความรักและความสัมพันธ์ (Love and Relationship)  ที่ สุนทรภู่ได้ประพันธ์ไว้อย่างละเอียดอ่อน และทำให้เห็นถึงอัจฉริยภาพด้านการถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกผ่านภาษาไทยที่งดงาม และบอกเล่าเรื่องราวได้อย่างมีความเป็นสากล มีคุณค่าข้ามผ่านกาลเวลาและนี่ถือเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ที่เรื่องราววรรณคดีเรื่อง พระอภัยมณี จะถูกถ่ายทอดผ่านตัวละครและแง่มุมและการตีความแบบใหม่ๆ ดังกล่าวอีกด้วย
 
สำหรับละครเพลงเรื่อง “หัวใจอภัยมณี” หรือ  Heart of Stone the Musical จะจัดแสดงขึ้นระหว่าง วันที่ 19-20 กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ ณ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย โดยแบ่งการแสดงออกเป็น 3 รอบ ดังนี้ วันที่ 19 กรกฎาคม ๒๕๖๖ เวลา 15.30 น. และ 19.00 น. และ วันที่ 20 กรกฎาคม ๒๕๖๖ เวลา 19.00 น. พร้อมการเสวนาในหัวข้อ “จากวรรณกรรมสู่ละครเพลง หัวใจอภัยมณี“ ซึ่งจะเปิดให้รับชมฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย โดยผู้สนใจสามารถสำรองที่นั่งได้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2566 ที่ WWW.TICKETMELON.COM และสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ LINE@HEARTOFSTONE / LINE@665swnwt  

โอกาสนี้ สวธ. ขอเชิญชวนทุกท่าน ร่วมรำลึกและเชิดชูเกียรติพระสุนทรโวหารในฐานะกวีเอกของไทย รวมถึงช่วยกันรักษา ต่อยอดและเพิ่มมูลค่าทางวัฒนธรรมให้วรรณกรรมพื้นบ้าน เพื่อยกระดับวรรณคดีไทยสู่สากล และติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวต่าง ๆ ได้ที่ www.culture.go.th, เฟซบุ๊ก กรมส่งเสริมวัฒนธรรม และ Line @ วัฒนธรรม 
 
เจนกิจ นัดไธสง รายงาน

ไทย สมายล์ บัส เดินหน้าสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัย อบรมทั้งคนขับรถเมล์ไฟฟ้า และพนักงานให้บริการ เน้นมาตรฐานให้บริการแบบมืออาชีพ

เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2566 กลุ่ม ไทย สมายล์ กรุ๊ป บริษัท ไทย สมายล์ บัส จำกัดจัดอบรมให้ความสำคัญด้านความปลอดภัย รวมถึงมารยาทที่ดีในการให้บริการกับผู้โดยสาร โดยบริษัทฯ ได้ส่งผู้บริหารประจำอู่รถ เจ้าหน้าที่ด้านความปลอดภัย พนักงานขับรถเมล์ไฟฟ้า รวมถึงพนักงานด้านการบริการ กว่า 40 คน เข้ารับอบรม หลักสูตร  Growth Mindset ทักษะและความรู้ความสามารถของเราสามารถพัฒนาได้ผ่านการเรียนรู้และการพยายามฝึกฝน ไม่มีอะไรที่อยู่เหนือความพยายามและความตั้งใจเพื่อปรับเปลี่ยนทัศนคติและพฤติกรรมในการทำงานด้านการบริการเป็นมืออาชีพ สร้างจิตสำนึกการบริการที่ดี

