Saturday, 10 May 2025
NewsFeed

จำนวนผู้โดยสารที่ใช้บริการ ‘รถไฟจีน’ ยอดพุ่งทะลุ 70 ล้านครั้ง เร่งเพิ่มกำลังการขนส่ง รองรับผู้โดยสารในช่วงเทศกาลเรือมังกร

เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. 66 สำนักข่าวซินหัว, ปักกิ่ง รายงานว่า บริษัท การรถไฟแห่งประเทศจีน จำกัด รายงานว่า ปริมาณการหมุนเวียนของผู้โดยสารรถไฟในจีนพุ่งสูงขึ้น ระหว่างมหกรรมการเดินทางช่วงหยุดเทศกาลเรือมังกรที่ผ่านมา

รายงานระบุว่า ปริมาณการเดินทางของผู้โดยสารรถไฟทั่วจีน ระยะ 5 วัน (นับระหว่างวันที่ 21-25 มิ.ย.) สูงเกือบ 70.38 ล้านครั้ง ซึ่งมากกว่ามหกรรมการเดินทางช่วงหยุดเทศกาลเรือมังกรในปี 2019 ราว 7.14 ล้านครั้ง

โดยเมื่อวันที่ 22 มิ.ย. ที่ผ่านมา ปริมาณการเดินทางของผู้โดยสารรถไฟรายวันในจีน สูงแตะ 16.09 ล้านครั้ง ซึ่งถือเป็นการเดินทางของผู้โดยสารภายในวันเดียวที่สูงเป็นประวัติการณ์ ระหว่างมหกรรมการเดินทางช่วงหยุดเทศกาลเรือมังกร

อนึ่ง หน่วยงานการรถไฟของจีนได้เพิ่มกำลังการขนส่งผู้โดยสาร เพื่อตอบสนองความต้องการเดินทางของประชาชน พร้อมกับยกระดับคุณภาพการบริการเพื่อประสบการณ์การเดินทางที่ดียิ่งขึ้นของเหล่าผู้โดยสาร

สำหรับเทศกาลเรือมังกร หรือ ‘เทศกาลตวนอู่’ ซึ่งตรงกับวันที่ 5 เดือน 5 ตามปฏิทินจันทรคติจีน และตรงกับวันพฤหัสบดีที่ 22 มิ.ย. ในปีนี้
 

ตำรวจไซเบอร์​จับเครือข่ายอ้างเป็นตำรวจเมืองบุรีรัมย์ หลอกโอนเงินตรวจสอบ เหยื่อสูญเกือบ 2 ล้าน

กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ได้สั่งให้กวาดล้างอาชญากรรมทางเทคโนโลยี

​สืบเนื่องจากผู้เสียหายถูกคนร้ายโทรมาอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคารกรุงเทพ แจ้งว่ามีการเอาข้อมูลผู้เสียหายไปเปิดใช้บัตรเครดิตและค้างชำระ ให้ผู้เสียหายแจ้งความออนไลน์โดยให้โอนสายไปยังคนร้ายที่อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ จากนั้นได้ให้ผู้เสียหายแอดไลน์ชื่อ “สถานีตำรวจภูธรเมืองบุรีรัมย์” และได้คุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ต่อมาคนร้ายได้โอนสายให้ผู้เสียหายพูดคุยกับผู้กำกับการ สถานีตำรวจภูธรเมืองเชียงราย เพื่อให้ผู้เสียหายหลงเชื่อว่าเหตุการณ์ที่สนทนากันเป็นเรื่องจริง ซึ่งคนร้ายได้หว่านล้อมข่มขู่ผู้เสียหายให้เกิดความกลัวว่าจะต้องถูกดำเนินคดี โดยผู้เสียหายต้องโอนเงินเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ จากพฤติกรรมของคนร้ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ดังกล่าว จึงทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินเข้าบัญชีของกลุ่มคนร้ายหลายครั้ง ผู้เสียหายเห็นว่าผิดปกติ เชื่อว่าถูกกลุ่มมิจฉาชีพหลอกลวง จึงแจ้งความดำเนินคดี จากการตรวจสอบข้อมูลในระบบรับแจ้งความออนไลน์ เรื่องขบวนการคอลเซ็นเตอร์แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองบุรีรัมย์ พบความเชื่อมโยง 11 Case ID เสียหายรวมกว่า 1,876,000 บาท

​ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้สืบสวนว่า น.ส.ปราถนา (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 44 ปี พักอาศัยในพื้นที่จังหวัดปทุมธานี จนกระทั่งวันที่ 25 มิถุนายน 2566 เวลาประมาณ 15.30 น. เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ได้รับแจ้งจากสายลับ พบหญิงที่มีรูปพรรณสัณฐานตรงกับ น.ส.ปราถนาฯ จึงเดินทางไปตรวจสอบ และเข้าจับกุม ในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยการแสดงตนเป็นคนอื่น,นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูล
คอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน”

เบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้จัดทำบันทึก
การจับกุม และนำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.1 บก.สอท.5 เพื่อดำเนินการตามกฏหมายต่อไป

ผลการปฏิบัติภายใต้การอำนวยการของ  พล.ต.ต.ชรินทร์ โกพัฒน์ตา ผบก.สอท.5 , พ.ต.อ.ศุภกร ธัญญกรรม ผกก.1 บก.สอท.5, ได้สั่งการ พ.ต.ท.ปริพล นาคลำภา สว.กก.1 บก.สอท.5 พร้อมชุดสืบสวนดำเนินการจับกุม

“เกษตรฯ.”จับมือญี่ปุ่นเดินหน้าโครงการแปรรูปสาหร่ายเป็นน้ำมันชีวภาพและผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เปิดเผยวันนี้ภายหลังเป็นประธานการประชุมโครงการผลิตน้ำมันจากสาหร่ายและแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์มูลค่าสูงโดยมีผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วยดร.อังศุธรมหิทธิกุล ผู้จัดการสถาบันนวัตกรรมและบ่มเพาะธุรกิจ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) นายณัฐพล วชิรโรจน์ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) น.ส.มนทกานติ ท้ามติ้น ผอ.ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จ.จันทบุรี  ผู้แทนกรมประมง  พลเรือเอก ดร.สมัย ใจอินทร์ อดีตผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพเรือและกรรมการมูลนิธิสถาบันพลังงานทางเลือกแห่งประเทศไทย นส.สภาวรรณ พลบุตร ผู้แทนมูลนิธิเวิลด์วิว ไคลเมท(Worldview Climate Foundation , Thailand) นายโชติ พืงเจริญพงศ์ คณะทำงานที่ปรึกษารัฐมนตรีเกษตร นายมาซาฮิโร คาบาชิมา (Mr. Masahiro Kabashima)ผู้แทนบริษัทชิโตเซะผู้ผลิตน้ำมันจากสาหร่ายรายแรกของประเทศญี่ปุ่นว่า ที่ประชุม ได้ร่วมหารือความร่วมมือโครงการผลิตน้ำมันจากสาหร่าย และผลิตภัณฑ์จากสาหร่ายสู่เกษตรมูลค่าสูง ทั้งนี้ ผู้แทนบริษัทชิโตเซะผู้ผลิตน้ำมันจากสาหร่ายรายแรกของประเทศญี่ปุ่นยินดีที่จะสนับสนุนความรู้และประสบการณ์ของบริษัทที่ได้วิจัยพัฒนาการเพาะเลี้ยงสาหร่ายผลิตเป็นน้ำมันรวมทั้งการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆมากว่า10ปีและพร้อมจะมาลงทุนในประเทศไทยโดยการสนับสนุนของรัฐบาลญี่ปุ่น

นายอลงกรณ์กล่าวว่า ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มีนโยบายส่งเสริมสาหร่ายเป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ กรมประมงจึงดำเนินการรวบรวมผลงานวิจัยและพัฒนาสาหร่ายและเริ่มสนับสนุนให้เกษตรกรและภาคเอกชนเพาะเลี้ยงสาหร่ายเพื่อทดแทนการนำเข้าจากต่างประเทศมาใช้ในการบริโภค อุตสาหกรรมอาหารและอุตสาหกรรมอื่นๆ รวมทั้งการผลิตเป็นน้ำมันชีวภาพ นอกจากนี้ตนยังได้ประชุมหารือกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยขอให้นำสาหร่ายที่เพาะเลี้ยงในประเทศใช้ทดแทนการนำเข้าจากต่างประเทศ

นอกจากนี้ บริษัทบางจากได้พัฒนาสาหร่ายเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆเช่นเวชสำอางค์ อาหารเสริม ส่วนปตท.ร่วมกับ”วว.”(สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย Thailand Institute of Scientific and Technological Research (TISTR)จัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศด้านสาหร่าย(Algal Excellent Center- ALEC)ทำการวิจัยและพัฒนาสาหร่ายน้ำจืดเป็นน้ำมันแต่ยังมีต้นทุนสูงหากได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้สร้างความร่วมมืออย่างใกล้ชิดหรือร่วมลงทุนวิจัยพัฒนาต่อยอดเทคโนโลยีกับทางญี่ปุ่นซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาสาหร่ายสู่เกษตรมูลค่าสูงได้อย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็ว

ยิ่งกว่านั้น สาหร่ายยังเป็นพืชที่ดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากกว่าต้นไม้หลายเท่าช่วยลดก๊าซเรือนกระจกลดโลกร้อนสร้างคาร์บอนเครดิตให้กับประเทศไทยจึงได้เชิญมูลนิธิเวิลด์วิว ไคลเมท(Worldview Climate Foundation , Thailand)และมูลนิธิสถาบันพลังงานทางเลือกแห่งประเทศไทยมาช่วยขับเคลื่อนโครงการพัฒนาสาหร่ายและมอบหมายให้กรมประมงจัดประชุมเชิงปฏิบัติการเรื่องการพัฒนาสายพันธุ์และแปรรูปสาหร่ายเป็นน้ำมันชีวภาพและเกษตรมูลค่าสูงในเร็วๆนี้เพื่อเร่งการนำสาหร่ายมาสร้างอาชีพและใช้ประโยชน์ในด้านต่างๆ.

‘วัดอินทาราม’ ขึ้นป้ายเป็นที่สะดุดตา ชวนนักท่องเที่ยว แวะขอพร-ลอดซุ้ม ไล่สิ่งอัปมงคล

จากกรณี ‘ลิซ่า BLACKPINK’ ที่ได้ไปเที่ยวอยุธยา กับ 3 วัดสวย วัดมหาธาตุ-วัดหน้าพระเมรุ-วัดแม่นางปลื้ม

แต่งานนี้วัดอินทาราม ก็ไม่พลาดขึ้นป้ายชวนเช็คอิน "วัดนี้ลิซ่าผ่าน" ซึ่งเป็นที่สะดุดตา โดยทำเป็นแผ่นป้ายไวนิล ขนาดใหญ่ ติดเอาไว้ที่ซุ้มประตูทางเข้าวัด มีรูปลิซ่า ศิลปินชื่อดัง พร้อมกับข้อความ "วัดนี้ลิซ่าผ่าน แวะมาไหว้พระขอพรได้จ้า"

ซึ่งท่านพระครูปลัดยุทธนา ธนปญฺโญ เจ้าอาวาสวัดอินทาราม เปิดเผยถึงความเป็นไปเป็นมาของป้าย เนื่องจากเป็นความคิดของลูกศิษย์เนื่องจากที่มีกระแส ลิซ่า Black Pink มาเที่ยววัดอยุธยา โดยเฉพาะที่วัดแม่นางปลื้มที่ ลิซ่ามีการถ่ายภาพแล้วโพสต์ จนมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวจำนวนมาก จึงมีความคิดว่าวัดอินทาราม ก็เป็นวัดหนึ่งที่สวยงามและมีประวัติศาสตร์ความเป็นไปเป็นมาที่น่าสนใจ

วัดอินทารามก็เป็นวัดทางผ่านก่อนจะถึงวัดแม่นางปลื้มเพียง 500 เมตร ซึ่งเป็นวัดที่ลิซ่าขับรถผ่านจึงมีแนวความคิดทำป้ายเพื่อให้ประชาชน แวะเข้ามากราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในวัดก่อนจะเดินทางไปกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในวัดแม่นางปลื้ม สำหรับวัดอินทาราม มีโบสถ์ที่สวยงามและมีการปรับแต่งภูมิทัศน์รอบโบสถ์ ให้เป็นแหล่งเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ในวรรณคดีไทย