นอกจากนี้ ยังได้เสริมความรู้ด้านเทคนิคและข้อปฏิบัติตามหลักการขับรถที่ถูกต้อง เช่น ทักษะการขับรถที่ปลอดภัย, การขับรถในสถานการณ์ต่าง ๆ อย่างไร เพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ, การบำรุงดูแลรักษารถ รวมถึงกฎระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมก่อนการให้บริการจริง และการสร้างระบบขนส่งมวลชนในอนาคตที่ดี  และ ก้าวเป็นระบบขนส่งชั้นนำระดับภูมิประเทศ ยกระดับมาตรฐานในอาเชียนก็ว่าได้ ไทย สมายล์ บัส เล็งเห็นความสำคัญของการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนเป็นหัวใจสำคัญของการให้บริการ ดังนั้น ไทย สมายล์บัส ไม่เคยหยุดคิดและคงเดินหน้าพัฒนาระบบให้มีมาตรฐานที่ดีที่สุด ส่งต่อให้ผู้ที่ใช้บริการ รถเมล์โดยสารเกิดความรู้สึก สะดวก สะอาด และปลอดภัย อุ่นใจแก่ผู้โดยสารทุกท่าน 

ไทย สมายล์ บัส ขอเน้นย้ำอีกครั้งว่า ทางเราให้ความสำคัญในเรื่องความปลอดภัย มารยาทการให้บริการที่ดีต่อผู้ใช้บริการ รวมถึงเพิ่มมาตรการที่เข้มงวดอย่างต่อเนื่อง มีการจัดอบรมพนักงานอย่างสม่ำเสมอ เพื่อพัฒนาคุณภาพการบริการขนส่งสาธารณะให้มีคุณภาพ สะดวก สบาย สะอาด ปลอดภัย 

หากพบเห็นการปฏิบัติ ในการให้บริการที่ไม่สุภาพของพนักงาน หรือพนักงานขับรถ ขับรถเร็ว ส่งผลให้เกิดความไม่ปลอดภัย สามารถแจ้งข้อมูลได้ที่ call center 02-1131019 ทางบริษัทฯ จะรีบดำเนินการแก้ไขเพื่อให้เกิดมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุด ดังสโลแกนที่ว่า “เดินทางด้วยรอยยิ้ม ใส่ใจสิ่งแวดล้อม"

‘เดอะวอลล์สตรีทเจอร์นัล’ เผย ปักกิ่งเตือน ‘บลิงเคน’ ตัวเก็งผู้นำไต้หวันคนใหม่ อาจทำ ‘ปักกิ่ง-ไทเป’ ตึงเครียดยิ่งขึ้น

เมื่อวันที่ 27 มิ.ย. 66 สื่อดังของอเมริกาเผย จีนเตือนบลิงเคนระหว่างเยือนปักกิ่ง การกระทำของตัวเก็งผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีไต้หวัน อาจทำให้สถานการณ์ระหว่าง ‘ปักกิ่ง-ไทเป’ ตึงเครียดยิ่งขึ้น

หนังสือพิมพ์เดอะวอลล์สตรีทเจอร์นัล รายงานเมื่อวันอาทิตย์ที่ 25 มิ.ย. ที่ผ่านมา โดยอ้างแหล่งข่าววงในว่า เจ้าหน้าที่จีนเตือน ‘แอนโทนี บลิงเคน’ ระหว่างที่รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ผู้นี้เดินทางเยือนจีนเมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว และได้พบกับประธานาธิบดี ‘สี จิ้นผิง’ ว่า การกระทำของรองประธานาธิบดี ‘ไล่ ชิงเต๋อ’ ของไต้หวันที่เป็นตัวเก็งจะชนะการเลือกตั้งต้นปีหน้า อาจทำให้จีน-ไต้หวันร้าวฉานกันมากขึ้น

จากรายงานของเดอะวอลล์สตรีทเจอร์นัล เจ้าหน้าที่จีนถามบลิงเคน ว่า อเมริกามองพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า (ดีพีพี) ของไต้หวันเป็นมิตรหรือไม่ และวอชิงตันมีส่วนได้ส่วนเสียกับผลการเลือกตั้งในไทเปที่จะจัดขึ้นเดือนมกราคมปีหน้าหรือไม่?