โดยเฉพาะซุ้มหน้าอุโบสถ์ สร้างเป็นพระสมเด็จองค์ปฐม  พญาครุฑ เชื่อว่าหากรอดผ่านประตูซุ้มก่อนเขาอุโบสถ์ จะทำให้สิ่งไม่ดีหรือสิ่งอัปมงคลเสื่อมหายไป ส่วนบริเวณในอุโบสถ์ มีหลวงพ่อโตเป็นพระประธานและ หลวงพ่อธรรมจักร ขจัดภัย ซึ่งเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำวัด มีอายุกว่า 600 ปี และเชื่อได้ว่าหากผู้ใดเข้า มากราบไหว้ขอพร หลวงพ่อธรรมจักรขจัดภัยก็จะช่วยปัดเป่าสิ่งไม่ดีออกไป

สมุทรปราการ-ทีฆายุโก โหตุ สังฆราชา “พระครูแจ้” เจ้าอาวาสวัดดังบางพลี!! แจกข้าวสารกว่า 1,000 ถุง เนื่องในโอกาสฉลองพระชนมายุ 8 รอบ สมเด็จพระสังฆราชฯ

เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (อัมพร อมฺพโร) สมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 20 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ มีพระนามเดิมว่า อัมพร ประสัตถพงศ์ ประสูติเมื่อวันอาทิตย์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2470 ตรงกับแรม 12 ค่ำ เดือน 7 ปีเถาะ ณ ตำบลบางป่า อำเภอเมืองราชบุรี จังหวัดราชบุรี

ทางวัดบางพลีใหญ่กลาง ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ โดยท่านพระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ (พระครูแจ้) เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ จึงได้ประกอบพิธีแจกข้าวสารแก่เด็กนักเรียน จำนวนกว่า 1,000 ถุง เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก

ประกอบกับ ท่านพระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ (พระครูแจ้) เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง มีจิตเมตตาแก่น้องๆหนูๆ นักเรียนโรงเรียนวัดบางพลีใหญ่กลาง โดยท่านพระครูแจ้ ท่านได้นำข้าวสารถุงละ 5 กิโลกรัม ที่ได้รับมอบจากทางครอบครัว “เลิศอริยานันท์” ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อริยะอีควิปเม้นท์ จำกัด ซึ่งก่อนหน้านี้ทางครอบครัว เลิศอริยานันท์ ได้นำข้าวสาร จำนวน 1,100 ถุง พร้อมด้วย น้ำดื่ม อีกจำนวน 1,100 แพค นำมาถวายให้กับท่านพระครูแจ้

จากนั้น ท่านพระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ (พระครูเเจ้) เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง ได้ประสานไปยังผู้อำนวยการโรงเรียนวัดบางพลีใหญ่กลาง เพื่อที่จะมอบข้าวสารให้แก่น้องๆ หนูๆ นักเรียนทุกคน นำไปให้ผู้ปกครองหุงข้าวกินที่บ้าน เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระของผู้ปกครองได้ในระดับนึง โดย ท่านพระครูแจ้ได้มอบข้าวสาร ถุงละ 5 กิโลกรัม มอบให้แก่เด็กนักเรียนชั้นประถมศึกษา ตั้งแต่ชั้น ป.1 ถึงชั้น ป.6  โรงเรียนวัดบางพลีใหญ่กลาง จำนวนทั้งสิ้น 1,080 คน คนละ 1 กระสอบ อีกทั้ง ยังได้มอบข้าวสารให้กับสื่อมวลชนที่ได้ไปร่วมทำข่าว อีกคนละ 1 กระสอบ เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระและนำกับไปหุงกินที่บ้าน

โดยท่าน พระครูแจ้ เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง กล่าวว่า ข้าวสาร และสิ่งของต่างๆ ที่ทางญาติโยมได้นำมาถวายนั้น ทางวัดบางพลีใหญ่กลางจะนำสิ่งของเหล่านั้น นำไปมอบให้กับเด็กนักเรียนรวมถึงนำไปช่วยเหลือญาติโยมที่ยากจนในเขตพื้นที่ต่างๆ ตลอดจนปัจจัยที่ญาติโยมได้นำมาถวายก็จะนำไปสมทบทุนก่อสร้างอาคารเรียนให้กับนักเรียนทางภาคใต้ ที่ตอนนี้กำลังดำเนินการก่อสร้างอยู่คาดว่าคงแล้วเสร็จภายในปี 2566 นี้

อย่างไรก็ตาม ขออนุโมทนาบุญกับญาติโยมทุกคนที่มีจิตเมตตา นำข้าวสาร อาหารแห้ง รวมถึงน้ำดื่ม และปัจจัยที่นำมาถวายให้กับทางวัดบางพลีใหญ่กลางใน ครั้งนี้ สิ่งของทุกอย่างก็จะนำไปต่อยอดนำไปบริจาคให้กับญาติโยมที่ยากจนและเป็นทุนการศึกษาให้แก่เด็กนักเรียนที่เรียนดีแต่มีฐานะยากจนต่อไป ดั้งคำที่ว่า ถวายให้ฉันมา ฉันก็แจกหมด

คิว-ข่าวสมุทรปราการ รายงาน
 

ผบ.ตร.พร้อมครอบครัวกิตติประภัสร์ มอบเงินทำบุญ 21 ล้านบาท ที่ได้จากงานพระราชทานเพลิงศพคุณพ่อสวัสดิ์ กิตติประภัสร์ ให้ รพ.ตำรวจ และรพ.รามาธิบดี เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้คุณพ่อสวัสดิ์ ด้วยการส่งต่อกำลังบุญช่วยเหลือผู้ป่วยและสนับสนุนการปฏิบัติงานของบุคลากรทางก

 

วันนี้ (27 มิ.ย.66) เวลา 10.00 น. ณ ห้องพรหมนอก อาคาร 1 ชั้น 2 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และคุณแม่บัวลอย กิตติประภัสร์ พร้อมครอบครัวคุณพ่อสวัสดิ์ กิตติประภัสร์ มอบเงิน 21 ล้านบาทให้แก่ รพ.รามาธิบดีและ รพ.ตำรวจ โดยมี รศ.นพ.สุรศักดิ์ ลีลาอุดมลิปิ ผอ.รพ.รามาธิบดีและกรรมการบริหารมูลนิธิรามาธิบดี และ พล.ต.ท.โสภณรัชต์ สิงหจารุ นายแพทย์ใหญ่ (สบ 8) รพ.ตร.เป็นผู้รับมอบ พร้อมด้วยบุคคลากรทางการแพทย์ แขกผู้มีเกียรติเข้าร่วม

สืบเนื่องจาก ผบ.ตร.และคุณแม่บัวลอย กิตติประภัสร์ พร้อมครอบครัวคุณพ่อสวัสดิ์ กิตติประภัสร์ มีความประสงค์จะนำเงินทำบุญที่ได้จากงานพระราชทานเพลิงของคุณพ่อสวัสดิ์ กิตติประภัสร์ จำนวน 21 ล้านบาท บริจาคให้โรงพยาบาลตำรวจและโรงพยาบาลรามาธิบดี โดยแบ่งเป็น มอบให้ มูลนิธิรามาธิบดี 11 ล้านบาท ได้แก่ ทุนโครงการอาคารโรงพยาบาลรามาธิบดีและย่านนวัตกรรมโยธี 5 ล้านบาท ทุนเพื่อผู้ป่วยโรคหัวใจล้มเหลว 5 ล้านบาท ทุนโครงการทุนการศึกษารามาธิบดีเพื่อนักศึกษาแพทย์และพยาบาล 1 ล้านบาท


มอบให้มูลนิธิโรงพยาบาลตำรวจในพระบรมราชินูปถัมภ์ จำนวน 10 ล้านบาท เพื่อเป็นทุนเรื่มต้นในการจัดซื้อเครื่องเพทซีทีสแกน (PET/CT SCAN) เพื่อประสิทธิภาพสูงในการตรวจวินิจฉัยโรคมะเร็ง ซึ่งถือเป็นกองทุนเริ่มต้นของการระดมจัดซื้อเครื่องดังกล่าวที่มีมูลค่าประมาณ 140 ล้านบาท สำหรับเงินร่วมทำบุญส่วนที่จะเหลือจะได้นำไปบริจาคให้ รพ.และบริจาคเพื่อการกุศลต่อไป

ทั้งนี้ ผบ.ตร.และคุณแม่บัวลอย กิตติประภัสร์ พร้อมครอบครัวคุณพ่อสวัสดิ์ กิตติประภัสร์ ได้ขอบคุณแขกผู้มีเกียรติทุกท่านเป็นอย่างสูง สำหรับปัจจัยที่ร่วมทำบุญในงานพระราชทานเพลิงของคุณพ่อสวัสดิ์ กิตติประภัสร์ ซึ่งได้นำมาบริจาคให้แก่โรงพยาบาลทั้งหมด โดยไม่หักค่าใช้จ่ายการจัดงาน เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้คุณพ่อสวัสดิ์ ส่งต่อกำลังบุญในการช่วยผู้ป่วยและสนับสนุนการปฏิบัติงานของบุคลากรทางการแพทย์ต่อไป

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เร่งแก้ประวัติอาชญากร “ลบประวัติ ล้างความผิด คืนชีวิตให้ประชาชน”พร้อมแถลงผลการปรับปรุงระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่าด้วยประมวลระเบียบการตำรวจไม่เกี่ยวกับคดี ลักษณะที่ 32 การพิมพ์ลายนิ้วมือ พ.ศ. 2566

ด้วยปรากฎว่าปัจจุบันสังคมให้ความสำคัญต่อการตรวจสอบประวัติของบุคคลมากขึ้น หน่วยงานต่าง ๆ  ทั้งภาครัฐ และเอกชน มีความต้องการบุคคลที่ปราศจากประวัติอาชญากรรมเข้าทำงานในองค์กร/บริษัทของตน จึงมีการกำหนดหลักเกณฑ์ในการตรวจสอบคุณสมบัติต่าง ๆ ซึ่งประชาชนต้องแสดงผลการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมประกอบในการสมัครงานด้วย ประชาชนซึ่งเคยมีประวัติถูกฟ้องคดีอาญา แต่ศาลยกฟ้อง จะยังมีประวัติอาชญากรรมอยู่ในฐานข้อมูลของกองทะเบียนประวัติอาชญากร ทำให้อาจถูกตัดสิทธิ์ ไม่ได้รับการพิจารณาเข้าทำงาน ขาดโอกาสในการกลับไปใช้ชีวิตใหม่เฉกเช่นประชาชนคนอื่น 

ในการนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ได้เล็งเห็นความสำคัญของเรื่องดังกล่าว จึงได้มอบหมายให้ สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ โดยกองทะเบียนประวัติอาชญากรเร่งศึกษาและแก้ไขระเบียบฯ ในเรื่องดังกล่าว เพื่อคืนความเป็นธรรมให้แก่ประชาชนผู้บริสุทธิ์ให้สามารถกลับไปใช้ชีวิตตามปกติสุขได้ในสังคม  และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานด้านการทะเบียนประวัติอาชญากรของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้อยู่ในระดับมาตรฐานสากล สอดคล้องและเหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบันอย่างเร่งด่วน โดยล่าสุดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ประกาศใช้ระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่าด้วยประมวลระเบียบการตำรวจไม่เกี่ยวกับคดี ลักษณะที่ 32 การพิมพ์ลายนิ้วมือ พ.ศ. 2566 แล้ว เมื่อ 27 เมษายน 2566 ซึ่งปัจจุบันระเบียบฉบับนี้มีผลบังคับใช้แล้ว เมื่อ 27 พฤษภาคม 2566 


พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า เดิมตามระเบียบการปฏิบัติของตำรวจนั้นได้กำหนดให้นำข้อมูลและลายพิมพ์นิ้วมือผู้ต้องหามาจัดเก็บลงในฐานข้อมูลทะเบียนประวัติอาชญากรไว้ก่อน แม้ต่อมาพนักงานอัยการจะมีคำสั่งไม่ฟ้องหรือศาลมีคำพิพากษายกฟ้อง ก็ไม่ได้นำรายชื่อของผู้ต้องหาหรือจำเลยนั้นออกจากทะเบียนประวัติอาชญากรโดยอัตโนมัติ แต่สถานีตำรวจเจ้าของคดีต้องรายงานผลคดีมายังกองทะเบียนประวัติอาชญากรเพื่อคัดชื่อออก ซึ่งทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน จึงได้มีการจัดทำโครงการ “ลบประวัติ ล้างความผิด คืนชีวิตให้ประชาชน” เพื่อคืนความเป็นธรรมให้แก่ประชาชนผู้บริสุทธิ์ให้สามารถกลับไปใช้ชีวิตตามปกติสุขได้ในสังคม  โดยระเบียบฉบับนี้มีการแก้ไขปรับปรุงการจัดเก็บประวัติบุคคลออกเป็น 3 ทะเบียน ได้แก่ 
• ทะเบียนประวัติผู้ต้องหา คือข้อมูลบุคคลที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดอาญา แต่ยังมิได้ถูกฟ้องต่อศาล หรือฟ้องต่อศาลแต่คดียังไม่ถึงที่สุด ห้ามเปิดเผย เว้นแต่ใช้เพื่องานสืบสวนสอบสวน งานสำนักพระราชวัง งานสมัครเข้ารับราชการ

• ทะเบียนประวัติผู้กระทำความผิดที่มิใช่อาชญากร คือ ข้อมูลบุคคลที่ศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดว่าได้กระทำความผิด โดยศาลลงโทษ จำคุกไม่เกิน   1 เดือน หรือรอการลงโทษ หรือมีเพียงโทษปรับ หรือกักขัง รวมถึงกระทำผิดโดยประมาท ห้ามเปิดเผยทั่วไปเว้นแต่ใช้เพื่อ งานสืบสวนสอบสวน งานขออนุญาตตามที่กฎหมายกำหนด

• ทะเบียนประวัติอาชญากร คือ ข้อมูลบุคคลที่ศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดว่าได้กระทำความผิด โดยศาลลงโทษ จำคุกเกินกว่า 1 เดือนขึ้นไป โดยไม่รอการลงโทษ ยกเว้นการกระทำผิดโดยประมาท

รวมถึงกำหนดหลักเกณฑ์ในการลบหรือถอนประวัติอาชญากรของบุคคลที่ถูกบันทึกไว้ในประวัติอาชญากร ให้สอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชนอีกด้วยที่เข้าหลักเกณฑ์ตามระเบียบ เช่น เมื่อศาลยกฟ้อง อัยการมีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้อง เป็นต้น โดยเมื่อมีการแบ่งทะเบียนในการจัดเก็บข้อมูลตามระเบียบฯ นี้ จะทำให้มีบุคคลที่มีชื่ออยู่ในทะเบียนประวัติอาชญากรเพียง 3,708,359 ราย จากทั้งหมด 13,079,324 ราย

เปิดใจ ‘กัปตันเค-สุทธิกาจ’ ผู้พัฒนาแอป ‘จับยาม’  ช่วย ‘สายมู’ ทุกการตัดสินใจในเรื่องสำคัญของชีวิต

จากกัปตันสายการบินพาณิชย์ สู่ซินแสผู้พัฒนาแอป ‘จับยาม’ (JUB-YAM) ‘กัปตันเค-สุทธิกาจ พัฒนสุข’ ที่รวบรวมเอาศาสตร์การทำนายของชาวจีนที่มีมายาวนานกว่า 4,000 ปี มาผสมผสานกับเทคโนโลยีจนกลายเป็นแอปพลิเคชันที่ช่วยให้ ‘สายมู’ วางแผนชีวิต ตัดสินใจในเรื่องสำคัญต่างๆ จากคำทำนายเฉพาะบุคคลตามดวงชะตาจากวันเดือนปีเกิดของคุณเอง ที่จะช่วยให้เราไม่พลาดทุกการตัดสินใจ

>> ผสานหลากศาสตร์จีนสู่คำทำนายหนึ่งเดียว
สุทธิกาจ เล่าว่าก่อนที่จะมาศึกษาเรื่องโหราศาสตร์จีนและศาสตร์ลายเซ็น เพราะลายเซ็นต์คนเราสามารถวิเคราะห์ตัวตน และอาชีพการงานของเขาได้ สามารถแก้ไขลายเซ็นให้เหมาะสมกับพลังงานธาตุประจำตัวได้ เป็นวิชาพื้นฐานแรกที่ทำให้ผมรู้สึกว่า คนเรามีธาตุประจำตัว แล้วถ้ามีธาตุเราจะเอามาทำอะไรได้บ้าง ก็เลยลองเริ่มศึกษาเรื่อยๆ จนมาจับกับเรื่องระบบปฏิทิน และโหราศาสตร์จีน

“ผมเรียนเกี่ยวกับโหราศาสตร์จีน และศาสตร์การทำนายของจีนอื่นๆ มาเยอพอสมควร จึงเอาองค์ความรู้ทุกอย่างในศาสตร์การทำนายของจีนมาเพื่อใช้งานในแบบเฉพาะของตัวเอง อย่างระบบปฏิทินที่ใช้ในแอปจับยามผมก็เป็นคนสร้างเอง เรารู้สึกว่าเวลาที่เราพัฒนาสร้างเองมันสามารถใช้งานได้จริง วิชาที่ใช้ในการทำงานส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับเรื่องธาตุพลังงานต่างๆ ซึ่งเป็นเรื่องพื้นฐานของวิชาโหราศาสตร์จีนอยู่แล้ว ผมก็ไปปรึกษากับเพื่อน ก็ได้รับคำแนะนำว่าศาสตร์ที่ผมพัฒนาขึ้นนี้สามารถพัฒนาให้คนทั่วไปรู้จักได้ จึงลงตัวที่การพัฒนาเป็นแอปจับยาม” สุทธิกาจ เล่าถึงจุดเริ่มต้นการพัฒนาจับยาม ผู้ช่วยสายมูที่ผู้ใช้สามารถเช็กดวงชะตาและฤกษ์งามยามดีของตัวเองในแต่ละวันได้ 