รายงานระบุว่า บลิงเคนยืนยันว่า “อเมริกา ‘เป็นกลาง’ ในการเลือกตั้งดังกล่าว และไม่สนับสนุนบุคคลภายนอกเข้าไปก่อกวนกระบวนการเลือกตั้งของไต้หวัน”

ปักกิ่งที่ถือว่าไต้หวันเป็นดินแดนของตน กล่าวหามาตลอดว่า อเมริกาให้ท้ายนักการเมืองที่ ‘สนับสนุนการแบ่งแยกดินแดน’ ในไทเป

ขณะเดียวกัน แม้อเมริกาไม่ได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับไต้หวัน แต่นักการเมืองอเมริกันมีการนัดหมายพบปะกับเจ้าหน้าที่ไทเปบ่อยครั้ง ซึ่งปักกิ่งมองว่า การกระทำดังกล่าว รวมถึงการที่อเมริกาขายอาวุธให้ไต้หวัน เป็นการละเมิดหลักการ ‘จีนเดียว’

เดือนสิงหาคมปีที่แล้ว ปักกิ่งจัดการซ้อมรบขนาดใหญ่รอบเกาะไต้หวันภายหลังการเยือนของแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ในขณะนั้น และอีกครั้งในเดือนมีนาคมปีนี้หลังจากประธานาธิบดีไช่ อิงเหวิน ของไต้หวันเดินทางไปอเมริกา และได้พบกับ ‘เควิน แมคคาร์ธี’ ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ คนปัจจุบัน

ที่ผ่านมา ไล่ ซึ่งมีคะแนนนำในผลสำรวจความคิดเห็นสำหรับการเลือกตั้งประธานาธิบดีไต้หวันปี 2024 ในอดีตเคยประกาศตนเป็น ‘คนทำงานการเมืองเน้นผลทางปฏิบัติเพื่อเอกราชของไต้หวัน’ แต่ต่อมาเขาชี้แจงว่า ไม่ได้พยายามเปลี่ยนแปลงสถานะการเมืองปัจจุบันของไต้หวันแต่อย่างใด

จากข้อมูลของโฟกัส ไต้หวัน ไล่กล่าวเมื่อเดือนมกราคมว่า เขาต้องการย้ำว่า ไต้หวันเป็นประเทศเอกราชที่มีอธิปไตยของตนเองอยู่แล้ว ดังนั้น จึงไม่จำเป็นต้องประกาศเอกราชอีก

ทั้งนี้ บลิงเคนเดินทางเยือนจีนเมื่อวันที่ 18-19 เดือนนี้ และทั้งสองฝ่ายแสดงความเห็นแง่บวกอย่างระมัดระวังเกี่ยวกับผลการเจรจา กระนั้น ปักกิ่งประณามอย่างรุนแรงกรณีที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน เรียก สี ว่า “เผด็จการ” หลังบลิงเคนออกจากปักกิ่งไม่นาน

จ่ายค่าผ่อนบ้านไปจำนวนมาก แต่เงินต้นถูกตัดเข้ายอดหนี้ไม่ถึงครึ่ง ลองวิธี ‘รีเทนชัน’ (Retention) หรือ ‘รีไฟแนนซ์’ (Refinance)

จ่ายค่าผ่อนบ้านไปจำนวนมาก แต่เงินต้นถูกตัดเข้ายอดหนี้ไม่ถึงครึ่ง ที่เหลือโดนดอกเน้น ๆ ถ้าเจอปัญหาไปนาน ๆ คงหนัก!! ลองวิธี ‘รีเทนชัน’ (Retention) หรือ ‘รีไฟแนนซ์’ (Refinance) กันดูน่าจะดีกว่า… ว่าแต่ทั้ง 2 วิธีมีความแตกต่างกันแค่ไหน?... ต้องลองเทียบกันดู เผื่อทางความต้องการผู้อยาก ‘รี’ จะมีความต่างตามเหตุผลเฉพาะตัว