>> จับยาม รู้วันดี บอกเวลาเฮง
หลังจากพัฒนาศาสตร์การทำนายที่ผสมผสานศาสตร์จีนต่างๆ จนลงตัว สุทธิกาจ ก็ได้เริ่มพัฒนา แอปพลิเคชัน เพื่อง่ายต่อการที่ทุกคนสามารถดูดวงกับซินแสโดยไม่เสียเวลาต่อคิว และรับรองได้ว่ามีรายละเอียดการทำนายเกินร้อยละ 80 เมื่อเทียบกับการต่อคิวดูดวงกับซินแสตัวจริง

“เราใช้เวลาพัฒนาอยู่เกือบปีนับจากโครงร่างโครงแรก และเพื่อความง่ายต่อคนดู เราพัฒนาการใช้งานผ่านแอปพลิเคชันไลน์เพียงแค่แอดเฟรนด์ ลงทะเบียน ระบุวัน เดือน ปี เวลาเกิด ก็สามารถรู้ฤกษ์ยามของตัวเองตามหลักโหราศาสตร์จีน” สุทธิกาจ กล่าว 

สำหรับการใช้งาน ‘จับยาม’ นั้นไม่มีอะไรที่ยุ่งยาก เพียงแค่เข้าเว็บไซต์ www.jubyam.com หลังจากนั้นล็อกอินเข้าสู่ระบบผ่านแอปพลิเคชัน กรอกวัน เดือน ปี เวลาเกิด (ถ้ามี) เพียงเท่านี้ก็สามารถใช้งานแอปจับยามได้โดยไม่จำเป็นต้องติดตั้ง ซึ่งผู้ใช้สามารถรู้ ยามเกิด ธาตุประจำตัว เช่น เกิดเป็นคนธาตุทองหยาง เวลาวอก เดือนฉลู ปีระกา จากนั้นก็มีคำทำนายประจำวัน คำทำนายประจำสัปดาห์ เรื่องงาน ความรัก สุขภาพ และอื่นๆ สามารถเลือกเวลาดีและเวลาไม่ดีเฉพาะตัวเจ้าชะตาในแต่ละวัน และในแต่ละเดือนมีวันไหนบ้าง ที่เป็นวันเวลามงคลสำหรับเริ่มต้นทำสิ่งใหม่ๆ ทุกอย่างล้วนอยู่ในแอปฯ จับยามนี้ทั้งสิ้น

>> DNAid โครงสร้างดวงชะตาจากฟ้าดิน
จุดเด่นอย่างหนึ่งที่ทำให้แอปจับยามนั้นแตกต่างจากแอปฯ อื่นๆ คือ DNAid และคำทำนายของพระแม่ธรณี Master Earth oracle และ 12 วันเจ้าการ ซึ่งนำมาจากการรวมศาสตร์การทำนายของจีนมาไว้ในแอปพลิเคชันนี้ให้การทำนายดวงชะตาของทุกคนมีความแม่นยำและเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตไปในแต่ละปี

สุทธิกาจ อธิบายว่า DNAid แยกออกเป็น 2 ส่วนคือ DNA เป็นการรวมศาสตร์ที่เชื่อมโยงกับเบื้องบน ส่วน id คือตัวเลขหนึ่งที่บ่งชี้พื้นฐานของตัวเรา ว่ามีลักษณะเป็นอย่างไร เมื่อรวมเป็น DNAid จะเป็นการทำปฏิกิริยาระหว่างธาตุประจำตัวกับพลังงานธาตุประจำวัน ก็จะกลายเป็นเหตุการณ์เป็นคำทำนายในแต่ละวันที่แต่ละคนประสบพบเจอแตกต่างกันออกไป

อย่างดวงไทยจะมีแค่ 12 ราศี มีดาวย้าย มีดาวเจ้าเรือน แต่ DNAid จะสามารถจำแนกได้ถึง 60 แบบทำให้มีรายละเอียดปลีกย่อยในเรื่องต่างๆ ที่ลงลึกมากขึ้น หากจะเปรียบเทียบอย่างง่ายๆ ก็คือในแต่วันล้วนมีพลังงานหลักที่มาจากตัวแทนธาตุต่างๆ ตามแนวทางของจีนได้แก่ ธาตุไม้, ธาตุทอง, ธาตุดิน, ธาตุไฟ, ธาตุน้ำ สมมุติว่าวันนี้เป็นวันที่มีพลังงานของธาตุไม้ ปีนักษัตรนี้เป็นปีเถาะ ซึ่งเป็นธาตุไม้ เช่นกัน ไม้กับไม้ เจอกันจะกลายเป็นวันทำลายตามคำทำนาย 12 วันเจ้าการ หากเราเจอคำทำนายแบบนี้เราจะทำอย่างไร ก็เหมือนผมกำลังบอกว่าวันนี้ช่วงกลางวันคุณจะเจอฝนตกหนัก ถ้าผมบอกแบบนี้เราจะยังซักผ้าตากทิ้งไว้ที่ระเบียงบ้านอีกไหมก็คงไม่ แต่ละคนมีลักษณะที่แตกต่างกัน วันนี้ดีสำหรับเราแต่อาจไม่ดีสำหรับอีกคนก็ได้ เพราะ DNAid ของเราแตกต่างกัน รู้ฤกษ์ดีมีชัยไปกว่าครึ่ง

สุทธิกาจ อธิบายถึงความสำคัญของฤกษ์ยามตามศาสตร์การทำงานจีนอีกด้วยว่า ในลักษณะการทำนายของดวงจีนจะใช้พลังงานธาตุประจำวัน มารวมกับพลังงานธาตุของตัวเราและอื่นๆ ก็จะได้เป็นคำทำนายเฉพาะบุคคลที่แตกต่างกันออกไป ไม่ซ้ำกันในแต่ละวันเป็นคำทำนายที่ช่วยให้เราสามารถตัดสินใจสิ่งใดสิ่งหนึ่ง หากเรากำลังหาวันนัดติดต่อเซ็นสัญญาลูกค้า เราดูแล้ววันพรุ่งนี้ไม่ดีสำหรับดวงเรา เป็นวันถัดไปจะดีกว่าแบบนี้เราจะเลือกวันไหน แต่สิ่งที่ผมกำลังจะบอกอีกอย่างก็คือ ไม่ใช่ว่าเป็นวันไม่ดีแล้วเราจะเซ็นสัญญาไม่ได้ คุณอาจจะเจรจาเซ็นสำเร็จก็ได้ แต่ความราบรื่นจะต่างกัน ความเสี่ยงก็ต่างกัน และข้อดีอีกอย่างของแอปจับยามก็คือสามารถดูวันเวลาล่วงหน้าได้เป็นปีซึ่งจะช่วยทำให้เราวางแผนชีวิต และการตัดสินใจในเรื่องต่างๆ ได้ดีขึ้น

“เพราะช่วงเวลาที่สำคัญของชีวิต เราเลือกผิดไม่ได้ คนเรามีกิจกรรมและเรื่องที่ต้องตัดสินใจทุกวัน พลังงานประจำวันกับพลังงานของตัวเราส่งผลต่อชีวิตเรามากกว่าที่คิด ผมเชื่อว่าต้องมีสักวันหนึ่ง ที่คุณรู้สึกว่า ‘โอ้โห วันนี้มันวันซวยจริงๆ มีเรื่องทั้งวัน’ และก็คงมีบางวันที่คุณรู้สึกว่าทำอะไรก็สำเร็จไปซะทุกอย่าง สิ่งนั้นแหละ เรียกว่าผลของพลังงานประจำตัว และพลังงานประจำวัน ทุกกิจกรรมในชีวิต จะประสบความสำเร็จราบรื่นได้ เรื่องฤกษ์ยามมีผลมาก แม้เราจะไม่ได้สังเกตจริงจัง แต่มันมีเวลาที่เหมาะที่ควรอยู่ในทุกกิจกรรม” สุทธิกาจ กล่าวทิ้งท้าย

ฉะเชิงเทรา-ปตท.มอบเงินสนับสนุนโครงการซ่อมแซมบ้านผู้ยากไร้ เฉลิมพระเกียรติ อ.บางปะกง

เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน  2566 นายชาญยุทธ เสือจุ้ย ผู้อำนวยการโครงการระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติบนบก จากบางปะกงไปโรงไฟฟ้าพระนครใต้ นายอุทัย มหิทธิมหาวงษ์  ผู้จัดการมวลชนสัมพันธ์ คุณกฤษฏา วงค์คุรุเสถียร รองผู้จัดการ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่วิศกรรมและบริหารโครงการและทีมงานโครงการ

เข้าพบ  นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา นางปิติมา รักพานิชมณี นายกเหล่ากาชาดจังหวัดฉะเชิงเทรา พลังงานจังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อแจ้งแผนการดำเนินงานโครงการฯ ความก้าวหน้าการดำเนินงานที่ผ่านมา และคำสั่งคณะกรรมการกำกับฯ

พร้อมมอบเงินงบประมาณสนับสนุนซ่อมแซมบ้านผู้ยากไร้ (เฉลิมพระเกียรติ)  9 ตำบลที่อยู่ในพื้นที่อำเภอบางปะกง ที่มีโครงการระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติบนบกจากบางปะกงไปโรงไฟฟ้าพระนครใต้พาดผ่าน จำนวน 180,000 บาท ทั้งนี้ผู้บริหารและพนักงานโครงการระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติบางปะกง มีแผนจะเข้าร่วมกิจกรรมCSR จิตอาสาร่วมกับอำเภอบางปะกง เพื่อเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างประชาชนกับหน่วยงานราชการในพื้นที่ดำเนินงานโครงการของ บริษัท ปตท.จำกัด(มหาชน).

‘ชลน่าน’ เชื่อรัฐบาลข้ามขั้วไม่เกิด  ย้ำดัน ‘พิธา’ นั่งนายกฯ ปัดดีลลับ ‘ลุงป้อม’

เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 27 มิ.ย.66 ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทยให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมกรรมการบริหารพรรค และประชุม ส.ส.พรรคเพื่อไทยวันเดียวกันนี้ จะมีความชัดเจนถึงขั้นมีรายชื่อออกมาเลยหรือไม่ว่า

เรามีคณะเจรจาที่จะไปคุยกับพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ซึ่งจะหารือกันวันที่ 28 มิ.ย. วันนี้คงยังยกรายชื่ออะไรออกมาก่อนไม่ได้ ต้องรอให้คุยกับพรรคก้าวไกลก่อน ส่วนจะมีมติพรรคหรือไม่นั้น มติพรรคจะเป็นขั้นตอนสุดท้าย แต่เราทราบความต้องการของสมาชิกพรรคที่อยากให้พรรคเพื่อไทย ได้ตำแหน่งประธานสภา ซึ่งคณะเจรจาก็มีข้อเสนออีกมุมหนึ่ง จึงจะนำสองมุมมองนี้มาหารือร่วมกันก่อนไปคุยกับพรรคก้าวไกลว่าทั้งสองพรรคจะมีทางออกอย่างไร

เมื่อถามว่าหากคุยกับพรรคก้าวไกลแล้ว ก่อนโหวตเลือกประธานสภาฯ วันที่ 4 ก.ค. พรรคเพื่อไทยต้องมีการประชุมส.ส.กันอีกครั้งหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ทุกอย่างต้องจบก่อนวันที่ 4 ก.ค. มั่นใจจบได้ด้วยดี แต่ถ้ามีเหตุจำเป็นก็อาจมีการประชุม ส.ส.ก่อนวันที่ 4 ก.ค. และเชื่อวันลงมติเสียงพท.จะไม่แตก
เมื่อถามว่าหากมีการลงมติกันแล้วมั่นใจว่า ส.ส.พรรคเพื่อไทย.จะโหวตทิศทางเดียวกันใช่หรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ตอนนี้เรายังไม่ใช้ที่ประชุมเพื่อลงมติ เพราะการเจรจายังไม่สิ้นสุด หากเอามติพรรคไปเป็นข้อเจรจา การหารือจะลำบาก เราต้องไปฟังคู่เจรจาก่อนว่าจากมุมของพรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกลเห็นอย่างไร เราคุยกันแบบพรรคร่วมที่จะต้องจับมือร่วมกันไป เรารู้ว่าเราแยกกันไม่ได้ และเราเองก็ไม่มีทางที่จะแยกกันได้ด้วย ไม่ว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งโดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย ถูกมัดด้วยอาณัติของประชาชนเช่นนี้จึงแยกยาก ต้องจับมือร่วมกันไปเพื่อทำงานตามที่ประชาชนมุ่งหวัง คือรัฐบาลประชาธิปไตยของประชาชน 