บัณฑิต ‘จุฬา-ธรรมศาสตร์-เกษตร’  กวาดตำแหน่งงาน จาก Top 20 บริษัทชั้นนำของไทย

ข้อมูลที่รวบรวมโดยเว็บไซต์ Candid Data เผยว่า บัณฑิตจาก ‘จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย’ ครองแชมป์สถาบันที่มีตำแหน่งงานในบริษัท Top 20 ของประเทศไทยสูงสุด ที่ 4,085 ตำแหน่ง ในขณะที่อันดับสองตกเป็นของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ที่ 2,572 ตำแหน่ง ส่วนอันดับสามได้แก่ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ที่มีบัณฑิต 2,018 คน เข้าไปร่วมงานในหลากหลายตำแหน่งของบริษัทใหญ่ รวม 3 มหาวิทยาลัย มีจำนวนทั้งสิ้น 8,675 ตำแหน่ง

นอกจากนี้ ยังมีมหาวิทยาลัยชั้นนำอื่นๆ ที่ครองที่นั่งในบริษัทระดับท็อปของประเทศเช่นกัน อาทิ มหาวิทยาลัยมหิดล, มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ, สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง, มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ฯลฯ รวมทั้งสิ้น 5,532 ตำแหน่ง
 ‘จุฬา - มธ. - เกษตร’ กวาดที่นั่งบริษัทดังกว่าครึ่ง

ตำแหน่งงานทั้งหมดจากการสำรวจในครั้งนี้มี 14,207 ตำแหน่ง เท่ากับว่า บัณฑิตจาก 3 มหาวิทยาลัย ได้แก่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กว่าที่นั่งไปทั้งสิ้น 61% คิดเป็นกว่าครึ่งจากจำนวนที่นั่งทั้งหมด โดยมหาวิทยาลัยที่ครองตำแหน่งสูงสุดอย่าง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ครองตำแหน่งคิดเป็น 28.7% หรือมากกว่า 1 ใน 4 ของตำแหน่งทั้งหมดในบริษัทชั้นนำของไทย

นอกจากนี้ Candid Data ยังเผยว่าในบรรดาบริษัทที่ติดโผนั้น บัณฑิตจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ครองอันดับสูงสุดในแทบทุกบริษัท ยกเว้น AIS, SCB, และ Boon Rawd Brewery ที่มีบัณฑิตจากรั้วเกษตรศาสตร์เข้าทำงานสูงสุด ส่วน Tesla นั้นมีบัณฑิตจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ทำงานอยู่มากสุด
ชาวเน็ตตั้งข้อสงสัย ไหนว่าเรียนที่ไหนก็เหมือนกัน?

หลังบทความดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป ก็ได้รับความสนใจจากชาวเน็ตเป็นจำนวนมาก ซึ่งมีชาวเน็ตจำนวนไม่น้อยที่เข้ามาตั้งคำถามในทำนองว่า ‘ไหนว่าเรียนที่ไหนก็เหมือนกัน?’ สะท้อนปัญหาด้านความเชื่อมั่นที่บริษัทต่างๆ มีต่อสถาบันการศึกษาที่แตกต่างกัน รวมถึงคุณภาพการศึกษาจากสถาบันการศึกษาในประเทศไทยที่มีอยู่มากมาย

อีกด้านหนึ่ง ก็มีผู้ตั้งคำถามถึง ‘โอกาสในการเข้าถึงการศึกษาที่ต่างกัน’ โดยประชากรที่เกิดในบ้านที่มีชนชั้นทางเศรษฐกิจที่สูงกว่า ก็มีโอกาสที่จะเลือกมหาวิทยาลัยได้มากกว่า นำไปสู่โอกาสที่จะเข้าไปทำงานในบริษัทชั้นนำได้มากกว่าเช่นกัน

ที่ทำงาน / สถาบันการศึกษา ไม่ได้การันตีความสำเร็จในชีวิต
แม้บริษัทที่ทำการสำรวจนี้ จะเป็นบริษัทจาก “สุดยอดบริษัทที่คนรุ่นใหม่อยากร่วมงานด้วย 2023” ที่รวบรวมโดย WorkVenture แต่ก็มิได้หมายความว่ากลุ่มคนเหล่านี้คือผู้ประสบความสำเร็จอย่างสูงสุดในชีวิต เพราะเป้าหมายชีวิต และนิยามของความสำเร็จนั้นแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล บางคนนิยามความสำเร็จด้วยชื่อบริษัทที่ตนทำงาน, บางคนมองว่าการเป็นเจ้าของธุรกิจคือความสำเร็จ, บางคนมองหาความพอดีระหว่างชีวิตทำงานและชีวิตในมิติอื่นๆ

สถาบันการศึกษา องค์กรที่ทำงาน เป็นเพียงบันไดหนึ่งขั้นที่จะช่วยให้ชีวิตดำเนินไป พึงเลือกบันไดที่ใช่ ที่เหมาะสม เพื่อจะได้ก้าวไปสู่ ‘ความสำเร็จ’ ตามนิยามของตัวคุณเอง

ที่มา :  https://www.amarintv.com/spotlight/future-of-work/detail/47691
https://candiddata.co/2023/05/31/dashboard-graduate-placement-2023/

 

‘ปกรณ์ จีนาคำ’ ส.ส.แม่ฮ่องสอน พรรคพลังประชารัฐ ให้กำลังใจ จนท.ศูนย์ช่วยเหลือผู้ลี้ภัยฯ เร่งสนับสนุนดูแล ด้านสาธารณสุข

นายปกรณ์ จีนาคำ ส.ส.แม่ฮ่องสอน เขต 1 พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)เปิดเผยว่า ตนได้ลงพื้นที่บริเวณบ้านพะแข่ ตำบลแม่กิ๊ อำเภอขุนยวม จังหวัดแม่ฮ่องสอน เพื่อดูสถานการณ์ผู้อพยพจากเหตุการสู้รบประเทศในรัฐคะเรนนี ประเทศเมียนมา ซึ่งขณะนี้มีผู้อพยพลี้ภัยสงครามเข้าไทยต่อเนื่อง ทำให้เจ้าหน้าที่ ๆ เกี่ยวข้องต้องทำงานกันอย่างหนัก ตนจึงไปให้กำลังใจเจ้าหน้าทหาร อาสาสมัคร ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน และจิตอาสาทุกคนที่ปฎิบัติหน้าที่ดูแลผู้อพยพกว่า 830 คน

"ผมขอขอบพระคุณ กลุ่มสะพานบุญครูหนึ่ง เพื่อนอนุบาลแม่ฮ่องสอน และผู้มีจิตรศรัทธาทุก ๆ ท่าน ที่บริจาคสิ่งของต่าง ๆ  เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้หลบหนีภัยจากการสู้รบตามแนวชายแดนไทย-เมียนมาในครั้งนี้ และขอขอบคุณหน่วยงานปกครอง ทหาร ท้องถิ่น สาธารณสุข เข้ากำกับควบคุมดูแลผู้ลี้ภัยได้ดีมาก"

ทั้งนี้ นายปกรณ์ ได้แสดงความห่วงใยในจัดการระบบสาธารณสุข เพราะขณะนี้มีผู้ป่วยเป็นจำนวนมากในศูนย์อพยพแห่งนี้  ซึ่งได้เร่งให้การสนับสนุน เพื่อดูแลด้านสาธารณสุขในศูนย์  นอกจากนี้ในพื้นที่จ.แม่ฮ่องสอนยังมีศูนย์อพยพต.เสาหิน อ.แม่สะเรียง ที่มีผู้ลี้ภัยมากว่า 3,000 คน ซึ่งเป็นผู้อพยพที่เข้ามาเพิ่มเติม บ้านจอภาคี  บ้านอุนุ  ต.แม่คง อ.แม่สะเรียง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top