เมื่อถามย้ำว่าไม่ว่าพรรคเพื่อไทย หรือพรรคก้าวไกลได้ตำแหน่งประธานสภาฯไป เสียง 8 พรรคร่วมจะไม่แตกใช่หรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า สิ่งสำคัญคือเราต้องจับมือกันไป ส่วนตำแหน่งประธานสภาฯ หรือคณะรัฐมนตรีเป็นเรื่องที่เราต้องคุยกันเพื่อจับมือกันไปอย่างมั่นคง เมื่อถามว่าการจัดตั้งรัฐบาลแบบข้ามขั้วจะไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอนใช่หรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ในมุมพท.มั่นใจไม่เกิดขึ้น เกิดขึ้นแต่ในมุมมองของสื่อ

เมื่อถามถึงความกังวลในการเสนอชื่อนายกฯ แข่งของฝ่ายรัฐบาลเดิมในวันโหวตเลือกนายกฯ เมื่อรวมกับเสียงของส.ว.จะได้รัฐบาลเสียงข้างน้อย นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ก็มีความเป็นไปได้เพราะเขามีสิทธิที่จะทำ หากเขาทำเช่นนั้นโอกาสได้นายกฯ สูงมาก เพราะเขามีเสียง 188 บวกกับ ส.ว.250 ก็เกิน 276 เสียง ก็ถือเป็นข้อกังวล แต่หากการโหวตครั้งแรกๆ เขาน่าจะมีความละอาย ไม่เกรงกลัวต่อบาปก็ได้ ดังนั้นเขาน่าจะละอายที่ไม่เสนอชื่อนายกฯ เสียงข้างน้อยมาแข่ง อย่างไรก็ตาม หากเกิดปรากฏการณ์ดังกล่าวขึ้นจริง เรามีหน้าที่รับมือไม่ให้สิ่งนั้นเกิดขึ้น

เมื่อถามว่า ส.ว.บางคนแสดงจุดยืนชัดเจนว่าไม่โหวตเลือกนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกฯพรรคก้าวไกลเป็นนายกฯ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า คนที่ตัดสินคำนั้นดีที่สุดคือประชาชน เพราะประชาชนมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนเรื่องนี้ เหตุผลที่เขาจะมีรัฐบาลเสียงข้างน้อย คือเขาเป็นนายกฯ เพื่อยุบสภาฯ และสกัดกั้นไม่ให้ฝ่ายประชาธิปไตยเป็นรัฐบาลเท่านั้น ต้องถามว่าประชาชนเอาหรือไม่ รับได้หรือไม่

เมื่อถามว่า 8 พรรคร่วมรัฐบาลจะประสานกับ ส.ว.ก่อนการโหวตเลือกนายกฯ หรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เป็นหน้าที่หลักโดยเฉพาะของพรรคก้าวไกลที่ต้องพูดคุย หาเสียงจาก ส.ว.และ ส.ส.จากพรรคอื่นที่ไม่ได้ประกาศเข้าร่วมรัฐบาล ให้ได้เสียง 376 เสียงเพื่อให้ตั้งรัฐบาลได้ แต่หากพรรคก้าวไกลตั้งรัฐบาลไม่ได้ก็ต้องมีคำตอบให้ประชาชนว่าเป็นเพราะอะไร เขาจะได้หาวิธีการและช่องทางในการตัดสินอนาคตของประเทศได้ว่าเขาจะทำอย่างไร แต่เชื่อว่าพรรคก้าวไกลจะมีแผนสำรองอยู่ตลอด เราเองในฐานะ 8 พรรคร่วมไม่สามารถพูดได้ว่าเรามีแผนสำรอง เรามีแบบแผนหลักคือจะทำอย่างให้พรรคก้าวไกลเป็นแกนหลักจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ และนายพิธาเป็นนายกฯ คนที่ 30 เท่านั้น

เมื่อถามว่าหากวันนั้นโหวตนายพิธาเป็นนายกฯ ไม่สำเร็จ 8 พรรคร่วมรัฐบาลจะทำอย่างไรต่อ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า“ไม่ใช่ว่าพรรคอันดับ 2 เดินอย่างไร แต่ต้องทั้ง 8 พรรคมาคุยกัน”
เมื่อถามว่าหากเป็นพรรคเพื่อไทย จะสามารถรวมเสียงได้ 376 เสียงหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า “ด้วยความเคารพ ผมพยายามที่จะไม่ตอบคำถามนี้ เพราะผมตอบไม่ได้จริงๆ หากตอบจะกลายเป็นเงื่อนไขที่เราพยายามแย่งจัดตั้งรัฐบาลซึ่งไม่ดี”

เมื่อถามถึงกระแสข่าว พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ เดินทางไปประเทศอังกฤษเพื่อดีลลับกับพรรคเพื่อไทย นพ.ชลน่าน กล่าวว่า “ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทยยืนยันว่าไม่มีดีลลับ เพราะถ้ามีเขาต้องมาแจ้งผม ซึ่งคนดีลกลับมาแล้ว และในนามหัวหน้าพรรคยืนยันไม่ได้รับการแจ้งเบาะแสเรื่องที่เป็นข่าว โดยสรุปคือเราไม่มีดีลลับ”

เมื่อถามต่อว่าเป็นการดิสเครดิตทำลายพรรคเพื่อไทยใช่หรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า แล้วแต่จะมอง เราชินชาแล้วแต่ก็คงไปห้ามไม่ให้มีข้อวิจารณ์ไม่ได้ แต่เรายืนยันว่าจะยึดในวิถีประชาธิปไตยและประชาชนเป็นหลัก


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top